Tuesday, 8 July 2025
Region

สุโขทัย - น่าชื่นชมเด็กชายอายุ 11 ปี วาดภาพบนถุงผ้าขายหารายได้ช่วงปิดเทอม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีเด็กชายอายุ 11 ปี ใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมให้เป็นประโยชน์ ใช้ปากกาเขียนผ้าวาดรูปการ์ตูนลงบนกระเป๋าผ้าดิบ ลงขายบนอินเตอร์เน็ต สร้างรายได้ช่วยเหลือครอบครัวในช่วงปิดเทอม จึงเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 140/2 ม.3 ต.เมืองเก่า อ.เมืองสุโขทัย ได้พบ ด.ช.วัณณุวรรน์ (น้องเนส) เชื้อบัว อายุ 11 ปี เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนอนุบาลสุโขทัย กำลังวาดรูปลงบนกระเป๋าผ้าดิบด้วยความตั้งใจ

ด.ช.วัณณุวรรน์ (น้องเนส) กล่าวว่าช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมอยากมีรายได้พิเศษเพื่อจะแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ซึ่งตนเองมีความสามรถวาดรูปจึงได้ลองลงมือวาดรูปบนกระเป๋าผ้าโดยเริ่มจากการใช้ดินสอวาดเป็นแบบก่อนแล้วค่อยนำปากกาเขียนผ้าลงลายอีกครั้งหนึ่งเพื่อความคมชัดสวยงาม โดยลวดลายต่างๆนั้นส่วนใหญ่จะเป็นลายที่ลูกค้าสั่งมาและคิดค้นเขียนเอง แต่ละชิ้นนั้นจะใช้เวลาวาดประมาณชิ้นละ 30 นาที ทั้งนี้ตนมีความภาคภูมิใจที่สามารถหาเงินได้ด้วยตนเอง และยังสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวได้ด้วย

นางสุวิมล ยิ้มพิน อายุ 35 ปี แม่ของ ด.ช.วัณณุวรรน์ (น้องเนส) กล่าวว่า น้องเนสเป็นเด็กที่ชอบวาดรูป เห็นผลงานแล้วน่าจะนำมาจำหน่ายได้ จึงได้ซื้อกระเป๋าผ้าดิบมาให้ลองเขียนดู แล้วจึงลองขายกับคนใกล้ตัวในราคาชิ้น 99 บาท พอขายครั้งแรกได้เงินมาน้องก็รู้สึกดีใจ จึงได้ลงทุนซื้อกระเป๋าผ้าและเริ่มเขียนลายแบบต่างๆ ลงขายบนเฟสบุ๊คเพจงานฝีมือต่างๆ และมีลูกค้าสนใจจำนวนมาก สำหรับลูกค้าก็จะเป็นบุคคลทั่วไป และบุคคลที่ต้องการช่วยเด็กที่มีความตั้งใจที่จะใช้เวลาว่างเป็นประโยชน์ สำหรับใครที่สนใจอยากจะอุดหนุนสินค้ากระเป๋าผ้าน้องเนส ติดต่อได้ที่ เบอร์โทร 0877075960


ภาพ/ข่าว  พงศ์เทพ สาคร สุโขทัย

ศรีสะเกษ - ชาวสวนทุเรียนภูเขาไฟเศร้า พายุฤดูร้อนถล่มสวนทุเรียน ลูกทุเรียนใกล้สุกหล่นจากต้นจำนวนมาก

เมื่อเวลา 15:00 น. วันที่ 6 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สวนตาบุญทันยายกล่อง บ้านซำตารมย์ ต.ตระกาจ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นางสาวสายชล เครือแก้ว กำนันตำบลตระกาจ ได้ออกสำรวจความเสียหายสวนทุเรียนภูเขาไฟที่ได้รับผลกระทบจากการเกิดลมพายุพัดโหมกระหน่ำในเขต ต.ตระกาจ

เมื่อช่วงใกล้ค่ำของวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมาซึ่งจากการสำรวจพบว่าเกษตรกรชาวสวนทุเรียนภูเขาไฟกำลังช่วยกันเดินเก็บลูกทุเรียนภูเขาไฟที่หล่นลงมากองอยู่กับพื้นและเก็บรวบรวมนำเอาไปกองรวมกันไว้จำนวนมาก ซึ่งทุเรียนเหล่านี้จะสุกภายในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้และพร้อมที่จะนำออกสู่ท้องตลาด เพื่อจำหน่ายให้กับผู้บริโภคที่ชื่นชอบทุเรียนภูเขาไฟโดยเกษตรกรต่างมีใบหน้าที่เศร้าหมองเนื่องจากว่าในปีนี้ปลูกทุเรียนโดนลมพายุพัดต้นทุเรียนรุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมาทำให้ลูกทุเรียนร่วงหล่นเป็นจำนวนมาก ซึ่งลูกทุเรียนภูเขาไฟที่เก็บมากองรวมกันไว้ได้มีการแบ่งปันไปให้ประชาชนทั่วไปในเขต อ.กันทรลักษ์ได้มารับเอาไป  

