Tuesday, 1 July 2025
NewsFeed

‘สาวมะกัน’ ร่ำไห้!! ท้อแท้กับชีวิต เงินไม่พอใช้ แม้ดิ้นรนทำงาน 3 อย่าง และมีรายได้ ‘6 หลัก’

(5 ม.ค. 67) จากเพจเฟซบุ๊ก ‘Thailand Vision’ โพสต์ข้อความระบุว่า…

เอ๊ะมันช่างคุ้น ๆ สาวมะกัน เครียดจัด ร้องไห้ลง Tiktok เผยทำงาน 3 อย่าง แต่เงินยังไม่พอใช้

ชาวติ๊กต็อกเก้อมะกัน ต้องเศร้าไปตาม ๆ กัน เมื่อหญิงสาวชาวอเมริกันรายหนึ่ง เผยความจริงสุดช้ำใจ เกี่ยวกับสถานะการเงินของเธอ

"มันไม่ไหวจริงๆ" เสียงสะอื้นของหญิงสาวชาวอเมริกันคนหนึ่งสะท้อนความยากลำบากในการดำเนินชีวิต เธอเผยแพร่คลิปวิดีโอใน TikTok เล่าถึงความเครียดด้านการเงิน แม้จะมีงานประจำถึง 3 อย่าง แต่รายได้ยังไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย

"ฉันมีงาน 3 อย่าง แต่ก็ยังต้องดิ้นรน" เธอเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "เงินต้นเดือนไม่พอใช้ จนต้องพึ่งบัตรเครดิต มันแย่สุดๆ"

จอร์แดน สคีราห์ หญิงสาววัย 29 ปี จากรัฐแอริโซนา เริ่มทำงานตั้งแต่ 15 ปี ปัจจุบันมีรายได้ ‘ระดับหกหลัก’ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ

"ฉันเคยคิดจะลาออกจากงานประจำที่ดี เพื่อกลับไปเป็นพนักงานเสิร์ฟ เผื่อจะได้ใช้เสน่ห์หาเงินมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำ" เธอกล่าว "ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำ ไม่รู้จะทำยังไง"

สคีราห์เล่าต่อว่า คะแนนเครดิตของเธอก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน "เครดิตฉันเคยดีมาก จ่ายบัตรเต็มตลอด แต่มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว"

"งานประจำไม่พอ งานเสริมก็ไม่พอ งานพิเศษก็ไม่แน่นอนว่าจะได้เงินตรงเวลา ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำ ไม่รู้จะทำยังไง"

แม้เผชิญกับแรงกดดันด้านการเงิน สคีราห์ยืนยันว่า "สิ่งเดียวที่ฉันจะไม่ยอมแพ้คือการทำเล็บ มันเป็นสิ่งที่ฉันทำมาตลอดชีวิต มันทำให้ฉันมีความสุข"

เธอเสริมว่า เธอยังฉีดโบท็อกซ์ "ประมาณ 3 ครั้งต่อปี" และเติมฟิลเลอร์ปาก "ปีละครั้ง"

"ใครเคยเจออะไรแบบนี้บ้าง?" เธอทิ้งคำถามไว้ท้ายคลิป

โดยคลิปดังกล่าวมีผู้ชมกว่า 3 ล้านคน หลายคนแสดงความเห็นใจ อาทิ

- ฉันเป็นพยาบาลทำฟัน รายได้ดี แต่ก็ยังอยู่แบบเดือนชนเดือน
- เข้าใจเลย ฉันอายุ 32 ทำงานด้านการเงิน รายได้ดี ไม่มีลูก ไม่ได้อยู่คอนโดหรู ก็ยังอยู่แบบเดือนชนเดือน สู้ๆ นะ
- ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน ฉันอายุ 32 ปี โสด และกำลังดิ้นรน ไม่รู้พ่อแม่เลี้ยงลูกยังไง
- ใครโดนปี 2023 กระแทกเต็มๆ บ้าง?

ผบ.ตร.ส่งผู้แทน ลงใต้มอบเงินช่วยเหลือ ผบ.หมู่ หน่วยปฏิบัติการพิเศษยะลา ที่เหยียบกับระเบิดจากการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม มอบสิ่งของบำรุงขวัญตำรวจ สภ.แม่ลาน ปัตตานี สร้างความปลื้มใจให้ตำรวจชายแดนใต้ ที่ผู้นำหน่วย ไม่ทอดทิ้ง ดูแลห่วงใย

วานนี้ (4 ม.ค.2567) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร./รอง ผบ.ศปก.ตร.สน. เดินทางไปตรวจเยี่ยม มอบกระเช้า และมอบเงินกองทุนสวัสดิการ ตร. ช่วยเหลือครอบครัวข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฎิบัติหน้าที่ จำนวนเงิน 275,000 บาท ให้แก่ จ.ส.ต.สรกาล ทรัพย์บัว ผบ.หมู่ กก.ปพ.ภ.จว.ยะลา ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กรณี เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.66 จ.ส.ต.สรกาลฯ ได้เหยียบกับระเบิด ณ บริเวณสวนยางพารา หน้าวัดคูหาภิมุข (วัดหน้าถ้ำ) อ.เมืองยะลา จ.ยะลา เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าขวาขาด โดยขณะนี้ได้พักรักษาตัวที่บ้านพักตามภูมิลำเนา  ม.9 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จว.สงขลา ด้าน จ.ส.ต.สรกาลฯ ปลื้มใจที่ ผบ.ตร.ไม่ทอดทิ้ง ส่งผู้แทนมาเยี่ยม ทำให้มีกำลังใจในการรักษาตัวและกลับไปปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

ต่อมา พล.ต.ต.พิทักษ์ ได้เดินไปตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญกำลังใจ แก่ข้าราชการตำรวจ สภ.แม่ลาน จ.ปัตตานี โดยนำความห่วงใยของ ผบ.ตร.ที่มีต่อข้าราชการตำรวจจังหวัดชายแดนใต้ มาให้กำลังใจในการทำงาน พร้อมกำชับการปฏิบัติตามหลักยุทธวิธี ตามข้อสั่งการของผู้บังคับบัญชา สร้างความปลื้มใจแก่ตำรวจ สภ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ที่ ผบ.ตร.ไม่เคยลืมมดงาน ส่งผู้แทนมาตรวจเยี่ยม มอบสิ่งของบำรุงขวัญ พร้อมอวยพรกำลังพลเนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ด้วย 

