Sunday, 16 June 2024
NewsFeed

‘เศรษฐา’ ถึงโตเกียว เดินเที่ยวย่าน ‘กินซ่า’ ใส่เสื้อ ‘ผ้าขาวม้า’ สีสันสดใส อวดให้ชาวญี่ปุ่นเห็น

(22 พ.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเตรียมเข้าร่วมการประชุมในช่วงเย็นวันนี้ (22 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง

นายเศรษฐาได้ใช้เวลาว่างออกมาเดินบริเวณหน้าโรงแรมที่พัก The Peninsula Tokyo ใกล้ย่านกินซ่า ก่อนปฏิบัติภารกิจการเข้าร่วมการประชุม Nikkei Forum Future of Asia ครั้งที่ 29

โดยนายเศรษฐา สวมใส่เสื้อเชิ้ตที่ตัดจากผ้าขาวม้าสีสันสดใส จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ มาอวดชาวญี่ปุ่น ก่อนโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า …

“ถึงโตเกียวแล้วครับ หลังเตรียมงานวันพรุ่งนี้ที่จะพบภาคเอกชนหลายรายทั้ง Mitsui & Co, Ajinomoto, Nidec Corporation, Sony และ MUFG & SoftBank เรียบร้อยแล้ว เลยเดินออกกำลังกายรอบโรงแรมที่พัก และไม่ลืมใส่เสื้อเชิ้ตผ้าขาวม้าสีสันสดใส จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ มาอวดชาวญี่ปุ่นด้วยครับ”

‘ชาวต่างชาติ’ เล่าความประทับใจ ทำมือถือหายใน ‘แท็กซี่’ ‘คนขับ’ รีบเอามาส่งคืนให้ ถึงแม้จะอยู่ไกล หลายร้อยกิโลเมตร

(22 พ.ค.67) ชาวต่างชาติรายหนึ่งได้ตั้งกระทู้เรดดิท บอกเล่าเรื่องราวสุดประทับใจเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ของคนไทยที่ทำเขาลืมไม่ลง

โดยเจ้าของกระทู้เล่าว่า เมื่อคืนก่อนเขาดื่มแอลกอฮอล์มากไปหน่อย ตื่นเช้ามาก็พบว่าโทรศัพท์ได้หายไป เขาจึงรีบเปิดโน้ตบุ๊กและเข้าเฟซบุ๊กเพื่อพูดคุยกับแฟน ต่อมานึกได้ว่าเผลอทิ้งโทรศัพท์ไว้ในโบลต์แท็กซี่ เขาจึงเข้าอีเมลเพื่อตรวจดูใบเสร็จและข้อมูลของคนขับ จากนั้นก็นำข้อมูลที่ได้ไปค้นหาในเฟซบุ๊ก จนพบกับคนขับ

เขารีบส่งข้อความไปหาคนขับทันที ด้านคนขับก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว โดยแจ้งว่าเจอโทรศัพท์อยู่บนรถและจะนำไปคืนให้ แต่คงต้องใช้เวลาเพราะตอนนี้อยู่ที่กรุงเทพฯ (ห่างจากชลบุรีประมาณ 80 ไมล์ หรือราว 128 กิโลเมตร)

และไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ทางคนขับก็ได้นำโทรศัพท์มาคืนตามที่บอกไว้ ซึ่งเขาประทับใจมากและไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรให้เพียงพอ เขาจึงให้ทิปคนขับไปจำนวนหนึ่ง พร้อมตั้งกระทู้เพื่อแบ่งปันความประทับใจครั้งนี้

ด้านความคิดเห็นชาวเน็ตนั้น ต่างเข้ามาชื่นชมในความจิตใจดีของคนขับ พร้อมเล่าประสบการณ์การทำของหายที่เมืองไทยเพียบ ซึ่งส่วนใหญ่ค่อนข้างประทับใจในความซื่อสัตย์และความใจดีของคนไทย

“คล้ายกับฉัน ตอนนั้นนั่งแท็กซี่จากสุวรรณภูมิไปนานา หอบทั้งกระเป๋าสะพายและกระเป๋าเดินทาง แล้วดันลืมโทรศัพท์ไว้บนรถ หลังจากเช็กอิน พนักงานก็เอากระเป๋าไปไว้บนห้อง แต่พอเปิดกระเป๋าก็พบว่าโทรศัพท์หายไป เลยไปล็อบบี้แล้วขอดูกล้องวงจรปิด ดูเรื่อยๆ ทายสิว่าใครจอดรถและเดินเข้ามาในล็อบบี้พร้อมโทรศัพท์ของฉัน!? คนขับแท็กซี่ เขาขับไปครึ่งทางแล้วแต่ก็วนกลับมา ฉันทั้งตกใจและโล่งใจเลยให้ทิป 1,000 บาท แต่เขาปฏิเสธ ฉันจึงยัดเงินลงในกระเป๋าของเขา พร้อมขอบคุณ”

