Monday, 19 May 2025
NewsFeed

ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2567

📌รางวัลที่ 1 : 997626
📌รางวัลเลขท้าย 2 ตัว : 78
📌รางวัลเลขหน้า 3 ตัว : 571 509
📌รางวัลเลขท้าย 3 ตัว : 794 329
📌รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1: 997625,997627
 
📌รางวัลที่ 2 : 485642,631001,897694,158908,485546
 
📌รางวัลที่ 3 :935199, 322578,669775,620048,826842
421546,105303,951264,238160,696050

📌รางวัลที่ 4: 758395,000341,531222,431579,382805
411596,246073,447454,535126,791580
657195,720975,434148,281788,118769
018003,363379,611287,236153,542218
667327,258455,716354,766185,323851
766682,990089,343639,835813,051048
186506,621447,836291,194519,429726
024292,511125,229005,465714,656833
830148,369148,381682,701512,082645
069735,636604,788574,582288,941507

📌รางวัลที่ 5: 897221,359981,281316,483750,790445
703954,941330,777286,834119,089496
256562,241656,726226,827733,733185
769325,793922,494870,123872,505629
952154,421006,208031,072364,229601
263497,074037,061993,366058,321698
528251,942827,074356,067668,615908
155537,414317,405975,763641,111550
638069,530904,349703,937154,075430
779987,843878,392798,257097,912304
894675,706515,427954,538263,979750
711328,981529,898338,803122,305480
754334,929805,613167,926111,384858
668676,779577,253377,712705,382576
197338,291923,580053,152229,250163
022080,372465,077241,351806,270058
341652,765794,346588,640404,950507
124680,554182,212559,570696,574568
001197,478627,007809,132215,512054
269609,943540,372430,259872,086935

ตร.ท่องเที่ยวลพบุรี ร่วมภาคีเครือข่าย ติดป้าย เตือนภัย-ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ชุมชน มีส่วนร่วม สร้างแหล่งท่องเที่ยว ที่ปลอดภัย

(16 มี.ค.67) สถานีตำรวจท่องเที่ยว 2 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 ลพบุรี ภายใต้การนำของ พ.ต.อ.แมน รถทอง ผกก.2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 พ.ต.ท.พัฒนพงศ์ ศิริเจริญนำ สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจท่องเที่ยวลพบุรี นำกำลังอาสาสมัครชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง หรือคณะทำงาน S.T.C. นายสถานีรถไฟลพบุรี ผู้นำชุมชนสวนราชา วินมอเตอร์ไซค์ในพื้นที่ ร่วมกันลงพื้นที่บริเวณโครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง S.T.C. พระนารายณ์ราชนิเวศน์ เพื่อดำเนินการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ และป้ายเตือนประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยวเพื่อการป้องกันเหตุ ที่บริเวณจุดบริการจอดรถของสถานีรถไฟลพบุรี

และติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ ศูนย์ประสาน ชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง (S.T.C.) ที่บริเวณร้านหนุ่มเกรสเฮ้าส์ ต.ท่าหิน อ.เมือง จว.ลพบุรี เพื่อใช้เป็นศูนย์ประสานงานชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็งพระนารายณ์ราชนิเวศน์

โดยวัตถุประสงค์ของโครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง ตามนโยบายของพล.ต.ท.ศักย์ศิลา เผือกอำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ที่ต้องการให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ ดูแลช่วยเหลือนักท่องเที่ยว สร้างแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัย โดยมีตำรวจท่องเที่ยวเป็นผู้ประสานงาน ซึ่งโครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง ได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 20 แห่ง ทั่วประเทศ ได้มีประชาชนและ ผู้ประกอบการในพื้นที่ให้ความสนใจและเข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร S.T.C. ได้มีประชุมภาคีเครือข่ายรับฟังปัญหาในชุมชนร่วมกันเพื่อนำไปแก้ไขตามความต้องการของชุมชนและนักท่องเที่ยว มีการอบรมให้ความรู้แก่อาสา S.T.C. เพื่อสร้างเครือข่ายอาสาสมัครที่มีจิตอาสาช่วยกันสอดส่องดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ตำรวจท่องเที่ยว ก็ได้ฝากประชาสัมพันธ์โครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง S.T.C. สำหรับท่านที่สนใจก็สามารถสมัครเข้าร่วมเป็น อาสาสมัคร S.T.C. ได้

ส่องระดับรายได้ 11 ชาติอาเซียน ประเทศไทยอยู่กลุ่มไหน?

