Monday, 19 May 2025
NewsFeed

‘แน็ก ชาลี’ ควง ‘กามิน’ ออกงานคู่กัน เป็นครั้งแรก  แฮปปี้ ทั้งเรื่องงาน-เรื่องหัวใจ จีบไปด้วย โกยเงินไปด้วย 

เมื่อวานนี้ (16 มี.ค.67) ออกงานคู่กันอีเวนต์แรก ก็แตกกระจาย เลยทีเดียว ‘แน็ก ชาลี ไตรรัตน์’ ควงแขน ‘กามิน’ มาร่วมงานเปิดตัว Eucerrin Pro Acne Sulution SOS Serum กลางสยาม วัน โดยทั้งคู่ได้หยอดกันต่อหน้าสื่อ ทำเอากรี๊ดกันไปหลายตลบ เพราะน่ารักไม่แผ่ว ซึ่งสาวกามินก็เผยว่าดีใจมากที่ได้มางานในวันนี้ ก่อนมางานก็ดูดวงมาแล้ว ว่าต้องมาทำงานที่เมืองไทย

กามิน : “ดีใจมากๆ ที่ได้มาร่วมงานอีเวนต์ใหญ่ขนาดนี้ รู้สึกขอบคุณชาลีมากๆ ที่ช่วยให้ได้มาร่วมงานครั้งนี้และขอบคุณแฟนทุกๆ คนค่ะ (โชว์พูดภาษาไทยว่า หิวมากๆ ฉันอยากกินไก่ สนุกๆ ตลกๆ หิวจะตายอยู่แล้ว) ชาลีและแฟนคลับเป็นคนสอน”

แน็ก : “เขาเรียนรู้เองด้วย เขาอยากขอบคุณคนไทยหลายๆ คน เขาเลยอยากเรียนรู้ภาษาไทยมากขึ้น จริงๆ ทุกวันเขาพยายามให้คนใกล้ตัวเขาสอนภาษาไทยเยอะๆเพราะตอนนี้เขามาทำงานที่ไทยแล้วก็อยากทำงานให้เต็มที่ เพื่อขอบคุณทุกคนจริงๆด้วย”

กามิน : “ขอบคุณแฟนๆ ที่สนับสนุนมาตั้งแต่ต้นจนจบเลยจริงๆ ก่อนหน้านี้เคยดูดวง เขาบอกว่าจะได้มาทำงานในไทย ดีใจมากๆ ที่เป็นจริงขึ้นมา ขอบคุณทุกคนมากๆ”

แน็ก : “ผมขอบคุณที่ทุกคนน่ารักกับผมมากันตลอด และผมก็ดีใจมากๆ ที่ได้พาเขามายืนด้วยกันตรงนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วก่อนหน้านี้มันแทบจะเป็นความจริงไม่ได้ แต่เรามาทำกันมาจนถึงจุดนี้ ขอบคุณทุกคนที่มาในวันนี้ ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่เป็นกำลังใจให้เราตั้งแต่วันแรก ผมดีใจมากเขาเองก็ดีใจมากๆ

ดีใจที่ทุกคนมา อีกอย่างมันเป็นความน่ารักของเขาด้วย ที่ทำให้ทุกคนยังอยู่กับเขาได้นาน ขอให้เขาน่ารักแบบนี้นานๆตลอดไป ผมว่าวันนี้เขาตื่นเต้น เห็นเขานิ่งเขาตื่นเต้นบวกกับอากาศวันนี้ที่ร้อน แต่ก็ต้องขอบคุณงานนี้จริงๆ ที่ให้โอกาสเราสองคน อยากให้ทุกคนรักเขาให้ได้มากที่สุด วันนี้ผมดูเก๊กไปหน่อยใช่ไหมครับ อยู่กับสาวก็อย่างนี้แหละต้องนิ่งไว้ก่อน”
อยากทำเพลงให้กามิน

แน็ก : “ผมอยากทำเพลงให้เขาหลายเพลง เป็นเพลงที่เราทำให้เขาจริงๆ และยกให้เขาไปเลย ตอนนี้ก็ดูอยู่ว่าเขาอยากทำเพลงแนวน่ารักๆ เพราะเขาชอบร้องเพลงและเล่นดนตรีได้หลายอย่างด้วยการแสดงก็เก่งมากๆ ด้วย เวลามาทำงานก็ทำให้ งานง่ายมากขึ้นด้วย (ขอแต่งหรือขอเป็นแฟน?) ขอแต่งให้กันดีๆ ก่อน (หัวเราะ) เรื่องมาร่วมงานกันที่เมืองไทย ผมก็คิด ผมก็จะพูดตลอด ผมจะเป็นคนที่คิดไว้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ตัวผมก็อาจจะรู้ก่อน เราตั้งใจในการทำบางสิ่งมากเราใช้ความจริงใจเข้าไป เต็มๆ ร้อยด้วย กับอะไรหลายๆ อย่าง แต่ก็จุดจบมันก็คือมีความสุขมาก ได้มายืนอยู่ตรงนี้ด้วยกัน”