‘วรรณรัตน์’ วอน รบ.พิจารณางบฯ พัฒนา ‘เมือง 3 มรดกโลก’ ที่โคราช ชี้ เพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว - กระตุ้น ศก.ประเทศให้โตแกร่ง

(5 ม.ค.67) นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 โดยระบุว่า จากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการส่งออก ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงมาจาก การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกนั้น ตนเห็นด้วยกับรัฐบาลเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลมุ่งเน้น ในด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยตั้งงบประมาณไว้ 592,249 ล้านบาทเศษ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศ เจริญเติบโตและเข้มแข็ง และเพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุน

นายแพทย์วรรณรัตน์ กล่าวว่า ที่รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมาย เพิ่มยอดรายได้จากการท่องเที่ยวไว้ เป็นจำนวน 3 ล้านล้านบาทต่อปี ด้วยวิธีการส่งเสริมการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการสร้างความหลากหลายด้านการท่องเที่ยวให้สามารถสนองตอบความต้องการของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศได้มากขึ้น นั้นถือว่าเป็นการกำหนดยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องแล้ว ทั้งนี้ ประเทศไทยของเราโชคดีมาก โดยเฉพาะ จังหวัดนครราชสีมาหรือโคราช ได้กลายมาเป็นพื้นที่ ที่องค์การ UNESCO ได้ให้การรับรองเป็นมรดกโลกถึง 3 พื้นที่ด้วยกัน ได้แก่ 1. มรดกโลกกลุ่มป่าดงพญาเย็น - เขาใหญ่ อ.ปากช่อง 2. พื้นที่เขตสงวนชีวมณฑลสะแกราช ป่าสะแกราช อ.ปักธงชัย และ 3. อุทยานธรณีโลกโคราช หรือ ‘โคราชจีโอพาร์คโลก’ ที่ครอบคลุมพื้นที่  5 อำเภอของโคราช ได้แก่ ปากช่อง สีคิ้ว สูงเนิน ขามทะเลสอ เมือง และเฉลิมพระเกียรติ โคราชจึงมีสถานะใหม่เป็นเมือง 3 มรดกโลกยูเนสโก หรือ UNESCO Triple Heritage City ซึ่งเมืองที่มี 3 มรดกโลก มีอยู่เพียง 3 ประเทศเท่านั้นในโลก คือ เกาหลีใต้ จีน และประเทศไทยของเรา ซึ่งถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และทางธรณีวิทยาที่สำคัญที่นักท่องเที่ยวทั่วโลก เขาสนใจที่จะมาเที่ยวชมกัน  

“แต่มรดกโลกทั้ง 3 แห่งนี้ ยังไม่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายของชาวโลก และยังขาดสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จำเป็น สำหรับนักท่องเที่ยว ที่จะเข้ามาเที่ยวกันคราวละมาก ๆ ได้ เช่น ห้องน้ำ สถานที่จอดรถ ร้านขายของที่ระลึก หรือร้านขายสินค้าของฝาก ฯลฯ ซึ่งในวันที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ผมได้อภิปรายขอให้รัฐบาลพิจารณาจัดสรรงบประมาณมาเพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ด้วย แต่เมื่อตรวจดูเอกสารงบประมาณ ด้านการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ที่รัฐบาลตั้งงบไว้ 7,384.05 ล้านบาทแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีการจัดสรรงบประมาณ มาเพื่อการนี้แต่อย่างใด ดังนั้นผมจึงอยากจะขอฝากรัฐบาล ได้โปรดพิจารณาเร่งรัดดำเนินการ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวนี้ ให้เป็นที่รับรู้โดยทั่วไปอย่างกว้างขวาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการจัดสรรงบประมาณ มาดำเนินการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ด้วย” นายแพทย์วรรณรัตน์ กล่าว 

สส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวด้วยว่า พื้นที่ของโคราชจีโอพาร์คโลก ยังเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายของซากดึกดำบรรพ์ยุค 115 ล้าน ปีก่อน ทั้งไม้กลายเป็นหิน ช้างดึกดำบรรพ์ ไดโนเสาร์ และซากดึกดำบรรพ์ร่วมยุคอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งถือว่าสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ดังนั้น จึงได้กำหนดแผนงานโครงการ เพื่อการพัฒนาต่อยอด ให้ก้าวสู่ความเป็น มหานครแห่งบรรพชีวินโลก หรือ ‘มหานครแห่งฟอสซิลโลก’ หรือ World Paleontopolis ด้วยการพัฒนาเพิ่มเติม เป็น Dino Park ซึ่ง Dino Park หรือ อุทยานไดโนเสาร์ ที่จะสร้างขึ้นนี้ จะสร้างขึ้นมาในลักษณะ เป็นการผสมผสานกันระหว่าง ‘สวนสนุกกับพิพิธภัณฑ์’ หรือในลักษณะที่เป็น ‘Theme Park’ ซึ่งคล้ายกับการผสมผสานกันระหว่าง พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติสมิธโซเนี่ยน และดิสนีย์แลนด์ของสหรัฐอเมริกา บวกกับไดโนซอร์พาร์คของจีน ทีเมืองฉางโจว ซึ่ง Dino Park นี้ จะเป็นทั้งแหล่งเรียนรู้และศึกษาวิจัยทางด้านธรณีวิทยาและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและนันทนาการของคนทุกเพศทุกวัย