สิงคโปร์มี GNI (Gross National Income) หรือ รายได้ประชาชาติ โดยมีรายได้ประชากรต่อหัวสูงที่สุด และมีรายได้สูงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้!!

ทั้งนี้ ธนาคารโลก ได้จัดหมวดหมู่เศรษฐกิจโลกออกเป็นสี่กลุ่มรายได้ ได้แก่ ต่ำ, กลางล่าง, กลางบน และสูง ซึ่งอัปเดตทุกปีในวันที่ 1 กรกฎาคม โดยอิงตาม GNI ต่อหัวของปีก่อน คิดเป็นดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการจัดประเภทรายได้ของธนาคารโลกมีจุดมุ่งหมายเพื่อสะท้อนระดับการพัฒนาของประเทศ โดยอาศัย GNI ต่อหัวเป็นตัวบ่งชี้ความสามารถทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ

จากผลการจัดประเภทรอบนี้ สิงคโปร์ และ บรูไน เป็นสองประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีรายได้สูงที่สุด ในขณะที่มาเลเซีย, ไทย และอินโดนีเซียอยู่ในกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง ขณะที่ประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เหลืออยู่จะถูกจัดในกลุ่มรายได้ปานกลางตอนล่าง

ไฟไหม้ คอนโดหรู 31 ชั้น นทท.แตกตื่น หนีตาย ก่อนจะคุมเพลิงไว้ได้ พบสาเหตุ เพลิงไหม้ มาจาก คอมเพรสเซอร์แอร์ ที่ชั้น 11

(16 มี.ค.67) เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้คอนโดหรู ริมถนนพัทยาสายสอง หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรีบส่งนักดับเพลิง รถดับเพลิง 3 คัน รถกระเช้า 1 คัน พร้อมด้วย หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯเมือง พัทยา รีบรุดไปทำการตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดหรู 31 ชั้น ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพัทยา ตรวจสอบเบื้องต้นพบกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาบริเวณระเบียงชั้นที่ 11 ทำให้ผู้ที่พักอยู่ในคอนโด รวมถึงชาวบ้านและนักท่องเที่ยวในละแวกดังกล่าว ต่างพากันแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เจ้าหน้าที่นักผจญเพลิงขึ้นไปใช้น้ำฉีดสกัดกั้นเพลิง เบื้องต้นพบว่าต้นเพลิงเกิดจากคอมเพรสเซอร์แอร์ ตั้งอยู่บริเวณนอกระเบียง ชั้น 11 โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้สำเร็จ

แม่บ้านของคอนโด เล่าว่า ภายในห้องดังกล่าวไม่มีผู้พักอาศัย โดยต้นเหตุเกิดจากคอมเพรสเซอร์แอร์ด้านนอกระเบียง ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงระเบิด ก่อนจะมีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมา จึงรีบประสานเจ้าหน้าที่เข้ามาทำการดับเพลิงดังกล่าว

ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พร้อมทั้งจะประสานตำรวจกองวิทยาการเข้ามาทำการตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้เพิ่มเติมต่อไป

‘คิม จองอึน’ เป็นปลื้ม การฝึกซ้อมของทหารพลร่ม เน้น ปรับปรุงข้อด้อย เพื่อเตรียมพร้อม ในสงครามที่อาจเกิดขึ้น

(16 มี.ค.67) เอเอฟพี รายงานว่า นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ เดินทางไปควบคุมการฝึกซ้อมพลร่มเพื่อแสดงศักยภาพทางทหารของกองทัพเกาหลีเหนือว่าสามารถยึดครอง 'ภูมิภาคที่เป็นศัตรู' ได้อย่างรวดเร็ว

