Sunday, 16 June 2024
NewsFeed

ส่อง 10 อันดับ คนชาติไหนเที่ยวญี่ปุ่นมากที่สุดในปี 2024 (4 เดือนแรก)

การท่องเที่ยวญี่ปุ่นบูมสุด ๆ ราวกับดอกซากุระที่กำลังเบ่งบาน และคาดว่าปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจะทำลายสถิติเดิมในปี 2019 สร้างสถิติใหม่ ‘สูงสุดเป็นประวัติการณ์’ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เดินทางเข้าญี่ปุ่นเกินเดือนละ 3 ล้านคนติดต่อกันมา 2 เดือนแล้ว (มีนาคม-เมษายน)

ในเดือนมีนาคม 2024 มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดินทางเข้าญี่ปุ่น 3.08 ล้านคน ทำสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้ารายเดือนที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ 

ส่วนในเดือนเมษายนมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดินทางเข้าญี่ปุ่น 3.04 ล้านคน ซึ่งเป็นสถิติรายเดือนที่สูงเป็นอันดับ 2 ตลอดกาลรองจากเดือนมีนาคม

เมื่อรวม 4 เดือนแรกของปี 2024 เข้าด้วยกัน ก็ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นแล้วรวมกว่า 11,601,200 คน และไม่ใช่เพียงจำนวนนักท่องเที่ยวเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น แต่ Tourist Spending หรือยอดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้นด้วย

โดยใน 3 เดือนแรกของปีนี้ การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศในญี่ปุ่นมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1.8 ล้านล้านเยน (ประมาณ 418,960 ล้านบาท) คิดเฉลี่ยเป็นประมาณ 210,000 เยน (ประมาณ 48,880 บาท) ต่อคนต่อทริป ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน

วันนี้ THE STATES TIMES ชวนมาดูข้อมูลว่านักท่องเที่ยวชาติไหน จากประเทศหรือดินแดนใดเข้าไปเที่ยวญี่ปุ่นมากที่สุด 10 อันดับแรกในปีนี้ (4 เดือนแรก) แน่นอนว่ามีไทยแน่ ๆ แต่จะอยู่อันดับไหน จำนวนเท่าไหร่ มาดูกัน!!

1.เกาหลีใต้ จำนวน 2,999,900 คน
2.ไต้หวัน จำนวน 1,938,600 คน
3.จีน จำนวน 1,861,600 คน
4.ฮ่องกง จำนวน 808,100 คน 
5.สหรัฐอเมริกา จำนวน 799,600 คน 

6.ไทย จำนวน 466,200 คน
7.ออสเตรเลีย จำนวน 333,700 คน 
8.ฟิลิปปินส์ จำนวน 269,300 คน 
9.เวียดนาม จำนวน 233,800 คน
10.มาเลเซีย จำนวน 180,200 คน 

อลังการ!! ‘Bangkok Hot Rod Custom Show 2024’ งานใหญ่ที่รวมตัว ‘รถ Custom’ มากที่สุดในไทย

เมื่อไม่นานมานี้ มีงานใหญ่สำหรับคนที่ชื่นชอบการแต่งรถ ‘Bangkok Hot Rod Custom Show 2024’ งานรวมตัวรถ Custom ที่มากที่สุดในประเทศไทย พร้อมอัดแน่นกิจกรรมล้นฮอลล์ ทั้งรถสร้าง รถคลาสสิก รถโบราณ และรถของเซเลปคนดัง 

งานนี้จัดขึ้นอย่างอลังการ ณ IMPACT Exhibition Center Hall 11-12 เมื่อวันที่ 18-19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยงานนี้ต่างชาติยกให้เป็น The Best Custom & Hot Rod Show Event In Thailand ถือเป็นเวทีกลางที่ใหญ่ที่สุดของไทย และเป็นเวทีประกวดเดียวในเมืองไทย ที่ใช้คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากวงการคัสต้อมระดับโลก จาก สหรัฐอเมริกา, สเปน, อิตาลี, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และบรูไน บินตรงมาร่วมตัดสินตามหลักเกณฑ์สากล โดยมีรถแต่งของคนไทยเข้าร่วมโชว์ไอเดียครั้งนี้อย่างคับคั่งกว่า 300 คัน

