Tuesday, 1 July 2025
NewsFeed

‘นายกฯ’ ยัน ‘แลนด์บริดจ์’ อยู่ในใจนานาชาติ ภายใต้จุดยืน ‘เป็นกลาง’ เพื่อเชื่อมโลกทั้งโลก

(4 ม.ค.67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วาระแรก เป็นวันที่ 2

น.ส.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายตอนหนึ่งถึงโครงการแลนด์บริดจ์ว่า มีการประเมินว่าจะทำให้จีดีพีของประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 ของทุกปี ซึ่งในงบฯ ปี 67 นี้ได้จัดทำเพื่อศึกษาความเหมาะสม การออกแบบเบื้องต้น การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม การวิเคราะห์รูปแบบการลงทุน และยังมีการตั้งงบฯ พัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) ให้มีความสมบูรณ์ และเมื่อโครงการแลนด์บริดจ์เกิดขึ้นในอนาคต ตนหวังว่ารัฐบาลจะจัดงบฯ ในปี 2568 เพื่อรองรับการสร้างโอกาสให้โครงการแลนด์บริดจ์ เพราะหัวใจของโครงการนี้จะทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้น แล้วยังทำให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ เกิดความเจริญรอบๆโครงการ ซึ่งรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ชูธงโครงการแลนด์บริดจ์ เป็นโครงการระดับโลก เพื่อให้เป็นเส้นทางเดินเรือของโลกโดยผ่านประเทศไทย

“โครงการนี้มาในเวลาที่ใช่ เพราะปัจจุบันช่องแคบมะละกาเริ่มแออัด โครงการแลนด์บริดจ์จะเป็นเส้นทางสำรองเชื่อมทั้งทางทะเล และทางบก ช่วยสร้างห่วงโซ่การขนส่งภูมิภาคไปจนถึงระดับโลก พาประเทศไทยไปสู่การลงทุนสร้างความเจริญให้ประเทศ” น.ส.ศรีญาดา กล่าว

ต่อมาในเวลา 12.20 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้เดินทางมาถึง พร้อมเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ ถึงโครงการแลนด์บริดจ์ ว่า โครงการดังกล่าวทำให้ไทยอยู่ในหมุดหมายการผลิตของต่างประเทศทั่วโลก โดยหลายประเทศต้องการเข้ามาตั้งโรงงานในไทย แต่โรงงานผลิตหลายสินค้าไม่สามารถตั้งได้เพราะต้องการสร้างให้ใหญ่กว่านั้นเนื่องจากต้องส่งสินค้าไปทั่วโลก แต่ประเด็นที่เป็นปัญหาตอนนี้ คือ ช่องแคบมะละกาที่แออัดและเกิดอุบัติบ่อยครั้ง ทำให้การขนส่งสินค้าต้องเข้าคิว และใช้เวลาจำนวนมาก อย่างไรก็ดีในช่วง 10-15 ปี เชื่อว่าจะมีปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้น และมีมูลค่าสินค้าใช้เส้นทางเดินเรือเพิ่ม โดยช่องแคบดังกล่าวบริหารไม่เกิดประโยชน์สูงสุด

“การทำแลนด์บริดจ์ เพื่อเพิ่มศักยภาพแข่งขันของประเทศ ทั้งนี้ปริมาณน้ำมันขนส่งทั่วโลก 60% ผ่านช่องแคบมะละกา หากมีปัญหาเรื่องขนถ่ายสินค้า รัฐบาลจึงตระหนักทำเรื่องแลนด์บริดจ์ และจุดยืนของเราคือ เป็นกลาง ความขัดแย้งระหว่างจีน และ สหรัฐอเมริกาที่มีความรุนแรง แต่เขาต้องค้าขาย เมื่อประเทศไทยเป็นกลางเสนอตัวทำแลนด์บริดจ์ เชื่อมโลกทั้งโลก และจีน-สหรัฐอเมริกาสามารถใช้เป็นศูนย์กลางขนถ่ายสินค้าได้ดี” นายเศรษฐา ชี้แจง

นายกฯ ชี้แจงด้วยว่า การทำแลนด์บริดจ์ถือเป็นเรื่องจำเป็น แต่รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ หรือเพิกเฉยต่อเสียงประชาชนในพื้นที่ รัฐบาลดำเนินการสำรวจความคิดเห็นรับฟังความเห็น พรรคร่วมฝ่ายค้าน ภาคประชาคม และประชาชนในพื้นที่ รวมถึงนักธุรกิจทุกคน ให้แน่ใจว่าโครงการดังกล่าวว่า เป็นเมกะโปรเจกต์ที่สำคัญของโลก นอกจากนี้โครงการแลนด์บริดจ์ยังทำให้หลายประเทศ เช่น ซาอุดีอาระเบีย ที่มีความมั่นคงด้านพลังงานอยากเข้ามาลงทุน สร้างโรงกลั่นน้ำมัน และโรงงานที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าจะทำให้ไทยมีความมั่นคงทางพลังงาน และมีความพร้อมยืนในโลกที่ขัดแย้ง พึ่งตนเองได้ ให้ชีวิตประชาชนยกระดับ

‘โยอิจิ ทากาฮาชิ’ ผู้วาดมังงะในตำนาน ‘กัปตันซึบาสะ’  ประกาศรีไทร์จากวงการการ์ตูนอย่างเป็นทางการ

(4 ม.ค.67) กลายเป็นข่าวใหญ่ของวงการมังงะญี่ปุ่นในทันที เมื่อ อ.โยอิจิ ทากาฮาชิ (Yoichi Takahashi) นักวาดมังงะรุ่นเก๋า เจ้าของผลงานมังงะฟุตบอลชื่อดังระดับโลกอย่าง กัปตันซึบาสะ (Captain Tsubasa) ประกาศรีไทร์จากวงการการ์ตูนอย่างเป็นทางการ ปิดฉากตำนาน 43 ปี ด้วยปัญหาสุขภาพ

โดยทางเว็บไซต์ คอมมิคบุ๊ค (comicbook) ได้ออกมารายงานว่า เหตุผลที่ อ.โยอิจิ ทากาฮาชิ ตัดสินใจเลิกเขียนมังงะมาจากอายุที่มากขึ้นของเขา (64 ปี) ทำให้อาจาร์ย์ทำงานออกมาได้ช้าลงอย่างมาก รวมไปถึงสายตาที่ไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดและวาดลงเล่นได้เท่าเดิมอีกด้วย

