Monday, 19 May 2025
NewsFeed

'โซเชียล' ทำพิษ!! Gen 'Y-Z' สหรัฐฯ อาการหนัก หมกมุ่นเรื่องเงิน-เทียบกับผู้อื่น จนด้อยค่าตนเอง

(17 มี.ค.67) Business Tomorrow เผยรายงานจากบริษัทการเงิน Credit Karma ที่ระบุว่า 1 ใน 3 หรือ 29% ของชาวสหรัฐฯ ตกอยู่ในภาวะคิดหมกมุ่นเรื่องเงิน หรือ Money Dysmorphia ซึ่งคนกลุ่มนี้มักเปรียบเทียบสถานะทางการเงินของตนเองกับบุคคลอื่นและรู้สึกว่าตัวเองยังมีเงินไม่เพียงพอ 

Life Planning Partners บริษัทวางแผนด้านการเงินกล่าวว่า ปัญหานี้มีมานานมาก แต่ระดับได้สูงขึ้นจากการเข้ามาของโซเชียลมีเดีย แม้คนที่ประสบปัญหาคิดหมกมุ่นเรื่องเงินจะมีเงินเก็บมากกว่าค่าเฉลี่ยก็ตาม แต่คนพวกนี้ก็ได้ยอมรับว่าตนนั้นหมกมุ่นกับการอยากเป็นคนที่มั่งคั่งร่ำรวย

ประมาณ 43% ของกลุ่มคนเจน Z และ 41% ของกลุ่มคนเจน Y กำลังต่อสู้อยู่กับการเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นทางโซเชียลมีเดีย และรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าในด้านการเงิน โดยมีชาวสหรัฐฯเพียง 14% ที่มองว่าตัวเองมีฐานะมั่งคั่ง 

รายงานอีกฉบับจาก LendingClub ระบุว่า ชาวอเมริกันกว่าครึ่งหนึ่งมีรายได้กว่า 1 แสนดอลลาร์ต่อปี แต่คนเหล่านี้ก็ยังพูดว่าพวกเขาใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือน

ปัญหาเงินเฟ้อสูงและความไร้เสถียรภาพที่ยืดเยื้อยาวนานได้บั่นทอนกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคส่วนใหญ่ ขณะที่อินสตาแกรมก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบเช่นกัน

2 หนุ่มนิวซีแลนด์ กร่าง ล็อคคอทำร้าย-แย่งปืน เจ้าหน้าที่ เหตุไม่พอใจ ที่ตำรวจ เข้าตักเตือนเรื่อง แว้นมอไซซิ่ง ในเขตชุมชน 

(17 มี.ค.67) เวลาประมาณ 15.50 น. นักท่องเที่ยวต่างชาติเหิมเกริม ฝ่าฝืนกฎจราจร ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ซ้ำหนักเข้าแย่งอาวุธปืน ทำร้ายเจ้าพนักงาน ก่อนเกิดเหตุนั้น ด.ต.สมศักดิ์ หนูเอียด ผบ.หมู่ (จร.) สภ.ฉลอง ขณะออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ และอำนวยความสะดวก ให้บริการแก่ประชาชน บริเวณถนนเจ้าฟ้าตะวันออก หน้าสภ.ฉลอง

พบชายต่างชาติ ขับขี่รถจักรยานยนต์จำนวน 2 คัน คือ 1. Mr.HAMISH DAY อายุ 36 ปี สัญชาตินิวซีแลนด์ 2. Mr.OSCAR MATTSON DAY อายุ 38 ปี สัญชาตินิวซีแลนด์ โดยผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คัน ขับรถไม่ชิดขอบทางด้านซ้ายและใช้ความเร็วสูงในเขตชุมชน จึงเรียกให้หยุดรถแต่ทั้งสองไม่หยุดและได้หลบหนี

ด.ต.สมศักดิ์ฯ จึงได้ขับรถติดตามเมื่อทั้ง 2 คันจอดได้แสดงอาการโวยวายไม่พอใจเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ได้ทำการถ่ายคลิปเหตุการณ์ผู้ต้องหาทั้งสองคนได้เข้ามาปัดโทรศัพท์เจ้าหน้าที่ขณะถ่ายคลิปและทั้งสองคนได้เข้าทำร้ายและควบคุมตัว ด.ต.สมศักดิ์ฯ และ ได้ยื้อแย่งอาวุธปืนเป็นเหตุให้ปืนลั่นจำนวน 1 นัด เจ้าหน้าที่ในข่ายสภ.ฉลองได้เข้าช่วยเหลือเหตุการณ์ดังกล่าว

