Tuesday, 1 July 2025
NewsFeed

‘แบรนด์จีน’ เฮ!! ยอดขาย ‘EV’ ดีที่สุดในอิสราเอล ครองสัดส่วนถึงร้อยละ 60.98 ในปี 2023

(3 ม.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สมาคมผู้นำเข้ายานยนต์แห่งอิสราเอล รายงานว่ารถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ขนาดเล็กมาก รุ่นอัตโต 3 (Atto 3) ผลิตโดยบีวายดี (BYD) ผู้ผลิตยานยนต์ของจีน เป็นยานยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจำหน่ายดีที่สุดในอิสราเอลในปี 2023

ซึ่งทาง สมาคมฯ เปิดเผยว่า รถยนต์รุ่นดังกล่าวซึ่งเข้าสู่ตลาดอิสราเอลเมื่อช่วงปลายปี 2022 มียอดจำหน่าย 14,244 คันในปี 2023

อีกทั้ง จี๋ลี่ ออโต กรุ๊ป (Geely Auto Group) ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนอีกราย มียอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ รุ่นจีโอเมทรี ซี (Geometry C) รวม 7,129 คันในช่วงเดียวกัน ซึ่งครองอันดับสองด้านยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในอิสราเอล

ส่วนยานยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจำหน่ายดีเป็นอันดับสาม ได้แก่ เทสลา รุ่นโมเดล วาย (Tesla Model Y) ตามด้วย เทสลา รุ่นโมเดล 3 (Tesla Model 3)

ข้อมูลระบุว่า แบรนด์จีนครองสัดส่วนร้อยละ 60.98 ของยอดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าของอิสราเอลในปี 2023 โดยมียอดจำหน่าย 29,402 คัน มากกว่าตัวเลข 13,294 คันในปี 2022 กว่าสองเท่า

สำหรับยอดจำหน่ายยานยนต์เชื้อเพลิงน้ำมัน เชอรี ออโตโมบิล (Chery Automobile) ผู้ผลิตยานยนต์ของจีน ซึ่งเข้าสู่ตลาดอิสราเอลช่วงปลายปี 2022 ครองอันดับ 6 ด้วยยอดจำหน่าย 11,162 คันในปี 2023

เช็กลิสต์!! พลังงาน 'ยุคพีระพันธุ์' ช่วยใครไปแล้วบ้าง?

(3 ม.ค. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงการแก้ปัญหาความเดือดร้อนจากค่าก๊าซ NGV ที่มีราคาสูงขึ้นจนกระทบผู้ประกอบการรถบรรทุก รถสาธารณะ และรถแท๊กซี่ ว่า…

ตามที่พี่น้องผู้ประกอบการรถบรรทุก รถสาธารณะ และรถแท๊กซี่ได้มาร้องเรียนเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาให้ผมแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากค่าก๊าซ NGV ที่มีราคาสูงขึ้นจนกระทบการประกอบอาชีพนั้น 

ผมได้ตั้งคณะทำงานดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหา โดยท่านประธานที่ปรึกษา ณอคุณ สิทธิพงศ์ เป็นประธานและทำข้อเสนอไปยังบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และคณะกรรมการบริษัท ปตท. โดยปลัดกระทรวงพลังงาน ท่านประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ในฐานะประธานบอร์ด ปตท. พิจารณามีมติเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ที่ผ่านมา เห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอไป นับเป็นของขวัญปีใหม่อีกชิ้นสำหรับพี่น้องผู้ประกอบการรถแท๊กซี่ รถโดยสารสาธารณะ รถบรรทุก และรถทั่วไป ตามรายละเอียดดังนี้

1.รถแท๊กซี่ 
ขยายระยะเวลาการช่วยเหลือราคา NGV สำหรับผู้มีบัตรสิทธิประโยชน์อยู่แล้ว โดยแบ่งเป็นสองระยะดังนี้

-ระยะที่ 1 ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2567 - วันที่ 30 มิถุนายน 2567 จำหน่ายก๊าซ NGV ที่ราคา 14.62 บาทต่อกิโลกรัม

-ระยะที่ 2 ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 - วันที่ 31 ธันวาคม 2568 จำหน่ายก๊าซ NGV ที่ราคา 15.59 บาทต่อกิโลกรัม

ขณะเดียวกันก็เปิดให้มีการสมัครบัตรสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในเดือนมกราคม ถึง กุมภาพันธ์ 2567 โดยผู้ที่สมัครสิทธิประโยชน์ใหม่ในช่วงนี้จะสามารถซื้อก๊าซในราคาเดียวกับผู้ที่มีบัตรสิทธิประโยชน์เดิมได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ปตท. จะพิจารณาเพิ่มวงเงินซื้อก๊าซ NGV จากเดิม 10,000 บาทต่อเดือนต่อคัน เป็นวงเงิน 12,000 บาทต่อเดือนต่อคัน