อ.โยอิจิ ได้เผยว่า “ผมคิดว่าผมยังมีสุขภาพที่ดี แต่ด้วยอายุที่มากขึ้นมันหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่ผมจะวาดภาพได้ช้าลง และสายตาก็ไม่ดีเหมือนก่อน” พร้อมกล่าวอีกว่า การจากไปอย่างกะทันหันของ อ.มิตสึชิม่า ชินจิ เจ้าของผลงานชื่อดังอย่าง ‘อิคคิวซัง’ ที่เสียชีวิตไปเมื่อต้นปี 2022 ที่ผ่านมา คือ อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้อาจารย์ตัดสินใจแขวนปากกาในครั้งนี้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม อ.โยอิจิ ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เขาได้เตรียมร่างต้นฉบับในภาค ‘ศึกฟุตบอลโลกครั้งสุดท้าย’ ไว้คร่าวๆ แล้ว เผื่อในอนาคตจะมีนักวาดมังงะ หรือ เทคโนโลยี AI มาสานต่อความฝันให้สำเร็จในที่สุด

“แม้จะเป็นแบบฉบับร่าง แต่ถ้าผมทิ้งเรื่องราวไว้ บางทีในอนาคตด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า AI อาจจะสามารถสร้างมังงะ กัปตันซึบาซะ ตามสถานการณ์ได้ หรือถ้าผมได้จากโลกนี้ไปแล้วนักวาดคนอื่นๆ จะสามารถทำต่อไปได้”

อ.โยอิจิ กล่าวอีกว่า “ในฐานะนักเขียนการมีซีรีส์กัปตันซึบาสะ ทั้งมังงะและอนิเมะ เป็นหนึ่งในความปรารถนาของผมและหากเรื่องราวทั้งหมดจนถึง ซึบาสะยกถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลก ได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมะจริงๆ นั่นคงจะเป็นอะไรที่พิเศษสำหรับผมมากครับ”

อย่างไรก็ตาม แม้จะรีไทร์งานเขียน แต่เชื่อว่า ทาง อ.โยอิจิ คงยังไม่ทิ้งจิตวิญญาณอีกส่วนของ กัปตันซึบาสะ โดยอาจหันไปมุ่งมั่นกับการพาทีมฟุตบอลในชีวิตจริงอย่าง ‘นันคัตสึ เอสซี’ ทีมฟุตบอลบ้านเกิดที่เขามีส่วนร่วมตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ก่อนจะกลายมาเป็นเจ้าของในปี 2019 และได้ตั้งชื่อตามทีมโรงเรียนในสึบาสะในการ์ตูน ให้เลื่อนชั้นขึ้นชั้น เจลีก ดิวิชัน 1 ให้ได้อีกด้วย

สำหรับ Captain Tsubasa: Rising Sun และ Captain Tsubasa: Memories จะจบลงในนิตยสาร Captain Tsubasa Magazine ฉบับที่ 20 ในเดือนเมษายน 2024 นี้

‘สตาร์บัคส์’ โอด!! ต้นทุนเพิ่ม ขอขึ้นบางเมนู 5-10 บาท หลังขึ้นครั้งล่าสุดปี 2563 เคาะ!! 4 ม.ค.67 เริ่มวันแรก

(4 ม.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านกาแฟ สตาร์บัคส์ เตรียมปรับขึ้นราคาเครื่องดื่มและอาหาร บางรายการในระดับประมาณ 5-10 บาท เริ่มต้นวันที่ 4 มกราคม 2567 นี้ เป็นวันแรก

โดยจากการสอบถามพนักงานร้าน ระบุว่า สินค้าที่ขึ้นราคาประกอบด้วย เครื่องดื่มปั่นทุกเมนู ส่วนเครื่องดื่มอื่น ๆ บางเมนูขนาด Tall จะยังคงเป็นราคาเดิม ส่วนกลุ่มอาหารจะขึ้นราคา เช่น แซนด์วิชจะขึ้นเป็นบางรายการ

การปรับราคาครั้งนี้จะมีผลในทุกช่องทางทั้งหน้าร้านและการสั่งออนไลน์ผ่านแพล็ตฟอร์มต่าง ๆ เช่น LINEMAN, Grab ฯลฯ

ขณะที่สตาร์บัคส์ ประเทศไทย ยังไม่ให้ความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาในครั้งนี้ แต่แหล่งข่าวรายหนึ่ง อธิบายว่า การปรับขึ้นราคาเป็นผลจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาทำให้ต้องปรับราคาขายให้สัมพันธ์กับต้นทุน

อย่างไรก็ตาม พร้อมการปรับขึ้นราคานี้ สตาร์บัคส์ได้เปิดตัวเมนูใหม่ 4 เมนู คือ ไอซ์ เวียนนา ครีมมี ลาเต้, เวียนนา ครีมมี แฟรบปูชิโน่, ไอซ์ ฮันนี่ พลัม เพียว มัทฉะ ลาเต้ และ ไอซ์ พีช พลัม เพิร์ลส อู่หลง

รวมถึงขนมสำหรับเทศกาลวาเลนไทน์อีกหลายเมนู อาทิ ช็อกโกแลตลาวาเค้ก, มาการองราสเบอร์รี่, โดนัทสอดไส้ราสเบอร์รี่, บราวนี่คัพรสช็อกโกแลต และอื่น ๆ

ทั้งนี้ที่ผ่านมาสตาร์บัคส์ ประเทศไทย เคยปรับขึ้นราคาในระดับประมาณ 5 บาท มาแล้ว อาทิ เมื่อ 6 มกราคม พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 2.5 ปี โดยขึ้นราคาทุกรายการยกเว้นเมนูปั่น ด้วยเหตุผลเรื่องต้นทุนสินค้า

‘Bolt’ เปิดตัวมาตรการรักษา ‘ความปลอดภัย’ ในไทย เพิ่มขั้นตอนตรวจสอบใบหน้าคนขับ - ปุ่มช่วยเหลือฉุกเฉิน

