Friday, 16 May 2025
NewsFeed

งานฟุตบอลประเพณี ‘จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์’ 2567 สัญลักษณ์แห่งความเสื่อมถอยของเด็กกิจกรรม

เมื่อภาพการแห่ ‘พระเกี้ยว’ ในงานฟุตบอลประเพณี ‘จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์’ เมื่อวันที่ 31 มี.ค.67 ปรากฏขึ้นตามสื่อต่าง ๆ ก็สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เข้าใจถึง ‘รากเหง้า’ และคำว่า ‘เกียรติภูมิจุฬาฯ’ จากเหล่าบรรดาเด็ก ๆ นิสิตที่เป็นผู้จัดกิจกรรมในงานฟุตบอลประเพณีนี้ในทันที ทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเสื่อมถอยของกิจกรรมที่เด็ก ๆ กลุ่มนี้ได้จัดขึ้นอีกด้วย 

>> ‘พระเกี้ยว’ สัญลักษณ์ที่ชาวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยภูมิใจ...

สืบเนื่องจากชื่อของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้พระราชทานกำเนิดมหาวิทยาลัยนี้นั้น มีประวัติโดยย่อที่น่าสนใจ ดังนี้... 

ด้วย ล้นเกล้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ กำหนดให้พระเกี้ยวเป็นพิจิตรเรขาประจำรัชกาลของพระองค์ เมื่อตั้งโรงเรียนฝึกหัดข้าราชการพลเรือนหรือโรงเรียนมหาดเล็ก จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระเกี้ยว เป็นเครื่องหมายหน้าหมวกของนักเรียนมหาดเล็ก และได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้พระเกี้ยวเป็นเครื่องหมายของโรงเรียน เมื่อโรงเรียนมหาดเล็กได้วิวัฒน์ขึ้นเป็นโรงเรียนข้าราชการพลเรือนฯ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในเวลาต่อมา 

จากนั้นการอัญเชิญ ‘พระเกี้ยว’ ในงานฟุตบอลประเพณี ‘จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์’ จึงปรากฏเป็นประจักษ์หลักฐานครั้งแรกในหนังสือพิมพ์สยามนิกร (พิเศษ) ฉบับวันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2507 มีนิสิตหญิง 1 คน เป็นผู้อัญเชิญ โดยการอัญเชิญพระเกี้ยวเข้ามาสู่สนามการแข่งขัน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่นักกีฬาและกองเชียร์ ซึ่งจะคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นนิสิตชาย 1 คน และ นิสิตหญิง 1 คน เป็นตัวแทนบรรดานิสิตอัญเชิญพระเกี้ยวเข้าสู่สนามแข่งขัน และเป็นเช่นนี้มาโดยตลอดมาจนเกือบ 60 ปี

ทว่า ในปี พ.ศ. 2564 องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) มีมติในการประชุมสามัญ 29 : 0 เสียง เห็นควรให้มีการ ‘ยกเลิก’ กิจกรรมการคัดเลือกผู้อัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณีฯ โดยอ้างว่า เป็นธรรมเนียมที่สะท้อนถึงความไม่เท่าเทียมและมีการบังคับให้นิสิตให้มาแบกเสลี่ยง ทั้ง ๆ ที่เป็นประเพณีปฏิบัติที่สืบทอดมากว่า 50 ปีแล้ว และไม่เคยมีข่าวปรากฏว่า นิสิตผู้ปฏิบัติหน้าที่แบกเสลี่ยง ‘ร้องเรียน’ หรือ ‘ประท้วง’ ต่อประเพณีอันดีงามนี้มาก่อน 

ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 มี.ค.67 ผู้เขียนจึงขออนุญาตไม่ขอเรียกพิธีการนี้ว่า เป็นการอัญเชิญ ‘พระเกี้ยว’ เพราะการนำพาน ‘พระเกี้ยว’ วางไว้บนหลังคารถกอล์ฟไฟฟ้าเข้าสู่สนามเป็นเพียง ‘การแห่’ เนื่องด้วยวิธีและวิถีการปฏิบัติเช่นนี้ บรรดานิสิตเก่าแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่มาก ๆ ไม่น่าจะเห็นด้วย 

ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นแสดงให้เห็นถึงความเสื่อมถอยของเด็กกิจกรรมภายใต้การชี้นำและครอบงำของกลุ่มต่อต้านสถาบันหลักของชาติที่ทำสำเร็จทั้งในระดับอุดมศึกษา มัธยมศึกษา และกำลังก้าวเข้าสู่ประถมศึกษา 

เรื่องราวอันเป็นประวัติศาสตร์จารีต ขนบธรรมเนียมประเพณี อันเป็นวัฒนธรรมนั้น ไม่ใช่การแบ่งแยกชนชั้นหรือกดขี่ข่มเหงแต่อย่างใด หากแต่เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงการแสดงออกร่วมกันในพิธีการที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนและที่มาแห่งองค์กรของสถาบันที่ผู้เข้าร่วมสังกัด ได้สะท้อนถึงความงดงามแห่งวิถี อีกทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงเกียรติของตนที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ และความไว้วางพระราชหฤทัยขององค์ผู้พระราชทาน