2.รถโดยสารสาธารณะ
-ขยายระยะเวลาการช่วยเหลือราคา NGV สำหรับผู้มีบัตรสิทธิประโยชน์อยู่แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2567 จำหน่ายก๊าซ NGV ที่ราคา 18.59 บาทต่อกิโลกรัม

-เปิดรับสมัครบัตรสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม สำหรับรถโดยสารสาธารณะ หมวด 1 และ หมวด 4 ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567

-ให้การช่วยเหลือราคาก๊าซ NGV ดังนี้

*รถหมวด 1 และหมวด 4 (กทม.) แบ่งเป็นวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 จำหน่ายในราคา 14.62 บาทต่อกิโลกรัม และวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ถึงวันที่  31 ธันวาคม 2568 จำหน่ายที่ราคา 15.59 บาทต่อกิโลกรัม

*รถหมวด 2 และ 3 (ต่างจังหวัด) ที่ได้รับสิทธิประโยชน์เดิม ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 จำหน่ายที่ราคา 18.59 บาทต่อกิโลกรัม

โดยมีวงเงินช่วยเหลือรถขนาดเล็กที่ 10,000 บาทต่อเดือนต่อคัน และรถขนาดใหญ่ที่ 40,000 บาทต่อคันต่อเดือน

3.รถบรรทุก
-เปิดรับสมัครรถบรรทุกที่ร่วมโครงการรณรงค์ความปลอดภัย โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 2 เดือน

-ให้ส่วนลดราคาจำหน่ายก๊าซ NGV เป็นระยะเวลา 6 เดือน  หลังจากการรับสมัครแล้วเสร็จ โดยแบ่งเป็นสถานีนอกแนวท่อ ให้ส่วนลดประมาณ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม จากราคาประกาศสถานีบริการ และสถานีแนวท่อให้ส่วนลดประมาณ 1 บาทต่อกิโลกรัม จากราคาประกาศสถานีบริการ

-เมื่อการช่วยเหลือครบ 6 เดือนแล้ว ราคาขายปลีกก๊าซ NGV จะเป็นตามโครงสร้างราคา

4.รถทั่วไป
ขยายระยะเวลาการช่วยเหลือราคาก๊าซ NGV ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 โดยจำหน่ายก๊าซ NGV ที่ราคา 19.59 บาทต่อกิโลกรัม หลังจากนั้นราคาขายปลีกก๊าซ NGV จะเป็นไปตามโครงสร้างราคาเพื่อให้สอดคล้องกับรถบรรทุก

‘สี จิ้นผิง’ ยอมรับ!! ผ่านสุนทรพจน์อวยพรปีใหม่ ‘เศรษฐกิจจีน’ กำลังอยู่ในช่วง ‘ยากลำบาก’

(3 ม.ค. 67) CNN ของสหรัฐฯรายงานว่าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง เข้ารับตำแหน่งในฐานะผู้นำประเทศเมื่อปี 2013 ที่เขาได้ออกมายอมรับถึงสภาพปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจจีนว่ามีอยู่จริง

เป็นการเปิดเผยผ่านสุนทรพจน์อวยพรปีใหม่ประจำปี 2024 ในวันอาทิตย์(31 ธ.ค)นี้มีใจความว่า

“มีบางบริษัทกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ประชาชนบางคนกำลังมีปัญหาในการหางานทำและเพื่อทำให้สามารถอิ่มท้องและอยู่ได้ไปวันๆ”

และเขาต่อว่า “ทั้งหมดเหล่านี้ยังคงเป็นปราการด่านหน้าอยู่ในใจของผม” ผู้นำจีนชี้ว่า “พวกเราจะทำให้เข้มแข็งและเพิ่มความแข็งแกร่งต่อโมเมนตัมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของพวกเรา”

ทั้งนี้ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่สีจะขึ้นกล่าวสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน NBS (National Bureau of Statistics) ได้เผยแพร่ดัชนีประจำเดือนผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ PMI(Purchasing Managers Index) ซึ่งดัชนีที่ว่านี้เพื่อสำรวจธุรกิจเอกชนทั่วโลก หากดัชนี PMI สูงกว่า/ต่ำกว่า ระดับ 50 หมายถึง แนวโน้มเศรษฐกิจและภาวะธุรกิจโดยรวมมีทิศทางดีขึ้น/แย่ลง

ซึ่งจากการเปิดเผยแสดงถึงความเคลื่อนไหวทางอุตสาหกรรมจีนลดลงต่ำสุดในรอบ 6 เดือนที่เดือนธันวาคม

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน NBS กล่าวผ่านแถลงการณ์มีใจความว่า ตัวเลขดัชนีอุตสาหกรรมจีนอย่างเป็นทางการตกไปที่ 49 ในเดือนที่ผ่านมา ต่ำกว่า 49.4 ในเดือนพฤศจิกายน

CNN รายงานว่าซึ่งหากตัวเลขดัชนีสูงกว่า 50 แสดงถึงการขยายตัวและหากต่ำกว่า 50 แสดงถึงการหดตัว ซึ่งตัวเลข PMI เดือนธันวาคมยังเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันแสดงการหดตัวทางอุตสาหกรรม

เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายจากปัญหาอุปสงค์(demand) ที่อ่อนตัว การว่างงานเพิ่มขึ้นและความไม่มั่นใจทางธุรกิจ

การกวาดล้างของรัฐบาลจีนทางธุรกิจโดยใช้ข้ออ้างเหตุผลทางความมั่นคงจีนนั้นทำให้นักลงทุนต่างประเทศหนี

ทั้งนี้ในวันเสาร์(30 ธ.ค)ธนาคารกลางจีนได้ประกาศไฟเขียวยกเลิกการควบคุมของผู้ถือหุ้นของบริษัท Alipay ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลทางการเงินยักษ์ใหญ่ของจีนที่สามารถพบได้ในต่างประเทศรวมในไทย โดย Alipay เป็นของ Ant Group ที่มีเศรษฐีพันล้านจีน แจ็ก หม่า เป็นผู้ก่อตั้งร่วม

ซึ่งการไฟเขียวนี้ CNN หมายความว่า แจ็ก หม่านั้นยกเลิกการควบคุมในบริษัทนี้อย่างเป็นทางการ

พ่อค้าก๋วยเตี๋ยวประกาศยกเลิกกินฟรี หลังหมดกำลังใจ เจอคนฉวยโอกาส ทำพฤติกรรมแย่ ต้องทนมาตลอด

(3 ม.ค.67) นายศักดิ์ระพี ปฐมทศพร หรือแจ็ค เจ้าของร้านแจ็คก๋วยเตี๋ยวน้ำตก บางศรีเมือง 51 นนทบุรี เปิดใจกับข่าวสดออนไลน์ หลังเริ่มต้นแจกก๋วยเตี๋ยวฟรีให้คนสูงอายุ คนพิการ คนเร่ร่อน ไร้บ้าน หญิงตั้งครรภ์ หรือแม้แต่คนไม่มีเงินได้อิ่มท้อง มาปีกว่า ๆ แต่กลับเจอคนฉวยโอกาส เอาเปรียบเรียกพวกมากินบ้าง สั่งพิเศษตามใจอยากบ้าน จนท้อ ขอยกเลิกแจกฟรี และพิจารณาเป็นรายคนแทน

นายศักดิ์ระพี กล่าวว่า ตนเริ่มแจกก๋วยเตี๋ยวฟรีมาประมาณ 1 ปี จะแจกบริเวณหน้าร้านและท่าน้ำนนท์อยู่เป็นประจำ เพราะแจกให้คนที่ลำบากยากไร้ไม่ค่อยมีเงิน คนไร้บ้าน ที่นอนเร่ร่อนแถวท่าน้ำนนท์ค่อนข้างเยอะ ก็เลยได้ไปแจกก๋วยเตี๋ยวบ่อย

แต่ช่วงหลัง ๆ มานี้ตนคิดว่าบางคนอาจจะไม่รู้ว่าตนแจกข้าวฟรี หรือบางคนอาจจะหิว เมื่อไหร่ ก็จะได้แวะมากินได้ที่ร้านตนได้ ก็เลยมีการติดป้ายหน้าร้านว่าให้กินฟรี

หลังจากโดนติดป้ายประกาศได้ประมาณ 4 เดือนคนที่มากินฟรีกลับไม่ใช่รูปแบบที่ตนตั้งใจให้ อย่างวันที่ 2 ที่ติดป้ายก็มีกลุ่มแม่บ้านที่เป็นผู้สูงอายุประมาณ 9 คน ชวนกันมากินที่ร้าน แต่ตอนแรกนั้นตนก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะตนเต็มใจแจกอยู่แล้ว แต่พอผ่านไปประมาณเดือนนึงก็มีคนเดิม ๆ มากินประจำส่วนมากก็จะเป็นกลุ่มสูงอายุ และคนสูงอายุผู้ชายบางคนบางกลุ่มจะมากินทุกวัน แต่เขาไม่ได้กินอาหารปกติทั่วไปตามที่ตนแจก แต่จะสั่งตามที่เขาอยากกิน

อย่างเช่นเกาเหลาเนื้อพิเศษ จะกินของที่แพงที่สุด พอได้กินครั้งหนึ่งก็ต้องอยากกินทุกวันพอนานไปเขาก็ไปชวนเพื่อน ๆ มากินด้วยบางครั้งก็เอากลับบ้าน แต่จริง ๆ โดยปกติแล้วถ้ามากินที่ร้านแล้วจะเอากลับบ้านต้องจ่ายเงิน แต่บางครั้งเขาอาศัยช่วงชุลมุนคนเยอะ ก็ลุกไปเลยก็มีแบบนี้บ่อยครั้ง