กามินรับแน็ก สเปก

กามิน : “ใช่ (นักข่าวถามวาดูดวงว่าจะได้ทำงานที่ไทยแล้วดูดวงไหมจะมีแฟนเป็นคนไทย?) อาจจะ (ชาลี?) (หัวเราะ)”

แน็ก : “เรื่องดวงสมพงศ์กัน ก็สาธุ ปล่อยให้มันเป็นไปตามสิ่งที่มันจะเกิดขึ้น ผมไม่ต้องเช็กดวง ก็รอดู เราก็พยายามทำตัวให้มันดีขึ้นๆ หลายๆ อย่าง ก็อยู่ด้วยกันให้ทำงานมีความสุขพยายามทำให้ดีที่สุด เขาเป็นคนที่ง่ายๆ สบายๆ ที่แบบดีใจมาก”

ทำคะแนนอยู่ทุกวัน

แน็ก : “ใช่ครับ ทำอยู่ ตลอดเวลา ถามว่าเขาให้ผ่านไหม ก็คือจริงๆ หลายคนจะต้องทำความเข้าใจ ความเป็นจริงเรื่องหนึ่งนะ เขาก็พยายามเอ็นเตอร์เทน ให้ทุกคนมีความสุข”

ยิ่งทำงานด้วยกัน ยิ่งมีความสุข และใกล้ชิดกันมากๆ หาวิธีเนียนๆ ใกล้ชิดกัน
แน็ก : ”ส่วนตัวผมก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว แค่ว่าผมอยากแสดงมุมไหนให้เพื่อนๆ ได้เห็น แต่ก็ดีใจที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ อีกมากมาย ต้องขอบคุณมากๆ ผมเป็นคนที่เวลาโชคดีก็จะโชคดีมากๆ เวลาโชคร้ายก็โชคร้าย แต่โชคดีมากกว่า เวลามีความรัก มีความรู้สึกดีเรื่องความรัก ทุกคนน่ารักมาก เปิดใจให้ผม และรอดูไปด้วยกัน เราก็มีถามบ้าง แต่เราคุยกันแบบผู้ใหญ่ เราสองคนโตกันมาก คุยกันในหลักความจริง ทุกอย่างมันต้องใช้เวลาในการพัฒนา แต่เท่าที่ผมดูในความรู้สึกของผม เราทำงานด้วยกันไม่กี่วันมันก็มีความสุขขึ้นมากๆ ใกล้ชิดกันมากขึ้น พยายามหาวิธีเนียนๆ ใกล้ชิดกับเขาเยอะๆ”

ขอเป็นแฟนไหม อยู่บนความจริง

แน็ก : “เดี๋ยวต้องมีการคุยอยู่แล้ว ทุกอย่างอยู่บนความจริง”

กามิน : “ถามว่าเขาขอเป็นแฟนจะโอเคไหม (หัวเราะ) ถ้าซักผ้าเก่งก็โอเคนะ”

แน็ก : “ผมซักผ้าโคตรเก่งเลยครับ”

กามิน : “เขา very handsome ถูกใจ ตาโต ชอบไทยๆ สเปกค่ะ”
ลักกี้อินเกม แอนด์ เลิฟ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ 100 เปอร์เซ็นต์ ทุ่มเทและพยายามเพื่อให้เกิดขึ้น

แน็ก : “ก็ขอบคุณทุกคนจริงๆ ผมดีใจมากๆ ที่ได้มาเจอสิ่งดีๆ มากขึ้น นอกจากเจอเขาแล้วยังได้เจอเพื่อนๆ มากมายที่เปิดใจให้เรา ให้กำลังใจเราทั้งคู่ มันเป็นอะไรที่ดีมากๆ เรื่องแบบนี้มันไม่ได้เกิดกันได้ง่ายๆ และมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ 100% ผมเองต้องทุ่มเทพยายามหลายอย่างเพื่อจะให้มันเกิดขึ้นในวันนี้“