ทั้งนี้เพื่อจะได้นำเอาไปประกอบอาหารจำพวกของหวานและขนมหวานทอดกรอบต่าง ๆ เป็นการแบ่งปันความสุขให้กับประชาชนทั่วไปในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แม้ว่าเกษตรกรจะมีความเสียดายมากที่ผลผลิตทุเรียนภูเขาไฟต้องร่วงหล่นจำนวนมากแต่หากเก็บเอาไว้ก็คงจะไม่สามารถที่จะนำเอาไปใช้ประโยชน์ได้หมดจึงต้องแจกจ่ายให้กับคนทั่วไป

นางกล่อง จันทรักษ์ อายุ 65 ปี กล่าวว่า ตนปลูกทุเรียนภูเขาไฟจำนวน 200 ต้นในเนื้อที่ 9 ไร่ คาดว่าจะได้ผลผลิตและรายได้จากการจำหน่ายทุเรียนภูเขาไฟประมาณ 4 ล้านบาท แต่ว่าปีนี้ไม่คิดว่าจะโดนภัยธรรมชาติทำให้ลูกทุเรียนภูเขาไฟหล่นลงมากองกับพื้นจำนวนมากร่วม 200 ลูก ทำให้ตนเสียใจมากเพราะคิดว่าปีนี้หลังจากขายทุเรียนภูเขาไฟแล้วจะมีเงินนำเอาไปใช้หนี้สินจำพวกค่าปุ๋ย และค่าใช้จ่ายต่างๆในการปลูกทุเรียนภูเขาไฟซึ่งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนำ โดยกำนันตำบลตระกาจ ได้มาสำรวจความเสียหายแล้วก็หวังว่าทางราชการจะให้ความช่วยเหลือเพื่อที่ตนจะได้มีกำลังใจในการทำสวนทุเรียนภูเขาไฟต่อไป


ข่าว/ภาพ  บุญทัน ธุศรีวรรณ  

ภูเก็ต - ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของของชาติทางทะเล ภาค 3 ช่วยเหลือลูกเรือประมง มีอาการแน่นหน้าอก ห่างเกาะแก้ว จังหวัดภูเก็ต 6 ไมล์ทะเล

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของของชาติทางทะเล ภาค 3 ได้รับรายงานจากศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดภูเก็ตว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าของแพปลาแสงอรุณ มีลูกเรือประมง เพชรบุรินทร์ 8 ชื่อ นายธวัช ทรายทอง มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เรืออยู่บริเวณ แลต 7 องศา 40 ลิบดา ลอง 98 องศา 05 ลิบดา มีไต๋เรือนามชื่อ ฟ้า จากการประสานเพิ่มเติมทราบว่า เรือเป็นเรือปั่นไฟขนาดไม่ถึง 30 ตันกรอส คนประจำเรือจำนวน 2 คน ไม่มีระบบ AIS และ VMS ไม่มีการแจ้งเข้าออก จากศูนย์ PIPO ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ออกเดินทางจากแพ วอวงพันธ์ อ.กันตัง จังหวัดตรัง ขณะนี้เรืออยู่ห่างจากเกาะแก้ว จังหวัดภูเก็ต ประมาณ 6 ไมล์  

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของของชาติทางทะเล ภาค 3 จึงได้ทำการพล๊อตตำบลที่เรือ พร้อมประสาน หมวดเรือเฉพาะกิจ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของของชาติทางทะเล ภาค 3 สั่งการให้ เรือ ต.233 เจ้าหน้าที่พยาบาลของ ร.ล.แหลมสิงห์ และ นรภ.ทร.เกาะภูเก็ต พร้อมอุปกรณ์ ปฐมพยาบาล ถังออกซิเจน ออกเรือไปทำการช่วยเหลือ พร้อมประสานศูนย์นเรนทร ส่งรถพยาบาล มารับตัวผู้ป่วยที่หลักเทียบเรือ ทรภ.3 เวลา 13.00 น. แหลมพันวา จว.ภูเก็ต เพื่อนำส่งโรงพยาบาลต่อไป การปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

กรุงเทพฯ - มูลนิธิมาดามแป้ง รุกฉีดฆ่าเชื้อโควิด ช่วยวิกฤตบ่อนไก่ด่วน หลังพบผู้ติดเชื้อสูง

มูลนิธิมาดามแป้ง ทำงานเชิงรุกรุดลงพื้นที่ชุมชนบ่อนไก่พัฒนา เขตปทุมวัน อาสาฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด-19 ทันทีหลังพบผู้ติดเชื้อสูงจากการตรวจเชิงรุกต่อเนื่อง

วันที่ 7 พฤษภาคม 2564 มูลนิธิมาดามแป้ง โดย มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการมูลนิธิ และ ซีอีโอ เมืองไทยประกันภัย ซึ่งแม้จะอยู่ในช่วงกักตัว 14 วัน ก็ส่งอาสากล้าใหม่ของมูลนิธิฯ ลุยงานสู้โควิด-19 แบบต่อเนื่องทุกวัน