“อย่างน้อยปีละครั้งที่ฉันลืมโทรศัพท์ไว้ในแกร็บ แต่ฉันก็ได้มันคืนมาเสมอ ไม่ว่าคนขับจะสังเกตเห็นและเอามาคืนเอง หรือฝั่งฉันจะยืมโทรศัพท์เพื่อนเพื่อโทรไปหาคนขับก็ตาม คนขับก็จะวนกลับมาภายใน 20 นาที”

“ภรรยาของฉันเคยทำโทรศัพท์หล่นไว้บนรถตุ๊กตุ๊กในกรุงเทพ ฉันพูดได้เลยว่าเธอเสียใจมาก แต่เธอก็พยายามแสดงออกว่าโอเค ฉันเลยกระหน่ำโทรหาประมาณ 100 ครั้ง และในที่สุดคนขับก็ได้ยิน และเอาโทรศัพท์กลับมาคืนให้ภรรยา”

'ดร.หิมาลัย' ปลื้ม!! ตัวเทพธุรกิจชั้นนำไทยร่วมส่งพลังใจให้ 'พี่ตุ๋ย' หลังมุ่งมั่นสร้างความเป็นธรรมด้านราคาพลังงานไทยแบบพลิกโฉม

ย้อนไปเมื่อ 10 พ.ค.67 พี่วิกรม กรมดิษฐ์และพี่ๆ น้องๆ กลุ่มคนรักเดช (พี่เดช บุลสุข ผู้ก่อต้องแมคโดนัลด์ในไทย ซึ่งท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่เพื่อนๆ ของพี่เดชยังมีการรวมตัวจัดงานระลึกถึงเป็นระยะๆ โดยมีพี่วิกรมฯ เป็นประธานจัดอยู่เสมอๆ) ได้กรุณาจัดงานเลี้ยงเล็กๆ แสดงความยินดีและให้กำลังใจผม ในการทำงานการเมืองในตำแหน่ง ผอ.พรรค รวมไทยสร้างชาติ

ในงานนี้ พี่วิกรมฯ ได้เปิดโอกาสให้พี่ๆ ในงานหลายท่านได้พูดคุยสอบถามถึงงานในด้านการเมืองของพรรคและนโยบายด้านพลังงานที่พรรครับผิดชอบอยู่ ผมได้มีโอกาสชี้แจงถึงการทำงานของท่านพีระพันธุ์ฯ ซึ่งพยายามทำงานอย่างหนัก ในการผ่าโครงสร้างราคาพลังงานของประเทศ โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ซึ่งท่านเห็นว่ายังไม่เป็นธรรมต่อประชาชน อาทิ...

การพยายามขอลดภาษีน้ำมัน / การขอเงินอุดหนุนน้ำมันดีเซล / การจัดตั้งยุทธศาสตร์น้ำมันสำรองของประเทศชาติ เพื่อมีน้ำมันให้ประชาชนใช้ในยามวิกฤต รวมถึงให้ทหาร-ตำรวจได้ใช้ในภารกิจป้องกันประเทศและรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ / การส่งเสริมการนำเข้าน้ำมันเฉพาะกลุ่ม เช่น ภาคการขนส่ง เพื่อให้ได้น้ำมัน ในราคาถูก ทำให้ต้นทุนในการขนส่งสินค้าลดลง / การจัดหาน้ำมันราคาถูกเพื่อเกษตรกร 

ผมได้เล่าให้ฟังอีกว่า ท่านพีระพันธุ์ ฯ ทำงานอย่างหนักทุกวัน เพื่อให้สิ่งเหล่านี้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม อย่างการที่ให้บริษัทน้ำมันต้องแจ้งต้นทุนน้ำมันซึ่งไม่เคยมีมาก่อนเลย เป็นมาตรการขั้นต้น เพื่อให้รัฐมีเครื่องมือในการพิจารณาในเรื่องราคาน้ำมัน และการชดเชยจากกองทุนน้ำมันอย่างเป็นธรรมได้มากขึ้น 

ทว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ มีอุปสรรคทั้งในด้านระเบียบข้อบังคับกฎหมาย และอิทธิพลจากภายนอก อย่างปัจจุบันโรงกลั่นในประเทศไทยมีอยู่จำนวน 6 โรง ท่านพีระพันธุ์ ฯ ก็ได้มีนโยบายในการหาผู้ลงทุนโรงกลั่นเพิ่มในประเทศไทย แต่เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ประกอบการเดิม และเกิดแรงต่อต้าน โรงกลั่นที่เกิดขึ้นใหม่ จึงให้กลั่นเพื่อการส่งออกเท่านั้น และรัฐจะเก็บภาษีเป็นน้ำมันเพื่อสำรองไว้ใช้ตามยุทธศาสตร์น้ำมันสำรองของชาติโดยที่ไม่ต้องเสียเงินงบประมาณแผ่นดิน ไปหาซื้อน้ำมันมาเก็บเป็นน้ำมันสำรองแต่อย่างใด 

