Monday, 24 June 2024
NewsFeed

วันวิสาขบูชา 2567 อีกหนึ่งวันสำคัญทางศาสนา

วันวิสาขบูชา 2567 ตรงกับวันพุธที่ 22 พฤษภาคม หรือ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ถือเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา โดยมี 3 เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น วันนี้ THE STATES TIMES อยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักประวัติความสำคัญวันวิสาขบูชา พร้อมกิจกรรมที่ชาวพุทธพึงปฏิบัติ ดังนี้…

‘วันวิสาขบูชา’ นับว่าเป็นวันสำคัญสากลทางพระพุทธศาสนา สำหรับชาวพุทธทุกนิกายทั่วโลก เป็นวันหยุดราชการในหลาย ๆ ประเทศ อีกทั้งยังเป็นวันสำคัญในระดับนานาชาติตามข้อมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนา 3 เหตุการณ์ ได้แก่ การประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระพุทธโคดม ซึ่งทั้ง 3 เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นตรงกัน ณ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 หรือวันเพ็ญแห่งเดือนวิสาขะ (ต่างปีกัน) ชาวพุทธจึงถือว่าเป็นวันที่รวมการเกิดเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์ยิ่ง และเรียกการบูชาในวันนี้ว่า วิสาขบูชา ย่อมาจาก วิสาขปุรณมีบูชา หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ ประวัติวันวิสาขบูชาในประเทศไทย

จากหลักฐานพบว่า วันวิสาขบูชา ได้เริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี ซึ่งสันนิษฐานว่าได้รับแบบแผนมาจากลังกาเมื่อประมาณ พ.ศ. 420 โดยพระเจ้าภาติกุราช กษัตริย์แห่งกรุงลังกาได้เป็นผู้ประกอบพิธีวิสาขบูชาขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา นับจากนั้นกษัตริย์แห่งลังกาพระองค์อื่น ๆ ก็ได้ถือปฏิบัติประเพณีวิสาขบูชานี้สืบต่อกันมา ส่วนการเผยแพร่เข้ามาในประเทศไทยนั้นอาจเป็นเพราะเมื่อครั้งสมัยสุโขทัย ประเทศไทยมีความสัมพันธ์ด้านพระพุทธศาสนากับประเทศลังกาอย่างใกล้ชิด จะเห็นได้ว่ามีพระสงฆ์จากเมืองลังกาหลายรูปเดินทางเข้ามาเผยแพร่พระพุทธศาสนาและนำการประกอบพิธีวิสาขบูชาเข้ามาปฏิบัติในประเทศไทยด้วย ซึ่งการปฏิบัติพิธีวิสาขบูชาในสมัยสุโขทัยนั้น ได้มีการบันทึกเอาไว้ในหนังสือ นางนพมาศ สรุปใจความได้ว่า เมื่อถึงวันวิสาขบูชา พระเจ้าแผ่นดิน ข้าราชบริพาร ทั้งฝ่ายหน้า และฝ่ายใน ตลอดทั้งประชาชนชาวสุโขทัย จะช่วยกันประดับตกแต่งพระนคร ด้วยดอกไม้ พร้อมกับจุดประทีปโคมไฟให้ดูสว่างไสวไปทั่วพระนคร เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน เพื่อเป็นการบูชาพระรัตนตรัย ขณะที่พระมหากษัตริย์ และบรมวงศานุวงศ์ ก็ทรงศีล และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลต่าง ๆ ครั้นตกเวลาเย็นก็เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และนางสนองพระโอษฐ์ตลอดจนข้าราชการทั้งฝ่ายหน้า และฝ่ายในไปยังพระอารามหลวง เพื่อทรงเวียนเทียนรอบพระประธาน ส่วนชาวสุโขทัยจะรักษาศีล ฟังธรรม ถวายสลากภัต สังฆทาน อาหารบิณฑบาตแด่พระภิกษุสามเณร บริจาคทานแก่คนยากจน ทำบุญไถ่ชีวิตสัตว์ ฯลฯ

>> ความสำคัญของวันวิสาขบูชา

วันวิสาขบูชา เป็นวันที่ระลึกถึงวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ซึ่งตรงกับวันเพ็ญ เดือนวิสาขมาส (เดือน 6) บรรจบกันทั้ง 3 คราว ได้แก่…

