Thursday, 15 May 2025
Region

ชลบุรี – เกิดอุบัติเหตุรถฟอจูนเนอร์ขับมาด้วยความเร็ว เสียหลักไถลพลิกคว่ำชนต้นไม้รถพังยับเยิน 2 สามีภรรยาสาหัสทั้งคู่

เมื่อเวลา18.30น.วันที่4พ.ค.2564นี่คือภาพจากกล้องหน้ารถจับภาพนาทีรถฟอจูนเนอร์ขับมาด้วยความเร็วก่อนจะเห็นว่าเสียหลักไถลตกข้างทางไปฟาดกับต้นไม้จนพังยับเยินเป็นเศษเหล็กล้อกระเด็นออกมาชนกับรถคันที่มีกล้องได้รับความเสียหายด้วย

ต่อมาวันนี้ 4 พ.ค.เวลา 18.30 น.ร้อยตำรวจเอกชัยชาญ ประเสริฐวงษ์ รองสารวัตร(สอบสวน)สภ.หนองใหญ่ ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถชนต้นไม้พังยับเยินมีผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสบนถนนสาย 344 ชลบุรี-แกลง หลักกิโลเมตรที่ 51 พื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลหนองใหญ่ อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยศีลธรรมสมาคมบ้านบึง จุดหนองใหญ่ เมื่อไปถึงพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอจูนเนอร์สีขาว หมายเลขทะเบียน 8 กฌ 9886 กทม.ในสภาพพังยับเยินเป็นเศษเหล็กหลังคาบี้ ตรวจสอบด้านในรถพบผู้บาดเจ็บ 2 รายติดอยู่ที่เบาะคนขับชื่อนายกิตติ เรืองสัดสี อายุ 28 ปีเป็นเจ้าของแผงทุเรียนที่จันทบุรี ส่วนผู้บาดเจ็บที่นั่งมาด้วยชื่อนางสาวทราย ชื่อเล่น อายุ 25 ปีเป็นภรรยายัง ทั้งคู่มีอาการสาหัส จึงได้ประสานขออุปกรณ์ตัดถ่างจากหน่วยกู้ภัยชีพ อบต.หนองเสือช้างนำมาตัดประตูนำผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกจากรถแล้วเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลหนองใหญ่ก่อนหน้านี้แล้ว

จากการสอบถามนายธงชัย นิลพันธุ์ อายุ 36 ปีคนขับรถบรรทุกที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่าตนกำลังขับรถมุ่งหน้าไปอำเภอแกลง จ.ระยองพอมาถึงที่เกิดเหตุรถของคนเจ็บได้ขับมาด้านหลังแล้วเสียหลักออกมาทางช่องทางขวาก่อนจะไถลตัดหน้ารถของตนนิดเดียวไปชนกับต้นไม้ข้างทางและล้อรถได้หลุดมาโดนหน้ารถตนเองรีบจอดรถลงไปดูก็พบว่ามีผู้บาดเจ็บจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยให้มาช่วยเหลือดังกล่าว ทางด้านตำรวจจะได้รอให้คนขับรถฟอจูนเนอร์รักษาตัวให้หายดีก่อนแล้วจะได้สอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้งถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นเพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


 ภาพ/ข่าว  วิศาล / ชลบุรีปู

บึงกาฬ – ช้างป่าลงจากเขามาหากิน ตื่นคนเก็บเห็ด !! ต่างฝ่ายต่างวิ่งหนีคนล้มซี่โครงหัก เสียชีวิต

ช้างป่าภูวัวที่มีอยู่ประมาณ 50 ตัว เมื่อด้านบนภูอาหารเช่นหญ้าและไผ่หมด จึงลงมาจากภูเขาออกหากินหญ้าและน้ำด้านล่าง แยกกันเป็นโขลงๆ ละ 10-15 ตัวบ้าง เพื่อความอยู่รอดของโขลงข้าง เมื่อช้างหนุ่มแยกเดี่ยวหากินลำพังมาเจอชาวบ้านที่ออกหาเก็บเห็ดป่าตามชายป่าเชิงเข้า เกิดตื่นตกใจทั้งช้างและคนวิ่งหนีกระเจิงจนล้มลงซี่โครงหักดับอนาถ

