Tuesday, 1 July 2025
NewsFeed

‘ลอรี่ พงศ์พล’ ใจหาย!! ได้ออกรายการ ‘คุยถึงแก่น’ เทปสุดท้าย ขอเป็นกำลังใจให้ทีมงาน เชื่อ!! แฟนข่าวรอดูผลงานดีๆ อีกเพียบ

จากกรณี นายปรเมษฐ์ ภู่โต สื่อมวลชนอาวุโส พิธีกร ผู้ประกาศข่าว รายการคุยถึงแก่น ได้ออกมาแจ้งข่าวว่า ‘รายการคุยถึงแก่น’ ได้ถูกปลดออกจากผังของ NBT ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 67 เป็นต้นไปนั้น

ล่าสุด (29 ธ.ค. 66) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ หรือ ลอรี่ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า…

“พึ่งออกรายการ ‘คุยถึงแก่น’ เมื่อเช้านี้…ไม่น่าเชื่อจะเป็นเทปสุดท้ายที่ได้ออกอากาศ (อีกเทปถูกออนแอร์พรุ่งนี้ นอกผังตอนช่วงบ่าย)

จะสืบเนื่องจากเหตุอะไรก็ตามแต่ ที่ทำให้รายการที่เรตติ้งดีที่สุดของช่อง หลุดผัง NBT แบบสายฟ้าแล่บ ...ผมขอเป็นกำลังใจให้พี่ก๊อง, คุณหนิง และทีมงาน ทุกท่านผลิตผลงานดี ๆ ต่อไป ยังเชื่อมีคนดูที่รอติดตามงานคุณภาพอีกเพียบ”

‘จตุพร’ ชี้!! การเมืองปี 66 เป็นปีแห่งการตลบตะแลง ตระบัดสัตย์ไร้ยางอาย จับตา!! ทิศทางการเมือง 3 เดือนแรก ปี 67 ส่อชิงเหลี่ยม-เฉือนคมรุนแรง

‘จตุพร’ ฟาดนักการเมืองส่งท้ายปี 66 ยังส่อนิสัยโกหก กะล่อน ตระบัดสัตย์สิ้นยางอาย คาดสัญญาณเปลี่ยนเริ่มเห็นร่องรอยใน 3 เดือนแรกปี 67 ปนเปด้วยปัญหาทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ขย่มอารมณ์สงสัยดีลฟ้าใส เอื้ออภิสิทธิ์ชน จับตาก่อน สว.พ้นอำนาจ ส่อหักโค่น ชิงเหลี่ยมกันรุนแรง

(29 ธ.ค. 66) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ส่งท้ายปี 2566 ว่า เป็นปีที่นักการเมืองแสดงความหน้ามึน ด้านชาออกมา มีทั้งโกหก ตลบตะแลง ตระบัดสัตย์แต่อ้างประชาชนอย่างสิ้นยางอาย ดังนั้น ในปี 2567 ปัจจัยเปลี่ยนการเมืองจะส่งสัญญาณตั้งแต่ใน 3 เดือนแรก โดยเริ่มจากร่องรอยของศาล รธน.นัดตัดสิน 3 คดีสำคัญใน ม.ค. 2567

นายจตุพร กล่าวว่า การเมืองปี 2566 เป็นปีแห่งการโกหก ตลบตะแลง ตระบัดสัตย์ ไม่มีความตรงไปตรงมา ส่วนในปี 2567 จะเป็นปีเริ่มต้นทำความจริงให้ปรากฏอันเป็นผลจากการโกหกแต่ละเรื่อง เมื่อการเมืองมีอะไรซ้อนทับมากกว่าที่จะแลเห็นได้เป็นปกติ ดังนั้น ปี 2567 จะเน้นการวิเคราะห์พวกตลบตะแลงทางการเมือง

อีกทั้งชำแหละการจัดตั้งรัฐบาลในปี 2566 ว่า การวิเคราะห์พวกกล่อนทางการเมืองนั้น ย่อมยากจะหาความจริงได้ถูกต้องทั้งหมด เหตุนี้ จึงต้องพยายามคลี่คลายหาผลของการดีลทุกอย่างที่เกิดขึ้นในปี 2566 ให้พบ ซึ่งทำความสมดุลให้เกิดขึ้นกับความรู้สึกของสังคมด้วย

“การดีล (ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านและตั้งรัฐบาลเพื่อไทย) ที่ได้ประโยชน์กันนั้น แต่ประชาชนเสียความรู้สึก ในซีกของผู้มีอำนาจรัฐบาลอาจจะสมประโยชน์ ถ้าประชาชนเสียความรู้สึกแล้วไปกระทบจิตใจในระยะยาวและขยายกว้างขึ้น แม้วันนี้ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่อะไรถ้าประชาชนเห็นว่ามากไป ประวัติศาสตร์สอนถึงการลุกฮืออย่างรวดเร็วของประชาชนมามากแล้ว”