ภาษาไม่ใช่อุปสรรค นินทาไม่ได้แล้ว กามินรู้ภาษาไทยมากขึ้น

แน็ก : ”ถ้าเป็นอุปสรรคไม่ได้มายืนตรงนี้หรอก ผมจะพยายามให้เขาเรียนเพิ่มเติม เป็นตัวเขาที่จะต้องเรียนอีกมากมาย ผมเชื่อและอยากให้เขาได้ทำงานที่นี่ ใครจะว่าใครจะอะไรก็ไม่เป็นไร ตอนนี้เขาก็พูดไทยได้มากขึ้น เข้าใจมากขึ้น ผมนินทาอะไรเริ่มไม่ค่อยได้แล้ว เห็นนิ่งๆ แบบนี้เขาเข้าใจนะ ส่วนภาษาเกาหลีแรกๆ ก็เรียนนะครับ แต่เขามาทำงานที่นี่เลยให้เขาฝึกเยอะๆ ดีกว่า”

กามิน : “ซารังเฮ”

แน็ก : “นี่ไงบอกรักกันแล้ว”

เดินหน้าจีบ พร้อมเป็นป๋าดัน

แน็ก : “เดินหน้าจีบก่อนเป็นป๋าดันอีกครับ สุดท้ายสิ่งที่จะอยู่กับเขาได้นานที่สุดคือความเป็นตัวของเขาเอง อยู่ที่ว่าเขาจะคงความน่ารักแบบนี้ได้ตลอดไปหรือเปล่า ต้องบอกก่อนว่าเรื่องราวของเรามันเป็นการให้ใจของทุกคนที่ให้ใจพวกเรามา เราให้ใจทุกคนมากๆ เลย วันไหนเราดี น่ารักทุกคนก็สนับสนุน วันไหนผมหรือเขาไม่ดี ไม่มีความน่ารักก็หยุดสนับสนุนทั้งคู่ได้ ผมเชื่อว่าเราจะยังน่ารักกันไปอีกนาน จะทำให้ดีที่สุด”
จีบไปด้วยรับเงินไปด้วย

แน็ก : “ใช่ ผมชอบมาก ความรักที่มันเปิดเผย ผมมีความสุขมากจนบางทีตัวเขาก็กังวลอยู่เหมือนกันนะว่ามันคือเรื่องจริงหรือว่าแต่งเรื่องหรือเปล่า ก็จะพยายามบอกเขาตลอดว่ามันจริง ที่เราทำทุกอย่างมันจริง เราใส่ใจไปเต็มร้อยด้วย”

กามิน : “ดีใจมากๆ จนไม่คิดว่านี้คือเรื่องจริงเลย เหมือนเป็นความฝันที่ได้มาร่วมงานกับชาลี และทุกคน ทุกคนดูแลดีจนรู้สึกเกรงใจ”
ค่าตัวสูงแต่ไม่ถึง 8 หลัก

แน็ก : ”สาธุครับ หลายคนอาจจะเข้าใจว่ามันงานเดียว ไม่ใช่ครับ บางทีระยะเวลางานนั้นเป็นปี ต้องทำงานหลายครั้งหลายวัน ที่บอก 8 หลักไม่จริงเลย

เท่าที่ได้มาก็ดีมากๆ แล้ว สาธุขอให้ 8 หลักเร็วๆ คือจ้างงานพวกเราได้ครับ ผมจะถามเขาตลอดว่าเต็มใจทำงานไหม มีความสุขที่ทำงานไหม เขาจะบอกว่าแฮปปี้ทุกวันเป็นสิ่งที่ดีมากๆก็ต้องขอบคุณลูกค้าทุกคนและทุกกำลังใจมันเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ณ ตอนนี้”

จริงใจที่สุด อยากให้ทุกอย่างดีที่สุดสำหรับกามิน

แน็ก : “ตัวผมดูเรื่องความเหมาะสมและสิ่งที่เขาควรจะเป็น คุมเรื่องต่างๆ ตัวผมเองกล้าพูดว่าจริงใจที่สุด ในการที่อยู่กับเขาหรือดูแล อยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันดีที่สุดสำหรับเขา ไม่ใช่ว่ามาปุ๊บ แล้วโดนคนโน้นคนนี้พาไปเละเทะ มันจะหลุดออกนอกกรอบ เพราะยังไงเขาก็ยังไม่ใช่คนไทยยังไม่ได้เข้าใจอะไรเต็มร้อยทุกอย่าง ตัวผมต้องขออนุญาต ควบคุมในบางสิ่งบางอย่างอยู่