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 4 พ.ค.พ.ต.ท.สุริยา แน่นอุพำ รอง สว.(สอบสวน) สภ.บุ่งคล้า อ.บุ้งคล้า จ.บึงกาฬ รับแจ้งเหตุจาก นายอิทธิชัย พรมพุทธ ผญบ.หมู่ 4 มีชาวบ้านนาจาน ต.บุ่งคล้า ออกหาเก็บเห็ดป่าแล้วถูกช้างป่าที่ลงมาหากินด้านล่างทำร้ายจนเสียชีวิต 1 ราย จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยสว่างศรีวิไล จุดบุ่งคล้าจุดศรีวิไล จุดบริการโสกก่าม เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์ป่าภูวัว เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ออกไปยังที่รับแจ้ง ที่เกิดเหตุเป็นป่าเชิงเขาใกล้สวนยางพาราและร่องน้ำลึกประมาณ 3 เมตรที่ทำขึ้นเพื่อป้องกันช้างป่าข้ามเขตออกมาทำลายและกัดกินพืชสวนของชาวบ้าน เช่นนาข้าว และสวนยางพารา พบร่างผู้เสียชีวิตสภาพร่างนอนหงายสวมใส่เสื้อยืดกีฬาแขนสั้นลายทาง กางเกงขาวยาวสีดำ ไม่สวมรองเท้า มีบาดแผลถูกช้างป่าทำร้ายที่ซี่โครงด้านขวาหัก 4 ซี่ ตามร่างกายส่วนอื่นไม่มีบาดแผลและฟกช้ำแต่อย่างใด ทราบชื่อต่อมาว่า นายนันทะ เชื้อคำจันทร์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 141 หมู่ที่ 4 บ้านนาจาน ต.บุ่งคล้า 

สอบสวนชาวบ้านที่ไปเก็บเห็ดด้วยกัน ทราบว่านายนันทะ กับพวกได้ออกจากบ้านมาแต่เช้า เพื่อมาเก็บเห็ดป่าที่กำลังผุดอกขึ้นมาภายหลังฝนตกใหม่ เมื่อถึงป่าได้แยกย้ายกันไปคนละทิศละทางเพื่อหาเห็ด ขณะนั้นได้ยินเสียงร้องของนายนันทะว่า “ช้าง ๆ “ จากนั้นก็เสียงเงียบไป เมื่อเหตุการณ์ปกติเพื่อนที่ไปหาเห็ดจึงชวนกันเดินหาตามเสียงร้อง จึงพบร่างที่ไร้วิญญาณของนายนันทะ ซึงเจ้าหน้าที่คาดว่าระหว่างเดินหาเก็บเห็ดป่าอยู่นั้น ผู้เสียชีวิตคงเจอช้างที่ออกมาหากินเพียงลำพัง ช้างจึงตื่นตกใจวิ่งผ่านเบียดร่างจนกระเด็นทำให้ชี่โครงหักทิ่มปอด แต่ยังไม่เสียชีวิตทันทีและทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงดับอนาถภายหลัง จากนั้นหน่วยกู้ภัยจึงนำร่างออกจากป่ามาให้ นพ.ณรงค์วรรษ พรหมสาขา ณ นคร แพทย์เวร รพ.บุ่งคล้า ชันสูตรตามระเบียบต่อไป ส่วนญาติไม่ติดใจจึงมอบร่างไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

ด้านนายวิษณุ กุมภาว์ หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว กล่าวว่า เนื่องจากผู้เสียชีวิตได้ออกเก็บเห็ดป่าใกล้กับแนวเขตป้องกันช้างป่าออกมาหากินด้านนอก ขณะก้มหน้าก้มตาเขี่ยหาดอกเห็ดใต้ใบไม้ ไม่รู้ว่ามีช้างป่าที่แยกเดียวจากฝูงมาหากินยืนอยู่ด้านหน้า แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงตกใจร้องเสียงหลงว่า”ช้าง”ทำให้ช้างก็ตื่นคนและคนก็ตื่นช้างต่างวิ่งหนี จนหกล้มซี่โครงด้านขวาหัก 4 ซี่ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยกลัวช้างเข้าทำร้าย จึงรอจนปลอดภัยแต่นายนันทะทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงเสียชีวิตดับอนาถดังกล่าว


ภาพ/ข่าว เกรียงไกร พรมจันทร์

กระบี่ - จับบังรอน ขาใหญ่ในพื้นที่ตำบลแหลมสัก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พร้อมยาบ้า 9,947 เม็ด เก็บไว้ในตู้เย็น ล็อคด้วยกุญแจป้องกันของสูญหาย

พ.ต.ต.ธรรมนูญ  ศรีประไพ จนท.ปฏิบัติการฝ่ายข่าว กอ.รมน.จังหวัดกระบี่ ร.ต.อ.นิพนธ์ หนูชัยแก้ว หน.ชปส.กก.ตชด.42/จนท.กอ.รมน.จังหวัดกระบี่ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ได้เข้าทำการจับกุมผู้ค้ายาเสพติด ประกอบด้วยนายสุรศักดิ์  มุกดา หรือ รอน อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/1 หมู่ที่ 2 ตำบลแหลมสัก อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ และนายสุริยา ผิวเหลือง หรือโอ  อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ที่ 5 ตำบลแหลมสัก อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่

