Tuesday, 1 July 2025
NewsFeed

‘Vasily Arkhipov’ ทหารเรือชาวโซเวียตแห่งวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา ผู้ใช้สติยับยั้งสงครามนิวเคลียร์ และช่วยมนุษยชาติให้รอดพ้นจากวันสิ้นโลก

‘Vasily Arkhipov’ ผู้ที่ช่วยให้โลกใบนี้รอดพ้นจากสงครามนิวเคลียร์

‘มนุษย์’ หรือ ‘Homo sapiens’ ดำรงอยู่เผ่าพันธุ์บนโลกมาประมาณ 300,000 ปี หรือมากกว่า 109 ล้านวัน แต่วันที่อันตรายที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นวันที่เผ่าพันธุ์ของมนุษย์น่าจะเข้าใกล้ความหายนะยิ่งกว่าครั้งใด ๆ ชนิดที่เรียกว่า ‘เกือบล้างโลก’ นั้น เกิดขึ้นเมื่อ 61 ปีที่แล้ว ในวันที่ 27 ตุลาคม 1962 และบุคคลที่น่าจะทำหน้าที่ช่วยโลกให้รอดพ้นจากหายนะมากกว่าใคร ๆ ก็คือ ‘Vasily Aleksandrovich Arkhipov’ นายทหารเรือโซเวียตผู้ที่มีชีวิตอย่างเงียบสงบและเรียบง่าย

Arkhipov เกิดในครอบครัวชาวนาในเมือง Staraya Kupavna ใกล้กับกรุงมอสโก เขาได้รับการศึกษาในโรงเรียนทหารเรือชั้นสูง ‘Pacific Higher’ และเข้าร่วมสงครามโซเวียต–ญี่ปุ่น ในเดือนสิงหาคม 1945 โดยปฏิบัติหน้าที่บนเรือกวาดทุ่นระเบิด จากนั้นเขาไปเรียนที่โรงเรียนทหารเรือชั้นสูง ‘Azerbaijan’ และสำเร็จการศึกษาในปี 1947

รัศมีการยิงของขีปนาวุธสหภาพโซเวียตจากคิวบา

ในช่วงวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา ชายผู้นี้เป็นผู้หยุดยั้งวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบาไม่ให้กลายเป็นสงครามนิวเคลียร์ อันที่จริงแล้ว Vasily Arkhipov น่าจะเป็น ‘บุคคลที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่’ เขาเป็นต้นเรือ (Executive officer) แห่งเรือดำน้ำติดอาวุธนิวเคลียร์ B-59 ของโซเวียต (Hotel-class ballistic missile submarine K-19) ปฏิเสธที่จะเห็นชอบกับคำสั่งของกัปตันที่ให้ยิงตอร์ปิโดหัวรบนิวเคลียร์ใส่เรือรบสหรัฐฯ อันจะเป็นการจุดชนวนสิ่งที่อาจก่อให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ระหว่างมหาอำนาจได้

ในวันนั้น Arkhipov ต้นเรือประจำเรือดำน้ำติดอาวุธนิวเคลียร์ B-59 ของสหภาพโซเวียตแล่นอยู่ในน่านน้ำสากลใกล้คิวบา ในช่วงที่ความตึงเครียดของวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบาถึงจุดสูงสุด ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อเครื่องบินสอดแนม U-2 ของสหรัฐฯ ถ่ายภาพหลักฐานการสร้างฐานขีปนาวุธขึ้นใหม่ในคิวบา ปรากฏว่า ที่ปรึกษาทางทหารโซเวียตกำลังช่วยสร้างฐานยิงดังกล่าว ซึ่งสามารถยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ไปยังแผ่นดินสหรัฐอเมริกาที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึง 100 ไมล์ได้อย่างง่ายดาย และสหรัฐฯ อาจไม่สามารถป้องกันได้

เรือดำน้ำติดอาวุธนิวเคลียร์ B-59 ของสหภาพโซเวียต

นั่นจึงนำไปสู่การเผชิญหน้าที่ร้ายแรงที่สุดของสงครามเย็นระหว่างสหรัฐอเมริกา และสหภาพโซเวียต เป็นเวลา 13 วันแห่งความเสี่ยงสูงระหว่าง 2 มหาอำนาจนิวเคลียร์ ที่ดูเหมือนกำลังจะกลายเป็นก้าวที่ย่างพลาด

เริ่มต้นจาก ‘John F. Kennedy’ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะนั้น ออกคำสั่งในสิ่งที่เขาเรียกว่า ‘การปิดล้อมคิวบา’ โดยตั้งกองเรือรบนอกชายฝั่งของเกาะ เพื่อป้องกันไม่ให้เรือสินค้าโซเวียต ซึ่งบรรทุกขีปนาวุธหัวรบนิวเคลียร์ไปยังคิวบา และเรียกร้องให้สหภาพโซเวียตถอนขีปนาวุธที่ติดตั้งในคิวบา

ในวันที่ 27 ตุลาคม 1962 เรือดำน้ำ B-59 ของโซเวียตซึ่งดำอยู่ใต้น้ำมาหลายวัน ถูกไล่ต้อนโดยเรือพิฆาตสหรัฐฯ 11 ลำ และ ‘USS Randolph’ เรือบรรทุกเครื่องบิน โดยเรือรบของสหรัฐฯ ได้เริ่มทิ้งระเบิดน้ำลึกรอบ ๆ เรือดำน้ำ