ทั้งนี้ หากโครงการนี้ประสบผลสำเร็จแล้ว ตนเชื่อว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้เข้ามาเที่ยวในประเทศได้เป็นจำนวนมาก ไม่แพ้ดิสนีย์แลนด์ หรือดิสนีย์เวิลด์ อย่างแน่นอน และสามารถที่จะช่วยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้แก่ประเทศได้มากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยโครงการนี้จะใช้พื้นที่ขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ประมาณ 600 ไร่ ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว อยู่ในเขตพื้นที่ ตำบลโคกกรวด อำเภอเมือง จังหวัดครราชสีมา ห่างจากตัวเมืองประมาณ 18 กิโลเมตร โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้นประมาณ 1.300 ล้านบาทเศษ และที่สำคัญ โครงการนี้ได้รับการอนุมัติในหลักการจาก ครม.แล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 ดังนั้น จึงฝากให้รัฐบาลได้โปรดพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อมาดำเนินการ โครงการ Dino Park หรือ อุทยานไดโนเสาร์ นี้ ให้เป็นผลสำเร็จ เพื่อประโยชน์ของประเทศด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว ในอันที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตขึ้นอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืนต่อไปด้วย นายแพทย์วรรณรัตน์ กล่าวย้ำ

ผู้บัญชาการทหารเรือ เปิดกิจกรรม “รักษ์ทะเลไทย ตามแนวพระราชดำริ“ เฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา 37 พรรษา

วันที่ 5 ม.ค. 67 เวลา 09.00 น. พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานจัดกิจกรรม “รักษ์ทะเลไทย ตามแนวพระราชดำริ” ในห้วงวันคล้ายวันประสูติ สมเด็๗พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ณ บริเวณหาดน้ำใส หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ หัวหน้าหน่วยงานของกองทัพเรือ สมาคมภริยาทหารเรือ และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน  เข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งในกิจกรรมประกอบด้วยการเก็บขยะบนชายหาดและใต้ทะเล รวมทั้งมอบหอยมือเสือ ปลาการ์ตูน และปะการัง ให้กับนักดำน้ำ จากนั้นผู้บัญชาการทหารเรือ นายกสมาคมภริยาทหารเรือ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ได้ร่วมกิจกรรมปล่อยเต่าทะเล จำนวน 38 ตัว รวมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการของหน่วยงานสนองพระดำริ 
         
การจัดกิจกรรม “รักษ์ทะเลไทย ตามแนวพระดำริฯ” ในครั้งนี้ เป็นการสนองพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และแสดงออกถึงความจงรักภักดีแด่พระบรมวงศานุวงศ์ รวมทั้งเป็นการส่งเสริมงานอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลของกองทัพเรือ ในฐานะหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการฯ และเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการประสานความร่วมมือในการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลต่อไป ทั้งนี้มูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา จัดตั้งขึ้นเพื่อสนองพระดำริที่ทรงมีเจตนารมณ์เพื่อช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายาก ส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์ ในพื้นที่อ่าวไทยและทะเลอันดามัน ตลอดจนช่วยฟื้นฟูทรัพยากรปะการังและทรัพยากรทางทะเล ให้มีความสมดุลและยั่งยืน อันเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีความร่วมมือในการอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตใต้ทะเลอย่างยั่งยืน และตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรทางทะเลตลอดไป

‘นายกฯ’ พร้อมตั้ง ‘สำนักงานส่งเสริมอาหารฮาลาล’ รองรับการพัฒนา-ส่งออกฮาลาลไทย กระตุ้น ศก. ปี 67

(5 ม.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า… “ไทยมีศักยภาพสูง และพร้อมส่งออกอาหารฮาลาล โดยรมว.อุตสาหกรรม, เลขาธิการ BOI, รองผู้ว่าการนิคมแห่งประเทศไทย และผู้อำนวยการเศรษฐกิจอุตสาหกรรม นำเสนอแผนการยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยปี 67 โดยตั้งสำนักงานส่งเสริมอาหารฮาลาล (องค์กรมหาชน) เพื่อทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ และพัฒนาด้านอาหารฮาลาลอย่างจริงจัง”

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “จากนั้นพูดคุยถึงการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากประเทศใกล้เคียง อาทิ มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน ซาอุดีอาระเบีย และกระทรวงอุตสาหกรรมเล่าถึงความคืบหน้าเรื่องการปลูก และการแปรรูปโกโก้ ที่ผมได้สั่งการไป เพราะเป็นสินค้าที่มีความต้องการสูงในตลาดโลก กระทรวงฯ ได้เริ่มโครงการนี้แล้วที่ จ.สระแก้ว เพื่อเป็นต้นแบบให้กับจังหวัดต่าง ๆ”

'ลิซ่า-ก้าวไกล' เหน็บงบประมาณ 67 เหมือนยุคลุงตู่ คิดอะไรไม่ออกก็เอาไปสร้างถนน อย่างกับส่งต่ออำนาจกันมา

(5 ม.ค. 67) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วาระแรก ต่อเนื่องเป็นวันสุดท้าย ที่มี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม นางสาวภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล อภิปรายงบประมาณจังหวัด ในสัดส่วนของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวกับสังคม ว่า จากที่ได้อ่านเอกสารงบประมาณ ทำให้รู้ว่าไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้น หน้าตางบประมาณไทย ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง งบประมาณปี 2567 ปีนี้ ถ้าปิดชื่อนายกรัฐมนตรีที่มาแถลงงบประมาณ ตนนึกว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะงบประมาณปี 2567 ที่ท่านใช้เวลารื้อใหม่มากกว่า 3 เดือน สุดท้ายออกมาอย่างกับ Copy มาวาง เรียกได้ว่า ส่งต่ออำนาจกันอย่างไร้รอยต่อจริงๆ

วิกฤตอยู่ตรงที่ผู้บริหารประเทศ จัดทำงบประมาณแบบนี้ ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาเชิงพื้นที่ อย่าง กรุงเทพฯ รวยกว่าชนบท หัวเมืองใหญ่ได้รับการพัฒนามากกว่าหัวเมืองรอง จนทำให้ประชาชนเข้ามาหาอาชีพ หาโอกาสในเมืองใหญ่ ตนขอตั้งคำถามจัดงบแบบนี้ ว่ามันจะช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำนี้ได้อย่างไร