พร้อมของกลาง ยาบ้า 9,947 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ถุงพลาสติกชนิดกดปิด-ดึงเปิดสำหรับแบ่งบรรจุยาเสพติดจำนวน 1 ห่อ อุปกรณ์การเสพยาเสพติดจำนวน 1 ชุด รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าสีเทา หมายเลขทะเบียน บม 6894 กระบี่

ทั้งนี้ก่อนการจับกุมทางเจ้าหน้าที่สืบทราบมาว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เป็นผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่รายสำคัญ จึงได้ทำการล่อซื้อยา จากนายสุรศักดิ์ และนายสุริยา โดยนัดแนะส่งยาบ้าบริเวณริมถนนหน้าโดมรีสอร์ท หมู่ที่ 5 ตำบลอ่าวลึกใต้ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ เมื่อถึงเวลานัดหมาย มีรถยนต์ โตโยต้าสีเทา หมายเลขทะเบียน บม 6894 กระบี่ มาจอด ทางเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าทำการจับกุม พร้อมยาบ้าจำนวนหนึ่ง

จากนั้นได้ขยายผลการจับกุมตรวจคุ้น บ้านเลขที่ 157 หมู่ที่ 1 ตำบลคลองหิน อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นบ้านนายสุรศักดิ์ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในบ้าน บริเวณห้องโถงพบตู้เย็น ล็อคด้วยกุญแจ อย่างแน่นหนา ทางเจ้าหน้าที่เลยให้นายสุรศักดิ์  ไขกุญแจ ซึ่งภายในตู้เย็บพบอุปกรณ์การเสพ กล่องกระดาษจำนวน 2 กล่อง เมื่อทางเจ้าหน้าที่ให้นายศุรศักดิ์แกะกล่องดังกล่าวพบยาบ้าบรรจใส่ถุงจำนวน 4 มัด รวมเป็นยาบ้าทั้งหมด  9,947 เม็ด

นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ตู้เย็นเป็นของตนเอง ไม่มีใครสามารถมาเปิดได้ เพราะตนเองได้ล็อคกุญแจกเอาไว้ เพื่อใส่ยาบ้าและอุปกรณ์การเสพ จะเอาออกมาก็ต่อเมืองเอายาบ้าออกส่งขาย และเสพเองเท่านั้น

ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกการจับกุม ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง

สงขลา - บุกจับแอลบ่ออิฐนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ของ จ.สงขลาได้คาขนำในพื้นที่ ต.พะวง อ.เมืองสงขลา

พยายามวิ่งหนีลงไปในบึงน้ำแต่ตำรวจตามจับกุมได้ หลังขนยาบ้า 1 ล้านเม็ด ไอซ์ 10 กิโลกรัมมากับลูกและเมียแต่รถเก๋งเสียหลักชนราวเหล็กริมทางในพื้นที่ ต.ถ้ำพรรณรา อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช และทิ้งรถหลบหนีส่วนแฟนสาวยอมเข้ามอบตัวไปก่อนแล้วเผยประวัติถูกจับกุมคดียาเสพติดเข้าออกเรือนจำมาแล้ว 4ครั้งนับตั้งแต่ ปี 2530 และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5

ภาพเหตุการณ์ขณะเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธร จ.สงขลา ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ภายใต้การสั่งการของ พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา พ.ต.ท.ขวัญชาติ จันทะ สารวัตรกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา

เข้าปิดล้อมจับกุมนายมงคล สังข์แจ้ง อายุ 53 ปี หรือแอลบ่ออิฐ ซึ่งเป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.สงขลา ขณะซ่อนตัวอยู่ที่ขนำในพื้นที่บ้านโคกไร่ ม.8 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา แต่นายมงคล พยายามวิ่งหลบหนีการจับกุมลงไปในบึงน้ำข้างขนำ แต่ไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่ไล่ติดตามจับกุมได้พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง

โดยนายมงคล เป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติดตามหมายจับของศาลจังหวัดทุ่งสง หลังจากที่เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ได้ขนยาบ้าเกือบ 1ล้านเม็ด และไอซ์อีก 10 กิโลกรัม จากกรุงเทพฯมากับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอ็กคอร์ด สีดำ หมายเลขทะเบียน กจ. 2636 สงขลา โดยมีน.ส.จุฑาลักษณ์ เมืองคุ้ม แฟนสาวและเด็กหญิงอายุประมาณ 2 ขวบนั่งมาด้วยซึ่งเป็นลูกติดของแฟน ทำเหมือนกันเดินทางมาเป็นครอบครัวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากเจ้าหน้าที่