แน่นอนว่า สังคมไทยในขณะนี้ กำลังอยู่ในช่วงตอบรับกับกระแสธารที่ผิดแผก ซึ่งผู้คนในสังคมที่เชื่อตาม ยอมตาม อาจได้รับบทเรียนจากการกระทำ ที่มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชาวยูเครน ที่เลือก Volodymyr Zelenskyy ผู้เป็นหุ่นเชิดและเครื่องมือของชาติตะวันตกมาเป็นประธานาธิบดี เปิดฉากท้าทายเดินหน้ารบกับรัสเซียจนประเทศชาติบ้านเมืองพินาศย่อยยับ เป็นหนี้สินต่างประเทศมากมายชนิดที่ไม่สามารถใช้คืนได้ใน 20-30 ปีข้างหน้า ทั้งไม่อาจที่จะฟื้นคืนสภาพของบ้านเมืองที่เสียหายอย่างหนักภายใน 10 ปีข้างหน้าได้ 

คงหวังได้เพียงแค่สวดภาวนาอ้อนวอนให้สรรพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ปกปักรักษา คุ้มครองบ้านเมือง ได้ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเลวร้ายต่าง ๆ ต่อชาติบ้านเมือง หากเลี่ยงไม่ได้ หนีไม่พ้น ก็ขอให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด และที่สำคัญที่สุดคือ ขอให้บรรดาเหล่าผู้ที่เห็นผิดเป็นถูกจนหลงทางเหล่านี้ ได้ ‘ตาสว่าง’ และ ‘คิดเป็น’ กลับตัวเปลี่ยนใจมาช่วยกันพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองอันเป็นที่รักของเราคนไทยทุกคนในทางที่ ‘ใช่’ ที่ ‘ถูก’ ที่ ‘ควร’ เพื่ออนาคตที่ดีตลอดไปด้วย...เทอญ 

เชียงใหม่-สวนสัตว์เชียงใหม่จัดเต็ม!! เปิดแล้วเชียงใหม่ ซู อควาเรียม “ทะเลบนดอย”

นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการที่องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ได้จัดสรรงบประมาณ ปี 2566 จำนวนมากกว่า 29 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำหรือเชียงใหม่ ซู อควาเรียม มาแล้วนั้น  การดำเนินการปรับปรุงได้แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย พร้อมเปิดให้บริการให้ นักเรียน นักศึกษา และ ประชาชน เข้าชมตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไป

นายนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ ประธานกรรมการบริษัทมารีน สเคป ประเทศไทย ผู้บริหารสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำในสวนสัตว์เชียงใหม่ กล่าวว่า สถานที่นี้เป็นสถานที่ และแหล่งเรียนรู้ ชีวิตสัตว์น้ำ ที่สำคัญ ของประเทศไทย มีการจัดแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืดและพันธุ์ปลาน้ำทะเลหลากหลายสายพันธุ์ ภายในประกอบไปด้วยอุโมงค์ปลาน้ำจืดและปลาน้ำทะเลที่มีความยาว 133 เมตรนับว่าเป็นอุโมงค์ปลาที่ยาวที่สุดในโลก การดำเนินปรับปรุงต่างๆ เริ่มจากการปรับปรุงระบบเครื่องปรับอากาศให้มีความ เย็นสบาย อากาศถ่ายเทได้ดี เปลี่ยนระบบทางเดินให้มีความสะดวกปลอดภัย ตลอดจนถึง

การปรับปรุงระบบช่วยชีวิตปลาให้มีคุณภาพดี สุขภาพและสวัสดิภาพสัตว์น้ำดียิ่งขึ้น สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำแห่งนี้ได้มีการนำปลาน้ำจืดหลากหลายสายพันธุ์ มากกว่า 80 ชนิด มาจัดแสดงเริ่มจากลุ่มแม่น้ำโขงจนถึงป่าลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาหลากหลายชนิดเป็นจำนวนมากที่สุดในประเทศ ส่วนในโซนปลาน้ำทะเลได้มีการจัดแสดงฝูงปลาฉลามมากกว่า 30 ตัว

และการจัดตู้ปลาในลักษณะการจำลองจัดแสดงให้เห็นถึงอันตรายของสภาวะโลกร้อนในอนาคตจะก่อให้เกิด ภูเขาน้ำแข็งละลาย เกิดน้ำท่วมทำให้สิ่งก่อสร้างที่สำคัญต่างๆ ภายในโลก ถูกน้ำทะเลท่วมและจมสู่ใต้ท้องทะเลในที่สุด ดังนั้นการแสดงในลักษณะนี้จึงเป็นการสร้างความตระหนักให้ทุกคนเห็นว่าสภาวะโลกร้อนจะส่งผลให้กับสิ่งมีชีวิตสิ่งปลูกสร้างในโลกเกิดความเสียหายต่อไป
นภาพร/เชียงใหม่

"เชียงราย"ตม.เชียงรายรวบ5หมายจับระดมปล่อยแถวกวาดล้างอาชญากรรมช่วงหยุดยาวสงกรานต์"

วันที่ 1 เมษายน 2567ที่ผ่านมา พ.ต.อ.สุรศักดิ์ เทียนทอง ผกก.ตม.จว.เชียงรายเป็นประธานพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์2567พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมการรับษาความสงบเรียบร้อยการดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์2567เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเกิดความสงบเรียบร้อยสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลจึงกำหนดให้มีการระดมกวาดล้าง