(4 ม.ค. 67) โบลท์ (Bolt) ผู้นำด้านแอปพลิเคชันการเดินทางจากยุโรปประกาศเปิดตัวมาตรการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในประเทศไทยในวันนี้ โดยมาตรการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยนี้จะประกอบไปด้วย การตรวจสอบภาพถ่ายหน้าของคนขับ และมาตรการความปลอดภัยในระหว่างการเดินทางสำหรับการเดินทางผ่านยานพาหนะในแอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นการสนับสนุนความปลอดภัยของผู้ขับขี่เเละผู้โดยสารจากฝ่ายด้านความปลอดภัยที่ได้รับการฝึกอบรมภายในบริษัท

โดยการตรวจสอบภาพถ่ายหน้าของคนขับ เป็นมาตรการใหม่ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนของผู้ขับขี่ และลดการแอบอ้างเป็นบุคคลอื่น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยโดยรวมในการใช้บริการของทั้งผู้โดยสารและผู้ขับขี่ผ่านแอปพลิเคชันโบลท์

และภายในมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยเพิ่มเติมในการเดินทาง โบลท์จะมีระบบในการเชื่อมต่อกับผู้โดยสารและคนขับผ่านแอปพลิเคชันโดยอัตโนมัติ เมื่อยานพาหนะหยุดเคลื่อนไหวเป็นเวลาที่ผิดสังเกต เพื่อเป็นการยืนยันว่าทั้งผู้โดยสารเเละผู้ขับขี่ไม่ตกอยู่ภายในอันตรายใดๆ ซึ่งระบบจะให้ทางผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับตัวเลือกในการโทรติดต่อกับศูนย์บริการฉุกเฉินโดยตรง ให้ข้อมูลของการเดินทาง และขอความช่วยเหลือจากโบลท์ได้ด้วยการแจ้งเตือนในแอปพลิเคชัน

ในอนาคตโบลท์มีการวางแผนที่จะนำระบบตรวจสอบความปลอดภัยในการเดินทางอื่นๆ เพิ่มเติมในการใช้งานแอปพลิเคชัน เช่น การแจ้งเตือนเมื่อมีการออกนอกเส้นทางและการสิ้นสุดการเดินทางที่ล่าช้า

โดยมาตรการในอนาคตเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนต่อเนื่องของโบลท์ในการพัฒนาทางด้านความปลอดภัยในแพลตฟอร์มของตน เพื่อให้โบลท์สามารถให้การสนับสนุนที่ดียิ่งขึ้นสำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และเป็นมาตรการที่ช่วยเหลือในการระบุและป้องกันพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้

นอกจากนี้ ระบบที่ช่วยให้การเดินทางของโบลท์ปลอดภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารมีเพิ่มเติมดังนี้

ระบบความปลอดภัย (Safety Toolkit) ภายในแอปพลิเคชัน เช่น การแชร์ทริปเพื่อแบ่งปันตำแหน่งที่ตั้งแบบเรียลไทม์กับเพื่อนและครอบครัว
ปุ่มช่วยเหลือฉุกเฉิน (Emergency Assist) เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารสามารถแจ้งให้หน่วยงานตำรวจท้องถิ่นทราบโดยรวดเร็วและเป็นส่วนตัวในกรณีที่ผู้โดยสารรู้สึกไม่สบายในระหว่างการเดินทาง และรายงานไปยังทีมสนับสนุนลูกค้าของโบลท์

นายณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการประจำโบลท์ ประเทศไทย ได้กล่าวว่า “สำหรับโบลท์ ความปลอดภัยคือความสำคัญอันดับต้นๆ และเรามีการลงทุนอย่างสม่ำเสมอในผลิตภัณฑ์และการเพิ่มมาตรการสำหรับระบบความปลอดภัยในแอปพลิเคชันของโบลท์ เพื่อนำเสนอให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารมีประสบการณ์การเรียกรถที่มีคุณภาพที่ดี การเพิ่มมาตรการใหม่เกี่ยวกับการตรวจสอบความปลอดภัยในการเดินทางคือการพัฒนาล่าสุดในความพยายามต่อเนื่องของเราที่จะทำให้การขอความช่วยเหลือสำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นไปได้โดยง่ายที่สุดเมื่อมีความต้องการในระหว่างการเดินทางของโบลท์ และระบุสิ่งที่ผิดปกติที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยป้องกันการเกิดอันตรายของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร”

การเปิดตัวมาตรการใหม่ทางด้านความปลอดภัยของโบลท์ขณะโดยสารเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระยะยาวของการพัฒนา เพื่อสนับสนุนทีมความปลอดภัยของ Bolt ในการตรวจสอบทุกสิ่งที่ผิดปกติเมื่อการโดยเริ่มต้นผ่านแอปพลิเคชัน

นอกจากนี้ บริษัทได้นำมาตรการต่อไปนี้เข้าสู่แอปพลิเคชัน เพื่อให้ลูกค้าของโบลท์ได้รับประสบการณ์การโดยสารที่ปลอดภัย และโบลท์กำลังนำเสนอมาตรการและระบบความปลอดภัยเพิ่มเติมในแอปพลิเคชันที่หลากหลายซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โดยมีมาตรการความปลอดภัยดังนี้ :

ปุ่ม SOS: ช่วยให้ผู้โดยสารและคนขับสามารถติดต่อกับตำรวจได้โดยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว
แชร์ทริปของฉัน: คุณลักษณะนี้ช่วยให้ผู้โดยสารและคนขับสามารถแชร์ลิงก์ของข้อมูลการเดินทางแบบเรียลไทม์ของพวกเขา
ระบบ unmatch คนขับและผู้โดยสาร: หากผู้โดยสารหรือคนขับให้คะแนนทริปของพวกเขาด้วยดาวเพียงดวงเดียว ผู้ถูกร้องเรียนจะไม่สามารถให้บริการหรือรับบริการจากผู้โดยสารหรือผู้ขับขี่รายเดิมโดยอัตโนมัติ

‘อิหร่าน’ เดือด!! ประกาศแก้แค้นกลุ่มผู้ก่อการอย่างถึงที่สุด หลังเกิดเหตุลอบวางระเบิดกลางงานรำลึก ‘กาเซม โซเลมานี’