Bangkok Hot Rod Custom Show 2024 งานแรก และงานเดียวในไทยที่รวบรวมกองทัพรถคัสต้อม และฮอทรอท ร่วมประกวดกันมากที่สุด เพื่อสนับสนุน และส่งเสริมผลงานที่แสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ ด้านศิลปะการแต่งรถ ทั้งรถยนต์ และจักรยานยนต์ รวมถึงรถโบราณ และรถคลาสิก ที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน

ภายในงานอัดแน่นไปด้วยกิจกรรมล้นฮอลล์กันเลยทีเดียว เริ่มกันที่การประกวดรถคัสต้อม และฮอทรอท ฝีมือการสร้างรถ ตกแต่งรถโดยคนไทย

นอกจากนี้ ภายในงานก็ยังมีกิจกรรมดีดีตลอดทั้งวัน ได้ช้อปเพลิน ๆ เดินได้ทั้งวัน กับรถคัสต้อมเจ๋ง ๆ ของค่ายรถมอเตอร์ไซค์ Thai Honda, Harley Davison Thailand, Royal Enfield และสินค้าจากผู้สนับสนุน ยาง Michelin, หมวกกันน็อค CHIEF HELMET, ฟิล์มกรองแสง Lamina 

และในงานนี้ก็ยังมีของแต่งคนแต่งรถ แฟชั่น Accessories ทั้งในและต่างประเทศกว่า 80 ร้านค้าในโซน Swap Meet ที่มาในราคาพิเศษเพื่องานนี้เท่านั้น

5 เหตุผลเรื่อง 'ความประหยัด' ที่ทำให้คนทัก มักถูกด่ากลับบ่อย ทั้งที่เป็น 'ก้าวแรก' ช่วยเปลี่ยนระดับฐานะของผู้ไม่มีเงินถุงเงินถัง

(23 พ.ค. 67) คุณเฉลิมพร ตันติกาญจนากุล ผู้ดำเนินรายการด้านเศรษฐกิจและการลงทุน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

การบอกให้คน 'ประหยัด' ดูจะไม่ใช่แนวทางที่ผู้คนในยุคนี้ชื่นชอบสักเท่าไร อ้าปากพูดออกไป ก็เตรียมตัวโดนด่า

ให้คิดเหตุผลแบบไว ๆ ก็น่าจะมีหลายข้อ ได้แก่...

1. ลัทธิบริโภคนิยมทำงานได้เป็นอย่างดีในโลกนี้ ทำให้ของที่ต้องมีและเงินที่ต้องจ่ายมันเพิ่มขึ้นหลายรายการ คนเราเริ่มแยกไม่ออกระหว่างความต้องการกับความจำเป็น

2. รายได้ของคนทั่วไปเพิ่มขึ้นน้อยกว่าเงินเฟ้อมาต่อเนื่องยาวนาน ทำให้การประหยัดในปัจจุบัน ยากและท้าทายขึ้นเรื่อย ๆ การหารายได้เพิ่มและรายได้หลายทาง ยังจำเป็นเสมอ

3. สิ่งที่ตรงข้ามกับประหยัดคือ 'ฟุ่มเฟือย' หลายคนไม่ได้คิดว่าตัวเองฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำ แล้วจะให้ประหยัดอย่างไร ส่วนจะไม่ฟุ่มเฟือยเลยจริงไหมหรือแค่คิดไปเอง คงแล้วแต่คน ความจำเป็นของแต่ละคนต่างกัน การทำบัญชีรายรับรายจ่าย แล้วนั่งทบทวน น่าจะพอช่วยได้

4. ความเข้าใจเรื่องการเงินของคนไทยมีไม่มากพอ แค่เรื่องหนี้หลายก้อน ควรเลือกปิดอันไหนก่อน หลายคนก็อาจจะไม่รู้แล้ว

แต่เหตุหนึ่งที่สำคัญที่สุด และอาจเป็นจุดตายคือ 5. คนสมัยนี้ 'ไม่เชื่อ' ว่าการประหยัดจะทำให้รวยได้ จึงเลือกที่จะใช้เงินเพื่อหาความสุขในปัจจุบันมากกว่า