อาชญากรรมก่อนช่วงวันหยุดยาวต่อมาหลังจากนั้นชุดสืบสวนปราบปรามตม.จว.เชียงราย ร่วมกับ จนท.ตร.สภ.เวียงชัย จับกุม น.ส.ธัญชนก (นามสมมุติ)หรือ แพร อายุ 45 ปี   บ้านเลขที่ 3 หมู่ที่5  บ.ไชยเจริญ  ต.เวียงชัย  อ.เวียงชัย จ.เชียงราย  ผู้ต้องหาตามหมายจับ หมายจับศาลจังหวัดสงขลา ที่จ.386/ 2566 ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2566 โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดและกระทำการทวงหนี้ในลักษณะข่มขู่การใช้ความรุนแรงหรือกระทำการอื่นใดที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกายชื่อเสียง สถานที่จับกุม บนถนนสาธารณะหน้าบ้านเลขที่ 3 หมู่ที่ 5 บ.ไชยเจริญ ต.เวียงชัย อ.เวียงชัย จ.เชียงรายเวลา

ประมาณ 07.00 น. ตม.จว.เชียงราย ร่วมกับ จนท.ตร.สภ.เวียงชัย จับกุม นาย ดารากร  (นามสมมุติหรือ ถิ่น อายุ 25 ปี  บ้านเลขที่ 115 หมู่ที่ 12 บ.ป่าบงใต้ ต.ผางาม อ.เวียงชัย จ.เชียงราย  ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา ที่จ.380/2566 ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2566 โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดและกระทำการทวงหนี้ในลักษณะข่มขู่การใช้ความรุนแรงหรือกระทำการอื่นใดที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกายชื่อเสียง สถานที่จับกุม บนถนนสาธารณะหน้าบ้านเลขที่ 115 หมู่ที่ 12 บ.ป่าบงใต้ ต.ผางาม อ.เวียงชัย จ.เชียงรายเวลาประมาณ 08.00 น. ตม.จว.เชียงราย ได้จับกุมตัว นายวุฒิพงษ์  (นามสมมุติสัญชาติไทย อายุ 41 ปี ที่อยู่ 184 หมู่ที่ 7 ต.ห้วยไคร้  อ.แม่สาย จ.เชียงราย  ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงราย ที่ 439/2566 ลง 25 ธันวาคม 2566 โดยกล่าวหาว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครอง โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” นำส่ง สภ.แม่จัน ดำเนินคดี สถานที่จับกุมจุดผ่านแดนถาวรสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย.เวลาประมาณ 

08.00 น. ตม.จว.เชียงราย ร่วมกับ จนท.ตร.กก.บก.ปคม. จับกุม น.ส.น้ำฝน แข็งแรง อายุ 28 ปี เลขบัตรประจำตัวประชาชนเลขที่ 5 5709 01092 98 0 ที่อยู่ 11 หมู่ที่ 12 ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 1134/2567 ลง 15 มีนาคม 2567 และหมายจับที่ 1247/2567 ลง 26 มีนาคม 2567 โดยกล่าวหาว่า “ค้ามนุษย์ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยเป็นธุระจัดหาพามาจากหรือส่งไปยังที่ใดหรือรับไว้ซึ่งเด็กอายุเกินสิบห้าปีแต่ไม่ถึงสิบแปดปี,เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม  นำส่ง พงส.กก.6 บก.ปคม. ดำเนินคดี สถานที่จับกุม บนถนนหน้าบ้านเลขที่ 181 หมู่ที่ 3 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงรายเวลาประมาณ 09.30 น. ตม.จว.เชียงราย ร่วมกับ จนท.ตร.สภ.พญาเม็งราย จับกุม นายยงยุทธ  (นามสมมุติอายุ 33 ปี ที่อยู่ 38 หมู่ที่ 18 ต.แม่เปา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดเทิง ที่ 6/2566 ลง 19 มกราคม 2566 โดยกล่าวหาว่า ประมวบกฎหมายยาเสพติด (เมทฯ) เสพ นำส่ง ศาลจังหวัดเทิง สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 38 หมู่ที่ 18 ต.แม่เปา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงรายรวมทั้งหมด5คนจึงจับกุมตัวมาดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป

สันติ วงศ์สุนันท์/ผู้สื่อข่าวเชียงราย

‘รมว.ท็อป’ ชี้!! ไทยขาดแคลน ‘ล่ามภาษามือ’ จำนวนมาก เร่งเปิดหลักสูตรอบรม-ผลักดันมาตรการแก้ปัญหาระยะยาว

(1 เม.ย.67) ที่กระทรวง พม. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แถลงข่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง พม. ครั้งที่ 4/2567 ประจำเดือนเมษายน ว่า ปัจจุบันพบว่า ‘ล่ามภาษามือ’ ขาดแคลนมาก ไม่เพียงพอกับจำนวนคนพิการทางการได้ยินหรือสื่อสารความหมาย จากเดิมที่มีการจดแจ้งไว้กับกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) เมื่อปี 2552 - 2560 จำนวน 659 คน 

แต่ปัจจุบันพบว่า ล่ามภาษามือที่จดแจ้งมีจำนวน 178 คน โดยเป็นล่ามภาษามือหูดี 170 คน และล่ามภาษามือหูหนวก 8 คน และยังพบว่าทั่วประเทศ มีล่ามภาษามือ อยู่ 41 จังหวัด และไม่มีล่ามภาษามือ 36 จังหวัด และยังพบว่าปัจจุบันล่ามภาษามือมีการกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล มากที่สุด 3 จังหวัดแรก คือ กรุงเทพ 69 คน นนทบุรี 28 คน นครปฐม 16 คน