และทำการจับกุมผู้ต้องหา ทั้ง 2 ราย สถานที่จับกุม บริเวณริมถนนหน้าร้านกิตติก๋วยเตี๋ยวเป็ด ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ตำบลฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

เจ้าหน้าที่ฯได้แจ้งข้อกล่าวหา ในความผิดฐาน ร่วมกันชิงทรัพย์,ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่,ร่วมทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่,ร่วมกันพยายามให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำ อันมิชอบด้วยหน้าที่,ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับรถ

จากนั้น เจ้าหน้าที่ฯควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ฉลองดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล  กล่าวระหว่างเดินทางไปยังร้านเล่า ถนนนิมมานเหมินท์  เพื่อแจกลายเซ็นให้กับแฟนคลับที่ซื้อหนังสือ 'ไม่สนว่าเก่งมาจากไหน' 

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล 
กล่าวระหว่างเดินทางไปยังร้านเล่า ถนนนิมมานเหมินท์ 
เพื่อแจกลายเซ็นให้กับแฟนคลับที่ซื้อหนังสือ 'ไม่สนว่าเก่งมาจากไหน' 
วันที่ 17 มี.ค.67
 

‘รร.เตรียมอุดมศึกษา’ ประกาศรายชื่อ นักเรียนที่ได้เข้า ม.4 แล้ว พร้อมให้รายงานตัว ทางระบบออนไลน์ ส่วน 18-19 มี.ค. 'วันติดบอร์ด-วันมอบตัว'

(17 มี.ค.67) ประกาศโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เรื่อง ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ปีการศึกษา ๒๕๖๗ 

ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๗ 

ดูผลส่วนตัว
https://admission.triamudom.ac.th/TMS/ValidateUser.aspx?dir=A&mode=N

รายชื่อผู้สอบได้ทั้งหมด
https://drive.google.com/drive/u/0/folders/1o26wwUcZ3yClm_T4aLW3sMttYqwJLoQo
 

สมาคมชาวจังหวัดชุมพรจัดประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2566

วันนี้17 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 น. สมาคมชาวจังหวัดชุมพรจัดประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2566  ณ บริษัทบูรพาคอนกรีต แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี โดยมีคณะกรรมการประกอบด้วย พลเอกไพโรจน์ นาคฉัตรีย์  นากสมาคม นายวิชิต ดิลกวิลาศ อุปนายกคนที่ 1 รศ.ดร.บุญยิน จินาจิ้น อุปนายกคนที่ 2 นายชาคริต กฤติยาโชติปกรณ์ อุปนายกคนที่ 3 ดร.สมยศ แสงสุวรรณ อุปนายกคนที่ 4 พลตรีนพสิทธิ์ คงชินศาสตร์ธิติ กรรมการ นายโกสินธ์ จินาอ่อน กรรมการ นายบุญธรรม พรหมภินันท์ จ่าสิบโทปิยะพงษ์ มณีศรี กรรมการ นายบัญชา ตฤษณาภราดร กรรมการ นายชาณุรัช วงศ์จันทร์มณี กรรมการ นายชอบ รสมาลา กรรมการและนายทะเบียน และนายลือชัย มณีศรี กรรมการและเลขาธิการ พร้อมสมาชิกอีก 12 คน ในการประชุมครั้งนี้มีนายอาทิตย์ สินธพานนท์ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ที่ประชุมดำเนินการไปตามระเบียบวาระ 

โดยนายลือชัย มณีศรี กรรมการและเลขาธิการ ได้สรุปผลงานในรอบปี 2566 รวม 27 เรื่อง มีเรื่องที่ควรทราบคือ เมื่อ 21 มิถุนายน 2566 มอบเงินช่วยเหลือนางประนอม ประสารวุฒิ จำนวน 14,000 บาท เนื่องจากถูกไฟไหม้บ้านเลขที่ 18/5 หมู่ที่ 10 ตำบลหาดพันไกร อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร วันที่ 30 กรกฎาคม 2566 อุปนายก 3 คน เข้าร่วมเสวนา เรื่อง ร่วมคิด ติดอาวุธ นำผลไม้ไทยสู่ตลาดจีนตอนใต้ วันที่ 1 กันยายน 2566 มอบเงิน จำนวน 60,500 บาท ให้โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เพื่อเป็นทุนเปิดศูนย์หัวใจ และมอบเงิน 50,000 บาท ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เพื่อมอบต่อให้ประธานสหวิทยาเขตชุมพร 1 และ 2 นำไปมอบให้แก่นักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ วันที่ 24 ธันวาคม 2566 จัดงาน วันสังสรรค์ชาวชุมพร ณ สมาคมชาวปักษ์ใต้ ได้เงิน 54,146 บาท 