พร้อมยกตัวอย่างอีก เช่น จะมีอยู่คนนึงที่เขาจะมารอแต่เช้าเพื่อกินฟรี ซึ่งถ้าเป็นพ่อค้าแม่ค้าเขาจะรู้กันว่าตอนเช้าขายของต้องประเดิมด้วยออร์เดอร์ดี ๆ ไม่ใช่แจกฟรี แต่อันนี้เขามารอเลย ก็เลยปฏิเสธไม่ได้ แต่ที่หนักคือเมื่อมาถึงมักถามว่าหุงข้าวเสร็จหรือยังพอตนบอกข้าวยังไม่สุกเขาก็บอกว่างั้นเอาบะหมี่เนื้อ 3 ก้อน จะนั่งแช่อยู่แบบนั้นแล้วก็ตักน้ำแข็งไปกิน 4-5 รอบ

ส่วนอีกรูปแบบหนึ่งก็จะเป็นคนที่รู้ว่าที่ร้านเปิดให้กินฟรีก็มากินบ่อย ๆ บางครั้งก็หยิบแบงก์ 1,000 ออกมาโชว์ แล้วก็บอกว่ากินฟรีต้องจ่ายตังค์/ไม่ต้องจ่ายตังค์ ตนก็เลยงงว่าทำเพื่ออะไร

เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยครั้ง ตนจึงมองว่ามันเริ่มไม่ใช่สิ่งที่ตนตั้งใจไว้แล้ว ก็เลยเริ่มหาทางที่จะเลิกแจกฟรีหรือว่าทำอะไรซักอย่างเพราะมันไม่มีความสุขเหมือนเดิม เกินจะทนกับพฤติกรรมแบบนี้

แทนที่มันจะทำให้ตนมีความสุขกลับกลายเป็นทุกข์มากกว่าที่ต้องทนกับคนแบบนี้ เจตนาที่ตนตั้งใจทำกลายเป็นหน้าที่ที่ต้องเลี้ยงเขาทุกวันมันเริ่มไม่ใช่ ปีใหม่นี้ก็เลยตัดสินใจที่จะเอาป้ายออกและเลิกแจกฟรีไปเลยแต่จะเลือกให้คนที่น่ารัก น่าแจกพอ แค่บางคน

โดยส่วนใหญ่ที่มากินฟรีเป็นคนมีเงินไม่ลำบาก มีบ้านมีที่อยู่ แต่งตัวสะอาด มันเลยไม่ตรงกันที่ตนตั้งใจว่าจะแจกให้คนที่เขาลำบากไม่มีจะกิน แต่นี่เขาให้กินแล้วแทนที่จะทำตัวน่ารักแต่กลับทำตัวแบบนี้

นายศักดิ์ระพี กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาตนพยายามบอกทุกคนในร้านว่าใจเย็น ๆ เพราะมันอึดอัดมากไม่มีความสุข กลายเป็นทุกข์ใจ เสียความรู้สึก จากที่เจตนาให้ทุกคนมีกินเวลาหิวแต่กลายเป็นว่าเอาเพื่อนมานั่งเต็มร้าน นั่งแช่นาน ๆ แล้วก็สั่งแบบจัดเต็มไม่เกรงใจมันรู้สึกแย่เหนื่อย เสียความรู้สึก เหนื่อยใจ เพราะตนเปิดร้านขายของก็มีต้นทุน แต่เขาเลือกกินแต่เมนูที่ต้นทุนสูงตนก็ลำบากใจ

สุดท้ายนี้ ตนอยากฝากถึงคนที่มากินด้วยว่าโอกาสแบบนี้หายากรักษาคน รักษาร้านแบบนี้ไว้เถอะ เขาให้โอกาสแล้วก็ควรจะรักษาไว้ดี ๆ และอยากหาคนที่จะเริ่มต้นแจกอาหารเหมือนตนให้วางแผนดี ๆ จะได้ไม่ผิดพลาดเหมือนกับตน

สตม.สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย

ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ 
หักพาล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ สตม.สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผบช.สตม. พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ปิยะอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.สิทธิ์ศิริ กังวาลกุล รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.กฤษฎากรณ์ กลิ่นเกษร รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.กฤชมงกุฎ บูรณะภักดี ผกก.ตม.จว.หนองคาย, พ.ต.ท.ธียาฌพัตท์ รังสิพราหมณกุล รอง ผกก.ตม.จว.หนองคาย ร่วมแถลงข่าวการจับกุมบุคคลตามหมายจับคดีสำคัญ

