Monday, 30 June 2025
NewsFeed

ชาวเน็ตขำก๊าก!! หลังเปิดตัว 'รถยนต์ไฟฟ้า’ คันแรกของ ‘รัสเซีย’  ชี้!! ดีไซน์แปลก-สะดุดตา ยกเป็น ‘รถยนต์ที่น่าเกลียดที่สุดในโลก’

(26 ธ.ค.66) แอมเบอร์ ยันตาร์ (Amber Yantar) รถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบรุ่นใหม่จากรัสเซียได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเพราะรูปลักษณ์ภายนอก หลังเปิดตัวโดย Avtotor ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติรัสเซียในเมืองคาลินินกราด ร่วมมือกับสถาบันโพลีเทคนิคมอสโก เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา รถคันนี้กล่าวกันว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของรัสเซียที่ผลิตโดยรัสเซีย 100%

งานนี้ รถยนต์ไฟฟ้ามีการออกแบบที่สะดุดตาและดึงดูดจินตนาการของผู้ชม ทำให้แฟน ๆ หัวเราะกับรูปลักษณ์จนขนานนามว่าเป็นรถยนต์น่าเกลียดที่สุดในโลก ตามรายงานแอมเบอร์ ยันตาร์ดูเหมือนจะเป็นผู้สืบทอดของ Fiat Multipla ปี 1998

ทางบริษัท Avtotor ประกาศว่ามีแผนจะเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแอมเบอร์ ยันตาร์ให้ได้มากถึง 50,000 คันในปี 2568 ที่โรงงานในเมืองคาลินินกราด โดยเสริมว่าส่วนประกอบหลักทั้งหมด เช่น มอเตอร์ไฟฟ้า อินเวอร์เตอร์ แผงควบคุม และแบตเตอรี่ทั้งหมดจะได้รับการออกแบบและผลิตในรัสเซีย

แม้จะมีการเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิคน้อยมาก แต่รถไฟฟ้าแอมเบอร์ ยันตาร์ มีราคาไม่แพงมากและมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 25kW/h นอกจากนี้ ผู้ขับขี่รถยนต์ยังสามารถเช่าแบตเตอรี่แทนการซื้อได้ รถจะไปถึงความเร็วสูงสุดที่ 105 กม./ชม. (65 ไมล์ต่อชั่วโมง)

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นรถแล้ว มีเพียงไม่กี่คนที่สนใจด้านเทคนิค เพราะมีแต่คนสนใจในเรื่องของรูปลักษณ์มากกว่าทำให้เกิดมีมและเรื่องตลกนับไม่ถ้วนในโลกออนไลน์ ทั้งนี้ ทางบริษัทไม่นิ่งนอนใจเผยว่า รถไฟฟ้าจะมีการออกแบบที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเมื่อเข้าสู่การผลิต และนี่เป็นเพียงต้นแบบรถยนต์ในการทดสอบ

'ศาลฎีกา' ยกฟ้อง ‘ยิ่งลักษณ์’ คดีย้าย ‘ถวิล’  ชี้!! ไม่มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

(26 ธ.ค.66) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (ศาลฎีกา อม.) สนามหลวง นัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อม.11/2565 อัยการสูงสุด โจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ กรณีโอนย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)

ศาลฯ พิพากษายกฟ้องและเพิกถอนหมายจับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เหตุจำเลยไม่มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ

โดยศาลฯ วินิจฉัยว่ายังไม่อาจฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาพิเศษและรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยโอนย้ายนายถวิลเพื่อให้ตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่างลง

ภายหลังการอ่านคำพิพากษา นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ผลของคำพิพากษาวันนี้ คือ ยกฟ้องอดีตนายกยิ่งลักษณ์ สาระสำคัญ คือ ความเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการทั้งหมด การโยกย้ายก็เป็นไปตามกฎหมายข้าราชการพลเรือน มาตรา 57 สามารถกระทำได้ ประเด็นที่สองเรื่องการกระทำความผิดทางอาญา ต้องอาศัยเจตนาเป็นสำคัญ ตามมาตรา 59 ในทางไต่สวนไม่ปรากฏว่าไม่มีพยานหลักฐานใด ๆ ที่บ่งชี้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปกลั่นแกล้งนายถวิล ประเด็นที่สามในเรื่องของคำพิพากษาศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญ ในส่วนของศาลปกครองเป็นการพิจารณาถึงการโอนย้ายชอบหรือไม่ชอบ ส่วนศาลรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องการพ้นการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น ไม่มีเรื่องการกระทำผิดทางอาญาจึงไม่อาจนำคำพิพากษาทั้งสองศาลมาฟังว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์กระทำผิดทางอาญา

‘หมอธีระวัฒน์’ ชี้!! ‘แสงแดด’ มีคุณประโยชน์นานัปการ เปรียบเสมือน ‘ยาอายุวัฒนะ’ ทำให้ชีวิตยืนยาว-ป้องกันโรคภัย

(26 ธ.ค.66) นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ‘ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha’ ระบุข้อความว่า…

แดดช่วยชีวิตได้จริงๆ…แสงแดดและรังสี อัลตราไวโอเลตหรือยูวี ในสมัยก่อน ตั้งแต่ปี 1928 ที่พบว่า รังสี ยูวี ทำให้เกิดมะเร็งของผิวหนังได้เลยทำให้มีการหลีกเลี่ยงแสงแดดกันมาตลอด ตราบจนกระทั่งประมาณปี 1980 เป็นต้นมา เป็นที่ประจักษ์ว่าแสงแดดมีคุณประโยชน์นานัปการ