จุดจบในกรณีนี้ ไม่ใช่แค่ชะตากรรมของเรือดำน้ำและลูกเรือเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโลกทั้งใบด้วย ด้วยพวกเขาถูกตัดขาดจากโลกภายนอก จึงขาดการติดต่อทางวิทยุกับมอสโก ตัวเรือถูกกระแทกด้วยแรงอัดจากการระเบิดของระเบิดน้ำลึก เครื่องปรับอากาศพังเสียหาย อุณหภูมิและระดับคาร์บอนไดออกไซด์ของเรือที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ และข้อสรุปที่ชัดเจนที่สุดสำหรับเจ้าหน้าที่ประจำเรือดำน้ำ B-59 ก็คือ ‘สงครามโลกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว’ แต่สิ่งหนึ่งที่ฝ่ายสหรัฐฯ ไม่รู้ คือ เรือดำน้ำ B-59 มีอาวุธ คือ ‘ตอร์ปิโดหัวรบนิวเคลียร์’ ขนาด 10 กิโลตัน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเรือได้รับอนุญาตจากมอสโกให้ยิงมันได้โดยไม่ต้องได้รับการยืนยัน

เรือรบสหรัฐฯ ได้ทิ้งระเบิดน้ำลึกใกล้เรือดำน้ำ B-59 เพื่อพยายามบังคับให้มันขึ้นสู่ผิวน้ำ และนายทหารระดับสูงของเรือ 2 คน ตกลงตัดสินใจที่จะใช้ ‘ตอร์ปิโดหัวรบนิวเคลียร์’ ทำลายเรือรบสหรัฐฯ แต่ Arkhipov ต้นเรือปฏิเสธที่จะเห็นด้วยกับคำสั่งใช้อาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งต้องได้รับความยินยอมเป็นเอกฉันท์จากเจ้าหน้าที่ระดับสูงประจำเรือ 3 คน แม้ว่าเหตุผลทุกประการที่เชื่อได้ว่า เรือรบสหรัฐฯ กำลังพยายามจะจมพวกเขา

“พวกเราต่างพากันคิดว่า จุดจบมันก็คงแค่นี้แหละ” ‘Vadim Orov’ ลูกเรือของเรือดำน้ำ B-59 ให้สัมภาษณ์กับทาง ‘National Geographic’ ในปี 2016 “เรารู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่ในถังโลหะซึ่งมีคนใช้ค้อนทุบอยู่ตลอดเวลา”

แม้กระทั่ง ‘Valentin Savitsky’ กัปตันเรือ ซึ่งตามรายงานจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ บอกว่า เขาพูดออกมาว่า “เราจะต้องระเบิดพวกมันเดี๋ยวนี้!! ไม่งั้นเราจะตาย แต่เราจะจมพวกมันทั้งหมด เราจะไม่ยอมกลายเป็นความอับอายของกองทัพเรือแห่งสหภาพโซเวียต”

เรือดำน้ำ B-59 กลับขึ้นสู่ผิวน้ำ มุ่งหน้าออกจากคิวบา และแล่นกลับไปยังสหภาพโซเวียต

โชคดีที่ไม่ใช่เพียงแค่ดุลยพินิจของกัปตันแต่เพียงผู้เดียว ในการยิงตอร์ปิโดหัวรบนิวเคลียร์ แต่เจ้าหน้าที่อาวุโสประจำเรือดำน้ำทั้ง 3 คน ต้องเห็นด้วยทั้งหมด และ Vasily Arkhipov ต้นเรือวัย 36 ปี ได้ปฏิเสธที่จะให้ความยินยอม เขาโน้มน้าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเรือดำน้ำอีก 2 คนว่า แท้จริงแล้วการทิ้งระเบิดน้ำลึกของเรือรบสหรัฐฯ เป็นการกระทำเพื่อส่งสัญญาณให้เรือดำน้ำ B-59 ขึ้นสู่ผิวน้ำ เพราะเรือรบของสหรัฐฯ ไม่มีทางเลือกอื่นที่จะติดต่อสื่อสารกับเรือดำน้ำโซเวียตได้

ดังนั้น หากพวกเขายิงตอร์ปิโดหัวรบนิวเคลียร์ จะเป็นความผิดพลาดร้ายแรงที่สุด ในที่สุดแล้วเรือดำน้ำ B-59 ต้องกลับขึ้นสู่ผิวน้ำและเดินทางมุ่งหน้าออกจากคิวบา เพื่อแล่นกลับไปยังสหภาพโซเวียต

นาวาอากาศตรี ‘Rudolf Anderson’ นักบิน U-2 ของสหรัฐฯ เป็นผู้เสียชีวิตเพียงรายเดียวในวิกฤติครั้งนั้น

ความกล้าหาญด้วยความเยือกเย็นของ Arkhipov ไม่ได้เป็นจุดสิ้นสุดของวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา ในวันเดียวกันนั้นเอง นาวาอากาศตรี ‘Rudolf Anderson’ นักบิน U-2 ของสหรัฐฯ ก็ถูกยิงตกและเสียชีวิตขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเหนือคิวบา Anderson เป็นผู้เสียชีวิตรายแรกและรายเดียวในวิกฤติอันเป็นเหตุการณ์ที่อาจนำไปสู่สงครามนิวเคลียร์ได้ หากประธานาธิบดี Kennedy ไม่ได้สรุปว่า ‘Nikita Sergeyevich Khrushchev’ นายกรัฐมนตรีโซเวียต ไม่ได้เป็นผู้ออกคำสั่งให้ยิงเครื่องบิน U-2 ของสหรัฐฯ

‘John F. Kennedy’ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ ‘Nikita Khrushchev’ นายกรัฐมนตรีโซเวียต

การติดต่อพูดคุยอย่างใกล้ชิดครั้งนั้น ทำให้ผู้นำทั้ง 2 ต่างสงบสติอารมณ์ลง พวกเขาเปิดการเจรจาแบบ Backchannel ซึ่งท้ายที่สุด จึงนำไปสู่การถอนขีปนาวุธในคิวบาของสหภาพโซเวียต และการถอนขีปนาวุธของสหรัฐฯ ในตุรกีในเวลาต่อมาเพื่อเป็นการตอบแทน และถือเป็นการสิ้นสุดของการเข้าใกล้จุดจบของโลก ด้วยสงครามนิวเคลียร์มากที่สุดเท่าที่เคยมีมาจนถึงทุกวันนี้