นายลือชัย มณีศรี กล่าวว่า ปีนี้สมาคมจะมีอายุครบ 50 ปี ในวันที่ 25 สิงหาคม 2567 ขอให้ที่ประชุมร่วมกันพิจารณาว่า จะจัดงานเฉลิมฉลองกันหรือไม่ รูปแบบใด และเมื่อไหร่ ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า จะวางแผนโครงสร้างสมาคมเสียใหม่ ส่วนการจัดงานนั้นจัดแน่ภายในปีนี้ ค่อยพิจารณากันอีกครั้งหนึ่ง
หลังเสร็จสิ้นการประชุม พลเอกไพโรจน์ นาคฉัตรีย์ นายกสมาคมชาวจังหวัดชุมพร อวยพรและมอบช่อดอกไม้ให้แก่ รศ.ดร.บุญยิน จินาจิ้น อุปนายกคนที่ 2 เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบ 60 ปี

ขอนแก่น-เตรียมพร้อมระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ช่วงสงกรานต์ 2567

จังหวัดขอนแก่น มีระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ที่มีความเข้มแข็ง มีการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย มาเป็นระยะเวลาถึง 30 ปี ให้บริการแก่ประชาชนที่เจ็บป่วยฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง และมีการออกปฏิบัติการมากที่สุดในประเทศไทย มาเป็นเวลามากกว่า 10 ปี

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่นรายงานว่า ที่ ห้องประชุมจำลองมุ่งการดี (ส่วนหน้า) โรงพยาบาลขอนแก่น เขตเทศบาลนครขอนแก่น นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนน วุฒิสภา พร้อมด้วยอนุกรรมการ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และเครือข่ายของโรงพยาบาลขอนแก่น โดยมีนายยุทธพร พิรุณสาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น, นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น, นายแพทย์วิทยา ชาติบัญชาชัย ผู้เชี่ยวชาญในคณะที่ปรึกษาขององค์การอนามัยโลก ด้านการป้องกันการบาดเจ็บ พร้อมด้วยบุคลากรโรงพยาบาลขอนแก่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น กล่าวว่า ปัจจุบัน จังหวัดขอนแก่น มีระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ที่มีความเข้มแข็ง มีการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย มาเป็นระยะเวลาถึง 30 ปี ให้บริการแก่ประชาชนที่เจ็บป่วยฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง และมีการออกปฏิบัติการมากที่สุดในประเทศไทย มาเป็นเวลามากกว่า 10 ปี รวมทั้งยังเป็นสถาบันการฝึกอบรมบุคลากรด้านการแพทย์ในด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉินให้แก่บุคลากรในระดับจังหวัด ระดับเขต ระดับประเทศและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายให้บริการโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลรักษาผู้ป่วย ให้มีความทั่วถึง และเท่าเทียม

นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า จังหวัดขอนแก่น มีการเจริญเติบโตทางสังคมเศรษฐกิจ และทางด้านการแพทย์อย่างรวดเร็วซึ่งมีผลกระทบต่อภาวะสุภาพของประชาชนในจังหวัดขอนแก่น และผู้สัญจรเข้ามาในจังหวัดขอนแก่น เมื่อพบผู้บาดเจ็บ และเจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถเรียกใช้บริการจากระบบบริการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่นได้อย่างทันท่วงที ซึ่งระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่น มีแนวคิดในการวางแผน การดำเนินงานอย่างจริงจัง เพื่อประชาชนที่ได้รับการบาดเจ็บ และป่วยฉุกเฉิน ได้รับการช่วยเหลือที่รวดเร็ว ปลอดภัย ลดอัตราตายและความพิการตั้งแต่ที่บ้าน หรือ ณ จุดเกิดเหตุอย่างเป็นระบบ