แสงแดด เปรียบเสมือนกับเป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้มีชีวิตยืนยาวขึ้นและยังสามารถป้องกันโรคหัวใจและเส้นเลือดทั้งร่างกาย รวมกระทั่งถึงสาเหตุการตายต่างๆ จนถึงมะเร็ง

ทั้งนี้ยังปรับสมดุลย์การทำงานของตับทำให้ต้านพิษ ได้เก่งขึ้นและทำให้โรคที่เรียกว่าโรคเมตาบอลิค อ้วน ลงพุง เบาหวาน ไขมันความดันสามารถชะลอหรือควบคุมได้ง่ายขึ้น

ทั้งนี้ แสงแดดกับสุขภาพที่ดีนั้นไม่สามารถอธิบายได้จากการที่แสงแดดทำให้เกิดการสังเคราะห์วิตามินดี เนื่องจากพิสูจน์แล้วว่าการเสริมวิตามินดี ไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงในการตายและการป้องกันการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดต่างๆรวมกระทั่งถึงมะเร็ง

ผิวหนังเป็นอวัยวะที่เชื่อมโยงกับระบบต่อมไร้ท่อ ทั้งนี้ โดยที่มีเซลล์ที่เป็นตัวรับฮอร์โมนหลายชนิด และยังมีการสร้างสารเอนโดฟิน วิตามินดี และฮอร์โมน เอสโตรเจน เป็นตัน

รวมทั้ง ฮอร์โมน Ghrelin โดยตัวที่ผลิตฮอร์โมนนี้มาจากเซลล์ Adipocytes ที่ผิวหนัง เมื่อกระทบกับแสงยูวีบี โดยผ่านกลไกของ p53 หรือ ที่เราเรียกว่า เป็นโปรตีนที่เป็นเทวดาอารักษ์ของจีโนม (Guardian Of Genome)

ทั้งนี้ หน้าที่โดยสังเขป คือควบคุมวงจรชีวิตของเซลล์ให้มีการซ่อมแซม ดีเอ็นเอ เมื่อเจอกับอันตราย และที่จะก่อมะเร็ง รวมทั้งความแก่ชราและในความสั้น ยาวของเส้นทีโลเมียร์ (telomere) ที่เกี่ยวกับอายุ และควบคุมความเสถียรของยีน (genomic stability)

และถ้ามีความเสียหายเกินที่จะเยียวยาได้ ก็จะกำหนดให้เซลล์ตาย (programmed cell death) และยังเกี่ยวพันกับ ระบบการควบคุม การคลี่และบิดเกลียวของโปรตีน ที่จะเป็นพิษทำให้เซลล์ตาย (unfolded protein response และ ubiquitinylation) 

Ghrelin ถูกสร้างจากกระเพาะ แต่ก็เป็นเพียงในจำนวน 60% เท่านั้น

ปัจจุบันมี ความกระจ่างชัด ขึ้นว่า p53 จะปฏิบัติตัวเป็นฟัลครัม หรือ เหมือนจุดคานงัดไม้กระดก และไม่เพียงแต่เป็นเทวดาอารักขาการอยู่หรือตายของเซลล์ และการป้องกันการเกิดเนื้องอกหรือมะเร็งเท่านั้น ยังมีตัว Ghrelin เป็นตัวกระตุ้นให้มีการซ่อมแซมดีเอ็นเอที่เสียหายไป ในส่วนของสมดุลในระดับเซลล์นี้ยังเกี่ยวพันกับฮอร์โมน Leptin ซึ่งออกฤทธิ์ตรงข้ามกับ Ghrelin

วงจรของผิวหนังฮอร์โมนยังเชื่อมโยงประสานกับสมองผ่านทางกลูตาเมท ซึ่งกระตุ้นการเรียนรู้ของสมอง และ Ghrelin ยังมีการเชื่อมกับระบบที่ทำให้ผ่อนคลายความวิตกกังวล รวมกระทั่งปกป้องสมองจากภยันตรายต่างๆ มีฤทธิ์ในการต่อต้านการอักเสบช่วยปกป้องหัวใจและควบคุมความดันทำให้ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคทางหัวใจและเส้นเลือด รวมกระทั่งบรรเทาภาวะดื้ออินซูลิน ในโรค เมตตาบอลิค ซินโดรมต่างๆ และระบบภูมิคุ้มกัน

ความสำคัญของแสงแดดที่ผ่านกระทบมาถึงระบบผิวหนังและส่งต่อในการสร้างสมดุลการทำงานของทุกระบบของร่างกาย รวมกระทั่งถึง สมอง หัวใจ เส้นเลือดและระบบภูมิคุ้มกันต่างๆ ให้ไม่เกิดความวิปริตแปรปรวน

และเราคงจะได้คำขวัญของ ”แสงแดด เดินวันละ 10,000 ก้าว และเข้าใกล้มังสวิรัติ” ก็จะอายุยืน สุขภาพดี ไม่มีโรค ไปทั้งหมดนะครับ

‘ขนมแมวดำ’ เตรียมโบกมือลาสิ้นปีนี้ หลังอยู่คู่เด็กไทยมานานกว่า 67 ปี

(26 ธ.ค.66) เฟซบุ๊กเพจดัง โพสต์รูปพร้อมข้อความระบุ โบกมือลา ‘ขนมแมวดำ’ ปิดตำนานขนมที่อยู่คู่เด็กไทยมากว่า 67 ปี