ส่วนเป็นผู้จัดการหัวใจหรือเปล่า สาธุ ครับ (สถานะตอนนี้เป็นอะไร นักปั้น นักจีบหรือนักรัก) พร้อมกันไปหมดละครับ ถ้าใครสังเกตสองเดือนที่ผ่านมาผมมีโอกาสที่จะไลฟ์ขายของเยอะมาก ผมมีคนติดตามมากขึ้น มีคนให้กำลังใจแต่ผมไม่ทำเลยนะ เรื่องของการขายของ ผมทำแต่สินค้าที่ติดกับผมอยู่ แล้วผมรู้สึกว่าผมไม่อยากทำงานคนเดียว อยากจะทำงานทุกอย่างที่ให้เขามาร่วมทำงานกับเราด้วย มันก็เหมือนเป็นกำลังใจอย่างหนึ่ง ทำให้ผมอยากทำงานด้วย ตอนนี้ผมก็เลยทำงานให้เต็มที่ที่สุด”

คุณวิชัย ทองแตง ประธานมูลนิธิหนึ่งน้ำใจ  กล่าวถึง งาน 'กวี คีตา อัมพวาเฟส'

คุณวิชัย ทองแตง ประธานมูลนิธิหนึ่งน้ำใจ กล่าวถึง งาน 'กวี คีตา อัมพวาเฟส' อีเวนต์ใหญ่ที่สะท้อนถึงยุคทองของวรรณคดีไทย
 

‘อมรัตน์’ ซัดใส่ ‘ทักษิณ’ ทุเรศ หลังให้สัมภาษณ์ ขอความเห็นใจ พูดได้หน้าไม่อาย ลากประเทศไทยให้ถอยหลัง แล้วบอกให้ ต่างคนต่างอยู่

(17 มี.ค.67) นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กต่อเนื่อง ให้ความเห็นกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าใครที่ไม่ชอบหน้า ขอให้ต่างคนต่างอยู่ 

โดยโพสต์แรก นางอมรัตน์ได้แชร์ข่าวพร้อมระบุว่า ดีลของคุณมันเห็นแก่ตัวเกินไป เมื่อเลือกที่จะเห็นแก่ได้จนกระทบความรู้สึกผู้คนทั้งสังคม 

ต่อมาได้โพสต์คลิปและข้อความอีกว่า เป็นคน "มาสว่างไปมืด" ไปเสียแล้ว ก็ควรน้อมรับเสียงก่นด่าวิพากษ์วิจารณ์ แหงนหน้าก็อายฟ้า ก้มหน้าก็อายดิน ทุเรศ !

และโพสต์สุดท้ายเป็นข้อความ ว่า ลากประเทศถอยหลังเสร็จบอกขอความเห็นใจให้ต่างคนต่างอยู่ Sus

คุณวิชัย ทองแตง  ประธานมูลนิธิหนึ่งน้ำใจ  กล่าวต่อ ภาคีเครือข่ายเชียงใหม่ ร่วมใจขจัด PM 2.5 และลดโลกร้อน

คุณวิชัย ทองแตง ประธานมูลนิธิหนึ่งน้ำใจ กล่าวในโครงการ “หยุดเผา เรารับซื้อ”
 

“ขยะทางการเกษตรเป็นเรื่องสำคัญ ผมจะเอาประสบการณ์มาช่วยเชียงใหม่  ให้สามารถมีจุดรับซื้อขยะทางการเกษตร ที่มีมาตรฐานในระดับสากล”

ดร.ก้องเกียรติ สุริเย ซีอีโอ เครือจีอาร์ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านคาร์บอนเครดิต 
กล่าวในโครงการ “หยุดเผา เรารับซื้อ”
 

ดร.'สามารถ' ลุ้น!! กทม. ล้างหนี้ BTS ก่อนหมดสัญญาปี 2572  หวั่น!! ชำระหนี้ไม่ครบ ต้องยืดสัญญาสัมปทาน

(17 มี.ค.67) ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีการชำระหนี้คืนของ กทม. ให้กับ BTS ระบุว่า...

ลุ้น ! กทม. ล้างหนี้ BTS ก่อนหมดสัญญาปี 2572
น่าดีใจที่ กทม. เตรียมจ่ายหนี้งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลให้ BTS ประมาณ 2.3 หมื่นล้าน จากหนี้ทั้งหมดถึงวันนี้ประมาณ 5.3 หมื่นล้าน ไม่รวมหนี้ค่าจ้างเดินรถที่จะเกิดขึ้นจากวันนี้ไปจนถึงวันสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2572 อีกก้อนใหญ่ หาก กทม. สามารถล้างหนี้ได้ก่อนหมดสัญญา หรือหาก กทม. ไม่สามารถล้างหนี้ได้ อะไรจะเกิดขึ้น ?