นายวราวุธ กล่าวว่า ปัจจุบันการแก้ไขปัญหาดำเนินการโดย การจัดบริการล่ามภาษามือข้ามจังหวัด และการให้บริการออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน หรือแท็ปเล็ต ได้แก่ 1. TTRS Video บริการถ่ายทอดการสื่อสารแบบสนทนาวิดีโอ และ 2. TTRS Live Chat บริการถ่ายทอดการสื่อสารแบบสนทนาข้อความ รวมถึงบริการถ่ายทอดการสื่อสารแบบสนทนาวิดีโอผ่านเครื่องบริการถ่ายทอดการสื่อสารสาธารณะ (ตู้ TTRS) โดยมีเจ้าหน้าที่ถ่ายทอดการสื่อสารเป็นคนกลางในการสื่อสารภาษามือระหว่างผู้ที่บกพร่องทางการได้ยินและผู้รับปลายทาง (คนหูดี) 

นายวราวุธ กล่าวว่า เมื่อปลายปีที่แล้ว ( 25 กันยายน 66) คณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาล่ามภาษามือ ได้ออกประกาศ กำหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขการประเมินความรู้ ทักษะก่อนและหลังการจดแจ้งเป็นล่ามภาษามือชุมชน เพื่อขอรับการจดแจ้งเป็นล่ามภาษามือชุมชน ได้แก่ 

1. กรณีผู้รับการจดแจ้งรายใหม่ที่ยังไม่เคยเข้ารับประเมินความรู้และทักษะการเป็นล่ามภาษามือชุมชน ต้องสอบภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติมาก่อน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน สอบภาคทฤษฎี 30 ภาคปฏิบัติ 70 ผู้สอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 

2.กรณีการต่ออายุการจดแจ้งของผู้ที่เคยเข้ารับประเมินความรู้และทักษะ โดยผ่านการสอบภาคทฤษฎีและปฏิบัติมาก่อน และให้มีรายงานผลการปฎิบัติงานที่ผ่านมา หรือเข้ารับการฝึกอบรมเพิ่มเติมตามหลักสูตร หลักเกณฑ์ และวิธีที่คณะอนุกรรมการกำหนด

นายวราวุธ กล่าวว่า และก่อนหน้านั้น (9 สิงหาคม 66) กรม พก. ได้ออกประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาล่ามภาษามือเรื่อง กำหนดให้การบริการล่ามภาษามือในบริการอื่นใด เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติกรณีคนพิการทางการได้ยินหรือสื่อสารความหมาย ที่มีความจำเป็นต้องใช้ล่ามภาษามือหูหนวก และล่ามภาษามือหูดี ในการแปลควบคู่กัน ให้จ่ายค่าตอบแทนต่อคน โดยได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังแล้ว 

นายวราวุธ กล่าวว่า คนพิการทางการได้ยิน หรือ ผู้ดูแลคนพิการทางการได้ยิน มีสิทธิยื่นคำขอรับบริการล่ามภาษามือ เพื่อการติดต่องานทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน, การขอทำใบขับขี่หรือบัตรแสดงตนอื่น ๆ ตามกฎหมาย, การจัดทำนิติกรรม สัญญา และการขออนุมัติหรือขออนุญาตเรื่องต่าง ๆ, การขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย การให้ปากคำต่อเจ้าพนักงานตามกฎหมาย การดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท การยื่นคำฟ้องหรือคำให้การในชั้นศาลในฐานะเป็นโจทก์ จำเลย หรือพยานบุคคล, การฝึกงาน ฝึกสอน สอบวัดผล เฉพาะกรณีที่ไม่ใช่การจัดบริการในสถาบันการศึกษา

นายวราวุธ กล่าวว่า หากถามว่าต้องมีจำนวนล่ามภาษามือกี่คนจึงจะเพียงพอต่อการให้บริการ นั้น ต้องมีการพิจารณาเสนอขอกรอบอัตราล่ามภาษามือประจำศูนย์บริการคนพิการจังหวัดทุกจังหวัด ซึ่งเบื้องต้นอาจกำหนดและผลักดันให้มีอย่างน้อยจังหวัดละ 1 คน โดยอย่างน้อยหน่วยงานที่ให้บริการประชาชนควรจะมีล่ามภาษามือไว้สำหรับให้บริการคนพิการ

นายวราวุธ กล่าวว่า จากสถิติข้อมูลคนพิการทางการได้ยินหรือสื่อสารความหมาย ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ ทั้งสิ้น 423,973 คน ซึ่งฐานข้อมูลทะเบียนกลาง ของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 พบว่า กทม. มี 22,884 คน ภาคกลางและตะวันออก มี 84,350 คน ภาคอีสาน มี 162,456 คน ภาคใต้ มี 55,020 คน 

อย่างไรก็ตามทางสมาคมล่ามภาษามือแห่งประเทศไทย เคยวิเคราะห์ข้อมูลเฉลี่ยความสามารถในการให้บริการด้านภาษามือชุมชน ไว้ว่าคนหูหนวก 10 คนต่อล่ามภาษามือ 1 คน

นายวราวุธ กล่าวว่า สำหรับคำถามที่ว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะผลักดันอย่างไรเพื่อแก้ไขวิกฤตขาดแคลนล่ามภาษามือ นั้น 

1. ระยะเร่งด่วน ประสานงานกับสถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, สมาคมล่ามภาษามือแห่งประเทศไทย, สมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย ร่วมกันออกแบบหลักสูตรและวิธีการอบรมล่ามภาษามือ และจัดทำหลักเกณฑ์การประเมินมาตรฐานล่ามภาษามือ 

