Friday, 28 June 2024
NewsFeed

เชียงใหม่-สถาบันวิจัยและพัฒนา CMRU ดันสินค้าOTOP ยกระดับชุมชนฉลาดรู้อย่างสร้างสรรค์ด้วยกลไกการขับเคลื่อนจากมหาวิทยาลัยสู่ชุมชน

รศ.ดร.ชาตรี มณีโกศล อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ให้เกียรติเป็นประธานในกิจกรรมสรุปงานโครงการยกระดับชุมชนฉลาดรู้อย่างสร้างสรรค์ด้วยกลไกการขับเคลื่อนจากมหาวิทยาลัยสู่ชุมชน โครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กลุ่ม Area Based ของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ณ ลานโปรโมชั่น ชั้นG ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต

สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ดำเนินการส่งเสริมกิจกรรมการสร้างรายได้จากเศรษฐกิจโดยการสร้างพื้นที่สร้างสรรค์โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน มีบทบาทในการส่งเสริมนโยบายและกลไกสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์ ซึ่งภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีบทบาทในการร่วมลงทุนและสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์ ดังนั้นจึงได้ดำเนินการส่งเสริมการสร้างพื้นที่สร้างสรรค์ที่มีอัตลักษณ์ท้องถิ่นล้านนา เช่น หัตถกรรม สถาปัตยกรรม สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ให้เกิดพื้นที่ที่มีการสร้างรายได้จากเศรษฐกิจฐานราก นำไปสู่การทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน 

โดยมีสินค้าที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและรูปแบบผลิตภัณฑ์ตลอดระยะเวลาของโครงการ ทั้งสิ้น 12 ราย ได้แก่  ทองน้ำหนึ่ง,ทิพย์สมุนไพร,เศรษฐีเรือนทอง เชียงใหม่,ลำลนา,แอนนิมอล์,กลุ่มเป่าแก้ว พนาไพร,ชนกฝ้ายแพรไหม,สไบทอง,สุภิญญ์ ผ้าฝ้าย,วิสาหกิจชุมชนหมื่นสารบ้านวัวลาย,กาแฟขุนช่างเคี่ยน และห้างหุ้นส่วนจำกัด Amazing Tea

ภายในงานมีกิจกรรม การแสดงศิลปวัฒนธรม กิจกรรมworkshop การสัมนาถอดบทเรียนการดำเนินโครงการ การนำเสนอผลงานนักศึกษาที่ได้รางวัลชนะเลิศจากการเขียนแผนประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ภายในโครงการ และการแสดงสินค้าของผู้ประกอบการเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ

นภาพร/เชียงใหม่

‘สนามบินเซินเจิ้น’ เปิดห้องรับรอง ‘สัตว์เลี้ยง’ แห่งแรกของจีน พร้อมสอดรับกับจำนวนประชาชนที่เลี้ยงสัตว์เพิ่มมากขึ้น

(19 พ.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า  หลังจากอยู่ในห้องรับรองสัตว์เลี้ยงของท่าอากาศยานนานาชาติเซินเจิ้น เป่าอัน มณฑลกว่างตงทางตอนใต้ของจีนมานานถึง 20 ชั่วโมง เพราะเที่ยวบินโดนยกเลิก ในที่สุดเจ้า ‘ฉีฉี’ สุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ ก็ได้ขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางไปยังเมืองสือเจียจวงทางตอนเหนือของจีน ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ระหว่างที่รอขึ้นเครื่อง ฉีฉีได้รับอาหารจากเจ้าหน้าที่สนามบิน และได้เดินเล่นในพื้นที่ที่จัดไว้สำหรับการเล่นโดยเฉพาะ รวมถึงยังได้วิดีโอคอลกับเจ้าของของมันด้วย ด้วยความเอาใจใส่ต่างๆ เหล่านี้ ฉีฉีจึงมีอารมณ์ที่สงบตลอดช่วงเวลาที่รอเครื่อง และพนักงานก็รีบจัดการให้สุนัขตัวนี้ได้ขึ้นเครื่องในเที่ยวบินถัดไป

ทั้งนี้ บริการดูแลสัตว์เลี้ยงนี้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังสนามบินเซินเจิ้น เป่าอัน ได้เปิดห้องรับรองสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ นับเป็นบริการประเภทนี้แห่งแรกของจีน จวบจนปัจจุบันห้องรับรองนี้ได้ให้บริการแก่ ‘นายท่าน’ ทั้งหลายแล้วมากกว่า 40 ตัว

งานวิจัยของสถาบันการพัฒนาแห่งประเทศจีน สถาบันคลังสมองซึ่งตั้งอยู่ในนครเซินเจิ้น ระบุว่าจำนวนผู้เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงในเซินเจิ้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เกิดหลังปี 1980 ปัจจุบันเซินเจิ้นมีแมวและสุนัขเลี้ยงมากกว่า 500,000 ตัว บ่งชี้ว่าอุปสงค์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงนั้นกำลังเพิ่มมากขึ้น