นอกจากเรื่องเศรษฐกิจ การศึกษาก็สำคัญ เพราะอย่างที่เรารู้กัน ว่า ถ้าการศึกษาดีก็จะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยดีๆ ได้เรียนคณะดีๆ และจบมามีงานทำดีๆ แต่ถ้าถามว่า การศึกษาที่ดีๆ ของประเทศนี้ไปอยู่ที่ไหน ก็ต้องไปเรียนที่กรุงเทพฯ หรือถ้าใครไม่มีปัญญาไปเรียนที่กรุงเทพฯ ก็ต้องเข้าไปที่หัวเมืองใหญ่ ข้อมูลคะแนน o-net 4 วิชาที่ออกมาล่าสุดในปี 2565 เห็นได้ชัดว่าระหว่างจังหวัดที่ดีที่สุด คือ กรุงเทพฯ กับจังหวัดที่แย่ที่สุดตามพื้นที่ชายแดนอย่าง เช่น จังหวัดนราธิวาส หรือ แม่สอด คะแนน o-net เฉลี่ยของเด็ก ห่างกันถึง 20 คะแนน ซึ่ง 20 คะแนนนี้ มันคือโอกาสของคนคนหนึ่งที่เขาจะได้เข้าศึกษาในระดับที่สูงขึ้น งบประมาณปี 2567 ไม่มีการช่วยแก้ปัญหาช่องว่างทางการศึกษาแม้แต่น้อย

นางสาวภคมน กล่าวต่อว่า อีกหนึ่งวิกฤตที่คนพูดถึงกันมาก คือ ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ ในกรุงเทพฯ หมอ 1 คน ดูแลคน 500 คน แต่ที่หนองบัวลำภู หมอ 1 คน ต้องดูคน 4,700 คน ตนฝากถามไปถึงนายกรัฐมนตรีว่าเคยไปโรงพยาบาลที่ต่างจังหวัดหรือไม่ พี่น้องประชาชนหาหมอ ต้องออกจากบ้านตั้งแต่ตี 4 เพื่อรอพบหมอ 10 นาที

“นี่คือวิกฤตที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ชนบทที่พวกเขาต้องเผชิญ ถามว่า สถานการณ์แบบนี้วิกฤต วิกฤตหรือยังคะ วิกฤตที่รัฐบาลอยากให้เป็นกับวิกฤตที่ดิฉันและประชาชนทั้งประเทศรู้สึกอาจจะคนละวิกฤต เพราะวิกฤตแบบที่ดิฉันและประชาชนทั้งประเทศมอง ต้องใช้ความใส่ใจจากผู้บริหาร ไม่ใช่วิกฤต ที่แก้ด้วยการกู้เงินมาแจกแบบที่รัฐบาลอยากให้เป็น” นางสาวภคมน กล่าว

นางสาวภคมน กล่าวต่อว่า ความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาพื้นที่คือวิกฤตใหญ่ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญและเผชิญมาโดยตลอด แต่งบประมาณที่รัฐบาลจัดมาเพื่อพัฒนาในพื้นที่ ไม่มีการจัดสรรงบประมาณ เพื่อกระจายอำนาจเลย แต่เป็นการจัดสรรงบประมาณเพื่อกระชับอำนาจ มองว่างบจังหวัดและกลุ่มจังหวัดเต็มไปด้วยความซ้ำซ้อน ส่วนเกิน และไม่จำเป็น มีการจัดสรรงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด 23,000 ล้านบาท ที่กำหนดโดยกลไกราชการรวมศูนย์อำนาจแบบที่เป็นอยู่ จะสร้างการพัฒนาที่ก้าวหน้ากว่าสิ่งที่เคยๆ ทำมาได้อย่างไร การแบ่งเค้กงบประมาณ 23,000 ล้านบาทนี้ มีการกำหนดสูตรในการจัดสรรงบประมาณ แต่สูตรที่ท่านจัดสรรนั้นเพื่อให้จังหวัดที่ใหญ่และรวยได้งบประมาณก่อน ยิ่งจังหวัดไหนมีประชากรเยอะ จังหวัดนั้นยิ่งได้รับงบประมาณมาก จังหวัดไหนที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจมาก งบประมาณก็จะเทไปตรงนั้นมาก ส่วนจังหวัดไหนที่ไม่เจริญอยู่แล้ว งบประมาณที่ได้ก็จะจำกัดจำเขี่ย

ตนตั้งคำถามว่า ถ้าจัดงบประมาณแบบนี้ไปอีก 10 ปี 100 ปี เมืองใหญ่ จังหวัดที่เจริญ มันจะไม่ยิ่งเจริญขึ้นเจริญขึ้น ในขณะที่จังหวัดเล็ก จังหวัดห่างไกล จังหวัดที่ขาดแคลน ก็จะไม่ยิ่งขาดแคลนขึ้น ขาดแคลนขึ้น ยังงี้จะไปสุดตรงไหน

“เรียกได้ว่า รัฐบาลเศรษฐาไม่ได้นำเอาความเหลื่อมล้ำเข้ามาเป็นปัจจัยในการจัดสรรงบประมาณ จัดงบแบบนี้ ถ้าท่านเป็นประชาชนท่านอยากไปอยู่จังหวัดไหนคะ ก็ต้องอยากไปอยู่ในหัวเมืองใหญ่ที่ได้รับงบประมาณเยอะ จะอยู่ทำไมเมืองรอง จะอยู่ทำไมที่บ้านเกิดที่รอคอยการพัฒนา ในเมื่อรัฐบาลไม่เคยคิดจะจัดงบมาพัฒนา สรุปได้ว่างบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด มันก็เหมือนเค้กก้อนหนึ่ง ที่เรามีโควต้าจะจัดงบประมาณไปให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด เสมือนเจ้าเมือง ในวิธีคิดของการบริหารราชการแผ่นดินแบบโบราณ” นางสาวภคมน กล่าว

นางสาวภคมน ย้ำว่า งบของจังหวัด คนที่ตัดสินใจใช้ก็คือผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เคยมีความผูกพันกับจังหวัด อยู่เพียงแค่ปี 2 ปีก็ย้ายไปจังหวัดอื่น และอาจจะไม่มีวัน ได้ย้ายกลับมาที่จังหวัดนั้นอีก เขาจะมีความมุ่งมั่น ความฝันอะไร กับจังหวัดที่เขาเป็นผู้ว่า เขาจะมีความรับผิดชอบอะไรกับการใช้งบประมาณเมื่อเขาเซ็นลายเซ็นแล้วเขาก็จะจากไป