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังการซ้อมรบร่วมประจำปีฟรีดอม ชิลด์ ระหว่างกองทัพสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ครั้งล่าสุดสิ้นสุดลงเมื่อ 13 มี.ค. โดยนายคิมเพิ่งเดินทางไปดูการฝึกซ้อมรถถังหลักรุ่นใหม่และการซ้อมยิงปืนใหญ่ด้วยกระสุนจริงในช่วง 10 วันที่ผ่านมา

เกาหลีเหนือมีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อการซ้อมรบร่วมทางอากาศของสองชาติพันธมิตรซึ่งผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่าเพราะกองทัพอากาศเกาหลีเหนือถือเป็นจุดอ่อนที่สุดในเหล่าทัพทั้งหมด และการบัญชาการการซ้อมพลร่มมีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบความพร้อมของทหารพลร่มในการระดมพลสำหรับปฏิบัติการใด ๆ ในสถานการณ์สงครามที่อาจเกิดขึ้น

นายคิมย้ำถึงความสำคัญของการประยุกต์ใช้การฝึกอบรมที่สมจริงและเป็นวิทยาศาสตร์เพื่อบรรลุประสิทธิภาพการต่อสู้สูงสุดในสมรภูมิรบจริงตาม

สื่อทางการยังระบุด้วยว่านายคิมพึงพอใจอย่างยิ่งกับการฝึกซ้อมของทหารพลร่มที่มีความสามารถในการรบที่สมบูรณ์แบบจากการยึดเป้าหมายของศัตรูในการจำลองสถานการณ์รบทันทีที่ได้รับคำสั่ง

ก.ต่างประเทศ จัดกิจกรรม ‘เชฟตัวน้อยหัวใจใหญ่ เปิดโลกเชฟ’ เพื่อเสริมสร้างความรู้ เสน่ห์-ศาสตร์ การปรุงอาหารไทย

(16 มี.ค.67) กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับ The Food School Bangkok วิทยาลัยเทคโนโลยีครัววันดี สถาบันการอาหารไทย (TCA) ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถานเอกอัครราชทูตเบลเยียมประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) 'Little Chefs, Big Hearts - เชฟตัวน้อยหัวใจใหญ่ เปิดโลกเชฟ' แก่เยาวชนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยร่วมมือกับสมาคมเด็กและเยาวชนเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ (กลุ่มลูกเหรียง) ซึ่งเป็นเยาวชนไทยพุทธและไทยมุสลิมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ เสน่ห์และศาสตร์การปรุงอาหารไทยและอาหารนานาชาติ ตลอดจนเสริมสร้างโอกาสในการก้าวสู่สายวิชาชีพอาหารและการเป็นเชฟในระดับสากล

กิจกรรมในโครงการประกอบด้วยการฝึกปฏิบัติผ่านการถ่ายทอดทักษะและเทคนิคการปรุงอาหาร โดยนางสาวปิยภาณี โฉมงาม และนายลิขิต แสนบุญครอง เชฟจาก The Food School Bangkok นางชวนชม สงเคราะห์พันธุ์ นางสาวจุฑาภรณ์ ชะมด และนางวิภาทัย สินสุกิจ เชฟอาหารไทยจากวิทยาลัยเทคโนโลยีครัววันดี นาย Marco Avesani เชฟชาวอิตาเลียนจากร้าน La Bottega ซึ่งแนะนำโดยสถานเอกอัครราชทูตอิตาลี การบรรยายและแลกเปลี่ยนความรู้จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิเกี่ยวกับการจัดการสุขาภิบาลอาหารเบื้องต้น และการจัดเตรียมวัตถุดิบและการประกอบอาหารฮาลาล โดย ดร. อาณัฐ เด่นยิ่งโยชน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และแนวทางการออกแบบเมนูอาหารไทยสู่สากล โดยนายชุมพล แจ้งไพร (เชฟชุมพล) จากสถาบันการอาหารไทย (TCA) การรับฟังเส้นทางอาชีพซึ่งจะช่วยเสริมทักษะและสร้างแรงบันดาลใจในการก้าวสู่การเป็นเชฟในอนาคตจากนางสาวศุภกร ขำศรีเมฆ ที่ได้เคยทำงานเป็นเชฟให้แก่เอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ รวมทั้งได้เข้าเยี่ยมคารวะนาง Sibille de Cartier d’Yves เอกอัครราชทูตเบลเยียมประจำประเทศไทย ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตฯ และร่วมกิจกรรมสาธิตการทำไอศกรีมและวอฟเฟิลต้นตำรับจากเบลเยียม และได้แลกเปลี่ยนรับฟังประสบการณ์การทำงานจากเชฟชาวไทย ผู้ดูแลทำเนียบ และเลขานุการเอกอัครราชทูตเบลเยียมด้วย