เจ้าหน้าที่สนามบินระบุว่า ในอดีตสนามบินเซินเจิ้น เป่าอัน จะจัดการสัตว์เลี้ยงร่วมกับสินค้าอื่น ๆ บนพื้นที่ขนาดใหญ่ ก่อนจะดำเนินการขนส่ง และแม้ว่าจะมีการเปิดพื้นที่รองรับสัตว์เลี้ยงเมื่อปี 2018 แต่ก็ยังคงอยู่ภายในอาคารขนส่งสินค้าขนาดใหญ่

ขณะที่ห้องรับรองสัตว์เลี้ยงที่เพิ่งเปิดใหม่นี้ มีพื้นที่ประมาณ 210 ตารางเมตร มีการใช้แสงนุ่มที่สบายตายิ่งขึ้น รวมถึงใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยแบ่งออกเป็นโซนแมวและโซนสุนัขแยกกัน แต่ละโซนมีพื้นที่สำหรับนั่งรอและพื้นที่ให้ความบันเทิงสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ

ห้องรับรองนี้ดำเนินการโดยบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสัตว์เลี้ยง เจ้าหน้าที่ประจำห้องรับรองล้วนเป็นผู้ผ่านการอบรมทักษะเฉพาะทาง ตลอดจนมีสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นสูงหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือระบบการตรวจสอบแบบครอบคลุม ที่ช่วยให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงมั่นใจได้ว่าจะมีการเฝ้าระวังความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง รวมไปถึงระบบการติดตามตำแหน่ง การแจ้งเตือนอุณหภูมิ ความชื้น และ ค่าฝุ่น PM2.5 และอื่น ๆ

นอกเหนือจากช่องทางการตรวจสอบความปลอดภัยแบบพิเศษ การตรวจตราดูแลตามปกติ และการให้อาหารตามคำสั่งของลูกค้าแล้ว ห้องรับรองแห่งนี้ยังมีบริการสัตวแพทย์ทางไกลด้วย

สำหรับบริการดูแลสัตว์เลี้ยงที่ต้องติดอยู่ที่สนามบินชั่วคราว เนื่องจากเที่ยวบินล่าช้าหรือการยกเลิกเที่ยวบินดังเช่นกรณีของเจ้าฉีฉี ทางสนามบินจะไม่มีการบวกค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

หลังจากอยู่บนเครื่องบินนานกว่า 2 ชั่วโมง ฉีฉีก็เดินทางถึงสือเจียจวงอย่างปลอดภัย และทางครอบครัวของเจ้าของก็มารับมันไปในช่วงเย็นของวันที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา

หญิงแซ่จางซึ่งเป็นเจ้าของสุนัขตัวนี้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ดูแลและจัดการขนส่งสุนัขของเธออย่างราบรื่น พร้อมเผยเหตุผลว่าเธอจำเป็นต้องส่งเจ้าฉีฉีกลับไปที่บ้านเกิดเพื่อให้ครอบครัวช่วยดูแลสักระยะ ในช่วงที่ตนเองต้องเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งบริการนี้ทำให้เธอสบายใจและหายห่วงอย่างมาก

‘โรงเรียนสังขะ’ โชว์ระบบสุดล้ำ เช็กชื่อนักเรียนผ่านกล้องวงจรปิด

(20 พ.ค.67) จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘Pakorn Buayam’ ซึ่งเป็นครูของโรงเรียนสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ได้โพสต์คลิปเพื่อแสดงการทำงานของระบบบันทึกการมาโรงเรียนของนักเรียนผ่านกล้องวงจรปิด ซึ่งมีความสะดวกสบายมาก เพราะแค่นักเรียนเดินผ่านกล้องก็ขึ้นข้อมูลรหัสนักเรียนและเวลาที่เข้า พร้อมระบุข้อความว่า “ระบบเช็กการมาเรียนของนักเรียนเช้านี้ ที่นี่โรงเรียนสังขะ จังหวัดสุรินทร์

ทั้งนี้ หลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไปก็มีผู้รับชมเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังแสดงความคิดเห็นชื่นชมเทคโนโลยีของโรงเรียนและอยากให้โรงเรียนหรือสถานที่ราชการอื่น ๆ มีระบบนี้ด้วย

"เราจะไม่ทอดทิ้งกัน เพราะกำลังพลทุกระดับชั้นยศ คือครอบครัวกองทัพเรือ"