ความจริงการประหยัดก็ไม่เคยทำให้ใครรวย ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน แต่การประหยัดน่าจะเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนระดับฐานะ เมื่อประหยัดได้แล้ว หากไม่เอาเงินไปต่อยอด ก็อาจไม่ได้เกิดความแตกต่างอะไรนัก แต่ถ้าไม่มีก้าวแรก ก็คงยากที่จะมีก้าวต่อไป โดยเฉพาะถ้าเราไม่ได้โชคดีมีเงินถุงเงินถัง ที่พาเรากระโดดจาก 0 ไปก้าวที่ 3 ที่ 5 ได้เลยแต่แรก

แต่สุดท้าย ใครจะเลือกอย่างไรก็เป็นสิทธิส่วนตัว แค่ทุกคนมีหน้าที่รับ Consequences ที่ตามมาจากการตัดสินใจของเราเท่านั้นเอง

‘สุริยะ’ เยือนอิตาลี ดึงภาคธุรกิจลงทุน ‘แลนด์บริดจ์’ แฮปปี้!! โครงการได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

เมื่อวานนี้ (22 พ.ค.67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า จากที่ได้เข้าร่วมเป็นประธานกล่าวเปิดงาน ‘Thai - Italian Business Forum’ โดยจัดขึ้นโดยกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศอิตาลี ณ สภาหอการค้าอิตาลี กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี ร่วมกับประธานสภาหอการค้าอิตาลี พร้อมทั้งได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือระหว่างสภาหอการค้าอิตาลีและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การแลกเปลี่ยนความรู้ความสามารถโดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี และส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและอิตาลีให้เพิ่มมากขึ้น

นายสุริยะ กล่าวว่า ทุกหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีความพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาให้กับนักธุรกิจที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ภายใต้นโยบาย gnite Thailand ที่ดำเนินการโดยรัฐบาล เพื่อมุ่งที่จะพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจ พร้อมได้เชิญชวนนักธุรกิจชาวอิตาลีที่มีความเชี่ยวชาญและชำนาญในธุรกิจสินค้าหรูหรา (Luxury) เข้าร่วมลงทุนในประเทศไทย โดยคาดหวังให้ไทยกับสหภาพยุโรปเกิดข้อตกลงการค้าเสรี ภายในปี 2568

ด้าน นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้รับเชิญให้ขึ้นกล่าวนำเสนอโครงการแลนด์บริดจ์ในช่วงโอกาสการลงทุนในประเทศไทย ให้สมาชิกสภาหอการค้าอิตาลีได้ทราบถึงความเป็นมาของโครงการ รายละเอียด โอกาสในการลงทุน รูปแบบการลงทุน รวมถึงสร้างความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนไทยและอิตาลี เพื่อเชิญชวนให้ภาคธุรกิจอิตาลีที่สนใจเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับความสนใจจากนักลงทุนและนักธุรกิจของอิตาลีเป็นอย่างมาก

‘ศาล รธน.’ รับคำร้องถอดนายกฯ ปมตั้ง ‘พิชิต’ นั่งรมต. มติ 5:4 ไม่สั่ง ‘นายกฯ เศรษฐา’ หยุดปฏิบัติหน้าที่

 

(23 พ.ค. 67) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา 48 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4)ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีนายเศรษฐา ผู้ถูกร้องที่ 1 ได้นำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งนายพิชิต ผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้ง ๆ ที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า นายพิชิต ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากนายพิชิตเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่ง จำคุกเป็นเวลา 6 เดือน

ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เนื่องจากศาลฯ พิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า กรณีเป็นไปตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และพ.ร.ป. ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 7 (4)และให้นายกรัฐมนตรียื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อ ศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้องตามพ.ร.ป.ว่าด้วย วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 54

ทั้งนี้ เสียงข้างน้อย 3 เสียงในประเด็นนี้ได้แก่ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ

ส่วนกรณีของนายพิชิตผู้ถูกร้องที่ 2 ได้มีคำร้องของนายพิชิต ลงวันที่ 23 พ.ค. 67แจ้งว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 67 นายพิชิต ได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แล้ว ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายพิชิต สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (2) กรณีไม่มีเหตุที่จะต้องวินิจฉัยคดีต่อไปตามพ.ร.ป.ว่าด้วย วิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 51 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1  มีคำสั่งไม่รับคำร้องเฉพาะส่วนของนายพิชิตไว้พิจารณาวินิจฉัย โดย 1 เสียงข้างน้อยได้แก่ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณีขอให้นายเศรษฐาผู้ถูกร้องที่ 1 หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและ เอกสารประกอบคำร้อง ในชั้นนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ไม่สั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยตุลาการเสียงข้างน้อย ได้แก่ นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน และนายจิรนิติ หะวานนท์

สำหรับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน ประกอบด้วย 
1.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ 
2.ปัญญา อุดชาชน 
3.อุดม สิทธิวิรัชธรรม 
4.วิรุฬห์ แสงเทียน 
5.จิรนิติ หะวานนท์ 
6.นภดล เทพพิทักษ์ 
7.บรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ 
8.อุดม รัฐอมฤต 
9.สุเมธ  รอยกุลเจริญ

44 ผู้เฒ่าบนดอย ปลื้ม!! ได้ถ่ายบัตรประชาชนเป็นคนไทยเต็มตัว เผย!! "รอวันนี้มานาน" ส่วนอีกนับหมื่นในเชียงรายรอลุ้นตามติดๆ

(23 พ.ค. 67) นางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการที่ปรึกษาและผู้ก่อตั้งมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา เปิดเผยว่า ขณะที่กลุ่มผู้เฒ่าในจังหวัดเชียงรายอีกนับหมื่นคน ต่างรอคอยความหวังที่จะได้เป็นพลเมืองสัญชาติไทยคือกลุ่มที่มีใบสำคัญถิ่นที่อยู่และใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวแล้ว 3,100 คน แต่กลุ่มที่ยังไม่มีคุณสมบัติทีจะยื่นขอแปลงสัญชาติได้ คือกลุ่มที่ถือบัตรผู้ไม่มีสัญชาติไทยหรือบัตรเลข 6 จำนวน 6,501 ราย แม้มีภูมิลำเนาในประเทศไทยเกิน 40 ปี จนกลมกลืนกับสังคมไทยแล้วก็ตาม

“ผู้เฒ่ากลุ่มนี้จึงตั้งตารอคอยด้วยความหวังว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะปรับแนวทางการใช้ดุลพินิจในประเด็นคุณสมบัติการมีภูมิลำเนาในประเทศไทย ตามมาตรา 10(4) ใน พรบ.สัญชาติ ที่ให้ผู้ที่มีชื่อในทะเบียนประวัติตามพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎรและประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ สามารถยื่นคำร้องขอแปลงสัญชาติตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยส่งเรื่องมาให้กรมการปกครองกระทรวงมหาดไทยแล้วตั้งแต่พ.ศ. 2565” นางเตือนใจกล่าว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ ที่ว่าการอำเภอแม่ฟ้าหลวง เหล่าผู้เฒ่าไร้สัญชาติที่อาศัยในประเทศไทยมากว่า 40 ปี และมีลูกหลานเป็นคนสัญชาติไทย ซึ่งมีความกลมกลืนกับสังคมไทย ได้ยื่นคำขอแปลงสัญชาติไทยตาม มาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2508 จนได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทย จำนวน 44 ราย ได้เดินทางมาถ่ายบัตรประจำตัวตั้งแต่เช้าโดยทุกคนต่างตื่นเต้นและพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “รอวันนี้มาเป็นเวลานาน”

นายพิซาน ผู้เฒ่าชาวอาข่า กล่าว “ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันนี้ จากร่างกายที่พึ่งผ่าตัดกระดูกทับเส้น แต่ใจสู้และดีใจที่ได้เป็นคนไทยอย่างสมบูรณ์แบบ จึงต้องเดินทางมาถ่ายบัตรทันทีในวันนี้”

