Friday, 16 May 2025
NewsFeed

เชียงใหม่-คณะแพทย์ มช. จัดงานนิทรรศการบริการวิชาการสู่ชุมชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 65 ปีคณะแพทยศาสตร์ มช. ภายใต้ชื่องาน “รับมือ รู้ทัน ป้องกัน PM2.5”

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดงานนิทรรศการบริการวิชาการสู่ชุมชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 65 ปี คณะแพทยศาสตร์ มช. ภายใต้ชื่องาน “รับมือ รู้ทัน ป้องกัน PM2.5” เพื่อตระหนักถึงมลภาวะทางอากาศโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝุ่น PM2.5 มักเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนเป็นประจำทุกปี ทางโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มช. จึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ และหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่คณะแพทยศาสตร์ มช. ครบรอบ 65 ปี ด้วยวิสัยทัศน์ “โรงเรียนแพทย์ในดวงใจเพื่อยกระดับสุขภาวะของมนุษยชาติอย่างยั่งยืน” ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 30 และวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม 2567 ณ ชั้น 1 Grand Hall  ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต โดยวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม 2567 ได้รับเกียรติจากนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธี

ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ)นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. กล่าวว่า “เนื่องในโอกาสจะครบ 65 ปี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย โดยกิจกรรมที่เกิดขึ้นนั้น นำไปสู่การก้าวสู่ปีที่ 65 อย่างมั่นคง  เป็นไปตามคำสอนของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกว่า “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง”และพร้อมก้าวสู่การเป็นโรงเรียนแพทย์ในดวงใจของประชาชน โดยเริ่มจากการนำร่องสร้างอาคารสุจิณฺโณ ปลอด PM2.5 เพื่อให้สุขภาพของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา บุคลากร และญาติผู้ป่วยที่อยู่ในบริเวณอาคารสุจิณฺโณ มีสุขภาวะที่ยั่งยืนต่อไปได้ ”

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยการเสวนาให้ความรู้ ในวันเสาร์ที่ 30 มีนาคม 2567 ระหว่างเวลา 12.30 -13.15 น. เสวนา เรื่อง “ผลกระทบของ PM2.5 ต่อโรคมะเร็ง” โดย รศ.พญ.บุษยามาส ชีวสกุลยง หัวหน้าหน่วยมะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช. ,รศ.นพ.ชัยยุทธ เจริญธรรม อาจารย์ประจำหน่วยมะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช. ,ผศ.นพ.ธัชธรรม์ สุขสมบูรณ์เจริญ อาจารย์ประจำหน่วยมะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช. ,นพ.ภัทรพงศ์ สัจจริตานันท์ แพทย์ประจำบ้านอายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา และทีม Northern Thailand Thoracic Oncology Groupระหว่างเวลา 14.45 -15.30 น. เสวนา เรื่อง “ผลกระทบของฝุ่น PM2.5 ต่อเด็กและสตรีตั้งครรภ์” โดย รศ.พญ.สุชยา ลือวรรณ อาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มช. ,รศ.นพ.มงคล เหล่าอารยะ อาจารย์ประจำภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช. ระหว่างเวลา 16.00 -16.45 น. เสวนา เรื่อง “ผลกระทบของฝุ่น PM2.5 ต่อ ดวงตา โรคภูมิแพ้ และระบบการหายใจในเด็กและผู้ใหญ่” ,ผศ.นพ.พิชญ์       อุปพงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มช. ,อ.พญ.กนกกาญจน์ ภิญโญพรพาณิชย์ อาจารย์ประจำหน่วยภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันทางคลินิก ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช. ,อ.พญ.ธันยธร ธีรนรเศรษฐ์ อาจารย์ประจำภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มช.
วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม 2567 ระหว่างเวลา 14.45 -15.30 น. เสวนา เรื่อง “การป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจาก PM2.5” โดย รศ.นพ.เฉลิม ลิ่วศรีสกุล หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ 

มช. ,ผศ.นพ.วิทวัส สุรวัฒนสกุล อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ มช. ระหว่างเวลา 16.00 -16.45 น. เสวนา เรื่อง “ผลกระทบของฝุ่น PM2.5 ต่อเส้นเลือดหัวใจและเส้นเลือดสมอง” โดยอ.นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ หัวหน้าศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิต ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มช. ,ผศ.นพ.กิตติ เทียนขาว อาจารย์ประจำหน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช.

นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการให้ความรู้เรื่อง PM2.5 มีผลกระทบต่อร่างกาย บูธให้บริการตรวจสุขภาพ อาทิ ตรวจตาแห้ง, ตรวจคัดกรองโรคต้อหินและโรคจอตาบริการรักษาตาแห้งด้วย IPL และ lid spa นวดทำความสะอาดเปลือกตา บรรเทาอาการตาแห้งเรื้อรัง ,ตรวจอัลตราซาวนด์คลื่นความถี่สูง 4 มิติ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ,ตรวจวัดองค์ประกอบของร่างกายความดันโลหิตและแปลผลองค์ประกอบของร่างกาย ,ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ,ตรวจความแน่นกระชับของหน้ากากป้องกันฝุ่น (Fit test) ,ประเมิน-คัดกรองโรคหลอดเลือดสมอง,สมองเสื่อม และไมเกรน ,ส่องกล้องตรวจหูออกจอ ,ตรวจสมรรถภาพปอด ,ตรวจภูมิแพ้ทางผิวหนัง ,วัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ,วัดดัชนีมวลกาย เป็นต้น  กิจกรรมร่วมสนุกตอบคำถาม ลุ้นรับของรางวัล จากคณะแพทยศาสตร์ มช. กิจกรรม workshop การทำเครื่องฟอกอากาศ DIY “Air Purifier DIY by Suandok ป้องกันฝุ่น PM2.5”  การแสดงดนตรีอะคูสติก โดย ชมรมดนตรีสากล สโมสรนักศึกษา คณะแพทยศาสตร์ มช.

นภาพร/เชียงใหม่

“We can run: Fund for legs” ขยับขาเพื่อ 100 ขาเทียม  ส่งต่อคุณภาพชีวิตผู้พิการ สร้างสังคมรีไซเคิล สู่เป้าหมาย Net Zero

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายภาคเอกชน เปิดกิจกรรม “We can run: Fund for legs” ณ บริเวณลานกลางท้องสนามหลวง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พร้อมส่งมอบขาเทียม 100 ขา เพื่อมูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีให้ผู้พิการ สร้างสังคมรีไซเคิลสู่เป้าหมาย Net Zero

วันที่ 31 มีนาคม 2567 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้บูรณาการดำเนินงานของหน่วยงานให้เป็นไปตามเป้าหมายยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำและวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้เป็นการสร้างกระแสสังคมให้ทุกคนหันมาร่วมปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมนำไปสู่สังคมแห่งการรีไซเคิล และขอขอบคุณหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่ร่วมมือกันทำให้เกิดงานดีๆ นี้ขึ้น โดยเฉพาะนักวิ่งทุกคนที่มาร่วมกันส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้พิการพร้อมสร้างสังคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญมูลนิธิขาเทียมฯ ที่เป็นกำลังหลักให้เราได้ส่งผ่านกำลังใจให้ผู้พิการ “ร่วมกันขยับขาของเรา...เพื่อ 100 ขาเทียม”

ด้าน ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กิจกรรมเดิน-วิ่ง มินิมาราธอนการกุศล Recycle for Life “We can run: Fund for legs” เพื่อมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้จัดขึ้น ณ บริเวณลานกลางท้องสนามหลวง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร แบ่งเป็น 2 ระยะทาง ได้แก่ Mini Marathon 10 กิโลเมตร และ Micro Marathon 5 กิโลเมตร มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมรวมกว่า 
2,500 คน  ซึ่งได้รับเกียรติจากนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานปล่อยตัวนักวิ่งและพิธีมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะ พร้อมพิธีมอบขาเทียม 100 ขาให้แก่ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

เป้าหมายของการจัดกิจกรรมครั้งนี้ คือ สนับสนุนการผลิตขาเทียม 100 ขา มูลค่ากว่า 2,500,000 บาท มอบแก่ผู้พิการที่มีความยากไร้ให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดี อีกทั้งรวบรวมกระป๋องอลูมิเนียมใช้แล้วกลับเข้าสู่ระบบรีไซเคิล 4,800,000 ใบ โดยให้นักวิ่งนำกระป๋องอลูมิเนียมใช้แล้ว 5 ใบ มาแลกรับเสื้อและบิบ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 570 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (จากการรีไซเคิลกระป๋องเทียบกับการขุดแร่ใหม่) เป็นการส่งเสริมให้ทุกคนหันมาสนใจการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ และร่วมบริจาคเงินรายได้ให้กับมูลนิธิขาเทียมฯ รวมถึงสร้างสังคมการรีไซเคิลและยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ตามที่ประเทศไทยตั้งไว้ 