กรมแพทย์ทหารเรือ มอบหมายให้ รพ.อาภากรเกียรติวงศ์ ฐท.สส.โดย ทีมลำเลียงทางอากาศ กองเวชศาสตร์ใต้น้ำและการบิน รพ.อาภากรฯ เพื่อการดูแลผู้ป่วยระหว่างการลำเลียงทางอากาศ จำนวน  5 นาย ร่วมกับ ฝูงบิน 201 กบร.กร. (น.ท.ชาญวิศว์ ภาคทรวง ผบ.ฝูงบิน201) และ มวบ.ฉก.ภต. (น.ท.ยศพล สาโรจน์ ผบ.มวบ.ฉก.ภต.) ปฏิบัติภารกิจส่งกลับสายแพทย์ ผู้ป่วยซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการฝึก เพื่อเข้ารับการรักษาต่อยัง รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พร. อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี อาการปัจจุบันผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ใช้อุปกรณ์พิเศษเปล ลำเลียงจากสนามบินนราธิวาส ปลายทางสนามบินอู่ตะเภา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง โดยมีทีมศูนย์รถ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พร. รับผู้ป่วยเข้ารับการรักษายัง รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พร. ต่อไป เมื่อ 20 พ.ค.67
นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 909535645

#I will do my best #
#กองเวชศาสตร์ใต้น้ำและการบิน รพ.อาภากรเกียรติวงศ์ ฐท.สส.#
#กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ#
#Fit For The Future #กรมแพทย์ทหารเรือ #ลำเลียงทางอากาศ 

“อลงกรณ์”โชว์วิสัยทัศน์เวทีเส้นทางสายไหมนานาชาติ ดึงจีนลงทุน12อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ดันไทยประเทศรายได้สูง

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์และอดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศได้รับเชิญให้กล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมสุดยอดการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ 2024 และงานนิทรรศการสินค้าประเทศตามแนว “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”
ณ นครอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน

โดยนายอลงกรณ์กล่าวว่านับตั้งแต่ข้อริเริ่ม “อีต้าอีลู่ หรือเส้นทางสายไหม หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง One Belt and One Road” ถูกประกาศอย่างเป็นทางการในปี 2013 โดยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เพื่อรื้อฟื้นเส้นทางสายไหมในอดีตสมัยพระเจ้าฮั่นอู่ตี้ เมื่อกว่า2พันปีก่อนสู่เส้นทางสายไหมใหม่ในศตวรรษที่ 21 เป็นเวลา11ปีที่ประเทศไทยและจีนได้สร้างความร่วมมือระหว่างกันอย่างเต็มที่ภายในกรอบ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนภาคอุตสาหกรรม เศรษฐกิจดิจิทัล เกษตรกรรม การค้าและการท่องเที่ยว ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ประสบความสำเร็จอย่างดี จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยต่อเนื่องเป็นเวลา 10 ปี เป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุดของไทย แหล่งเงินทุนต่างประเทศหลัก และแหล่งนักท่องเที่ยวที่สำคัญอันดับ1  นอกจากนี้ ไทยและจีนยังคงมีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมอย่างใกล้ชิด สร้างความผูกพันที่แน่นแฟ้นและลึกซึ้ง "ไทย จีน ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน" กลายเป็นประโยคที่เข้าใจกันอย่างแพร่หลายของประชาชนทั้งสองประเทศ 

ความสำเร็จของความร่วมมือไทย-จีนในวันนี้ มาจากการที่ทั้งสองฝ่ายยึดมั่นในหลักการของการเคารพซึ่งกันและกัน การให้ความเสมอภาค ผลประโยชน์ร่วมกัน และการร่วมกันสร้างนวัตกรรม นอกจากนี้ ยังเป็นผลงานที่มาจากความร่วมมือระยะยาวระหว่างภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ ด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศที่กำลังดำเนินไปอย่างลึกซึ้ง ความร่วมมือระหว่างไทย-จีนกำลังเผชิญกับโอกาสมากมายมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของประเทศไทย (2018-2037) ระบุว่า ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะเป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2036 และจะดำเนินการแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 (2023-2027) เพื่อเข้าสู่โหมดการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว (BCG :Bio-Circular-Green Economy)

ซึ่งรวมถึงนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ได้แก่ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาและเชื่อมต่อระบบดิจิทัล การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมสมัยใหม่ที่เน้นคุณค่าในกรอบ "Thailand 4.0" การพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน และการเน้นการถือประชาชนเป็นหลัก โดยเฉพาะการเพิ่มความกระตือรือร้นสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป้าหมายสูงสุดคือการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สมดุลและยั่งยืน เป็นเพราะความสอดคล้องกันระหว่างแนวคิด "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" กันนโยบายการพัฒนาของไทยทำให้เกิดความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือที่มีศักยภาพสูงในหลายๆ ด้าน

ในโอกาสนี้ขอเชิญชวนนักลงทุนชาวจีนและนานาประเทศให้มาร่วมลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของไทย (Eastern Economic Corridor หรือ EEC) และเข้าร่วมอย่างกระตือรือร้นใน"12 อุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคต"ของไทย (12 S-CURVES)เช่น การค้าและการลงทุนในสาขาเทคโนโลยีและหุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพ อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ การท่องเที่ยวและการแพทย์ อุตสาหกรรมดิจิทัล ยานยนต์สมัยใหม่ เป็นต้น เพื่อเชื่อมโยงกับโอกาสต่างๆ ภายใต้แนวคิด "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" และเปิดศักราชใหม่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจไปด้วยกัน.

สำหรับการประชุมสุดยอดการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ 2024 และงานนิทรรศการสินค้าประเทศตามแนว “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”จัดขึ้นที่ นครอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อวันที่20 พฤษภาคม 2567 มีตัวแทนจากประเทศไทยคือนางสาวอภิญญา ปราโมช นายกสมาคมการค้าไทย-จีนและเศรษฐกิจเอเชียเข้าร่วมประชุมด้วย.

ทรภ 1 จัดพิธีสักการะ เพื่อน้อมรำลึกในพระกรุณาคุณเนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ "องค์บิดาของทหารเรือไทย"

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2567 พลเรือโท สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 นำคณะผู้บังคับบัญชา และฝ่ายอำนวยการในทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมประกอบพิธีสักการะ เพื่อน้อมรำลึกในพระกรุณาคุณ เนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์บิดาของทหารเรือไทย ณ กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการทัพเรือภาคที่ 1 และครอบครัว

วันเดียวกัน นาวาเอก อโศก ศรีสวัสดิ์ รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นผู้แทนทัพเรือภาคที่ 1 ประกอบพิธีสักการะ รวมถึงยิงสลุตถวาย ณ ศาลพระตำหนักพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือเกาะช้าง โดยมีคณะฝ่ายอำนวยการในทัพเรือภาคที่ 1 หัวหน้าศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือเกาะช้าง ผู้บังคับการเรือในหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมพิธีฯ

วันที่ 19 พฤษภาคม “วันอาภากร” เป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ “องค์บิดาของทหารเรือไทย” ผู้ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทยอย่างกว้างขวาง พระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อปวงชนชาวไทยนั้น ปรากฏทั้งในด้านกิจการทหารเรือที่พระองค์ท่านทรงวางรากฐานไว้ และการแพทย์แผนโบราณ ซึ่งพระองค์ทรงพระกรุณาช่วยเหลือรักษาผู้ตกทุกข์ได้ยากไม่เลือกชั้นวรรณะ จนเป็นที่เลื่องลือนับถือกันโดยทั่วไปในพระนามว่า “หมอพร” หรือ ที่ทหารเรือเรียกท่านว่า “เสด็จเตี่ย”

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

**สำหรับวันที่ 19
#วันอาภากร
#วันคล้ายวันสิ้นพระชนม์
#ทัพเรือภาคที่1
#เทิดทูนสถาบัน ยึดมั่นระเบียบวินัย ประชาชนภูมิใจ ทะเลไทยมั่นคง
#Fit_for_the_Future
 

สมุทรปราการ- อดีต รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมอวยพรครอบครัวนักการเมืองท้องถิ่น ครบรอบ 60 ปี

นางจุฑารัตน์ จีนเพ็ชร หรือ(ส.ท.หนู) สมาชิกสภาเทศบาลตำบลสำโรงเหนือ ได้จัดงานวันคล้ายวันเกิดครบ 60 ปี ให้กับสามีและบุตร-ธิดา โดยมีวันคล้ายวันเกิดตรงกัน

ที่บ้านเลขที่ 88/275 ซอยภานุวงศ์ 14  ถนนสุขุมวิท 117 ต.บางเมืองใหม่ อ.เมืองฯ จ.สมุทรปราการ นางจุฑารัตน์ จีนเพ็ชร (ส.ท.หนู) สมาชิกสภาเทศบาลตำบลสำโรงเหนือ จัดงานวันคล้ายวันเกิดให้กับ นายสุวรรณ์ สุนทรพง (ผู้ช่วยแดง) อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.บางปูใหม่ พร้อมทั้ง บุตร-ธิดา ซึ่งเป็นพี่น้องฝาแฝด คือ ด.ญ. ธรรมพร สุนทรพง (น้องใบบัว) และ ด.ช. ธรรมจักร สุนทรพง (น้องใบบอน) ซึ่งมีอายุครบ 13 ปี ซึ่งพี่น้องทั้งสองคนและบิดาได้เกิดวันและเดือนเดียวกัน คือวันที่ 18 พฤษภาคม