การกระทำของ Arkhipov สมควรได้รับการยกย่องเป็นพิเศษ เพราะ Arkhipov ติดอยู่ในเรือดำน้ำที่ขับเคลื่อนด้วยดีเซล ซึ่งอยู่ห่างจากมาตุภูมิหลายพันไมล์ เขาถูกแรงกระแทกจากระเบิดลึกซึ่งอาจทำให้ลูกเรือเสียชีวิตทั้งหมดได้ หากเขายอมรับการตัดสินใจยิงตอร์ปิโดหัวรบนิวเคลียร์ ก็อาจจะทำให้กองเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ กลายเป็นจุล และคร่าชีวิตลูกเรืออเมริกันอีกหลายพันคน ซึ่งนั่นอาจทำให้ประธานาธิบดี Kennedy และนายกรัฐมนตรี Khrushchev ไม่สามารถถอยออกจากขอบเหวแห่งหายนะนี้ได้ และวันที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์ของ มนุษยชาติ อาจเป็นวันสุดท้ายของพวกเราทุกคน

‘Elena’ ผู้เป็นลูกสาว และ ‘Sergei’ หลานชายของ Vasily Arkhipov กับรางวัล ‘The Future of Life Award’

สำหรับความกล้าหาญของเขา จึงทำให้ในปี 2017 Arkhipov เป็นคนแรกที่ได้รับรางวัล ‘Future of Life’ จาก ‘Future of Life Institute’ (FLI) องค์กรไม่แสวงผลกำไร ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเคมบริดจ์ โดย Arkhipov เสียชีวิตลงเมื่อปี 2008 ก่อนที่จะมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องราวการกระทำของเขา จนกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

ซึ่ง ‘Max Tegmark’ ประธาน FLI กล่าวในพิธีมอบรางวัลนี้ ว่า “Vasily Arkhipov อาจเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่”

ระเบิดปรมาณูที่เมืองนางาซากิ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1945

นับตั้งแต่การทิ้งระเบิดปรมาณูที่เมืองนางาซากิ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1945 ก็ไม่มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในสงครามอีกเลย แต่ในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียทวีความรุนแรงขึ้นจากสงครามในยูเครน จนเริ่มมีการนำประเด็นการใช้อาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมากล่าวถึง

มนุษยชาติจะต้องตระหนักรู้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของ ‘วันสิ้นโลก’ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากอาวุธเหล่านี้ให้ดี ดังเช่น ‘Vasily Arkhipov’ ผู้ซึ่งในช่วงเวลาของการตัดสินใจ ในความเป็นและความตายนั้น เขาตัดสินใจเลือกให้มนุษยชาติ มีชีวิตอยู่มากกว่าการสูญสลายไปจนหมดสิ้น

เรื่อง : ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล
ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการสมัยใหม่ อาจารย์พิเศษหลักสูตรปริญญาโทและเอก นักเล่าเรื่องมากมายในหลากหลายมิติ เป็นผู้ที่ชื่นชมสนใจในประวัติศาสตร์สงครามสมัยใหม่ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ

'รสนา' พร้อมยกพลขอบคุณ 'พีระพันธุ์' ถึงทำเนียบ ถ้าราคา LPG ครัวเรือนต่ำสุดที่ 219 บาท ต่อ 15 กก.ได้จริง

(29 ธ.ค. 66) น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

ข่าวเชียร์พีระพันธุ์สอนมวยก้าวไกลตอบกระทู้ในสภาว่าครัวเรือนได้ค่าก๊าซหุงต้มต่ำสุดที่ถังละ 219 บาท แต่ราคาจริงยังอยู่ที่ 495.75 บาท/ถัง

ดิฉันได้ดูคลิปที่มีคนทำขึ้นมาเชียร์รมว.พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค สอนมวยก้าวไกลในการตอบกระทู้เรื่องพลังงานในรัฐสภา เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ว่าคำถามเรื่องพลังงานของก้าวไกลล้าสมัยหมดแล้ว โดยระบุมีมติ กพช. เรื่องการจัดสรรราคาก๊าซจากอ่าวไทยใหม่แล้ว เมื่อ 7 ธันวาคม 2566 ว่าปิโตรเคมีได้ใช้ก๊าซในราคา 362 บาทเท่ากลุ่มอุตสาหกรรมอื่น (ไม่ได้ระบุว่าราคาต่อหน่วยอะไร)

ส่วนประชาชนในครัวเรือนได้ใช้ LPG เป็นก๊าซหุงต้มในราคาถูกที่สุด ที่ราคา 219 บาท ท่านไม่ได้ระบุเช่นกันว่า 219 บาทเป็นราคาต่อหน่วยอะไร

ดิฉันอนุมานว่า 219 บาทน่าจะเป็นราคาก๊าซหุงต้มต่อถัง 15 กิโลกรัมจากโรงแยกก๊าซที่ยังไม่ได้บวกภาษี และค่าการตลาด เมื่อสันนิษฐานเช่นนี้ แสดงว่าก๊าซหุงต้มราคาต่อกิโลกรัมคือ 14.60 บาท

แต่เมื่อมาดูตารางราคาก๊าซ LPG ในโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้มในตารางส้มของวันนี้ (วันที่ 28 ธันวาคม 2566) จะพบว่าราคาเนื้อก๊าซหน้าโรงแยก ที่ยังไม่ได้รวมภาษี และค่าการตลาด ราคายังอยู่ที่กิโลกรัมละ 25.7135 บาท ซึ่งตัวเลขยังไม่ได้ปรับลดลงเป็นกิโลกรัมละ 14.60 บาท (219 บาท/15 กิโลกรัม) ตามที่ท่านรัฐมนตรีตอบกระทู้ในสภา