กิจกรรมสุดท้ายของโครงการ เยาวชนกลุ่มลูกเหรียงได้มีโอกาสปรุงอาหารสำหรับการจัดเลี้ยงคณะทูตต่างประเทศ ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และสื่อมวลชน โดยได้ใช้วัตถุดิบพื้นถิ่นภาคใต้นำเสนอในรูปแบบสร้างสรรค์ อาทิ ข้าวยำบก แตงโมและมะม่วงปลากุเลาแห้ง ตูปะชูตง หอยกอและ สะเต๊ะไก่เบตงขนมปังย่าง และซอสแกงถั่ว ไก่ย่างและปลากุเลากรอบเสิร์ฟพร้อมแกงจอแหร้ง กรานิต้ามะม่วงเบากับมะม่วงเบาเชื่อม และเฉาก๊วยชาชักมะพร้าวอ่อน เพื่อแสดงศักยภาพและยกระดับอาหารท้องถิ่น

โครงการ 'Little Chefs, Big Hearts - เชฟตัวน้อยหัวใจใหญ่ เปิดโลกเชฟ' เป็นการดำเนินการทูตสาธารณะ โดยใช้การทูตวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชนและช่วยพัฒนาทักษะและนำเสนอศักยภาพของเยาวชนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางขึ้น ซึ่งจะสามารถสร้างโอกาสและเปิดโลกให้แก่เยาวชนไทย เพื่อนำไปต่อยอดในการประกอบอาชีพ รวมทั้งเกื้อหนุนต่อการพัฒนาสังคมในจังหวัดชายแดนใต้ต่อไปด้วย

ชาวเน็ตชื่นชม ‘แท็กซี่’ แปะข้อความไว้ข้างรถ ไม่ต้องถาม ไปทุกที่ โดยส่วนมาก ชอบปฏิเสธคนไทย เน้นรับต่างชาติ เพราะหลอกง่ายกว่า

(14 มี.ค.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Mod Dang' ได้โพสต์เรื่องราวน่าสนใจลงในกลุ่ม 'รวมพลคนขับแท็กซี่' โดยเป็นภาพของรถแท็กซี่คันหนึ่ง ที่มีข้อความติดอยู่บริเวณกระจกของคนนั่งข้างคนขับ ที่ได้ระบุข้อความว่า "ไม่ต้องถาม ไปทุกที่ โอนจ่ายได้" ซึ่ง ทำให้ได้รับคำชื่นชมจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก เนื่องจากในปัจจุบันแท็กซี่จำนวนมากมักจะปฏิเสธผู้โดยสารคนไทย จะเน้นรับแต่ต่างชาติ เพราะหลอกง่ายกว่าคนไทยเรื่องไม่กดมิเตอร์ จนทำให้การท่องเที่ยวของประเทศเสียหายไปช่วงหนึ่ง

ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกสู่โลกโซเชียลแล้วกว่า 3 พันครั้ง พร้อมกับคอมเมนต์ชื่นชมแท็กซี่คันนี้เป็นจำนวนมาก บ้างก็บอกว่า หายากแล้วแท็กซี่แบบนี้ , ขอให้เจริญๆ , แบบอย่างที่ดี , คนที่สังคมต้องการ บ้างก็เตือนให้เพิ่มความระมัดระวังมิจฉาชีพ หรือ ลูกค้าจะลวงไปปล้น

‘พี่กลาง’ มาเฉลยให้ฟัง  ถึงระบบสมอง ของมนุษย์ เชื่อหรือไม่ ที่แท้ ‘ผ้าเน่า’ ไม่เคยหายไปไหน แต่ย้ายไปอยู่ในหัวของเรา

เมื่อวานนี้ (16 มี.ค.67) ผู้เล่นTikTok ที่ชื่อว่า “d_klang พี่กลาง หอสมุดแห่งชาติ” ได้โพสต์คลิป เล่าถึงระบบสมองของมนุษย์ โดยมีใจความว่า ...

