Thursday, 15 May 2025
Region

พัทลุง - จยย.แหกโค้งลงคูร่องน้ำ เสียชีวิต ได้รับความเสียหายจากการชนท่อนไม้ขนาดเล็กที่ทอดเป็นสะพานข้ามร่องน้ำสายคลองชลประทาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.ประเสริฐ ด้วงเอียด ร้อยเวร สภ.เมืองพัทลุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง เข้าตรวจสอบบริเวณสายคลองชลประทานบ้านตำนาน - ท่าแค ในท้องที่หมู่ที่ 5 ตำบลท่าแค อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ที่เกิดเหตุพบศพ นายชนะพงษ์ ยงหนู อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74/4 หมู่ที่ 4 ตำบลท่าแค อำเมืองพัทลุง ซึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่ในร่องน้ำสายคลองชลประทาน ตรวจสอบสภาพศพมีข้อมือด้านขวาหักและบริเวณแขนด้านซ้ายบิดเบี้ยวมีแผลแตกบริเวณใต้คางประมาณ 4 ซม. ห่างกันเจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีโน่ สีน้ำเงิน-ขาว หมายเลขทะเบียน 1 กค 4461 พัทลุง เป็นของผู้เสียชีวิต อยู่ในสภาพด้านหน้าได้รับความเสียหายจากการชนท่อนไม้ขนาดเล็กที่ทอดเป็นสะพานข้ามร่องน้ำสายคลองชลประทาน 

 จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้น คาดว่าเกิดเหตุเมื่อตอน ตี1 ของเมื่อคืน มีชาวบ้านได้ยินเสียงสุนัขเห่าและก็เงียบหายไปแต่ไม่ได้ยินเสียงรถชน จนเมื่อช่วงเช้ามีชาวบ้านมาพบเห็นจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบ  และจากการสอบถามญาติ ทราบว่า นายชนะพงษ์ ฯ กลับจากทำธุระบ้านเพื่อน เมื่อขับมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นช่วงโค้ง มาด้วยความเร็วจึงทำให้แหกโค้งและร่างก็ไปกระแทกกับท่อนไม้ที่ทอดเป็นสะพานข้ามระหว่างคลองก่อนจะตกหล่นไปในคูน้ำไม่มีใครมาเห็นและเสียชีวิตในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำศพไปชันสูตรเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลพัทลุงเบื้องต้นญาติฯ ไม่ติดใจสาเหตุการณ์ตาย โดยได้นำศพไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป

แม่ฮ่องสอน - ชายแดนสงบต่อเนื่อง ชาวบ้านรอให้ทางการเปิดพื้นที่ จุดผ่อนปรนจะได้ทำมาค้าขายได้ หลังประสบความเดือดร้อนทั้งพิษโควิด-19 และภัยสงคราม ไม่สามารถค้าขายได้

ภายหลังจากที่สถานการณ์สู้รบริมฝั่งลำน้ำสาละวิน แนวโน้มดีขึ้น การสู้รบเริ่มสงบ ทั้งด้านฝั่งตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ  ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย  และ ฝั่งตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน และฝ่ายความมั่นคงได้ประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยยอมให้ชาวบ้านแม่สามแลบและบ้านท่าตาฝั่งกลับเข้าพักอาศัยบ้านตามเดิม  หลังจากย้ายไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยตั้งแต่เกิดความไม่สงบ วันที่ 27 เมษายน  ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงที่อพยพมาจากฝั่งประเทศเมียนมา 2,318 คน ยังกระจายอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 4 จุด คือ บริเวณห้วยอีนวล  320 คน บริเวณห้วยโกเฮ 72 คน บริเวณหอยอูมปะ 1,767 คน บริเวณ 159 คน  ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง  