สื่ออิหร่านรายงานข่าวด่วน เหตุลอบวางระเบิดถึง 2 ครั้งในงานรำลึกการเสียชีวิตของนายพล กาเซม โซเลมานี ผู้นำของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (IRCG) ที่เมืองเคอร์มาน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 95 คน รัฐบาลอิหร่านประกาศ จะแก้แค้นกลุ่มผู้ก่อการอย่างถึงที่สุด

ความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลางยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเกิดเหตุระเบิดถึง 2 ครั้ง ใกล้กับอนุสรณ์สถานของนายพล กาเซม โซเลมานี ที่มีการจัดงานรำลึกประจำปีให้กับอดีตผู้นำสูงของกองกำลัง IRCG ที่ถูกลอบสังหารอย่างโหดเหี้ยมด้วยโดรนพิฆาตของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2020 ขณะกำลังเดินทางเยือนอิรัก โดยงานรำลึกในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4

สื่ออิหร่านรายงานว่า เหตุระเบิดลูกแรก เกิดขึ้นช่วง 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ในบริเวณด้านหน้าสุสานผู้พลีชีพ ใกล้ ๆ กับมัสยิด Saheb al-Zaman ส่วนระเบิดลูกที่ 2 เกิดขึ้นหลังจากนั้น 15 นาที และห่างจากระเบิดจุดแรกเพียง 700 เมตรเท่านั้น โดยมีเจตนาสังหารผู้คนที่กำลังวิ่งหนีอย่างโกลาหลหลังจากเกิดเหตุระเบิดลูกแรก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 95 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 200 คน ถือเป็นการก่อการร้ายครั้งรุนแรงที่สุดในอิหร่าน ในรอบ 42 ปี 

ด้านผู้นำสูงสุดของอิหร่าน อยาตอลเลาะห์ คาเมเนอี สาบานว่าจะล้างแค้น กลุ่มอาชญากรที่ก่อเหตุระเบิดนองเลือดครั้งนี้อย่างถึงที่สุด หลายประเทศ รวมถึงรัสเซียและตุรกี ออกมาประณามการโจมตีดังกล่าว ในขณะที่เลขาธิการสหประชาชาติเรียกร้องให้สอบสวนหาตัวผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ความรุนแรงครั้งนี้ให้ได้

แต่ ณ ขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มก่อการร้ายใด ออกมาแสดงตนอ้างตัวเป็นผู้ความรับผิดชอบ แต่คาดเดาว่าน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอาหรับ หรือกลุ่มผู้ก่อการร้ายจิฮัด และ ISIS เมื่อพิจารณาจากรูปแบบการก่อเหตุ และ การก่อความไม่สงบหลายครั้งในอิหร่านที่ผ่านมา 

แต่ก็มีไม่น้อยที่ตั้งข้อสงสัยว่าอาจเป็นฝีมือของหน่วยลับจากอิสราเอล และ สหรัฐอเมริกา เนื่องจาก อิหร่าน ประกาศตนเป็นปฏิปักษ์กับอิสราเอล และ สหรัฐฯ อีกทั้งยังเป็นประเทศหลักที่ผลักดันให้เกิด กลุ่ม Axis of Resistance - พันธมิตรแห่งการต่อต้าน เพื่อสนับสนุนกลุ่มฮามาส ในการต่อต้านการรุกรานของอิสราเอลในดินแดนปาเลสไตน์

ด้าน แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกมาแถลงผ่านห้องประชุมผู้สื่อข่าวว่า ทั้งสหรัฐอเมริกา และ อิสราเอล ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการโจมตีในเมืองเคอร์มาน และไม่มีเหตุผลที่ต้องทำด้วย จึงขอให้เลิกสงสัยสหรัฐอเมริกา และ อิสราเอล เสีย 

เชื่อได้ว่า การก่อเหตุระเบิดรุนแรงในงานรำลึกนายพล กาเซม โซเลมานี มีเป้าหมายเพื่อทำลายขวัญของชาวอิหร่าน ที่จะมาเยือนสุสานของเขา แต่รัฐบาลอิหร่านยังยืนยันที่จะจัดงานรำลึกเป็นประจำทุกปี แม้อาจเสี่ยงเป็นเป้าหมายของการก่อเหตุรุนแรง ส่วนหนึ่งก็เพื่อยกย่องผู้นำของกองกำลัง IRCG แต่อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือการตอกย้ำพฤติกรรมก่อการร้ายข้ามชาติของสหรัฐอเมริกาให้ยังอยู่ในความทรงจำของชาวอิหร่านนั่นเอง 

"บิ๊กโจ๊ก"ลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น กวดขันพนง.ขับรถโดยสารสาธารณะในช่วงเทศกาลปีใหม่

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ตรวจวัดแอลกอฮอล์และสารเสพติดในพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะในช่วงเทศกาลปีใหม่ เน้นย้ำปัญหาที่เกิดขึ้นจะต้องปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้เกิดอุบัติเหตุน้อยที่สุด และปรับปรุงจุดเสี่ยงในพื้นที่ของแต่ละจังหวัด ไม่ให้เป็นจุดเสี่ยง

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 3 ม.ค. 66 ที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารขอนแก่น แห่งที่ 3 ต.เมืองเก่า อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น ภายใต้การอำนวยการของ นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ขอนแก่น มอบหมายให้ นายยุทธพร พิรุณสาร รอง ผวจ.ขอนแก่น ให้การต้อนรับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ในโอกาสมาตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ตรวจวัดแอลกอฮอล์และสารเสพติดในพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะเพื่อป้องกันอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567  โดยมี พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี รอง ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น, นายพงศ์ธร จันทราธิบดี ขนส่งจังหวัดขอนแก่น , นายประสิทธิ์ ทองแท่งไทย รองนายก อบจ.ขอนแก่น ,หน.สนง.ปภ.ขอนแก่น ,จนท.สนง.ขนส่งจังหวัด, หน.สถานีรถโดยสาร ร่วมรับการตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง.ผบ.ตร. กล่าวว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจในการคุมเข้มในการดูแลกำกับการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 ตัวเลขสถิติการเกิดอุบัติเหตุในปีนี้นั้นลดลงกว่าปีที่แล้ว รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องการเห็นประชาชนคนไทยมีความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และเน้นหนักในเรื่องความปลอดภัยเป็นที่สุด ทั้งในสถานการณ์ปกติและในช่วงเทศกาลต่างๆ ประชาชนต้องปลอดภัยให้มากที่สุด เกิดอุบัติเหตุต่ำสุด น้อยที่สุดแต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลยังต้องทำงานหนักต่อไปเพื่อที่จะทำให้ตัวเลขสถิติการการเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตลดน้อยลงที่สุดให้ได้