ขณะที่ อภิชาต ศรีสุวรรณ์ นายอำเภอแม่ฟ้าหลวง ได้เป็นประธานในพิธีมอบบัตรประจำตัวประชาชนแก่ผู้เฒ่าชาวอาข่า ไทยใหญ่ และจีนยูนนาน โดยทุกคนต่างพร้อมใจกันเปล่งเสียงปฎิญาณตน รับการเป็นพลเมืองไทยอย่างพร้อมเพรียง

‘อนุทิน’ เข้ารับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากสบช. ในฐานะผู้ทำประโยชน์ต่อวงการแพทย์ - สาธารณสุข

(23 พ.ค.67) ที่หอประชุมกิติยาคาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ มอบปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันพระบรมราชชนก (สบช.) ประจำปีการศึกษา 2566 โดยในพิธีได้มีการพระราชทานปริญญาสาธารณสุขศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ประจำปี 2566 แก่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะผู้ทำประโยชน์ต่อวงการแพทย์ และสาธารณสุข เป็นที่ประจักษ์ ทั้งนี้ สำหรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จาก สบช. โดยปกติแล้วเป็นปริญญาที่ให้กับผู้นำ หรือผู้บริหารสูงสุดในประเทศ พร้อมกับเป็นผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมือง ประเทศชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 66 นพ.วิชัย เทียนถาวร อธิการบดีสถาบันพระบรมราชชนก (สบช.) เคยให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่นายอนุทิน ได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ว่า เพราะเมื่อครั้งนายอนุทิน ขณะที่ดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข (สธ.) ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) กับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ทำโครงการ สบช. สัญจร เดินทางไปแนะแนวนักเรียนทั่วประเทศกว่า 2,360 แห่ง สร้างความเสมอภาคให้กับนักเรียนทุกคนในการเข้าศึกษาในสถาบันฯ ในสาขาพยาบาลศาสตร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทุกโรงเรียนในระดับอำเภอได้เข้าเรียนในสถาบันฯ เพื่อให้เกิดการกระจายบุคลากรไปทั่วประเทศ พร้อมทั้งให้โอกาสเด็กในถิ่นทุรกันดารในชนบทได้ศึกษาในหลักสูตรการพยาบาล

นอกจากนี้ นายอนุทิน ได้ส่งเสริมให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เข้าเรียนในหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล ขณะนี้เรียนจบไปกว่า 2,000 คน แล้ว เพื่อให้โครงการ 3 หมอสำเร็จลุล่วงอย่างสมบูรณ์ ทั้งยังมีดำริว่า กรณี อสม. ที่จบในหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล และมีผลการเรียนดี มีความมุ่งมั่นตั้งใจดี ก็ควรได้รับทุนเรียนต่อในระดับชั้นปริญญาตรี เช่น สาขาพยาบาลศาสตร์ หรือสาขานักการสาธารณสุขศาสตร์

ทั้งนี้ นายอนุทิน ถือเป็นนักการเมืองคนแรกได้เข้ารับปริญญาสาธารณสุขศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากสถาบันพระบรมราชชนก

'อ.พงษ์ภาณุ' ชี้!! ตลาดคาร์บอนเครดิตไทยเริ่มคึกคัก แม้จะเป็นเพียงภาคสมัครใจ แต่โตไวจนน่าผลักแรงๆ

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ที่มาร่วมพูดคุยในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ในประเด็น 'เปลี่ยนคาร์บอนเป็นเงิน' เมื่อวันที่ 26 พ.ค.67 โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า...