ขณะที่ราษฏรบ้านแม่สามแลบ ที่เดินทางกลับไปอยู่บ้านเรือน ร้านค้าริมน้ำ ได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ร้านค้าบางร้านเริ่มเปิดขายแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายร้านที่ยังรอดูท่าที เนื่องจากคนน้อย ประกอบกับ ทางเจ้าหน้าที่ยังปิดพื้นที่บ้านแม่สามแลบ ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าเนื่องจากป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  อย่างไรก็ตามชาวบ้านแม่สามแลบอยากให้ทางหน่วยงานพิจารณาเรื่องการเปิดพื้นที่ และ การเปิดจุดผ่อนปรนการค้า เพื่อที่จะได้มีรายได้ มีงานมีอาชีพ ร้านค้าจะได้เปิดขายได้ เพราะที่ผ่านมา จุดผ่อนปรนได้ปิดมาเป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้ราษฏรที่มีอาชีพรับจ้างบริเวณท่าเรือตกงานไม่มีงานทำมานานนับปี นอกจากปัญหาการแพร่ระบาดโรคคิด19 แล้ว ยังมาประสบปัญหาเรื่องการสู้รบของประเทศเพื่อนบ้านอีกที่ผ่านมา ทำให้ราษฏรแม่สามแลบไม่เป็นอันทำมาหากิน ต้องระวังทั้งโรคต้องระวังทั้งสงคราม หากทางฝ่ายความมั่นคงได้พิจารณาเรื่องความปลอดภัยแล้ว อยากเร่งพิจารณาเรื่องการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าด้วย

ขณะที่ทางฝ่ายความมั่นคงยังคงปิดพื้นที่บ้านแม่สามแลบไม่ให้บุคคลภายนอกเข้า เนื่องจากเกรงปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร  

เชียงราย - ทหารกองกำลังผาเมืองลาดตระเวณชายแดน พบถุงใส่ยาบ้า 7 พันเม็ด ซุกอยู่ในพงหญ้า

เวลา 10.30 น.วันที่ 5 พ.ค.6 ทหารจากกองร้อยทหารม้าที่ 4 บก.ควบคุมที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ภายใต้การอำนวยการของ พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผู้บังคับกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง นำโดย ร.ท.อลงกร ปั๋นหน่อ ผบ.ร้อย ม.4 ฉก.ม.3 ได้จัดกำลังพลจำนวน 5 นาย ลาดตระเวณในพื้นที่รับผิดชอบ ที่บ้านปางห้า ต.เกาะช้าง จ.เชียงราย 

โดยได้ทำการลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบ ท่าข้ามหลงยาโบ บ้านปางห้า หมู่ที่ 1 ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตรวจพบถุงต้องสงสัยซุกซ่อนอยูในพงหญ้า จึงทำการตรวจสอบภายในถุงดังกล่าว พบว่าภายในมียาบ้าบรรจุอยู่ เมื่อนำออกมานับพบว่ามีประมาณ  7,000 เม็ด  จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดและนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เกาะช้างเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์

สุราษฎร์ธานี – ชาวประมงพื้นบ้านนับพันคน ออกเก็บลูกหอยแครง ในอ่าวบ้านดอนคึกคัก

ขณะที่ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี หวั่นเป็นแหล่งแพร่ระบาดโควิด-19 เตือนให้สวมใส่หน้ากากอนามัยขณะอยู่บนเรือ

วันนี้(5 พ.ค.64)  นาวาเอก วศากร  สุนทรนันท์  รองผู้อำนวยการ ศรชล.จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยนายศุภพงษ์  เชาวน์แล่น  ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี  ผู้แทนประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานี และสื่อมวลชน ลงพื้นที่บริเวณอ่าวบ้านดอน  เขตท้องที่อำเภอท่าฉาง  จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยและสังเกตการณ์การเก็บลูกหอยแครงในพื้นที่สาธารณะอ่าวบ้านดอนเพื่อนำไปขาย โดยวันนี้พบเรือประมงพื้นบ้านจำนวนหลายร้อยลำ  กลุ่มชาวประมงชายหญิงนับพันคน  กำลังดำน้ำเก็บลูกหอยแครงด้วยวิธีธรรมชาติของชาวประมงพื้นบ้าน โดยไม่พบมีการใช้เครื่องมือทำการประมงที่ผิดกฎหมาย  เบื้องต้นได้ตักเตือนและขอความร่วมมือคนบนเรือไม่ให้มีจำนวนแออัดจนเกินไป  และขอให้สวมใส่หน้ากากอนามัยขณะอยู่บนเรือ  เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ด้าน นายวิชวุทย์  จินโต  ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้รับรายงานว่ามีกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านนับพันคน  ทั้งจากพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและต่างถิ่น  ใช้เรือประมง เรือหางยาว ประมาณ 500 ลำ ออกจับลูกหอยแครงบริเวณอ่าวบ้านดอน ในท้องที่ อ.ท่าฉาง  ซึ่งมีการรวมกลุ่มจำนวนมาก และหลายรายไม่สวมหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อการระบาดของโควิด-19 กลุ่มใหญ่ หากมีการติดเชื้อเกิดขึ้น จะนำไปสู่หมู่บ้านและครอบครัว ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างได้  เห็นควรให้มีการควบคุมจำนวนคนในเรือแต่ละลำไม่ให้แออัด และขณะอยู่บนเรือทุกคนต้องสวมหน้าอนามัย หรือหน้ากากผ้า สอดคล้องกับคำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้ผู้ที่ออกจากบ้านต้องสวมหน้ากาก 100 เปอร์เซ็นต์ก่อนนี้แล้ว 