แต่รถเกิดอุบัติเหตุชนราวเหล็กทางค้างริมถนนสายเอเชีย พื้นที่หมู่ 6 ต.ถ้ำพรรณรา อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช ล้อหน้าซ้ายหลุดไปต่อไม่ได้ และได้ทิ้งรถขึ้นรถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า สีขาวไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีไป

เมื่อตำรวจเข้าตรวจสอบก็พบยาบ้าเกือบ 1ล้านเม็ด และไอซ์อีก 10กิโลกรัมอยู่ภายในรถและสอบสวนขยายผลจนรู้ตัวผู้ที่ขับขี่รถเก๋งคันนี้มา  ต่อมาเมื่อวันที่ 16 เมษายนได้ถูกศาลจังหวัดทุ่งสงได้ออกหมายจับ โดยน.ส. จุฑาลักษณ์ ได้ยอมเข้ามอบตัวไปก่อนแล้ว

ส่วนนายมงคล  ยังหลบหนีและเจ้าหน้าที่สืบสวนจนทราบว่าได้มากบดานอยู่ในพื้นที่บ้านโคกไร่ หมู่ 8 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา จึงวางแผนเข้าจับกุมได้ในที่สุด

พร้อมแจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกิน20กรัมขึ้นไปไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าจำนวน 1,000,000 เม็ด) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย”

สำหรับประวัติของนายมงคล หรือแอลบ่ออิฐ เป็นนักค้ายาเสพติดรายใหญ่เคยถูกจับกุมเข้าออกเรือนจำมาแล้วถึง4 ครั้ง นับตั้งแต่ปี2530 ครั้งนี้เป็นครั้งที่5 เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวส่งสภ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช ท้องที่เกิดเพื่อดำเนินคดีต่อไป


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

กาฬสินธุ์ – เกษตรกรทำนาแล้ง หว่านข้าวรอฝน ลดความเสี่ยงจากการได้รับเชื้อโควิด-19 ไปในตัว

สภาพอากาศที่จังหวัดกาฬสินธุ์ยังร้อนแล้ง ชาวนาในพื้นที่นอกเขตชลประทาน ไม่ได้ใช้น้ำคลองและไม่ได้ทำนาปรัง ประกอบกับเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ชาวนาหลายรายจึงเริ่มออกไปทำนา โดยทำนาแล้งหว่านข้าวรอฝน เป็นการลดความเสี่ยงจากการได้รับเชื้อโควิด-19 ไปในตัว

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามสภาพอากาศและความเป็นอยู่ของประชาชน ในช่วงเริ่มต้นฤดูฝน และอยู่ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ โดยภาพรวมทั่วไปยังแห้งแล้ง เนื่องจากภาวะฝนทิ้งช่วง ในขณะที่สถานการณ์ของโรคติดเชื้อโควิด-19 ยังพุ่งสูงต่อเนื่อง ล่าสุดพบผู้ป่วยยืนยันในรอบ 3 จำนวน 77 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.กาฬสินธุ์ โดยนายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ นพ.ประมวล ไทยงามศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ และบุคลากรหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้จัดประชุมและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมกำชับให้ประชาชน สถานประกอบการ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเข้มข้น

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประชาชนเอง ก็ได้มีการป้องกันและปรับตัว เพื่อให้การดำรงชีวิตดำเนินไปอย่างปกติ ทั้งในส่วนของการประกอบอาชีพ และการปฏิบัติตนตามมาตรการทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของผู้ประกอบการร้านค้า เกษตรกร ประชาชนทั่วไป เพื่อให้ก้าวข้ามสถานการณ์โควิด-19

นางมนูญ ชาวไร่ อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 35 หมู่ 1 ชาวนาบ้านโคกใหญ่ ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ถึงแม้ในพื้นที่และชุมชนใกล้เคียง มีผู้ได้รับเชื้อโควิด-19 รวมทั้งมีกลุ่มเสี่ยงหลายคน แต่ตนและเพื่อนบ้านก็ไม่ได้ตระหนก เนื่องจากทุกคนได้ปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ถือเป็นช่วงเฝ้าระวัง ประกอบกับที่ผ่านมาตนไม่ได้ทำนาปรัง เนื่องจากน้ำไม่เพียงพอ จึงได้เริ่มลงมือทำนา โดยจ้างรถไถพรวน และทำนาหว่าน เพื่อประหยัดค่าจ้างแรงงาน และสะดวกกว่าการทำนาดำ ที่ต้องอาศัยน้ำขังและแรงงานหลายคน ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก

นางมนูญกล่าวอีกว่าที่นาตนมีเพียง 4 ไร่ และขอเช่าจากญาติอีก รวม 15 ไร่ น้ำจากคลองชลประทานไม่เพียงพอ เพราะอยู่บนพื้นที่สูง จึงอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก ปีที่แล้วผลผลิตตกต่ำเนื่องจากฝนแล้ง ปีนี้จึงขอแก้ตัวทำนาหว่านอีกครั้ง ทั้งนี้ ในการเริ่มต้นฤดูนี้ ถึงแม้ฝนจะทิ้งช่วงและว่างงาน ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการประกอบอาชีพ และลดความเสี่ยงจากการได้รับเชื้อโควิด-19 ดังกล่าว จึงลงมือหว่านข้าวนาแล้งเพื่อรอฝน  โดยคาดการณ์ไว้ว่าหว่านเมล็ดพันธุ์ไปสักระยะหนึ่ง หากมีฝนตกลงมาเมล็ดข้าวก็จะงอกตามธรรมชาติเอง

ชลบุรี - พนักงานบริษัทขับเก๋งจะไปรับน้องชาย จู่ ๆ ไฟเตือนโชว์ที่หน้าปัด-รถเร่งไม่ขึ้น ตัดสินใจจอดชิดซ้ายข้างทาง สุดช็อกเห็นเพลิงลุกไหม้มาจากห้องเครื่อง หนีตายหวุดหวิด ยังไม่ทราบสาเหตุ

เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 4 พ.ค. เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยศีลธรรมสมาคมบ้านบึงจุดบ่อวิน รับแจ้งเหตุไฟไหม้รถยนต์นั่งส่วนบุคคล บนทางต่างระดับมาบเอียง-แยกอมตะ (ขาเข้าสัตหีบ) หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยรถน้ำดับเพลิงจากองค์การบริหารส่วนตำบลบ่อวิน  เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อวิน ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณช่องทางด่วนซ้ายสุด เจ้าหน้าที่พบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า โคโรน่า สีเทา หมายเลขทะเบียน ฐบ 3965 กรุงเทพมหานคร ถูกเพลิงลุกไหม้ที่บริเวณห้องเครื่องฝากระโปรงหน้ารถ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงใช้น้ำฉีด โดยใช้เวลาไม่กี่นาทีก็สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้  เบื้องต้นทราบชื่อคนขับ คือ นายสุธายุทธ มีลี อายุ 37 ปี ยืนอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยความตกใจ

โดยสุธายุทธ เล่าว่า ขณะขับรถออกจากที่ทำงานเพื่อจะไปรับน้องชายที่พัทยา เมื่อขับมาถึงจุดเกิดเหตุ มีไฟรถโชว์ที่หน้าปัด ก่อนที่รถจะเร่งไม่ขึ้น จึงได้จอดชิดซ้าย พบว่ามีเพลิงกำลังลุกไหม้ที่ด้านหน้ารถ  ส่วนสาเหตุนั้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากอะไร ก่อนจะเรียกเจ้าหน้าที่ประกันเพื่อมาตรวจสอบความเสียหาย พร้อมให้รถยกของบริษัทประกันยกรถออกจากจุดเกิดเหตุ


ภาพ/ข่าว  ไพโรจน์ วรนุชกุล / ฐานภัทร อะเวลา (เอก ชลนิวส์)

เชียงราย - สกัดแก๊งรถกระบะซิ่งขนยาเสพติดยึดยาบ้า 5 ล้านเม็ด

ตำรวจภาค 5 ติดตามสกัดแก๊งกระบะแต่งซิ่ง ขนยาบ้า 5 ล้านเม็ด พบมีหมายจับติดตัว ทำงานเป็นขบวนการ รับยาเสพติดจากชายแดน แม่ฟ้าหลวง ปลายทาง พระนครศรีอยุธยา ติดตามเครือข่ายตั้งแต่ปี 62 จนจับได้ในที่สุด

เวลา 10.00 น.วันที่ 5 พ.ค.64  ที่กองบังคับการตำรวนภูธรจังหวัดเชียงราย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงข่าวการสกัดกั้นจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 3 คน คือ นายชลธาร เมืองพรม อายุ 20 ปี ชาว ต.ป่าสัก อ.เมือง จ.ลำพูน นายอนันทชัย สมบุญ อายุ 28 ปี ชาว ต.สันมหาพน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ นายสุพจน์ ไชยเดช อายุ 30 ปี ชาว ต.เขื่อนผาก อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 5 ล้านเม็ด ในข้อกล่าวหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

โดยการจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 ก.ค.62 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจท่าก๊อ สภ. แม่สรวยได้ทำการตรวจยึดไอซ์น้ำหนักรวมประมาณ 50 กิโลกรัมพร้อมรถยนต์กระบะ 1 คัน และได้มีการขยายผลการจับกุมจนทราบว่านายสุพจน์ ไชยเดช มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด แต่ไม่มีพยานหลักฐานดำเนินคดี จึงได้ติดตามพฤติการณ์อย่างต่อเนื่อง  และต่อมาเมื่อวันที่ 7 มี.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย ได้จับกุมเครือข่ายยาเสพติด พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 6,230,000 เม็ด ยาไอซ์ประมาณ 12 กิโลกรัม โดยคดีนี้ทางศาลจังหวัดหนองคายได้ออกหมายจับนายสุพจน์ ไชยเดชในความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท1  (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครองครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายตามหมายจับของศาลจังหวัดหนองคายที่ 65/2564

ทางเจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนติดตามพฤติการณ์มาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่ง วันที่ 5 พ.ค.2564 ชุดสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค5  โดย พ.ต.อ.วรพงษ์ คำลือรอง ผบก.สส.ภ.5  พ.ต.อ.พงษ์สวัสดิ์  ไชยบาล รอง ผบกภ.จว.เชียงราย ได้ร่วมกันติดตามจนกระทั่งทราบว่านายสุพจน์ ใช้รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุสีเทาทะเบียน ยข 5535 เชียงใหม่ เข้าพักที่รีสอร์ท ในพื้นที่ ต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว จ.เชียงรายจึงได้เฝ้าสังเกตการณ์จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. พบรถยนต์กระบะสี่ประตูยี่ห้ออีซูซุสีขาวทะเบียน งพ 5339 เชียงใหม่ขับเข้ามารับนายสุพจน์  แล้วขับมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองเชียงรายจึงได้สะกดรอยติดตามไป

จนกระทั่งเวลา 22.00 น. พบรถยนต์อีซูซุสีขาวทะเบียน งพ 5319 เชียงใหม่ขับขี่มาตามถนนพหลโยธินขาล่องก่อนถึงแยกวัดร่องขุ่นโดยมีรถยนต์กระบะมีโครงเหล็กเสริมกระบะข้างยี่ห้อโตโยต้าสีเทาทะเบียน ยต 3655 เชียงใหม่บรรทุกสิ่งของในกระบะท้ายขับตามกันมาแล้วเลี้ยวขวาสามแยกแม่สรวยมุ่งหน้าไปทาง จ.เชียงใหม่โดยรถยนต์อีซูซุสีขาวทะเบียน งพ 434 เชียงใหม่ได้จอดที่บริเวณหน้ารีสอร์ท และพบนายสุพจน์ เดินลงจากรถเข้าไปในภายรีสอร์ท ส่วนรถยนต์อีซูซุสีขาวทะเบียน งพ 5319เชียงใหม่ได้ขับออกไปอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าไปทาง จ.เชียงใหม่โดยมีรถยนต์กระบะทะเบียน ยต 3685 เชียงใหม่ขับขี่ตามไป

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต่านตรวจ ท่าก๊อ สภ. แม่สรวย จึงได้ทำการสกัดรถยนต์กระบะทะเบียน ยต 3685 เชียงใหม่เอาไว้ได้ โดยมีนายชลธาร เป็นผู้ขับขี่และพบยาบ้าจำนวน 5 ล้านเม็ดซุกซ่อนอยู่บริเวณกระบะท้ายโดยมีผ้าใบปกคลุมอยู่ระหว่างตรวจนับยาเสพติด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เวียงป่าเป้าได้ทำการสกัดและเรียกตรวจค้นรถยนต์ทะเบียน งพ 5319 เชียงใหม่ได้ที่บริเวณริมถนนสายเชียงราย-เชียงใหม่ก่อนถึงตลาดสดเวียงป่าเป้าโดยมีนายอนันทชัย เป็นผู้ขับและเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกส่วนหนึ่งจึงได้เข้าควบคุมตัวนายสุพจน์ พร้อมรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุสีเทาทะเบียน ยข 5535 เชียงใหม่ที่บริเวณรีสอร์ท  จึงร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสามพร้อมของกลางส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตามขบวนการค้ายาเสพติดรายนี้มานานแล้ว เพราะมีพฤติกรรมไปพัวพันกับการขนยาเสพติดเข้าสู่ขั้นในของประเทศ มีหมายจับศาล จ.หนองคาย และพัวพันกับการลำเลียงยาเสพติดหลายครั้ง โดยครั้งนี้ได้ลำเลียงยาเสพติดเข้ามาทางชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย แล้วนำไปพักในพื้นที่ อ.แม่สรวย โดยมีผู้ต้องหาหลัก 1 คนที่เป็นผู้จ้างวานพรรคพวกอีก 2 คนเป็นเงิน 200,000 บาท เพื่อนำไปส่งที่จุดหมาย จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ครั้งนี้เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนสกัดและจับกุมตัวเอาไว้ได้ในที่สุด


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์

เชียงราย – พายุลูกเห็บถล่มแม่สาย ต้นไม้หักโค่นขวางถนน เร่งเปิดเส้นทาง นายอำเภอสั่งเร่งตรวจสอบความเสียหาย