'ปูติน' แลนด์สไลด์เลือกตั้งรัสเซีย นั่งเก้าอี้ ปธน.สมัยที่ 5 ขอบคุณผู้ใช้สิทธิที่ให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจ

(18 มี.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียซึ่งเป็นที่จับตาจากทั่วโลกออกมาชัดเจนแล้วว่า ‘วลาดิเมียร์ ปูติน’ ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 5 ด้วยคะแนนเสียงถล่มทลายเหนือคู่แข่ง

หลังจากนับคะแนนไปได้ 3 ใน 4 คณะกรรมการการเลือกตั้งของรัสเซียกล่าวว่า มีประชาชนออกมาใช้สิทธิทั้งสิ้น 74% และปูตินเป็นผู้นำด้วยคะแนนเสียงสูงถึง 87.14% ถือว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2563 มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขยายวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี จาก 4 ปี เป็น 6 ปี โดยไม่นับวาระการดำรงตำแหน่งที่ผ่านมาของปูติน ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้นำรัสเซีย ระหว่างปี 2543-2551 แล้วเว้นวรรคมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก่อนชนะการเลือกตั้ง และดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยปัจจุบัน ตั้งแต่ปี 2555

ขณะที่ปูตินกล่าวขอบคุณ ‘ความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ’ จากชาวรัสเซีย พร้อมทั้งกล่าวว่า ต่อให้บุคคลภายนอกต้องการ ‘ข่มขู่’ และ ‘ปราบปราม’ รัสเซียมากเพียงใด วิธีการดังกล่าวไม่เคยประสบความสำเร็จ และจะไม่มีทางประสบความสำเร็จ

ด้านทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ ว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียครั้งนี้ ‘ไม่มีความเสรีและยุติธรรม’ เนื่องจากมีการตัดสิทธิผู้สมัครทุกคน ที่มีแนวคิดทางการเมืองตรงข้ามกับปูติน และนักเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้ามล้วนถูกคุมขัง หรือกระทั่งเสียชีวิตอย่างปริศนา หนึ่งในนั้นคือ นายอเล็กซี นาวัลนี ซึ่งเสียชีวิตที่เรือนจำในไซบีเรีย เมื่อเดือนก.พ. ที่ผ่านมา

ส่วนประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า ปูติน ‘คือเผด็จการ’ และ ‘ยึดติดกับอำนาจ’ 

อนึ่ง การเลือกตั้งผู้นำรัสเซียครั้งนี้ จัดขึ้นในพื้นที่หลายแห่งของยูเครน ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย นับตั้งแต่สงครามระหว่างสองประเทศปะทุ เมื่อเดือนก.พ. 2565 ด้วย เรียกเสียงประณามจากหลายฝ่ายเช่นกัน รวมถึงสหประชาชาติ (ยูเอ็น)

สืบนครบาล รวบสาวใหญ่ตระเวนกรีดกระเป๋า เคยก่อเหตุมีหมายจับแต่ก็ยังไม่เลิกก่อเหตุ

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้สุจริตหาเช้ากินค่ำ

เมื่อวันที่ 16 มี.ค.2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส. ,พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. ,พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บชน. , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. ปฏิบัติราชการ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ ปฏิบัติราชการ สว.กก.สส.1 พร้อมชุดปฏิบัติการที่ 2 ดำเนินการเจ้าหน้าที่สืบนครบาล ร่วมกับสายตรวจ สน.พญาไท ได้จับกุมตัว

น.ส.มนัสนันท์ หรือ จรรยพร อายุ 54 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1633/2560 ลงวันที่ 23 มีนาคม 2560
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ตัวการในข้อหาลักทรัพย์โดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่น” จากการตรวจสอบในฐานระบบ ยังพบหมายจับติดตัวอีก 1 หมาย ได้แก่ หมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.208/2565 ลงวันที่ 23 มี.ค.2565  ซึ่งกระทำความผิดฐาน "ร่วมกันลักทรัพย์โดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่นฯ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป"