นอกจากนี้จะให้มีการตรวจสอบว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้เดินทางมาจากพื้นที่สีแดงหรือพื้นที่ควบคุมสูงสุดหรือไม่  และได้แจ้งการเข้าพื้นที่ต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคตามประกาศจังหวัดสุราษฎร์ธานีหรือไม่


ภาพ/ข่าว  สรเดช ส้มเกลี้ยง

ตราด - ศรชล.ภาค 1/ทรภ.1 เร่งค้นหาลูกเรือพลัดตกทะเล ล่าสุดพบเป็นศพในทะเล ช่วยเหลือนำเข้าฝั่ง

จากกรณี น.อ.นฤพนธ์ วิไลธัญญา รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) จังหวัดตราด และศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือ (ศคท.) จว.ตราด ได้รับแจ้งจาก ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกเรือคลองใหญ่ (ศจร.คลองใหญ่) ว่าเมื่อเวลา 04.50 น.วันที่ 3 พ.ค.64 ขณะเรือประมง ส.เทพอุดมพร 2 ขนาด 53 ตันกรอส เรืออวนล้อมจับ มีลูกเรือพลัดตกทะเลระหว่างทำการประมง ระยะ 3.9 ไมล์ จากปลายแหลมเทียน เกาะกูด จ.ตราด ทราบชื่อ นายสุรเชษฐ์ มังกร อายุ 49 ปี สัญชาติไทย ขณะเรือปล่อยอวนทำประมง นายสุรเชษฐ์ ได้เกิดอาการชักและพลัดตกทะเล  โดยพล.ร.ท.โกวิท อินทร์พรหม ผบ.ทรภ.1/ผอ.ศรชล.ภาค 1 หลังรับแจ้งได้สั่งการและประสานหน่วยเกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้แก่ ศรชล.จว.ตราด หมวดเรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ 1 (มชด./1) หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด (นปก.) สภ.เกาะกูด และมูลนิธิสว่างบุญช่วยเหลือ สาขาเกาะกูด ให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ล่าสุดเมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 5 พ.ค.64 ได้รับแจ้งจาก นายรังสรรค์ สง่างาม เจ้าของเรือประมง ส.เทพอุดมพร 2 ว่าได้พบร่างลูกเรือประมงเสียชีวิตคาดว่าเป็น นายสุรเชษฐ์ มังกร ลูกเรือที่พลัดตกน้ำตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.64 ที่ผ่านมา

พล.ร.ท.โกวิท  อินทร์พรหม ผบ.ทรภ.1/ผอ.ศรชล.ภาค 1 ได้สั่งการให้ มชด. จัดเรือ ต.271 ให้การช่วยเหลือ โดยเรือ ต.271 ออกเรือจากท่าเทียบเรือเอนกประสงค์คลองใหญ่ เพื่อปฏิบัติงานร่วมกับ จนท.ของสมาคมสว่างบุญช่วยเหลือธรรมสถานตราด เขต 2 อำเภอคลองใหญ่ จว.ตราด ในการนำร่างลูกเรือประมงกลับเข้าฝั่ง โดยให้เรือ ต.271 เป็นเรืออำนวยการ และใช้เรือเร็วของสมาคมสว่างบุญช่วยเหลือฯ ในการเก็บและลำเลียงร่างลูกเรือเสียชีวิต เนื่องจากสามารถปฏิบัติงานได้คล่องตัวกว่า