นายจตุพร กล่าวว่า กรณีคดีของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยกฟ้อง สะท้อนถึงผลแนวโน้มจะกลับบ้านด้วยเช่นกัน แต่ยิ่งลักษณ์ ยังมีคดีที่มีคำพิพากษาโทษเด็ดขาด 5 ปีอยู่ สิ่งสำคัญในการจัดลำดับกลับไทย ที่ทักษิณ นำร่องมาแล้ว โดยไม่ต้องติดคุกสักวัน หากยิ่งลักษณ์ ทำตามก็จะเป็นเรื่องใหญ่ในอารมณ์ความรู้สึกของประชาชน

อีกทั้งยังกล่าวว่า หากยิ่งลักษณ์ รอให้ทักษิณ ออกจาก รพ.ตำรวจ ชั้น 14 เพื่อกลับบ้าน แล้วจึงกลับมา ยิ่งจะทำให้ทั้งทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ต้องติดกับความไม่พอใจของประชาชน อย่างไรก็ตาม ในทางการเมืองเหตุการณ์เช่นนี้ จะมีการดีลกันเป็นตอนๆ ตามแต่ละเรื่องที่แต่ละฝ่ายต้องการ ดังนั้น สถานการณ์ปี 2567 จึงต้องติดตามใกล้ชิด

นอกจากนี้ ในปี 2567 คดีเกี่ยวกับนักการเมืองจะมีอยู่มากมาย ที่น่าสนใจ คือ ศาล รธน.นัดอ่านคำวินิจฉัยใน ม.ค. ถึง 3 กรณีใหญ่ๆ ที่นักการเมืองพัวพันอยู่ ทั้งคดีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ, นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กรณีหุ้นไอทีวี และการชี้ขาดคดีพรรคก้าวไกลล้มล้างการปกครอง กรณีหาเสียงแก้ ม.112

รวมถึง การสิ้นสุดอำนาจของ สว.ในกรณีโหวตเลือกนายกฯ ตั้งแต่กลาง พ.ค. 2567 ดังนั้น ถ้านายเศรษฐา ทวีสิน อยู่รอดจนถึง สว.ปัจจุบันหมดอำนาจไป จึงต้องมาคำนวณปัจจัยดีลทางสถานการณ์ทางการเมืองใหม่อีกครั้ง

“เราจึงคาดกันว่า ถ้าเห็นร่องรอยในการเปลี่ยนแปลงแล้ว ต้องลงมือก่อนจะเกิดการยุบสภา อีกอย่างการยุบก้าวไกลยิ่งทำให้พรรคนี้เติบโตสูงขึ้น รวมทั้งผลการดีล 22 ส.ค. 2566 นั้นจะสิ้นสุดลงเมื่อใด เพราะผลการดีลจะบ่งชี้ถึงการไม่รอ สว.ให้หมดวาระ แต่จะลงมือการเปลี่ยนแปลงกันก่อน เนื่องจากต้องการเสียง สว.มาควบคุมสถานการณ์ต่างๆ เอาไว้ในมืออีก”

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าต้องการเปลี่ยนนายกฯ แล้ว ย่อมเกิดขึ้นก่อนเวลา 2 เดือนที่ สว.จะครบวาระคือในเดือน มี.ค.กับ เม.ย. ดังนั้น ถ้าเปลี่ยนตัวนายกฯ แล้ว นายเศรษฐา จัดเป็นนายกฯ ที่ไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดินเลย ซึ่งจะเป็นความแปลกประหลาดมาก

อย่างไรก็ตาม งบประมาณ 2567 กว่าจะเข้าสภาและผ่านออกมาจะเหลือเวลาใช้ประมาณ 5 เดือนนับตั้งแต่ พ.ค. 2567 จึงเป็นความผิดปกติเช่นเดียวกับที่มาของรัฐบาลและตำแหน่งนายกฯ ที่ สว.โหวตให้นายเศรษฐา ชนิดที่ไม่มีใครคาดคิดกันเลย ดังนั้น สิ่งนี้จะอยู่ในกระบวนการดีลฟ้าใส ตกลงกันไว้หรือไม่

“ในปี 2567 ตั้งแต่ ม.ค. ต้องติดตามการตัดสินคดีนักการเมืองในศาล รธน.และการเคลื่อนไหวต่างๆ รวมทั้งการแก้ รธน. และการนิรโทษกรรม จะว่ากันอย่างไร ยิ่งที่มา สว. 100 จะมีการแต่งตั้ง 23 คน ซึ่งเอาเปรียบประชาชนที่เลือกตั้งมา ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหามากมาย”