พฤติการณ์ในการจับกุม เจ้าพนักงานตำรวจ สืบนครบาล ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนได้รับเรื่องร้องเรียนมาจากพ่อค้าแม่ค้าขายเสื้อผ้า ย่านประตูน้ำ กรุงเทพ ว่ามีกลุ่มบุคคลแต่งตัวปกปิดตัวตนเดินตระเวนลักทรัพย์ในบริเวณตลาดประตูน้ำ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบดังเหตุดังกล่าว ต่อมาวันที่ 16 มี.ค. 67 เจ้าหน้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมพบหญิงต้องสงสัยแต่งตัวปกปิดตัวตน เจ้าพนักงานชุดจับกุมจึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจสอบหญิงคนดังกล่าว และได้นำตัวมาซักถาม จนทราบว่า ชื่อนางสาวมนัสนันท์ หรือ จรรยพร อายุ 54 ปี ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1633/2560 ลงวันที่ 23 มีนาคม 2560 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้อ่านหมายจับและ ให้นางสาวมนัสนันท์ อ่านเองแล้ว ยอมรับว่าเป็นว่าบุคคลตามหมายจับดังกล่าวนี้ เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวและทำบันทึกจับกุมที่ กก.สส.1 บก.สส.บช.น. เพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

โดยพฤติการณ์ในการก่อเหตุ เมื่อปี 2559 ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุร่วมกับเพื่อนที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ กรีดกระเป๋าผู้เสียหาย ขณะซื้อของแถวตลาดสำเพ็ง จากนั้นได้นำบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มใกล้จุดเกิดเหตุ 7 ครั้ง ได้เงินไป 1 แสน 4 หมื่นบาท 

สอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ รับว่าไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง โดยร่วมก่อเหตุกับนางกิมเฮงตั้งแต่ปี2559เรื่อยมา ออกตระเวนก่อเหตุตามตลาดประตูน้ำ โบ๊เบ๊ สำเพ็ง ที่มีคนพลุ่กพล่าน และจะแต่งตัวมิดชิดพรางหน้าพรางตัวแบบมุสลิมป้องกันถูกติดตามจับกุม โดยผู้ต้องหาทำหน้าที่เป็นคนกรีดกระเป๋า ส่วนนางกิมเฮงเป็นคนยืนบังให้ เหยื่อที่เลือกจะเป็นผู้หญิงเท่านั้นที่สะพายกระเป๋าข้าง อาศัยจังหวะที่เหยื่อเผลอ ทำธุระ 

พล.ต.ต.ธีรเดช ฝากเตือนภัยพี่น้องประชาชนที่มักชอบไปเดินตลาดที่มีคนจำนวนมาก จะมีกลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวด้วย จึงขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการดูแลทรัพย์สิน และไม่ควรใส่เครื่องประดับ และของมีค่าติดตัว หากสะพายกระเป๋าควรสะพายไว้ข้างหน้าไม่ควรสะพายไว้ข้างหลัง เพราะคนร้ายอาจแฝงตัวเข้ามาจากด้านหลังเพื่อกรีดกระเป๋าฉกทรัพย์สิน หรือของมีค่าไป

เปิดไวรัลดัง!! ‘เจ้าอาวาสวัดฝายหิน’ ติง!! ‘พิธา’ เรื่องนโยบายอิงสถาบัน ด้านเจ้าตัว ยัน!! ไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น ท่ามกลางชาวเน็ตแห่วิจารณ์สนั่น

พาไปรู้จักกับ ‘วัดฝายหิน’ อีกหนึ่งวัดงามเมืองเชียงใหม่ ที่กำลังเป็นไวรัลโด่งดัง หลังเจ้าอาวาสวัดติงนายพิธาเรื่องนโยบายสถาบัน งานนี้ทำชาวเน็ตเสียงแตก โดยฝั่งด้อมส้มต่างเม้นต์ตำหนิเจ้าอาวาสว่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวการเมือง ขณะที่ชาวเน็ตส่วนใหญ่ต่างออกมาชื่นชมท่านเจ้าอาวาส พร้อมตั้งข้อสงสัยในสิ่งที่นายพิธาตอบกลับเจ้าอาวาสว่าเชื่อได้หรือไม่?