โดยเรือเร็วของสมาคมสว่างบุญช่วยเหลือฯ เข้าเทียบท่าเรือชลาลัย อ.คลองใหญ่ จว.ตราด และนำส่งรพ.คลองใหญ่ ดำเนินการชันสูตร พร้อมได้สั่งการให้ ศรชล.จว.ตราด และ ศคท.จว.ตราด ประสานและอำนวยการให้ จนท.สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และ จนท.จัดหางาน ประจำ ศจร.คลองใหญ่ ดำเนินการติดตามการช่วยเหลือจากภาครัฐ และจากเจ้าของเรือต่อไป


ภาพ/ข่าว ศรชล.ภาค 1 / ทรภ.1

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

กาฬสินธุ์ – สอบสวนแพอาหาร หลังไฟช็อตหนุ่มสวยไอดอลดับ ขณะไปเที่ยวแพอาหารบริเวณสะพานเทพสุดา

นายอำเภอสหัสขันธ์ พร้อมด้วยผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ตรวจสอบแพวรรณา บริเวณสะพานเทพสุดา เขื่อนลำปาว อ.สหัสขันธ์ จุดเกิดเหตุนายสุทธิชัย ศรีอ่อน หรือน้องทีม อายุ 27 ปี หนุ่มสวยไอดอลนักเดินสายประกวดสาวประเภทสอง ที่เสียชีวิต ระบุอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานสาเหตุการเสียชีวิต

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กกลุ่มเพื่อนของนายสุทธิชัย ศรีอ่อน หรือน้องทีม อายุ 27 ปี ชาวบ้านนิคมพัฒนา ต.เกาะแก้ว อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด หนุ่มสวยไอดอลนักเดินสายประกวดสาวประเภทสอง ที่เสียชีวิตจากการถูกไฟช็อตขณะไปเที่ยวแพอาหารบริเวณสะพานเทพสุดา เขื่อนลำปาว อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้โพสต์ภาพและข้อความไว้อาลัย พร้อมข้อความในลักษณะขอความเป็นธรรม ระบุว่า “เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับเพื่อนผมด้วยครับทางแพสถานที่เกิดเหตุยังไม่ออกมาแสดงการรับผิดชอบแต่อย่างใด” ซึ่งหลังจากมีการโพสต์ภาพและข้อความออกไปในการแชร์และแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนของน้องทีม

 ล่าสุดนายตระกูล หนูนิล นายอำเภอสหัสขันธ์ พ.ต.อ.วิชัย ทองคำ ผกก.สภ.สหัสขันธ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณแพอาหารแหล่งท่องเที่ยวอยู่ใกล้กับสะพานเทพสุดาข้ามเขื่อนลำปาว อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย พบว่าแพอาหารส่วนใหญ่ปิดให้บริการ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่วนแพวรรณา ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุนั้นได้ปิดบริการเช่นกัน

นายตระกูล หนูนิล นายอำเภอสหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า อ.สหัสขันธ์มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง  โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ บริเวณสะพานเทพสุดา เขื่อนลำปาว จึงมีผู้ประกอบการขออนุญาต เปิดสถานบริการด้านการท่องเที่ยว และร้านอาหารริมเขื่อนลำปาว ทั้งนี้ ทางอำเภอเข้าจะดูแลด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว รวมทั้งมาตรฐานของแพหรือผู้ประกอบการ ที่จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยว และมีอุปกรณ์คือเสื้อชูชีพให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งแพที่ให้บริการจะมี 2 ลักษณะ คือแพที่เทียบท่าจะเป็นแพที่ให้บริการเกี่ยวกับอาหาร ซึ่งจอดอยู่กับที่ อยู่ในการดูแลของชลประทาน ขณะที่แพที่มีเรือยนต์ลาก เพื่อนำนักท่องเที่ยวล่องไปในน่านน้ำกลางเขื่อนลำปาว จะสามารถเคลื่อนออกไปนอกฝั่งได้ อยู่ในการดูแลของกรมเจ้าท่า