กิจกรรมดี ๆ นี้ สำเร็จได้ด้วยพลังความร่วมมือของภาคีเครือข่ายที่เข้มแข็ง ได้แก่ มูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กรมควบคุมมลพิษ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจ TCP บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยเบเวอร์เรจแคน จำกัด บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ รีไซเคิล จำกัด และภาคีเครือข่ายอื่นๆ อาทิ มูลนิธิการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน (มูลนิธิ 3R) บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) บริษัท ชบาบางกอก จำกัดซึ่งถือเป็นหนึ่งในความรับผิดชอบของผู้ผลิตในการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการจัดการขยะหลังการบริโภค และที่สำคัญยังได้รับความสนใจจากดารานักแสดง อย่างคุณเต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ รวมถึง ช่อง 7HD
ที่นำทัพดารา นักแสดงจาก 7 สี ปันรักให้โลก อย่างคุณจาด้า อินโตร์เร  คุณโอ๊ต รัฐธีร์ วรโรจน์โยธิน พร้อมผู้ประกาศข่าวช่อง 7HD อย่างคุณบี กมลาสน์ เอียดศรีชาย และ คุณบอย ธนพัต กิตติบดีสกุล เข้าร่วมกิจกรรม อีกทั้งการจัดงานในวันนี้เป็นการจัดงานแบบปลอดคาร์บอน มีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกิจกรรมการจัดงานต่างๆ อาทิ การใช้ไฟฟ้า อาหารและเครื่องดื่ม การเดินทาง ป้าย วัสดุสิ้นเปลือง ของเสีย เพื่อนำมาประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พบว่า มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวม 47 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และได้มีการชดเชยจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย ทำให้การจัดงานครั้งนี้มีการปลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์

เชียงใหม่-รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทย์ มช.เดินหน้าสร้าง“อาคารสุจิณฺโณ ปลอดฝุ่น PM2.5” นำร่องแห่งแรกในภาคเหนือ

ฝุ่น PM2.5 ปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนเป็นประจำทุกปี คณะแพทยศาสตร์ มช. เล็งเห็นความสำคัญ และหาแนวทางแก้ไขปัญหา นำร่องสร้างอาคารสุจิณฺโณ ปลอดฝุ่น PM 2.5 ยกระดับสุขภาวะของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา และบุคลากรทางการแพทย์ภายในอาคารสุจิณฺโณ

ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ) นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า สถานการณ์วิกฤตหมอกควันมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝุ่นที่มีอนุภาคเล็กกว่า 10 ไมครอน(PM10) และฝุ่นที่มีอนุภาคเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM2.5) ที่เป็นปัญหาเกิดขึ้นกับจังหวัดต่างๆ ในภาคเหนือมาอย่างยาวนาน โดยขณะนี้เกินค่ามาตรฐานอย่างหนักในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน จังหวัดพะเยา จังหวัดน่าน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ปัจจุบันมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ (สถิติวันที่ 1 ม.ค.-15 มี.ค. 2567) ด้วยผลกระทบจาก PM2.5 แล้วทั้งสิ้น จำนวน 30,339 ราย มากกว่าจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในช่วงเดียวกันของปีก่อน1 เท่าตัว (สถิติวันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค. 2566 จำนวนผู้ป่วย 12,671 คน) ส่วนใหญ่พบมีอาการของโรคภูมิแพ้กำเริบ เยื่อบุจมูกอักเสบ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน เยื่อบุตาอักเสบ โรคหืด เลือดกำเดาไหล โรคถุงลมโป่งพอง ตามลำดับ

คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยต่อว่า “อาคารสุจิณฺโณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ มีหอพักผู้ป่วยแบบปรับอากาศและไม่ปรับอากาศ ซึ่งหอพักผู้ป่วยแบบไม่ปรับอากาศ ปัจจุบันมีการเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ ดังนั้นหากฝุ่น PM2.5 เข้ามายังอาคารหอผู้ป่วยสุจิณฺโณ จะส่งผลกระทบต่อสภาวะทางเดินหายใจของผู้ป่วยได้ จึงได้มีแนวคิดในการป้องกันปัญหา PM 2.5 ของอาคารสุจิณฺโณ 

โดยการสร้างความดันภายในอาคาร ให้สูงกว่าภายนอกบริเวณอาคาร เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นเล็ดลอดเข้ามาในอาคารสุจิณฺโณ ลดพื้นที่ช่องเปิดให้เหลือน้อยที่สุด และทำการเติมอากาศสะอาดเข้ามาภายในบริเวณโถงทางเดิน ซึ่งอากาศที่เติมเข้ามา จะถูกกรองด้วยระบบกรองอากาศ โดยใช้ Filter 3 ชั้น ได้แก่ แผ่นกรองอากาศชนิดชั้นต้น (Pre – Filter), แผ่นกรองอากาศชั้นกลาง (Secondary -filter) และแผ่นกรองอากาศขั้นสูง (HEPA -filter) ที่มีความสามารถในการกรองฝุ่นได้ถึงระดับ PM2.5
 
