Monday, 19 May 2025
NewsFeed

‘จีน’ กอดแชมป์ตำแหน่งผู้นำ ‘ตลาดต่อเรือโลก’ ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่ง 14 ปีซ้อน

(15 มี.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รายงานของสมาคมอุตสาหกรรมการต่อเรือแห่งชาติของจีน (CANSI) ที่เผยแพร่ไม่นานนี้ระบุว่า อุตสาหกรรมการต่อเรือของจีนยังคงเติบโตอย่างมั่นคง โดยมีตัวชี้วัดด้านการต่อเรือสำคัญ 3 ประการ ที่แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวที่สอดคล้องกัน

มูลค่าการส่งออกสินค้าต่อเรือที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลของสมาคมฯ ระบุว่า ปริมาณการต่อเรือของจีนที่แล้วเสร็จอยู่ที่ 42.32 ล้านตันตัน (DWT) ในปี 2023 เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.8 เมื่อเทียบปีต่อปี ส่วนปริมาณการสั่งซื้อใหม่สูงถึง 71.2 ล้านตันตัน เพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 56.4 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2023 ปริมาณคำสั่งรอผลิตอยู่ที่ 139.39 ล้านตันตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 32 เมื่อเทียบปีต่อปี

ทั้งนี้ในปี 2023 ปริมาณการต่อเรือที่เสร็จสมบูรณ์ของจีน ปริมาณคำสั่งซื้อใหม่ และปริมาณคำสั่งซื้อถือ ซึ่งวัดน้ำหนักเป็นตัน คิดเป็นร้อยละ 50.2, 66.6 และ 55.0 ของยอดรวมทั่วโลกตามลำดับ และนับเป็นครั้งแรกที่ส่วนแบ่งการตลาดเกินร้อยละ 50 ในทั้งสามตัวชี้วัดการต่อเรือ โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากปี 2022 อยู่ที่ 2.9, 11.4 และ 6 จุดตามลำดับบทบาทนำในตลาดต่างประเทศ

ปี 2023 อุตสาหกรรมการต่อเรือของจีนยังคงรักษาตำแหน่งเป็นผู้นำในตลาดต่างประเทศ โดยประสบความสำเร็จในการก่อสร้างอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ และปรับโครงสร้างคำสั่งซื้อเรือใหม่ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับตลาดต่างประเทศนั้น ปี 2023 สถานะประเทศผู้ต่อเรือที่สำคัญของจีนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยมีส่วนแบ่งตลาดครองอันดับหนึ่งทั่วโลกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 14 ปีติดต่อกัน
ความสามารถในการแข่งขันระดับนานาชาติของบริษัทต่อเรือรายใหญ่ของจีนยังคงเข้มแข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีบริษัท 5 แห่งที่ติดอันดับ 10 อันดับแรกในด้านปริมาณการต่อเรือที่แล้วเสร็จ 7 แห่ง ติดอันดับด้านปริมาณคำสั่งซื้อใหม่ และ 6 แห่งติดอันดับด้านปริมาณคำสั่งรอผลิต หนึ่งในนั้นคือบริษัท ไชน่า สเตต ชิปบิลดิง คอร์เปเรชัน (CSSC) ที่ครองอันดับหนึ่งในทั้งสามตัวชี้วัดในหมู่บริษัทต่อเรือทั่วโลก

ในปี 2023 บริษัทต่อเรือของจีนได้ส่งมอบเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่พิเศษขนาด 24,000 ทีอียู (TEU) ขนาดใหญ่สุดในโลก จำนวน 20 ลำ เรือบรรทุกแก๊สขนาดใหญ่ความจุ 174,000 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 4 ลำ และเรือบรรทุกแก๊สสำหรับร่องน้ำตื้นขนาด 80,000 ลูกบาศก์เมตร ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกหนึ่งลำ

คาดผลการดำเนินงานของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะเติบโต
ปี 2023 บริษัทไชน่า สเตต ชิปบิลดิง คอร์เปเรชัน คาดว่าจะมีกำไรสุทธิจากบริษัทแม่อยู่ที่ 2.7-3.2 พันล้านหยวน (ราว 1.33-1.58 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,470.95-1,761.87 เมื่อเทียบปีต่อปี

สำหรับการเพิ่มขึ้นของผลประกอบการอย่างมีนัยสำคัญนั้น บริษัทฯ ระบุว่า ตลาดการต่อเรือใหม่ทั่วโลกยังคงรักษาแนวโน้มการพัฒนาที่ดีได้ในปี 2023 ขณะที่การจัดการคำสั่งซื้อเรือราคาต่ำก่อนหน้านี้อย่างค่อยเป็นค่อยไปช่วยให้โครงสร้างคำสั่งซื้อของบริษัทฯ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการผลิตประจำปี บริษัทฯ ได้เสริมความแข็งแกร่งด้านการจัดการและการควบคุมการผลิต พัฒนาประสิทธิภาพการผลิต และบรรลุรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2022 ซึ่งเกินเป้าหมายประจำปี