เมื่อประมาณต้นเดือน ตุลาคม 2566 ผู้แทนรับมอบอำนาจจากโรงรับจำนำแห่งหนึ่งใน ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี  ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อ พงส.สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.จีรวรรณ  อายุ  30 ปี สัญชาติไทย และ น.ส.ศรินทิพย์  อายุ 32 ปี สัญชาติไทย พนักงานของโรงรับจำนำดังกล่าว ที่มีหน้าที่ในการทำบัญชีและเก็บรักษาของรับจำนำ  โดยเฉพาะสร้อยคอทองคำ เนื่องจากตรวจพบว่าจำนวนสร้อยคอทองคำ และทองคำแท่ง ที่รับจำนำมีมูลค่าน้อยกว่าจำนวนเงินที่จ่ายในการจำนำให้กับลูกค้า นอกจากนี้ยังพบว่ามีสร้อยคอทองคำปลอมปะปนอยู่ห้องเก็บรักษาของรับจำนำ โดยพบว่าพนักงานทั้งสองรายเมื่อรับจำนำทองแล้ว จากนั้นจะลักเอาทองที่รับจำนำของโรงรับจำนำไว้แล้วข้างต้น มามอบให้หน้าม้านำมาเวียนจำนำกับโรงรับจำนำอีกครั้ง เมื่อได้เงินมาแล้วจะแบ่งให้หน้าม้าครั้งละ 1,000 -2,000 บาท จากนั้นจะนำเงินสดไปเข้าบัญชีของตนเองโดยมีการทำในลักษณะดังกล่าวอยู่เป็นเวลากว่า 2 ปี ได้เงินรวมกว่า 170 ล้านบาท ต่อมา  ศาลจังหวัดนนทบุรีได้อนุมัติหมายจับบุคคลทั้งสอง ในความผิด “ร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง” ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี 1038/2566

และ 1039/2566 ลง 26 ธ.ค.2566 เบื้องต้นสามารถจับกุม  น.ส.ศรินทิพย์  มาดำเนินคดีแล้ว แต่ น.ส.จีรวรรณ  ได้หลบหนีออกนอกประเทศก่อนที่ศาลจะมีการอนุมัติหมายจับ และได้ไปกบดานที่ สปป.ลาว  ชุดสืบสวน ภ.1 ได้ประสานมายัง ชุดสืบสวน ตม.จว.หนองคาย เพื่อประสานกับทางการ สปป.ลาว เพื่อกดดันให้กลับมามอบตัว พร้อมกับเฝ้าระวังตามแนวชายแดนป้องกันการลักลอบเข้าทางช่องทางธรรมชาติ จนกระทั่ง วันนี้ (3 ม.ค.2567) เวลาประมาณ 12.30 น. น.ส.จีรวรรณ  ได้เดินทางกลับเข้ามาทางด่านพรมแดน สะพานมิตรภาพไทย – ลาว จ.หนองคาย ร้อยเวรงานตรวจบุคคลและพาหนะ จึงได้ประสานชุดสืบสวน ตม.จว.หนองคาย ควบคุมตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับให้ทราบ เบื้องต้น น.ส.จีรวรรณ รับว่าได้ร่วมกันลักทรัพย์ของโรงรับจำนำตามแผนประทุษกรรมดังกล่าวจริง   โดยเงินที่ได้มาได้นำไปเล่นการพนันออนไลน์จนหมดตัว จากนั้น จนท.ได้ควบคุมตัวนำส่ง พงส.สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดกรุณาแจ้งมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษาเลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

สื่อมองสื่อ!! รุ่นใหญ่ปรับตัวสู่ออนไลน์ ไม่ธรรมดา พกแต้มต่อ 'ความน่าเชื่อถือ-แฟนคลับเหนียวแน่น'

(3 ม.ค. 67) นายกิตตินันท์ นาคทอง ผู้สื่อข่าวเครือผู้จัดการ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Kittinun Nakthong' ในหัวข้อ 'จากทีวีสู่ออนไลน์ เข้าสู่ยุคนีชมาร์เก็ต' ระบุว่า...

ก่อนหน้านี้ วารินทร์ สัจจเดว เคยทำยูทูบช่อง Nomad Media Thailand จัดรายการ Thailand Morning Call ทุกเช้า (ใช้วิธีบันทึกเทปตอนค่ำ แล้วมาเรียบเรียงอัปโหลดพรีเมียร์ 6 โมงเช้า) หลังจากไม่ได้จัดรายการวิทยุ 

ปีนี้ ปรเมษฐ์ ภู่โต (คู่กับ นันทิญา จิตตโสภาวดี) และ ถนอม อ่อนเกตุพล หันมาจัดรายการผ่านออนไลน์ เพราะรายการที่ช่อง NBT หลุดผัง เริ่มทำแพลตฟอร์มออนไลน์ด้วยต้นทุนเล็กๆ น้อยๆ แต่ทำด้วยใจล้วนๆ

แม้มองผิวเผินดูเหมือนว่า ตามหลังคนรุ่นใหม่ ที่สร้างชื่อเสียงจากโลกออนไลน์ แต่จากประสบการณ์ความเป็นคนข่าวมายาวนาน มีความน่าเชื่อถือ และมีฐานคนดูประจำอย่างเหนียวแน่น ก็น่าจะเป็นแต้มต่อที่ดี

ต่อจากนี้อาจจะได้เห็นคนข่าวรุ่นใหญ่ ลงไปอยู่แพลตฟอร์มออนไลน์เรื่อยๆ

กลอนส่งกำลังใจให้รายการ ‘คุยถึงแก่น’ โดย ‘นายทิวา’

บทกลอนส่งกำลังใจในโอกาส รายการ ‘คุยถึงแก่น’ ถูกถอดออกจากผังออกอากาศ 

‘คุยถึงแก่น’