เมื่อวานนี้ (17 มี.ค.67) หลังนาย ‘นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ส.ส.บัญชีรายชื่อและที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางไปทำภารกิจดับไฟป่าที่จังหวัดเชียงใหม่ ท่ามกลางคำถามและข้อสงสัยมากมายจากชาวเน็ต ก่อนที่จะเดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ ‘วัดฝายหิน’ พร้อมเข้ากราบนมัสการ ‘พระครูสมุห์ วิษุวัตร วรกิจจฺโจ’ เจ้าอาวาสวัดฝายหิน ซึ่งกลายเป็นไวรัลโด่งดัง

โดยท่านเจ้าอาวาสวัดฝายหินได้ติงนายพิธาเรื่องนโยบายสถาบัน ดังบทสนทนาที่ชาวเน็ตแชร์กันเป็นจำนวนมาก ดังนี้

เจ้าอาวาส : “เขาเป็นสมมติเทพ ชาวบ้านเขาเคารพนับถือแต่ไหนแต่ไรมา...ทำไมไปคิดถึงขั้นนั้น...แม้โยมจะบอกว่าไม่ได้คิด....แต่ถ้าบริวารคิด... แล้วโยมก็จะผิด”

พิธา : “ครับ พวกเราไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้นครับ...เราอยากให้พระองค์ท่านมั่นคงสถาพร”

เจ้าอาวาส : “ถ้าคิดอย่างนี้ตั้งแต่แรก สมหวังแล้ว”

พิธา : “ก็คิดอย่างนี้มาโดยตลอด...ถ้ามีโอกาสคงต้องอธิบาย...แต่ว่าเจตนาไม่มีเป็นอื่นแน่นอน”

หลังคลิปบทสนทนานี้ถูกเผยแพร่ ได้กลายเป็นไวรัลที่คนแชร์และแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมากบนโลกโซเชียล งานนี้ทำชาวเน็ตเสียงแตก โดยฝั่งด้อมส้มต่างเม้นต์ตำหนิเจ้าอาวาสว่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวการเมือง ขณะที่ชาวเน็ตส่วนใหญ่ต่างออกมาชื่นชมท่านเจ้าอาวาสวัดฝายหิน พร้อมตั้งข้อสงสัยในสิ่งที่นายพิธาตอบกลับเจ้าอาวาสว่าเชื่อได้หรือไม่?

นอกจากนี้ยังทำให้ชื่อของ #วัดฝายหิน กลายเป็นไวรัลและมีคนสนใจวัดแห่งนี้กันเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงขอพาไปรู้จักกับวัดฝายหินที่กำลังเป็นข่าวโด่งดังอยู่ในขณะนี้กัน

วัดฝายหิน (บ้านฝายหิน ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่) เป็นวัดราษฎร์ ที่อยู่ในความอุปถัมภ์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตั้งอยู่เชิงดอยสุเทพ ด้านหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และถนนทางขึ้นสถานีส่งโทรทัศน์ช่อง 7 ทางเดียวกันกับทางขึ้นสวนสัตว์เชียงใหม่ด้านประตูหลัง

วัดฝายหิน เป็นวัดโบราณเก่าแก่อายุหลายร้อยปี มีหลักฐานปรากฏในสมัยพระเจ้าติโลกราช (พ.ศ.1985-2031) ว่าเดิมเคยเป็นอารามสำนักสงฆ์สาขา ของ ‘รตวนมหาวิหาร’ (วัดป่าแดงหลวง เชียงใหม่) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการศึกษาภาษาบาลีและพระไตรปิฎก ของคณะสงฆ์ลัทธิสิงหลใหม่ (พระพุทธศาสนาซึ่งรับมาจากประเทศศรีลังกา) คือ ฝ่ายป่าแดง (ฝ่ายอรัญญวาสี) ที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอารามฝายหินไปประมาณ 1 กิโลเมตร

วัดฝายหิน เป็นที่รู้จักทั่วไปในสมัยรัชกาลที่ ๔ โดยมี ‘ครูบาหลวงมารวิชัย’ เป็นเจ้ารูปแรกของวัด ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ วัดฝายหินเจริญรุ่งเรืองและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในสมัย ‘พระอภัยสารทะ สังฆปาโมกข์’ (ครูบาอุ่นเรือน โสภโณ) หรือที่รู้จักกันดีในนาม ‘ครูบาฝ่ายหิน’ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส

ครูบาฝ่ายหิน ท่านมีความสามารถหลายด้านจนได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘พหูสูต’ และได้รับการเชิดชูจากพระเจ้าอินทวิชยานนท์ (ราชบิดาพระราชชายาเจ้าดารารัศมี) พระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 7 ขณะนั้น แต่งตั้งให้เป็น ‘ปฐมสังฆนายก’ องค์ที่ 1 ของล้านนาไทยโดยให้มีสมณะศักดิ์ตำแหน่งนามว่า ‘ปฐมสังฆนายะกะโสภา วัดฝายหิน สังฆราชาที่ 1 เชียงใหม่’ ในปี พ.ศ. 2438