โดยนอกจากการช่วยชาวชุมชนคลองเตย ขณะนี้ได้ขยายความช่วยเหลือไปยังชุมชนบ่อนไก่พัฒนา เขตปทุมวัน หลังเข้าสู่ภาวะวิกฤตจากการพบผู้ติดเชื้อในชุมชน 2 วันที่ผ่านมาเกือบ 200 คน ยังไม่รวมกับผู้มีความเสี่ยงสูงต้องกักตัวในบ้านอีกด้วย ด้วยลักษณะชุมชนที่มีความหนาแน่น แออัดคล้ายกับชุมชนคลองเตย

โดยมูลนิธิมาดามแป้ง ได้ร่วมมือกับผู้นำชุมชนเริ่มเข้าฉีดพ่นทันทีหลังได้รับการประสานขอความช่วยเหลือ ซึ่งวางแผนดำเนินการในทุกสัปดาห์เช่นเดียวกับในพื้นที่คลองเตย จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะดีขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจ คลายความวิตกกังวลให้กับประชาชนในพื้นที่สีแดง

นอกจากนี้ ครัวมาดาม ยังได้ให้ความช่วยเหลือด้านวัตถุดิบประกอบอาหารแก่ทีมงานฐานเทพวารินทร์ ซึ่งเป็นอาสาสมัครของชุมชนบ่อนไก่พัฒนาอีกด้วย

เชียงใหม่ - เซเว่น อีเลฟเว่น ซีพีเอฟ ส่งมอบอาหารและครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ให้โรงพยาบาลสนามในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ป้องกันโควิด-19 ต่อเนื่อง

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ร่วมกับ บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เร่งเดินหน้าโครงการ “ซีพีร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19”ตามนโยบายเครือเจริญโภคภัณฑ์ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยคนไทยก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ได้ในเร็ววัน

ล่าสุดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ นายบวรเวทย์ ตันตรานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชอยส์ มินิสโตร์ จำกัด ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในพื้นที่ ส่งมอบแอลกอฮอลล์ทำความสะอาด, หน้ากากอนามัยและน้ำดื่ม ตามโครงการ “คนไทยไม่ทิ้งกัน” ของเซเว่น อีเลฟเว่น พร้อมด้วย ผู้แทนซีพีเอฟ ร่วมส่งมอบอาหารปลอดภัย ในโครงการ "CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19" ภายใต้ “ซีพี ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด” โดยมี นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้รับมอบ

อีกทั้งยังได้ส่งมอบครุภัณฑ์ทางการแพทย์และเครื่องอุปโภค บริโภค ให้กับ นพ.ยุทธศาสตร์ จันทร์ทิพย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสันทราย, นายวริช ไกยสิทธิ์ และ นายนพดล นวนพนัส ปลัดอำเภอสันทราย จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมรับมอบ เพื่อนำไปสนับสนุนการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ของโรงพยาบาลสนามในจังหวัดเชียงใหม่ ต่อไป

สำหรับ โครงการ “คนไทยไม่ทิ้งกัน” ของเซเว่น อีเลฟเว่น เป็นการส่งมอบครุภัณฑ์ทางการแพทย์และน้ำดื่ม เพื่อสนับสนุนภารกิจในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) ระลอกใหม่ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฎิบัติหน้าที่ที่โรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ โดยบริษัทยังเดินหน้าประสานความร่วมมือผ่านทางมหาเถรสมาคม เพื่อน้อมถวายเครื่องวัดอุณหภูมิและแอลกอฮอล์ให้กับวัด พระสงฆ์ สามเณร และทยอยมอบของใช้ที่จำเป็นในการดำรงชีวิตให้กับผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาสกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตามปณิธานองค์กรของซีพี ออลล์ “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน” ต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารปลอดภัยทั้งหมดภายใต้ โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19" ซึ่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่การระบาดครั้งแรก จะส่งตรงถึงโรงพยาบาลสนาม โดยทีมโลจิสติกของซีพีเอฟ ประกอบด้วยอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานหลากหลายเมนู อาทิ เกี๊ยวกุ้ง, ข้าวอบธัญพืชและไก่, สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าและราเมนโฮลวีตผัดขี้เมาไก่ เป็นต้น