นอกจากนี้ พื้นที่ช่องเปิดและหน้าต่างสำหรับระบายอากาศที่เหลือ ได้ทำการติดตั้งม่านกันฝุ่น PM2.5 โดยใช้ม่านกันฝุ่นชนิดนาโนไฟเบอร์ในห้องผู้ป่วยที่ไม่มีการปรับอากาศ ทั้งนี้ในอาคารสุจิณฺโณ ได้มีการติดตั้งเซนเซอร์ วัดปริมาณฝุ่น PM2.5 เพื่อติดตามปริมาณฝุ่น ภายในอาคาร และสามารถรายงานผลได้ทุกช่วงเวลา แบบ Real time”

คณะแพทยศาสตร์ มช. จึงได้จัดแถลงข่าว“อาคารสุจิณฺโณปลอดฝุ่น ลดผลกระทบต่อสุขภาพจาก PM 2.5”ขึ้น ในวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม 2567 เวลา 12.15 น. โดยมีนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานและร่วมแถลงในประเด็น สถานการณ์และมาตรการการแก้ปัญหา PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ) นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช.แถลงประเด็น นโยบายคณะแพทยศาสตร์ มช. ในการสร้างอาคารสุจิณฺโณ ให้เป็นอาคารนำร่อง ปลอดฝุ่นPM 2.5 และการป้องกันดูแลสุขภาพของประชาชน และรศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ แถลงถึงความคืบหน้าอาคารสุจิณฺโณ ปลอดฝุ่น PM 2.5 ณ ชั้น 1 Grand Hall ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต

นภาพร/เชียงใหม่

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' เผย!! พระเกี้ยวเป็นเครื่องสูง จึงต้องใช้เสลี่ยงอัญเชิญ ชี้!! อย่านำ 'การเมือง-เสรีภาพ' มาเกี่ยว หากไม่เคารพอย่าหลู่เกียรติ

(1 เม.ย.67) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'ขอตราพระเกี้ยวยั่งยืนยง' ระบุว่า...

นิสิตจุฬาเห็นภาพนี้แล้วรู้สึกอย่างไร
นี่มันคือการเทิดพระเกียรติพระเกี้ยว
หรือนี่มันคือหลู่เกียรติพระเกี้ยว
หากไม่เต็มใจที่จะเทิดพระเกียรติ
ก็ไม่ต้องอัญเชิญพระเกี้ยวออกมา

พระเกี้ยวคือ ของสูง 
เป็นศิราภรณ์ประดับพระเกศา
เป็นเครื่องประดับของพระจุลจอมเกล้าฯ
เป็นสัญญลักษณ์ที่ได้รับพระราชทาน

เนื่องจากพระเกี้ยวเป็นเครื่องสูง
การอัญเชิญจึงต้องใช้เสลี่ยง
ไม่ใช่เรื่องการเมือง หรือสิทธิเสรีภาพ
ไม่รักไม่เคารพก็อย่าหลู่เกียรติ

นิสิตจุฬาทุกคนต้องมีความภาคภูมิใจ
ในสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย
หากไม่รักไม่ภูมิใจ อย่าอยู่เลย 

ขอตราพระเกี้ยวยั้งยืนยง
นิสิตประสงค์เป็นธงชัย
ถาวรยศอยู่คู่ไทย เชิดไชย ชโย

ตร. เตือน วันแห่งการโกหก เล่นตลกอยู่ในกรอบ ทุกคนไม่ได้ชอบ อาจถูกฟ้องดำเนินคดี

วันนี้ (1 เมษายน 2567) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ และด้วยวันที่ 1 เม.ย.นี้ ตรงกับวัน April Fool’s Day หรือ วันแห่งการโกหก ซึ่งมักจะมีการสร้างเรื่องโกหกเพื่อความสนุกสนาน หรือเพื่อหยอกล้อซึ่งกันและกันในหมู่เพื่อนฝูง โดยหลาย ๆ คน มักจะใช้เป็นกิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์และคลายความเครียด แต่บางครั้งการล้อเล่นหรือการโกหก ก็อาจส่งผลกระทบต่อผู้อื่นหรืออาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคมได้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะการโพสต์เรื่องโกหกผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งอาจมีการเผยแพร่ ส่งต่อ หรือแชร์ ทำให้เรื่องโกหกกระจายไปในวงกว้าง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชน ให้ระมัดระวังในการสร้างเรื่องโกหกเพื่อความสนุกสนานหรือหยอกล้อบุคคลอื่น เพราะการกระทำดังกล่าวทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย หรือเกิดความตื่นตระหนกในสังคม ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย อาทิ

1. การเผยแพร่ข้อมูลที่ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท

2. การนำเข้าหรือเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ ที่ส่งผลกระทบต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14(2),(5) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ก่อนที่จะแชร์ข่าวหรือข้อมูลใด ๆ ให้กับบุคคลอื่น ขอให้ตรวจสอบก่อนว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นได้ที่เว็บไซต์ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย URL : www.antifakenewscenter.com 