หลังจากที่พี่ๆ ในกลุ่มได้ฟังถึงการทำงาน ของท่านพีระพันธุ์ ฯ นอกจากพี่ วิกรม กรมดิษฐ์ แล้ว พี่ๆ อีกหลายท่าน เช่น พี่สมพงษ์ ดาววิเศษ, พี่ประเสริฐ เตชะวิบูลย์ ได้ฝากให้กำลังใจท่านพีระพันธุ์ฯ ขอให้ประสบความสำเร็จในการทำงานเพื่อประเทศชาติและบ้านเมืองต่อไป ซึ่งผมได้นำเรียนให้ท่านพีระพันธุ์ ฯ ได้รับทราบถึงความปรารถนาดีของพี่ๆ ทุกท่าน ท่านได้ฝากขอบคุณพี่ๆ ทุกท่าน ที่กรุณาให้กำลังใจมา ณ โอกาสนี้

มันไม่สำคัญว่าเราจะอยู่ตรงกลางหรือเปล่า เราสามารถไชน์ได้จากทุกที่

‘แพร ภริตา’ 1 ในสาวไทยจากวง ‘BABYMONSTER’ เปิดใจถึงรุ่นพี่ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ ผ่านบทสัมภาษณ์ใน Teen Vogue #BABYMONSTER โดยระบุว่า…

หนูรู้สึกว่าพี่ลิซ่าเปิดประตูสู่ความสำเร็จหลาย ๆ อย่างให้พวกเรามาถึงจุดนี้ค่ะ เพราะงั้นหนูเลยรู้สึกขอบคุณมาก ๆ

คำสอนจากพี่ลิซ่าที่ติดอยู่ในใจหนูมากที่สุดคือ… "มันไม่สำคัญว่าเราจะอยู่ตรงกลางหรือเปล่า เราสามารถไชน์ได้จากทุกที่"

เชียงใหม่-นบ.ยส.35 แถลงผลการปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ ห้วง 6 เดือน

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ที่ห้องพลอยไพลิน โรงแรมกรีนเลค รีสอร์ท อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (ผบ.นบ.ยส.35) นางจิตติวรรณ เอมมณีรัตน์ อธิบดีอัยการภาค 5 นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย ที่ปรึกษา ป.ป.ส. นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ ผอ.ปปส.ภ.5 นายศราวุธ ภักดี ผอ.ปปส.ภ.6 นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล ผบก.ภ.จว.ตาก พ.อ.กิดากร จันทรา รอง ผบ.กล.ผาเมือง และ พ.อ.ไมตรี ชูปรีชา รอง ผบก.กกล.นเรศวร ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ ในช่วง 6 เดือน 

ตามที่ รัฐบาลได้ประกาศพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน 11 อำเภอ ของจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย (อำเภอเวียงแหง, เชียงดาว, ฝาง, ไชยปราการ, แม่อาย, แม่จัน, แม่ฟ้าหลวง, แม่สาย, เชียงแสน, 
เวียงแก่น และ เชียงของ) ตั้งแต่เดือน ธันวาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลาร่วม 6 เดือน 

ผลการปฏิบัติการสกัดกั้น มีเหตุการณ์สำคัญ 74 เหตุการณ์ โดยมีการปะทะกับกลุ่มขบวนการ 30 ครั้ง ตรวจยึด/จับกุม 40 ครั้ง และขยายผลยึดทรัพย์ 4 ครั้ง ตรวจยึดยาบ้ารวม 129 ล้านเม็ดเศษ, ไอซ์ 1,890 กก., เฮโรอีน 249 กก., ฝิ่นดิบ 188 กก. จับกุมผู้ต้องหา 1,507 ราย กลุ่มขบวนการเสียชีวิต 25 ศพ 

ในปัจจุบัน รัฐบาลมีนโยบายที่จะเร่งแก้ไขปัญหาการลักลอบนำเข้ายาเสพติดในทุกพื้นที่ชายแดนของประเทศ ให้เห็นผล และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 
จึงได้มีมติ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 เห็นชอบให้เพิ่มพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในพื้นที่ชายแดนภาคเหนืออีก 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปาย และปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน, อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย, อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา, อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน และ อำเภอแม่สอด, อำเภอพบพระ จังหวัดตาก