ทำไมเด็กต้องติดผ้าเน่า เห็นเก่ายังไงก็รัก ห้ามเอาไปซัก ด้วยนะ แล้วมันก็ไม่ได้เป็นแค่เฉพาะเด็กไทยเท่านั้น เด็กทั่วโลกก็ติดกันหมด แสดงว่าอันนี้ไม่ใช่วัฒนธรรมของชาติเราแต่มนุษย์เรา โดนวิวัฒนาการมาให้ติดของเน่าอย่างนั้นหรือ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น 

ที่มันเป็นอย่างนี้ ก็เพราะว่า คนเราตอนเด็กๆ ดูแลตัวเองไม่ได้ แต่พอโตขึ้นมา ต้องดูแลตัวเองให้ได้ ดูแลตัวเองไม่ได้ทำอย่างไร ก็ต้องอยู่กับพ่อแม่ จะได้มีบ้านอยู่ จะได้มีของกิน

แล้วเพื่อให้โตขึ้นไปแล้วสามารถอยู่ให้ได้ด้วยตัวเองได้เนี่ย ธรรมชาติก็ได้สร้างอีกสิ่งอย่างหนึ่งให้กับสิ่งมีชีวิตที่เป็น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกตัว นั่นก็คือการเล่น หมา แมว ช้างลิง เสือ ตอนเด็กๆมันก็เล่นหมด เพราะการเล่นมันก็คือการสำรวจโลกกว้าง อารมณ์เหมือนตอนเราเล่นทำกับข้าว เล่นกันเป็นผัวเมีย กันในวัยเด็ก อย่างนั้นแหละ 

ที่นี้เนี่ย การเล่นแบบสำรวจโลกกว้าง กับการอยู่กับพ่อแม่เนี่ย มันจะตรงข้ามกัน คือการเล่นสำรวจโลกกว้างอย่างเดียวเลยเนี่ย เราก็จะไม่มีอะไรกิน แต่ถ้าเราไป อยู่กับพ่อแม่อย่างเดียว โตขึ้นเราก็จะทำอะไรเองไม่เป็น ธรรมชาติก็เลยจัด Balance 2 สิ่งนี้ให้ เกิดเป็นความคิดระบบฐานที่มั่นขึ้นมานั่นก็คือพ่อแม่ เอาไว้สร้างความอุ่นใจ สร้างความมั่นใจ ถ้ารู้สึกว่ามั่นใจ มั่นคงแล้ว ก็ออกมาสำรวจโลก แต่ถ้ารู้สึกว่าแบตหมด ก็กลับมาที่ ฐานที่มั่นนั้น มันก็จะเป็นแบบนี้

รู้สึกไหมว่า มันขัดกับความเชื่อแบบโบราณ ที่ว่า เลี้ยงลูกดีเกิน เอาใจใส่ลูกมากเกิน ลูกจะทำอะไรไม่เป็น จริงๆแล้วมันตรงกันข้าม การเลี้ยงเขาดีๆทำให้เขารู้สึกมีความปลอดภัยแล้วเขาก็จะออกไปท่องโลกกว้าง ได้ดีมากขึ้น การเลี้ยงลูกแบบปล่อยปละละเลยนี่แหละทำให้รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย เมื่อลูกรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ส่งผลถึงการออกไปเล่นของเขา ส่งผลถึงอนาคตของเขา จริงๆเรื่องนี้ก็อธิบายเป็นพฤติกรรมได้เมื่อเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ บางคนโตไปชอบบังคับแฟน ชอบทำร้ายแฟน แต่บางคนเป็นคนที่นิสัยใจดี มีเมตตา