เช้าวันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ ก่อนพุทธศักราช 80 ปี เจ้าชายสิทธัตถะ ทรงประสูติที่พระราชอุทยานลุมพินีวัน ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับเทวทหะ

เช้ามืดวันพุธ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีระกา ก่อนพุทธศักราช 45 ปี เจ้าชายสิทธัตถะ ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อมีพระชนมายุได้ 35 พรรษา ณ ใต้ร่มไม้ศรีมหาโพธิ์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ภายหลังจากการออกผนวชได้ 6 ปี ปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้เรียกว่า พุทธคยา เป็นตำบลหนึ่งของเมืองคยา แห่งรัฐพิหาร ประเทศอินเดีย

ภายหลังจากการตรัสรู้ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงออกประกาศพระธรรมวินัย และโปรดเวไนยสัตว์เป็นเวลา 45 ปี เมื่อมีพระชนมายุได้ 80 พรรษา พระองค์ก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน เมื่อวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ณ สาลวโนทยาน ของมัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ ปัจจุบันอยู่ในเมืองกุสีนคระ รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตือนห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เนื่องในวันสำคัญทางศาสนา 'วันวิสาขบูชา' 22 พฤษภาคมนี้ กำชับตำรวจทั่วประเทศตรวจตราเข้มงวด

วันนี้ (21 พฤษภาคม 2567) พล.ต.ต.หญิง สมพร พูลเกษม ผู้บังคับการกองสารนิเทศ เปิดเผยว่า ด้วยวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 เป็น“วันวิสาขบูชา” และมีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2558 ห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬบูชา วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษา ยกเว้นเฉพาะร้านค้าปลอดอากรภายในอาคารท่าอากาศยานนานาชาติ โดยมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยรับผิดชอบควบคุม กำกับ ดูแล ตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 

วันวิสาขบูชาปีนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) สั่งการหน่วยต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายในวันสำคัญทางศาสนาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ ได้กำชับให้สถานีตำรวจทุกแห่งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนผู้ประกอบการ ร้านค้าทุกประเภท ทั้งร้านค้าในชุมชน ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงสถานบริการและสถานประกอบการที่เปิดให้บริการลักษณะที่คล้ายสถานบริการ ให้งดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ทั้งชนิดขายส่งและขายปลีกทั่วราชอาณาจักร ตลอด 24 ชั่วโมง ระหว่างเวลา 00.01 - 24.00 น. ของวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 ยกเว้นเฉพาะร้านค้าปลอดอากรภายในอาคารท่าอากาศยานนานาชาติ หากผู้ใดฝ่าฝืน มีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มาตรา 39 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศกวดขันจับกุมผู้กระทำความผิดที่ฝ่าฝืนกฎหมายและประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น การขาย การดื่มในสถานที่ห้าม และการขายให้แก่บุคคลที่ห้ามขาย โดยให้เน้นการตรวจตราร้านข้ามต้มโต้รุ่ง คาราโอเกะ ร้านอาหารตามสั่งริมทาง บริเวณสถานีขนส่ง สถานีรถไฟ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง วัด หรือสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา สถานที่ราชการ สวนสาธารณะ อย่างจริงจังและเคร่งครัดพร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเต็มกำลัง ในการออกตรวจและจับกุมผู้กระทำความผิดเมื่อได้รับการร้องขอ โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายพร้อมปฏิบัติหน้าที่ ใช้กิริยาวาจาที่สุภาพเหมาะสม กวดขันจับกุมหากปรากฏการกระทำผิดซัดเจน โดยให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับควบคุม กำกับดูแลการปฏิบัติให้เกิดความเรียบร้อย และขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแล หากพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง

‘ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี’ ทุ่ม 2,700 ล้านบาท เปิดตัวโรงไฟฟ้าใหม่ หวังยกระดับเสถียรภาพ - ความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ

(21 พ.ค.67) ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี หรือชื่อเดิม สหโคเจน (ชลบุรี) พร้อมก้าวสู่ปีที่ 28 มุ่งขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน เดินหน้าขยายการลงทุนพลังงานครบวงจร ล่าสุดใช้งบลงทุน 2.7 พันล้าน เปิดตัวโรงไฟฟ้าใหม่ กำลังผลิตไฟฟ้า 79.5 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 75 ตัน/ชั่วโมง เพิ่มศักยภาพการผลิตไฟฟ้า ยกระดับเสถียรภาพและความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศอย่างต่อเนื่อง