นายจตุพร กล่าวว่า กรณีนักโทษรักษาตัวอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ และกล้องวงจรปิดทุกตัวของ รพ.ตำรวจพร้อมใจกันเสีย สิ่งนี้จะสะสมอารมณ์สงสัยของประชาชนมากขึ้น ดังนั้น คาดว่าภายใน 3 เดือนของปี 2567 ตั้งแต่ ม.ค.-มี.ค.จะได้เห็นทิศทางการเมืองกันมากมาย โดยมีปัจจัยแปรสำคัญคือ นายกฯ ยังจะชื่อ ‘นายเศรษฐา’ หรือไม่ ขณะที่ยิ่งลักษณ์จะกลับเข้ามาอย่างไร ทั้งหมดนี้ จะเป็นเหตุการณ์ประเดประดังในปีหน้าทั้งสิ้น

นายจตุพร กล่าวว่า การแก้ รธน.ยกเว้นหมวด 1 กับ 2 ในทางปฏิบัติเป็นเรื่องยากมาก และใครคิดทำก็จะเกิดปัญหาตั้งแต่ต้น ส่วนสาระที่เป็นแก่นสารในการแก้ไขนั้น อำนาจจะเป็นของประชาชนจริงหรือไม่ ด้วยการกำหนดที่มาของ สสร.ไปร่าง รธน. ที่ไม่เป็นประชาธิปไตยแท้จริงของประชาชน อีกทั้งยังป้องกันการยึดอำนาจไม่ได้ ดังนั้น กระบวนการนำไปสู่การแก้ รธน. ย่อมเป็นการสูญเสียงบประมาณนับหมื่นล้านบาท

อีกทั้งเชื่อว่า รัฐบาลใช้เทคนิคการร่าง รธน.เพื่อเอื้อให้อายุรัฐบาลครบวาระ โดยมุ่งแก้ รธน.ไม่เสร็จก็เลือกตั้งใหม่ไม่ได้ หากเขียน รธน.เสร็จแล้วเพิ่มเนื้อหาดึงเวลาการเลือกตั้งอีกด้วย จึงขยับอายุรัฐบาลอยู่ได้นานขึ้น

นายจตุพร กล่าวถึงการสลับหน้าที่รองนายกฯ คุมงานว่า การให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มาคุมงานยุติธรรม แทนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน จาก เพื่อไทย โยกไปดูแลงานสาธารณสุขนั้น แสดงถึงต้องการแยกปัญหาของทักษิณ ชั้น 14 ไปให้พรรค รทสช.อธิบายแทนเพื่อไทย จะได้ผลดีและน่าเชื่อถือมากกว่า

“ส่วนเพื่อไทยก็ลอยตัวในปัญหาทักษิณยังอยู่ รพ.ตำรวจต่อไปได้ พร้อมกับคนมาใหม่คือ ยิ่งลักษณ์ เมื่อได้นักกฎหมายมาอธิบายประชาชนย่อมทำให้ผ่อนคลายอารมณ์ลงได้ ดังนั้น การเปลี่ยนหน้าที่รองนายกฯ จึงเป็นการบริหารอารมณ์ประชาชนไม่ให้ลุกลามขยายวงกว้างออกไป”

สงคราม ‘อิสราเอล-ฮามาส’ อีกหนึ่งความขัดแย้งที่สะเทือนโลกทั้งใบ

ปี 2566 กำลังจะจบลง แต่สิ่งที่คงยังไม่จบลงง่าย ๆ เห็นจะเป็นความขัดแย้งอันละเอียดอ่อน ที่ส่งแรงสั่นสะเทือนตะวันออกกลางให้สั่นคลอน นั่นคือ สงครามระหว่าง ‘อิสราเอล-ฮามาส’ ที่ได้เริ่มเปิดฉากโจมตีใส่กัน ตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา และยังไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นสุด

อีกทั้ง ประชาชนของทั้ง 2 ฝ่าย ก็ยังตกเป็นเหยื่อที่ต้องทนทุกข์จากพิษของสงคราม โดยชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์จำนวนมากยังคงติดอยู่ในประเทศ และเผชิญกับความยากลำบากเพราะขาดไฟฟ้า น้ำประปา และความสะดวกด้านสาธารณูปโภค

โดยเหตุการณ์ทั้งหมด เริ่มต้นมาจากการที่กลุ่มนักรบปาเลสไตน์ หรือ ‘ฮามาส’ ได้เปิดฉากระดมยิงจรวดหลายพันลูกจากฉนวนกาซา โจมตีอิสราเอลแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ในช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 7 ต.ค.ผ่านมา พร้อมทั้งส่งกองกำลังติดอาวุธหลายสิบคน แทรกซึมเข้าไปโจมตีในหลายเมืองทางตอนใต้ของอิสราเอล พร้อมจับตัวประกันไว้หลายคน ซึ่งมีแรงงานไทยด้วยจำนวนหนึ่ง

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ ‘เบนจามิน เนทันยาฮู’ นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ออกมาประกาศว่า เวลานี้ประเทศอิสราเอลอยู่ใน ‘ภาวะสงคราม’ อย่างเต็มรูปแบบ และยังได้ระดมทหารกองหนุนเพื่อมาร่วมต่อสู้แล้ว โดยเขาประกาศว่า นี่จะเป็นการแก้แค้นครั้งใหญ่ให้กับคนหนุ่มสาวทุกคนที่เสียชีวิต และจะเปลี่ยนฉนวนกาซาให้เป็น ‘เกาะร้าง’