‘กัลฟ์-ทันตะ จุฬาฯ’ จัดกิจกรรม ‘GULF Sparks Smiles’ ออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่เพื่อกลุ่มผู้พิการทางสายตา

เนื่องจากปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันไม่ใช่ปัญหาสุขภาพที่ฉุกเฉิน หากไม่ได้มีอาการรุนแรง ประชาชนส่วนใหญ่จึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องฟันเท่าที่ควร รวมไปถึงโอกาสในการเข้าถึงบริการทางทันตกรรมของประชาชนยังมีข้อจำกัด อันเนื่องจากความเหลื่อมล้ำทางสังคมโดยเฉพาะในกลุ่มผู้พิการที่จะต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ยิ่งเป็นเรื่องยากที่จะสามารถเข้าถึงการรักษาทางทันตกรรมได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

(15 มี.ค. 67) บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ กัลฟ์ ร่วมกับ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดินหน้าสานต่อโครงการออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ ‘GULF Sparks Smiles มอบรอยยิ้มสดใสให้ชุมชน’ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยออกหน่วยแรกของปีที่โรงเรียนสอนคนตาบอด กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการออกหน่วยพิเศษเพื่อผู้พิการทางสายตาเป็นครั้งที่ 2 ยกระดับความช่วยเหลือสู่กลุ่มผู้พิการและผู้มีความต้องการพิเศษ ที่จะต้องได้รับการดูแลเฉพาะทางจากผู้เชี่ยวชาญ โดยกัลฟ์มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนความหลากหลายในสังคม (Diversity) การยอมรับในความแตกต่าง (Inclusion) พร้อมทั้งสร้างโอกาสและความเท่าเทียม (Equity) เพื่อเป็นอีกหนึ่งพลังในการสร้างสังคมที่น่าอยู่

นายธนญ ตันติสุนทร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โครงการฯ นี้มีจุดเริ่มต้นมาจากช่วงสถานการณ์โควิด-19 กัลฟ์เห็นปัญหาที่คนในพื้นที่ห่างไกลไม่สามารถจะมาหาหมอฟันได้ ซึ่งทางคณะทันตะ จุฬาฯ มีโครงการออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่อยู่แล้ว จึงได้ร่วมมือกันจัดทำโครงการ ‘GULF Sparks Smiles มอบรอยยิ้มสดใสให้ชุมชน’ เพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนที่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาทางทันตกรรม ได้มารักษาที่หน่วยทันตกรรมของโครงการฯ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และปีนี้ก็ได้มาออกหน่วยรักษาผู้พิการทางสายตาเป็นปีที่ 2 แล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีคนเข้ามารับการรักษาเป็นจำนวนมาก และในปีนี้กัลฟ์มีความตั้งใจที่จะออกหน่วยฯ ทั้งหมด 4 ครั้ง สามารถติดตามข้อมูลการออกหน่วยครั้งต่อๆ ไปของกัลฟ์ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ GulfSPARK”

รศ.ทพญ.ดร.วลีรัตน์ ศุกรวรรณ อาจารย์ประจำภาควิชาทันตกรรมสำหรับเด็ก คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเสริมว่า “ในกลุ่มของผู้พิการทางสายตา มีขีดจำกัดในการดำรงชีวิตประจำวัน ทำให้ผู้พิการทางสายตามีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางช่องปาก เช่น การจับแปรงสีฟันไม่ถนัด ทำความสะอาดช่องปากได้ยาก รวมทั้งการเข้าถึงทันตกรรมค่อนข้างจำกัด เนื่องจากการรักษาผู้พิการทางสายตา ต้องใช้แพทย์ที่มีประสบการณ์ มีความชำนาญ และเข้าใจความต้องการพิเศษของคนกลุ่มนี้ ผู้พิการทางสายตาจะมีความไวในประสาทสัมผัสด้านอื่น เพื่อทดแทนการมองเห็น การให้บริการทันตกรรมจึงจะต้องอาศัยทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ จึงเป็นโอกาสพิเศษที่ได้ให้บริการทันตกรรมกับผู้พิการทางสายตา อีกทั้งยังเป็นการทำที่มีความต่อเนื่อง เพราะการรักษาสุขภาพช่องปากไม่ใช่การทำครั้งเดียวจบ แต่ต้องรักษา และให้ความใส่ใจอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างเสริมทัศนคติในการรักษาสุขภาพร่างกาย และช่องปากได้อย่างสมบูรณ์”

โครงการออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ ‘GULF Sparks Smiles’ จะให้บริการตรวจรักษาปัญหาสุขภาพช่องปากในเบื้องต้น อาทิ อุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน เคลือบฟลูออไรด์ และเอ็กซเรย์ รวมไปถึงทันตกรรมที่ซับซ้อนอย่างการผ่าฟันคุด และอีกหนึ่งความพิเศษของหน่วยในครั้งนี้ คือการนำหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มาช่วยในจุดลงทะเบียน แนะนำคนไข้ไปยังจุดทำฟันจุดต่าง ๆ สอนวิธีการทำความสะอาดฟันและดูแลรักษาฟันเบื้องต้นให้กับผู้ที่เข้ามารับการรักษา รวมถึงสามารถเต้น และร้องเพลงสร้างความสนุกสนานเพื่อให้กลุ่มผู้พิการทางสายตาที่มารอทำฟันรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นอีกด้วย

‘GULF Sparks Smiles มอบรอยยิ้มสดใสให้ชุมชน’ ปี 4 จะเดินทางออกหน่วย อีก 3 ครั้งในปีนี้ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ เพจ Gulf Spark : https://www.facebook.com/GulfSPARK.TH

ผู้บัญชาการทหารเรือ รุดเยี่ยมกำลังพล เรือหลวงคีรีรัฐ ที่ได้รับบาดเจ็บ

เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 14 มีนาคม 2567 พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อเยี่ยมกำลังพลเรือหลวงคีรีรัฐ ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุกระสุนปืนของเรือหลวงชลบุรี ที่ขัดข้องลั่นใส่บริเวณท้ายเรือจนเกิดเพลิงไหม้ ความเสียหายเล็กน้อยแต่มีกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการสำลักควันไฟจำนวน 14 นาย โดย ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มีความห่วงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะอาการของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ได้สั่งการให้ดูแลผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่ โดยในขณะนี้กำลังพลที่มีอาการไม่รุนแรง และอยู่ในระหว่างการพักฟื้นสังเกตุอาการ เพื่อรอ การพิจารณาจากแพทย์ให้กลับบ้าน จำนวน 9 นาย 

ส่วนผู้ป่วยที่เฝ้าระวัง จำนวน 5 นาย คณะแพทย์ได้ส่งการรักษาด้วย HYPERBARIC CHAMBER หรือ การบำบัดด้วยออกซิเจนความกดบรรยากาศสูง โดยในจำนวนนี้อยู่ ระหว่างการพิจารณาถอดเครื่องช่วยหายใจ 2 นาย   

ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอุบัติเหตุยังคงอยู่ในระหว่างการสอบสวน ของคณกรรมการซึ่ง ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้ พลเรือเอก ชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยต้นสังกัดและหน่วยเทคนิค เพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้น โดยให้รายงานผลให้ทราบภายใน 3 วัน ทั้งนี้กองทัพเรือจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบในโอกาสต่อไป

กระบี่ จัดขบวนช้าง 10 เชือก อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ ขึ้นประดิษฐานบนวิหาร วัดบางโทง

กระบี่ จัดริ้วขบวนช้าง 10 เชือก พร้อมนางรำกว่า 600 คน อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก ขึ้นประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ภายในวิหารมณฑป วัดมหาธาตุวชิรมงคล พร้อมเปิดให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะเป็นสิริมงคล 15-18 มีนาคมนี้ ขณะที่ พุทธศาสนิกชนต่างสวมใส่ชุดขาวจับจองพื้นที่กันเพื่อกราบสักการะอย่างเนืองแน่น

เทปโทรทัศน์ บรรยากาศที่วัดมหาธาตุวชิริมงคล อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ในวันนี้ได้จัดขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก อย่างยิ่งใหญ่ มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ภายในวิหารมณฑป วัดมหาธาตุวชิรมงคล เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีอัญเชิญ

สำหรับขบวนประกอบด้วย ขบวนช้าง 10 เชือก ขบวนนางรำกว่า 600 ชีวิต และขบวนธงชาติไทย ธงชาติอินเดีย ธงธรรมจักร ธงฉัพพรรณรังสี ขบวนรถบุษบกประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ และขบวนเฉลิมพระเกียรติฯ โดยได้เคลื่อนขบวนจากถนนทางหลวงหมายเลข 415 สายนาเหนือ - พนม ผ่านถนนทางเข้ามายังทางเข้าวัด เพื่ออัญเชิญขึ้นประดิษฐานสู่พระวิหารมณฑป
ให้ประชาชนได้สักการะ ระหว่างวันที่ 15-18 มีนาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น.ซึ่งเมื่อขบวนเข้ามายังภายในบริเวณวัดพุทธศาสนิกชนที่มารอต้อนรับได้กล่าว สาธุๆ พร้อมกัน ดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณวัด 