2. ระยะกลาง สนับสนุนสถาบันการศึกษา หน่วยงาน องค์กรที่เกี่ยวข้อง ให้รับนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรด้านล่างภาษามือ (หลักสูตร 1 ปี) และหลักสูตรล่ามภาษามือระดับปริญญาตรี ให้กับผู้สนใจทั้งคนพิการและไม่พิการ โดยอาจแบ่งระยะเวลาการเรียนและการปฎิบัติงานจริงเป็นช่วงเวลา และประสานกับสำนักงาน ก.พ. เพื่อกำหนดตำแหน่งล่ามภาษามือเป็นตำแหน่งขาดแคลน รวมทั้งการมีค่าตอบแทนพิเศษ ให้บรรจุประจำอยู่ในศูนย์บริการคนพิการระดับจังหวัดทั่วประเทศ 

3. ระยะยาว ให้ทุนการศึกษาแก่บุคลากรภาครัฐ โดยเฉพาะบุคลากรของกระทรวง พม. ได้เรียนหลักสูตรล่ามภาษามือเพื่อรองรับการทำหน้าที่ในหน่วยงานทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค 

4. การพัฒนาร่างภาษามือโดยใช้ AI หรือเทคโนโลยีต่าง ๆ มาทดแทน

‘เศรษฐา’ จ้อสื่อนอกปมนำ ‘กัญชา’ กลับบัญชียาเสพติด ลั่น!! หากปล่อยถูก กม. จะส่งผลเสียหายอย่างใหญ่หลวง

(1 เม.ย. 67) จากกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์พิเศษผ่านสำนักข่าว FRANCE 24 ของประเทศฝรั่งเศส ตอนหนึ่งถึงการจะนำกัญชาให้กลับมาอยู่ในบัญชียาเสพติด เนื่องจากสร้างความเสียหายให้กับคนไทยมากกว่าจะมีผลดีทางเศรษฐกิจ ว่า ตนยังไม่ได้อ่านแต่มีคนส่งไลน์มาให้ดู ซึ่งตนคิดว่าการรายงานข่าวครั้งนี้อาจจะต้องมีการถอดเทปดูอีกครั้ง 

จากการตรวจสอบพบว่า ทางสถานีโทรทัศน์ France24 ของฝรั่งเศส ได้โพสต์คลิปการสัมภาษณ์ดังกล่าวทาง YouTube พร้อมกับที่ผู้สื่อข่าว คือ ‘แมทท์ ฮันท์’ (Matt Hunt) ซึ่งเป็นผู้สัมภาษณ์นายเศรษฐา และได้โพสต์คลิปเช่นกันผ่านทางทวิตเตอร์ (X) ส่วนตัว เมื่อวันที่ 29 มี.ค.67 โดยเป็นคลิปวิดีโอความยาว 10 นาที และมีช่วงหนึ่ง (นาทีที่ 08.49-09.56) ที่มีการพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นกัญชา ดังนี้…

แมทท์ ฮันท์: การประกาศให้กัญชาถูกกฎหมายในปี 2565 เป็นสิ่งที่สร้างความประหลาดใจมาก แต่เร็ว ๆ นี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ให้คำมั่นว่า จะเปลี่ยนให้การใช้กัญชาเพื่อความบันเทิงกลับมาผิดกฎหมายอีกครั้ง แม้ว่าปัจจุบันกัญชาจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ก็ตาม คุณคิดว่าทำอย่างไรถึงจะแก้ปัญหานี้ได้โดยไม่สร้างความเสียหายให้กับภาคเศรษฐกิจ? 

เศรษฐา ทวีสิน: สร้างความเสียหายให้กับภาคเศรษฐกิจ ฟังดูเป็นคำที่รุนแรงอยู่นะ ผมไม่คิดว่ามันจะสร้างความเสียหายให้กับภาคเศรษฐกิจ เพราะการประกาศให้กัญชาถูกกฎหมาย ผมว่านั่นแหละคือ การสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ผมคิดว่ารัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขคิดถูกแล้วที่ทำแบบนั้น

แมทท์ ฮันท์: คุณคิดว่าประชาชนมีโอกาสเข้าคุกเพราะครอบครองกัญชาไหม?

เศรษฐา ทวีสิน: ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ถือครองแล้วก็ช่วงของการเปลี่ยนผ่าน จากผิดกฎหมายเป็นถูกกฎหมาย และกลับมาผิดกฎหมายอีกครั้ง คุณต้องให้ทางเดินกับพวกเขา

เศรษฐา ทวีสิน: ผมไม่คิดว่ามันเป็นธุรกิจขนาดใหญ่อะไรนะ ณ ตอนนี้ ผมว่าผลลัพธ์มหาศาลจากการทำให้กัญชาถูกกฎหมายมีผลในทางลบ รวมถึงส่งผลเสียอย่างใหญ่หลวงต่อคนไทยมากกว่า 

สำหรับ นโยบายปลดกัญชาพ้นจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งขณะนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และเป็นผู้ผลักดันเรื่องดังกล่าว ขณะที่รัฐบาลปัจจุบันของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีแนวคิดนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง

'มิตซูบิชิ' ยกทัพ ยานยนต์รุ่นใหม่ บุกมอเตอร์โชว์ จัดใหญ่ทั้งบูธ ขนทัพ ‘เอ็กซ์แพนเดอร์-ปาเจโร’ ดึงดูดสายลุยทุกเส้นทาง

เมื่อไม่นานมานี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ขนทัพยานยนต์รุ่นใหม่คุณภาพสูง ภายใต้แนวคิด ที่มุ่งเน้นความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นำโดย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ร่วมด้วย มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่นปี 2024 พร้อมจัดเต็มโปรโมชั่นพิเศษ ดอกเบี้ย 0% และข้อเสนออื่น ๆ อีกมากมายที่งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 พร้อมตอกย้ำ ดีเอ็นเอผู้นำด้านมอเตอร์สปอร์ตและจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันแรลลี่ ด้วยการจัดแสดงรถแข่ง ออล-นิว ไทรทัน แรลลี่คาร์ พร้อมลงสู้ศึกเอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ หรือ ‘AXCR 2024’