เตรียมปิดตำนานลงในช่วงสิ้นปี 2023 สำหรับหมากฝรั่งชื่อดังจากยุค 90 ที่คนไทยเรียกติดปากว่า ‘ขนมแมวดำ’ หลังเฟซบุ๊กเพจ ผู้บริโภค โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า โบกมือลาสิ้นปีนี้ ปิดตำนาน 67 ปี ขนมแมวดำ และ ตำนานทรงแบ๊ด ย่อมมีวันสิ้นสุด #ผู้บริโภค ว่าไง…

โดย ขนมแมวดำ หรือ หมากฝรั่งแมวดำ เป็นหมากฝรั่งที่ผลิตโดย ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงงานลูกกวาดเทสตี้ เป็นหมากฝรั่งลักษณะทรงกระบอกเรียวยาวคล้ายบุหรี่ ที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ลักษณะคล้ายซองบุหรี่ มีเนื้อสัมผัสนิ่ม รสหอมเย็นจากกลิ่นมิ้นต์และนม

โดยขนมแมวดำ เป็นหนึ่งในขนมที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงงานลูกกวาดเทสตี้ ผลิตสมัยที่ก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 1956 หรือกว่า 67 ปีมาแล้ว ร่วมกับขนมและของหวานชนิดอื่น ๆ 

จากโพสต์ดังกล่าว ทำให้มีผู้เข้ามาแสดงความเห็นมากมาย เช่น "ชอบมากเลย เสียดายจัง", "แงงงงง เด็กๆ ชอบมาก", "ชอบกินมากตอนประถม", และ "รีบสะสมเลย ต่อไปหายาก" เป็นต้น

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 18-22 ธ.ค. 66 จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ พร้อมแนวโน้ม 25-29 ธ.ค. 66

ตลาดน้ำมันกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดในทะเลแดง

- Platts รายงานจำนวนเรือขนส่งผ่านช่องแคบ Bab el-Mandab ก่อนเข้าสู่ Red Sea (ทะเลแดง) ที่เชื่อมกับคลอง Suez วันที่ 19 ธ.ค. 66 อยู่ที่ 50 ลำ/วัน (ช่วง 1-14 ธ.ค. 66 เฉลี่ยอยู่ที่ 75 ลำ/วัน) หลังกองกำลัง Houthi ในเยเมนโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดง ทำให้ BP บริษัทพลังงานรายใหญ่หยุดการขนส่งทางเรือทั้งหมดในบริเวณดังกล่าว และบริษัทเรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ใหญ่หลายราย เปลี่ยนเส้นทางเดินเรือ ไปอ้อมแหลม Good Hope ใช้เวลาเพิ่มขึ้นกว่า 10 วัน และค่าใช้จ่ายสูงขึ้น กระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก

- ผู้ค้ายังคงกังวลต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก แม้สหรัฐฯ เปิดตัวกองกำลังนานาชาติ (10 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร บาห์เรน แคนาดา ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สเปน และเซเชลส์) เพื่อปกป้องเส้นทางเดินเรือในทะเลแดง เนื่องจากแผนปฏิบัติการ และจำนวนเรือยังไม่ชัดเจน

- กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ซื้อน้ำมันดิบเพื่อเติมคลังสำรองปิโตรเลียมเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve: SPR) สำหรับส่งมอบในเดือน ก.พ. 67 ปริมาณรวม 2 ล้านบาร์เรล ด้วยราคาเฉลี่ย 74.23 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 

- 21 ธ.ค. 66 รมว.กระทรวงน้ำมันของแองโกลา นาย Diamantino Azevedo ประกาศยุติสมาชิกภาพในกลุ่ม OPEC ตั้งแต่ 1 ม.ค. 67 ทั้งนี้ แองโกลาเข้าร่วม OPEC ตั้งแต่ปี 2550 โดยในเดือน พ.ย. 66 ผลิตน้ำมันดิบ 1.08 MMBD และโควตาที่ OPEC กำหนดปีหน้า คือ 1.28 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งต่ำเกินไป อนึ่งแองโกลาเคยผลิตได้สูงสุด 1.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2551

บทสรุป!! 'รางจ่ายไฟฟ้า' รถไฟฟ้าสายสีชมพู ร่วง!! เหตุรถก่อสร้างจากด้านล่าง ยกของขึ้นไปชนรางหลุด

(27 ธ.ค.66) เพจ 'โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure' ได้เปิดเผยบทสรุป รางจ่ายไฟฟ้า รถไฟฟ้าสายสีชมพู ร่วง เพราะเกิดจากรถก่อสร้างจากด้านล่าง ยกของขึ้นไปชนรางหลุดจากอุปกรณ์ยึดราง ขบวนรถไฟฟ้าแล่นมาเกี่ยว ทำรางหลุดยาวกว่า 5 กิโลเมตร ไว้ว่า...