พลานุภาพในการเปลี่ยนคาร์บอนเป็นเงิน นับวันจะมีพลังสูงขึ้น เมื่อตลาดและสังคมร่วมกันกดดันให้ธุรกิจลดการปล่อยคาร์บอน แม้ว่าประเทศไทยจะยังไม่มีกฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และตลาดคาร์บอนในไทยยังเป็นเพียงประเภทสมัครใจ แต่ อบก. (องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก) ซึ่งเป็นองค์การมหาชนสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ให้การรับรองโครงการลดก๊าซเรือนกระจกไปแล้วกว่า 400 โครงการ และรับรองคาร์บอนเครดิตไปแล้วกว่า 16 ล้านตัน

ตลาดคาร์บอนของสหภาพยุโรป หรือ EU Emissions Trading System เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และสภาพคล่องหนาแน่นที่สุด ทางการสหภาพยุโรปจัดสรรสิทธิการปล่อยคาร์บอน (Emissions Allowances) ไปยังธุรกิจสาขาต่างๆ กิจการไหนปล่อยมากกว่าสิทธิที่มี ก็จะต้องหาซื้อคาร์บอนเครดิตมาชดเชย หรือไม่ก็ต้องเสียภาษีคาร์บอน  ส่วนกิจการไหนที่มีสิทธิส่วนเกินเหลืออยู่ ก็สามารถนำออกขายในตลาดได้ ระบบ Cap and Trade นี้ได้ทำให้ตลาดมีประสิทธิภาพ สิทธิการปล่อยคาร์บอนนี้นับวันจะมีปริมาณลดลงเพื่อให้ประเทศต่างๆบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้ตามข้อผูกพัน ซึ่งเมื่อสิทธิลดลง ราคาก็ย่อมสูงขึ้นตามกลไกตลาด 

ตลาด ETS ของสหภาพยุโรป มีปริมาณและสภาพคล่องสูง กำหนดราคาคาร์บอนอย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้คาร์บอนเป็นสินทรัพย์ (Asset Class) ที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าคาร์บอนได้เป็นสินทรัพย์ทางการเงินซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายเงินที่เป็นสื่อกลางการซื้อขายแลกเปลี่ยน (Medium of Exchange) เข้าไปทุกที

ตลาดคาร์บอนไทย แม้จะยังเป็นเพียงภาคสมัครใจแต่ก็มีการขยายตัวค่อนข้างสูงในช่วงที่ผ่านมา คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คาร์บอนจะเป็นสินทรัพย์ทางการเงิน เช่นเดียวกับในสหภาพยุโรป และในอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลก ตลาดการเงินและสถาบันการเงินในประเทศได้ปรับตัวไปบ้างแล้ว ก.ล.ต. ส่งเสริมการจัดตั้งกองทุนรวมและกองทรัสต์ที่ลงทุนในที่ดินเพื่อการปลูกป่าและขายคาร์บอนเครดิตเป็นรายได้หลัก กองทุน ESG ซึ่งลงทุนในธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่อเพื่อการลดโลกร้อน

ธุรกิจหลายสาขาก็กำลังแปลงโฉมเป็นธุรกิจคาร์บอนตำ่ ในภาคบริการ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับการท่องเที่ยว น่าจะต้องเร่งปรับปรุงตัวเข้าสู่ความเป็น Net Zero หรืออย่างน้อยความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) โดยเร็ว เพื่อจะไม่พลาดโอกาสทางธุรกิจที่เกิดขึ้นจากแนวโน้มใหม่ของโลกนี้

วันนี้ คาร์บอนกลายเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่สำคัญทั่วโลก และนับวันจะมีค่ามากขึ้น อบก. พร้อมที่จะทำงานกับธุรกิจและสังคมทุกภาคส่วน ด้วยวิธีการเปลี่ยนคาร์บอนเป็นเงิน

‘ฟุรุยะ โทรุ’ นักพากย์โคนัน-วันพีซ นอกใจภรรยา-ทำสาวท้อง ซ้ำ!! บังคับให้ทำแท้ง พร้อมโพสต์ขอโทษแฟนๆ ที่ทำให้ผิดหวัง

(23 พ.ค.67) สื่อต่างประเทศ รายงานว่า ผู้ให้เสียงแอนิเมชัน กันดั้ม ‘ฟุรุยะ โทรุ’ ยอมรับว่ามีสัมพันธ์กับแฟน ๆ มาเป็นเวลา 4 ปี และรับว่าขู่ทำร้าย โต้เถียงให้เธอไปทำแท้ง หลังนอกใจภรรยา