วันที่ 5  พ.ค.64 นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย อ.แม่สาย ตรวจสอบความเสียหายในพื้นที่ หลังจากเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมาได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมพัดแรง รวมถึงมีลูกเห็บตกในพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยพายุฝนได้พัดกระหน่ำอย่างหนักเป็นเวลาประมาณ 30 นาที ทำให้พื้นที่หลายแห่งได้รับความเสียหาย มีต้นไม้หักโค่นลงมาทับขวางถนน  ต้นไม้ภายในโรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ได้รับเสียหาย

โดยจุดที่ต้นไม้ล้มขวางถนนเป็นเส้นทางจากบ้านสายลมจอย ไปด่านตรวจป่าสัก ซึ่งเป็นเส้นทางลัดเลาะตามชายแดน โดยทางเจ้าหน้าที่ทหารจากกองร้อยทหารม้าที่ 3 บก.ควบคุมที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ภายใต้การอำนวยการของ พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผู้บังคับกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง  ได้นำกำลังเครื่องมือ ร่วมกับชาวบ้าน ฝ่ายปกครอง ทำการเปิดเส้นทางเพื่อให้สัญจรไปมาได้ตามปกติ

นอกจากนี้ยังพบว่ามีต้นเสากาแลรูปทรงศิลปะที่ตั้งบนถนนพหลโยธินขาเข้าและออกเมืองแม่สาย ได้ล้มลงมาบนผิวจราจรแต่ช่วงเกิดเหตุไม่มีรถสัญจรผ่านไปมาทำให้ไม่มีผู้ได้รับอันตราย ด้านนายวรรณศิลป์ จิระกาศ ปลัดเทศบาล ต.แม่สาย เปิดเผยว่า พายุลูกเห็บดังกล่าวเป็นพายุฤดูร้อนทำให้เทศบาลได้สำรวจความเสียหาย พบว่ามีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 7 จุด เบื้องต้นได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ออกไปช่วยเหลือตามจุดต่าง ๆ โดยเฉพาะการตัดกิ่งไม้ต้นไม้ที่ล้มขวางถนน ส่วนกรณีต้นเสากาแลที่ล้มบนถนนก็จะได้รีบเก็บกู้และซ่อมแซมให้แล้วเสร็จโดยเร็ว


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์ / เชียงราย

หมายเหตุ  : ขอบคุณภาพจาก กุลธิดา คาแคร์

สุโขทัย - ชาวบ้านเลือกซื้อขิง กระชาย รับประทานต้านโควิด-19

เมื่อเวลา 09.00น.วันที่ 5 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ซึ่งพบผู้ป่วยต่อเนื่อง ล่าสุดข้อมูลจากสสจ.สุโขทัย รายงานสถานการณ์จังหวัดสุโขทัย ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 96 ราย รักษาหาย 46 ราย กำลังรักษา 48 ราย และเสียชีวิต 2 ราย ทำให้ชาวบ้านต่างต้องหาวิธีป้องกันทุกวิธี เช่นเดียวกับการรับประทานน้ำขิง และกระชายสด

ซึ่งมีการเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ว่าขิง และกระชาย มีสรรพคุณช่วยให้ร่างการแข็งแรงและเสริมภูมิคุ้มกันทำให้มีชาวบ้านออกมาหาซื้อขิงสด และกระชาย นำไปรับประทานเป็นจำนวนมาก จากการสอบถามนายรพีพัฒน์ ทรงอยู่ อายุ 51 ปี หรือลุงต๊ะ เจ้าของแผงผักในตลาดสดสวรรคโลก เล่าว่าช่วงนี้จะมีลูกค้ามาเลือกซื้อขิง และกระชาย เป็นจำนวนมาก เพื่อนำไปรับประทานซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าจะทำให้ร่างกายแข็งแรงและสามารถต้านไวรัสโควิด-19 ได้ ซึ่งวันหนึ่งจะมีลูกค้ามาซื้อขิงวันละประมาณ 20  กิโล ราคากิโลละ 40 บาท ส่วนกระชายวันหนึ่งประมาณ 30 กิโล ราคากิโลละ 50 บาท ซึ่งลูกค้าคนหนึ่งจะซื้อครั้งละครึ่ง ถึง 1กิโล 


ภาพ/ข่าว  พงศ์เทพ สาคร

ขอนแก่น - กกต.ขอนแก่น ติวเข้ม 3 เทศบาลเตรียมการลงคะแนนเลือกตั้งใหม่ “อภินันท์” ย้ำชัดห้ามผู้สมัครหาเสียงเด็ดขาด และกำชับทุกหน่วยคุมเข้มโควิดอย่างเต็มที่

เมื่อเวลา 10.00  น.วันที่ 5 พ.ค.2564 ที่ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. จ.ขอนแก่น นายอภินันท์  จันทร์อุปละ ผอ.กกต.ขอนแก่น ประชุมร่วมกับ ประธาน กกต.และ ผอ.กกต.รวมไปถึงจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการจัดการเลือกตั้ง เพื่อเตรียมการสำหรับการลงคะแนนใหม่ ใน 3 เทศบาลฯ ตามที่ กกต.กลางได้มีคำสั่งให้จัดการลงคะแนนใหม่ในวันที่ 16 พ.ค.ที่จะถึงนี้ ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.