ภายในงานครบรอบวันคล้ายวันเกิดได้ประกอบพิธีมงคล โดยได้ถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 9 รูป จากวัดเจริญวราราม โดยได้รับความเมตตาจาก พระอาจารย์อำพร นำพระสงฆ์ประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถาธัมมจักรกัปปวัตรณสูตร พร้อมทั้งเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับเจ้าภาพ อีกทั้ง ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน นายสุวรรณ์ สุนทรพง (ผู้ช่วยแดง) อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.บางปูใหม่ พร้อมด้วย นางจุฑารัตน์ จีนเพ็ชร (ส.ท.หนู) สมาชิกสภาเทศบาลตำบลสำโรงเหนือ และบุตร-ธิดา ได้ร่วมกันแจกข้าวสาร ถุงละ 5 กิโล จำนวน 417 ถุง มอบให้กับพี่น้องประชาชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ในเขตพื้นที่เพื่อเป็นการทำบุญเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบ 60 ปี

โดยมี นายสุนทร ปานแสงทอง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายสมควร ชูไสว (สจ.เต๊า) ประธานสภา อบจ.สมุทรปราการ นายสนอง และนางวารุณี บุญเผือก อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลสำโรงเหนือ นายรุ่งโรจน์ สุพรรณปราการ ประธานสภาเทศบาล ตำบลสำโรงเหนือ นายธงชาติ ผาสุพรรณ์ รองประธานสภาเทศบาลตำบลสำโรงเหนือ และคณะสมาชิกสภาเทศบาลตำบลสำโรงเหนือ กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้าเพื่อพัฒนาสำโรงเหนือ นางสายสุนี สมใจ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางด้วน นางนิภา สืบสำราญ เลขานุการองค์การบริหารส่วนตำบลบางด้วน ประธานชุมชน และคณะกรรมการชุมชน ตลอดจนพี่น้องประชาชนชาวชุมชนตำบลบางเมืองใหม่ ตำบลสำโรงเหนือ ต่างเดินทางมาร่วมในพิธี พร้อมทั้ง ร่วมอวยพรและมอบกระเช้าอวยพร เนื่องในวันคล้ายวันเกิด ครบรอบ 60 ปี ผู้ช่วยแดงกันเป็นจำนวนมาก โดยมีครอบครัวสุนทรพง และครอบครัวจีนเพ็ชรร่วมให้การต้อนรับ

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

‘ชาวบ้านหนองพะวา’ โต้คารมเดือด ‘สส.ก้าวไกล’ ปมกล่าวหาปล่อยรถขนกากสารเคมีกลับคืนโรงงาน

เมื่อวานนี้ (20 พ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีรถบรรทุกขนกากอะลูมิเนียมดรอสจากบริษัท วินโพรเสส จก. หมู่ 4 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ไปกำจัดที่บริษัทเมทเทิลคอม จก. อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ถูกชาวบ้านในพื้นที่รวมตัวถือป้ายประท้วงไม่ให้ขนลงจากรถ เรียกร้องให้นำกลับระยองภายในเวลา 2 วันนั้น กระทั่งช่วงเวลา 19.15 น. มีชาวบ้านหนองพะวา ได้นำรถมาปิดทางเข้าโรงงาน จนมั่นใจแล้วว่า รถขนกากอะลูมิเนียมดรอส จะไม่ถูกนำกลับคืนโรงงาน จึงแยกย้ายกันกลับ

กระทั่งเวลา 20.50 น. รถขนกากอะลูมิเนียมดรอส 3 คัน เดินทางมาถึงหน้าโรงงาน ก่อนจะเลี้ยวเข้าประตูโรงงานไป ซึ่งเป็นจังหวะที่นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล และนายอำนาจ ออมศิริ เลขานุการนายก อบต.บางบุตร เดินทางมาถึงหน้าโรงงานพอดี เมื่อชาวบ้านทราบข่าวว่า มีรถขนกากสารเคมีกลับมาจากโรงงานใน จ.ชลบุรี กลับคืนเข้าไปในโรงงานวินโพรเสส ทางน.ส.ผ่องพรรณ เจริญรมย์ กำนันตำบลบางบุตร จึงนำชาวบ้านไปหน้าโรงงาน ปะทะคารมกับนายชุติพงศ์ กล่าวหาว่าปล่อยให้รถขนกากสารเคมี เข้าไปในโรงงาน ต่างฝ่ายต่างโวยวายเสียงดัง จนหวิดวางมวยกันเกิดขึ้น จนกระทั่งมีการห้ามปรามกันจึงเย็นลง ก่อนที่จะมีการพูดคุยกันทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหาข้อสรุปกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพรุ่งนี้ (21 พ.ค.)