จากนั้น ขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ เคลื่อนถึงหน้าเจดีย์พุทธคยาและหยุดที่หน้าเจดีย์
ภัณฑารักษ์พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดีย คนที่ 1 ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมสัมพุทธเจ้า และภัณฑารักษ์พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดีย คนที่ 2 ได้อัญเชิญพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก ลงจากรถบุษบก เข้าสู่พระวิหารเพื่อประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ก่อนจะเปิดให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าสักการะในเวลา 12:00 น. ของวันนี้

ขณะที่ บรรยากาศโดยทั่วไปภายในวัดยังคงมีพุทธศาสนิกชนจาก 14 จังหวัดภาคใต้สวมใส่ชุดขาวหลั่งไหลเดินทางมาเพื่อร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุฯ และพระอรหันตธาตุ อย่างเนืองแน่น คุณลุงโอภาส คงคชวัน อายุ 81 ชาวอำเภอชัยบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เดินทางมาพร้อมกับนางอารีย์ ศิริรัตน์ อายุ 80 ปี และลูกๆหลานอีก 8 คน เล่าให้ฟังว่ารู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสมากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก ซึ่งหลังจากที่ทราบข่าวก็เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีแม้อายุมากแล้วแต่ก็ตื่นมาตั้งแต่ตีสองเพื่อเดินทางมาที่วัดบางโทงแห่งนี้ พร้อมทั้งกล่าว่า เกิดมาชาติหนึ่งต้องได้สักการะพระบรมสารีริกธาตุ เป็ญบุญยิ่งนักที่ท่านมาถึงบ้านเรา พุทธศาสนิกชนที่มาร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุฯ 2 คน

ทั้งนี้ การเข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ ทางจังหวัดกระบี่ จะเปิดให้พุทธศาสนิกชนเข้ากราบสักการะ ณ บริเวณพระวิหาร โดยจะจัดเตนท์ให้บริการประชาชน และเปิดให้ประชาชนสามารถเข้าไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุได้รอบละ 250 คน ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น. และในทุกๆ ช่วงเย็นเวลา 18.00 – 19.00 น. จะมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมสิริมงคลให้กับศาสนิกชนที่เข้ากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ซึ่งจะหยุดพักไม่อนุญาตให้ขึ้นสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุฯ บนพระวิหารแต่บริเวณเจดีย์พุทธคยาและภายในเจดีย์จะเปิดให้ประชาชนเข้าไปไหว้สักการะพระพุทธเมตตา และสักการะบูชาพระพุทธรูปบริเวณรอบๆ เจดีย์ได้ และจะปิดการเข้าสักการะในเวลา 20.00 น. และขอความร่วมมือประชาชนที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้แต่งกายด้วยชุดสุภาพ งดเว้นสีดำ โดยคาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมสักการะฯ ประมาณวันละ 100,000 คน นอกจากนี้ ในทุกๆ ช่วงค่ำตลอดระยะเวลา 15-18 มีนาคม 2567 จะมีการส่องไฟเสริมความสวยงามให้กับเจดีย์พุทธคยา อีกด้วย

ข้อมูลข่าว / ภาพ
มโนธรรม ใจหาญ กระบี่  รายงาน 

‘บิ๊กเต่า’ ไม่กังวลถูก ‘บิ๊กโจ๊ก’ ฟ้องหมิ่นประมาท เปรียบ!! รบกับพญามารต้องเจอแรงกระแทกอยู่แล้ว

(15 มี.ค.67) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงกรณีถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ฟ้องในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีให้สัมภาษณ์คดีเว็บพนันมินนี่ว่า ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร ปล่อยไปเป็นเรื่องปกติ เพราะเชื่อมั่นในความยุติธรรม และที่ผ่านมาตนเองให้สัมภาษณ์ในฐานะโฆษกของคณะทำงาน ซึ่งสิ่งที่พูดเป็นข้อเท็จจริง ไม่ได้มีการแต่งเติมเพื่อทำร้ายใครแต่อย่างใด และเป็นไปตามพยานหลักฐานทุกอย่าง และข้อมูลที่พูดไปเป็นข้อเท็จจริงรวม ๆ ไม่ได้มีการนำพยานหลักฐานในสำนวนมาเปิดเผย ไม่เหมือนกับเจ้าหน้าที่บางคนที่ชอบเอาหลักฐานในสำนวนมาเปิดรายวัน และมองว่าหลักฐานสำคัญทางคดีเป็นหลักฐานที่ควรเปิดในชั้นศาลเท่านั้น