การที่ลูกนั้นมีฐานที่มั่นอยู่ที่พ่อแม่ มันก็จะมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคือ เด็กๆก็จะสำรวจโลกได้แคบ เมื่อเขาโตขึ้น สมองมีการพัฒนามากขึ้น เขาก็จะย้ายฐานความคิด ฐานที่มั่นออกจากพ่อแม่ไปอยู่กับ อะไรที่มันนิ่มๆเหมือนกับอ้อมกอดของพ่อแม่นั่นก็คือ น้องผ้าเน่านี่เอง เป็นฐานที่มั่นที่สามารถพกพาไปได้ด้วย ทำให้สามารถสำรวจโลกกว้างได้มากขึ้น แล้วพอเมื่อโตขึ้นมาอีก ก็จะย้ายฐานที่มั่นจากไอ้น้องผ้าเน่านี่ มาอยู่ในสมอง แล้วเขาก็จะสามารถเติบโตได้อย่างมีอิสระ

ที่นี้มีอยู่เรื่องนึงน่าสนใจมาก ระบบฐานที่มั่น ไม่เคยออกไปจาก ระบบสมองของพวกเราเลย เวลาที่เรา อกหัก เวลาที่เราสอบตก เวลาที่เราโดนเจ้านายด่า เวลาที่เราโดนไล่ออกจากงาน เราทำอะไร เราโทรหาพ่อแม่ บางคนกลับ ไปต่างจังหวัด หรือไปอยู่ในบ้านที่เราเคยอยู่เมื่อตอนเด็กๆ บางคนก็หยิบรูปของครอบครัว สมัยเก่าๆ ขึ้นมาดูแล้วก็ร้องไห้ นี่แหละ คือระบบฐานที่มั่น มันไม่เคยหาย ไปไหนเลยมันฝังอยู่ในหัวสมองของพวกเราตลอดเวลา

ตามติด 6 เดือน 'รมว.ปุ้ย' ใต้ภารกิจพาอุตสาหกรรมไทยโตรอบทิศ 'ปูพรม EEC-ระบบนิเวศสีเขียว-EV-เงินทุนคนตัวเล็ก-ฮาลาล-ปุ๋ยโปแตซ'

(15 มี.ค.67) รัฐบาลได้ทำงานมาครบ 6 เดือน โดยกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม และการพัฒนาผู้ประกอบการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันต่อการค้าโลก ซึ่งภาคอุตสาหกรรมกำลังเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และผลผลิตอุตสาหกรรมของไทยที่ลดลงต่อเนื่อง

น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์พิเศษ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า จากการปรับเปลี่ยนของกติกาโลก โดยเฉพาะมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM) และการลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งกระทรวงพลังงาน มีนโยบาย Green Energy และกระทรวงอุตสาหกรรมมีนโยบาย Green Industries สอดรับกัน

ทั้งนี้ นโยบายอุตสาหกรรมจะต้องสนับสนุน Green Productivity เพื่อตอบโจทย์กติกาการค้าโลก ซึ่งรวมถึงใช้พลังงานสะอาด เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างบรรยากาศการลงทุน และเน้นย้ำการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน อาทิ

1.การจัดหาไฟฟ้าสีเขียวด้วยกระบวนการรับรองอย่างมีมาตรฐานและมีปริมาณเพียงพอ รองรับความต้องการพลังงานสะอาดของภาคอุตสาหกรรม โดยมีนโยบายส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการและภาคอุตสาหกรรมไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0 ตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG และภายใต้โครงการไฟฟ้าสีเขียว หรือ UGT (Utility Green Tariff) จะยกระดับอุตสาหกรรมรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียวเพิ่มขึ้น

ปลดล็อคอุปสรรคผลิตไฟดซลาร์เซลล์

2.ประสานภาคเอกชน อาทิ ภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ ภาคอสังหาริมทรัพย์ ภาคศูนย์การค้า ภาคโรงแรม และภาคบริการ พบว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดด เพราะราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้นทำให้มีผู้ประกอบการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ กฎหมายโรงงานกำหนดให้การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปกำลังผลิตเกิน 1 เมกะวัตต์ ต้องขอใบอนุญาตโรงงาน (รง.4) ซึ่งเร่งแก้กฎกระทรวงเพราะเทคโนโลยีพัฒนาไปเร็วทำให้ผลิตไฟฟ้าได้ปริมาณมาก หรือพื้นที่ติดตั้งลดลงถึง 2.7 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2557 และลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 500 tCO2/เมกะวัตต์/ปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 62,500 ต้น 