ทั้งนี้ พลเอกนฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ(ผบ.นบ.ยส.35) ได้เปิดเผยว่า ในห้วงที่ผ่านมามีการจับกุมยาบ้าได้เป็นจำนวนมากในพื้นที่รับผิดชอบ อีกทั้งยังพบว่ากลุ่มขบวนลักลอบขนยาเสพติด ใช้พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่, เชียงราย และพื้นที่ข้างเคียงเป็นทางผ่านเพื่อส่ง ไอซ์ และ เฮโรอีน ออกไปต่างประเทศมากขึ้น จึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่สำคัญเร่งด่วน และพื้นที่อนุมัติเพิ่มเติม ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 5, ตำรวจภูธรภาค 6, ตำรวจปราบปรามยาเสพติด, กองกำลังผาเมือง, กองกำลังนเรศวร, ผู้ว่าราชการจังหวัด เชียงใหม่, เชียงราย, แม่ฮ่องสอน, พะเยา, น่าน และ ตาก ปปส.ภาค 5 และ ปปส.ภาค 6 ตลอดจนที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศ และ อุตสาหกรรม ร่วมกันพิจารณาหารือ ถึงแนวทางในการขับเคลื่อนงานด้านการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด ได้แก่การเพิ่มกำลังในพื้นที่ หรือการเพิ่มความถี่ในการปฏิบัติการ ซึ่ง นบ.ยส.35 จะต้องจัดส่วนแยกออกไปดำเนินการ ประสานการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้ง 6 จังหวัด18 อำเภอ ให้บรรลุ
ตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล

นอกจากนี้ นบ.ยส.35 ยังมุ่งเน้นการประสาน และหารือกับประเทศเพื่อนบ้าน ในการส่งหมายจับของผู้ต้องหา เพื่อขอความร่วมมือในการส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับมารับโทษ ซึ่งจะต้องขอความร่วมมือ
จากสื่อมวลชน ให้ประโคมข่าวผู้ต้องหาหลบหนีข้ามแดน ก็จะเป็นการกดดันหน่วยงานที่รับผิดชอบในประเทศเพื่อนบ้านได้เร่งรัดและให้ความสำคัญ จากกระแสสื่อสังคมอีกทางหนึ่ง

การประชุมในครั้งนี้ จะเกิดประโยชน์ต่อทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะในเรื่องของการประสานงาน และการบูรณาการ การปฏิบัติในระดับพื้นที่ หน่วยที่มาประชุมได้ ร่วมพิจารณาการนำเสนอข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะต่างๆ อันนำไปสู่แนวทางในการปรับปรุงพัฒนาการปฏิบัติ เพื่อลดระดับความรุนแรงของปัญหายาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ ให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป 

'ชาวแอฟริกา' นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ในภาคเกษตร พลิกผืนทรายแห้งแล้ง เป็นผืนดินอุดมสมบูรณ์ 'เพาะปลูก-เลี้ยงสัตว์' ได้

(23 พ.ค.67) เพจ 'เกษตร นานา' ได้โพสต์ข้อความชวนประทับใจผ่านเรื่องราวของอาณาจักรเลโซโท ระบุว่า...

ชาวเลโซโท ในทวีปแอฟริกา ได้น้อมนำเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยทำการเกษตรแบบผสมผสานไปใช้ในประเทศ จนสามารถพลิกฟื้นผืนดินจากทะเลทรายอันแห้งแล้งให้เป็นผืนดินอุดมสมบูรณ์สามารถปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ได้ โดยผ่านโครงการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืนในเลโซโท 

สำหรับโครงการนี้ มีการจัดตั้งศูนย์สาธิต Koete และชุมชน Makoabating เขต Matsieng กรุงมาเซรู ราชอาณาจักรเลโซโท เพื่อให้เกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจ สามารถนำความรู้การพัฒนาการเกษตรโดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนและชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ และเป็นแหล่งเรียนรู้แก่ชุมชนอื่นนำไปสู่การพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน

‘ทุน ม.ท.ศ.’ ทุนการศึกษาพระราชทาน จาก ‘ในหลวง ร.10’ มอบโอกาสให้เด็กเรียนดี แต่ไร้ทุนทรัพย์ ให้เปล่าไม่ต้องคืน

เมื่อไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก ‘สำนักประชาสัมพันธ์เขต 2 กรมประชาสัมพันธ์’ ได้โพสต์คลิปเกี่ยวกับทุนการศึกษาพระราชทาน หรือ ‘ทุน ม.ท.ศ.’ ของ ‘พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ’ ที่พระองค์ทรงพระราชทานด้วยทรัพย์ส่วนพระองค์เองนั้น ในการเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียนนักศึกษาจากทุกจังหวัดทั่วประเทศมาแล้วกว่า 15 รุ่น รวมกว่า 2,411 ราย โดยระบุว่า…

ทุนการศึกษา ‘ทุน ม.ท.ศ.’ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดําริให้ดําเนินโครงการทุนการศึกษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ตั้งแต่ปี 2552 และในปี 2553 ได้มีการจัดตั้งเป็นมูลนิธิทุนพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นการเปิดโอกาสให้กับนักเรียนที่เรียนดี มีความประพฤติดี แต่ขาดโอกาสทางการศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ปวช. ปวส. ทั้งบุคคลธรรมดา และก็สามเณร