เพื่อนๆ คงทราบเรื่อง ปัญหา รางจ่ายไฟฟ้า หลุดจากคานทางวิ่ง (Guide Way Beam) ของรถไฟฟ้า Monorail สายสีชมพูกันแล้ว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งข่าวช๊อกวงการ ของคนที่ติดตามโครงสร้างพื้นฐานกันมาก เพราะเหตุการณ์แบบนี้มันไม่เคยเกิดขึ้น และมีคนผูกเรื่องว่าเป็นปัญหาจากรถจีน หรือ การก่อสร้าง ไม่ได้คุณภาพ ต่างๆ นาๆ 

ซึ่งส่วนตัวผม พอเห็นครั้งแรกก็คิดว่ามันไม่น่าจะเกิดเหตุจากการติดตั้ง หรือการให้บริการตามปรกติแน่ๆ เพราะมันหลุดระยะกว่า 5 กิโลเมตร ซึ่งมันต้องมีแรงกระทำที่ผิดปรกติมากๆ

>> เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

- รางจ่ายกระแสไฟฟ้าขับเคลื่อนสะดุดที่ระหว่างสถานีแยกปากเกร็ดถึงสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK06-PK01) ของรถไฟฟ้าตรวจสอบเส้นทาง (Inspection Train) ขบวนหมายเลข PM40 

บริเวณระหว่างสถานีสนามบินน้ำ (PK03) กับสถานีแคราย (PK02) มุ่งหน้าศูนย์ราชการนนทบุรี เจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถไฟฟ้า จึงทำการหยุดขบวนรถฉุกเฉิน 

- นายสถานีที่สถานีสามัคคี (PK04) แจ้งศูนย์ควบคุมการเดินรถว่า พบรางจ่ายกระแสไฟฟ้า (Conductor Rail ด้าน Positive Rail ที่อยู่ด้านข้างคานทางวิ่งด้านนอก) หลุดร่วงจากคานทางวิ่ง (Guideway Beam) ร่วงลงพื้นถนนบริเวณหน้าตลาดชลประทาน โดนรถทื่จอดอยู่ระดับดิน และเกี่ยวเสาไฟฟ้าบริเวณดังกล่าวเอนเข้าหาเส้นทางวิ่งของรถไฟฟ้า ระยะประมาณ 500 เมตร

- ผู้ควบคุมด้านวิศวกรรม (EC) ตัดกระแสไฟฟ้ารางตัวนำไฟฟ้าระหว่างสถานีแยกปากเกร็ด (PK06) ถึงสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) และ ศูนย์ควบคุมการเดินรถไฟฟ้า (CCR) แจ้งดับเพลิงปากเกร็ด

>> การวิเคราะห์สาเหตุของเหตุการณ์

ปัญหาเกิดจาก 'การกระทำภายนอกไปกระทบกับตัวรางจ่ายไฟฟ้า' ซึ่งเกิดจากผู้รับเหมาก่อสร้างงานสาธารณูปโภค ทำกำแพงกันดินชั่วคราว โดยใช้ Sheet Pile ที่อยู่ใต้คานทางวิ่ง (Guide Way Beam) ได้ทำการถอด Sheet Pile ออกจากดิน ในรูปแบบ ยกขึ้นสูงจากดิน 

ซึ่งยกสูงโดยไม่ได้ระวังด้านบน จนมีบางส่วนยกขึ้นไปชนชุดรางจ่ายไฟฟ้า จนทำให้หลุดออกจากตัวยึด และเสียรูป (ดูจากรูป ประกายไฟไหม้ที่ติดอยู่ที่คานทางวิ่ง) แต่ไม่มีใครทราบ (ทำงานกลางคืน) ซึ่งไปโดนตรงจุดเชื่อมต่อราง (Expansion Joint) เอาซะด้วย 

>> เหตุมาเกิด เมื่อรถไฟฟ้าขบวนตรวจสอบรางมาถึง 

พอวิ่งมาถึงจุดที่หลุด ทำให้รถไฟฟ้า Monorail ซึ่งมีชุด ขารับไฟฟ้า (Collector Shoe) ไปเกี่ยวกับอุปกรณ์ Expansion Joint แล้วลาก ทำให้รางในส่วนอื่น หลุดออกจากตัวยึดกับคานทางวิ่ง และส่วนด้านหน้า ก็ถูกดันให้หลุดเช่นกัน

แล้วพอรถเกี่ยวแล้ว รถก็ยังวิ่งต่อไป โดยลากเอาชิ้นส่วนฉนวนครอบราง ติดไปกับตัวรถด้วย แล้วก็ติดคาอยู่ตามรูป

>> สรุปเหตุการณ์

รถก่อสร้างด้านล่าง ยกของขึ้นไปกระแทก รางจ่ายไฟฟ้าที่ติดอยู่บนคานทางวิ่ง ทำให้หลุดออกจากจุดยึด

รถไฟฟ้า Monorail วิ่งมาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ไปเกี่ยวรางที่ลุด แล้วลาก รางด้านหลัง และดันรางด้านหน้า ของขบวนรถ จนหลุดออกจากอุปกรณ์ยึดเกาะ ระยะกว่า 5 กิโลเมตร

- การซ่อมแซม และกลับมาเปิดให้บริการ 

ตามข้อมูลของ NBM และ กรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม แจ้งว่าจะซ่อมแซมในจุดนี้ให้กลับมาใช้งานได้ปรกติ ภายใน 7 วัน และจะทดสอบ เพื่อความมั่นใจ ก่อนให้บริการจริงอีกครั้ง

ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องข้อสงสัยการติดตั้งรางจ่ายไฟฟ้า ของรถไฟฟ้าสายสีชมพู

‘กรณ์’ ชี้ ‘ผังเมืองใหม่กรุงเทพฯ’ เอื้อทุนอสังหาริมทรัพย์ วอนชาวกรุงตื่นรู้สู้ไปด้วยกัน ไม่ต้องหวังผู้มีอำนาจมาช่วย