3.การส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เริ่มสนับสนุนมาตรการ EV3.0 และเพิ่มเป็นมาตรการ EV3.5 ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ส่งเสริมการลงทุน EV ประมาณ 40,000 ล้านบาท และปี 2567 มีหลายบริษัทเริ่มการผลิตในไทย

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะกลับมาเป็นเสือที่ตื่นและผงาดอยู่ในท็อป 10 ของผู้ผลิตยานยนต์และ EV ของโลก ซึ่งปัจจุบันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก โดยอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยต้องปรับสู่การผลิตยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อให้สอดคล้องทิศทางตลาดโลก

"นายกฯ ตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นฐานการผลิต EV และชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก ตามนโยบาย 30@30 ซึ่งเดิมไทยเป็นศูนย์กลางส่งออกรถพวงมาลัยขวาต้องอยู่ได้ พร้อมปรับผู้ผลิตชิ้นส่วนรถสันดาปเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องมือแพทย์ ยุทโธปกรณ์”

เติมทุนคู่พัฒนายกระดับ ‘เอสเอ็มอี’

น.ส.พิมพ์ภัทรา กล่าวว่า การดูแลเอสเอ็มอีซึ่งมีจำนวน 95% ของวิสาหกิจทั้งหมด ส่วนใหญ่ต้องการเงินทุนแต่มีความเสี่ยงสูงที่จะไม่รอด จึงต้องเติมทุนคู่พัฒนาเอสเอ็มอีทุกระดับ ทั้งรายที่อ่อนแอและมีความเข้มแข็ง

“ปัจจุบันมีหน่วยงานจำนวนมากมีบทบาทช่วยเหลือเอสเอ็มอีทั้งภาคการผลิต การค้า และบริการ จะช่วยดูข้อมูลอุตสาหกรรมโลกว่าเทรนด์โลกไปถึงไหน และแจ้งผู้ประกอบการทุก 3 เดือน เพื่อตรวจสอบว่ากิจการที่ทำอยู่ไปต่อได้หรือไม่ และจะเข้าไปสนับสนุนอย่างไร”

นอกจากนี้ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ส่วนกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มีโครงการติดปีกให้เอสเอ็มอี ในขณะที่บริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ช่วยค้ำประกันเงินกู้ รวมถึงกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ (กอป.) ช่วยเหลือสินเชื่อเพื่อเพิ่มศักยภาพ และเงินทุนหมุนเวียนเสริมสภาพคล่อง

"ปีงบประมาณ 2567 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมีเป้าหมายส่งเสริมผู้ประกอบการ 18,400 ราย สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท ภายใต้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท ยอมรับว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอน่าเป็นห่วงเพราะเทรนด์ที่เปลี่ยนไป ส่วนดาวรุ่ง คือ อุตสาหกรรมชิปที่เป็นเทรนด์อนาคต”

นายกฯ อยากเห็นปุ๋ยถุงแรกผลิตที่ไทย

สำหรับการลงทุนเหมืองแร่โปแตชในปัจจุบันออกประทานบัตร 3 เหมือง ได้แก่ บริษัท 1.บริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน)  จ.ชัยภูมิ 2.บริษัท ไทยคาลิ จำกัด จ.นครราชสีมา 3.บริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด จ.อุดรธานี 

ทั้งนี้มีปริมาณการผลิตรวมกัน 3 ล้านตันต่อปี ซึ่งหากดึงโปแตชมาทำปุ๋ยได้สำเร็จจะสร้างรายได้ให้ประเทศ โดยช่วงสงครามรัสเซีย-ยูเครนทำให้ราคาแพงมาก ซึ่งปริมาณโปแตชทั้ง 3 เหมือง เพียงพอต่อการใช้ในประเทศและส่งออก และช่วยความมั่นคงว่าจะมีปุ๋ยใช้ในราคาไม่แพง