สุดท้ายนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหาย หรือพบเห็นบุคคลใดสร้างข่าวปลอมจนทำให้เกิดความสับสนในสังคม สามารถแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีได้ที่สถานีตำรวจใกล้บ้านท่าน หรือแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

'ตร.หนุ่ม' สั่งเดลิเวอรีส่งที่โรงพัก แต่เจอไรเดอร์เท บอกให้ยกเลิกหาคนขับใหม่ เพราะ ‘ไม่บริการตำรวจ’

(1 เม.ย. 67) กลายเป็นประเด็นถกเสียงแตกในโลกออนไลน์ หลังจากที่นายตำรวจรายหนึ่ง ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แชร์เรื่องราวสั่งอาหารผ่านเดลิเวอรี่รายหนึ่ง ให้มาส่งที่โรงพัก ทว่าเมื่อไรเดอร์ทราบว่าเป็นตำรวจ ได้ส่งข้อความขอยกเลิก พร้อมระบุว่า “ขออภัยครับ ขอยกเลิกหาคนขับใหม่ครับ ผมไม่บริการตำรวจครับ”

โดยระบุไว้ว่า “เพิ่งออกเวร หิว สั่งข้าวผ่าน xxx แต่…ก็พอเข้าใจได้ว่าอาจจะมีอคติกับตำรวจ แต่ได้โปรดอย่าเหมารวมได้ไหม ตั้งใจช่วยคนที่เดือดร้อนทุกวัน ถึงไม่ได้รับคำขอบคุณ แต่ขออย่าตั้งอคติได้ไหม ผมก็มีหัวใจ มีกระเพาะที่ต้องการอาหาร #ผมผิดอะไรทิ้งผมทำไมครับพี่ #กลับมาก๊อนนนนน”

ซึ่งภายหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ได้รับความสนใจอย่างมากในโลกโซเชียล รวมถึงมาร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง โดยมีทั้งฝ่ายที่เข้าใจนายตำรวจ และเข้าใจไรเดอร์ เช่นว่า เขาอาจจะไม่ได้มีอคติ แต่กลัวโดนล่อซื้อ, เกินปุยมุ้ย, มีงี้ด้วยเหรอ, ตำรวจ ก็หิวข้าว เป็นนะครับ, สุดจัด, สงสัยโรงพักล่อซื้อบ่อย, พลาดแล้วบ่าว ไม่มาแลสารวัตรหล่อก่อน

'โบว์ ณัฏฐา' มองงานบอล 'จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์' มาตรฐานหดหาย ผลจากโควิดตัดขาดการส่งต่อ 'ความรู้-ความเป็นทีม' แบบรุ่นสู่รุ่น

(1 เม.ย.67) น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ พิธีกรรายการวิเคราะห์ข่าว และนักกิจกรรมเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึงงานเทศกาลงานกีฬาฟุตบอลสานสัมพันธ์ 'จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์' CU-TU Unity Football Match 2024 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 31 มี.ค.67 ณ สนามศุภชลาศัย ว่า...

ที่คุณภาพของงานบอลออกมาแย่ขนาดนั้น ส่วนหนึ่งเพราะช่วงล็อกดาวน์โควิดสองสามปีมันไม่มีการส่งต่อความรู้ ความเป็นทีม และวิธีทำงานจากรุ่นสู่รุ่นด้วย การไม่ได้เจอใครเลยตลอดปีการศึกษา ทำให้ Team Spirit มันหายไป และไม่ได้ฟื้นขึ้นมาได้แบบจตุรมิตรที่เขามีเวลาใช้ชีวิตอยู่ในสถาบันยาวนานกว่าแค่สี่ปี 

คิดว่าฟื้นไม่ได้แล้ว เพราะพอมาตรฐานหายไปก็ไม่มีอะไรไว้ส่งต่อ และด้วยวัฒนธรรมปัจจุบันที่ต่างคนต่างอยู่กับตัวเองเป็นหลัก งานแบบนี้ยังไงก็จะค่อย ๆ ย่อส่วนลง โควิดเป็นแค่ตัวมาเหยียบคันเร่ง ให้ผู้คนเห็นความแตกต่างชัดจนคนตกใจในความหยาบของผลงาน

‘ศรีริต้า’ ระดมทุน 100 ล้านบาท ช่วยมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก หวังปรับปรุงหอผู้ป่วยเด็กไอซียู - จัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย

เมื่อวาน (31 มี.ค. 67) เรียกว่าหล่อ สวย รวย เก่ง แถมยังเป็นสายบุญทั้งครอบครัวอีกต่างหสก สำหรับครอบครัวของ ‘ศรีริต้า เจนเซ่น’ และสามีนักธุรกิจ ‘กรณ์ ณรงค์เดช’ ล่าสุดทั้งคู่แท็กทีมหลานชาย หลานสาวทำบุญ ด้วยการจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัยให้กับโรงพยาบาลเด็ก ในโครงการช่วยน้องให้มองเห็น และปาฏิหาริย์ต่อลมหายใจสำหรับเด็กคลอดก่อนกำหนด