ด้าน นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ ประธานกรรมการ บริษัท ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้เข้าถือหุ้นร่วมกับเครือสหพัฒน์ โดยถือหุ้นบริษัทในสัดส่วนร้อยละ 51.67 ในเดือนธันวาคม 2564 คณะกรรมการบริษัทได้วางนโยบายมุ่งขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าขนาดย่อมทั้งภายในประเทศและประเทศต่าง ๆ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายและรองรับแผนขยายการลงทุนดังกล่าว จึงมีมติให้เปลี่ยนชื่อในการดำเนินธุรกิจจาก บริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัท ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา

ด้าน นางสาวสุวิมล ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2539 โดยใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ จำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้โครงการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ประเภท Firm ระบบ Cogeneration และไฟฟ้าส่วนที่เหลือ รวมทั้งไอน้ำ จำหน่ายแก่โรงงานอุตสาหกรรมในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์-ศรีราชา เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการลงทุนของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม

ล่าสุด บริษัทได้ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ภายใต้งบประมาณการลงทุนรวม 2,700 ล้านบาท เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมที่จะครบอายุสัญญา (SPP Replacement) ซึ่งได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 โดยมี นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เป็นประธานในพิธี และได้รับเกียรติจาก นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)  นายณัฐวุฒิ ผลประเสริฐ รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ ประธานกรรมการบริษัท คณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร พนักงานบริษัท ลูกค้า คู่ค้า และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมพิธีและเป็นสักขีพยานในงาน ณ บริษัท ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์-ศรีราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 

ทั้งนี้ การเปิดตัวโรงไฟฟ้าใหม่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มเสถียรภาพและความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศอย่างไม่มีสะดุด โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 79.5 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 75 ตันต่อชั่วโมง ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของบริษัททะยานสู่ 153 เมกะวัตต์และไอน้ำ 110 ตันต่อชั่วโมง โรงไฟฟ้าใหม่นี้ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา 

ก่อนหน้านี้ บริษัทได้เปลี่ยนชื่อในการดำเนินธุรกิจสู่ บริษัท ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) เพื่อแสดงถึงความเป็นพันธมิตร ระหว่าง บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ เครือสหพัฒน์ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจสู่พลังงานหมุนเวียน โดยการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งแบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar  Farm) และแบบติดตั้งบนทุ่นลอยน้ำ (Solar Floating) ซึ่งในปี 2567 นี้ คาดการณ์ว่า บริษัท และบริษัทในเครือ จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) รวมประมาณ 21 เมกะวัตต์ ตามสัดส่วนการถือหุ้น

ผู้ช่วย ผบ.ตร.ลงพื้นที่ตรวจและสังเกตการณ์การบริหารจราจรหน้าโรงเรียน 3 แห่ง กำชับตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกและเร่งระบายรถ เพื่อไม่ให้กระทบกับการจราจรภาพรวม

วันนี้ (21 พฤษภาคม 2567) เวลาประมาณ 05.45 น. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) กำกับดูแลงานจราจร ได้เดินทางไปตรวจสอบและสังเกตการณ์การบริหารงานจราจร บริเวณหน้าโรงเรียน 3 แห่งในกรุงเทพมหานคร ที่ตั้งอยู่บนถนนที่มีการจราจรหนาแน่นในช่วงเวลาเร่งด่วน ได้แก่ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ถ.สามเสน , โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์ คอนแวนต์ ถ.ราชวิถี เขตดุสิต และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ถ.สาธร แขวงสีลม เขตบางรัก โดยมี พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ บัณฑิต ผู้บังคับการตำรวจจราจร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการตำรวจจราจร , สถานีตำรวจนครบาลสามเสน , สถานีตำรวจนครบาลดุสิต และสถานีตำรวจนครบาลยานนาวา ร่วมตรวจเยี่ยมและสังเกตการณ์