1. ถึงวันนี้ กทม. เป็นหนี้ BTS เท่าไหร่ ?
ถึงวันนี้ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นหนี้บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย รวมดอกเบี้ยประมาณ 5.3 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยหนี้งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M หรือ Electrical and Mechanical) เช่น อาณัติสัญญาณ สื่อสาร ระบบตั๋ว และประตูกั้นชาลา เป็นต้น ประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท และหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรักษา (O&M หรือ Operation and Maintenance) รวมค่าเช่าขบวนรถไฟฟ้า ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
หนี้ E&M เริ่มมีตั้งแต่ปี 2559 และได้เพิ่มมากขึ้นเมื่อขยายเส้นทางยาวขึ้น ส่วนหนี้ O&M เริ่มมีตั้งแต่ปี 2560 เมื่อเปิดเดินรถช่วงสถานีสำโรง-สถานีปู่เจ้าสมิงพราย ในวันที่ 3 เมษายน 2560 และหนี้ได้เพิ่มมากขึ้นเมื่อเปิดเดินรถจากสถานีปู่เจ้าสมิงพราย-สถานีเคหะสมุทรปราการ ในวันที่ 6 ธันวาคม 2561 ตามด้วยการเปิดเดินรถจากสถานีหมอชิต-สถานีห้าแยกลาดพร้าว ในวันที่ 9 สิงหาคม 2562 และจากห้าแยกลาดพร้าว-สถานีคูคต ในวันที่ 16 ธันวาคม 2563

2. ความเป็นไปได้ในการจ่ายหนี้โดย กทม.
เวลานี้ กทม. มีความพร้อมที่จะจ่ายหนี้ก้อนแรกค่างานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท ส่วนหนี้ค่าจ้างเดินรถที่ถึงเวลานี้มีประมาณ 3 หมื่นล้านบาท กทม. ยังไม่จ่าย เนื่อง
จากยังมีคดีค้างอยู่ที่ศาลปกครอง นอกจากนี้ ยังมีหนี้ค่าจ้างเดินรถที่จะเกิดขึ้นจากวันนี้ไปจนถึงวันสิ้นสุดสัญญาในปี 2572 อีกก้อนใหญ่ ถ้า กทม. ไม่สามารถจ่ายได้ รัฐบาลจะช่วย กทม. หรือไม่ ? 
โอกาสที่จะเกิดขึ้นในการชำระหนี้มีดังนี้

(1) กทม. จะสามารถล้างหนี้ได้ก่อนหมดสัญญาปี 2572
หาก กทม. สามารถชำระหนี้ได้หมดโดย กทม. เอง หรือโดยความช่วยเหลือจากรัฐบาล กทม. ก็ไม่จำเป็นจะต้องขยายสัมปทานให้ BTS แต่ กทม. จะต้องจ้าง BTS ให้เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวรวมทั้งซ่อมบำรุงรักษาไปจนถึงปี 2585 ตามสัญญาจ้างระหว่าง กทม. กับ BTS ที่ทำกันมาหลายปีแล้ว การว่าจ้างส่วนต่อขยายบางช่วงเริ่มตั้งแต่ปี 2555-2585 บางช่วงเริ่มตั้งแต่ปี 2559-2585 และที่สำคัญ ได้ว่าจ้างให้เดินรถส่วนหลักด้วยหลังจากสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2572 จนถึงปี 2585
กรณี กทม. จ้าง BTS ให้เดินรถและซ่อมบำรุงรักษา กทม. จะสามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารได้เอง เป็นอิสระจาก BTS ค่าโดยสารอาจจะถูกลงก็ได้ ทั้งนี้ กทม. ควรเก็บค่าโดยสารให้มีรายได้พอที่จะเลี้ยงตัวเอง นั่นคือพอเพียงกับค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรักษา รวมทั้งค่าซ่อมบำรุงรักษาใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ค่าเปลี่ยนขบวนรถไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งใช้งานมานานหลายปี

(2) กทม. ไม่สามารถล้างหนี้ได้ก่อนหมดสัญญาปี 2572
ในกรณีที่ กทม. ไม่สามารถชำระหนี้ได้หมดภายในปี 2572 กทม. จะต้องเจราจากับ BTS ให้รับหนี้ที่เหลือแทน ซึ่ง กทม. อาจจะต้องขยายสัมปทานให้ BTS ออกไปตามระยะเวลาที่เหมาะสมกับมูลค่าหนี้ อัตราค่าโดยสาร รวมทั้งผลตอบแทนที่ กทม. จะได้รับจาก BTS