 นายตระกูล กล่าวอีกว่า สำหรับแพวรรณาซึ่งเป็นที่เกิดเหตุนายสุทธิชัย ศรีอ่อน หรือน้องทีม อายุ 27 ปี หนุ่มสวยไอดอลนักเดินสายประกวดสาวประเภทสอง ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตในเวลาต่อมานั้น ก่อนหน้านี้ทางอำเภอได้ประกาศให้หยุดกิจการชั่วคราว เฉพาะแพลากเพื่อให้มีการปรับปรุงมาตรฐานการบริการเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยได้จอดเทียบท่าอยู่กับแพที่ให้บริการอาหารกับนักท่องเที่ยว ส่วนแพที่เกิดเหตุนั้นเป็นแพจอดกับที่ ซึ่งสาเหตุการบาดเจ็บและเสียชีวิตของนายสุทธิชัย ที่มีผู้ระบุว่าไฟช็อตหรือเกิดจากอุบัติเหตุหรือไม่อย่างไรนั้น เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และฝ่ายปกครอง ได้ร่วมกันตรวจสอบ และกำลังอยู่ในระหว่างรวบรวมพยามหลักฐานก่อนว่าเป็นการเกิดจากอุบัติเหตุหรือเกิดจากความประมาท

ด้าน พ.ต.อ.วิชัย ทองคำ ผก.สภ.สหัสขันธ์กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกไฟฟ้าช๊อตได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในแพอาหารท่องเที่ยวใกล้กับสะพานเทพสุดาข้ามเขื่อนลำปาว อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์  จึงออกตรวจสอบพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยและทีมกู้ชีพโรงพยาบาลสหัสขันธ์

โดยที่เกิดเหตุนั้น พบผู้ได้รับบาดเจ็บหมดสติอยู่บนแพอาหารวรรณา เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันปฐมพยาบาลตามขั้นตอนการช่วยเหลือคนถูกไฟฟ้าช๊อต พร้อมกับช่วยกันปั้มหัวใจ และนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่านายสุทธิชัย ผู้เสียชีวิต พร้อมเพื่อนๆมาเที่ยวและรับประทานอาหารที่แพดังกล่าว โดยช่วงเกิดเหตุขณะกำลังรออาหาร ผู้เสียชีวิตกำลังจะกระโดดลงไปเล่นน้ำ แต่มือไปจับราวเหล็กบนแพ ซึ่งมีสายไฟวางพาดเป็นแนวยาว และอาจจะเกิดไฟรั่วและช๊อต ซึ่งเพื่อนๆพากันช่วยออกมาได้ และเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ แต่ก็มาเสียชีวิตดังกล่าว

 สำหรับในเรื่องของคดีหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สหัสขันธ์ ได้ส่งศพไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต ก่อนจะมอบศพให้ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนา ที่บ้านนิคมพัฒนา ต.เกาะแก้ว อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และทราบว่ามีพิธีฌาปนกิจวันนี้แล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบปากคำพยานแวดล้อมที่เห็นเหตุการณ์เบื้องต้นไปแล้ว 3 ปาก ส่วนผู้เกี่ยวข้องรายอื่น รวมถึงเจ้าของแพพนักงานสอบสวนจะเร่งเรียกมาสอบปากคำให้ครบ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อหากับใคร เนื่องจากยังรอผลการชันสูตรจากแพทย์ก่อนว่าจากสาเหตุใด


ภาพ/ข่าว ณัฐพงษ์ ประชากูล  

ชลบุรี - สุดระทึก ขี่รถจยย. ไฟเผาวอดทั้งคันคาดสายน้ำมันรั่วและเครื่องร้อน

เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 5 พ.ค.64 ภาพจากโทรศัพท์มือถือที่ชาวบ้านได้ถ่ายไว้ขณะเกิดเหตุไฟไหม้รถ จยย.ยามาฮ่า ฟีโน่ ไม่ทราบสี ทะเบียน กนก 619 ตราด มีชาวบ้านนำเครื่องดับเพลิงมาฉีด แต่ก็ยังไม่ดับ ต้องนำรถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองอ่างศิลา 1 คัน ฉีดน้ำประมาณ 10 นาที ไฟจึงดับแต่รถ จยย.วอดทั้งคัน

สอบถามคนขี่รถ จยย.เป็นชายหนุ่มไม่ยอมบอกชื่อ และไม่ให้ข้อมูลใด ๆ ทั้งสิ้น ทราบเพียงว่ายืมรถเพื่อนมาซื้อของที่ตลาดและก่อนกลับบ้านไฟได้ไหม้วอดทั้งคัน 