นอกจากนี้ในการประชุมสังฆสมาคม ณ วัดเบญจมบพิตร ที่กรุงเทพฯ เพื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ทางพระพุทธศาสนาในเชียงใหม่ ต่อหน้าพระพักตร์ พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ ๕ ครูบาฝายหิน ยังได้แสดงบารมีธรรม ถวายพระพรตอบกิจการพระศาสนาฝ่ายเหนืออย่างรอบรู้ เป็นที่พอพระทัยรัชกาลที่ ๕ ยิ่ง พระพุทธเจ้าหลวง จึงทรงแต่งตั้งครูบาฝายหิน เป็น ‘พระอภัยสารทะ สังฆปาโมกข์’ ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ รูปแรก

‘บิ๊กโจ๊ก’ สั่งถอนวีซ่า-ห้ามเข้าประเทศ ‘2 ชาวต่างชาติ’ หลังทำร้าย-พยายามแย่งปืน ‘ตร.ภูเก็ต’ จนได้รับบาดเจ็บ

(18 มี.ค.67) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก ‘สุรเชษฐ์ หักพาล’ เมื่อคืนวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า “วันนี้หลังจากผมได้ทราบเรื่อง ‘ตำรวจจราจร สภ.ฉลอง ถูกชาวต่างชาติทำร้ายร่างกาย’ จึงสั่งผู้การ ตม.6 เพิกถอนวีซ่า 2 ต่างชาติ ดำเนินคดีเฉียบขาด หลังจบคดี ให้สั่งห้ามเข้าประเทศอีก หลังพยายามชิงอาวุธปืนตำรวจ”

“จากเหตุการณ์เกิดที่บริเวณริมถนนหน้าร้านกิตติก๋วยเตี๋ยวเป็ด ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ต.ฉลอง อ.เมือง จว.ภูเก็ต ผู้บาดเจ็บ ด.ต.สมศักดิ์ หนูเอียด ผบ.หมู่ (จร.) สภ.ฉลอง (บาดเจ็บบริเวณนิ้วมือและขา) ถูกนำส่ง รพ.ฉลอง เหตุดังกล่าว จนท.ตร. ได้อำนวยความสะดวกจราจรและกวดขันวินัยจราจร ได้มีรถ จยย. จำนวน 2 คัน ขับขี่โดยชายชาวต่างชาติ ขับรถผ่านในลักษณะใช้ความเร็วไม่ใช้ความระมัดระวัง ด.ต.สมศักดิ์ฯ ได้เรียกให้ชายชาวต่างชาติหยุด”

“เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ชายต่างชาติทั้งสองมีท่าทีที่จะหลบหนี ด.ต.สมศักดิ์ ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเพื่อเก็บพยานหลักฐาน จากนั้นชาวต่างชาติได้ปัดโทรศัพท์มือถือและเข้าประชิดตัวกอดรัดฟัดเหวี่ยงจน ด.ต.สมศักดิ์ ล้มลงโดยมีชายต่างชาติ MR.OSCAR ขึ้นคร่อมตัวอยู่ จนด.ต.สมศักดิ์ฯ ได้รับบาดเจ็บ แล้ว MR.OSCAR ได้พยายามแย่งอาวุธปืนของ ด.ต.สมศักดิ์”

“โดย ด.ต.สมศักดิ์ ได้พยายามยามป้องกันไม่ให้ยื้อแย่งปืนไปได้ ขณะที่ยื้อแย่งกันนั้นอาวุธปืนได้ลั่นจำนวน 1 นัด ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ต่อมาได้มี จนท.ตร. ได้ขับรถมาจอดขวางและช่วยเข้าระงับเหตุ

เมื่อผมได้รับทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมสั่งการให้ดูแลเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างดี และยืนยันว่าจะลงไปเยี่ยมบำรุงขวัญอีกครั้งด้วยตัวเอง”

“ผมขอชื่นชมตำรวจที่ปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ แม้ว่าคู่กรณีจะเป็นชาวต่างชาติ แต่ก็สามารถป้องกันตัวและระงับเหตุโดยไม่หวั่นเกรงต่อชีวิต นอกจากนี้ ผมได้สั่งการให้เพิกถอนวีซ่า 2 ต่างชาติ ดำเนินคดีเฉียบขาด และหลังจบคดี ให้สั่งห้ามเข้าประเทศอีก”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top