จากการตรวจสภาพการจราจรและการอำนวยการจราจรของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สถานีตำรวจนครบาลพื้นที่ ในทุกจุดที่ตรวจเยี่ยม ภาพรวมพบว่ามีผู้ปกครองจำนวนมากขับรถมาส่งบุตรหลานที่โรงเรียน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ของทางโรงเรียน ผู้ปกครองจิตอาสา ช่วยกันบริหารจัดการการรับ-ส่งนักเรียนให้เกิดความรวดเร็ว ไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้ใช้ทางสัญจรบนถนนร่วม ทำให้การจราจรมีความคล่องตัว ทั้งนี้ ได้มีผู้ปกครองร่วมพูดคุยถึงสภาพปัญหาการจราจรในบางจุดที่อาจมีปัญหา ซึ่ง พล.ต.ท.กรไชยฯ ได้กำชับให้ตำรวจจราจรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และดูแลอำนวยความสะดวกการจราจรให้เกิดความคล่องตัวมากที่สุด

นอกจากนี้ ในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน อาจมีฝนตกในชั่วโมงเร่งด่วน หรือมีน้ำท่วมขังบางจุด ส่งผลให้มีปัญหาการจราจรได้ ขอให้ตำรวจจราจรได้ระดมกำลังออกไปอำนวยการจราจร ให้ความช่วยเหลือ แก้ไขสถานการณ์ บรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน อย่างเต็มกำลัง 

ทั้งนี้ พล.ต.ท.กรไชยฯ ได้ขอบคุณทีมงานเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่ร่วมกันบริหารจัดการจราจรอย่างเป็นระบบ เกิดความสะดวกและปลอดภัยต่อตัวนักเรียนและประชาชนที่ใช้เส้นทางดังกล่าว พร้อมให้กำลังใจตำรวจจราจรทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง

'เจ้าของอู่ที่พะงัน' ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหลบฝน พร้อมให้น้ำดื่ม ด้านฝรั่งถามเท่าไร? เจ้าของบอกให้ฟรี อุตส่าห์ตั้งใจมาเที่ยวตั้งไกล

ไม่นานมานี้ เจ้าของเพจ 'Pim Car Garage' โดยเจ้าของร้านอู่สมโชค เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ได้โพสต์คลิปพร้อมข้อความหลังให้ที่พักหลบฝนแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ระบุว่า...

"ฝรั่งคงคิดว่า 'ของฟรี' ไม่มีในโลก เขามาขอหลบฝน เรายื่นน้ำให้ 3 ขวด พร้อมชวนมานั่งด้านใน เขาก็ถามทันทีว่า "How much" พอบอกไปว่า "Free" ทำหน้าไม่เชื่อ แค่น้ำเอง ... เธอมาเที่ยวบ้านเมืองเรา เธอมาตั้งใจมาตั้งไกล เราในฐานะเจ้าบ้านขอบคุณเธอแค่นี้ (จิ๊บ ๆ มาก)"

เจ้าของอู่ยังบอกอีกว่า ชาวต่างชาติกลุ่มนี้ดื่มน้ำจนหมดขวด แถมเก็บขวดกลับไปทิ้งเอง พร้อมทั้งเผยอีกว่า เวลาใครผ่านร้านก็ให้น้ำดื่มหมด คนไทยก็ให้

ยอมรับเลยว่าทัศนคติของพี่เจ้าของอู่ท่านนี้คงชนะเลิศในใจนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มนี้ไปนานแสนนาน รวมไปถึงคนไทยที่เห็นแล้วก็ยังอดใจฟูตามไม่ได้ และงานนี้เชื่อได้ว่าประเทศไทยคงจะได้รับรีวิวดี ๆ จากชาวโลกเพิ่มมาอีกหนึ่ง

‘นักวิทย์จีน’ เพาะ 'หมูคุณภาพสูง' สายพันธุ์ใหม่สำเร็จ หลังคุมด้วยเทคโนโลยี หวังลดพึ่งพานำเข้าจากตปท.

(21 พ.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะนักวิทยาศาสตร์ของจีนประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์หมูคุณภาพสูงสายพันธุ์ใหม่ ชื่อว่าหมูหลานซือ (Lansi pigs) ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาหมูสายพันธุ์จากต่างประเทศของจีน

ทั้งนี้ หมูสายพันธุ์ใหม่นี้เพาะพันธุ์โดยทีมวิจัยที่นำโดยหลี่ขุย ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันจีโนมิกส์ทางการเกษตรประจำเซินเจิ้น สังกัดสถาบันบัณฑิตเกษตรศาสตร์แห่งชาติจีน และได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการทรัพยากรพันธุกรรมปศุสัตว์และสัตว์ปีกระดับชาติของกระทรวงเกษตรและกิจการชนบทไม่นานมานี้