ราคาก๊าซในตารางส้ม เนื้อก๊าซหน้าโรงแยก ราคากิโลกรัมละ 25.7135 บาท เมื่อบวกภาษี ค่าการตลาด และเอากองทุนน้ำมันมาชดเชยราคา - 7.1826 บาท ทำให้ราคาเนื้อก๊าซปลายทางมีราคากิโลกรัมละ 25.87 บาท ถ้าไม่เอากองทุนฯ มาอุ้มราคา 7.1826 บาท ราคาก๊าซหุงต้มขายปลีกจะมีราคากิโลกรัมละ 33.0526 บาท เมื่อคำนวณราคาต่อถัง 15 กิโลกรัม ราคาขายปลีกจริงคือ 495.789 บาท

ถ้าราคา LPG สำหรับครัวเรือนตามที่ท่านพีระพันธุ์พูดว่าจะได้ราคาต่ำสุดที่ 219 บาทนั้น หากการอนุมานของดิฉันถูกต้อง ราคาเนื้อก๊าซหุงต้มจะเป็นราคากิโลกรัมละ 14.60 บาท เมื่อรวมภาษีและค่าการตลาดแล้วจะเป็นราคากิโลกรัมละ 21.65 บาท ราคาต่อถัง 15 กิโลกรัมจะมีราคาเพียง 324.75 บาท ถูกกว่าราคาปัจจุบันที่ 495.75 บาท/ถัง และไม่ต้องใช้กองทุนน้ำมันมาอุ้มราคา และถูกกว่าราคาที่รัฐบาลจะตรึงราคาที่ถังละ 423 บาทไปถึง เดือนมีนาคม 2567 อีกด้วย

ดิฉันต้องขอให้ท่านรัฐมนตรีกรุณาตอบคำถามให้ชัดเจนว่าตัวเลขที่ท่านบอกว่าครัวเรือนจะได้ใช้ก๊าซอ่าวไทยถูกที่สุดในราคา 219 บาทนั้น เป็นไปที่ดิฉันคำนวณหรือไม่ หากไม่ใช่ ก็ขอให้ท่านกรุณาตอบให้ดิฉันได้ทราบว่าก๊าซหุงต้มตามตัวเลขที่ท่านตอบกระทู้ในสภานั้น จะมีราคาขายปลีกเท่าไหร่กันแน่ ?

ขอคำตอบชัด ๆ ให้กับกระทู้นอกสภาของดิฉันด้วย !!

ถ้าท่านรัฐมนตรีสามารถทำให้ครัวเรือนได้ใช้ก๊าซหุงต้มราคาหน้าโรงแยกที่ 219 บาท/15 กิโลกรัมได้จริง จะถือว่าท่านได้ทำการแก้ไขต้นทุนก๊าซหุงต้มที่เป็นธรรมต่อประชาชนอย่างแท้จริง และถ้าท่านทำได้จริงตามที่พูด ดิฉันจะเชิญชวนประชาชนไปร่วมขอบคุณท่านรัฐมนตรีถึงทำเนียบรัฐบาลเลยทีเดียว 

เปิดใช้รถไฟฟ้า ‘เหลือง-ชมพู’ ส่วน ‘ม่วง-แดง’ ราคาเดียว 20 บาทตลอดสาย

‘รถไฟฟ้า’ ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำคัญสำหรับการเดินทางของคนในกรุงเทพฯ ซึ่งก็มีบริการหลากสาย หลากสี เชื่อมต่อการเดินทางให้เกิดความสะดวกสบาย ทั้ง BTS MRT และ Airport Rail Link ซึ่งในปี 2566 นี้ มีรถไฟฟ้า 2 สายด้วยกันที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้ใช้บริการ

สายแรกคือ ‘สายสีเหลือง’ หรือที่มีชื่อน่ารัก ๆ ว่า ‘น้องเยลโล่’ ให้บริการช่วงสถานีลาดพร้าว-สถานีสำโรง จำนวน 23 สถานี ระยะทาง 30.4 กม. เปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการฟรี 13 สถานี (แยกลำสาลี-สำโรง) เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 66 และเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ทั้ง 23 สถานี (ลาดพร้าว-สำโรง) เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 66 ที่ผ่านมา

โดยรถไฟฟ้าสายสีเหลืองสามารถเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ ได้ เช่น เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีลาดพร้าว / เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีสำโรง / เชื่อมสายสีส้ม สถานีลำสาลี และเชื่อมต่อรถไฟฟ้าแอร์ลิงก์ สถานีหัวหมาก

สายต่อมาคือ ‘สายสีชมพู’ หรือที่หลายคนเรียกว่า ‘น้องนมเย็น’ ให้บริการช่วงสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี-มีนบุรี จำนวน 30 สถานี เปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการฟรีเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 66 และเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 66 ที่ผ่านมา

สำหรับรถไฟฟ้าสายสีชมพู สามารถเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ ได้ เช่น เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี / เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีแดง ที่สถานีหลักสี่ / รถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ และในอนาคตเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่สถานีมีนบุรี

นอกจากนี้ยังมี รถไฟฟ้า ‘สายสีส้ม’ ส่วนตะวันออก ให้บริการช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) จำนวน 17 สถานี ระยะทาง 22.57 กม. ซึ่งปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ 100% แต่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เนื่องจากสัญญาเดินรถได้รวมอยู่กับสัญญาการจัดหาเอกชนร่วมลงทุนเดินรถในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) และก่อสร้างงานโยธาส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์ - ศูนย์วัฒนธรรมฯ

โดยปัจจุบันแม้จะมีการเปิดประกวดราคาและได้ตัวเอกชนผู้ยื่นข้อเสนอดีสุดแล้ว แต่ยังไม่สามารถลงนามสัญญาร่วมลงทุนได้ เนื่องจากปัจจุบันโครงการนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลปกครองกลาง กรณีที่มีเอกชนยื่นฟ้องเกี่ยวกับข้อกำหนดหลักเกณฑ์คัดเลือกเอกชน ส่งผลให้โครงการดังกล่าวยังไม่สามารถดำเนินการต่อได้ แต่คาดการณ์ว่าจะเปิดใช้เร็วที่สุดในปี 2569