งบประมาณ 23,000 ล้านบาทนี้ มากกว่า 12,000 ล้านบาท หรือ 52% ท่านเอาไปสร้างถนน เงินส่วนใหญ่ของแผนบูรณาการจังหวัดและกลุ่มจังหวัดถูกใช้ไปในการสร้างถนน สะพาน สัญญาณไฟจราจร อีกประมาณ 20% บอกว่าสร้างแหล่งน้ำ แต่ตนเข้าไปดูมีแต่โครงการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง ตัวที่เป็นแหล่งน้ำให้เกษตรกรจริงๆคิดว่ามีไม่ถึง 10% ของ 4 พันล้านบาทนี้ รัฐบาลคิดวิธีการพัฒนาจังหวัด แบบอื่นไม่ออกแล้วหรือ นอกจากการสร้างถนน การสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง

นางสาวภคมน กล่าวด้วยว่า ไม่ได้บอกว่า ถนนไม่สำคัญ แต่ต้องเอาไปทำอย่างอื่นด้วย จะให้มหาดไทยสร้าง จะให้คมนาคมสร้าง หรือจะให้ท้องถิ่นสร้าง หรือจะให้กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบทสร้าง เอามันสักหน่วยงาน ไม่ใช่ซ้ำซ้อนกันแบบนี้

นางสาวภคมน ระบุว่า งบจังหวัดและกลุ่มจังหวัด คือ หน่วยงานที่อัตราการเบิกจ่ายแย่ที่สุด มีเงินเหลือเบิกจ่ายมากถึง 25% แสดงให้เห็นว่างบประมาณในส่วนนี้ถูกใช้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ จะเห็นว่าปีหน้า จะมีการชงของบก้อนนี้ เต็มวงเงิน 28,000 ล้านบาท แต่ประสิทธิภาพการเบิกจ่ายทำได้แค่นี้

นางสาวภคมน กล่าวทิ้งท้ายว่า มีแคนดิเดตนายกจากพรรคที่กำลังเป็นรัฐบาลอยู่ตอนนี้ หาเสียงเอาว่า ในปี 2570 เราจะมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ จะมีการกระจายอำนาจ บริหารราชการแผ่นดินออกไปสู่ท้องถิ่นมากขึ้น การใช้จ่ายงบประมาณจากภาษีประชาชนจะถูกควบคุมด้วยระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ขั้นสูง ให้เงินภาษีประชาชนย้อนกลับไปสร้างความเจริญและความสุขให้กับประชาชนทุกบาททุกสตางค์ รวมทั้งจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดที่มีความพร้อม ตนก็ไม่รู้ว่าคำกล่าวทั้งหมดนี้เชื่อถือได้หรือไม่ หรือเป็นเพียงเทคนิคการหาเสียง เพราะสิ่งที่เราได้รับจากรัฐบาลเศรษฐาตลอด 3 เดือน ไม่มีอะไรใกล้เคียงกับทิศทางนั้นเลย

‘กลุ่ม IS’ ยอมรับ!! อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด 2 ครั้ง ในวันงานพิธีรำลึก ‘นายพล กาเซม โซเลมานี’

(5 ม.ค. 67) สื่อต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ออกมาประกาศอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุระเบิด 2 ครั้งซ้อนในพิธีรำลึกครบรอบวันตายของ พล.อ.กาเซม โซเลมานี อดีตผู้บัญชาการหน่วยคุดส์ (Quds) ของอิหร่าน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปเกือบ 100 คน และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก

ในถ้อยแถลงที่โพสต์เทเลแกรม ไอเอสอ้างว่าสมาชิกนักรบ 2 รายได้จุดชนวนเข็มขัดระเบิดท่ามกลางฝูงชนที่กำลังเข้าร่วมพิธีรำลึก บริเวณสุสานในเมืองเคอร์มาน (Kerman) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอิหร่านเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

พิธีรำลึกครั้งนี้จัดขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 4 ปีการเสียชีวิตของ โซเลมานี ซึ่งถูกกองทัพสหรัฐฯ ส่งโดรนเข้าไปลอบสังหารที่อิรักเมื่อปี 2020

จอห์น เคอร์บีย์ โฆษกทำเนียบขาว บอกกับสื่อมวลชนว่า สหรัฐฯ “ไม่อยู่ในสถานะที่จะตั้งข้อสงสัย” กับคำกล่าวอ้างผลงานของไอเอส ขณะที่เตหะรานประกาศจะแก้แค้นเหตุโจมตีครั้งเลวร้ายซึ่งทำให้มีคนบาดเจ็บล้มตายมากที่สุดในยุคหลังการปฏิวัติอิสลามปี 1979

เหตุระเบิดครั้งนี้นอกจากจะคร่าชีวิตคนไปเกือบร้อย ยังทำให้มีผู้บาดเจ็บอีกไม่ต่ำกว่า 284 คน รวมถึงเด็กๆ

“ทหารของ โซเลมานี จะหยิบยื่นการแก้แค้นที่สาสมต่อพวกเขา” โมฮัมหมัด มอคเบอร์ รองประธานาธิบดีคนที่หนึ่งของอิหร่าน ให้สัมภาษณ์สื่อที่เมืองเคอร์มาน

ทางการอิหร่านยังเรียกร้องให้ผู้คนออกมารวมตัวกันครั้งใหญ่ในวันศุกร์ ซึ่งจะมีการจัดพิธีศพให้แก่เหยื่อจากเหตุระเบิด 2 ครั้งซ้อน

กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติแห่งอิหร่าน (IRGC) ประณามเหตุโจมตีครั้งนี้ว่าเป็นการกระทำอัน “ขี้ขลาดตาขาว” ที่ “หวังสร้างความระส่ำระสาย และบ่อนทำลายความรักและการอุทิศตนที่คนอิหร่านมีต่อสาธารณรัฐอิสลาม”

ประธานาธิบดี เอบราฮิม ไรซี แห่งอิหร่าน ประณามเหตุระเบิดครั้งนี้ว่าเป็น “อาชญากรรมที่ชั่วร้ายและไร้ความเป็นมนุษย์” ขณะที่ อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่านก็ประกาศกร้าวว่าจะต้อง “แก้แค้น”