หลี่ กล่าวว่า ความสำเร็จในการผสมพันธุ์หมูหลานซือ ถือเป็นสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของจีน ซึ่งส่งมอบเทคโนโลยีที่สำคัญและประสบการณ์ล้ำค่าสำหรับการปรับปรุงพันธุ์หมูนำเข้าจำนวนมากในจีน

จีนเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคหมูรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีการผลิตคิดเป็นร้อยละ 44 และการบริโภคคิดเป็นร้อยละ 46 ของปริมาณการผลิตและการบริโภคหมูทั่วโลก ทว่าหมูกว่าร้อยละ 90 ที่ใช้ในการผลิตเชิงพาณิชย์ต้องพึ่งพาสายพันธุ์นำเข้า

ตั้งแต่ปี 2010 ทีมงานของหลี่ได้ใช้เทคโนโลยีการผสมพันธุ์ทางชีวภาพใหม่ ๆ เช่น การผสมพันธุ์แบบใช้เครื่องหมายพันธุกรรม (molecular marker) และการใช้สารพันธุกรรมทั้งหมด (whole genome) เพื่อเพาะเลี้ยงหมูสายพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพสูง โดยใช้หมูนำเข้าเชิงพาณิชย์สายพันธุ์ที่แพร่หลายอยู่แล้ว

ทีมงานรวบรวมประชากรหมูสายพันธุ์ดั้งเดิมมากกว่า 2,000 ตัว และพัฒนาชุดซอฟต์แวร์วิเคราะห์การผสมพันธุ์และระบบฐานข้อมูล ซึ่งช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการผสมพันธุ์อย่างมีนัยสำคัญ ลดระยะเวลาการผสมพันธุ์ และปรับปรุงความแม่นยำในการผสมพันธุ์

หลี่ เสริมว่า ทีมงานประสบความสำเร็จในการเพาะหมูหลานซือสายพันธุ์พิเศษ 3 สายพันธุ์ ในระยะเวลา 14 ปี หมูเหล่านี้ได้รับการปรับปรุงลักษณะที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ (economic traits) และความต้านทานโรคอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับหมูพันธุ์นำเข้าดั้งเดิม และมาพร้อมโอกาสทางการตลาดในวงกว้าง

มือดีปล่อยคลิปหลุด ‘พิมพ์ กรกนก’ ยอมมอบกับตำรวจไซเบอร์ สารภาพทำไปเพราะถูกฝ่ายชายนอกใจ พร้อมยอมรับผิดทั้งหมด

(21 พ.ค.67) กัน จอมพลัง พา น.ส.เอ นามสมมติ เข้าพบตำรวจไซเบอร์ หลังจากที่มีกระแสข่าวเกิดขึ้นว่ามีคนปล่อยคลิปลับของ ‘พิมพ์ กรกนก’ เน็ตไอดอลสาว จนได้รับความเสียหาย

โดย กัน จอมพลัง กล่าวว่า น.ส.ได้ติดต่อมาขอปรึกษากับตน ซึ่งตอนแรกตัวของน้องยังลังเลอยู่ไม่ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง แต่ตัวของน้องรู้สึกผิด จึงอยากจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ ก็เลยเกลี้ยกล่อมให้มาพบตำรวจเพื่อให้ข้อมูลและสอบปากคำ โดยตัวน้องยินดีที่จะเข้าสู่กระบวนการสอบปากคำ และยอมรับผิดทั้งหมด

ด้าน น.ส.เอ คนปล่อยคลิป เปิดเผยว่า ตนเองได้คบกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตแฟนของ พิมพ์ กรกนก ช่วงระหว่างคบหาดูใจกัน ก็เกิดมีปัญหากันขึ้น มีช่วงหนึ่งที่เธอไปต่างประเทศ เมื่อกลับมา ก็พบว่าแฟนหนุ่มมีท่าทีที่ผิดปกติไป จึงสงสัยว่าแฟนหนุ่มนอกใจไปอยู่กับใคร จากนั้นจึงนำโทรศัพท์ของแฟนหนุ่มมาดู ปรากฏว่า พบคลิปลับแฟนหนุ่มมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น จึงไล่ดูไปเรื่อย ๆ พบว่ามีคลิปของเหยื่อ ซึ่งเป็นแฟนเก่าที่เลิกรากันไปแล้ว รวมถึงมีคลิปของตนเองด้วยเช่นกัน 