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวถึงกรณีที่ทนายความของ พล.ต.อ สุรเชษฐ์ ออกมาเปิดเผยว่าหลังจากนี้จะมีการแฉข้อมูลเส้นทางการเงินซึ่งเชื่อมโยงไปถึงบิ๊กตำรวจใน สตช.ว่า อย่าขู่ รำคาญ ใครมีหลักฐานให้เอาออกมาเปิดเผย อย่าทำให้ตำรวจเสื่อมเสีย ใครหลักฐานชัดเจน ก็ต้องถูกดำเนินการอยู่แล้ว เพราะมีทั้งหน่วยงาน ปปป. และ ป.ป.ช. จัดการ และแม้ว่าจะเป็นตัวเอง ถ้ามีหลักฐานก็เอาออกมา หากผิดก็พร้อมติดคุก

"ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำคดีแล้ว ต้องทำให้ถึงที่สุด ไม่กังวลที่ถูกฟ้อง เพราะตอนแรกคิดว่าน่าจะโดนฟ้องเป็น 100 คดี แต่โดนแค่ 3-4 คดี ถือว่ายังน้อย ยืนยันว่าไม่ได้ท้าทาย เพราะรู้ว่าต้องรบกับใคร การรบกับพญามาร ก็ต้องเจอแรงกระแทกกลับมาเยอะเช่นกัน ส่วนจะฟ้องกลับหรือไม่ ยังคงเฉยๆ มองว่าเป็นเพียงเรื่องกวนใจ เหมือนแมลงหวี่แมลงวันมาตอมบ้าง ดังนั้นปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ชุดทำงานยังคงมีขวัญกำลังใจที่ดี" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้หลัง ผบ.ตร.ออกมาสั่งยุติการให้สัมภาษณ์รายวันโต้ตอบกัน ก็ทำให้ชุดทำคดีมีความมั่นใจมากขึ้นที่จะเดินหน้าทำความจริงให้ปรากฏต่อสังคม เพื่อกวาดบ้านตนเองให้สะอาด เพราะถ้าตำรวจไม่กล้าทำ ก็จะสร้างความเสื่อมเสียให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ้ากล้าทำความสะอาดก็ต้องเริ่มจากกล้ากวาดตัวใหญ่ๆ ก่อน แล้วตัวเล็กๆ ก็จะจัดระเบียบดีขึ้นเอง เพื่อให้รู้ว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเอาจริงเอาจัง

ผู้สื่อข่าวถามความคืบหน้าเรื่องคดีเว็บพนันมินนี่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ไม่ขอให้ความเห็น เนื่องจากอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. แล้ว หาก ป.ป.ช.มีข้อสงสัยก็จะประสานคณะทำงานเอง แต่หากตำรวจมีพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก็สามารถส่งหลักฐานให้คณะทำงานของ ป.ป.ช. เป็นผู้พิจารณาเพิ่มเติมได้ ส่วนคดีเว็บพนัน BNK Master ที่อยู่ในความดูแลของ สน.เตาปูน เป็นคนละชุดทำงาน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นผู้รับผิดชอบ ตนเองไม่ทราบรายละเอียดคดี รู้เพียงข้อมูลคร่าวๆ เท่านั้น ไม่ขอให้ความเห็นในเรื่องเส้นทางการเงินของคดีนี้ว่าเชื่อมโยงกันหรือไม่ รวมถึงประเด็นซื้อขายทองคำแท่ง

แต่พูดได้เพียงว่านักข่าวจะมีงานทำตลอดทั้งปี และยืนยันว่าคดีเว็บพนันมินนี่ และเว็บพนัน BNK เป็นคนละคดีกัน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังกล่าวถึงกรณี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ตนถูกฟ้องเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับ บช.ก. ว่า ที่ผ่านมาได้พูดคุยกันมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่ไปร่วมกับคณะทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่ง ผบช.ก.ก็มีความเป็นห่วงและได้ย้ำว่าให้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งที่ให้สัมภาษณ์มานั้น ตนเองก็ไม่ได้น้อยใจ เพราะเป็นนักรบ เมื่อไปรบในสงคราม ก็ย่อมได้รับบาดแผลบ้าง หากจะตายในสนามรบก็ยอมตาย เพราะเป็นตำรวจที่ทำไปตามหน้าที่ ส่วน ผบช.ก.ก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและตนเองไม่ได้ทำอะไรให้ทุกคนหนักใจ

เพจดังแฉ!! ‘ครูสาว’ โพสต์ขายคอร์สไปนิพพาน 25,000 บาท จบกิจหลุดพ้นเป็นอรหันต์ได้ พร้อมเคลมรู้สึกไม่จบ ยินดีคืนเงิน

(15 มี.ค. 67) เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์ เมื่อทวิตเตอร์ X ของ Red Skull โพสต์ข้อความตั้งคำถามถึง อาจารย์ท่านหนึ่งที่โพสต์เปิดคอร์สพิเศษผู้ที่เข้าเรียนสามารถจบมาเป็นอรหันต์ได้