ด้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้แถลงประณาม “การก่อการร้ายที่ขี้ขลาดตาขาว” ในอิหร่าน พร้อมแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิต และรัฐบาลอิหร่านด้วย

แม้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวผู้บงการและแรงจูงใจในการก่อเหตุยังไม่มีการเปิดเผยแน่ชัด แต่ แอรอน เซลิน (Aeron Zelin) ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวอชิงตันเพื่อนโยบายตะวันออกใกล้ (Washington Institute for Near East Policy) ระบุว่า ตนจะไม่ประหลาดใจเลยหากสุดท้ายพบว่าเป็นฝีมือของกลุ่ม ISIS-Khorasan หรือ ISIS-K ซึ่งเป็นเครือข่ายไอเอสที่มีฐานอยู่ในอัฟกานิสถาน

เซลิน ชี้ว่า รัฐบาลอิหร่านเคยออกมากล่าวหา ISIS-K ว่าอยู่เบื้องหลังแผนโจมตีหลายครั้งที่ถูกสกัดเอาไว้ได้ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่ผู้ที่ถูกจับกุมจะเป็นชาวอิหร่าน ชาวเอเชียกลาง และชาวอัฟกันที่มาจากเครือข่ายไอเอสในอัฟกานิสถาน มากกว่าเครือข่ายไอเอสในอิรักและซีเรีย

กลุ่มไอเอสมีความชิงชังชาวชีอะห์ซึ่งเป็นศาสนาอิสลามนิกายหลักในอิหร่าน และมุสลิมชีอะห์ก็ตกเป็นเป้าหมายโจมตีบ่อยครั้งในอัฟกานิสถาน เนื่องจากไอเอสมองว่าเป็นพวกละทิ้งศาสนา (apostates) อีกทั้งนักรบอิสลามิสต์กลุ่มนี้ก็ข่มขู่โจมตีอิหร่านมานานหลายปีแล้ว

การถูกกลุ่มตอลิบานไล่กวาดล้างส่งผลให้ ISIS-K อ่อนกำลังลงมากในอัฟกานิสถาน และสมาชิกบางส่วนต้องอพยพย้ายไปยังประเทศข้างเคียง ทว่ากลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้ยังคงวางแผนปฏิบัติการภายนอกประเทศอยู่ ตามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 

‘จิรวัฒน์’ เลคเชอร์!! โครงสร้างพื้นฐานประเทศไทย 67 ความคืบหน้า ‘เส้นทางรถไฟ-รถไฟฟ้า’ เดินหน้าน่าพอใจ

จากรายการ THE TOMORROW มหาชนต้องรู้ ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES  ได้พูดคุยกับ คุณจิรวัฒน์ จังหวัด เจ้าของเพจ ‘โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure’ เมื่อวันที่ 6 ม.ค.67 ถึงความคืบหน้าโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยในปี 2567 โดยช่วงหนึ่งของรายการ คุณจิรวัฒน์ ได้อัปเดตเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของระบบโครงสร้างพื้นฐานของรถไฟไทย ไว้อย่างน่าสนใจว่า...

ตอนนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เปิดใช้ทางคู่สายใต้ ตั้งแต่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อให้การพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางคู่ในเส้นทางสายใต้ สามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2567 ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางของพี่น้องประชาชน รวมถึงสามารถขนส่งสินค้าเชื่อมโยงทุกภูมิภาคต่างๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย 

ทั้งนี้การรถไฟฯ ได้ตรวจสอบความพร้อมของโครงการรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วนในเส้นทางสายใต้ ‘ช่วงนครปฐม-หัวหิน’ และ ‘ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์’ รวมถึง ‘ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร’ โดยพบความก้าวหน้าใกล้จะแล้วเสร็จทั้งหมด พร้อมกำหนดเปิดใช้ทางคู่ในช่วงแรก ระหว่างสถานีบ้านคูบัว จังหวัดราชบุรี ถึงสถานีสะพลี จังหวัดชุมพร รวมระยะทาง 348 กิโลเมตรในช่วงเมษายนนี้ เพื่อช่วยลดเวลาในการเดินทาง เพิ่มความเร็วและความปลอดภัยในการเดินขบวนรถ ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารใช้เวลาในการเดินทางน้อยลง และถึงจุดหมายปลายทางเร็วขึ้น ประมาณ 1.30 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเสียเวลาในการรอหลีกขบวนรถ เกิดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเดินรถ ทำให้การรถไฟฯ สามารถรองรับขบวนรถได้เพิ่มขึ้น 2 เท่า 

“ตรงนี้ จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งด้านโลจิสติกส์ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางเสมอระดับรถไฟ-รถยนต์ ที่สำคัญรถไฟทางคู่ยังช่วยกระจายโอกาสทางสังคมการเติบโตทางเศรษฐกิจสู่ภูมิภาคต่างๆ ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย เป็นการพลิกโฉมการคมนาคมขนส่งระบบรางของประเทศ ให้กลายเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมของภูมิภาคอาเซียน” คุณจิรวัฒน์ กล่าว

ส่วนรถไฟสายใหม่ ‘เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ’ คุณจิรวัฒน์ กล่าวว่า ตอนนี้ได้มีการออกแบบสถานี เพื่อแสดงถึงอัตลักษณ์ล้านนาอย่างโดดเด่นสวยงาม สอดคล้องบริบทท้องถิ่น และแหล่งท่องเที่ยว ขณะเดียวกันเส้นทางนี้ ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางรถไฟยุทธศาสตร์สำคัญในการเชื่อมโยงภูมิภาค และประเทศเพื่อนบ้าน ในการขนส่งสินค้า ฉะนั้นการพัฒนาโครงสร้างอาคารสถานีดังกล่าว จึงเป็นจุดเริ่มต้นอันดีต่อการเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ ในแง่ของการสร้างความประทับใจแรกเห็น (First Impression) แก่ผู้ใช้บริการได้อย่างมาก 