ปทุมธานี - ตร.ปทุมฯ สกัดจับพระดัง "หลวงตาหนูที" ขนม้าและหมูใส่รถตู้ ก่อนนำส่งเจ้าคณะอำเภอสึกทันที พบประวัติถูกจับมาแล้วหลายครั้งไม่เข็ด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 พ.ค. 64 ตร.สภ.ปากคลองรังสิต จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีคนนำม้ามาปล่อยอยู่บริเวณสนามเด็กเล่น ริมถนนซ่อมสร้าง ม.2 ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี จึงให้สายตรวจไปตรวจสอบแต่ไม่พบโดยมีชาวบ้านบอกว่าก่อนตำรวจมาถึงมีพระขับรถตู้มาแล้วนำม้าขึ้นรถหลบหนีไปแล้ว ต่อมามีพลเมืองดีแจ้งว่าพบรถตู้ ยี่ห้ออีซูซุ สีเหลือง หมายเลขประจำตัว ฒว-9319 กรุงเทพมหานคร สภาพเก่าโดยมีพระภิกษุสงฆ์เป็นคนขับและคาดว่าเป็นรถคันเดียวกันกับที่ชาวบ้านแจ้ง กำลังขับมุ่งหน้าไปทางสะพานปทุมธานี2 เจ้าหน้าที่ฯจึงวิทยุสกัดแต่ก็ไม่ทัน แต่ยังมีพลเมืองดีขับตามและโทรศัพท์แจ้งเป็นระยะ

จนกระทั่งต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.คลองหลวง นำโดย พ.ต.ต.สิงหา เฟื่องแก้ว สว.จร และ ร.ต.อ สุระพล  วงศ์วันดี ร้อยเวรจราจร สภ.คลองหลวง พร้อมกำลังสามารถสกัดจับได้บริเวณถนนพกลโยธิน(ขาออก) หน้า ม.ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง โดยพบพระหนูที สุตธัมโม อายุ 72 ปี อ้างอยู่สำนักสงฆ์หินทราย ต.หนองหว้า อ.บัวลาย จ.นครราชสีมา ชื่อตามบัตรประชาชนระบุชื่อนายหนูที ทินราช อยู่บ้านเลขที่ 126/61 ม.4 ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี พร้อมด้วยลูกม้าเพศผู้สีเหลืองอ่อน อายุประมาณ 2 ปีเศษ และลูกหมูป่าผสมเพศผู้ สีดำ อายุประมาณ 5 เดือน จึงได้ควบคุมตัวและสอบถามโดยพระดังกล่าวตอบเพียงว่าเพิ่งมาจาก จ.สุพรรณฯ และจะกลับ สักนักสงฆ์ จ.นครราชสีมา ส่วนม้าและหมูญาติโยมถวายมา และเมื่อตรวจสอบเรื่องใบขับขี่รถยนต์ก็ไม่มี ใบสุทธิพระก็ไม่มีแถมรถทะเบียนขาดการต่อภาษีมาแล้วร่วม 6 ปี จึงประสานนายไพรัตน์ รุ่งสว่าง ปศุสัตว์ อ.คลองหลวงมาตรวจสอบพร้อมแจ้งข้อหาเคลื่อนย้ายสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต จากรั้นจึงนิมนต์พระหนูที (หลวงตาหนูที) ไปพบพระแสนพล พลยุโต พระวินยาธิการ อ.คลองหลวง และ พระครูวิจิตร อาภากร เจ้าคณะ อ.คลองหลวง เจ้าอาวาสวัดสว่างภพ เพื่อทำการตรวจสอบในพฤติกรรม

ต่อมาพระหนูที ฯ ยอมรับสารภาพว่านำสัตว์ทั้งหมดที่มีคนมาถวาย ขับรถตระเวนไปตามสถานที่ต่าง ๆ ในหลาย ๆ จังหวัด ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกจับมาแล้วหลายครั้งไม่ว่าจะเป็นในเขตกรุงเทพฯเขตจังหวัดสระแก้วอรัญประเทศซึ่งตนเคยนำสุนัขมาออกบิณฑบาตพร้อมกับวัวและแพ้แต่ทุกครั้งที่ถูกจับก็จะถูกเจ้าหน้าที่ยึดไปหมด แล้วตนก็ไม่เคยเป็นวาจาลาสิกขาบท  จนกระทั่งมาครั้งนี้ตนไม่มีหนทางไปและไม่รู้จะไปประกอบอาชีพอะไรเพราะอายุมากแล้วเมื่อได้สัตว์มาต้นก็จะห่มผ้าเหลืองแล้วก็ตะเวนไปตามที่ต่าง ๆ โดยได้นำม้า ชื่อ"จิ๋ว" ที่มีความเชื่องและหมู ชื่อ"จู๊ด" มาต่อเวรดึกบิณฑบาตด้วย แล้วเมื่อตนทำไม่ดีครั้งนี้ ก็ขอยอมสึก แต่โดยดี ทางเจ้าคณะอำเภอจึงได้ให้ทำการลาสิกขาบทและเป็นวาจา พร้อมกับนำชุดขาวมาให้สวมใส่ ก่อนที่ จะได้มอบตัวให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามความผิดพ. รบจราจรส่วนทางด้านสัตว์ทั้ง 2 ตัวทางปศุสัตว์ อ.คลองหลวง ได้ยึดไว้ตรวจสอบต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสังคมออนไลน์ เคยมีการโพสต์ภาพ พระหนูที สุตธัมโมกับ*สมหวัง" สุนัขแสนรู้ที่ช่วยพระภิกษุลากรถเข็นบิณฑบาตทุกเช้า ถูกคนขับรถบรรทุกสิบล้อขโมยหายไป วอนให้ช่วยกันสอดส่องตามหา เจ้าสมหวัง เป็นสุนัขแสนรู้ที่ช่วยลากรถล้อเลื่อนใส่ของที่ได้รับจากการบิณฑบาต เดินนำหน้าพระสงฆ์รูปหนึ่ง จนเป็นที่เอ็นดูของชาวบ้านที่พบเห็น