ย้อนเรื่องราว ‘หน่วย 731’ ของ ‘กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น’ หลังจับ ‘มนุษย์’ เป็น ‘หนูทดลอง’ อย่างโหดสุดๆ ในยุค WW2

หน่วย 731 มาจากชื่อเต็มว่า Manchu Detachment 731 (หน่วยแมนจู 731) และยังเป็นที่รู้จักในชื่อ หน่วย Kamo หรือ หน่วย Ishii เป็นหน่วยงานลับทำหน้าที่วิจัยและพัฒนาสงครามชีวภาพและเคมีของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น หน่วยงานนี้เดิมก่อตั้งโดยกองกำลังสารวัตรทหารแห่งกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นในปี 1936 มีกองบัญชาการใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองฮาร์บินซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในแมนจูกัว (ปัจจุบันคือจีนด้านตะวันออกเฉียงเหนือ) ซึ่งขณะนั้นเป็นพื้นที่ภายใต้การยึดครองของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น หน่วย 731 มีหน่วยงานย่อยอยู่ทั่วจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หน่วยนี้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของพลโท Shiro Ishii นายแพทย์ทหาร ตัวอาคารของหน่วย 731 สร้างขึ้นในปี 1935 เพื่อใช้แทนป้อมจงหม่า เป็นทั้งเรือนจำและห้องทดลองของหน่วย 731 หน่วยนี้ปฏิบัติการจนกระทั่งสิ้นสุดสงครามในปี 1945

(พลโท Shiro Ishii หัวหน้าหน่วย 731)

หน่วย 731 รับผิดชอบต่ออาชญากรรมสงครามที่ฉาวโฉ่ที่สุดที่ก่อโดยกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น มีการทดลองกับผู้คนที่ถูกศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และเรียก ‘ผู้ถูกทดลอง’ (เป็นการภายใน) ว่า ‘ท่อนไม้’ การทดลองประจำวันมีตั้งแต่การฉีดโรคเข้าไปในร่างกายของผู้ถูกทดลอง การควบคุมภาวะขาดน้ำ (การบังคับให้อดน้ำ) การทดสอบอาวุธชีวภาพ การทดสอบห้องความดันบรรยากาศต่ำ การผ่าตัดชำแหละอวัยวะ การเก็บอวัยวะ การตัดแขนขา และการทดสอบอาวุธมาตรฐาน ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อไม่เพียงแต่รวมถึง ชาย หญิง (รวมถึงสตรีมีครรภ์) และเด็กที่ถูกลักพาตัว แต่ยังรวมไปถึงทารกที่เกิดจากการข่มขืนหญิงที่ถูกควบคุมโดยเจ้าหน้าที่ภายในหน่วยอีกด้วย เหยื่อการทดลองมีหลากหลายเชื้อชาติ โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นชาวจีน และส่วนน้อยที่สำคัญคือชาวรัสเซีย นอกจากนี้ หน่วย 731 ยังผลิตอาวุธชีวภาพที่ใช้ในพื้นที่ของจีนซึ่งไม่ได้ถูกยึดครองโดยกองกำลังญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงเมืองต่าง ๆ แหล่งน้ำ และทุ่งนาของจีน การประมาณการผู้เสียชีวิตจากฝีมือของหน่วย 731 ตลอดจนโครงการที่เกี่ยวข้องมีมากถึง 500,000 คน และไม่มีนักโทษเหยื่อทดลองคนใดรอดชีวิตออกไปได้ ในช่วงสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 นักโทษเหยื่อทดลองทั้งหมดถูกสังหารเพื่อปกปิดหลักฐาน

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นักวิจัยของหน่วย 731 ถูกกองกำลังโซเวียตจับกุมและถูกพิจารณาคดีในการพิจารณาคดีอาชญากรรมสงครามที่เมือง Khabarovsk ในเดือนธันวาคม 1949 โดยนายทหารผู้บังครับบัญชาของทั้งจากกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นและหน่วย 731 ถูกตัดสินจำคุกระหว่าง 2-25 ปี ส่วนนักวิจัยที่ถูกจับโดยสหรัฐฯ จะได้รับความคุ้มครองอย่างลับ ๆ เพื่อแลกกับข้อมูลที่รวบรวมระหว่างการทดลองในมนุษย์ โดยสหรัฐอเมริกาช่วยปกปิดการทดลองของมนุษย์และมอบค่าตอบแทนให้กับผู้กระทำผิด กองทัพอเมริกันได้ร่วมเลือกข้อมูลอาวุธชีวภาพและประสบการณ์ของนักวิจัยเพื่อใช้ในโครงการสงครามชีวภาพของสหรัฐฯ เหมือนกับที่ทำกับนักวิจัยของนาซีเยอรมันในปฏิบัติการ Paperclip ดังเช่นกรณีของพลโท Shiro Ishii ผู้เป็นหัวหน้าหน่วย 731

(อาคารหลักของหน่วย 731 ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์หน่วย 731)