ไฮไลท์ภายในงานปีนี้ ได้แก่ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี รถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด รุ่นแรกของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ใหม่ในแบบ Mitsubishi e:MOTION เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและมั่นใจในทุกเส้นทาง จากการผสาน 3 สุดยอดเทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์ ได้แก่ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด (HEV System) มอบการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และน่าตื่นเต้นเร้าใจ ให้ความคล่องตัว ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจากระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด ซึ่งได้รับการถ่ายทอดและพัฒนามาจากความสำเร็จของระบบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEVs) โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ (7 Drive Mode) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ ได้ตามต้องการ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ปลอดภัย มั่นใจได้ในทุกเส้นทาง ลุยได้ในทุกสภาพถนน และ ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส มอบการขับขี่ที่ปลอดภัยและมั่นใจ ควบคุมรถได้อย่างคล่องตัวโดยเฉพาะขณะเข้าโค้ง 

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการนำเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดที่อยู่ภายในรถยนต์เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี มาจัดแสดงให้ชมแบบเอ็กซ์คลูซีฟอีกด้วย การจัดแสดงนี้ จะเผยให้เห็นความประณีตในการออกแบบเครื่องยนต์ มอเตอร์ ชุดแบตเตอรี่ และชิ้นส่วนขับเคลื่อนที่มอบสมรรถนะขับขี่และการควบคุมอันเหนือชั้น ในแบบ Mitsubishi e:MOTION

อีกหนึ่งไฮไลท์ของงานนี้ ได้แก่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่นปี 2024 มาพร้อมขุมกำลังใหม่ 'ไฮเปอร์พาวเวอร์' (Hyper Power) เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล วีจี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ เทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 2.4 ลิตร พร้อมหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์แบบคอมมอนเรลเจเนอเรชันใหม่ ทรงพลังและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 5 (Euro 5) สร้างพละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,250 - 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ใหม่ ประสานการทำงานกับเครื่องยนต์ได้อย่างลงตัว ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดง รถออล-นิว ไทรทัน แรลลี่คาร์ ที่ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท จะใช้ลงแข่งในการแข่งขัน เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ หรือ AXCR 2024 เพื่อท้าทายความสำเร็จอีกครั้ง ด้วยสถิติแชมป์อันดับ 1 การแข่งขัน AXCR 2022 และรางวัลชนะเลิศประเภททีม ในปี 2023 โดย รถแข่ง ออล-นิว ไทรทัน แรลลี่คาร์ สร้างขึ้นจากรถกระบะ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ที่ผลิตในไทย รุ่นเดียวกับที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาด มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ ให้ขุมพลังแรงเร็วเต็มสมรรถนะ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

ผู้สนใจสามารถชมรถยนต์ มิตซูบิชิ ทุกรุ่นได้ที่บูธ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย A09 ภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี 

'จีน' วัดพลังเจ้าเวหา คลอดเครื่องบินพาณิชย์ Made in China  ไม่หวั่น 'Airbus-Boeing' แม้ตอนนี้จะยังช่วงชิงส่วนแบ่งยาก

จีนเปิดตัวเครื่องบินพาณิชย์ Made in China แท้ ๆ รุ่น C919 ของบริษัท COMAC (Commercial Aircraft Corporation of China) ผู้พัฒนาอากาศยานเชิงพาณิชย์ของรัฐบาลจีน ในงาน Singapore Airshow 2024 ที่ผ่านมา เป็นงานจัดแสดงอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ที่จะจัดขึ้นทุก ๆ 2 ปี และปีนี้เป็นการจัดงานครั้งแรกหลังผ่านพ้นวิกฤติการระบาด Covid-19 

โดยจีนได้ส่ง เครื่องบินพาณิชย์ของ COMAC รุ่น C919 มาจัดแสดงในงานนี้ด้วย เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการพัฒนาเครื่องบินขนส่งพาณิชย์ของจีน ที่พร้อมตีตลาดคู่แข่งยักษ์ใหญ่ตลอดกาลอย่าง บริษัท Airbus ในรุ่นขายดี A320 และ Boeing ในรุ่น 737 MAX 

COMAC - C919 เป็นเครื่องบินลำตัวแคบ ระยะบินใกล้ถึงปานกลาง ในระยะทางไม่เกิน 3,600 ไมล์ (5,644 กิโลเมตร) สามารถจุผู้โดยสารได้ถึง 192 คน เหมาะกับเที่ยวบินระยะสั้น ภายในประเทศ ซึ่งได้รับการรับรองการใช้งานอย่างเป็นทางการจากสำนักงานการบินพลเรือนของจีนแล้วตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 

ปัจจุบัน เครื่องบินรุ่น C919 เริ่มให้บริการผู้โดยสารแล้วโดยสายการบิน China Eastern เมื่อเดือนพฤษภาคม 2023 นอกจากนี้ยังมีสายการบินทิเบต แอร์ไลน์ ที่ได้สั่งซื้อเครื่องบิน C919 แล้วจำนวน 40 ลำแล้วเช่นกัน