อย่างไรก็ตาม มีนักเรียนทุนรายหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันเป็นคุณครูอยู่ที่จังหวัดสกลนคร ซึ่งคุณครูรายนี้ได้เล่าให้ฟังว่าตอนนั้นตนอยู่ ม.3 ได้มีการเตรียมผลงานเพื่อที่จะเสนอขอทุน นั่นก็คือเรื่องของผลการเรียน ความประพฤติที่ดี และก็กิจกรรมต่าง ๆ ที่เคยได้ทํามา เพื่อส่งไปยังสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่ตนเรียนอยู่ แล้วก็มีการคัดเลือกในระดับจังหวัดที่มุกดาหาร เมื่อปี 2553 ได้รับ 2 ทุนด้วยกัน ก็คือนักเรียนชาย 1 คน นักเรียนหญิง 1 คน และหนึ่งในนั้นก็คือตนนั้นเอง

ส่วนเงินที่พระองค์ได้ทรงพระราชทานให้กับนักเรียนทุน ก็เป็นจํานวนมากทีเดียว อย่างระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย คุณครูก็เล่าว่าได้ 18,000 บาทต่อปี ขณะที่ตอนเรียนระดับปริญญาตรีอุดมศึกษา ค่าเทอมไม่ต้องจ่ายสักบาท กองทุนจะเป็นคนจ่ายให้ รวมถึงมีค่าใช้จ่ายรายเดือนให้เดือนละ 5,000 บาท อีกทั้งยังมีค่าหอแยกต่างหาก และค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเครื่องแบบนักศึกษาอีกด้วย

ทั้งนี้ นักเรียนนักศึกษาทุนพระราชทาน หากรักษาสภาพการเป็นนักเรียนนักศึกษาทุนพระราชทาน หรือว่า ทุน ม.ท.ศ. นี้ได้จนจบการศึกษาครบตามเงื่อนไขของทุน ก็ไม่ต้องไปจ่ายเงินคืนให้กับกองทุนแม้แต่บาทเดียว เป็น ‘ทุนให้เปล่า’…

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของพสกนิกรชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนนักศึกษาทุนพระราชทาน ม.ท.ศ. ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ มีมากกว่า 15 รุ่น และก็มีที่เรียนจบปริญญาตรีไปแล้ว 8 รุ่นด้วยกัน ซึ่งร้อยละ 80 ของนักศึกษาทุนมีงานทําแล้ว ทั้งเป็นข้าราชการ และทํางานในภาคเอกชน ส่วนร้อยละ 65 กลับไปทํางานที่บ้านเกิด

‘ฮุนได’ จับมือ ‘JWON’ เปิดประสบการณ์งานศิลป์บนรถ ‘IONIQ 5’ เน้น!! พลังงานสะอาด ปราศจากมลพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (HMT) ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนแห่งโลกยานยนต์ ร่วมมือกับศิลปินไทยชื่อดัง ‘JWON’ สรายุทธ คุระแก้ว นำเสนอพลังสร้างสรรค์แห่งศิลปะที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ผ่านการสรรสร้างงานศิลปะหนึ่งเดียวบนรถยนต์ IONIQ 5 ในรูปแบบของ Art Car พร้อมจัดเวิร์กช็อปรอบเอ็กซ์คลูซีฟ ‘IONIQ Powering Arts x JWON’ ณ IONIQ Lab ให้ผู้เข้าร่วมงานสรรค์สร้างงานศิลปะด้วยตัวเอง ไปพร้อมกับสัมผัสการบรรจบกันของความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยียานยนต์ล้ำสมัย นอกจากนั้น ยังมีนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะของ JWON ที่สรรค์สร้างขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ รวมถึงภาพที่วาดขึ้นใหม่ และรูปปั้น Dylie ขนาด 2 เมตร

ศิลปิน JWON สร้างสรรค์ศิลปะ Art Car บน IONIQ 5 ในธีม ‘Dylie, Embark on your journey to the world’ โดยนำก้อนเมฆมาเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงพลังงานสะอาด ปราศจากมลพิษและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อจุดประกายการมุ่งหน้าสู่อนาคตที่สดใส และดีต่อชีวิตทุกคน Dylie ยังเป็นมากกว่าองค์ประกอบตกแต่ง แต่เชื่อมโยงผู้ชมเข้ากับสภาพแวดล้อมอย่างกลมกลืน พร้อมทั้งเป็นสัญลักษณ์แห่งเส้นทางอันเปี่ยมชีวิตชีวา บนความยั่งยืนเสมือนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆที่สวยงาม การผสานพรสวรรค์ทางศิลปะของ JWON เข้ากับนวัตกรรมอันล้ำหน้าของ IONIQ 5 ในครั้งนี้ จึงแสดงถึงพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของศิลปะ ผ่านการสรรค์สร้างแรงบันดาลใจ และเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมและความยั่งยืน จนก่อเกิดเป็นงานศิลป์บนยนตกรรม Art Car ชิ้นเอกคันแรกและมีเพียงหนึ่งเดียว

ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่การนำเสนอผลงานศิลปะผ่าน IONIQ 5 เพียงอย่างเดียว หากยังมีกิจกรรมเวิร์กช็อปสุดพิเศษที่ IONIQ Lab ให้ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสถึงการบรรจบกัน ของความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด โดย JWON ศิลปินผู้โด่งดังด้านการสร้างสรรค์งานศิลปะร่วมสมัย ได้ร่วมแบ่งปันเทคนิคพร้อมกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมงาน ได้แสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ และนำเสนอเอกลักษณ์ในแบบฉบับของตนอย่างอิสระ สอดคล้องกับจุดประสงค์ของการก่อตั้ง IONIQ Lab เพื่อส่งเสริมการสร้างแนวคิดใหม่และสร้างพื้นที่ในการแสดงออกให้กับทุกคน กิจกรรมเวิร์กช็อปครั้งนี้จึงมุ่งเน้นการขับเคลื่อนแรงบันดาลใจ ให้ผู้คนกล้าคิดบนแนวคิดที่แตกต่าง เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของนวัตกรรมไปสู่ขอบเขตแห่งการสร้างสรรค์ใหม่ไม่รู้จบ

ด้วยพรสวรรค์และสไตล์ศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ของ JWON ซึ่งโด่งดังจากการจัดนิทรรศการในระดับนานาชาติมากมาย จึงถือเป็นโอกาสดีให้ IONIQ เป็นที่รู้จักของกลุ่มคนที่กว้างขวางขึ้น พร้อมดึงดูดความสนใจของกลุ่มผู้สนใจในงานศิลป์จำนวนมากมายังรถยนต์ไฟฟ้า IONIQ ต่อไป นอกจากนี้ การร่วมมือกับ JWON ซึ่งเป็นศิลปินไทย ยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ของ IONIQ กับกลุ่มผู้บริโภคในประเทศ ผ่านการจัดกิจกรรมที่จะมีขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี

นายวัลลภ เฉลิมวงศาเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “IONIQ Lab มิใช่เพียงศูนย์นวัตกรรม หากเป็นเวทีแห่งการเปลี่ยนแปลงที่สร้างแรงบันดาลใจ ในการก้าวเดินไปบนเส้นทางแห่งความยั่งยืน เป็นศูนย์กลางแห่งความมุ่งมั่นและความร่วมแรงร่วมใจ ในการสร้างสรรค์อนาคตที่สดใสกว่าสำหรับทุกคน ความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ยังสอดคล้องกับปณิธานของแบรนด์ ในด้านนวัตกรรม ความยั่งยืน และการนำเสนออัตลักษณ์ของบุคคลอย่างสมบูรณ์แบบ เป้าหมายของเราคือการผสานศิลปะเข้ากับเทคโนโลยี เพื่อจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ที่นำไปสู่การสร้างโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยสไตล์ทางศิลปะที่โดดเด่นและชื่อเสียงในระดับโลกของ JWON ทำให้เราเชื่อมั่นว่า จะทำให้เราเข้าถึงกลุ่มผู้ชมในวงกว้างยิ่งขึ้น และสามารถนำเสนอศักยภาพของรถไฟฟ้า IONIQ ได้อย่างโดดเด่น เราจึงให้ความสำคัญกับศักยภาพของศิลปะ เพื่อใช้กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกผ่านการจัดงานนี้ ด้วยการผสานทักษะทางศิลปะของ JWON เข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัยของ IONIQ 5 จนเชื่อมโยงกันอย่างกลมกลืน และสร้างแรงบันดาลใจพร้อมส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน อย่างโดดเด่นในโลกยานยนต์”

ร่วมสนับสนุนแนวคิดอากาศสะอาดเพื่อเราทุกคน ด้วยการแวะมาพบกับ Dylie พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการงานศิลป์ของ JWON ได้ที่ IONIQ Lab สถานที่ที่ศิลปะ เทคโนโลยี และแนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมมาบรรจบกัน ได้ระหว่างวันที่ 18 พฤษภาคม - 18 มิถุนายน 2567 โดยในนิทรรศการไม่มีได้มีเพียง IONIQ 5 Art Car เท่านั้น แต่ยังมีรูปปั้น Dylie ขนาด 2 เมตร พร้อมผลงานศิลปะจาก JWON อีกหลายชิ้นที่ไม่เคยเปิดตัวที่ไหนมาก่อน มาจัดแสดงที่นี่ ให้คุณชมก่อนใคร

เมื่อลูกเรือของสุดยอดสายการบิน 'สิงคโปร์แอร์ไลน์' พบกับสุดยอดทีมงานจาก 'สนามบินสุวรรณภูมิ'