ภาพ/ข่าว  สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม

สุโขทัย - หนุ่มใหญ่วัย 56 ปี ผันอาชีพช่างตัดผม มาทำฝักและด้ามมีดสร้างรายได้ดี สืบทอดตำนาน

จังหวัดสุโขทัยเรียกได้ว่ามีของดีครบครัน ทั้งเรื่องท่องเที่ยว ของกิน ของใช้ ของตกแต่ง มีทุกหย่อมหญ้า เฉดเช่นเดียวกับที่บ้านของลุงอ๊อก” นายมนตร์ชัย ช่วยเพ็ญ หรือลุงอ๊อก” อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/2 ม.11 ต.บ้านไร่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย เปลี่ยนอาชีพที่เรียนรู้มาหวังสร้างเป็นอาชีพ สร้างตัวเลี่ยงครอบครัวด้วยอาชีพที่เรียนและฝึกฝนมา แต่ชีวิตก็เรียนรู้ไม่เลิก และมาพบอาชีพที่ใจรัก และมีความสุขกับอาชีพและเป็นนายตัวเอง จนสร้างรายได้ที่มั่นคง ยั่งยืน และจะถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นให้คงอยู่สืบต่อไป

นายมนตร์ชัย ช่วยเพ็ญ หรือลุงอ๊อก” ได้เล่าให้ฟังว่าเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว ตนเองได้ประกอบอาชีพเป็นช่างตัดผม มีลูกค้ามาใช้บริการเลื่อย ๆ มีรายได้พอกินและพอมีเก็บเลี้ยงดูครอบครัว แต่ไม่รู้เป็นด้วยเพราะอะไรมีลูกค้าโทรจองคิวตัดผมตลอดไม่ว่างเว้น รายได้ต่อวันเกือบ 1,200 บาท สมัยนั้นเงินหลักพันถือว่าเยอะมาก แต่ระหว่างเป็นช่างตัดผม ก็คิดเสมอว่าตนเองไม่ค่อยมีความสุขกับอาชีพนี้เท่าที่ควร เมื่อความรู้สึกมันขัดกับอาชีพเดิมที่ทำทุกวันเรียกว่ามีรายได้ทุกวันไม่ขาดมือ เมื่อว่างจากการตัดผม ก็เลยหาไม้มาทำด้ามมีดกับฝักมีดที่ปู่ได้มอบมีดให้ไว้เป็นมรดกสืบทอดและของที่ปู่รักตกมาสู่ตน ประกอบกับตนเองเป็นคนชอบอะไรที่เกี่ยวกับมีดอยู่แล้ว เมื่อมีเวลาก็จะจับมีดมาชื่นชมมาดูวิเคราะห์และศึกษา ทำฝักมีดเองบ้าง มันเป็นช่วงที่มีความสุขและหายเหนื่อยทันที จนเพื่อนๆที่มาสังสรรค์ที่บ้านและได้เห็นมีดที่ตนเองทำไว้ สวย ใช้ดี และแปลกตา เพื่อนจึงนำมีดมาให้ทำแบบที่ตนเองทำบ้าง นับตั้งแต่วันนั้นด้วยความที่ปากต่อปาก บอกต่อกันไปเรื่อยๆ ตนเองก็เริ่มมีงานทำด้ามมีดและฝักมีดมากขึ้น ลูกค้ามากพอสมควร นอกจากลูกค้าในหลายๆที่ หลายจังหวัด ยังมีลูกค้าจากทั่วประเทศ และลูกค้าจากต่างประเทศก็ให้ความสนใจสั่งทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตอนนี้ก็มีลูกค้าจากประเทศเกาหลี ได้สั่งทำไว้จำนวนมากและต้องเตรียมส่งงานภายในเดือนพฤษภาคมนี้

ตลอดระยะเวลาที่หันมาเอาดีประกอบอาชีพด้านนี้ ก็สร้างรายได้ให้ตนเองและครอบครัวเป็นอย่างมาก ส่วนเวลาในการทำแต่ละชิ้นก็จะใช้เวลา 2–3 วันหรือ 4-5 วัน ก็ได้ชิ้นงาน 1 ชิ้นงานที่สมบูรณ์ และปราณีตตามแบบของเราที่ใส่ใจรายละเอียดให้ลูกค้า เลยทำอาชีพนี้แทนการตัดผมมาตลอด ตอนนี้มีออเดอร์มาต่อเนื่อง ด้วยความที่มีเคล็ดลับบางอย่างเฉพาะตัวในการทำฝักมีดและด้ามมีด จึงได้รับความไว้วางใจและชื่นชอบในการทำชิ้นงานและได้รับความสนใจจากลูกค้า