ด้วยความเสียใจและรู้สึกรับไม่ได้กับภาพที่ได้เห็นรวมถึงถูกแฟนหนุ่มนอกใจ จึงส่งคลิปทั้งหมดเข้ามาที่โทรศัพท์ของตัวเอง จากนั้นก็ส่งคลิปให้เพื่อนเพื่อเป็นการระบายความรู้สึก

เธอบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้น เธออยากขอโทษผู้เสียหาย ยอมรับผิดในสิ่งที่ทำและจะขอเยียวยาผู้เสียหายให้มากที่สุด

ด้าน พล.ต.ต. ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการ สอท.1 บอกว่า หลังจากผู้ปล่อยคลิปติดต่อเข้าพบตำรวจ หลังจากตำรวจนี้ก็จะดำเนินการสอบสวน รวมทั้งต้องตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ส่งคลิปดังกล่าวอย่างละเอียด ตำรวจจะไม่ตรวจสอบเพียงมิติเดียว และจะดำเนินการเอาผิดตามขั้นตอน

ส่วนฝ่ายชายที่เป็นคนถ่ายคลิปจะมีความผิดด้วยหรือไม่ เรื่องนี้อยู่ในสำนวนการสอบสวน ต้องดูว่าตอนถ่ายคลิปสมัครใจทั้งสองฝ่ายไหม หรือโดนบังคับ อยู่ระหว่างสอบสวน ฝากเตือนคนที่ดูคลิปแล้วแชร์ ขอให้หยุด เพราะจะมีความผิดด้วย 

‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ ชี้ ‘พิชิต’ ลาออกตอนนี้ ก็สายเกินไปแล้ว พร้อมตั้งข้อสงสัย หากไม่ด่างพร้อย เหตุใดต้องลาออก

(22 พ.ค.67) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart เกี่ยวกับกรณีที่นายพิชิต ชื่นบาน รมต.ประจำสำนักนายกฯ ได้ยื่นลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ โดย นายนันทิวัฒน์ ได้ระบุว่า ...

ลาออกไม่ใช่คำตอบ

ว่าแล้วต้องมาทางนี้ ลาออกจะช่วยอะไรให้ดีขึ้นหรือหวังตัดตอนให้ศาลจำหน่ายคดีมันจะช่วยได้หรือ

สว. 40 เข้าชื่อฟ้องนายกและพิชิตไม่ได้ฟ้องพิชิตคนเดียวนายกเป็นจำเลยที่หนึ่ง จำเลยที่สองลาออกก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหากคาดหวังให้ศาลยุติการพิจารณาถือว่าเดาใจศาลรัฐธรรมนูญผิดเพราะนายกเป็นคนเสนอชื่อรัฐมนตรีและลงนามสนองพระบรมราชโองการ ถ้าชื่อที่กราบบังคมทูลขัดรัฐธรรมนูญความผิดสำเร็จแล้ว ถ้าจะผิดก็ผิดเต็มๆ ศาลรัฐธรรมนูญคงเดินหน้าต่อ ไม่หยุดแน่

หากคิดว่า. ตัวขาวบริสุทธิ์ผุดผ่องคุณสมบัติถูกต้องไม่ด่างพร้อย ไม่ขัดรัฐธรรมนูญตั้งแต่แรก
ลาออกทำไมถึงเวลานี้ ทุกอย่างมันสายไปแล้ว

'สกุลธร' แจง 6 ข้อ ปมคดีติดสินบน 20 ล้าน เช่าที่ดินทรัพย์สินฯ ยัน!! ตนเองเป็นผู้เสียหาย แต่กลับกลายเป็นผู้ต้องหาคดีทุจริต

เมื่อวานนี้ (21 พ.ค.67) นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ออกจดหมายชี้แจง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาลงโทษให้จำคุก 6 เดือน โดยได้ระบุว่า …

ผมเป็นผู้แจ้งเบาะแสทุจริต แต่กลับกลายเป็นผู้ต้องหาคดีทุจริต

สืบเนื่องจากคดีการทุจริตซึ่งเกิดขึ้นกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตามที่ปรากฏในข่าว เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 โดยมีผมเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นจำเลยในคดีนี้