ถึงแม้ว่า ปัจจุบันตลาดเครื่องบินพาณิชย์ COMAC จะยังคงจำกัดอยู่ในประเทศจีน แต่การเปิดตัวเครื่องรุ่น C919 ในงาน Singapore Air Show ในปีนี้เป็นครั้งแรก เป็นการประกาศถึงความพร้อมของจีน ที่ต้องการตีตลาดเครื่องบินพาณิชย์ ที่เคยมีบริษัทยักษ์ใหญ่ผูกขาดอยู่เพียง 2 บริษัทคือ Airbus และ Boeing โดยจีนเล็งไปที่ตลาดที่ธุรกิจการบินกำลังกลับมาขยายตัวอีกครั้ง หลัง Covid-19 และอยู่ไม่ห่างจากจีนมากนั้น นั้นก็คือ ย่านอาเซียน

แม้นักวิเคราะห์ด้านธุรกิจการบินมองว่า เครื่องบินพาณิชย์สัญชาติจีนยังแข่งขัน แย่งชิงส่วนแบ่งของ 2 เจ้าตลาดโลกได้ยากมากในเวลานี้ แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยในอนาคต เมื่อดูจากผลตอบรับในงาน Singapore Air Show เครื่องบินจีนได้รับความสนใจอย่างมาก การออกแบบตัวเครื่องทำได้ดี บินได้นิ่ง และเงียบ 

ส่วนด้านเทคนิค ภายในตัวเครื่อง C919 กว่าครึ่งยังใช้เครื่องยนต์นำเข้าของ CFM International บริษัทผู้พัฒนาเครื่องยนต์อากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีศักยภาพเทียบชั้นได้กับเครื่องยนต์ของ Airbus และ Boeing เช่นกัน 

และด้วยสถานการณ์ของเครื่องบิน Boeing 737 Max 9 ที่ถูกสั่งห้ามบินในสหรัฐฯ หลังเกิดเหตุขัดข้องทางเทคนิคกับเครื่องของสายการบิน Alaska Airlines ที่เป็นรุ่นคู่แข่งโดยตรงของ C919 ก็ถือเป็นโอกาสการเข้าทำตลาดของเครื่องบินน้องใหม่สัญชาติจีนลำนี้ 

และหลังจากงาน Singapore Air Show แล้ว COMAC วางแผนที่จะลุยตลาดต่อในประเทศเวียดนาม, กัมพูชา, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และ ไทย เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความใกล้ชิดทางการค้ากับจีน และมีนักท่องเที่ยวจีนนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าตลาดการบินในย่านนี้จะโตขึ้นได้อีกอย่างรวดเร็ว 

แต่สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือ COMAC ไม่ได้ต้องการขายเครื่องบินราคาถูก เพื่อตัดราคาในท้องตลาด โดย C919 ตั้งราคาไว้ที่ลำละ 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งแทบไม่ต่างจากราคาเครื่องบินของ Airbus หรือ Boeing ในรุ่นใกล้เคียงกันเลย เพียงแต่สิ่งที่ COMAC คำนึงในตอนนี้คือ คุณภาพการให้บริการแบบจัดเต็ม ระบบซ่อมบำรุง ฝึกอบรม และอื่น ๆ ที่มาในแพ็กเกจ พร้อมข้อเสนอราคาพิเศษเมื่อซื้อล็อตใหญ่ตั้งแต่ 40 ลำขึ้นไป อีกทั้งยังเป็นการทดลองเปิดตลาดต่างประเทศ ที่ทางจีนไม่ได้คาดหวังในการทำกำไรทันทีในรุ่นนี้ 

และหากพิจารณาจากโอกาสในการเติบโตของเครื่องบินจีน ประเทศที่มีธุรกิจการบินในประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกรองจากสหรัฐฯ รัฐบาลจีนได้ตั้งเป้าที่จะพัฒนาเครื่องยนต์พาณิชย์ของตัวเอง เพื่อลดการพึ่งพาเครื่องยนต์จากประเทศตะวันตกอย่างจริงจัง และเชื่อมั่นว่าจะสามารถยกระดับเทคโนโลยีด้านการบินของตนให้สามารถแข่งขันกับเครื่องบินของชาติตะวันตกได้อย่างทัดเทียมกันในอนาคตอันใกล้ อย่างที่จีนเคยทำได้ในตลาดสินค้าเทคโนโลยีอื่น ๆ มาแล้ว 

ดังนั้น อนาคตธุรกิจเครื่องบินพาณิชย์ของจีนนั้น คงไม่จบแค่บทเดียว แต่ต้องจับตามองกันต่อในระยะยาว ถ้าจีนไม่ถอดใจไปเสียก่อน

กาสิโน Chapter ใหม่ของการท่องเที่ยวไทย ไว้ใจรัฐ!! ทำเพื่อประโยชน์คนไทยในวงกว้าง

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ที่มาร่วมพูดคุยในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ในประเด็น 'กาสิโน Chapter ใหม่ของการท่องเที่ยวไทย' เมื่อวันที่ 7 เม.ย.67 โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า...