กลุ่มฮามาสได้ออกมาอ้างเหตุผลว่า การโจมตีครั้งนี้มีขึ้นเพื่อตอบโต้ต่อความโหดร้ายทั้งหมด ที่ชาวปาเลสไตน์ต้องเผชิญจากอิสราเอลตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการกระทำของกองกำลังอิสราเอลที่บุก ‘มัสยิดอัล-อักซอ’ (Al-Aqsa) ในนครเยรูซาเล็ม อันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม และการปฏิบัติที่เลวร้ายต่อนักโทษปาเลสไตน์ในเรือนจำอิสราเอล

การปะทะกันระหว่างฮามาสกับกองกำลังความมั่นคงของอิสราเอล ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตของ 2 ฝั่ง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ นักรบ และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังถือเป็นวิกฤติตัวประกันครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์อีกด้วย

โดยยอดผู้เสียชีวิตทางฝั่งของชาวปาเลสไตน์ ล่าสุดสูงถึง 20,000 คน (ตัวเลขเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 66) นับตั้งแต่อิสราเอลเริ่มทิ้งระเบิดเพื่อตอบโต้การโจมตี ซึ่งคิดเป็นเกือบ 1% ของประชากรจำนวน 2.2 ล้านคนในพื้นที่ฉนวนกาซา ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 4,100 คน หมายความว่า มีเด็กเสียชีวิตเฉลี่ย 1 คนในทุก 10 นาที (ตัวเลขเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 66)

ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตของทางฝั่งอิสราเอล ซึ่งมีทั้งชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติ เสียชีวิตมากกว่า 1,400 ราย จากการโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา โดยข้อมูลอย่างละเอียดของทางการอิสราเอล ได้ทำการพิสูจน์อัตลักษณ์ของผู้เสียชีวิตแล้ว 1,159 ราย พบว่า เป็นพลเรือน 828 ราย และเด็ก 31 ราย (ตัวเลขเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 66) อย่างไรก็ดี ระบบป้องกันภัยทางอากาศ (Iron Dome) ของอิสราเอล สามารถป้องกันความเสียหายร้ายแรง หรือการบาดเจ็บล้มตายเอาไว้ได้

ต่อมา ในช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ประเทศกาตาร์ ซึ่งเป็นตัวกลางในการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ได้ออกมาเผยว่า อิสราเอลและกลุ่มฮามาส จะหยุดยิงเป็นเวลา 4 วัน และตัวประกันชุดแรก 13 คน ซึ่งเป็นผู้หญิงและเด็ก จะถูกปล่อยตัวออกมาฉนวนกาซา ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน และได้มามีการขยายเวลาหยุดยิงเพิ่มขึ้นอีก รวมเป็นระยะเวลา 7 วัน เพื่อแลกกับการปล่อยตัวประกัน โดยมีประเทศกาตาร์ เป็นตัวกลางในการเจรจาข้อตกลง เพื่อช่วยเหลือตัวประกันที่ยังถูกควบคุมตัวอยู่ให้ได้รับอิสระ เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายประกาศชัดเจนว่า จะกลับมาสู้รบกันอีกครั้ง หลังข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวสิ้นสุดลง

ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา กองทัพอิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีฉนวนกาซาอีกครั้งในรอบสัปดาห์ เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนข้อตกลงสิ้นสุด จึงถือเป็นการสิ้นสุดข้อตกลงหยุดยิงของทั้ง 2 ฝ่าย และเดินหน้าสู้รบกันต่ออีกครั้ง

การสู้รบกันระหว่าง ‘อิสราเอล-ฮามาส’ รอบล่าสุดนี้ ถือเป็นครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี และกลายเป็นการทำสงครามข้ามปี ตามรอย ‘รัสเซีย-ยูเครน’

#เหตุการณ์ที่ต้องจำ

‘รศ.ดร.สมชาย’ วิเคราะห์!! อนาคตเศรษฐกิจไทย ปีงูใหญ่ แนะ!! ‘ความชำนาญ-เชี่ยวชาญ’ ยังช่วยฝ่าโลกเปลี่ยนไว

จาก THE TOMORROW ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES  ได้พูดคุยกับ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง ถึงทิศของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ในปี 2567เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.66 โดย รศ.ดร.สมชาย กล่าวว่า…

ในภาพรวมของเศรษฐกิจโลกปี 2567 จะมีความเสี่ยงใหญ่ 3 ประการที่ท้าทาย ได้แก่…

(1) ภัยธรรมชาติ โลกร้อน แผ่นดินไหว น้ำท่วม

(2) โรคติดต่อ หรือ โรคระบาด ถึงแม้โควิด-19 จะเพิ่งผ่านไป ก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือเสมอ โดยเฉพาะโรคที่จะมาจากสัตว์สู่คน ซึ่งในปัจจุบันมักเกิดถี่ขึ้น ทุกประเทศต้องเตรียมตัว