๏ ‘คุยถึงแก่น’ กะเทาะแก่น โดนถอนแก่น
เขาจะเอา เปลือกแทน เอาเปลือกถม
ยุคกระเบื้อง เฟื่องฟูลอย น้ำเต้าจม
เราไม่ชิน เขาเลยล่ม จมเรือชิน

๏ เรานี่แหละ พลเมือง ชั้นที่หนึ่ง
‘คุยถึงแก่น’ คุยให้ถึง หนี้และสิน
พลเมือง ทุกทุกชั้น ของแผ่นดิน
ต้องกะเทาะ เสียให้สิ้น กระแสความ

๏ ‘คุยถึงแก่น’ ยืนยัน ‘คุยถึงแก่น’
ปากไม่อาจ ปิดแน่น ปิด ‘คำถาม’
‘ความเท็จ’ ปลอม ‘คำตอบ’ เราติดตาม
‘คุยถึงแก่น’ คือ ‘นิยาม’ เปิด ‘ความจริง’

ยังยืนยัน ‘คำตอบ’ ทุก ‘นิยาม’
‘คุยถึงแก่น’ ไม่เคยคร้าม จากใจจริง

นายทิวา
อังคารที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๗

'น้องไพน์' นักเทนนิสวัย 13 ปี ขึ้นแท่นมือ 1 เยาวชนเอเชีย เตรียมร่วมแข่งขันเทนนิสเยาวชน ออสเตรเลียน โอเพ่น 2024

(3 ม.ค.67) เพจ สมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ – LTAT ได้โพสต์ข้อความชื่นชม ‘น้องไพน์’ ธรรม์ พันธราธร นักเทนนิสเยาวชนไทย วัย 13 ปี หลังผงาดก้าวขึ้นแท่นมือ 1 เยาวชนเอเชีย โดยระบุว่า…

คนแรกของไทย ‘ธรรม์’ มือ 1 เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี เอทีเอฟตีตั๋วให้ลุยศึกเยาวชน ‘ออสเตรเลียน โอเพ่น’

‘ไพน์’ ธรรม์ พันธราธร นักเทนนิสเยาวชนไทย วัย 13 ปี ผงาดก้าวขึ้นแท่นมือ 1 เยาวชนเอเชีย ในรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี หลังสหพันธ์เทนนิสแห่งเอเชีย (เอทีเอฟ) ได้ปรับอันดับเยาวชนเอเชียล่าสุด เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2567 จากคะแนนสะสมรวมที่ 5906.50 คะแนน ดีที่สุดในขณะนี้ โดยมี ทาวิช พาห์วา จากอินเดีย อยู่อันดับ 2 มี 4785.00 คะแนน และ ที่ 3 คิม ดอง แจ จากเกาหลีใต้ 4093.00 คะแนน 

ด้านนักเทนนิสหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี 3 อันดับแรกเป็นนักเทนนิสจากเกาหลีใต้ โดยมือ 1 เยาวชนเอเชีย คือ ฮง เยรี 5891.00 คะแนน, ที่ 2.ซิม ซีฮยอน 4539.50 คะแนน และที่ 3.โฮ จียุน 3887.50 คะแนน ขณะที่  ‘ไอซ์’ ปวีณอร นวลศรี นักเทนนิสเยาวชนไทย อยู่อันดับที่ 6 มี 2483.00 คะแนน

สำหรับ ‘ไพน์’ ธรรม์ พันธราธร ปัจจุบันมีอันดับเยาวชนโลก ไอทีเอฟ จูเนียร์ แรงกิ้ง อยู่ที่ 1211 ของโลก ส่วนผลงานในปี 2566 ที่ผ่านมา ได้เข้าร่วมเป็นตัวแทนนักเทนนิสเยาวชนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี ลงแข่งขัน เทนนิสเยาวชนชิงแชมป์โลก ประเภททีม รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี ‘2023 ไอทีเอฟ เวิลด์ เทนนิส จูเนียร์ ทีม คอมเพทติชั่นส์’ คัดเลือกตัวแทนโซนเอเชีย/โอเชียเนีย ที่เมืองกูชิง รัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย และได้เข้าร่วมเป็นตัวแทนนักเทนนิสเยาวชนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี ลงแข่งขันเทนนิสเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย ประเภทบุคคล รายการ ITF Asia 14 & Under Development Championships 2023 Finals ที่เมืองโอฑิศา ประเทศอินเดีย ผลงานได้รางวัล รองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทชายคู่ 

ส่วนผลงานการแข่งขันรายการสะสมคะแนนเยาวชนเอเชีย ธรรม์ สามารถคว้าแชมป์ เดี่ยว และ คู่ เทนนิสเยาวชน รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี เก็บคะแนนสะสมเอเชีย เกรด2 ‘แอลทีเอที เอเชี่ยน โฟร์ทีน แอนด์ อันเดอร์ 2023’ ครั้งที่ 3 ไทย จากนั้นอีก 1 สัปดาห์ ธรรม์ สามารถคว้าแชมป์ชายเดี่ยว และรองแชมป์ชายคู่ ในการแข่งขันเทนนิสเยาวชน รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี เก็บคะแนนสะสมเอเชีย เกรด2 "แอลทีเอที เอเชี่ยน โฟร์ทีน แอนด์ อันเดอร์ 2023" ครั้งที่ 4 ได้อีก