และแน่นอนว่า นอกจากจะมีการเปิดใช้รถไฟฟ้าทั้งสีเหลืองและชมพู ที่ทำให้การเดินทางครอบคลุมทุกพื้นที่มากยิ่งขึ้น เรื่องการเก็บค่าบริการที่ประชาชนเข้าถึงง่ายก็เป็นอีกหนึ่งโจทย์ที่รัฐบาลมุ่งมั่นทำให้เกิดขึ้นจริง เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนให้ได้มากที่สุด

โดยเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 66 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ประกาศปรับค่าโดยสารรถไฟฟ้าสีแดงและสีม่วงเป็นราคาสูงสุดไม่เกิน 20 บาทตลอดสาย โดยมีเงื่อนไขดังนี้

กรณีเดินทางข้ามสาย ระหว่าง ‘สายสีแดง-สายสีม่วง’ จะต้องแตะเข้า-ออก และจ่ายค่าโดยสารด้วยบัตร EMV Contactless หรือบัตรเครดิต-บัตรเดบิตเท่านั้น โดยบัตรที่สามารถใช้งานได้ มีดังนี้

-บัตรเครดิต : รองรับทุกธนาคาร ที่มีสัญลักษณ์ วีซ่า (Visa) และมาสเตอร์การ์ด (Mastercard)
-บัตรเดบิต : รองรับเฉพาะบัตรเดบิตของธนาคารกรุงไทย และธนาคารยูโอบี
-บัตรพรีเพด : รองรับทุกธนาคาร ที่มีสัญลักษณ์ วีซ่า (Visa) และมาสเตอร์การ์ด (Mastercard) เช่น บัตร Travel Card บัตร Play ของเป๋าตังเปย์

ทั้งนี้ จะต้องใช้บัตรใบเดียวกันในการแตะเข้า-ออกระบบรถไฟฟ้า เพื่อรับสิทธิค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย

สำหรับรายละเอียดการคิดค่าโดยสาร และการใช้บัตรเครดิต-บัตรเดบิต เพื่อรับสิทธิค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย กรณีเดินทางข้ามสาย มีดังนี้

1. อัตราค่าโดยสาร กรณีเดินทางข้ามสายระหว่างรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง สูงสุดไม่เกิน 20 บาท เริ่มให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00-24.00 น.

2. ผู้โดยสารที่เดินทางข้ามสายผ่านระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ต้องใช้บัตรเครดิต Mastercard และ Visa ของทุกธนาคาร หรือบัตรเดบิต Mastercard และ Visa ของธนาคารกรุงไทย และธนาคารยูโอบี เข้า-ออกระบบรถไฟฟ้า ที่ทางเข้า-ออก (Gate) ระบบรถไฟฟ้าที่รองรับการใช้งานระบบ EMV Contactless โดยไม่รับเงินสด หรือระบบตั๋วโดยสารของแต่ละผู้ให้บริการรถไฟฟ้า

3. การเดินทางเชื่อมต่อระหว่างระบบรถไฟฟ้าสายสีแดง กับรถไฟฟ้าสายสีม่วง จะต้องเปลี่ยนสถานีที่ ‘สถานีบางซ่อน’ เท่านั้น

4. ผู้โดยสารที่เดินทางข้ามสายระหว่างระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง กับรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง จะต้องเดินทางข้ามระบบภายใน 30 นาที และใช้บัตรใบเดียวกัน หากเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนด จะคิดตามอัตราค่าโดยสารสูงสุดคือ 42 บาท

ทั้งนี้ ผู้โดยสารควรมีเงินสำรองภายในบัตร ไม่ต่ำกว่า 40 บาท เพื่อรองรับการเรียกเก็บอัตราค่าโดยสารผ่านบัตร EMV Contactless จากทางธนาคาร โดยหากการเดินทางเข้าเงื่อนไขตามนโยบายอัตราค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 20 บาท ธนาคารจะดำเนินการ Cash Back กลับเข้าบัตรให้ภายใน 3 วัน

#เหตุการณ์ที่ต้องจำ

‘นายกฯ’ เกาะติด ‘น้ำท่วมชายแดนใต้’ กำชับทุกหน่วยช่วย ปชช.ให้ทั่วถึง ยัน!! รัฐบาลพร้อมฟื้นฟู-เยียวยาทันที ขอบคุณ จนท.ที่ทำงานเต็มกำลัง

(29 ธ.ค. 66) น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ติดตามและรับรายงานสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดชายแดนใต้ ที่ขณะนี้ มวลน้ำไหลไปที่จังหวัดปัตตานีแล้ว ทำให้จังหวัดมีน้ำท่วมสูง โดยนายกฯ ยังเป็นห่วงประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัย โดยสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานความมั่นคง ร่วมกันช่วยเหลือประชาชนในเรื่องอาหาร น้ำ ของใช้จำเป็น และยา กำชับให้ช่วยเหลืออย่างทั่วถึง และในพื้นที่ห่างไกลที่ประชาชนออกมาไม่ได้ อย่าให้ประชาชนเดือดร้อน

“นายกฯ ย้ำเรื่องการเตือนภัยและอพยพประชาชน หากจำเป็นก็ต้องทำ ส่วนเรื่องการเยียวยา ให้ความมั่นใจ ประชาชนทุกคนที่ประสบภัยจะได้รับการเยียวยา ฟื้นฟูทันทีเช่นกัน ทั้งนี้ นายกฯขอบคุณและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และทุกหน่วยงานที่ทุ่มเท เสียสละเพื่อดูแลพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย”