โดย Red Skull เขียนข้อความ ระบุว่า “นิพพานง่ายๆ หยุดการเกิดดับในราคา 25,000 บาท คือไม่มีหน่วยงานไหนที่กำกับดูแลพวกแบบนี้จริงๆ เหรอ

ประเทศนี้แม่งแค่อุปโลกน์ตัวเป็นครูมีพลังวิเศษ ตั้งตนเป็นอาจารย์ หากินได้ง่ายๆ แล้ว ผ่อน 0% 10 เดือนได้อีกตะหาก อรหันต์แบบใด”

ทั้งนี้ ในโพสต์ของอาจารย์รายดังกล่าว เขียนเชิญชวนผู้ที่จะเข้าร่วมอบรม ความว่า…

“คอร์สพิเศษมีที่นี่ที่เดียว ดึงมะเร็ง ดึงตัวบันทึกกรรม และจบเป็นอรหันต์ ไม่มีตัวบันทึกกรรม ตัวบันทึกกรรม ให้ต้องเกิดคือตัวอวิชชา

คอร์สจบกิจหยุดการเกิด คอร์สนี้มาเพื่อคนที่ต้องการการหลุดพ้น เป็นอรหันต์ในเพศฆราวาส โดยไม่ต้องนั่งปฏิบัติเอง ตัวบันทึกกรรมจะถูกถอดถอนออกไป ผู้ลงคอร์สจะทราบถึงความเปลี่ยนแปลงภายในวันนั้นเลย

*ถ้าไม่รู้สึกว่าจบ ยินดีคืนเงิน
*เรื่องแบบนี้โกหกกันไม่ได้ มันเป็นเรื่องหลอกลวงประชาชน สามารถรูดบัตรเครดิต 0 เปอร์เซ็นต์นาน 10 เดือน
*ราคานี้เฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ 2567 นะคะ เดือนมีนาคมราคา 25,000 บาทนะคะ”

'เพจดัง' เอือม!! 'นักเคลื่อนไหว-ด้อมส้ม-ก้าวไกล' หลอกเสี้ยมไม่เลิก ดิสเครดิต!! 'ยูโทเปีย' ไม่เกี่ยวสังคมนิยม ใน '๒๔๗๕ รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ'

(15 มี.ค.67) จากเพจ ‘ปราชญ์ สามสี’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

“มีเรื่องให้สะสางกันอีกแล้วเรื่อง utopia... ทั้งๆ ที่มีงานวิจัยมากมาย ระบุชัดเจนว่า งานเขียน  utopia เมืองในอุดมคติของ thomas more เป็นรากฐานของระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ 

มีนักเคลื่อนไหว กลุ่มส้มก้าวไกลบางคนที่กลัวคนในเครือข่าย ‘รู้แจ้ง’ จึงหลอกเสี้ยมเรื่อง ยูโทเปียว่าไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องสังคมนิยม…

ข้าพเจ้าว่ามันตลกดีและดูถูกผู้ชมฐานเสียงของก้าวไกลเป็นอย่างมากเลยละครับ

เพราะหากใช้กูเกิ้ลเป็นเก่งอังกฤษหน่อยก็จะทราบเรื่องยูโทเปีย ว่าเป็นรากฐานสังคมนิยมได้โดยง่ายมากแค่ปลายคลิกครับ

ดิสเครดิต ...แบบนี้ กลายเป็นว่า ไปทำให้ฐานเสียงก้าวไกลดูแย่กว่าความเป็นจริงอีกครับ

สรุปสาระสำคัญ ประกาศกระทรวงพลังงาน ‘การแจ้งข้อมูลการนำเข้าและส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง’

น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นปัจจัยที่จำเป็นในการดำรงชีวิตของประชาชน และเป็นต้นทุนหลักของภาคธุรกิจในการประกอบกิจการ หากน้ำมันเชื้อเพลิงที่จำหน่ายภายในประเทศมีการค้ากำไรเกินสมควร มีปริมาณการจัดจำหน่ายไม่เพียงพอ หรือไม่ได้คุณภาพแล้ว จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งต่อประชาชน และเศรษฐกิจของประเทศ 

รัฐจึงจำเป็นต้องกำหนดนโยบายด้านการพลังงานให้เหมาะสมเพื่อเป็นหลักประกันให้น้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศมีราคาจำหน่ายที่ยุติธรรม มีปริมาณเพียงพอ และได้คุณภาพ แต่การที่รัฐจะสามารถกำหนดและดำเนินนโยบายด้านการพลังงานได้อย่างเหมาะสมนั้น จำเป็นที่รัฐจะต้องได้มาซึ่งข้อมูลราคาและข้อมูลอื่นที่เกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง 