มีความสุขในครอบครัวและในอาชีพนี้มาก นอกจากนี้ลูกชายก็เริ่มมีฝีมือมาสานต่อคอยช่วยได้อีกแรง จนเขาได้ก่ออาชีพเพิ่มรับงานเสริมทำป้ายไม้ด้วย ป้ายชื่อบ้าน ป้ายชื่อ - นามสกุล ป้ายชื่อตำแหน่ง เป็นต้น นอกจากงานทำฝักมีดและด้ามมีด ในเรื่องราคาของด้ามมีดและฝักมีดผมคิดราคาตายตัว ไม่ว่าลูกค้าจะเป็นข้าราชการชั้นสูง ๆ หรือลูกค้าทั่วไป ก็คิดราคาตามใบมีด คือ นิ้วละ 100 บาท เช่น ใบมีดยาว 10 นิ้ว ราคาด้ามมีดก็ 1,000 บาท ส่วนเรื่องราคาฝักมีดก็ต้องขึ้นอยู่กับลวดลายและไม้ที่ใช้ทำตามความต้องการของลูกค้าผู้ที่สนใจเข้าชมติดตาม FB : Pronphanomwan Chuaypen  FB : มนตร์ชัย ช่วยเพ็ญ หรือติดต่อ 090-252-8190

กาฬสินธุ์ – เห็ดเผาะหายากคนแห่เข้าป่า เก็บได้กินปีละครั้ง ราคาพุ่งกิโลกรัมละ 500 บาท

ผลกระทบจากการเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ แม้กระทั่งบรรยากาศการเก็บเห็ดเผาะในป่าสงวนแห่งชาติดงระแนงที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งพบว่ามีชาวบ้านในพื้นที่และต่างจังหวัด แห่เข้ามาหาเก็บไปเป็นอาหารจำนวนมาก คนเก็บเยอะกว่าเห็ด และกลายเป็นของป่าหายากได้กินปีละครั้ง จึงทำให้ราคาแพงถึง ก.ก.ละ 400-500 บาท

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต และการประกอบอาชีพของประชาชนทุกสาขา ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้า แม่ค้า และผู้บริโภคทั่วไป ที่ต่างปรับตัวเพื่อเพื่อความอยู่รอด โดยเฉพาะในส่วนของการหาอาหารยังชีพ ในสภาวะที่ตลาดในเมือง และตลาดนัดหลายแห่งปิดตัวลง ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จึงพบว่าตามแหล่งน้ำ ป่าธรรมชาติ มีชาวบ้านออกหาอาหารตามฤดูเป็นจำนวนมาก เช่นที่บริเวณป่าดงระแนงพื้นที่รอยต่อหลายตำบลของ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พบว่ามีชาวบ้านในพื้นที่และต่างจังหวัด แห่เข้ามาหาเก็บไปเป็นอาหารจำนวนมาก โดยเฉพาะเห็ดเผาะ มีคนเก็บเยอะกว่าเห็ด และกลายเป็นของป่าหายาก เพราะมีปีละครั้งจึงทำให้ราคาแพงถึง ก.ก.ละ 400-500 บาท

นายศักดิ์กล ทองขันธ์ อายุ 68 ปี ชาวบ้านตูม หมู่ 19 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในช่วงนี้จะพบว่าประชาชนอกหาอาหารตามธรรมชาติ เช่น ลงจับปลาตามแหล่งน้ำ และเข้าป่าหาแหย่ไข่มดแดง เก็บเห็ด ดอกกระเจียว และผักหวานป่า ซึ่งเป็นอาหารตามฤดูกาล เพื่อนำมาประกบอาหารในครัวเรือน ทดแทนการเข้าไปหาซื้อตามท้องตลาดในเมือง และตลาดนัด ซึ่งเสี่ยงต่อการได้ติดเชื้อโควิด-19 นอกจากนี้ ยังเป็นการลดรายจ่ายในครัวเรือนชดเชยการซื้ออาหารจากร้านค้า และบรรเทาความเดือดร้อนจากการขาดแคลนอาหารในช่วงนี้เป็นอย่างดี

ด้านนายนิรันดร์  วันยุทธิ์ อายุ 38 ปี  บ้านเลขที่ 41 หมู่ 2 บ้านดอกเจี้ย ต.น้ำอ้อม อ.กระนวน จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ในช่วงเริ่มต้นฤดูฝนซึ่งเห็ดเผาะจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ตนและเพื่อนบ้าน ได้เดินทางข้ามจังหวัดมาหาเก็บเห็ดเผาะที่บริเวณป่าดงระแนง ซึ่งเห็ดเพาะของที่นี่ จะมีรสชาติกรอบ หอม นุ่ม มัน อร่อยกว่าเห็ดจากป่าดงต่าง ๆ จึงพบว่ามีชาวบ้านทั้งในพื้นที่และต่างอำเภอ ต่างจังหวัด นำอุปกรณ์สำหรับหาเก็บเห็ดเผาะที่เกิดอยู่ใต้ผิวดิน โดยจับกลุ่มกันเข้ามาหาเป็นจำนวนมาก