ผมขอชี้แจงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ดังนี้

1) ผมและคณะทำงานในขณะนั้น ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยได้ดำเนินการเป็นไปตามระเบียบและขั้นตอนตามกฎหมายตามที่เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินฯ ได้แจ้งกับผมและทีมงานทุกประการ

แต่ต่อมาภายหลัง ผมได้ทราบว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้หลอกลวงผม ด้วยการปลอมแปลงเอกสารของสำนักงานทรัพย์สินฯ

2) เมื่อผมได้ทราบว่าถูกเจ้าหน้าที่คนนี้หลอก ก็แสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยรีบแจ้งข้อเท็จจริงถึงเรื่องดังกล่าวไปยังสำนักงานทรัพย์สินฯ จนเป็นเหตุทำให้สำนักงานทรัพย์สินฯ ดำเนินคดีอาญากับบุคคลนี้ จนศาลพิพากษาลงโทษเขาพร้อมกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง และคดีถึงที่สุดไปแล้ว

3) ระหว่างสอบสวนคดีดังกล่าวในช่วงปี 2562 ผมยังเคยได้รับเชิญไปให้การในฐานะผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าวด้วย แต่เนื่องจากในขณะนั้นผมติดภารกิจสำคัญอยู่ที่ต่างประเทศ จึงไม่ได้ไปให้การเป็นพยานกับพนักงานสอบสวน

4) ในช่วงระหว่างการดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่หลอกลวงปลอมแปลงเอกสารสำนักงานทรัพย์สินฯ กลุ่มนี้ ตั้งแต่ในชั้นสอบสวนกระทั่งถึงในชั้นศาล พนักงานสอบสวนไม่เคยดำเนินคดีใดๆกับผมทั้งสิ้น

5) แต่หลังจากนั้น กลับมี“นักร้อง” ไปร้องให้ดำเนินคดีผม หาว่าผมรู้เห็นเป็นใจกับบุคคลนี้ และเป็นผู้ใช้ให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวไปกระทำการทุจริต

6) ผมขอตั้งคำถามให้ทุกท่านลองพิจารณาด้วยใจเป็นธรรม ว่าหากผมมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดดังกล่าวจริงแล้ว เหตุใดผมจะต้องวิ่งไปแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการหลอกลวงดังกล่าว เพื่อให้ตัวเองเดือดร้อนถูกดำเนินคดีไปด้วย?

ผมคือผู้เสียหายจากการหลอกลวงของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ใช่จำเลย การที่ผมเป็นผู้เริ่มคดีขึ้นเสียเองด้วยการแจ้งเบาะแสการทุจริตไปยังสำนักงานทรัพย์สิน ก็เพราะไม่อยากให้สำนักงานทรัพย์สินฯ ได้รับความเสื่อมเสียจากการที่มีบุคลากรแอบแฝงกระทำการหลอกลวงผู้อื่นเช่นที่ผมพบเจอด้วยตนเอง

ผมเคารพในคำพิพากษาของศาลชั้นต้น แต่ผมขอใช้สิทธิต่อสู้คดีจนถึงที่สุด และพร้อมที่จะชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อพิสูจน์ความสุจริตใจของผมตามครรลองของกระบวนการยุติธรรมต่อไป

สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ

21 พฤษภาคม 2567

'ไทยภักดี' ลั่น!! รัฐประหารเพียงปลายเหตุ ต้นเหตุคือนักการเมืองโกง  ชี้!! ประชาธิปไตยที่ถูกต้องสมบูรณ์ หยุดรัฐประหารได้แท้จริง

(22 พ.ค.67) พรรคไทยภักดี ได้ออกแถลงการณ์ โดยมีเนื้อหา ระบุว่า...

"รัฐประหารเพียงปลายเหตุ ต้นเหตุคือนักการเมืองโกง ประชาธิปไตยที่ถูกต้องสมบูรณ์ตามหลักการปกครองเท่านั้นจึงจะหยุดรัฐประหารได้แท้จริง"

วันนี้คือวันครบรอบ 10 ปี การรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เพื่อยึดอำนาจจากรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกมวลมหาประชาชนชาวไทยจำนวนหลายล้านคนชุมนุมขับไล่อยู่ การรัฐประหารเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เป็นที่มุ่งหวังไม่พึงประสงค์ของทุกๆ ภาคส่วนในสังคมประชาธิปไตย แต่ประเทศไทยกลับต้องเผชิญกับการรัฐประหารมาแล้วทั้งสิ้น 13 ครั้ง มากไม่น้อยเมื่อเทียบกับระยะเวลาประชาธิปไตยไทย 92ปี เฉลี่ยแล้ว 7 ปีมีรัฐประหาร 1 ครั้ง 