พลโท Shiro Ishii หัวหน้าหน่วย 731 ถูกเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯ จับกุมระหว่างการยึดครองญี่ปุ่นเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง และพร้อมกับผู้นำหน่วย 731 คนอื่น ๆ ซึ่งควรจะถูกสอบปากคำโดยทางการโซเวียตโดยละเอียด แต่เขาและทีมงานได้รับความคุ้มครองจากกองทัพสหรัฐฯ ในปี 1946 จากการฟ้องร้องคดีอาชญกรรมสงครามของญี่ปุ่นต่อหน้าศาลโตเกียวเพื่อแลกกับการเปิดเผยข้อมูลโดยสมบูรณ์ แม้ว่ารัฐบาลโซเวียตอยากให้มีการดำเนินคดี แต่กองทัพสหรัฐฯ ก็คัดค้านหลังจากรายงานของทีมจุลชีววิทยาทางทหารที่นำโดยพันโท Murray Sanders ระบุว่า ข้อมูลต่าง ๆ ของหน่วย 731 มีความสำคัญมากจนไม่สามารถที่จะ ‘ประเมินค่าได้อย่างแน่นอน’ โดยข้อมูลดังกล่าว ‘ไม่เคยถูกพบในสหรัฐฯ เลย’ อันเนื่องมาจาก ‘ความเข้มงวดในการทดลองกับมนุษย์’ ของมลรัฐต่าง ๆ และ ‘ข้อมูลเหล่านั้นค่อนข้างจะถูกต้อง’ 

วันที่ 6 พฤษภาคม 1949 พลเอก Douglas MacArthur ได้แจ้งกับวอชิงตันว่า “ข้อมูลจาก Ishii และทหารญี่ปุ่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะถูกเก็บไว้ในส่วนของข่าวกรองลับ และจะไม่ถูกนำมาใช้เป็นหลักฐานพิจารณาคดี ‘อาชญากรรมสงคราม’…” ในที่สุดข้อตกลงคุ้มครองของ Ishii ก็ได้ข้อสรุป และเขาไม่เคยต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาก่ออาชญากรรมสงครามหรืออาชญากรรมต่อมนุษยชาติเลย หลังจากได้รับการยกเว้นโทษ Ishii ได้รับการว่าจ้างจากกองทัพสหรัฐฯ ให้บรรยายเจ้าหน้าที่อเมริกันที่ Fort Detrick มลรัฐแมรี่แลนด์ (อันเป็นที่ตั้งของหน่วยงานทางการแพทย์ของกองทัพบกสหรัฐฯ) เกี่ยวกับการใช้อาวุธชีวภาพและการค้นพบของหน่วย 731 ในช่วงสงครามเกาหลี Ishii ได้เดินทางไปเกาหลีเพื่อร่วมในกิจกรรมสงครามชีวภาพของกองทัพสหรัฐฯ หลังจากกลับมา เขาได้เปิดคลินิกตรวจและรักษาฟรี เขาได้จดบันทึกประจำวัน แต่ไม่ได้อ้างอิงถึงกิจกรรมในช่วงสงครามของเขากับหน่วย 731 เลย และเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งกล่องเสียงในปี 1959

(ฉากจำลองในพิพิธภัณฑ์หน่วย 731)

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สำนักงานสืบสวนพิเศษ (The Office of Special Investigations : OSI) ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้สร้างรายชื่อเฝ้าติดตามของผู้ต้องสงสัยที่ร่วมมือกับฝ่ายอักษะซึ่งถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าประเทศสหรัฐอเมริกา แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่มชื่อเข้าในรายการเฝ้าดูมากกว่า 60,000 รายชื่อ แต่พวกเขาสามารถระบุชาวญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องได้ไม่ถึง 100 คนเท่านั้น ในจดหมายโต้ตอบระหว่างกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และ Rabbi Abraham Cooper ในปี 1998 Eli Rosenbaum ผู้อำนวยการ OSI ระบุว่า เป็นเพราะปัจจัยสองประการ :

(1) แม้ว่าเอกสารส่วนใหญ่ที่สหรัฐฯ ยึดได้ในยุโรปจะถูกถ่ายด้วยไมโครฟิล์มก่อนที่จะส่งกลับไปยังรัฐบาลของตน กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ก็ตัดสินใจที่จะไม่ถ่ายไมโครฟิล์มรวบรวมเอกสารจำนวนมากก่อนที่จะส่งคืนให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น

(2) รัฐบาลญี่ปุ่นยังไม่ให้ความร่วมมือกับ OSI ในการเข้าถึงบันทึกเหล่านี้และบันทึกที่เกี่ยวข้องหลังสงคราม ในขณะที่ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปส่วนใหญ่ต่างให้ความร่วมมือกับ OSI เป็นอย่างดี เป็นผลทำให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการระบุตัวตนของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่สามารถดำเนินการให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ได้

(‘บังเกอร์สยอง’ (Horror bunker) ของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น ที่เมืองอันต๋า)