‘YG Ent.’ เผย 4 สาว BLACKPINK ไม่ต่อสัญญาเดี่ยว แต่ต่อสัญญาสำหรับทำกิจกรรมในนามวงเท่านั้น

(29 ธ.ค. 66) สำนักข่าวเกาหลีได้มีการเปิดเผยข้อมูลว่า YG Entertainment กล่าวในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า “สวัสดี นี่คือ YG Entertainment เมื่อเร็ว ๆ นี้ YG ได้ลงนามในสัญญาขยายเวลาสำหรับกิจกรรมกลุ่มของ BLACKPINK และเราได้ตกลงกันที่จะไม่ดำเนินการทำสัญญาแยกต่างหากสำหรับกิจกรรมเดี่ยวของแต่ละเมมเบอร์ เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสนับสนุนกิจกรรมของ Blackpink และเราจะสนับสนุนกิจกรรมส่วนบุคคลของสมาชิกอย่างอบอุ่น”

ทั้งนี้เมื่อไม่กี่วันก่อน สาวเจนนี่ หนึ่งในสมาชิกก็เพิ่งคอนเฟิร์มด้วยตัวเองว่าเธอนั้น ขึ้นแท่น CEO เปิดค่ายตัวเอง ชื่อ ‘ODD ATELIER’ โดยแจ้งข่าวให้แฟน ๆ ได้ทราบว่า “สวัสดี นี่คือ เจนนี่ ปีนี้เต็มไปด้วยความสำเร็จมากมาย

และฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับความรักทั้งหมดที่ฉันได้รับ ฉันยังตื่นเต้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ในขณะนี้ฉันได้เริ่มต้นการเดินทางในฐานะศิลปินเดี่ยว (โซโล่) ในปี 2024 กับบริษัทที่ฉันก่อตั้งชื่อว่า OA โปรดแสดงความรักอย่างมากมายสำหรับการเริ่มต้นใหม่ของฉันกับ OA (ODD ATELIER) และแน่นอน BLACKPINK ด้วย ขอบคุณ”

นายกรัฐมนตรีเปิดนิทรรศการ “ของขวัญปีใหม่”พ.ศ.2567 ให้แก่ประชาชน และข้าราชการตำรวจ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดนิทรรศการของขวัญปีใหม่ เพื่อเป็นของขวัญแก่ประชาชน และเพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ ในโอกาสเทศกาลสำคัญประจำปี 2567 และเป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 14/2567

วันที่ 28 ธ.ค.66 เวลา 10.00 น. ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดนิทรรศการ “ของขวัญปีใหม่” พ.ศ. 2567 โดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และข้าราชการตำรวจ เข้าร่วมพิธีฯ

สำหรับ ในปี พ.ศ.2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบของขวัญแก่พี่น้องประชาชน และข้าราชการตำรวจ ตามนโยบายรัฐบาล จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย 

1. โครงการแอปพลิเคชันป้องกันการหลอกหลวง “Protect U” โดยกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ซึ่งเป็นโครงการที่จัดทำขึ้นในการแจ้งเตือนภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งการเตือนหมายเลขโทรศัพท์ที่โทรเข้า รวมถึงข้อความที่มีลิงค์ที่ไม่ปลอดภัย เพื่อเป็นการป้องกันมิให้หลงตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ รวมถึงเป็นช่องทางในการอำนวยความสะดวกในการประสานแจ้งขอความช่วยเหลือ หรือแจ้งความกรณีหลงตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ 

โดยเป็นการพัฒนาต่อยอดจาก www.thaipoliceonline.com, www.เช็คก่อน.com และ www.ฉลาดโอน.com

2. โครงการพัฒนาช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Automatic Channel) โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ซึ่งเป็นโครงการในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและ
ชาวต่างประเทศในการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรไทย โดยการนำเอาเทคโนโลยีทันสมัยมาประยุกต์ใช้
เพื่อลดขั้นตอนการดำเนินการ อีกทั้งเพื่อเป็นการแบ่งเบาภารกิจของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน 

3. โครงการ Police Wellness โดยสำนักงานกำลังพล ซึ่งเป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อเป็นสวัสดิการแก่ข้าราชการตำรวจ และครอบครัว เพื่อเป็นการเสริมสร้างขวัญกำลังใจ และแบ่งเบาภาระของข้าราชการตำรวจ โดยมอบสวัสดิการด้านส่วนลดในการเข้าใช้บริการที่พักสถานตากอากาศ ประกอบด้วย 1. ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการตำรวจ The Cop Seminar & Resort ต.บางละมุง อ.บางละมุงจ.ชลบุรี  2. ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการตำรวจ (ค่ายพระราม 6) Sea Sand Sun ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยคิดอัตราห้องพัก ในอัตราเดียวกับข้าราชการตำรวจ            

ทั้งนี้ เมื่อเสร็จสิ้นการเปิดโครงการนิทรรศการของขวัญปีใหม่ นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 14/2566 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีรายละเอียดเบื้องต้น เพื่อรับฟังรายงานผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านต่าง ๆ

โรงพยาบาลตำรวจ จัดกิจกรรม 'สุขภาพดี ส่งสุข สู่ภูมิลำเนา' มอบความสุขให้ผู้เดินทางช่วงปีใหม่

โรงพยาบาลตำรวจ จัดกิจกรรม "สุขภาพดี ส่งสุข สู่ภูมิลำเนา" จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ตรวจความพร้อมสุขภาพก่อนเดินทาง เพื่อมอบความสุข ความอุ่นใจให้กับประชาชน ที่เดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 