เครื่องบิน Boeing 777-300ER ของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ (SIA) เที่ยวบิน SQ321 ซึ่งมีผู้โดยสารทั้งหมด 211 คน และลูกเรือ 18 คน บินจากลอนดอน (ฮีทโธรว์) ไปยังสิงคโปร์ ได้ประสบกับสภาพอากาศปั่นป่วน (Turbulence) อย่างกะทันหันบริเวณเหนือทะเลสาบอิรวดี เมียนมา ที่ความสูง 37,000 ฟุต ประมาณ 10 ชั่วโมงหลังจากออกเดินทาง นักบินจึงต้องรีบประกาศภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ และเปลี่ยนเส้นทางเครื่องบินไปยังกรุงเทพฯ และลงจอดยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อเวลา 15.45 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 21 พฤษภาคม 2024

สิงคโปร์แอร์ไลน์ยืนยันว่ามีผู้บาดเจ็บหลายรายและเสียชีวิตหนึ่งรายบนเครื่องบินลำดังกล่าว โดยผู้โดยสารและลูกเรือได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจำนวนหนึ่ง ส่วนผู้โดยสารและลูกเรือที่บาดเจ็บเล็กน้อยได้รับการตรวจรักษาตามอาการ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ

สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทางสิงคโปร์แอร์ไลน์โดย CEO ได้แถลงแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต และขออภัยอย่างที่สุดกับประสบการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจของผู้โดยสารและลูกเรือในเที่ยวบินนี้ โดยสิงคโปร์แอร์ไลน์จะให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นทั้งหมดในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้อย่างเต็มที่

เกี่ยวกับการรับมือในเหตุการณ์นี้ ทางสิงคโปร์แอร์ไลน์ได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรและหน่วยงานท้องถิ่นในประเทศไทยเพื่อให้ความช่วยเหลือที่จำเป็น โดยทีมงานของสิงคโปร์แอร์ไลน์ได้เดินทางมายังกรุงเทพฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมที่จำเป็น และสิงคโปร์แอร์ไลน์กำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย

Peter Seah CEO ของสิงคโปร์แอร์ไลน์กล่าวว่า “ในนามของคณะกรรมการสายการสิงคโปร์แอร์ไลน์ ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวและคนที่รักของผู้โดยสารของเราที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2024 ในเหตุการณ์ SQ321 ผมขอรับรองกับผู้โดยสารและลูกเรือทุกคนที่อยู่บนเครื่องบินว่าเรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนพวกเขาในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ผมอยากจะแสดงความขอบคุณต่อทุกคนในสิงคโปร์ ไทย และทั่วโลกที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้”

สิงคโปร์แอร์ไลน์ ก่อตั้งเมื่อ 1 พฤษภาคม 1947 หรือ 77 ปีก่อนในชื่อ ‘มาลายันแอร์เวยส์’ (Malayan Airways) ปัจจุบันมี Temasek Holdings กองทุนการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ถือหุ้นร้อยละ 55 สิงคโปร์แอร์ไลน์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นสายการบินระดับ 5 ดาว และยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นสายการบินที่ดีที่สุดในโลกโดย Skytrax ถึง 5 ครั้ง และติดอันดับหนึ่งใน 15 สายการบินชั้นนำของโลกในแง่ของรายได้ผู้โดยสารตามระยะทาง และติดอันดับที่ 10 ของโลกสำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศที่บรรทุกผู้โดยสาร พนักงานต้อนรับของสิงคโปร์แอร์ไลน์ได้รับการโหวตให้เป็นลูกเรือของสายการบินที่ดีที่สุดในโลกของ Skytrax ประจำปี 2019 

นอกจากนี้ ยังได้ตำแหน่งสายการบินที่สะอาดที่สุดในโลกตามลำดับในปี 2019 ในปี 2023 ได้รับรางวัล 'สายการบินที่ดีที่สุด' และ 'สายการบินที่บริการชั้นหนึ่งที่ดีที่สุด' โดย Skytrax เป็นครั้งที่ 5

แม้ว่าจุดเกิดเหตุจะใกล้ท่าอากาศยานนานาชาตินครย่างกุ้งมากกว่า แต่นักบินเที่ยวบิน SQ321 ก็ตัดสินใจนำเครื่องบินมุ่งหน้ามาลงยังท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิของไทย ด้วยเหตุที่มีผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิจึงเป็นจุดลงจอดที่เหมาะสมเพราะมีความพร้อมมากกว่า 

ทั้งนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยมีการเตรียมพร้อมรองรับต่อเหตุฉุกเฉินจากการโดยสารเครื่องบินอย่างครบครัน ทั้งยังมีการทบทวนแผน การฝึกซ้อมย่อย และการฝึกซ้อมใหญ่เต็มรูปแบบ (Full Scale Exercise) ตามแผนฉุกเฉินและแผนเผชิญเหตุของสนามบิน (SEMEX) กรณีอากาศยานอุบัติเหตุและการแทรกแซงโดยมิชอบด้วยกฎหมาย 