"รัฐประหารเพียงปลายเหตุ 
ต้นเหตุคือนักการเมืองโกง"

ซึ่งเหตุผลสำคัญของคณะรัฐประหารโดยส่วนใหญ่คือการฉ้อฉลทุจริตของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการรัฐประหาร 2 ครั้งสุดท้ายในปี 2549 และ 2557 ที่คณะรัฐประหารได้รับดอกไม้ และเสียงชื่นชมสนับสนุนจากประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าประชาชนเกลียดชังรัฐบาลจากการเลือกตั้งที่มีพฤติกรรมฉ้อฉลทุจริตคอร์รัปชัน และเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งแตกแยกแบ่งสีแบ่งฝ่ายของประชาชน สร้างวิกฤตปัญหาร้ายแรงต่างๆ ขึ้นในสังคมไทย ที่สำคัญเป็นรัฐบาลที่ไร้สำนึกทางจริยธรรม ไร้ยางอาย แม้จะมีมวลมหาประชาชนชาวไทยหลายล้านคนลุกขึ้นมาประท้วงขับไล่ทั่วทั้งประเทศก็ไม่ยอมลงจากอำนาจเสียที สุดท้ายกองทัพแห่งชาติจึงต้องทำการรัฐประหารในท้ายที่สุด

พรรคไทยภักดี ยืนยันสนับสนุนหลักการประชาธิปไตยที่ถูกต้องสมบูรณ์ตามหลักการปกครองเท่านั้นจึงจะหยุดการรัฐประหารได้อย่างแท้จริง การที่พรรคเพื่อไทย และหลายภาคส่วนในสังคม เสนอให้มีกฎหมายป้องกันการรัฐประหาร หรือให้ศาลไม่ยอมรับ 'อำนาจรัฏฐาธิปัตย์' ของคณะรัฐประหาร เป็นสิ่งที่ไม่สามารถกระทำได้จริง ผิดหลักการทางรัฐศาสตร์ เป็นเพียง 'จินตนาการที่ฟุ้งเฟ้อเลื่อนลอย' เพราะโดยแท้จริงแล้วการหยุดรัฐประหารเริ่มต้นจากตัวพรรคการเมืองเอง ความเป็นประชาธิปไตยในพรรคคือ 'สารตั้งต้นหยุดรัฐประหาร' ถ้าพรรคการเมืองเป็นพรรคของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน เป็นพรรคมวลชน (Mass Party) อย่างแท้จริง ไม่ใช่พรรคการเมืองของใครบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ที่ผูกขาด รวบอำนาจเป็นทาสหัวหน้าพรรค เป็นทาสนายทุนพรรค แบบพรรคเพื่อไทยในปัจจุบันที่กล่าวอ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แต่ภายในพรรคผูกขาดรวบอำนาจโดยคนเพียงคนเดียว หรือตระกูลเดียว ความเป็นประชาธิปไตยภายในพรรคยังไม่มี จะสร้างประชาธิปไตยของประเทศได้อย่างไร? 

ถ้าพรรคการเมืองมีความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง มีมวลมหาประชาชนเป็นเจ้าของพรรค คอยควบคุมนักการเมืองในพรรค พรรคการเมืองนั้นจะเคารพกฎหมาย เคารพรัฐธรรมนูญ ยึดมั่นในหลักนิติรัฐนิติธรรม ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล จะไม่ฉ้อฉลทุจริตคอรัปชั่น จะไม่สร้างวิกฤตปัญหามากมายให้กับประชาชน และประเทศชาติ จะมีมวลมหาประชาชนทั้งหลายเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็ก กองทัพแห่งชาติก็ไม่อาจจะกระทำรัฐประหารได้  

ในโอกาสนี้พรรคไทยภักดีจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศ มาร่วมกันสร้างพรรคการเมืองของประชาชน (Mass Party) พรรคที่มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพื่อหยุดวงจรรัฐประหารร่วมกัน

ด้วยจิตคารวะ
พรรคไทยภักดี


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top