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  กล่าวด้วยว่า ในส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นจะต้องปรุบปรุงแก้ไข เพื่อให้เกิดอุบัติเหตุน้อยที่สุด และปรับปรุงจุดเสี่ยงในพื้นที่ของแต่ละจังหวัด ไม่ให้เป็นจุดเสี่ยง โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ รถสกายแล็ป ที่มักจะเกิดเหตุบ่อยที่สุด เกิดจากขับรถเร็วและไม่ใส่หมวกกันน็อก ขับรถย้อนศร ใช้รถยนต์ ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จึงต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ในส่วนของประชาชนที่ยังตกค้างใน บขส.นั้น ในวันที่ 4 ม.ค. 2567 จะต้องได้กลับเข้ากรุงเทพฯ กันทุกคน และต้องไม่มีผู้โดยสารตกค้างเด็ดขาด เพราะวันนี้ตนและทุกหน่วยงานได้มาส่งทุกท่านเดินทางให้ถึงจุดหมายปลายทางด้วยความปลอดภัยทุกคน

‘นายกฯ’ ย้ำ!! ‘กอ.รมน.’ ตั้งใจจริงแก้ปัญหาดับไฟใต้ พร้อมน้อมรับคำวิจารณ์ หากวิธีแก้ต่างกับบางฝ่าย

(4 ม.ค.67) จากนั้นเวลา 14.30 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง ชี้แจงการอภิปรายของนายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ว่า ขอบคุณสมาชิกที่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับงบประมาณของ กอ.รมน. วิธีการบริหารจัดการปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งหลายประเด็นก็น่าหยิบยกมาพูดคุย และให้ทีมงานนำไปขยายผลต่อเพื่อปัญหาจะได้ลดลง

ทั้งนี้ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาที่สะสมมานาน แต่ถ้าดูจากช่วงระยะหลัง เรื่องของความรุนแรงก็ลดน้อยลงอย่างมีนัยยะ ก็ต้องขอขอบคุณ สส. และตัวแทนของพรรคการเมืองที่เข้าไปมีส่วนร่วมให้เกิดความสงบ พูดคุยกับพี่น้องประชาชน ทำให้ปัญหาความรุนแรงลดน้อยลง และขอบคุณฝ่ายความมั่นคง กอ.รมน. ซึ่งท่านอาจจะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ตนเห็นความตั้งใจจริง อาจจะมีวิธีการทำงานที่แตกต่างกันไป แต่ตนเชื่อว่าทั้งตันท่านเอง ฝ่ายความมั่นคง และ กอ.รมน. ก็มีจุดประสงค์เดียวกันคือต้องการคืนความสงบ และความมั่งคั่งให้พี่น้องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกคน

นายกฯ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ตนเชื่อว่าเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจ และใน 100 วันที่ตนได้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ก็ได้มีโอกาสลงไปในพื้นที่ โดยในเดือน พ.ย.66 นัดเจอนายกฯ มาเลเซีย พูดคุยเกี่ยวกับด้านความสงบ ความมั่นคงความเรียบร้อย และปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ความเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศของทั้งสองประเทศ ซึ่งจริงๆ แล้วตรงนี้เรามีการพัฒนากันมาในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสะพานสุไหง-โกหลก 2, การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ, การทำให้การเข้าเมืองของทั้งสองฝ่ายดีขึ้น และหลังจากที่มีการยกเลิก ตม.6 ทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทย 3 หมื่นคน จากหมื่นคนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โรงแรมเต็มหมด คงไม่เป็นที่แปลกใจว่าถ้าพี่น้องประชาชนมีเงินในกระเป๋า มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เรื่องปัญหาความรุนแรงก็น่าจะลดน้อยลงไป ควบคู่ไปกับการทำงานของฝ่ายความมั่นคงของทั้งสองประเทศ ซึ่งทางมาเลเซีย ก็ชื่นชมมาว่าเรามีพลเรือนเป็นหัวหน้าทีมเจรจา และยินดีที่จะทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นการใส่ใจหรือไม่ใส่ใจ ตนว่าเป็นความคิดของแต่ละคนมากกว่า แต่ตนเชื่อว่า สส.ทุกคนมีความใส่ใจในแง่ของความสงบ ความเรียบร้อยของพี่น้องประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร ฉะนั้นเรื่องงบของ กอ.รมน. ที่ท่านพูดถึง ตนก็จะน้อมรับไปพิจารณา พูดคุยว่าจะทำอย่างไรต่อไปเพื่อให้มีประโยชน์สูงสุด ส่วนเรื่องว่าถ้ามีความสงบแล้วไม่รู้ว่า กอ.รมน.จะไปทำอะไร ท่านไม่ต้องเป็นห่วงตนพูดคุย กับ ผบ.ทบ.เรียบร้อยแล้ว มีหลายเรื่องที่ท่านอยากทำให้พี่น้องประชาชน เรื่องการแก้ไขอุทกภัย แก้ไขภัยแล้ง ทั้งขุดบ่อเก็บกักน้ำ เมื่อมีภัยพิบัติทางธรรมชาติ ท่านก็มีความตั้งใจจะออกมาช่วยกัน ลงพื้นที่ซ่อมแซมช่วยซ่อมบ้านผู้ประสบอุทกภัย ซึ่ง กอ.รมน. ก็ให้ความใส่ใจ 

“ส่วนเรื่องของไบโพลาร์ ผมก็ไม่ได้เป็นหมอ ก็ไม่ทราบว่าท่าน เป็นหรือไม่ แต่เท่าที่สัมผัสมาพบว่าเป็นคนที่สม่ำเสมอ และดูเรื่องผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง และจะมีการประชุมที่หลังบัลลังก์ เกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป” นายเศรษฐา กล่าว