(3) เรื่องภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยได้ โดยเฉพาะสงครามต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลก (รัสเซีย-ยูเครน) แต่เนื่องจากวงของสงครามในตอนนี้เริ่มจำกัด จึงจะยังไม่ทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นเหมือนกับตอนช่วงต้นของสงคราม ขณะที่ ‘สงครามอิสราเอล-ฮามาส’ ประเมินว่า เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 67 แล้วหลังจากนั้นถ้าอิสราเอลบรรลุเป้าหมายในการกำจัดผู้นำฮามาสได้ แรงกดดันจากประชาคมโลกก็จะลดลง ซึ่งระหว่างนั้นอาจจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นบ้าง แต่ก็น่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมต่อเศรษฐกิจโลก 

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ในประเด็นข้อพิพาทต่าง ๆ อาทิ ทะเลจีนใต้, ไต้หวัน ซึ่งตรงนี้เชื่อว่ายังไม่มีการเผชิญหน้ากันแบบดุเดือด เนื่องจากต่างฝ่ายต่างก็พยายามป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงในอนาคตอยู่แล้ว

ทั้งนี้ หากโฟกัสในด้านเศรษฐกิจโลกสำคัญ ๆ ของโลก รศ.ดร.สมชาย กล่าวว่าคาดการณ์เศรษฐกิจโลก เชื่อว่ายังคงขยายตัวใกล้เคียงกับปีนี้ อยู่ที่ประมาณ 2.7%-2.8% ซึ่งเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาน่าจะขยายตัวดีมาก 

ส่วนยุโรป (EU) เศรษฐกิจคาดว่าขยายตัว ประมาณ 0.2%-0.6% แต่ไม่เข้มแข็งมากนัก 

ขณะที่ประเทศจีนเศรษฐกิจคาดว่าขยายตัว 4% ในกรณีที่จีนไม่กระตุ้นเศรษฐกิจแรง ๆ แต่ถ้ามีการใช้มาตรการคลังเพิ่มมากขึ้น เศรษฐกิจจีนมีโอกาสขยายตัวสูงถึง 5% 

ส่วนประเทศญี่ปุ่นคาดเศรษฐกิจน่าจะขยายตัว ประมาณ 1%-2%  

ด้านเศรษฐกิจอาเซียนเอง คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 4% 

โดยสรุปปีหน้าเศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง บนความไม่แน่นอน แต่ก็จะมีความแตกต่างกับปีนี้ (2566) เนื่องจากตัวแปรเรื่องเงินเฟ้อเริ่มลดลง ทำให้เศรษฐกิจโลกโดยรวมคิดว่าผ่านพ้นวิกฤติไปได้ไม่ยากเย็นนัก

ทั้งนี้เมื่อหันมามองเศรษฐกิจไทยในปี 2567 รศ.ดร.สมชาย มองว่า ปัจจัยที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ ภาวะของเศรษฐกิจโลก ในเรื่องอัตราดอกเบี้ย และ เงินเฟ้อ 

“ถ้าตั้งสมมติฐานว่าถ้าเศรษฐกิจโลกยังขยายตัวต่อ คู่ค้าประเทศต่าง ๆ ของเรายังขยายตัวได้ เศรษฐกิจไทยจะได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจโลกบนความไม่แน่นอน ด้วยกัน 3 ประการ ได้แก่ (1) การส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น 3%-4% (2) เรื่องการท่องเที่ยวขยายตัวเพิ่มขึ้น ถ้าทำการบ้านดี ๆ วางแผนงานได้ดีจะได้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 38-40 ล้านคน ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ และ (3) การบริโภคของเอกชน การลงทุนของภาคเอกชนก็น่าจะขยายตัว รวมไปถึงการลงทุนของภาครัฐที่เพิ่มมากขึ้น”

สรุปแล้วตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปีหน้า 2567 คาดว่าจะเติบโตเกิน 3% โดยอยู่ที่ประมาณ 3.2%-3.4% โดยภาครัฐต้องระมัดระวังเรื่องเสถียรภาพการคลัง เพราะหนี้สาธารณะของไทยเริ่มเกิน 60% 

ฉะนั้น สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือ อย่าให้งบประมาณรายจ่ายต่าง ๆ เกิดการสะสมหนาแน่นในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งจะทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มสูงเกินขอบเขต ควรมีมาตรการคู่ขนานกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น มาตรการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การใช้ Digital Transformation มาพัฒนาเรื่องการท่องเที่ยว การเกษตรกรรม และ Soft Power ซึ่งต้องทำควบคู่กันไป 

นอกจากนี้เงินเฟ้อต่างประเทศยังอยู่ในช่วงขาลง เงินเฟ้อประเทศไทยต่ำ จึงเชื่อว่าปีหน้าธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะลดดอกเบี้ยนโยบายลงบ้างแล้ว 

เมื่อถามถึงข้อแนะนำถึงนักธุรกิจในปี 2567 ที่จะมาถึงนั้น? รศ.ดร.สมชาย แนะนำว่า... 