(27 ธ.ค.66) ว่าด้วยผังเมืองกรุงเทพฯ…ในยุคที่ผู้มีอำนาจทั้งสองล้วนมาจากอาชีพสร้างคอนโด และท่านผู้ว่าฯ ยังได้แต่งตั้งนักพัฒนาอสังหาฯ มาเป็นทั้งรองผู้ว่าฯ และที่ปรึกษาที่ยังสามารถสลับร่างไปมาในการบริหารจัดการ ทำธุรกิจอสังหาฯ ควบคู่หน้าที่ทางราชการไปได้อย่างน่าฉงน  

ทั้งนี้ นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘กรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanij’ โดยมีเนื้อหาดังนี้…

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทางกทม.ได้จัดการประชุมรับฟังความเห็นประชาชน เรื่อง การร่างผังเมืองรวมกรุงเทพฯ (ปรับปรุงครั้งที่ 4) ในส่วนพื้นที่กรุงเทพฯใต้ ณ สำนักงานเขตคลองเตย 

ประชาชนชาวกรุงเทพฯ รู้เรื่องนี้กันน้อยมาก และถึงรู้ว่ามีงานนี้ก็อาจจะไม่เข้าใจว่ามีความสำคัญต่ออนาคตความเป็นอยู่ของเราอย่างไร

ซึ่งคำตอบคือสำคัญมาก!!

ยกตัวอย่างเช่น อาจจะมีการเปลี่ยนโซนการใช้พื้นที่รอบข้างบ้านคุณ จากโซนอยู่อาศัยเป็นโซนพาณิชย์ก็ได้

ซึ่งจากที่ได้รับฟังและติดตามที่คณะผู้จัดทำได้บรรยายมา ผมมีความเห็นว่าแทบทุกการปรับเปลี่ยนที่สำคัญที่ทางกทม.เสนอ ล้วนมีเจตนาปรับเพื่อช่วยสนับสนุนกิจการของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้น!! 

ผมขอยกตัวอย่าง 2 ข้อเสนอ ของทาง กทม.ดังนี้

1. กทม. จะเพิ่มขนาดถนนรอง โดยอ้างว่าเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงระบบรถไฟฟ้า และช่วยแก้ไขปัญหาการจราจร ซึ่งฟังไม่ขึ้น เพราะจากพิกัดบริเวณที่กำหนดให้ถนนแทรกขยาย ผ่าชุมชนเข้าไปบางพื้นที่นั้น ทำให้ผมเชื่อว่าวัตถุประสงค์หลักคือเพื่อกำจัดอุปสรรคในการสร้างตึกสูงเพิ่มเติมเข้าไปในย่านชุมชนที่มีถนนเล็กซอยแคบ (ปัจจุบันหลายโครงการติดเงื่อนไขระยะความกว้างของซอย) 

กทม. ได้ขีดเส้นวางแนวการตัดขยายถนนไว้ถึง 148 สาย ความยาวกว่า 600 กม. หากตรงนี้ผ่านได้ จะนำไปสู่การรุกคืบโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่เข้าไปในหลายชุมชน หลายซอย ทั่วเมือง (โดยที่การขยายให้ถนนกว้างกว่า 10 ม. ซึ่งมีผลมากต่อการสร้างตึกสูง จะไม่ต้องมาจากการเวนคืนด้วยซ้ำ แต่จะเป็นการให้เอกชนร่นพื้นที่ตนเอง พูดง่ายๆ คือประโยชน์สาธารณะแทบไม่มี)

2. กทม. เสนอมาตรการ ‘FAR. Bonus’ คือ การเพิ่มสิทธิก่อสร้างอาคารให้สามารถเพิ่ม ‘อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน’ (FAR.-Floor Area Ratio) ได้ถึง 20% จากเดิม แลกกับการอุทิศบางสิ่งที่ กทม. กำหนดว่าจะเป็นประโยชน์กับประชาชนทั่วไป เช่น สวนหย่อมบนหลังคาตึก, สวนแนวตั้ง, การจัดให้มีพื้นที่ว่าง หรือเจียดพื้นที่เสมือนสาธารณะบางส่วนของโครงการ เพื่อประโยชน์แก่สาธารณะ ฯลฯ ที่ล้วนเป็นมาตรการที่ประโยชน์สาธารณะน้อย แต่ประโยชน์ของผู้ประกอบการมีมูลค่ามหาศาล ที่สุดมาตรการนี้จะทำให้เกิดโครงการลูบหน้าปะจมูกเพื่อเป็นข้ออ้างสิทธิสร้างตึกให้ใหญ่ขึ้น จะเปิดช่องการใช้วิจารณญาณของเจ้าหน้าที่ และการทุจริตคอร์รัปชั่นมากมาย ที่จะควบคู่ตามมาจากวิถีปฏิบัติที่เห็นกันต่อเนื่องมาในเรื่องการขาดการกำกับ ตรวจสอบ การบังคับใช้กม.ไปจนถึงการลงโทษในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง

เรื่องทั้งหมดนี้คนกรุงเทพฯ ต้องสู้เองนะครับ อย่าหวังผู้มีอำนาจมาช่วย เพราะไม่ว่าจะเป็นท่านผู้ว่าฯ หรือแม้แต่ท่านนายกฯ ทั้งสองท่านจะเก่งจะดีอย่างไรก็ตาม ผมก็ยังกังวลว่า ที่สุดแล้วท่านจะเข้าข้างบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (ผมหวังจากใจว่าประเมินทั้งสองท่านผิดในกรณีนี้) 

ท่านทั้งสอง ล้วนมาจากอาชีพสร้างคอนโด และท่านผู้ว่าฯ ยังได้แต่งตั้งนักพัฒนาอสังหาฯ มาเป็นทั้งรองผู้ว่าฯ และที่ปรึกษา ที่ยังสามารถสลับร่างไปมาในการบริหารจัดการ ทำธุรกิจอสังหาฯ ควบคู่หน้าที่ทางราชการไปได้อย่างน่าฉงน  