สำหรับ ธรรม์ ถือเป็นนักเทนนิสเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปีคนแรกของไทย ที่สามารถก้าวขึ้นรั้งตำแหน่งมือ 1 เยาวชนเอเชียจากการจัดอันดับของสหพันธ์เทนนิสแห่งเอเชีย(เอทีเอฟ) 

จากการขึ้นอันดับ 1 เยาวชนเอเชียในครั้งนี้ ส่งผลให้ ธรรม์ ยังได้รับการคัดเลือกจากเอทีเอฟไปเข้าร่วมการแข่งขันเทนนิสเยาวชน ออสเตรเลียนโอเพ่ น 2024 รุ่นอายุไม่เกิน14 ปี ซึ่งแข่งที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียเดือนมกราคมนี้อีกด้วย

บิ๊กโจ๊กนำทีมตรวจแอลกอฮอล์คนขับรถโดยสารหลัง รับ-ส่ง ประชาชนกลับภูมิลำเนาและเดินทางกลับมาทำงาน ทั้งโครราช ขอนแก่น

ขณะที่ประชาชนทั่วไปถูกจับคดีเมาแล้วขับ 3,207 คดี ศาลสั่งคุมประพฤติแล้ว 343 คดี อุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 5 วันของการรณรงค์ (29 ธ.ค. 66 – 2 มกราคม 67) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,839 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ รวม 1,860 คน ผู้เสียชีวิต รวม 212 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ กาญจนบุรี

ทล. พบ ยังมีปริมาณรถสะสม 10 เส้นทางที่มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพกว่า 500,000 คันจากเมื่อวานนี้เข้ามาแล้ว 600,000 กว่าคัน คาด 6 โมงเย็นวันนี้จะสามารถระบายรถได้ครบตามจำนวนคืนสู่สภาวะปกติ

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางไปที่สถานีขนส่งจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดขอนแก่น เพื่อตรวจจุดคัดกรองเมาแล้วขับบริเวณสถานีขนส่งแห่งใหม่จังหวัดนครราชสีมาและขอนแก่น ตามแผนรณรงค์เมาไม่ขับ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาในช่วงเจ็ดวันอันตรายโดยวันนี้เป็นการตรวจสอบในช่วงเดินทางกลับ

โดยจุดแรกได้ไปที่สถานีขนส่งใหม่จังหวัดนครราชสีมา พบว่าในช่วงเวลาดังกล่าวมีรถขนส่งที่เข้ามาสู่ตัวสถานี ประมาณ 50 คันเนื่องจากเป็นสถานีรอยต่อภาคอีสานมุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร

ต่อจากนั้นได้เดินทางไปยังสถานีขนส่งจังหวัดขอนแก่นซึ่งเป็นศูนย์กลางของภาคอีสาน พบว่ามีรถโดยสารมุ่งหน้าเข้ามาสู่ตัวสถานีประมาณ 20 คันต่อชั่วโมง

ทั้งนี้ จากการสรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 5 วันของการรณรงค์ (29 ธ.ค. 66 – 2 มกราคม 67) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,839 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ รวม 1,860 คน ผู้เสียชีวิต รวม 212 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ กาญจนบุรี (69 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี (73 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่กรุงเทพมหานคร (15 ราย) จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 17 จังหวัด

จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,792 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 51,553 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรีและสงขลา (จังหวัดละ 12 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี (17 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ สงขลา (3 ราย) 

ขณะที่สถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติวันที่ 1 มกราคม 2567 มีจำนวน 348 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 343 คดี คิดเป็นร้อยละ 98.56 คดีขับเสพ 5 คดี คิดเป็นร้อยละ 1.44 

ทำใหสถิติยอดรวมสะสม 4 วัน ที่มีการควบคุมเข้มงวด ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2566 – 1 มกราคม 2567 มีจำนวน 3,278 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 3,207 คดี คดีขับรถประมาท 1 คดี และคดีขับเสพ 70 คดี

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าผลการตรวจแอลกอฮอล์ที่สถานีขนส่งตั้งแต่ตำรวจภูธรภาค 1-9 และที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พบว่ามีการเรียกตรวจพนักงานขับรถทั้งสิ้น 8,420 ราย จาก 218 สถานีขนส่ง ไม่พบว่ามีพนักงานขับรถโดยสารคนใดเมาแล้วขับ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ต้องชื่นชมทั้งพนักงานขับรถ ผู้ควบคุม ไปจนถึง บริษัทขนส่งที่เอาใจใส่กวดขันอย่างเข้มงวด