หลังจากนั้น นายรอมฎอน จึงได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า “ประเด็นเรื่องไบโพลาร์ว่า ตนไม่ได้วิจารณ์ในแง่ของสุขภาพ แต่เป็นคำเปรียบเปรยถึงความไม่คงเส้นคงวาของการดำเนินนโยบาย การแปลงไปสู่ภาคปฏิบัติของ กอ.รมน.ที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่ได้ละลาบละล้วงไปถึงผู้ใดเป็นการส่วนตัว ส่วนที่นายกฯ ระบุว่า กอ.รมน.หมดงานจะไปทำเรื่องอื่น ตนก็ยิ่งตกใจคงต้องเตือน สส.คนอื่นๆ ว่าอาจจะต้องรับมือกับ กอ.รมน.ที่เข้าไปยุ่ง ทั้งนี้อยากให้นายกฯ เซ็นรับรองตัวร่าง พ.ร.บ. ยุบ กอ.รมน. กลับมาให้สภาฯ ได้พิจารณาต่อ”

'สาวท้อง' โวย!! 'ที่นั่งบุคคลพิเศษ' ใน รฟฟ. แต่คนท้องไม่ได้นั่ง ชาวเน็ตเสียงแตก!! บ้างบอกควร 'เสียสละ' บ้างบอก 'สิทธิ์ส่วนบุคคล'

(4 ม.ค. 67) กลายเป็นเรื่องราวถกสนั่นร้อนระอุไปทั่วโลกโซเชียล เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งออกมาแชร์ประสบการณ์การเดินทางที่ ‘คนท้อง’ ต้องเผชิญ สะท้อนทัศนคติผู้คนในสังคมต่อ คนท้อง และทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ คนท้อง ในสังคมนั้นมีเพียงพอหรือยัง?

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้โพสต์ข้อความว่า “ขอบคุณที่นั่งสำหรับ คนพิการ พระสงฆ์ และ คนท้อง (ที่ไม่ได้นั่งเลย ยืนตลอดสาย ) ตั้งแต่ แบริ่ง – อโศก และเป็นวัน ที่ 3 ม.ค. 67 เป็นวันที่คนเริ่มกลับมาทำงาน และ บนรถไฟฟ้า ผู้คนแน่นมาก ๆ แต่สำหรับคนท้องที่มีที่นั่งพิเศษ กลับไม่ได้นั่ง”

“ส่วนคนที่แข็งแรง และ เป็นผู้ชาย แหงนหน้ามามองหลายรอบมาก แต่กลับนิ่งเฉย (ฉันยืนเหงื่อแตก ตาลาย ไหนมือนึงจะเกาะเสา ไหนอีกมือ จะคว้านหายาดมในกระเป๋า (แทบล้มตอนขบวนออกตัว)”

“แต่เขาก็ยังนั่งมองฉันเฉย ๆ แบบไม่มีจิตสำนึกอะไรเลย ผู้คนในรถไฟฟ้าต่างมองเขากัน แต่เขาก็ยังทำตัวนิ่งเฉย เริ่มไม่เข้าใจแล้วว่า ที่นั่งสำหรับ คนท้อง คนพิการ พระสงฆ์ ติดป้ายยังไม่ชัดเจนใช่ไหม? หรือ เข็มกลัดที่ท้องเรา มันเห็นไม่ชัดใช่ไหม (ทั้งๆที่มันอยู่ตรงหน้าคุณแท้ๆ)”

เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็กลายเป็นไวรัลสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์สนั่นในสังคม ความคิดเห็นจากโลกโซเชียลแตกออกหลายเสียง

ความคิดเห็นบางส่วนมองว่า การลุกให้ คนท้อง นั่งใน ที่นั่งสำรองสำหรับบุคคลพิเศษ เป็นเรื่องของ ‘การเสียสละ และมีน้ำใจ’ คอมเมนต์บางรายถึงขั้นมองเป็นหน้าที่ เพราะผู้ที่ตั้งครรภ์ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการเดินทางอย่างมาก โดยเฉพาะการเดินทางโดยรถสาธารณะ

ยิ่งไปกว่านั้น ที่นั่งสำรองสำหรับบุคคลพิเศษ ก็มีไว้เพื่อให้บุคคลพิเศษที่มีความจำเป็นนั่ง ทั้งยังมองว่าเป็นเรื่องของจิตสำนึกที่ควรตระหนักรู้ได้ด้วยตนเอง

พร้อมกันนี้ยังมีเสียงจาก คนท้อง ที่ออกมาแชร์ประสบการณ์ความยากลำบากในการเดินทางเช่นเดียวกันจำนวนมาก

คอมเมนต์อีกด้านมองว่า แม้ว่าที่นั่งดังกล่าวจะเป็น ที่นั่งสำรองสำหรับบุคคลพิเศษ แต่ไม่ได้มีกฎระเบียบข้อบังคับ เพียงแค่ขอความร่วมมือเท่านั้น ดังนั้นการจะลุกหรือไม่ลุกให้นั่ง จึงไม่ใช่ความผิด แต่เป็นความสมัครใจส่วนบุคคล

ขณะที่คอมเมนต์อีกส่วน จวกแรง วิจารณ์พฤติกรรมของเจ้าของโพสต์ว่า ทำไมถึงไม่พูดกับชายที่นั่งตรง ๆ แทนที่จะถ่ายมาโพสต์ประจาน? และมีคอมเมนต์โจมตีมากมาย

โดยทางเจ้าของโพสต์เผยว่า เธอต้องการเป็นกระบอกเสียงให้กับคนที่ท้อง แต่ไม่ได้รับการซัพพอร์ตทางสังคมในที่สาธารณะ ทั้งยังยกกรณีคอมเมนต์จากคนท้องที่เคยเจอเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน ซึ่งเธอหวังว่า จะสร้างความตระหนักรู้ในสังคมได้

อย่างไรก็ดี ทาง รถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) เคยมีการชี้แจงถึง ที่นั่งสำรองสำหรับบุคคลพิเศษ ไว้ดังนี้