ผมจึงคิดว่าชาวกรุงเทพฯ วางใจไม่ได้ ต้องสู้ร่วมกันครับ

กองสารนิเทศปล่อยคลิปเตือนภัยเพื่อความปลอดภัย ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ได้ “เนค นฤพล” หรือ “อ้ายเจิด” จากภาพยนตร์ “สัปเหร่อ” ร่วมเตือนภัยฯ

พล.ต.ต.หญิง สมพร พูลเกษม ผู้บังคับการกองสารนิเทศ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายในการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน ตลอดจนเสริมสร้างวินัยการใช้รถใช้ถนน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ประชาชนเดินทางท่องเที่ยว และกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้มีการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน เพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนให้เหลือน้อยที่สุด จากข้อมูลสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจำนวนมาก สาเหตุเกิดจากเมาแล้วขับ ขับรถในขณะที่ร่างกายไม่มีความพร้อมในการขับขี่ ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร ไม่ชำนาญเส้นทาง ขาดวินัยในการขับขี่ และขับรถเร็วเกินที่กฎหมายกำหนด   

กองสารนิเทศจึงได้จัดทำโครงการผลิตสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ รณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2567 เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างการตระหนักรู้ ปลุกจิตสำนึกให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนปฏิบัติตามกฎหมายจราจร และรณรงค์ส่งเสริมให้เพิ่มความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงถนนเส้นทางหลักมาใช้เส้นทางเลี่ยง หรือเส้นทางลัด พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ขับขี่ด้วยการปลูกฝังพฤติกรรมการขับขี่และการใช้รถใช้ถนนร่วมกันอย่างถูกต้อง เพื่อลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่จะเดินทางออกไปต่างจังหวัด ก่อนกำหนดวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยได้ผลิตคลิปสปอตประชาสัมพันธ์รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย ชุด “สัปเหร่อ” ความยาว 1 นาที โดยมี “เนค นฤพล” นักแสดงนำผู้รับบท “อ้ายเจิด” จากภาพยนตร์ “สัปเหร่อ” เป็นผู้ออกมาเตือนสติให้กับประชาชนในการใช้รถใช้ถนนเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางท่องเที่ยว ผ่านสอปตประชาสัมพันธ์ชิ้นนี้ โดยผ่านช่องทางสื่อสารมวลชน สื่อโซเชียล สื่อประชาสัมพันธ์ภายในสถานีรถไฟกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สถานีรถไฟฟ้า และภายในขบวนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ จออัจฉริยะบริเวณทางแยก และป้อมจราจร  

ผู้บังคับการกองสารนิเทศ กล่าวว่า จากเนื้อหาที่นักแสดงสื่อออกไปตามบทของสปอตนี้ ทางกองสารนิเทศเชื่อว่า จะเป็นช่องทางหรือสื่อหนึ่งที่จะสามารถเตือนสติให้กับพี่น้องประชาชนในการเดินทาง หรือสังสรรค์ฉลองปีใหม่ 2567 นี้ ได้

‘LINE TODAY’ เผยโพลรวมประเด็นฮอตฮิตแห่งปี 2023 กระแส ‘แด๊ดดี้พิธา’ แรง!! ครอง ‘ข่าว-นักการเมืองแห่งปี’

(27 ธ.ค. 66) LINE TODAY เผยผลสำรวจ ‘LINE TODAY POLL OF THE YEAR 2023’ ซึ่งถือเป็นโพลแห่งปีที่รวมแง่มุมและประเด็นฮิต ให้เหล่ามหาชนออนไลน์ร่วมโหวตเมื่อวันที่ 4 - 20 ธันวาคมที่ผ่านมา ประกอบด้วยหัวข้อน่าสนใจมากมายดังนี้ 

1. สังคมจับตาข่าวพิธาหลุดนายกฯ มาแรงอันดับ 1 ‘ข่าวแห่งปี 2023’

ยกให้เป็นข่าวเด่นประเด็นร้อนที่สุดของปี โหวตข่าวพิธาถือหุ้น ITV หลุดตำแหน่งนายกฯ และโดนสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ หลังจากชนะเลือกตั้งปี 66 ที่ผ่านมา ด้วยผลโหวต 28.03% รองลงมาเป็นข่าวสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส 10.18% และอันดับสาม ข่าวเยาวชนวัย 14 กราดยิงศูนย์การค้า 10.1%

นอกจากนี้ โพลอื่น ๆ ที่ผ่านมา ยังเผยผลสำรวจจากเหตุการณ์กราดยิงนี้ พบว่า การแจ้งเตือนฉุกเฉินที่ชัดเจน เข้าใจง่ายทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ เป็นเรื่องที่ควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนถึง 40.77% ขณะที่มองว่า ‘เกม’ ส่งผลร่วมกับปัจจัยอื่น ก่อให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าว ที่ 63.3%

2. ปีทองวอลเลย์บอลหญิงไทย โดนใจ ‘ข่าวกีฬา’ แห่งปี

ถือเป็นปีทองของเหล่านักตบลูกยางหญิงไทย ที่สร้างชื่อเสียงและความสำเร็จในเวทีการแข่งขันระดับนานาชาติหลายรายการ อาทิ เหรียญทองกีฬาซีเกมส์ 2023, แชมป์เอเชีย 2023 สมัยที่ 3 และเหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์ จนได้รับการโหวตให้เป็นที่สุดแห่งปีด้านเหตุการณ์ข่าวกีฬาถึง 29.15%