(1) ต้องบริหารความไม่แน่นอน ต้องถือว่าความไม่แน่นอนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต อย่ามองโลกในแง่ดีมากเกินไปต้องเตรียมพร้อมเสมอรวมถึงบริหาร Bottom line ของธุรกิจให้ได้

(2) โลกจะเปลี่ยนอย่างไร ควรทำในสิ่งที่ชำนาญและเชี่ยวชาญ มองโลกอนาคต แล้วเพิ่มความชำนาญของตัวเองให้เก่งขึ้นทุกวัน อาจเพิ่มในเรื่องนวัตกรรม หรือเอาเรื่องเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

และ (3) วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคว่าในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ศึกษาและขยายตลาดใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง

‘เยาวชน SEED Thailand ภาคใต้’ ร่วมแรงร่วมใจแพ็กถุงยังชีพ พร้อมลงพื้นที่นำแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในชายแดนใต้

เนื่องจากสถานการณ์มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ทำมีสถานการณ์น้ำท่วมใน 5 จังหวัด ได้แก่ สตูล, สงขลา, ปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส ทำให้มีอาคารบ้านเรือนพี่น้องชาวใต้ ได้รับความเสียหาย ส่งผลกระทบและเดือดร้อนหลายหลัง ประชาชนในบางพื้นที่ในประกาศก็ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์น้ำท่วมอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดยะลาและนราธิวาส ที่ฝนตกหนักต่อเนื่องมาหลายวัน จนชาวบ้านในจังหวัดนราธิวาสถึงกับบอกว่า “น้ำท่วมครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่หนักที่สุดในรอบ 50 ปี”

น้ำท่วมหนักในครั้งนี้ ส่งผลให้ถนนสายหลักในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสถูกตัดขาดหลายจุด ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจนท่วมมิดหลังคาบ้านในหลายพื้นที่ ขณะที่ประชาชนหลายหมื่นคนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหนักครั้งนี้ ประชาชนบางส่วนไม่สามารถออกจากบ้านได้ และติดอยู่บนชั้น 2 หรือบนหลังคาบ้าน นอกจากนี้ โรงเรียนหลายแห่งต้องประกาศหยุดการเรียนการสอน

โดยในวันนี้ (29 ธ.ค. 66) ‘เยาวชน SEED Thailand’ ได้ร่วมแพ็กถุงยังชีพ และนำไปแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ในโครงการ ‘ไทยรวมใจ’ โดยมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม และเครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ขอเชิญชวนให้ทุกคนร่วมส่งกำลังใจให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้โดยเร็ว

📍ท่านที่มีความประสงค์จะร่วมบริจาคเงินสนับสนุน สามารถบริจาคได้ที่บัญชี มูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม ธนาคารไทยพาณิชย์ หมายเลขบัญชี 405-523655-3 และส่งหลักฐานการบริจาคได้ที่ Line : @946scqgt

'ศิริกัญญา' เตือนรัฐ ระวังเสียเหลี่ยมฝ่าย ขรก.ยัดไส้งบฯ ยัน!! ก้าวไกลไม่ใช้เวทีนี้ซักฟอก แต่อาจหนักไม่แพ้กัน

(29 ธ.ค. 66) น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้ความเห็นถึงกรณีที่รัฐบาลออกมาดักคอฝ่ายค้านว่า อย่าหลงประเด็นใช้การอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 เป็นเวทีซักฟอก ว่า เราไม่เคยใช้เวทีอภิปรายงบประมาณ เป็นเวทีอภิปรายซักฟอกแม้แต่ครั้งเดียว ฝ่ายรัฐบาลที่เคยร่วมฝ่ายค้านมาก่อนก็น่าจะทราบดี ว่าเราโฟกัสแต่เรื่องงบประมาณ ซึ่งสะท้อนมาที่นโยบาย และการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล อาจจะมีหลุดมาบ้างในเรื่องของนโยบาย ที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดคอร์รัปชัน แต่ไม่ใช่เวทีซักฟอกแน่นอน แต่ความหนักอาจจะไม่แพ้เวทีซักฟอก เนื่องจากเราทำการบ้านมาอย่างหนัก และวิเคราะห์กันอย่างเข้มข้น