นายนิรันดร์กล่าวอีกว่า เห็ดเผาะถือเป็นของป่าหายาก จะเกิดปีละครั้งและระยะสั้น ๆ หรืออย่างนานไม่เกิน 1 เดือนในช่วงเริ่มต้นฤดูฝนเท่านั้น พอเห็ดเผาะเกิดทีจึงมีชาวบ้านเข้ามาหาเก็บไปประกอบอาหาร ซึ่งสามารถปรุงเป็นอาหารได้หลายเมนู เช่น นึ่ง แกง ห่อหมก เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สำหรับปีนี้ที่เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งตลาดหลายแห่งปิด และผู้คนไม่กล้าเข้าไปหาซื้ออาหารตามท้องตลาด จึงพบว่าพากันแห่เข้ามาเก็บเห็ดเผาะเป็นจำนวนมาก ทำให้เผาะที่หายากอยู่แล้ว หายากกว่าเดิมอีก ทำให้มีการซื้อขายกันในราคาที่สูงถึง ก.ก.ละ 400 บาท หรือหากนำไปขายต่อราคา ก.ก.ละ 500 บาททีเดียว สำหรับตนจะไม่ขาย เพราะหายาก เมื่อเก็บได้แล้วจะนำไปประกอบอาหาร หรือหากได้มากๆก็จะเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อถนอมไว้กินนาน ๆ

ราชบุรี  - เกือบวุ่น พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด EOD ทำลายพบเป็นชุดวัดแรงสั่นสะเทือน

เกือบวุ่นทั้งเมือง!! พบกล่องและวัตถุที่มีการต่อสายไฟต้องสงสัยวางที่พื้นติดฐานโบราณสถานเจดีย์หัก ต.เจดีย์ อ.เมือง จ.ราชบุรี เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตรวจสอบใช้วอเตอร์บอมจุดทำลาย ตรวจสอบแล้วเป็นเครื่องมือวัดแรงสั่นสะเทือน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งหน่วยงานใดเป็นเจ้าของให้ไปติดต่อได้ที่ สภ.ราชบุรี

(8 พ.ค.64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีประชาชนผู้ที่อยู่อาศัยใกล้ โบราณสถานเจดีย์หัก ต.เจดีย์หัก อ.เมือง จ.ราชบุรี ได้โพสต์ข้อความพร้อมด้วยคลิป รายผ่านสื่อออนไลน์ขอให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย เป็นกล่องและมีกรวยตั้งอยู่จำนวน 1 คู่ และมีสายกั้นขึ้งไว้ ซึ่งเกรงกลัวว่าจะเป็นวัตถุระเบิด เนื่องจากมีผู้ที่เข้ามาออกกำลังกายและพบเห็นตั้งแต่ช่วงเช้าโดยที่ไม่มีหน่วยงานใดประกาศแจ้ง

จนเวลา 21.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD 2 นาย ด.ต.เอก วรัตน์ ประทุมนันท์ และ ด.ต.เอก เปรมจิตร์ ฝ่ายเก็บกู้ วัตถุระเบิด ตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี ได้มาทำการเก็บกู้ พร้อมทั้งประสารกำลังเจ้าหน้าที่ มูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์ราชบุรี นำกำลังมาดูแลและปิดกันการจราจร พร้อมห้ามให้รถสัญจรไปมา

จากนั้น ด.ต.เอก วรัตน์ ประทุมนันท์ เจ้าหน้าที่ EOD ได้เข้าไปตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว พร้อมทั้งนำเชือกคล้องที่กรวยทางด้านขวามือ และกันให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ออกห่างรัศมี 50 เมตร ก่อนจะให้สัญญาณดึงเชือกจนกรวยดังกล่าวล้มลง ต่อมาเจ้าหน้าที่ EOD ได้เดินเข้าไปตรวจสอบ โดยใช้กล้องจากโทรศัพท์มือถือบันทึกภาพวัตถุต้องสงสัย และนำมาประเมินสถานการณ์ โดยวัตถุที่พบมี 3 ชิ้น โดยชิ้นแรกมีลักษณะเป็นแท่งทรงกลมสูงประมาณ 5 – 7 เซนติเมตร ชิ้นที่ 2 เป็นห่อสีขาว โดยทั้ง 2 วัตถุมีสายต่อเข้าไปยังกล่องซึ่งมีแบตเตอรี่ เจ้าห้าที่ประเมินสถานการณ์แล้ว แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนจะประกอบ วอเตอร์บอมส์ เพื่อทำลายวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำวอเตอร์บอมส์ เข้าไปติดตั้งที่วัตถุต้องสงสัย โดยลากสายไฟห่างมาประมาณ 30 เมตร พร้อมทั้งแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อทำการปิดเส้นทางการจราจร และ กันให้ประชาชน และเจ้าหน้าที่ ออกห่างจากพื้นที่ดังกล่าว ก่อนจะให้สัญญาณและกดสวิทช์ยิงวอเตอร์บอมส์ทำลายวัตถุต้องสงสัย จนแตกกระจายเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ เมื่อสิ้นเสียงระเบิดจากวอเตอร์บอมส์ เจ้าหน้าที่ EOD ได้เข้าไปตรวจสอบโดยไม่ให้ประชาชนหรือสื่อมวลชนเข้าใกล้ เพื่อทำการตรวจสอบอย่างระเอียด เมื่อตรวจสอบเสร็จส่งสัญญาณเคลียร์ พร้อมทั้งแจ้ง รตท.เจริญทรัพย์ โพธิ์พระ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี เข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐาน เพื่อติดตามหาเจ้าของชุดอุปกรณ์ดังกล่าวว่าเป็นของใคร