รองลงมาเป็นเหตุการณ์ชวนลุ้นเพราะคะแนนคู่แข่งขึ้นผิดปกติจากระบบผิดพลาด ทำเอานักเทควันโดสาว ‘เทนนิส พานิภัค’ เกือบชวดเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 17.48% และวิว-กุลวุฒิ แบดมินตันชายเดี่ยวที่คว้าแชมป์แบดมินตันโลก 13.76%

3. พิธา-เศรษฐา-วราวุธ ‘นักการเมือง’ แห่งปี

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้รับการโหวตจากผู้ใช้ LINE TODAY ขึ้นแท่นที่สุดนักการเมืองแห่งปีที่ 36.35% อันดับ 2 เศรษฐา ทวีสิน 16.5% และอันดับ 3 วราวุธ ศิลปอาชา 13.4% สอดคล้องกับผลโหวตคะแนนนิยมทางการเมืองในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาที่นายพิธา ได้อันดับหนึ่ง 31.73%

ขณะที่โพลในอดีตในประเด็นคุณสมบัติของประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็พบว่า ‘มีวัยวุฒิ คุณวุฒิ ประสบการณ์การเมือง’ เป็นข้อที่ถูกโหวตมากที่สุดถึง 54.06% ตามมาด้วย ‘มาจากพรรคเสียงข้างมาก’ 17.27%

4. แฟชั่นกางเกงช้าง ที่สุดของ ‘ซอฟต์ พาวเวอร์’ ไทย ครองใจทั้งไทยและเทศ

จากกระแสนโยบายการผลักดันซอฟต์ พาวเวอร์ (Soft Power) ที่เข้มข้น ทำให้กางเกงลายช้างกลายเป็นซอฟต์ พาวเวอร์ไทยที่มาแรงที่สุดแห่งปี ด้วยผลโหวตกว่า 26.94% ขณะที่ข้าวเหนียวมะม่วงยังคงได้รับอิทธิพลอย่างต่อเนื่องกว่า 17.96% ส่วนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไทย โดยเฉพาะพระพรหมและพระแม่ลักษมีก็ได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งในซอฟต์ พาวเวอร์มาแรงถึง 8.84%

5. ด้อมนางงาม-การเมือง สุดคึกคัก คว้า ‘แฮชแท็กแห่งปี’ แบบขาดลอย

นอกจากคอมมูนิตี้นางงามที่เติบโตไม่มีแผ่วในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ ยังพบว่า #อิงฟ้ามหาชน ของด้อมอิงฟ้า วราหะ ยังเป็นถูกโหวตให้เป็นแฮชแท็กแห่งปีด้วยคะแนนนำโด่งถึง 43.32% จากแรงเชียร์และแรงสนับสนุนที่เหนียวแน่น

ตามมาด้วยอันดับ 2 อย่าง #นายกคนที่30 ที่ 11.02% จากสถานการณ์เลือกตั้งปี 66 ที่คึกคักนานหลายเดือน ตามมาอันดับ 3 ด้วย #เลือกตั้ง66 ที่ 8.80%

6. แอนโทเนียชนะใจคนไทย สวมมงเบอร์หนึ่ง ‘ข่าวบันเทิง’ แห่งปี

สำหรับฝั่งบันเทิง ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ ผู้สร้างความภาคภูมิใจให้คนไทยในช่วงปลายปี สามารถคว้าตำแหน่งรองอันดับ 1 Miss Universe ชนะใจคนไทย ได้รับการโหวตให้เป็นที่หนึ่งข่าวบันเทิงแห่งปีด้วยผลโหวต 40.17% ปาดมงทุกข่าวบันเทิงขาดลอย

ตามด้วยข่าวเปิดใจคุยกันของนนกุล-แอฟ ทักษอร 14.84% และข่าวต้องเต ผู้กำกับหนัง ‘สัปเหร่อ’ ที่พาหนังไทยม้ามืดกวาดรายได้หลายร้อยล้าน ปลุกกระแสให้คนไทยกลับมาดูหนังไทยในปีที่ผ่านมา 19.34%

7. พีพี-บิวกิ้นตีคู่ ‘ศิลปินยอดนิยม’ แห่งปี

พีพี กฤษฏ์ ครองใจแฟนคลับเหนียวแน่น คว้าอันดับหนึ่งศิลปินยอดนิยมแห่งปีด้วยผลโหวต 39.81% ตามมาติดๆ ด้วย บิวกิ้น พุฒิพงศ์ ที่ 36.13% และวง BUS - BECAUSE OF YOU I SHINE บอยแบนด์สุดปังจากรายการ 789 Survival 5.76% ซึ่งที่ผ่านมา พีพี ก็เคยได้รับการโหวตให้เป็นศิลปินยอดนิยมประจำเดือนกุมภาพันธ์กับผลงานเพลงลังเล ด้วยคะแนนขาดลอยเกินครึ่ง 54.37%

8. เจฟ ซาเตอร์ ‘ศิลปิน POPCORNER’ แห่งปีครองโหวตเกือบครึ่ง

เจฟ ซาเตอร์ นักร้องหนุ่มสุดฮอต ที่เคยมาเล่าเรื่องราวและเช็กอินในรายการ ‘POPCORNER’ บน LINE TODAY ติดอันดับหนึ่งศิลปินสุดเลิฟที่ชาวด้อมเทคะแนนโหวตให้มากที่สุด 42.03% รองลงมาเป็น ไลแคน (LYKN) วงบอยแบนด์ T-POP หน้าใหม่มาแรง 14.02% และตามมาติด ๆ กับอีกหนึ่งวงบอยแบนด์ไทยสุดฮอต พร็อกซี (PROXIE) เจ้าของเพลงฮิต ‘คนไม่คุย’ 13.67%