สอบถาม นายชำนาญ สระใส อายุ 43 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์เผยว่า เห็นชายหนุ่มขี่รถ จยย.มาแล้วเกิดไฟลุกท่วมคนขี่รถ จยย.กระโดดออกมาทัน เบื้องต้นคาดว่าสายน้ำมันรั่วและน้ำมันเบนซินกระเด็นไปโดนเครื่องที่ขี่มาร้อน ทำให้เกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว แต่ยังโชคดีที่ไม่เป็นอันตรายใด ๆ ในครั้งนี้


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

ชลบุรี - อันตราย โพสต์เตือนสุนัขพิทบูล เดินเพ่นพ่านบนถนนหาดบางแสน โดนกัดอาจถึงตายได้

เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 5 พ.ค.64 ผู้ใช้นามว่า “ณรงค์ชัย ( ตุ้ย ) คุณปลื้ม” นายกเทศบาลเมืองแสนสุข ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี มีข้อความว่า “เนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนว่าพบ สุนัข คาดว่าจะเป็นสายพันธุ์ พิทบูลเทอเรียร์ ครับที่เจ้าของปล่อยให้เดินบนที่ทางสาธารณสณะ ทำให้ประชาชน เกิดความหวาดระแวง และ อาจเกิดอันตรายต่อประชาชนที่อยู่ในบริเวณนั้นครับ โดยเฉพาะเด็ก และผู้สูงอายุ เนื่องจากเราไม่ทราบว่าสุนัขจะมีพฤติกรรมดุร้ายหรือไม่ แต่ตามเทศบัญญัติ ระบุไว้ไม่ให้ปล่อยสัตว์ที่มีเจ้าของโดยไม่มีการควบคุมดูแลครับ รบกวนขอความร่วมมือด้วยครับ กรุณาใส่สายจูงสุนัขทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยต่อสุนัขเองและ ประชาชน และหากสุนัขขับถ่ายกรุณาช่วยเก็บของเสียของสุนัขด้วยครับ เพื่อความสะอาด” แล้วมีภาพสุนัขพันธุ์พิทบลูตัวใหญ่ 2 ตัว เดินอยู่กลางถนนริมหาดบางแสน ท่าทางน่ากลัวจะเป็นอันตรายกับนักท่องเที่ยว และคนในพื้นที่

ผู้สื่อข่าว ได้ลงพื้นที่สำรวจดูบริเวณที่มีภาพลง แต่ไม่เจอสุนัขพันธุ์พิทบูลทั้ง 2 ตัว เจอแต่สุนัขไทยท่าทางไม่ดุ นอนเป็นเจ้าของพื้นที่อยู่ โดยวันนี้มีนักท่องเที่ยวบางตาเพราะเพิ่งเลยวันหยุดต่อเนื่อง

สอบถามนายสิทธิศักดิ์ พรหมประเสริญ อายุ 35 ปี เจ้าของร้านอาหารริมหาดบางแสนเผยว่า สุนัขนั้นเจ้าของควรดูแลสอดส่องให้ดี เพราะตรงนี้มันเป็นที่สาธารณะ นักท่องเที่ยวมาเยอะ และส่วนมากนักท่องเที่ยวจะมีเด็กมาด้วย มันอันตราย ฝากบอกไม่ว่าใครก็แล้วแต่ที่มีสุนัขมาหรือเจ้าของสัตว์เลี้ยงมาควรมีสายลากจูง และต้องคอยดูแลอย่าให้คลาดสายตา คนพื้นที่เป็นชาวบ้านแถวนี้บางคนมาเดินขายของหมาจะกัดได้ เพราะหมาพวกนี้ถ้ามันไม่คุ้นหน้ามันกัดอยู่แล้ว ที่เคยดูข่าวมานะ ก็กังวลใจเพราะอยู่ใกล้ร้านเรา ตัวมันใหญ่มากหากโดนกัดอาจถึงตายได้   