ในที่สุดสถานบันเทิงครบวงจรก็ได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแบบไร้เสียงคัดค้าน แต่กระแสคัดค้านน่าจะมาจากสังคมนอกสภา สังคมที่ท่านนายกรัฐมนตรีเรียกว่าเป็นสังคมอีแอบ

นับเป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่จะมีการลงทุนขนาดใหญ่ หรือ Mega Project ในรอบหลายปี การท่องเที่ยวไทยพึ่งพาแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและโบราณสถานเป็น Tourist Attractions มาโดยตลอด จนสถานที่เหล่านั้นเริ่มสึกหรอและเสื่อมทรามลงไปจากความแออัดของนักท่องเที่ยว รัฐบาลในอดีตได้รับรายได้มหาศาลจากภาคการท่องเที่ยว แต่ละเลยที่จะส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเพื่อยกระดับสถานที่ท่องเที่ยวให้เป็นระดับโลก

ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญของประเทศและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โครงการสถานบันเทิงครบวงจร นอกจากจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนครั้งใหญ่ใน Man-made Attractions แล้ว ยังเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่สากล และการท่องเที่ยวเชิง MICE (Meeting Incentive Convention and Exhibition) ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจที่ใช้จ่ายเงินสูง และสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศอื่น ๆ มาแล้ว

แน่นอน ผลกระทบทางสังคมที่หลายฝ่ายวิตกกังวล ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเตรียมรับมือ แต่ก็ไม่สมควรที่จะหวาดกลัวไปตามแรงกดดันของสังคมอีแอบ เพราะปัจจุบันสังคมไทยก็อยู่กับอบายมุขอยู่แล้ว เพียงแต่เป็นอบายมุขที่ผิดกฎหมาย การนำอบายมุขเหล่านี้ขึ้นมาบนดิน อาจทำให้รายได้ของเจ้าหน้าที่ที่รับส่วยอยู่ในปัจจุบันลดลงหรือหมดไป แต่ก็กลายมาเป็นรายได้ของรัฐบาล ซึ่งสามารถนำไปใช้เพื่อประโยชน์ของประชาชนในวงกว้างต่อไป

ส่วนกลุ่มเปราะบางทางสังคมซึ่งอาจได้รับผลกระทบ เชื่อว่ารัฐบาลเตรียมมาตรการรองรับอยู่แล้ว และกลุ่มรากหญ้าที่ต้องการเล่นการพนันที่ถูกกฎหมายแต่ไม่สามารถเข้าถึงกาสิโนในสถานบันเทิงได้นั้น ก็สามารถใช้เทคโนโลยีดิจิตอลออนไลน์เข้ามาเสริมการให้บริการและการเข้าถึงในระดับรากหญ้า แต่ทั้งนี้จะต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างเคร่งเครียดของรัฐบาล

ประเทศไทยสูญเสียโอกาสและรายได้ไปนานหลายสิบปี ครั้งนี้จึงเป็นวาระสำคัญของประเทศที่คนไทยทุกคนจะร่วมกันผลักดันให้ประเทศเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง

นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมตำรวจไซเบอร์ ย้ำทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนเป็นหลัก กำชับภายใน 30 วัน มีผลปฏิบัติงานชัดเจนเป็นรูปธรรม 

วันนี้ (1 เม.ย.67) เวลา 15.00 น. นายเศรษฐาทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมาตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติหน้าที่ กับข้าราชการตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช สอท. , รอง ผบช.สอท. , ผบก.สอท. เข้าร่วมประชุมรับมือบนโยบาย ณ ห้องประชุมมหาเมฆ ชั้น 2 บช.สอท. เมืองทองธานี

นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวไกลไปมาก มีพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการถูกหลอกลวงทางภัยออนไลน์หลากหลายรูปแบบ อาทิ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ เฟคนิวส์ เป็นต้น จึงขอให้ตำรวจไซเบอร์ บช.สอท.ทำงานอย่างเต็มที่โดยคำนึงถึงพี่น้องประชาชนเป็นหลัก โดยให้บูรณาการการทำงาน ประสานความร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  และกำชับให้ภายใน 30 วันจะต้องมีการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ในระยะเวลาอันใกล้ มีการจับกุมรายใหญ่ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

นราธิวาส - รองแม่ทัพภาค 4 ลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมหน่วยตรวจเลือกทหารกองประจำการ ในพื้นที่ จชต.

วันนี้  (1 เมษายน 2567) เวลา 10.00 น. พลตรี ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยคัดเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ ประจำปี 2567 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย หอประชุมอำเภอกาบัง จังหวัดยะลา , หอประชุมอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส และที่ว่าการอำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี โดยได้เน้นย้ำต่อคณะกรรมการตรวจเลือกทหารฯ ให้ปฏิบัติงานทุกขั้นตอนด้วยความโปร่งใส บริสุทธิ์ และยุติธรรม พร้อมเชิญชวนผู้เข้ารับการตรวจเลือกหทารฯ เข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกัน เข้ามาฝึกระเบียบวินัย ความเป็นผู้นำ มีงาน มีรายได้ ต่อยอดโอกาสในการเข้ารับราชการทหารในอนาคต 

โอกาสนี้ พลตรี ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังได้กล่าวต้อนรับผู้เข้ารับการตรวจเลือกทหารทุกคนอย่างเป็นกันเอง พร้อมชี้แจงว่า "กองทัพบก" จะมีสิทธิสำหรับทหารกองประจำการทั้งสิทธิรักษาพยาบาลฟรี การฝึกอาชีพก่อนปลด สิทธิพิเศษสอบเข้าโรงเรียนทหาร ส่งเสริมการต่อยอดเป็นนักเรียนนายสิบ ซึ่งปีนี้กองทัพบกเปิดโอกาสรับมากถึง 80% โควตาเรียนหลักสูตรส่งทางอากาศ สมัครเป็นทหารกองประจำการต่อเมื่อครบกำหนดปลด รับแจกเครื่องแต่งกาย ของใช้ส่วนตัว มีประกันชีวิต และได้รับการศึกษาต่อในระบบ กศน. อีกด้วย

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมะนุ จ.นราธิวาส 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top