นอกจากนี้ ยังมีโพลในหัวข้อประเด็นต่างๆ ในสังคมที่มหาชนออนไลน์อยากส่งเสียงบอก โดยในหัวข้อปัญหาสังคมที่ควรแก้ไขด่วนที่สุด เรื่องปากท้อง-ค่าครองชีพนำมาเป็นอันดับ 1 (25.85%) ในหัวข้อสิ่งที่อยากให้หมดไปจากการเมืองไทย มหาชนทุ่มโหวตให้เรื่องคอรัปชัน (43.95%) และ ในหัวข้อค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับเพิ่มขึ้นมากที่สุด เป็นเรื่องค่าน้ำมัน (44.93%)

‘นิพนธ์-สรรเพชญ’ ขึ้นป้ายสวัสดีปีใหม่ 67 ทั่วสงขลา แต่ไร้โลโก้ ปชป. คอการเมืองลือสนั่น!! หรือเลือกตั้ง อบจ.ปี 68 บ้านใหญ่จะหวนคืนสังเวียน?

(27 ธ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวบรรยากาศการเมืองในจังหวัดสงขลา ก่อนการเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2567 มีการพูดถึงพรรคการเมืองที่อยู่คู่ภาคใต้และจังหวัดสงขลามาอย่างยาวนานอย่าง ‘พรรคประชาธิปัตย์’ (ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม) ที่ภายหลังการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจบริหารในพรรค โดยทีมบริหารชุดเก่าแพ้ให้กับทีมบริหารชุดใหม่ ภายใต้การนำของ ‘เฉลิมชัย ศรีอ่อน’ ที่ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคแทน มี ‘เดชอิศม์ ขาวทอง’ สส.สงขลา ขึ้นมาเป็นเลขาธิการพรรค พร้อมกับวลี ‘ตระบัดสัตย์’ เพราะเฉลิมชัยเคยลั่นวาจาไว้ว่า “ถ้าผลการเลือกพรรคประชาธิปัตย์ได้น้อยกว่าเดิม (52 ที่นั่ง) จะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต”

แต่เฉลิมชัยกลับเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ซึ่งหมายถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามพรรคประชาธิปัตย์ในอนาคต แปลความได้ว่า ไม่ได้เลิกเล่นการเมืองจริง สมาชิกพรรคจำนวนหนึ่งจึงทยอยลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค

แฟนคลับประชาธิปัตย์ต่างมีความเห็นแตกต่างกันไปหลายฝ่าย โดยในจังหวัดสงขลามีการจับตาไปที่ ‘บ้านบุญญามณี’ ซึ่งถือเป็นบ้านใหญ่การเมืองในจังหวัดสงขลา ที่ขณะนี้ มีการขึ้นป้ายสวัสดีปีใหม่ 2567 ไปทั่วเมือง ในขณะที่เจ้าตัวเดินทางไปพักผ่อนกับครอบครัว จ.แม่ฮ่องสอน

ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า รูปภาพสวัสดีปีใหม่ของนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต สส.ประชาธิปัตย์หลายสมัย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยนั้น ไม่ปรากฎรูปโลโก้พรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด รวมทั้งเมื่อสำรวจไปพื้นที่เขตอำเภอเมืองสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่ สส.ของ นายสรรเพชญ บุญญามณี เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ และเป็นลูกชายของนายนิพนธ์ก็ไม่มีโลโก้พรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผมเช่นเดียวกัน ทำให้เป็นที่พูดคุยกันในกลุ่มคอการเมือง ผู้บริหารท้องถิ่น รวมถึงเครือข่ายการเมืองต่างพูดคุยกันว่า มีความไม่ปกติใดเกิดขึ้นหรือไม่ หรืออนาคตจะไม่มี ‘บุญญามณี’ อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์?

นอกจากนี้ ยังพบว่า ภาพป้ายสวัสดีปีใหม่ 2567 ของนายนิพนธ์ บุญญามณี นั้น ยังปรากฏทั่วจังหวัดสงขลา จึงมีการจับโยงวิจารณ์ถึงวาระนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ที่จะหมดวาระลงในเดือนธันวาคม ปี 67 และจะมีการเลือกตั้งในต้นปี 68 วงร้านกาแฟวิจารณ์กันสนั่นว่า เป็นไปได้หรือไม่? ที่นายนิพนธ์จะย้อนกลับมาลงชิงนายกฯ อบจ.สงขลาอีกครั้ง โดยละทิ้งจากพรรคประชาธิปัตย์

กล่าวสำหรับนายกฯ อบจ.สงขลา ปัจจุบัน ‘ไพเจน มากสุวรรณ์’ นั่งบริหารอยู่ และถือได้ว่าเป็นทีมเดียวกับนายนิพนธ์ โจทย์ของคอการเมืองจึงยากขึ้น ในขณะที่มีการวางตัวคนที่จะมาสืบทอดต่อจากนายไพเจนแล้วด้วย รอเพียงให้เกษียณอายุราชการเท่านั้น

แต่อย่าลืมว่า ‘การเมือง’ อะไรก็เกิดขึ้นได้ เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป มีเหตุผลอธิบายได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top