คุณจิรวัฒน์ ขยายความต่ออีกว่า นอกจากนี้ในส่วนของสถานีเชียงของ ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า ที่จะเชื่อมโยงระหว่างประเทศ เชื่อม ‘ไทย-ลาว-พม่า-จีน’ โดยการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารต่อเนื่องระหว่างประเทศจะเชื่อมโยงผ่านสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งที่ 4 รวมถึงยังเป็นสถานีรถไฟโดยสาร และ โรงซ่อมบำรุง ไว้ในที่เดียวกันด้วย ซึ่งถือเป็นจุดประสงค์หลักของโครงการรถไฟสายใหม่ ‘เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ’ สายนี้ 

ส่วนความคืบหน้าของรถไฟความเร็วสูง ‘สายกรุงเทพ-โคราช’ คุณจิรวัฒน์ เผยถึงความคืบหน้าว่าอยู่ที่ประมาณ 28% โดยอาจจะมีบางส่วนช้าอยู่ในเรื่องของพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน แต่ที่สระบุรี และปากช่องก็เริ่มมีขุดเจาะวางเสาเข็มกันบ้างแล้ว ส่วนการก่อสร้างที่พระนครศรีอยุธยา ยังคงต้องรอข้อสรุปกันอยู่ 

สำหรับ ‘เส้นทางมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี’ นั้น ในปี 2567 น่าจะได้เริ่มใช้จาก ‘นครปฐม’ ไป ‘กาญจนบุรี’ ก่อน ส่วนเส้นทาง ‘กรุงเทพ-โคราช-บางปะอิน-นครราชสีมา’ นั้น หากมองในส่วน ‘โคราช-ปากช่อง’ ได้เปิดใช้งานมาก่อน และตอนนี้จะเปิดให้บริการแบบ 100% ฟรี เป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปี 

ในส่วนของรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ คุณจิรวัฒน์ กล่าวว่า สายสีม่วงใต้ ‘เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ’ ซึ่งทำเป็นอุโมงค์เสียส่วนใหญ่ และประมาณ 60% วิ่งเข้าเกาะรัตนโกสินทร์ (จะมีการลอดแม่น้ำเจ้าพระยาตรงวงเวียนใหญ่ สะพานพุทธ) มีระยะดำเนินการมาประมาณ 2 ปี พบความคืบหน้าอยู่ที่ประมาณ 22% ซึ่งถือว่าคืบหน้าพอสมควร คาดว่าปี 2570-2571 น่าจะแล้วเสร็จ ส่วนอีกเส้นหนึ่ง คือ สายสีชมพู เปิดบริการ 100% วิ่งผ่าน ‘แจ้งวัฒนะ-มีนบุรี’ 

ทิ้งท้ายกับ แผนแม่บทขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (พื้นที่ต่อเนื่อง) ระยะที่ 2 หรือ M-MAP2 ก็ได้มีการวิเคราะห์ลงรายละเอียดไปถึงบ้านเรือนของประชาชนกับที่ทำงาน ว่าจะมีการเดินทางอย่างไร โดยมีการมองภาพกว้างที่ไม่ใช่จำกัดแค่ในกรุงเทพฯ แต่จะครอบคลุมไปถึงปริมณฑลด้วย เพื่อพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้อย่างเต็มศักยภาพต่อไป

'อ.พงษ์ภาณุ' กระตุก 'แบงก์ชาติ' ถึงเวลาลดดอกเบี้ย เตือน!! หยุดดื้อรั้น ก่อนพาเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ความเสี่ยง

(7 ม.ค. 67) อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ได้กล่าวถึงประเด็นดอกเบี้ยในเมืองไทยที่ควรถึงเวลาลดลงได้แล้ว ว่า...

ธนาคารกลางเป็นสถาบันที่มีความสำคัญที่สุดสถาบันหนึ่ง ทุกคนเห็นตรงกันว่าธนาคารกลางควรจะเป็นอิสระจากฝ่ายการเมืองในการดำเนินนโยบายการเงิน หากธนาคารกลางมีการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ

วันนี้ น่าจะต้องทบทวนความคิดดังกล่าวแล้ว เพราะช่วงเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย ดำเนินนโยบายการเงินผิดพลาดมาโดยตลอด ก่อให้เกิดวงจรอุบาทว์ในลักษณะวัฏจักรธุรกิจการเมือง (Political Business Cycle) 

เริ่มตั้งแต่วงจรดอกเบี้ยขาขึ้นของโลกรอบที่แล้ว ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 ที่ FED ปรับดอกเบี้ยขึ้นจากระดับเกือบศูนย์มาเป็น 5.5% แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยกลับรีรอไม่ยอมปรับดอกเบี้ยในประเทศ ด้วยความเกรงใจรัฐบาลที่แล้ว จนเงินเฟ้อของไทยพุ่งสูงขึ้นเป็นกว่า 6% ในปี 2565 ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก พอการเลือกตั้งทั่วไปเสร็จสิ้นและมีการตั้งรัฐบาลใหม่ ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงมาเร่งขึ้นดอกเบี้ย ทั้งๆ ที่อัตราเงินเฟ้อติดลบและหลุดกรอบล่างของ Inflation Targeting ไปเสียแล้ว ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธันวาคม 2566 ก็น่าจะติดลบเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน เป็นการสร้างความผันผวนทางการเงินและต้นทุนทางเศรษฐกิจแก่ประเทศอย่างไม่จำเป็น

ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ที่ 2.5% เงินเฟ้อติดลบส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real Interest) ของไทยสูงเป็นประวัติการณ์และสูงกว่าประเทศอื่นๆ เงินบาทเริ่มแข็งค่าขึ้น ระบบธนาคารในประเทศตึงตัวและสินเชื่อหดตัวมาระยะหนึ่งแล้ว ขณะที่ธนาคารกลางหลายประเทศเริ่มส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย ประกอบกับดอกเบี้ยตลาดพันธบัตรก็ปรับตัวลดลง 