จากการตรวจสอบพบว่าวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว เป็นชุดอุปกรณ์ตรวจวัดแรงสั่นสะเทือน ซึ่งจะมีกล่องภายในบรรจุแบตเตอรี่ และเดินสายไปที่กรวย 1 มีชุดแท่งเหล็กทรงกลม และ ถุงทราย และต่อสายมายังชุดตรวจวัดแรงสั่นสะเทือน โดยที่กรวยที่ 2 ภายในกรวยมีโซ่ 1 เส้นต่อสายไฟเช่นเดียวกัน โดยไม่ใช่วัตถุระเบิด หรือ สร้างเป็นการสถานการณ์แต่อย่างไร

เบื้องต้นเจ้าหน้าตำรวจจะได้เก็บชุดอุปกรณ์ดังกล่าวไว้ที่ สภ.เมืองราชบุรี และจะทำการตรวจสอบหาหน่วยงาน หรือ บริษัทเจ้าของชุดอุปกรณ์วัดแรงสั่นสะเทือนว่าเป็นของใคร


ภาพ/ข่าว  ตาเป้

 

ปราจีนบุรี – หนุ่มใหญ่เมืองพิษณุโลก พนักงานปั๊มน้ำมัน เข้าห้องน้ำนานเป็นชั่วโมงเพื่อนร่วมงานสงสัยเคาะไม่ขานตัดสินใจพังประตูเข้าไปพบว่ากำลังนอนแน่นิ่ง

เมื่อเวลาประมาณ 6 โมงเย็น วันที่ 7 พ.ค. 2564 พ.ต.ท.กฤชฐา  ปทุมแก้ว สารวัตรเวรสอบสวน สภ.กบินทร์บุรี ได้รับแจ้งจาก ทีมกู้ชีพ มูลนิธิสัจจะพุทธธรรมแห่งประเทศไทย กบินทร์บุรี ว่า มีผู้เสียชีวิตในห้องน้ำปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ หน้านิคมอุตสาหกรรมบ้าน โคก หมู่ 9 ต.หนองกี่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี  หลังรับแจ้งจึงประสานแพทย์เวร จาก รพ.กบินทร์บุรี เข้าร่วมชันสูตร ก่อนเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุพบศพผู้ตาย ทราบชื่อ นายสมพร แจ่มศรี อายุ 51 ปี ภูมิลำเนาตามบัตรประชาชน อยู่บ้านเลขที่ 160 หมู่ 6 ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก เป็นพนักงานทั่วไปของปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุ เสียชีวิตมาไม่นาน สอบถามนายเชาวลิต  แต่เจริญ ทีมอาสากู้ชีพ มูลนิธิสัจจะพุทธธรรม ฯ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น.ว่ามีผู้ป่วยช็อกหมดสติในห้องน้ำปั๊มน้ำมันจึงรีบเดินทางมาช่วยเหลือ ด้วยการทำ CPR แต่ผู้เสียชีวิตไม่มีชีพจรแล้วจึงประสานไปทาง สภ.กบินทร์บุรี เบื้องต้นแพทย์ จาก รพ.กบินทร์บุรี ลงความเห็นผู้ตายเสียชีวิตจากโรคประจำตัวเนื่องเมื่อวาน

ผู้เสียชีวิตได้ไปพบแพทย์ตามปกติเนื่องจากผู้เสียชีวิตป่วยมีโรคประจำตัวทั้งความดันและเบาหวานซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตน๊อกเบาหวานเพราะขาดน้ำตาล หรือความดันสูง เนื่องจากตรวจแล้วตามร่างกายไม่พบบาดแผลจากการถูกทำร้ายแต่อย่างใด หลังการชันสูตรได้ให้ อาสาสมัครกู้ภัย ฯ นำร่างผู้เสียชีวิตส่ง รพ.กบินทร์บุรี เพื่อชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้ง


ภาพ/ข่าว ณัฐวัฒน์  กุลเศรษฐ์สุวภา ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top