กระทรวงพลังงานจึงจำเป็นต้องกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับการดำเนินการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการกำหนดนโยบายด้านการพลังงานของประเทศ อันจะเป็นประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของประเทศด้านเศรษฐกิจและความผาสุกของประชาชน

วันนี้ THE STATES TIMES ได้สรุปสาระสำคัญ ประกาศกระทรวงพลังงาน ‘การแจ้งข้อมูลการนำเข้าและส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง’ เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 67 หวังสะท้อนต้นทุนแท้จริง และ ราคาที่ยุติธรรม จะมีข้อกำหนดอะไรบ้าง มาดูกัน…

‘ไอติม’ แจง!! ปม ‘พิธา’ ลงเชียงใหม่ชน ‘ทักษิณ-เศรษฐา’ ยัน!! เป็นกำหนดการของพรรค ที่วางแผนล่วงหน้าไว้นานแล้ว

(15 มี.ค. 67) ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี ที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เตรียมลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่วันพรุ่งนี้ (16 มี.ค.) ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อยู่ในพื้นที่พอดีว่า เป็นแผนการดำเนินงานของพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับเรื่องไฟป่า ที่วางแผนล่วงหน้ามานานแล้ว เพราะเป็นการศึกษาผลกระทบที่มีต่อประชาชนในภาคเหนือ เพื่อหวังจะถอดบทเรียนในการนำเสนอนโยบาย และการแก้ไขปัญหา พร้อมยืนยันไม่ได้มีการจัดตารางลงพื้นที่ชนกันกับนายกรัฐมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่ามองภาพนายเศรษฐา นายทักษิณ และนายพิธา ลงพื้นที่พร้อมกัน ที่เหมือน 3 นายกฯ ในวันเดียวกันอย่างไร นายพริษฐ์ กล่าวว่า สิ่งที่พรรคก้าวไกลยึดถือมาตลอดคือยึดปัญหาประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะมีปัญหาของประชาชนเยอะมาก โดยเฉพาะปัญหาไฟป่า พร้อมย้ำว่าจะนำปัญหาดังกล่าวมาผลักดันโดยกลไกของสภา จึงไม่ได้เกี่ยวข้อง และไม่ได้ต้องการเปรียบเทียบแต่อย่างใด ซึ่งสิ่งที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ย้ำมาตลอด ว่าเราไม่ได้แข่งกับใคร แต่แข่งกับตัวเอง ในการทำหน้าที่ให้ดียิ่งขึ้นเพื่อรับใช้ประชาชน

ส่วนประชาชนที่อาจจะคิดว่าเป็นการเปรียบเทียบรัศมีนั้น ถือเป็นสิทธิของประชาชนที่จะวิเคราะห์ แต่ขอยืนยันต่อสาธารณะว่าพรรคก้าวไกลไปดำเนินการเรื่องไฟป่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลงพื้นที่ของใคร

เมื่อถามว่าเรื่องไฟป่าจะเป็นหนึ่งในประเด็นที่จะหยิบยกขึ้นมาอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า อาจจะเป็นหนึ่งในประเด็นการอภิปราย แต่ไม่สามารถยืนยันได้ เพราะขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการคัดเลือก สส. ไปอภิปรายว่าผ่านการคัดเลือกหรือไม่ และหัวข้ออะไร ทั้งนี้เชื่อว่าการอภิปรายครั้งนี้จะใช้เวลาอภิปราย ทั้ง 2 วันให้ครอบคลุมนโยบายสำคัญ ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม 

เมื่อถามว่าในฐานะฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ตรวจสอบมองหน่วยงานราชการที่เข้ารายงานนายทักษิณระหว่างลงพื้นที่เชียงใหม่อย่างไร นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ต้องให้รัฐบาลตอบว่า การดำเนินการทั้งหมด เป็นไปตามระเบียบราชการหรือไม่ ดังนั้น เรื่องความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมในการจัดสรรบุคลากรไปให้ข้อมูล จึงเป็นคำถามที่รัฐบาลควรตอบ

เมื่อถามถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ไปคอยให้การต้อนรับนายทักษิณ ที่เชียงใหม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนเห็น คำชี้แจงผ่านๆ ว่าไปภารกิจอื่น แต่หากประชาชนยังเคลือบแคลงสงสัย เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ต้องชี้แจงให้ประชาชนมั่นใจ ว่าไม่ได้มีการจัดสรรบุคลากรภาครัฐ ที่ไม่เหมาะสม แม้รัฐมนตรีจะอ้างว่าลางานไป แต่เป็นสิ่งที่จะต้องตอบ และสิ่งที่พรรคก้าวไกล เวลาเลือกจะไปจังหวัดไหนจะยืดปัญหาประชาชนเป็นที่ตั้ง เป็นมาตรฐานที่หวังว่า พรรคการเมืองอื่น ทุกพรรคจะนำไปใช้ 