ภายใต้ภาวะเช่นนี้ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะดึงดันคงดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง เพราะจะเป็นการสร้างความเสี่ยงที่ไม่จำเป็นแก่เศรษฐกิจไทย และนโยบายของรัฐบาลที่กำลังประคับประคองให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว ขอชื่นชมท่านนายกรัฐมนตรีที่ออกมาเตือนแบงก์ชาติให้พิจารณาความเสี่ยงต่างๆ อย่างรอบคอบ ได้แก่ ปัญหาหนี้ครัวเรือน, การชะลอตัวของเศรษฐกิจการค้าโลก รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ธปท. อย่ามัวแต่ไปด่าคนอื่น เอาเรื่องเงินเฟ้อเงินฝืดของตัวเองให้รอดเสียก่อน แล้วก็หยุดดื้อรั้นเถิดครับ หันกลับมาทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างมืออาชีพ ก่อนที่ประชาชนจะทวงคืนความเป็นอิสระของท่าน

เปิด ‘8 ลำดับ’ ลูกเรือ JAL​ ช่วยอพยพผู้โดยสารให้รอดทั้งลำ ก่อนเครื่องบินจะจมอยู่ในเปลวเพลิง หลังเกิดเหตุชนกันบนรันเวย์

(5 ม.ค.67) เกียวโดนิวส์ ​รายงาน​ การตัดสินใจอย่างรวดเร็วของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินและความร่วมมือของผู้โดยสาร​ คือปัจจัยสำคัญการอพยพผู้คน 379 คน​ รอดตายจากเครื่องบินเจแปนแอร์ไลน์ที่กำลังลุกไหม้ที่สนามบินฮาเนดะในกรุงโตเกียว เป็นปฏิบัติ​การที่สื่อต่างประเทศเทียบราวปาฏิหาริย์

พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินทั้ง 9 คนเอาชนะอุปสรรคในระหว่างการนำคนออกจากเครื่องบินอย่างฉุกเฉิน​ หลังจากการชนกันบนรันเวย์

อุปสรรคคือ​ ทางออกสามารถใช้งานได้เพียง 3 ใน 8 ทาง ลูกเรือจึงต้องอพยพออกจากลำตัวเครื่องบินสูง 67 เมตรอย่างรวดเร็ว และเนื่องจากระบบการสื่อสารขัดข้อง​ พนักงานต้อนรับจึงสื่อสารข้อมูลกับห้องนักบินได้เพียงจำกัด ตามที่เจ้าหน้าที่ของสายการบินระบุ

“ฉันรู้สึกตกใจเหมือนมีคนเหยียบเบรก จากนั้นฉันก็เห็นเปลวไฟพลุ่งขึ้นนอกหน้าต่าง” ผู้โดยสารรายหนึ่งอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องโดยสารไม่นานหลังจากที่เที่ยวบิน 516 ลงจอดและชนเครื่องบินอีกลำหนึ่งบนรันเวย์เมื่อเวลาประมาณ 5.47 น. บ่ายวันอังคาร

ลำดับแรก พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเรียกร้องให้ผู้โดยสารที่ตื่นตกใจอยู่ในความสงบ ตามขั้นตอนป้องกันความตื่นตระหนกในกรณีฉุกเฉิน

ลำดับที่สอง หลังจากยืนยันรายงานของลูกเรือว่าเครื่องยนต์ด้านซ้ายเกิดไฟไหม้ หัวหน้าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินแจ้งห้องนักบินเพื่ออนุมัติ​คำสั่งให้ดำเนินการอพยพฉุกเฉิน

ลำดับที่สาม พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินประเมินวิธีหลบหนีอย่างรวดเร็ว​ ขณะที่ควันเข้าไปในห้องโดยสารและเด็กๆ เริ่มร้องไห้เพื่อให้ทางออกเปิด พนักงานขอให้ผู้โดยสารหมอบหรือก้มลงให้ชิดพื้นเพื่อหลีกเลี่ยงการสูดควันที่ลอยทั่ว

ลำดับที่สี่​ เมื่อสำรวจพบว่าทางออกทั้งสองที่ด้านหน้าเครื่องบินสามารถใช้งานได้ ลูกเรือก็เริ่มนำผู้โดยสารไปข้างหน้าเพื่ออพยพโดยใช้สไลด์ฉุกเฉิน

ลำดับที่ห้า​ ที่ด้านหลังของเครื่องบิน พนักงานสำรวจด้านนอกพบว่ามีเปลวไฟลุกทางด้านขวา​ เหลือเพียงด้านซ้าย​ทางออกเดียวเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้ และยังพอมีพื้นที่เพียงพอบนพื้นสำหรับวางสไลด์ลง

แต่ระบบสื่อสารกับกัปตันบนเครื่องบินไม่ทำงาน ขณะนั้นควันเข้ามาในห้องโดยสารเพิ่มมากขึ้น พนักงานจึงตัดสินใจเปิดทางออกฉุกเฉินด้านหลังซ้ายและปล่อยสไลด์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากห้องนักบิน

ลำดับที่หก​ ทุกเสี้ยววินาทีคือชีวิต นักศึกษาวิทยาลัยจากโตเกียวได้ยินพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเตือนผู้โดยสารคนอื่นๆ อย่าพยายามหยิบสัมภาระออกจากช่องเก็บเหนือศีรษะ พวกเขาปฏิบัติตามและมุ่งหน้าไปยังทางออกอย่างรวดเร็วโดยมีเพียงของใช้ส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ เช่น สมาร์ทโฟน

ลำดับที่เจ็ด ผู้ที่มาถึงพื้นก่อนอย่างปลอดภัยจะช่วยผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านล่างของสไลเดอร์

ลำดับสุดท้าย กัปตันตรวจดูทุกแถวจากด้านหน้า เพื่อให้แน่ใจว่าผู้โดยสารคนสุดท้ายได้ออกไปแล้ว จึงลงจากทางออกฉุกเฉินด้านหลังเมื่อเวลา 18.05 น. ไม่กี่นาทีก่อนที่เครื่องบินจะจมอยู่ในเปลวเพลิงทั้งลำ

ชิเกรุ ทาคาโนะ อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักงานการบินพลเรือน กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การหลบหนีเป็นไปอย่างราบรื่นเกิดขึ้นได้ทั้งจากการตอบสนองของลูกเรือและ “ผู้โดยสารที่ให้ความร่วมมือแม้ในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top