ที่นั่งสำรองสำหรับบุคคลพิเศษ (Priority seat) คือ ที่นั่งสำรองให้แก่ เด็ก, สตรีมีครรภ์, คนพิการ, ผู้ป่วย, พระภิกษุสงฆ์ และผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้งาน ทางบีทีเอส ได้ออกแบบสัญลักษณ์ที่นั่งสำรอง เพื่อให้เห็นเด่นชัด สังเกตได้ง่าย พร้อมที่จะเอื้อเฟื้อที่นั่งสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใช้ที่นั่งพิเศษนี้

ที่นั่งสำรองนี้ ผู้โดยสารทุกคนสามารถนั่งได้ แต่ต้องพร้อมที่จะเสียสละ เมื่อมีบุคคลพิเศษที่มีความจำเป็นต้องใช้งาน ร่วมสร้างสังคมมีน้ำใจในการเดินทาง มีน้ำใจให้แก่กัน ทำให้การเดินทางในแต่ละวันมีแต่รอยยิ้ม

กลายเป็นประเด็นดราม่าถกสนั่น สะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติที่ ผู้คนในสังคม มีต่อ คนท้อง ขณะที่ประเทศไทยก็กำลังเผชิญกับภาวะเด็กเกิดใหม่ที่ลดลงจนถึงขั้นวิกฤต ยิ่งทำให้เกิดคำถามต่อสังคมว่า สวัสดิการและสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ คนท้อง ในพื้นที่สาธารณะในสังคมไทยนั้นมีเพียงพอแล้วหรือยัง? โดยเรื่องราวจะจบลงอย่างไรคงต้องติดตามกันต่อไป

“ เจริญชัย ” คว้ารางวัล Thailand Energy Award 2023ปลาบปลื้ม “หม้อแปลง BCG & Low Carbon” ย้ำชัด เป็นหม้อแปลงและระบบการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าแบบ  Real Time

เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงาน จัดพิธีมอบรางวัล Thailand Energy Awards 2023 ชื่นชมทุกภาคส่วนร่วมใจขับเคลื่อนการพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานไทย ได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่อง สร้างผลงานเป็นที่โดดเด่นเห็นผลเป็นรูปธรรมพาประเทศไทยสร้างชื่อเสียงบนเวทีอาเซียน พร้อมรุกคืบเป้าหมายสังคมคาร์บอนต่ำสู่อนาคตที่ยั่งยืน

นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล Thailand Energy Awards 2023 ณ ห้องคอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โรงแรมรามา การ์เด้น กรุงเทพฯ รวมทั้งสิ้น 68 รางวัล จากการประกวด 5 ด้าน ได้แก่ ด้านพลังงานทดแทน ด้านอนุรักษ์พลังงาน ด้านพลังงานสร้างสรรค์ ด้านบุคลากร และด้านผู้ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ที่ได้ร่วมกันสร้างผลประหยัดพลังงานโดยรวมให้ประเทศกว่า 562 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 140,000 ตัน

คุณประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ กล่าว ขอขอบพระคุณกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ที่ได้รับโอกาสรับรางวัลถึง 2 รางวัลด้วยกันคือ ASEAN Energy Award 2023 และ Thailand Energy Award 2023 เป็นความภาคภูมิใจและความปลาบปลื้มอย่างยิ่ง โดยหม้อแปลงดังกล่าวตอบโจทย์การประหยัดพลังงาน ของภาคอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการอาคารสถานที่ที่สามารถลดการใช้พลังงาน ลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้ถึง 11.5% และลดคาร์บอนมากกว่า 100 ล้านตันคาร์บอน คืนทุนภายใน 2-5 ปี เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลในการแก้ปัญหาด้านการประหยัดพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน สร้างความมั่นคงและความยืดหยุ่นด้านพลังงาน เพื่อผลักดันการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดความยั่งยืนนี้จะส่งเสริมการเติบโตสีเขียวในภูมิภาค ทั้งนี้ สถานการณ์ดังกล่าวทำให้รัฐบาลต้องประกาศ นโยบายการลดคาร์บอน โดยประกาศเป้าหมายความเป็นกลางของแผนลดก๊าซคาร์บอนในปี 2575 จะเห็นภาพการใช้พลังงานทั้งด้านอุตสาหกรรมและภาคประชาชน ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญต่อการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น ดังนั้น หม้อแปลงที่กล่าวข้างต้นจึงตอบโจทย์ทุกหน่วยงานภาครัฐและเอกชนด้านการประหยัดพลังงานและลดคาร์บอน (คืนทุน 2-5 ปี)
หม้อแปลง Low Carbon เป็นหม้อแปลงบริหารระบบจัดการพลังงานที่บริหารจัดการการสิ้นเปลืองให้เกิดประสิทธิภาพและมีความเสถียรภาพกับการใช้พลังงานไฟฟ้าที่มั่นคงและยั่งยืน ทำให้โรงงานอุตสาหกรรม, อาคาร สถานประกอบการ ลดค่าไฟฟ้า 5-20% (Energy Saving) ลดคาร์บอน 5-20% (Low Carbon) มากกว่า 100 ล้านตัน ลดมลพิษ (Low Emission) ทำให้อุปกรณ์อายุการใช้งานยาวนานขึ้น (Long Life Equipment) เพื่อเป็นการตอบโจทย์ให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม สถานประกอบการ เจ้าของอาคาร ตามนโยบายของรัฐบาลในการลดก๊าซเรือนกระจก ลดโลกร้อน”

ทาวน์เฮ้าส์เก่า ‘ทรุดถล่ม’ กลางดึกติดกัน 4 หลัง ด้านเจ้าของบ้านหนีตาย เหลือแค่เสื้อผ้ากับมือถือติดตัว

(4 ม.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา นายพินิจ เติมบุญ นายก อบต.บ้านคลองสวน รับแจ้งว่ามีบ้านลักษณะเป็นทาวน์เฮ้าส์ขนาด 2 ชั้น ทรุดตัวได้รับความเสียหายหลายหลัง ภายในหมู่บ้านพักครู ใน ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าหน้าที่กองช่างและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรีบไปให้การช่วยเหลือ