โดย ‘ศรีริต้า’ ได้โพสต์ภาพครอบครัวพร้อมหลานสาว หลานชาย และเขียนข้อความระบุว่า "ขออนุโมทนากับทุกภาคส่วนนะคะ ริต้าในฐานะ Angel Ambassador ของมูลนิธิ เราระดมทุนได้ถึง 100 ล้านบาท ได้ปรับปรุงหอผู้ป่วยเด็ก ICU เป็นที่เรียบร้อยและจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัยให้กับโรงพยาบาลเด็ก ในโครงการช่วยน้องให้มองเห็น และปาฏิหาริย์ต่อลมหายใจสำหรับเด็กคลอดก่อนกำหนดค่ะ ภูมิใจกับ ภัทร พิมพ์ กวิณท์ ที่ลุกขึ้นมาทำโครงการของตัวเองเพื่อช่วยน้อง ๆ ที่ป่วยกับทางมูลนิธิด้วย อนุโมทนาค่ะ"

งานนี้ทำเอาแฟน ๆ แห่เข้ามาร่วมอนุโมทนาบุญ พร้อมทั้งชื่นชมครอบครัว ‘ณรงค์เดช’ กันยกใหญ่

'สวนดุสิตโพล' เช็กเรตติง!! ‘รัฐบาล-ฝ่ายค้าน’ วัดดัชนีการเมืองไทย ชี้!! แต้มฝ่ายค้านเพิ่ม อานิสงส์ประชาชนเห็นใจจากการถูก 'ยุบพรรค'

(1 เม.ย. 67) ‘สวนดุสิตโพล’ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง ‘ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนมีนาคม 2567’ กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,254 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 21-29 มีนาคม 2567 โดยมีตัวชี้วัด 25 ประเด็นที่บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นต่อการเมืองไทยในด้านต่าง ๆ ซึ่งแต่ละตัวชี้วัดจะมีคะแนนเต็ม 10 คะแนน สรุปผลเรียงลำดับจากค่าคะแนนสูงสุดไปถึงต่ำสุด ได้ดังนี้

1. ‘ดัชนีการเมืองไทย’ เดือนมีนาคม 2567 ภาพรวมคะแนนเต็ม 10 ได้ 5.10 คะแนน (เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ได้ 5.16 คะแนน)

2. ประชาชนให้คะแนน 25 ตัวชี้วัด ‘ดัชนีการเมืองไทย’ โดยคะแนนเต็ม 10 เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้ดังนี้


3. นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ประชาชนคิดว่ามีบทบาทโดดเด่นในเดือนมีนาคม 67
>>นักการเมืองฝ่ายรัฐบาล 
1.เศรษฐา ทวีสิน 53.22%
2.อนุทิน ชาญวีรกูล 28.30%
3.แพทองธาร ชินวัตร 18.48%

>>นักการเมืองฝ่ายค้าน      
1.พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 59.32%
2.รังสิมันต์ โรม 20.91%
3.ศิริกัญญา ตันสกุล 19.77%

4. ผลงานของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ประชาชนชื่นชอบในเดือนมีนาคม 67
>>ผลงานฝ่ายรัฐบาล
1.สงกรานต์ 21 วัน ดัน Soft Power 47.51%
2.จับบ่อน ปราบมาเฟีย ผู้มีอิทธิพล 30.94%
3.ย้าย 2 บิ๊กตำรวจ 21.55%

>>ผลงานฝ่ายค้าน
1.อภิปรายงบประมาณ ปี 2567 48.36%
2.กระตุ้นเรื่องแก้ฝุ่น PM2.5 ดับไฟป่า 31.75%
3.ผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียม 19.89%

5. ปัญหาที่ประชาชนอยากให้เร่งแก้ไข คือ

(1) ยาบ้า กัญชา ยาเสพติด 50.62%
(2) เศรษฐกิจ ปากท้อง ค่าครองชีพ 31.78%
(3) ฝุ่น PM2.5 มลพิษทางอากาศ 17.60%

นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัยสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ระบุว่า จากผลการสำรวจสะท้อนให้เห็นว่าดัชนีการเมืองไทยเดือนนี้ยังคงอยู่ในระดับปานกลาง คะแนนลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน สาเหตุหลักอาจมาจากปัญหาปากท้องและเศรษฐกิจที่ประชาชนกังวล ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ได้คะแนนไม่ดีนัก 