ต่อมาพฤษภาคม 2023 หนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ (SCMP) รายงานว่า ทีมนักโบราณคดีจากสถาบันมรดกวัฒนธรรมและโบราณคดีแห่งมณฑลเฮยหลงเจียง ได้เปิดเผยถึงการค้นพบซาก ‘บังเกอร์สยอง’ (Horror bunker) ของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น ที่เมืองอันต๋าทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ของทหารหน่วย 731 แห่งกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น ซึ่งได้เข้ายึดครองบางส่วนของดินแดนจีนในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ก่อนจะก่อตั้งหน่วย 731 เพื่อวิจัยอาวุธชีวภาพและทำการทดสอบทางการแพทย์อื่น ๆ อย่างโหดร้ายไร้มนุษยธรรมต่อชาวจีนและชาวเกาหลี รวมทั้งเชลยศึกชาวอเมริกันและรัสเซียด้วย 

(‘บังเกอร์สยอง’ (Horror bunker) ของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น ที่เมืองอันต๋า)

รายงานระบุว่า กองทัพญี่ปุ่นเคยใช้งานบังเกอร์สยองที่ค้นพบล่าสุด ระหว่างช่วงปี 1935-1945 สถานที่แห่งนี้ประกอบไปด้วยเครือข่ายของอุโมงค์และห้องใต้ดินกลุ่มต่างๆ ซึ่งในแต่ละห้องมีการใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป เครือข่ายห้องลับดังกล่าวอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 1.5 เมตร มีศูนย์กลางเป็นกลุ่มห้องรูปตัวยู (U) ความยาว 33 เมตร กว้าง 20.6 เมตร ซึ่งในจำนวนนี้มีห้องทรงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 เมตร ที่คาดว่าใช้สังเกตการณ์มนุษย์ผู้เข้ารับการทดลองหลังได้รับเชื้อโรคร้ายหรือสารเคมีที่เป็นพิษเข้าไป ทางการจีนค้นพบบังเกอร์สยองแห่งนี้ครั้งแรกในปี 2019 โดยในตอนนั้นมีเพียงซากอาคารและลานบินที่ถูกทำลายหลงเหลืออยู่บนผิวดิน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปสำรวจภายในบังเกอร์ใต้ดินได้ จนกระทั่งในเวลาต่อมาทีมนักโบราณคดีได้เข้าทำการขุดค้นโดยใช้เทคนิคทางธรณีฟิสิกส์และการขุดเจาะสมัยใหม่เข้าช่วยจนประสบผลสำเร็จ
 

‘สาว’ ถามทำไงดี!! ซื้อของใน ‘7-11’ แต่คิดเงินไม่ครบ แถมเดินออกมาแล้ว ด้าน ‘น้องเปาเซเว่น’ ตอบให้!! จ่ายย้อนหลังได้ แม้จะเหลือแต่ซองเปล่า

เมื่อไม่นานมานี้ เชื่อว่าเป็นสถานการณ์ที่อาจจะเคยเกิดขึ้นกับใครหลายคนเหมือนกัน เมื่อไปซื้อของร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่นอีเลฟเว่น (7-Eleven) แต่เดินเพลิน จนลืมจ่ายเงิน เดินออกมาจากร้านซะอย่างนั้น หรือเพิ่งมาเช็กตอนซื้อของเสร็จแล้วว่าพบว่าคิดเงินไม่ครบ ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจที่จะโกงไม่จ่ายเงินแต่อย่างใด

ล่าสุด ในเว็บไซต์ Pantip.com ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาตั้งกระทู้ เพื่อสอบถามว่าควรทำอย่างไรดี เธอไปซื้อขนมที่ร้านเซเว่นฯ แถวบ้านกับแฟน และช่วยกันถือของมาวางที่เคาน์เตอร์เพื่อคิดเงิน พอพนักงานคิดเงินเสร็จ ก็เดินออกมาที่รถเลย พอดูใบเสร็จถึงเพิ่งเห็นว่า มีขนมอย่างหนึ่งที่ไม่ได้คิดเงิน แต่เธออายมาก ไม่กล้าเดินกลับเข้าร้านไปอีกครั้ง ถ้าจะไปจ่ายเงินอีกวันสามารถทำได้หรือไม่

หลังจากเรื่องราวดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปแล้วนั้น ‘น้องเปาเซเว่น’ ซึ่งเป็นแอคเคานต์ออฟฟิเชี่ยลของเซเว่นฯ ก็ได้เข้ามาตอบว่า สามารถนำสินค้ากลับไปคิดตังค์ที่สาขาเดิมได้เลยนะคะ หากไม่สะดวกสามารถแจ้งน้องเปาผ่านช่องทางหลังไมค์ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ ทางเจ้าของกระทู้ก็ยังได้มีการสอบถามเพิ่มเติมอีกว่า หากกินขนมเข้าไปแล้วจะทำอย่างไร ทางน้องเปาเซเว่นก็ตอบกลับว่า สามารถนำบรรจุภัณฑ์สินค้าที่มีบาร์โค้ด ติดต่อชำระสินค้าที่สาขาได้นะคะ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top