นายอภินันทร์  จันทร์อุปละ ผอ.กกต.ขอนแก่น กล่าวว่า  ภายหลังจากที่ กกต.กลาง ได้มีคำสั่งให้มีการลงคะแนนใหม่   3 เทศบาล  ประกอบด้วย ทต.ม่วงหวาน อ.น้ำพอง ลงคะแนนใหม่ เฉพาะสมาชิกฯ ในเขตเลือกตั้งที่ 1 หน่วยเลือกตั้งที่ 2 ,เทศบาลตำบลโพธิ์ไชย เฉพาะนายกเทศมนตรี ในเขตเลือกตั้งที่ 1 หน่วยเลือกตั้งที่ 1 และเทศบาลตำบลบ้านเป็ด เฉพาะนายกเทศมนตรี ในเขตเลือกตั้งที่ 1 หน่วยเลือกตั้งที่ 19  อันมีผลมาจากการเกิดบัตรเขย่ง ทำให้วันนี้ กกต.ขอนแก่น ต้องเชิญ ประธาน กกต.,ผอ.กกต. รวมไปถึงจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการจัดการเลือกตั้งจากเทศบาลฯทั้ง 3 แห่ง มารับทราบแนวทางการดำเนินการจัดตั้งตามระเบียบและข้อบังคับ ตามที่ กกต.กำหนด

 “ หน่วยเลือกตั้งทั้ง 3 เทศบาลฯที่ต้องมีการลงคะแนนใหม่นั้น พบว่ามีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณหน่วยละ 700 คน ดังนั้นการจัดคูหาและสถานที่ลงคะแนนนั้นจะต้องคุมเข้มตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัวโควิด-19 อย่างเข้มงวด ประกอบกับการจัดการลงคะแนนใหม่นั้น ทุกหน่วยเลือกตั้งอาจจะใช้กรรมการชุดเดิมหรือเปลีย่นแปลงกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ก็สามารถกระทำได้ ตามดุลยพินิจของ กกต.ประจำเทศบาลฯ แต่การพูดคุยกันในวันนี้เป็นการเน้นย้ำในรอบสุท้ายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์บัตรเขย่งหรือข้อผิดพลาดใด ๆ ในการจัดการจัดให้มีการลงคะแนนใหม่ในครั้งนี้ โดยที่ กกต.ขอนแก่น จะเป็นพี่เลี้ยงและจัดเจ้าหน้าที่ไปประจำเพื่อกำกับควบคุมดูแลในวันที่ 16 พ.ค.เพื่อให้การดำเนินงานในขั้นตอนต่าง ๆ เป็นไปอย่างเรียบร้อยและรัดกุม”

 นายอภินันท์ กล่าวต่ออีกว่า 3 หน่วยเลือกตั้งของทั้ง 3 เทศบาลฯดังกล่าว ผู้สมัครห้ามหาเสียงเด็ดขาด ตามระเบียบที่กำหนดไว้ ซึ่งหากพบว่ามีการฝ่าฝืนหรือมีการร้องเรียนเกิดขึ้น ทีมสอบสวนของ กกต.จะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและทำการสอบสวนทันที อย่างไรก็ตามสำหรับการรับรองผลการเลือกตั้งในตำแหน่งนายกฯ และ สมาชิกสภาเทศบาล ในส่วนที่เหลือนั้น ขณะนี้เข้าสู่การรับรองในรอบที่ 2 คือไม่เกินวันที่ 27 พ.ค. อันมีผลมาจากการร้องเรียน ซึ่งขณะนี้เจ้าพนักงานสอบสวนของ กกต.อยู่ในระหว่างการสอบสวนตามข้อร้องเรียนที่ส่งเข้ามาซึ่งมีทั้งหมด  20 เรื่อง ที่ กกต.ขอนแก่น ได้รับเรื่องไว้ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการซื้อเสียง การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งที่มีหลักฐานชัดเจนและเรื่องของการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร ทั้งนี้เมื่อการสอบสวนแล้วเสร็จ กกต.ขอนแก่น จะสรุปเรื่องรับรองและผลการสอบสวนไปที่ กกต.กลาง เพื่อพิจารณารับรองตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top