วันพฤหัสบดีที่ 28  ธันวาคม 2566 ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ, พล.ต.ต.หญิง รชยา บุรพลพิมาน ผู้บังคับการอำนวยการโรงพยาบาลตำรวจ, พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ, พ.ต.อ.หญิง คนึงนิจ สิงห์ไกร พยาบาล (สบ 5) หัวหน้ากลุ่มงานพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ, พ.ต.อ.หญิง ทัศนีย์ รวีภควัต นายแพทย์ (สบ 5) หัวหน้ากลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลตำรวจ และ พ.ต.อ.ณัฐพล ปิตะนีละบุตร นายแพทย์ (สบ 5) หัวหน้ากลุ่มงานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลตำรวจ ร่วมโครงการ "ปีใหม่ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน" ของกระทรวงคมนาคม ซึ่งปีนี้ โรงพยาบาลตำรวจร่วมจัดกิจกรรม "สุขภาพดี ส่งสุข สู่ภูมิลำเนา" นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ตรวจความพร้อมสุขภาพก่อนการเดินทาง ให้พนักงานขับรถ และประชาชนที่มาใช้บริการ อาทิ

-ตรวจโรคทั่วไปวัดความดัน วัดไข้

-ตรวจคัดกรองผู้มีภาวะเสี่ยงติดเชื้อโควิด (ตรวจ ATK)

-แจกพิมเสนน้ำ

-แจกยาสามัญประจำบ้าน

-มอบความสุขด้วยเสียงดนตรีโดยวงดนตรี PGH Band

นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ยังมอบยาและตู้ยาสามัญประจำบ้าน ให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยมีนายสุขใจ เจริญผล รองผู้อำนวยการฝ่ายด้านแผนพัฒนาฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ เป็นผู้รับมอบ

การออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ครั้งนี้สร้างความยินดีให้กับผู้ใช้บริการเป็นอย่างมาก โดยให้ความสนใจมาใช้บริการกว่า 80 ราย พร้อมขอบคุณนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ ทีมแพทย์ และเจ้าหน้าที่ ที่มาให้บริการตรวจสุขภาพในครั้งนี้ 

จากการตรวจร่างกาย พบผู้มาใช้บริการส่วนใหญ่ มีอาการปวดศรีษะ เป็นไข้ ปวดตามกล้ามเนื้อ และมีภาวะความดันสูง ซึ่งแพทย์ให้การรักษาให้ยาลดอาการในเบื้องต้น พร้อมแนะนำวิธีการบรรเทาโรค 

พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์  นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า โรงพยาบาลตำรวจ ให้ความสำคัญเรื่องความพร้อมของสุขภาพก่อนเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือท่องเที่ยว ช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ จึงนำทีมแพทย์มาให้บริการตรวจสุขภาพ และแจกยาที่จำเป็นต่อการเดินทาง เพื่อสร้างความอุ่นใจให้ผู้เดินทางทุกคน เดินทางไป-กลับอย่างปลอดภัย 

ศูนย์ประชาสัมพันธ์ สื่อสารองค์กร และโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ขออนุญาตเผยแพร่ภาพและข่าวประชาสัมพันธ์ที่มีภาพบุคคลในกิจกรรมดังกล่าว

"ศูนย์กลางข่าวสาร ประสานฉับไว ใส่ใจบริการ เพื่อตำรวจและประชาชน"

พระราชทานเพลิงศพ 'ตำรวจธาตุพนม' อย่างสมเกียรติ หลังเสียชีวิตจากการเข้าระงับเหตุชายคลั่งก่อเหตุใช้มีดแทงตำรวจเสียชีวิต

เมื่อวานนี้ 28 ธ.ค.66) เวลา 13.00 น. พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 พร้อม คุณสุทธาสินี สงวนโภคัย ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 4 เดินทางมาเป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ ร.ต.ท.อิสราวุฒิ  โกพลรัตน์ รอง สว.(ป) สภ.ธาตุพน จ.นครพนม ณ เมรุวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม หลังเข้าระงับเหตุ นายอานุเดช ผู้ป่วยจิตเวชซึ่งมีอาการประสาทหลอนและคลุ้มคลั่งภายในบ้านพักหมู่บ้านโชคอำนวย ระหว่างนั้นคนร้ายได้ใช้อาวุธมีดทำร้าย ร.ต.ท.อิสราวุฒิ จนเสียชีวิต โดยพิธีพระราชทานเพลิงศพถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ ท่ามกลางข้าราชการตำรวจและผู้ร่วมพิธีจำนวนมาก

โดยเบื้องต้นครอบครัวของ ร.ต.ท.อิสราวุฒิ  โกพลรัตน์ จะได้รับสำหรับสิทธิประโยชน์ และบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษเบื้องต้น ดังนี้ 
-  ช่วยเหลือจากกองทุนสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
- เงินช่วยเหลือจากสมาคมแม่บ้านตำรวจ
- กองทุนสวัสดิการ ช่วยเหลือข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตฯ ภ.4 
-  กองทุน พล.ต.อ.สันติ เพ็ญสูตร พ.ศ.2553
-  มูลนิธิบุญยะจินดา เพื่อข้าราชการตำรวจและครอบครัว ว่าด้วยการสงเคราะห์ ข้าราชการตำรวจและครอบครัว พ.ศ.2548
-  มูลนิธิ พล.ต.อ.บุญทิน วงศ์รักมิตร 
- มูลนิธิตำรวจภูธรภาค 4
- กองทุนตำรวจอีสาน   
-  และเงินสิทธิประโยชน์ช่วยเหลืออื่น ๆ รวมทั้งสิ้นกว่า 3.5 ล้านบาท

ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 ได้มอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวไปแล้วส่วนหนึ่ง พร้อมทั้งให้กำลังใจและแสดงความเสียใจแก่ครอบครัว ร.ต.ท.อิสราวุฒิ สำหรับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการ ที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ จะได้รับต่อไปหลังจากนี้ ทางตำรวจภูธรภาค 4 จะดูแลสวัสดิการต่าง ๆ แก่ครอบครัวของนายตำรวจที่เสียสละชีวิตอย่างดีที่สุด นอกจากนี้ หากผู้เสียชีวิตมีทายาท สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการบรรจุให้เข้ารับราชการตำรวจ เมื่อสำเร็จการศึกษาตามที่เงื่อนไขได้กำหนดไว้ 