ที่เกิดเหตุเข้าจากถนนประชาอุทิศ 90 มุ่งหน้าวัดจันทร์แก้วเพชร ประมาณ 5 กิโลเมตร ด้านขวามือ พบเป็นทาวน์เฮ้าส์ขนาด 2 ชั้น ปลูกติดกันจำนวน 50 คูหา แบ่งเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 25 หลัง บริเวณทาวน์เฮ้าส์ด้านซ้ายมือ 4 หลัง เกิดการทรุดตัว บริเวณด้านหลังบ้านซึ่งเป็นห้องครัวและห้องน้ำพังถล่มลงมา เศษอิฐ เศษปูนหล่นลงมากองกับพื้น

บริเวณหน้าบ้านพบกำแพงบ้านและหน้าต่างแตกแยก จนเอนเอียงไปทางด้านหลังบ้าน โดยทางเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.บ้านคลองสวน ปิดกั้นบริเวณที่เกิดเหตุ ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในบ้านและยังไม่อนุญาตให้เจ้าของบ้านเข้าไปเก็บทรัพย์สินภายในตัวบ้าน เหตุเกรงว่าจะเกิดอันตราย และเกิดการทรุดตัวเพิ่มขึ้นจนพังถล่ม

นายเล็ก อายุ 63 ปี หนึ่งในเจ้าของบ้านที่บ้านพังถล่ม เล่าว่า ตนเป็นพนักงานรับ-ส่งสินค้า อยู่ในบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยบ้านหลังดังกล่าวตนซื้อต่อมาจากครูที่เกษียณราชการไปเมื่อช่วง 20 ปีก่อน ในราคา 500,000 บาท ปกติจะพักอยู่กับลูกและภรรยารวมกัน 5-6 คน แต่เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาลูก ไปซื้อบ้านอยู่อีกแห่งหนึ่ง ตนจึงอยู่บ้านหลังดังกล่าวเพียงคนเดียว

กระทั่งเมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม 66 ที่ผ่านมา ตนได้ยินเสียงปูนของบ้านซึ่งอยู่ติดกัน บ้านหลังดังกล่าวไม่มีผู้พักอาศัยมานานกว่า 2-3 ปี ได้ยินเสียงปูนลั่นมาโดยตลอด บางครั้งลั่นทุกชั่วโมง บางครั้ง ลั่น 2-3 ครั้งแต่ไม่ได้เอะใจอะไร

กระทั่งเมื่อเวลา 19.30 น.วันนี้ ในขณะที่ตนนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของตัวบ้านได้ยินเสียงปูนลั่นเหมือนเดิม และเหมือนลั่นในบ้านของตนด้วยจำนวน 2-3 ครั้ง ตนจึงลุกขึ้นเดินดูรอบบ้าน พบว่าปูนบริเวณหลังบ้านเริ่มหล่นลงมาจำนวนมาก ก่อนที่มีเพื่อนบ้านจะตะโกนเรียกตนให้รีบหนีออกมาจากตัวบ้าน

ในระหว่างที่ตนกำลังจะเดินออกจากบ้าน ยังได้ยินเสียงตัวบ้านลั่นอีก 2-3 ครั้ง ตนจึงรีบกระโดดออกทางหน้าต่างวิ่งหนีออกมาจากตัวบ้านรอดตายอย่างหวุดหวิด ทำให้ข้อเท้าด้านขวามีอาการปวดเจ็บ หลังจากที่ได้ออกมาจากตัวบ้านแล้วยืนดูตัวบ้านอยู่สักครู่ใหญ่ นึกขึ้นได้ว่าลืมโทรศัพท์อยู่ในบ้านจึงวิ่งเข้าไปเอาโทรศัพท์ในบ้าน ก่อนที่จะวิ่งหนีออกมาได้

หลังจากเกิดเหตุ ตนจะไปพักอาศัยอยู่บ้านลูกและคงต้องรอหน่วยงาน ในพื้นที่มาตรวจสอบและยืนยันโครงสร้างอีกครั้ง ซึ่งตนเป็นห่วงข้าวของที่อยู่ในบ้านเพราะมีหลายอย่าง ตอนที่ตนหนีออกมามีแค่เสื้อผ้าชุดเดียว กับโทรศัพท์มือถือเพียง 1 เครื่องเท่านั้น

กระทั่งเมื่อเวลา 23.00 น. ดร.ธเนศ วีระศิริ ที่ปรึกษาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยพร้อมเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญ เดินทางมายังพื้นที่เกิดเหตุพร้อมเดินสำรวจโดยรอบ สันนิษฐานคาดว่าน่าจะเกิดจากฐานล่างของตัวบ้านเกิดการทรุดตัว จากที่ตัวบ้านหลังหนึ่งใน สังเกตด้วยสายตาพบว่าบ้านหลังดังกล่าวทรุดตัวมากกว่าหลังอื่นๆ ก่อนที่จะดึงบ้านข้างเคียงพ่วงลงไปด้วย

จึงประสานเจ้าหน้าที่ในตอนเช้าให้นำอุปกรณ์มาตรวจสอบระดับการทรุดตัวของตัวบ้าน ว่ามีเพิ่มเติมอีกหรือไม่และประชาสัมพันธ์เจ้าของบ้านไม่ให้เข้าไปในตัวบ้านโดยเด็ดขาด

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยปิดกั้นบริเวณที่เกิดเหตุไว้โดยรอบพร้อมประชาสัมพันธ์ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในจุดเกิดเหตุดังกล่าว เกรงว่าบ้านจะถล่มลงมาทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตพร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.บ้านคลองสวน เข้ามาอำนวยความสะดวกและป้องกันบุคคลอื่นเข้าไปลักทรัพย์สินภายในบ้านที่เกิดเหตุ

โดยหลังจากนี้จะประสานเจ้าหน้าที่โยธาจังหวัดสมุทรปราการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำอุปกรณ์เร่งเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุโดยเร็วเพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อน อีกทั้งจะจัดตั้งจุดลงทะเบียนพร้อมเยียวยาเจ้าของบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนในเบื้องต้น

และในวันพรุ่งนี้จะมีเจ้าหน้าที่โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสมุทรปราการ เข้ามาตรวจสอบถึงสาเหตุการทรุดตัวอีกครั้ง และนายพินิจ เติมบุญ นายก อบต.บ้านคลองสวน จะหาแนวทางการช่วยเหลือบ้านผู้เสียหายต่อไป ซึ่งทีมงาน ส.ส. จะติดตามการช่วยเหลือกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top