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือในการรณรงค์เมาไม่ขับ จนทำให้สถิติอุบัติเหตุและผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุลดลง เป็นที่น่าพอใจ และมั่นใจว่าหากรณรงค์เข้มข้นในช่วงทุกเทศกาลก็จะทำให้จำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตรวมถึงพิการจากอุบัติเหตุลดลง และหมดไปอย่างแน่นอน

ส่วนคนที่ดื่มสุราแล้วมาขับขี่ยวดยานพาหนะ ก็มีบทลงโทษทางกฎหมายที่รุนแรงและเอาจริงเอาจังโดยล่าสุดศาลได้สั่งคุมประพฤติแล้วกว่า 300 คดีจากการจับกุมทั้งหมดกว่า 3,000 คดี

สำหรับ สถานการณ์ การจราจรจนถึงขณะนี้ ยังมีปริมาณรถสะสมในทุกเส้นทางโดยเฉพาะสายเหนือ สายอีสาน และสายใต้ ซึ่งจนถึงขณะนี้กองบังคับการตำรวจทางหลวง แจ้งว่ายังมีปริมาณรถสะสมตามช่องทางต่างๆทั้ง 10 ช่องทางที่มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพมหานครประมาณ 5.7 แสนคัน จากเมื่อวานนี้อยู่ที่ 6.3 แสนคัน แต่ก็ยังสูงกว่าในช่วงเวลาปกติที่มีอยู่เพียง 400,000 กว่าคันต่อวัน ซึ่งในบางช่องทางยังคงมีการเปิดช่องทางพิเศษให้รถวิ่งโดยเฉพาะที่จังหวัดขอนแก่น และคาดว่ารถทั้งหมดจะเดินทางเข้าสู่กรุงเทพมหานครในช่วงเวลา 18:00 น. วันนี้ และจะเข้าสู่ภาวะปกติในลำดับต่อไป

‘SPRC’ ปิดดีลซื้อปั๊ม Caltex 450 แห่ง กรุยทางลุยตลาดน้ำมันครบวงจร ยัน!! 'ปั๊ม-น้ำมันคาลเท็กซ์-เทครอน' ยังอยู่คู่คนไทยต่อไปเหมือนเดิม

เมื่อวานนี้ (3 ม.ค.67) บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ประกาศเสร็จสิ้นการทำธุรกรรมกับ Chevron Asia Pacific Holdings Limited (CAPHL) ในการเข้าซื้อธุรกิจการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงภายใต้แบรนด์คาลเท็กซ์ (Caltex) ซึ่งคาดว่าจะสร้างเสริมห่วงโซ่คุณค่าให้กับ SPRC ในฐานะโรงกลั่นและทำตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทยอย่างครบวงจร

นายโรเบิร์ต โดบริค กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า SPRC มีความยินดีและต้อนรับธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงของ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด เข้ามาร่วมเป็นครอบครัวเดียวกัน การผสานธุรกิจการตลาด และจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงเข้ากับการกลั่นน้ำมันจะเสริมสร้างโอกาสการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกับการขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์ด้านห่วงโซ่ ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดีทั้งกับผู้ถือหุ้น และลูกค้าคาลเท็กซ์ อีกทั้งยังจะมีส่วนช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทยได้อีกด้วย

“SPRC จะยังคงจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพภายใต้แบรนด์ คาลเท็กซ์® และ เทครอน ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจและอยู่เคียงคู่กับประเทศไทยมาอย่างยาวนานกว่า 75 ปี โดยหวังว่าจะสามารถนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูงให้กับลูกค้าผ่านสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ทั่วประเทศ” นายโดบริค กล่าวเสริม

ด้าน นายชาแชงค์ นานาวาติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการพาณิชย์ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) อดีตประธานกรรมการและผู้จัดการใหญ่ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด กล่าวว่า การรวมธุรกิจการกลั่นและการตลาดผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงจะสามารถสร้างเสริมคุณค่าของแบรนด์ให้เพิ่มสูงขึ้นด้วยการเติมเต็มประสบการณ์อันน่าประทับใจได้อย่างครอบคลุม ซึ่งจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นให้กับผู้ถือหุ้น และผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ของเรา นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มทักษะความรู้ความสามารถของพนักงานให้มีความพร้อมในการมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อการเติบโตในระยะยาวต่อไป

ทั้งนี้ นอกเหนือจากการบริหารโรงกลั่นน้ำมันที่มีกำลังการกลั่นน้ำมันดิบ 175,000 บาร์เรลต่อวันแล้ว SPRC มุ่งมั่นที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูงภายใต้แบรนด์ คาลเท็กซ์ เทครอน ผ่านสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ประมาณ 450 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งดำเนินการโดยพันธมิตรทางธุรกิจมืออาชีพ

การเข้าซื้อธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงในครั้งนี้ยังรวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง อันได้แก่ สัดส่วนการถือครองหุ้นร้อยละ 9.91 ในบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด สัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 2.51 ในบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) การลงทุนในบริษัทเอกชนที่ถือครองที่ดินแปลงที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และคลังน้ำมันเชื้อเพลิงที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสงขลา และสุราษฎร์ธานีด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top