นายพริษฐ์ ยังกล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ของพรรคก้าวไกลว่า เป็น 1 ใน 16 จังหวัด ที่พรรคก้าวไกลประกาศรับสมัคร นายก อบจ. ในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น เพื่อประชาสัมพันธ์ และเป็นแรงจูงใจ ให้คนมาสมัคร ส่วนจะส่งผู้สมัครครบทั้ง 16 จังหวัดหรือไม่ต้องรอผลการคัดเลือก เพราะจะเน้นผู้สมัครที่มีคุณภาพ ไม่ได้เน้นจำนวนเพียงอย่างเดียว เน้นบุคลากรที่เชื่อมั่นว่าจะชนะการเลือกตั้งด้วย

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ถ้าหากประชาชนสงสัยเรื่องมีนายกฯ หลายคน ก็เป็นสิ่งที่นายเศรษฐา จะต้องให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชน ว่าถึงแม้จะมีสิทธิปรึกษาใครหลายคน แต่การตัดสินใจทุกอย่าง จะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ส่วนการลงพื้นที่เชียงใหม่ของนายทักษิณ จะทำให้กระแสพรรคก้าวไกลลดลงหรือไม่นั้น พรรคก้าวไกลปีที่แล้วเป็นอย่างไรปีนี้ก็เป็นเช่นนั้น ใครที่เคยสนับสนุนพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้ง เราก็จะพยายามผลักดันอย่างเต็มที่ แม้จะไม่ได้เป็นรัฐบาล และหวังว่าการทำงานของก้าวไกล จะทำให้คนที่ยังไม่ตัดสินใจ เลือกเปิดใจมาให้โอกาสมากขึ้น

‘สส.อัครเดช’ ชม ‘พีระพันธุ์’ กล้าหาญบี้ผู้ค้าน้ำมันแจ้งต้นทุน ชี้!! ช่วยป้องกันค้ากำไรเกินควร-สร้างราคาเป็นธรรมให้ ปชช.

เมื่อวานนี้ (15 ม.ค. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์กรณี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ออกประกาศให้ผู้ค้าน้ำมัน หรือโรงกลั่นน้ำมัน ต้องแจ้งข้อมูลต้นทุนน้ำมัน เพื่อป้องกันการค้ากำไรเกินควร ว่า ถือเป็นความกล้าหาญของนายพีระพันธุ์ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐมนตรีคนใดกล้าทำเช่นนี้มาก่อน

ทั้งนี้ การออกประกาศกระทรวงพลังงานให้ผู้ค้าน้ำมัน ตามมาตรา 7 ต้องแจ้งต้นทุนนำเข้าของราคาน้ำมันที่แท้จริง เพราะว่าโรงกลั่นที่นำเข้าน้ำมัน เป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ทั้งน้ำมันดิบ หรือน้ำมันที่กลั่นแล้ว จะต้องแจ้งต้นทุนการนำเข้า ส่วนค่าดำเนินการในการกลั่นก็ต้องไปแจ้งต้นทุนการกลั่นกับกรมสรรพากร ทำให้ภาครัฐรู้ต้นทุนที่แท้จริงของโรงกลั่น ทำให้ภาครัฐรู้ว่าโรงกลั่นมีกำไรหรือค่าการกลั่นที่แท้จริงเท่าไรกันแน่

นอกจากนั้น ประโยชน์ที่จะได้ตามมาคือ ทำให้การจ่ายเงินชดเชยของกองทุนน้ำมันสามารถรู้ต้นทุนที่แท้จริง ทำให้กองทุนน้ำมัน สามารถจ่ายเงินชดเชยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการขาดทุนของกองทุนน้ำมันได้ ตรงนี้ถือเป็นประโยชน์ ต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชนอย่างมากที่นายพีระพันธุ์กล้าหาญทำเช่นนี้

"ที่ผ่านมาไม่มีรัฐมนตรีพลังงานคนไหนกล้าออกประกาศแบบนี้ อาจเป็นเพราะเกรงใจนายทุน แต่ รมว.พลังงานคนปัจจุบัน กล้าหาญที่จะทำ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมากในการรักษาผลประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน ตรงนี้เป็นการตอกย้ำสิ่งที่นายพีระพันธุ์กำลังทำคือ ‘รื้อ ลด ปลด สร้าง’ ตามนโยบายที่ประกาศไว้ เพื่อนำสิ่งที่ดีกว่ามาให้กับพี่น้องประชาชน และถือว่าเป็นสิ่งที่ทำได้จริง หลังจากนี้ก็จะมีการช่วยเหลือประชาชนทยอยออกมาเรื่อย ๆ ถือเป็นการปฏิวัติโครงสร้างราคาพลังงานครั้งใหญ่ของประเทศ" โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top