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านจะเตือนรัฐบาลในเรื่องใดบ้างหรือไม่? น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณ เป็นการประลองกำลังระหว่างฝ่ายการเมือง และฝ่ายข้าราชการ หากฝ่ายการเมืองไม่เท่าทันฝ่ายราชการ เราก็จะเจอปัญหาอย่างที่เรากำลังเผชิญกัน ซึ่งฝ่ายการเมืองอาจจะได้แค่สั่ง แต่ไม่สามารถติดตาม ขับเคลื่อน ผลักดันให้นโยบายของรัฐบาลเกิดขึ้นจริง หรือปรากฏเป็นโครงการอยู่ในงบประมาณได้ ก็จะเป็นการเสียเหลี่ยมทางการเมือง และที่สำคัญ ในการรู้เท่าทันเรื่องอื่น ๆ เช่น การจัดสรรงบไว้ไม่เพียงพอ หากรัฐบาลไม่รู้เท่าทันอีกฝ่าย ฝ่ายราชการอาจจะยัดไส้อะไรบางอย่างเข้ามา โดยที่ตนเองก็ไม่อาจทราบ และอาจจะเกิดผลร้ายได้ในภายหลัง

‘จีน’ มั่นใจ!! ‘การค้าต่างแดน-ส่วนแบ่งตลาดโลก’ ฟื้นตัวดี พร้อมดึงผู้ประกอบการ ร่วมมือรักษาเสถียรภาพ ศก.ต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว ,ปักกิ่ง รายงานว่า กระทรวงพาณิชย์ของจีน แถลงข่าวว่า ‘จีน’ มั่นใจว่าจะสามารถรักษาเสถียรภาพโดยทั่วไป ของปริมาณการค้าระหว่างประเทศ และส่วนแบ่งในตลาดโลกในปีนี้

‘เหอ ย่าตง’ โฆษกกระทรวงฯ กล่าวว่า การค้าระหว่างประเทศของจีน ค่อนข้างมีความแข็งแกร่งในปีนี้ สามารถเอาชนะผลกระทบจากความต้องการภายนอกหดตัว แนวโน้มขาลงของราคา และฐานสูงของปีก่อน

สำหรับปี 2024 จีนอาจประสบกับความไม่แน่นอนจากภายนอก แต่มีปัจจัยเกื้อหนุนการพัฒนาเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น โดยการเปิดกว้างของจีนจะยังคงสร้างผลประโยชน์ ขณะผลิตภัณฑ์ใหม่และธุรกิจรูปแบบใหม่ในการค้าระหว่างประเทศ จะปลดปล่อยศักยภาพเพิ่มขึ้น

เหอ เสริมว่า จีนมั่นใจว่า จะสามารถรักษาทิศทางขาขึ้นของการฟื้นฟูการค้าระหว่างประเทศ ภายใต้แรงสนับสนุนจากหลากหลายนโยบาย ที่มุ่งรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงความพยายามร่วมจากผู้ประกอบการ

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2566

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2566

รางวัลที่ 1 : 625544

เลขหน้า 3 ตัว : 600 648 

เลขท้าย 3 ตัว : 882 456 

เลขท้าย 2 ตัว : 89

รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 : 625543 / 625545  

รางวัลที่ 2 : 937983 / 986207 / 347586 / 997718 / 022784  

รางวัลที่ 3 : 917331 / 168613 / 347959 / 109948 / 999781 / 202356 / 965361 / 539834 / 096489 / 324753  

รางวัลที่ 4 : 196276 / 952872 / 740199 / 031586 / 862230 / 112716 / 555224 / 213908 / 270324 / 858164 / 333302 / 323314 / 831473 / 308103 / 353244 / 687929 / 929098 / 017093 / 087425 / 307357 / 218826 / 264505 / 544533 / 391016 / 285584 / 062770 / 335395 / 599501 / 689101 / 639890 / 952741 / 322271 / 514153 / 318481 / 834659 / 500526 / 638360 / 291080 / 061387 / 622585 / 973614 / 339754 / 303103 / 653552 / 846933 / 216574 / 781132 / 436978 / 294950 / 487351  

รางวัลที่ 5 : 201844 / 817142 / 949493 / 940187 / 622745 / 048395 / 570402 / 481143 / 178923 / 217586 / 977007 / 454976 / 086608 / 910562 / 939294 / 090084 / 980376 / 455558 / 182147 / 207878 / 718011 / 381221 / 604020 / 463329 / 151247 / 768814 / 887270 / 216238 / 101839 / 963586 / 371548 / 206981 / 321021 / 030189 / 391331 / 208776 / 323109 / 227367 / 508235 / 930152 / 037190 / 548605 / 815537 / 986235 / 051040 / 010160 / 109018 / 527162 / 066303 / 938439 / 900077 / 121142 / 324430 / 315908 / 085953 / 341258 / 946096 / 539471 / 002987 / 150028 / 818211 / 547674 / 020270 / 927622 / 068280 / 248471 / 126498 / 210659 / 023257 / 470513 / 012060 / 587456 / 857282 / 587873 / 680872 / 114828 / 922937 / 129847 / 766184 / 856211 / 910138 / 454119 / 978679 / 381644 / 916807 / 694526 / 270595 / 388050 / 422045 / 428073 / 365009 / 375285 / 572947 / 478440 / 552463 / 006418 / 665273 / 647640 / 793216 / 943945 

'มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์' ร่วมกับ 'กลุ่มไทยสมายล์' สนับสนุนเครื่องฟอกอากาศและฆ่าเชื้อโรค มอบอากาศ 'บริสุทธิ์' ให้กับโรงพยาบาลกลาง

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2566 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วยทีมงานมวลชนสัมพันธ์ (CSR) กลุ่มไทยสมายล์ (รถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า) ลงพื้นที่เพื่อมอบเครื่องฟอกอากาศ และฆ่าเชื้อโรค ให้กับกลุ่มงานอาชีวเวชกรรม โรงพยาบาลกลาง สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร 

นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า ในวันนี้ดิฉันในนามมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ นำเครื่องฟอกอากาศและฆ่าเชื้อโรค ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก กลุ่มบริษัท ไทย สมายล์ กรุ๊ป (รถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า) มามอบให้กับ กลุ่มงานอาชีวเวชกรรม โรงพยาบาลกลาง สำหรับโรงพยาบาลกลาง เป็นสถานพยาบาลที่ตั้งอยู่ใกล้กับถนนเยาวราช แหล่งเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานคร มีหน้าที่รับผิดชอบโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม รวมถึงคลินิกมลพิษทางอากาศ โดยในแต่ละวันมีประชาชนเข้ารับบริการรักษาอยู่ตลอดเวลา รวมถึงบริเวณกลุ่มงานฯ ยังมีบุคคลากรในสหวิชาชีพทำงานกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน นับว่ามีปัจจัยเสี่ยงในด้านของคุณภาพอากาศและเชื้อโรคที่อาจส่งผลต่อสุขภาพ การที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำเครื่องฟอกอากาศและฆ่าเชื้อโรค มามอบให้กับกลุ่มงานอาชีวเวชกรรม โรงพยาบาลกลาง ในครั้งนี้ เพื่อต้องการมอบอากาศ 'บริสุทธิ์' บรรเทาปัญหาในด้านคุณภาพอากาศและฆ่าเชื้อโรค ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งพี่น้องประชาชนทั่วไปที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ ในด้านการสนับสนุนช่วยเหลือด้านการแพทย์ และสาธารณสุข

สำหรับกลุ่มไทยสมายล์ นอกจากจะร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อสังคมกับมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์มาอย่างต่อเนื่องแล้ว ไทยสมายล์ ยังมีนโยบายองค์กร ในการดำเนินธุรกิจ ไปพร้อมกับการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งคำนึงถึงสุขภาพของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ 

ทั้งนี้ การลงพื้นที่สนับสนุนเครื่องฟอกอากาศและฆ่าเชื้อโรค มอบให้กับกลุ่มงานอาชีวเวชกรรม โรงพยาบาลกลางในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการทำกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ที่เราตั้งใจ และติดตามอย่างใกล้ชิด ร่วมกับชุมชนและสังคมมาอย่างต่อเนื่อง โดย กลุ่มไทยสมายล์ ได้สนับสนุนเครื่องฟอกอากาศและฆ่าเชื้อโรคจำนวน 5 เครื่อง สำหรับบรรเทาปัญหาด้านฝุ่นละออง PM2.5 ฆ่าเชื้อโรคในอากาศ ที่ปัจจุบันปัญหาดังกล่าวจะยิ่งทวีความรุนแรง เพื่อสุขภาพอนามัย และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องประชาชน 

'จรัล' พลิกวิกฤต 'จดหมายผิดซอง' บอกเป็นสถานการณ์การเมืองที่สำคัญ

(3 ม.ค.67) นายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ประธานสมาคมนักประชาธิปไตยชาวไทยไร้พรมแดน ซึ่งลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศส โพสต์เฟซบุ๊กในกรณีจดหมายปรีดี ซึ่งเป็นบันทึกของนายปรีดี พนมยงค์ ที่ฝากไว้ ณ หอจดหมายเหตุ กระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส (Centre des Archives diplomatiques du ministère des Affaires étrangères) โดยมีเวลาปิดผนึกยาวนานถึง 60 ปี และมีกำหนดการเปิดต่อสาธารณชนในปี 2024 ว่าต้องขอโทษที่เปิดแฟ้มเอกสารปรีดีได้ชุดเดียว แล้วก็เป็นชุดเก่า มิใช่ชุดใหม่ที่หอจดหมายเหตุการทูตเปิดให้อ่านได้

ที่เราเปิดอ่าน น่าสนใจมาก ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ฟังไลฟ์หลายหมื่นคนคงเพิ่งได้เห็น และที่สำคัญมีผู้ติดตามข่าวทางทวิตเตอร์และเฟซนับล้านคน คึกคักอย่างมาก นับเป็นสถานการณ์การเมืองแรกๆ ต้อนรับปีใหม่ นี่คือความหมายทางการเมืองสำคัญ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top