นอกจากนี้ผลสำรวจชี้ว่าฝ่ายค้านยังคงครองใจประชาชน อาจเป็นเพราะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพของฝ่ายค้านในการทำงาน แต่ฝ่ายรัฐบาลเองก็เริ่มมีผลงานที่โดนใจประชาชนมากขึ้น ทั้งการผลักดัน Soft Power การจับบ่อน และแก้ปัญหาวงการตำรวจ

ด้าน ผศ.ดร.เบญจพร พึงไชย ผู้ช่วยคณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า สำหรับการเมืองไทยในช่วงเดือนมีนาคมนี้ แม้จะมีประเด็นทางการเมืองเกิดขึ้นหลาย ๆ เหตุการณ์ อาทิ การทัศนาจรของอดีตนายกรัฐมนตรีไปยังที่ต่าง ๆ หรือประเด็นการอภิปรายของ สว. เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลเศรษฐา แต่ผลการสำรวจมีคะแนนลดลงเล็กน้อยในภาพรวมเดือนมีนาคม 5.10 คะแนน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ที่ได้ 5.16 คะแนน นั่นแสดงให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่โฟกัสไปที่การแก้ไขปัญหาปากท้องว่ารัฐบาลจะทำได้จริงหรือไม่ ซึ่งคะแนนเดือนนี้อยู่ที่ 4.80 เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา คือ 4.78 คะแนน ซึ่งแทบไม่ต่างจากเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังมีคะแนนลดลงจากเดิม 5.14 โดยในเดือนนี้ ได้เพียง 5.00 คะแนน ยิ่งชี้ชัดว่าการแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ยังไม่เห็นผล

ในทางตรงกันข้าม ผลงานของฝ่ายค้านกลับได้คะแนนเพิ่มขึ้นจาก 5.52 เป็น 5.56 คะแนน ซึ่งอาจมาจากความเห็นใจของประชาชนกรณีการยุบพรรค ดังนั้นหากรัฐบาลต้องการที่จะให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นจะต้องแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ประชาชนอยากให้เร่งแก้ไขปัญหายาเสพติดมีคะแนนถึง ร้อยละ 50.62  อาจเป็นเพราะประเด็นข่าวหรือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเกิดขึ้นบ่อยครั้งในรอบเดือนที่ผ่านมา คงต้องจับตาดูกันว่าปัญหาในประเด็นนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปสำหรับเดือนหน้า

‘สุทิน’ วอน!! เลิกด้อยคุณค่าการเป็น ‘ทหาร’ ให้ข้อมูลผิดๆ ทำเด็กสับสน จนไม่อยากเป็น

(1 เม.ย. 67) ที่กองพันทหารสื่อสารที่ 1 เขตสาทร กทม. นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ตรวจเยี่ยมการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2567 โดยมีทหารกองเกินที่สมัครรายงานตัววันนี้ 85 คน ผ่อนผัน 38 คน หลีกเลี่ยง 1 คน อายุครบเกณฑ์ 21 ปี มี 15 คน ส่วนคนที่อายุ 22-29 ปี มี 26 คน คนขาดของปีที่แล้ว 5 คน และมีคนแจ้งสมัครใจ 1 คน ยอดความต้องการ กองทัพบก 4 นาย / กองทัพเรือ 4 นาย

โดยเมื่อนายสุทิน มาถึงได้ร่วมเคารพธงชาติกับทหาร และผู้ที่มารับการตรวจเลือก ในเวลา 7.20 น. ซึ่งมีการอัดเสียงการเคารพธงชาติเหมือนในเวลา 8.00 น. มาเปิดช่วงเวลาดังกล่าวด้วย

นายสุทิน กล่าวกับผู้เข้ารับการตรวจเลือกฯ ตอนหนึ่ง ว่า เป็นโอกาสสำคัญของลูกผู้ชายไทย เนื่องจากบางประเทศไม่ได้จับสลากเพื่อเข้ารับการตรวจเลือก หลายประเทศต้องเป็นทหารทันทีเมื่ออายุถึงเกณฑ์ เช่นเกาหลีใต้ และบางประเทศแม้แต่ผู้หญิงก็ต้องเป็นทหาร เช่นอิสราเอล ในขณะที่ของประเทศไทย ผู้ชายก็ไม่จำเป็นต้องเป็นทหารทั้งหมด โดยใช้วิธีจับสลากจำนวนเท่าที่จำเป็น ดังนั้นการเป็นชายไทย มีโอกาส มีเสรีภาพที่สูงมาก แต่ก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง เพราะมีความจำเป็นที่ต้องรักษาความมั่นคง