3. สรุป
การแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวซึ่งยืดเยื้อมานานหลายปี ถึงเวลานี้พอจะมีความหวัง ไม่ว่า กทม. จะสามารถชำระหนี้ได้หมดก่อนสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2572 หรือไม่ BTS ก็จะยังคงมีบทบาทในรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อไป 
หาก กทม. สามารถชำระหนี้ได้หมด BTS ก็จะเป็นผู้รับจ้างเดินรถไปจนถึงปี 2585 กทม. จะสามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารได้เอง รายได้ทั้งหมดจะเป็นของ โดย กทม. จะต้องแบกรับความเสี่ยงเองทั้งหมด 

หาก กทม. ไม่สามารถชำระหนี้ได้หมด กทม. อาจจะต้องขยายสัมปทานให้ BTS โดย BTS จะต้องรับภาระหนี้แทน กทม. และจะต้องแบกรับความเสี่ยงเองทั้งหมด
อีกไม่นานก็คงรู้ว่า BTS จะมีบทบาทในรถไฟฟ้าสายสีเขียวในฐานะผู้รับจ้างเดินรถ หรือผู้รับสัมปทานแบบเดิมต่อไป

'ฟอร์ด ทัตเทพ' เย้ย!! ได้เรียนต่อ ป.โท หลังหนีไปอยู่ต่างประเทศ ฟากสามนิ้วรายอื่น 'ชดใช้กรรม-ติดคุก-อดอาหาร' เรียกร้องต่อ

(17 มี.ค.67) วันนี้มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจอีกครั้ง สำหรับนายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี หรือ ฟอร์ด ทัตเทพ อดีตแกนนำม็อบ 3 นิ้วรุ่นแรก ที่หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ โดยพบว่าเมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา เจ้าตัวได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เมื่อบ่ายวันนี้ ผมได้รับข่าวดีจากทางอีเมลล์ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญสู่ความฝันของผม ผมได้รับการตอบรับให้เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์จากมหาลัยแห่งหนึ่งในประเทศที่พัฒนาแล้ว รอมานานกว่าสามเดือนกว่าจะทราบผล

ความสำเร็จที่สำคัญครั้งนี้คงจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากปราศจากการสนับสนุนจากคนที่ผมรัก ผมขอขอบคุณเจมส์ คู่ชีวิตผู้เคียงข้างฝ่าฟันทุกอุปสรรคปัญหา ขอขอบคุณคุณพ่อที่สนับสนุนในทุกๆ เส้นทางที่ผมเลือกเดิน และขอขอบคุณญาติสนิท มิตรสหายทุกท่านที่คอยให้กำลังใจผมอยู่เสมอมา และสุดท้าย ขอขอบคุณอาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬา และคุณครูจากโรงเรียนเก่าผม ผู้จุดประกายในการศึกษารัฐศาสตร์นี้

นับจากนี้ไป ผมจะขออุทิศตนมุ่งมั่นศึกษาและพัฒนากลไกทางการเมือง เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยและเชิดชูคุณค่าสิทธิมนุษยชน ในฐานะนักเรียนและนักรัฐศาสตร์ ผมยังคงยืนหยัดหลักการที่ว่า สังคมที่เปี่ยมด้วยเสรีภาพและความเท่าเทียมนั้นเป็นไปได้

อย่างไรก็ดีโพสต์ดังกล่าว ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งเข้ามาคอมเมนต์ว่า คุณไม่ได้พูดถึงคนที่ค้ำประกันคุณมาจากมาเลย์เซีย เอาวงเงินในบัญชีค้ำประกันร่วมล้านเหรียญกับ state department รอคอยวันที่คุณจะหนีออกจากมาเลย์เซียได้สำเร็จ จากเผด็จการไทยมาสู่แดนเสรีได้อย่างปลอดภัย รอต้อนรับและไปรับคุณมาจากสนามบินแอลเอเอ็กซ์ ให้ที่พักพิง มาอาศัยใต้ร่มชายคาที่ไม่เคยให้ใครมาพักพิง ให้อาหารมื้อแรก จนกระทั่งมื้อสุดท้ายทีซึ่งคุณและคู่ชีวิตคุณหนีออกจากบ้านไปในกลางดึกเมื่อคุณมีหนทางไป โดยไม่ทิ้งคำขอบคุณ

สำหรับฟอร์ด ทัตเทพ มีคดี 112 ติดตัว จากการจัดชุมนุมและปราศรัยในกิจกรรม “ไปสภาไล่ขี้ข้าศักดินา” ที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563 แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 พนักงานสอบสวน สน.บางโพ ได้นัดส่งตัวพร้อมสำนวนให้อัยการ ปรากฏว่าฟอร์ด ทัตเทพ ไม่เข้าพบอัยการตามนัด ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ฟอร์ด ทัตเทพลี้ภัยไปแล้ว ต่อมาพบว่าเจ้าตัวหนีไปแคนาดา