‘สรรพากร’ สั่งเข้ม!! ทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ ส่งข้อมูลรายได้ร้านค้าออนไลน์ เริ่ม 1 ม.ค.67

(29 ธ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2566 เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง การกำหนดให้อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มจัดทำบัญชีพิเศษ เพื่อนำส่งข้อมูลรายรับของผู้ประกอบการให้กับกรมสรรพากร โดยจะมีผลบังคับใช้กับข้อมูลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 เป็นต้นไป

โดยกำหนดเงื่อนไขดังนี้ ให้อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มที่จดทะเบียนในไทย และมีหรือเคยมีรายได้ในรอบบัญชีเกิน 1,000 ล้านบาท ต้องทำบัญชีพิเศษ หรือ บัญชีที่แสดงข้อมูลรายรับของอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มที่ได้รับจากผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ขายสินค้าหรือบริการบนแพลตฟอร์ม โดยต้องนำส่งไปให้กรมสรรพากร ภายใน 150 วันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี

นอกจากนี้ จะต้องมีการเชื่อมและนำส่งข้อมูล ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของสรรพากรด้วย สำหรับแพลตฟอร์มที่ให้บริการในไทยมีจำนวนมาก อาทิ ธุรกิจ e-Commerce, บริการส่งอาหารและสินค้า อาทิ Shopee, Lazada, Line Man, Grab, Tiktok เป็นต้น

‘CNN’ เลือก ‘วัดอรุณ’ เป็นหนึ่งในจุดถ่ายทอดสดเคาท์ดาวน์ทั่วโลก ขึ้นแท่นแลนด์มาร์กสำคัญส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2567

(29 ธ.ค. 66) ‘CNN International’ ได้ประกาศเฉลิมฉลองวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ด้วย ‘New Year’s Eve Live’ การถ่ายทอดสดกิจกรรมเคาท์ดาวน์ทั่วโลก โดยได้เลือก ‘วิจิตรอรุณ’ เป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญและตัวแทนกิจกรรมเอกลักษณ์ของไทย ซึ่งจะถูกถ่ายทอดสดในครั้งนี้ด้วย

สำหรับกิจกรรม ‘วิจิตรอรุณ’ ถือเป็นไฮไลต์ของกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในเดือนธันวาคม 2566 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เนรมิตพื้นที่สวนนาคราภิรมย์ กรุงเทพฯ ให้เป็นสถานที่เฉลิมฉลองค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ยิ่งใหญ่ ด้วยภาพความสวยงามของแลนด์มาร์กของประเทศไทย อย่าง ‘พระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร’ คู่กับนวัตกรรมแสง สี เสียง และสื่อประสมที่ทันสมัย ผสมผสานการแสดงทางวัฒนธรรม ปิดท้ายด้วยการแสดงพลุที่สวยงามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ยาวต่อเนื่องกว่า 7 นาที

โดยแบ่งเป็น 9 องก์ ประกอบด้วย อรุณรุ่ง / อรุณแห่งศรัทธา / รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย / ดินแดนแห่งความสุข / สยามเมืองยิ้ม / รุ่งอรุณแห่งการท่องเที่ยว / แสงอรุณแห่งอิสระเสรี / เจริญ รุ่งโรจน์ และ แสงอรุณแห่งความเชื่อ ศรัทธา ก้าวหน้า รอยยิ้มสะท้อนสัญญาณแห่งการเริ่มต้นปีศักราชและส่งมอบความสุขต้อนรับปีใหม่ 2567

กิจกรรมนี้ ยังเป็นส่วนหนึ่งของบิ๊กอีเวนต์ ‘Thailand  Winter Festivals’ ซึ่งจัดขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ประเภท Festival โดยเฉพาะนโยบายของ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่คาดหวังให้ประเทศไทยมีกิจกรรมพิเศษอันจะเป็นที่จดจำ และกลายเป็นหมุดหมายในการเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงดึงดูดชาวต่างชาติผ่านแนวคิด ‘Meaningful Relationship’ ให้นักท่องเที่ยวที่เคยมาเยี่ยมเยือนประเทศไทยแล้วระลึกถึงความทรงจำที่สวยงามของการท่องเที่ยวไทยและอยากกลับมาเยือนอีกครั้ง

ททท. คาดว่า CNN ได้เลือกวิจิตรอรุณเป็นตัวแทนประเทศไทยสำหรับการถ่ายทอดสดนั้น เป็นเพราะกิจกรรมนี้ ได้นำเสนอความงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมประเพณีไทย ร่วมกับสถานที่ที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญ คือ ‘พระปรางค์วัดอรุณ’ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลก และยังคาดว่า ‘New Year’s Eve Live’ จะเป็นที่สนใจของผู้รับชม CNN International กว่า 347 ล้านครัวเรือนทั่วโลก เนื่องจากมีการถ่ายทอดสดจากสถานที่เอกลักษณ์สำคัญของโลก ที่เป็นหนึ่งในใจด้านการเฉลิมฉลองวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ อาทิ เมืองซิดนีย์ กรุงโตเกียว ไปจนถึง ไทม์สแควร์ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

ททท. จึงมีความยินดีเป็นอย่างมาก ที่กิจกรรมวิจิตรอรุณและกรุงเทพมหานครได้รับพิจารณาในครั้งนี้ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งจะช่วยส่งต่อภาพความสวยงามของวัฒนธรรม ประเพณี และแหล่งท่องเที่ยวไทย ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในใจ ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะจดจำ ประทับใจ และอยากเดินทางมาเยี่ยมเยือนในอนาคต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top