บนบัญชีเอ็กซ์ของเขา ที่ได้โพสต์เมื่อวันพุธ ฟุรุยะ โทรุ รับทราบรายงานล่าสุดจาก Weekly Bunshun เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เขามีกับแฟนคลับ

โดย ฟุรุยะ ยอมรับว่า เขาคบกับแฟนคลับผู้หญิงคนหนึ่งมาได้ 4 ปีครึ่ง จนถึงเดือนกันยายนปีที่แล้ว เขาบอกว่า เขาเริ่มสนใจเธอสนับสนุนเขาอย่างจริงจัง และได้ติดต่อกับเธอ เพื่อเริ่มความสัมพันธ์นี้ และยอมรับด้วยว่า ระหว่างที่คบกัน เขาได้ยกมือตบเธอครั้งหนึ่ง ตอนที่ทะเลาะกัน

ซึ่ง ฟุรุยะ ยังยอมรับว่าเขาทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งทำแท้ง

เขาขอโทษผู้หญิงคนนั้น ที่ทำร้ายเธอ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ และขอโทษแฟน ๆ ของเขา ที่ทำให้ผิดหวัง กับการทรยศต่อความไว้วางใจของพวกเขา และทำให้ตัวละครที่เขาให้เสียงได้รับผลกระทบ

เขาสรุปว่าเขาตั้งใจจะใช้เวลาที่เหลือของชีวิตเพื่อชดใช้ความผิด และพร้อมที่จะยอมรับการลงโทษใด ๆ ก็ตาม

ทั้งนี้ ฟุรุยะ วัย 70 ปี เป็นผู้พากย์เสียงแอนิเมชันดัง ๆ มากมาย อาทิ อามุโร่ เรย์ ในกันดั้ม, หยำฉา ในดราก้อนบอล, หน้ากากทักซิโด้ ในเซเลอร์มูน, ซาโบ ในวันพีช, เปกาซัส เซย่า ใน เซนต์ เซย่า และโทรุ อามุโร่ ในโคนัน

'เชียงราย' ฉก.ทัพเจ้าตาก ตชด.327เข้าจับโกดังขนส่งแม่สาย ซุกซ่อนยาบ้า 2.2 ล้านเม็ด

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 เวลา 06.30 นาฬิกา กองกำลังผาเมือง โดย หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก จัดกำลังจากกองร้อยทหารม้าที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก ร่วมกับ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 327

ได้ทำการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติด (ปิดล้อมตรวจค้น) บริษัทขนส่งสินค้าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ บ้านป่ายางใหม่ ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย หลังจากสืบทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ และได้ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัยขับจากพื้นที่ ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สายฯ เลี้ยวเข้าไปในโกดังของบริษัทขนส่งสินค้าดังกล่าว ผลการปฏิบัติตรวจพบผู้ต้องหา จำนวน 3 คน ขณะกำลังทำการแพ็คยาเสพติดเพื่อจะทำการขนส่ง จากการตรวจสอบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) บรรจุอยู่ในเป้กระสอบ จำนวน 11 เป้ๆ ละ 200,000 เม็ด รวมยาบ้า จำนวนประมาณ 2,200,000 เม็ด หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบเพิ่มเติมและตรวจยึดรถบรรทุก 10 ล้อ จำนวน 2 คัน รถกระบะบรรทุก จำนวน 3 คัน ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในการขนส่งสินค้า พร้อมทั้งรถยนต์ส่วนบุคคลโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ จำนวน 1 คัน

ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 นาฬิกา พลตรี ประพัฒน์ พบสุวรรณ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ได้มอบหมายให้ พันเอก ณฑี ทิมเสน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก พร้อมด้วย พันเอก ไมตรี ศรีสันเทียะ เสนาธิการกองกำลังผาเมือง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เพื่อแถลงข่าวการตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าว ณ หน่วยตำรวจตระเวนชายแดนแม่สาย อำเภอแม่สายฯ โดยมี พลตำรวจตรี วรพัฒน์ บุญมา ผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 เป็นประธานการแถลงข่าว หลังจากนั้นจึงได้นำของกลางส่งให้ สถานีตำรวจภูธรแม่สาย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top