ทั้งนี้ ตนเข้าใจว่าหลายคนที่มารับการคัดเลือกมีความวิตกกังวลในหลายเรื่อง เช่น กลัวจับใบดำใบแดงแล้วต้องเป็นทหาร ต้องเสียโอกาส ไม่ได้เรียนต่อ หรือต้องออกจากงาน หรือชีวิตจะลำบาก ไม่มีคนดูแลพ่อแม่ บางคนก็กลัวครูฝึกจะฝึกแบบโหด แบบนอกลู่นอกรอย จึงขอแจ้งกับทุกคนว่า ในปีนี้รัฐบาลชุดใหม่ และตนซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้คำนึงถึงเรื่องนี้ จึงมีการปรับเปลี่ยนการคัดเลือกหลายอย่าง เพื่อไม่ให้ผู้ที่เข้ารับราชการเป็นทหาร ต้องเสียสิทธิ์ต่าง ๆ ไป ทั้งยังได้สิทธิ์เพิ่มขึ้น ใครเรียนอยู่แล้วจะได้เรียนต่อ โดยให้แจ้งความจำนงที่หน่วย เพราะกลาโหมได้เซ็น MOU กับกระทรวงศึกษาธิการไปแล้ว ซึ่งกระทรวงศึกษาฯ ยินดีจัดการศึกษาให้ถึงหน่วย และปรับเวลาให้เรียนหลังการฝึก ดังนั้นทุกวันนี้การศึกษาก็จะเรียนได้หลายระบบ และในทุกระดับ ยืนยันว่าไม่เสียสิทธิ์การเรียนแน่นอน นอกจากนี้ยังได้เรื่องของอาชีพ รวมถึงมีบริษัทเอกชนเปิดรับหลังจบเกณฑ์ทหาร 

นายสุทิน กล่าวอีกว่า ลูกผู้ชายต้องมีประสบการณ์ที่เบาบ้างเข้มบ้าง เบาอย่างเดียวก็จะอ่อนแอ ผู้ชายต้องเป็นมนุษย์หินบ้างในบางโอกาส เพราะฉะนั้นการฝึกทหารก็จะมีด่านที่ให้ทำให้แข็งแกร่ง เข้มแข็ง อดทน อึด บึก เพราะฉะนั้นระบบฝึกก็จะมีทั้งเข้มแข็ง เบาหนัก แต่ถ้านอกลู่นอกรอย บังคับขู่เข็ญทำร้าย มีน้อยมาก ส่วนที่เป็นข่าวคือมีคนจงใจ แต่ยอมรับบางส่วนอาจจะมีจริงบ้าง ซึ่งต่อไปนี้จะกวดขันอย่างเด็ดขาด กำชับไม่ให้มีการลงโทษนอกรูปแบบ แต่ให้เป็นไปตามระเบียบเท่านั้น ต่อไปจะมีศูนย์ออนไลน์ให้ร้องทุกข์ ใครถูกกลั่นแกล้ง ถูกลงโทษนอกระเบียบ ก็ให้ออนไลน์ร้องทุกข์ได้ ขอให้ไม่ต้องกังวล พร้อมยืนยันการตรวจเลือกโปร่งใสทุกขั้นตอน ใครเห็นกระบวนการที่ไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรม ให้เรียกร้องได้ทันที

นายสุทิน กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ในโอกาสที่วันนี้เป็นวันแรก ของการตรวจเลือกทหารกองเกิน จึงถือโอกาสมาดูความเรียบร้อย เพื่อให้ความมั่นใจกับเยาวชนและผู้ปกครอง วันนี้ก็ได้เห็นกระบวนการตรวจเลือกซึ่งมีทั้งพยานบุคคล ระบบ ระเบียบ และขั้นตอนที่ชัดเจน จึงขอให้ทุกคนสบายใจได้ว่า กระบวนการตรวจเลือกทหารไว้ใจได้ เชื่อถือได้ ซึ่งหลายคนคงได้ข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจนขึ้น และน่าจะมีผู้สมัครใจมากขึ้นด้วย ส่วนเรื่องที่ยังคงห่วงใย คือความรู้สึกของเด็กที่ยังสับสนอยู่ เพราะว่าในขณะที่ตนพยายามชี้แจง ทำความเข้าใจ ถึงคุณค่าของการเป็นทหาร ก็ยังมีอีกฝ่าย หรือหลายฝ่ายที่พยายามด้อยคุณค่าของการเป็นทหาร ซึ่งข้อมูลมีทั้งกระแสบวกและกระแสลบ อาจทำให้เด็กสับสน 

“ผมขอร้องและขอฝากไปยังกระบวนการที่ทำให้เด็กไขว้เขว หรือพยายามทำให้เด็กไม่สมัคร ไม่อยากเป็นทหาร ตนมองว่าเป็นความคิดที่ไม่มีประโยชน์ต่อประเทศ ถึงแม้จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ก็ไม่ได้เป็นประโยชน์ในระยะยาว จึงอยากจะขอให้เบาลงหรือเลิกพฤติกรรมเหล่านี้” นายสุทิน กล่าว 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top