นอกจากนี้ ผู้รับประทานบัตรมีปัญหาสภาพคล่องหรือบางบริษัทมีปัญหาเงินทุน ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมต้องหาทางให้เดินหน้าต่อ ซึ่งได้เชิญทั้ง 3 บริษัทมาร่วมความคืบหน้า และนายกรัฐมนตรีต้องการเห็นปุ๋ยกระสอบแรกที่ผลิตจากไทย ซึ่งมีนักลงทุนต่างชาติสนใจแต่ต้องศึกษากฎหมายอย่างรอบคอบ โดยแนวโน้มโครงการเป็นไปได้ดีจากการที่นายกฯ เดินทางไปดูเหมือง และเดินทางไปต่างประเทศได้หานักลงทุนที่ไหนสนใจ

ลุยแก้ปัญหา ‘ผังเมือง’ หนุนการลงทุน

สำหรับกฎหมายผังเมืองถือเป็นอุปสรรคในบางพื้นที่ โดยพื้นที่ไหนอยากให้นักลงทุนเข้ามา เช่น เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยพื้นที่เดิมที่จะมีประเด็นที่ต้องปรับแก้ แต่รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับ EEC จึงต้องหาทางสนับสนุนทุกด้าน รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้หารือกับบริษัทระดับโลกหลายแห่งที่สนใจมาลงทุนในประเทศไทย แต่ติดขัดปัญหาผังเมืองจึงได้ให้กระทรวงอุตสาหกรรมมาหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางแก้ปัญหา

ดันยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมฮาลาล

รวมทั้งกระทรวงอุตสาหกรรมมีแผนยกระดับอุตสาหกรรมอุตสาหกรรมฮาลาล ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เห็นโอกาสจากการเติบโตในตลาดโลกที่มีมูลค่าสูงถึง 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี แต่ประเทศไทยส่งออกได้เพียงปีละเพียงแค่ 2.7% ของตลาดโลกเท่านั้น ขณะที่ศักยภาพของทรัพยากรของไทยยังมีโอกาสสูง

ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมได้นำเสนอ ครม.โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีระบุว่ารัฐบาลเห็นความสำคัญอาหารฮาลาลเพราะส่งออกไปตลาดที่มีชาวมุสลิมอาศัยหนาแน่น เช่น แอฟริกา ตะวันออกกลางดังนั้น จึงควรยกระดับความสำคัญอุตสาหกรรมฮาลาลซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ศึกษาข้อมูลพบว่ามีไม่น้อยกว่า 8 หน่วยงานที่ทำงานแยกกันอยู่จึงควรรวมที่เดียวกัน

ทั้งนี้ ล่าสุดได้ส่งเสริมการผลิตอาหารฮาลาล โดยเบื้องต้นกำหนดใช้พื้นที่สถาบันอาหารในระยะเริ่มต้นดำเนินการ และเสนอของบประมาณดำเนินการ 630 ล้านบาท

สำหรับการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศมุสลิมในฐานะผู้บริโภค สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) เตรียมจัดงาน Thailand International Halal Expo 2024 เพื่อเชื่อมโยงตลาดสินค้าฮาลาลทั่วโลก และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศจำนวน 57 ประเทศ ซึ่งจะมีเวทีสำหรับการจับคู่ธุรกิจกระตุ้นการลงทุนจากประเทศมุสลิมในอนาคต

“อุตสาหกรรมฮาลาลเรามีต้นทุน เมื่อก่อนไทยเป็นครัวของโลก คำว่าครัวของโลกต้องเป็นครัวของโลกจริงๆ เพื่อเพิ่มรายได้ผู้ประกอบการล่าสุดมีผู้ประกอบการญี่ปุ่นสนใจมาตั้งโรงงานเพื่อจะประทับตราฮาลาลที่ไทยเพื่อส่งออกอาหารญี่ปุ่น เพราะเขามั่นใจว่าเรามีต้นทุนที่ดี รวมถึงคุณภาพของวัตถุดิบด้วย”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top