ทั้งนี้ฟอร์ดยังเป็นที่รู้จักของสังคมจากกรณีจูบปากกับแฟนหนุ่มโชว์สื่อกลางรัฐสภา ขณะเข้ายื่นกรรมาธิการเพื่อขอแก้กฎหมายคุ้มครองการสมรสในครอบครัวเพศหลากหลาย ช่วงปลายปี 2562 ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าการแสดงออกดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่ เพราะเป็นการแสดงออกภายในอาคารรัฐสภาซึ่งถือเป็นสถานที่อันทรงเกียรติ

จับตา!! 'พีระพันธุ์' เอาจริง!! 'ระบบสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์' สร้างความมั่นคงด้านพลังงานชาติ พาไทยหลุดขี้ข้าตลาดโลก

เป็นที่ทราบกันดีว่า ‘พลังงาน’ ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญในการตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของประชาชน รวมไปถึงภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ดังนั้น ทุกประเทศในโลกรวมทั้งประเทศไทยเอง จึงต้องมีการจัดหาพลังงาน ให้มีปริมาณที่เพียงพอ และมีราคาที่เหมาะสม 

โดยเฉพาะในด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต แต่ทว่าประเทศไทยไม่มีแหล่งน้ำมันมากพอที่จะตอบสนองความต้องการใช้งาน จึงต้องนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศในปริมาณกว่า 90% ของจำนวนที่บริโภคอยู่ในปัจจุบัน

แน่นอนว่า การที่เราไม่สามารถผลิตน้ำมันได้เอง จึงถูกกำหนดราคาจากกลไกที่เรียกว่า ‘ตลาดโลก’ ซึ่งส่งผลให้ราคาผันผวน บางครั้งจะเห็นถึงการขึ้น - ลง แบบรายวัน 

และหากเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ หรือเกิดความตึงเครียดในภูมิภาคที่มีประเทศผู้ผลิตน้ำในรายใหญ่อย่างตะวันออกกลาง ก็จะยิ่งทำให้ราคาน้ำมันผันผวนหนักขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดังนั้น จึงจะเห็นว่า ประเทศมหาอำนาจหลายประเทศ ต่างก็มีระบบสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ หรือ SPR (Strategic Petroleum Reserve) กันแทบทั้งนั้น

ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อทำการสำรองน้ำมันเตรียมพร้อมรับมือหากเกิดภาวะวิกฤติ อย่าง ประเทศสหรัฐ อเมริกา ทางภาครัฐ จะเป็นผู้ดำเนินการสำรองน้ำมันให้มีเพียงสำหรับใช้งานอย่างน้อย 90 วันของการนำเข้าน้ำมันสุทธิ เพื่อนำมาใช้เมื่อยามฉุกเฉิน 

หากจำกันได้ เมื่อครั้งรัสเซียบุกยูเครน อย่างเต็มรูปแบบเมื่อต้นปี 2565 ส่งผลให้ในห้วงเวลานั้น ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทางประธานาธิบดีสหรัฐฯ 'โจ ไบเดน' ได้ประกาศจะระบายน้ำมันดิบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นเวลา 6 เดือน จากคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อบรรเทาปัญหาราคาน้ำมัน 

นอกจากนั้น ประเทศใหญ่ ๆ ที่มีการใช้บริโภคน้ำมันปริมาณมาก ต่างก็มีระบบสำรองน้ำมันของตัวเองเช่นกัน อย่างอินเดีย ที่เป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก ในปัจจุบันจะมีหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ เป็นผู้บริหารจัดการระบบสำรองน้ำมัน โดยในเฟสแรก สามารถสำรองน้ำมันได้ 75 วัน และในเฟสที่ 2 มีเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 90 วัน

ส่วนในกลุ่มประเทศในอาเซียนนั้น การสำรองน้ำมันส่วนใหญ่ จะเป็นการสำรองโดยภาคเอกชนหรือโรงกลั่นเป็นหลัก

เช่นเดียวกับ ประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบัน การสำรองน้ำมันจะอยู่กับฝั่งเอกชน โดยกำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันต้องสำรองน้ำมันดิบ 6% ของปริมาณการจำหน่าย และให้สำรองน้ำมันสำเร็จรูป 1% ของปริมาณการจำหน่าย โดยรวมแล้วไทยจะมีการสำรองน้ำมัน 7% ของปริมาณการจำหน่าย หรือ มีการสำรองน้ำมัน 25 วัน แม้ว่าปริมาณดังกล่าวยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม 