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

ตราด – พายุฝนตกถล่มกลางดึก พัดไม้ล้มทับบ้าน ขวางถนนหลายจุดทั่วเมืองตราด

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. สมาคมสว่างบุญช่วยเหลือธรรมสถานตราด ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือ เหตุพายุฝนตกหนัก และมีต้นไม้ล้มขวางถนน กีดขวางกการจราจรหลายจุดในเขตอำเภอเมืองตราด อำเภอบ่อไร่ และอำเอแหลมงอบ หลังรับแจ้งจึงแจ้งอาสาสมัครกู้ภัยนำกำลังรุดไปให้ความช่วยเหลือ จุดแรกที่ถนนสาย 3 ตราด –กรุงเทพ หลักกม.ที่ 5-6 ขาออกจากตัวเมืองตราด พบต้นกระถินเทพา ถูกพายุดพัดโค่นล้มขวางถนน จึงช่วยกันตัดและรื้อออกจากผิวจราจร จุดที่ 2 ที่บ้านโป่งต.วังตะเคียน อ.เขาสมิง  ต้นไม้ล้มขวางถนนเช่นกัน จุดที่ 3 ที่ถนนสายตราด-แหลมศอก ต.หนองคันทรงอ.เมือง จ.ตราด โดยสมาคมตราดพุทธสงเคราะห์ ช่วยตัดต้นไม้รื้อออกจากผิวจราจร ขณะที่ถนนสายตราด-แหลมงอบ พายุพัดกิ่งไม้หักขวางถนนเป็นระยะ ๆ ตลอดเส้นทาง แต่ไม่มีไม้ล้ม

ส่วนที่บ้านธรรมชาติล่าง ต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ ต้นมะม่วงขนาดใหญ่ถูกพายุดพัดหักกลางต้น ต้นมะม่วงโค่นล้มลงมาทับหลังคาบ้านเลขที่ 63 ม.6 ต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ ของนางรุ่งอรุณ หอยสังข์ ได้รับความเสียหาย หลังคาพังไปทั้งแถบ และทับรถยนต์กระบะได้รับความเสียหายไปด้วย ขณะเดียวกันต้นไม้ยังล้มทับสายไฟฟ้าขาด ทำให้เกิดเหตุไฟฟ้าดับไปทั้งหมู่บ้านอาสาสมัครกู้ภัยจึงช่วยกันตัดรื้อต้นไม้ กิ่งไม้ออกจากบ้านของนางรุ่งอรุณ โดยใช้เวลาในการรื้อนานเกือบ 1 ชม.

นางรุ่งอรุณ เจ้าของบ้านเล่าให้ฟังว่า ก่อเกิดเหตุกำลังนอนหลับอยู่ในบ้าน เกิดเหตุฝนตกหนัก พายุพัดรุนแรง และเกิดเหตุต้นมะม่วงข้างบ้านถูกพายุพัดโค่นล้มทับบ้านเสียงดังสนั่น ออกมาดูพบต้นมะม่วงหักล้มทับบ้านดังกล่าว จึงรีบโทรศัพท์แจ้งกู้ภัยให้มาช่วยดังกล่าว ส่วนความเสียหายทั้งบานทั้งรถถยนต์น่าจะเป็นเงินหลายหมื่นบาท โดยจะแจ้งทางราชการให้มาตรวจสอบให้ความช่วยเหลือในช่วงเช้าต่อไป


ภาพ/ข่าว  ณัฐวุฒิ สวัสดิ์วารี 

ตาก – ฝ่ายปกครองแม่สอด ผู้ใหญ่หมี พร้อม อส.ลงพื้นที่ตรวจป่าขุนห้วยแม่สอด พบการบุกรุกตัดไม้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ

นายธวัชชัย. อ่อนสาร ปลัดป้องกันอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พร้อมด้วยนายปรีชา สอนแวว "ผู้ใหญ่หมี ลีลาวดี "ผู้ใหญ่บ้านหนองบัว หมู่ 7  ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก =นายสุวรรณ  กรณ์สน ผู้ใหญ่บ้านห้วยหินฝน หมู่ 6 ต.แม่ปะ ,อาสาสมัครรักษาดินแดน(อส)กองร้อย 3 แม่สอด ,สารวัตรกำนัน แพทย์ประจำตำบล ,ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ) ฝ่ายปกครอง ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบภายหลังทราบว่ามีการบุกรุกตัดไม้ ทำลายป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติ  ที่ป่าขุนห้วยแม่สอด,เขตติดต่อบ้านหนองบัว และบ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก จากการตรวจสอบพบมีต้นไม้ถูกลักลอบตัด จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและติดตามหาบุคคลที่กระทำผิดต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top