การฝึกซ้อมฯ ดังกล่าวจะมีการจำลองสถานการณ์ การซักซ้อมกระบวนการปฏิบัติการฉุกเฉินเสมือนจริง ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีร่วมกับทุกภาคส่วนทุกเหล่าทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงหน่วยงานอาสาสมัคร โดยมีกระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบ

ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้โดยสารของสิงคโปร์แอร์ไลน์เที่ยวบิน SQ321 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจึงได้ประกาศแผนฉุกเฉิน และมีการประสานงานไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุ 1669 จังหวัดสมุทรปราการ ประสานขอรถพยาบาลจากหน่วยในพื้นที่ของจังหวัดเข้าสนับสนุน และประสานส่งตัวผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษายังโรงพยาบาลจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี กระทั่งเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ยังได้กล่าวชื่นชมทีมฉุกเฉินที่สามารถปฏิบัติงานรองรับเหตุลงจอดฉุกเฉินของสิงคโปร์แอร์ไลน์เที่ยวบิน SQ321 ตาม ‘แผนฉุกเฉินของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ’ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันเป็นผลมาจากการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้มีการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุร่วมกับหน่วยงานการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่เป็นประจำทุกปี

สิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญที่สุดในระหว่างการโดยสารเครื่องบินคือ ‘การคาดเข็มขัดที่นั่ง’ เมื่อนั่งเครื่องบิน พอไฟเตือนให้คาดเข็มขัดดับลงผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็มักจะพากัน ‘ปลดเข็มขัดที่นั่ง’ ปกติแล้วการเดินทางด้วยเครื่องบินมีโอกาสที่จะเจอกับสภาพอากาศแปรปรวน หรือที่เรียกกันว่า ‘การตกหลุมอากาศ’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝน ทำให้ความเสี่ยงที่จะเจอกับสภาพอากาศแปรปรวนขณะโดยสารเครื่องบินมากยิ่งขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้วนักบินก็จะทำการแก้ไขให้สามารถเดินทางไปได้อย่างปลอดภัย แต่หากขณะที่เครื่องบินเกิดตกหลุมอากาศ ผู้โดยสารที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยก็จะถูกแรงเหวี่ยงให้ลอยขึ้นและตกลงมาสู่พื้นห้องโดยสาร ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บได้ 

ดังนั้นผู้เดินทางโดยเครื่องบินในระหว่างการเดินทางเมื่อนั่งอยู่กับที่ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย แม้ไฟเตือนให้คาดเข็มขัดจะดับลงแล้วก็ตาม อีกประการหนึ่งคือ กระเป๋าที่นำติดตัวขึ้นเครื่อง (Carry-on-bag) ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม หากช่องเก็บของเหนือศีรษะเปิดออกมาเอง จากบางครั้งตอนเครื่องบินลงจอดแล้วกระแทกพื้นแรง ๆ แรงสั่นสะเทือนอาจทำให้ฝาปิดช่องเก็บของเปิดออกมาเองได้ กระเป๋าเดินทางที่น้ำหนักเยอะมากอาจตกใส่ศีรษะผู้โดยสารทำให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต (จากการคอหัก) ได้

‘รมว.ปุ้ย’ สั่งดูแลผลกระทบ ‘ไฟไหม้มาบตาพุด-ขนย้ายสารเคมี’ กำชับ!! ต้องบริหารจัดการความรู้สึกของ ปชช.ไปพร้อมๆ กัน

เมื่อวานนี้ (22 พ.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงอุตสาหกรรม ครั้งที่ 8/2567 โดยมีนางสาวศิรินันท์ ศิริพานิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม นายดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายบรรจง สุกรีฑา นายใบน้อย สุวรรณชาตรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายวิษณุ ทับเที่ยง หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) ณ ห้องประชุม อก.1 ชั้น 2 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้แจ้งในที่ประชุมถึงข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน เรื่องการส่งเสริมการปลูก การผลิต และการแปรรูปผลผลิตกาแฟ โดยได้ฝากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมไปดำเนินการพัฒนาทั้ง 4 ภูมิภาค  นอกจากนี้ ขอให้หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ ลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา 3 วัน เพื่อแสดงความไว้อาลัยประธานาธิบดีอิหร่านถึงแก่อสัญกรรม

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รายงานลำดับเหตุการณ์ไฟไหม้นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ตลอดจนมาตรการดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งรัฐมนตรีอุตสาหกรรมได้ กำชับเรื่องการใช้งบประมาณและความเร่งด่วนต่อการเยียวยา โดยต้องบริหารจัดการความรู้สึกของพี่น้องประชาชนไปพร้อม ๆ กัน และต้องสื่อสารให้ชัดเจนกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน ทั้งเรื่องของการจัดการขนย้ายกากสารเคมี กากแคดเมียม ฯลฯ เพื่อไม่ให้มีปัญหาตามมา นอกจากนี้ยังได้เร่งรัดเรื่องการออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) โดยย้ำว่าต้องทำให้ถูกต้อง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top