แต่หากมองถึงความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาวของประเทศ ก็อาจกล่าวได้ว่าอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงไม่น้อย เพราะหากเกิดวิกฤติหรือเกิดสงครามขึ้น ปริมาณน้ำมันที่เอกชนสำรองไว้อาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ

แต่อย่างไรก็ดี ทางกระทรวงพลังงาน ภายใต้การนำของ ท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในส่วนนี้ จึงได้ตั้งคณะกรรมการจัดตั้งระบบสำรองและก๊าซฯ เพื่อศึกษาถึงความเป็นไปได้ของการสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานของประเทศ และรักษาเสถียรภาพทางด้านราคา ต่อไปประชาชนคนไทยจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าราคาน้ำมันจะขึ้น-ลงแบบรายวัน เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

และทราบมาว่า ทางคณะกรรมการฯ ที่ได้รับมอบหมายจาก ท่านพีระพันธุ์ กำลังทำงานอย่างหนักในการศึกษารูปแบบการสำรองน้ำมันและการรักษาระดับราคาที่เหมาะสมกับประเทศไทย คาดว่าภายในอีก 1-2 เดือนข้างหน้าก็จะแล้วเสร็จ และจะนำมาเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พิจารณาได้ 

แน่นอนว่า ระบบสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ เป็นอีกหนึ่งความหวัง ที่จะมาสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและสร้างความเป็นธรรมให้กับคนไทย ในอีกไม่นานเกินรอ.....เพราะทราบมาว่าท่านพีระพันธุ์ นั่งเป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าทุกสัปดาห์เลยทีเดียว

‘เศรษฐา’ เผย คุยตัวแทนผู้บริหาร ‘ฟอร์มูล่าอี’ ได้จัดงานแน่ ไม่เกิน 15 ก.พ.68 เพื่อกระตุ้น การท่องเที่ยว ส่งเสริมภาพลักษณ์ การเป็นฮับ รถอีวี ของไทย  

(17 มี.ค.67) ที่โรงแรมอนันตรา เชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังที่ได้พบพูดคุยกับ ตัวแทนผู้บริหารฟอร์มูล่าอี ว่า มีข่าวดี หลังได้พูดคุยและได้ก็มีการกำหนดขั้นตอนต่อไปอย่างชัดเจน ดูสถานที่ สถานที่ ว่าจุดไหนมีความเหมาะสม ซึ่งตอนนี้สถานที่ที่มีความเป็นไปได้สูง คือ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี หรือไม่ก็ที่ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ โดยทางฟอร์มูลล่าจะไปดูเรื่องทางเทคนิคว่าสถานที่ไหนจะเหมาะสมที่สุด

ส่วนเรื่องของเม็ดเงินที่จะตามมา นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้ดู คงต้องไปดูรายละเอียดทั้งหมดและหากจะมีการจัดงานก็คงประมาณต้นปี 2568 แต่คงไม่หลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 เพราะเป็นช่วงฤดูหนาวและยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย เรื่องของฟอร์มูลล่าอี ส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยว ตนเชื่อว่าเรื่องของความเวลาและเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นมิตรกับธรรมชาติและเข้ากับธีมที่ว่ารัฐบาลสนับสนุนให้มีการลงทุนให้ประเทศไทยเป็นฮับของการผลิตรถอีวี และเป็นการส่งเสียงที่ชัดเจน กลับชาวโลกว่าเราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก คาดว่าอีกไม่เกิน 60 วัน น่าจะสรุปได้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง และเป็นขั้นตอนเรื่องการต่อรองสัญญากัน

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองถึงผล ที่จะตามมาหลังการจัดการแข่งขันอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มองถึงผลที่จะตามมาชัดเจนคือเรื่องของการท่องเที่ยวเพราะจะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของจังหวัดเชียงใหม่จะได้เห็นเรื่องวัฒนธรรมในจังหวัดเชียงใหม่และในอดีตคนที่มาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่มาดูเรื่องวัฒนธรรม ศิลปะทั่วไป แต่เรายังไม่สามารถดึงนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มนึงมาได้ดังนั้นนี่จึงเป็นการเปิดช่องทางใหม่และหวังว่าเมื่อเขามาดูเรื่องการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน และเขาก็จะมาดูเรื่องวัฒนธรรมของเราต่อไปได้

เมื่อถามถึงเรื่องการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิง ที่จังหวัดเชียงใหม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าได้ขยายระยะเวลาเรียบร้อยแล้ว ส่วนจะขยายไปทั่วประเทศหรือไม่นั้น ต้องดูเรื่องของโซนนิ่ง เรื่องความเหมาะสม และดูความต้องการของแต่ละพื้นที่ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top