Monday, 30 June 2025
NewsFeed

‘สุวัจน์’ มองฉายารัฐบาล ‘แกงส้มผลักรวม’ น่ารัก-ไม่ซีเรียส ชี้!! ได้ฉายาต้องดีใจ เพราะคือ ‘Someone’ ไม่ใช่ ‘No One’

(27 ธ.ค. 66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงฉายารัฐบาล ‘แกงส้มผลักรวม’ ที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งให้ประจำปี 2566 ว่า ถ้าคุณได้รับฉายาควรต้องดีใจ เพราะถ้าไม่ได้รับจะเป็น No One แต่ถ้าได้รับฉายาคือเป็น Someone คือมีตัวตน ซึ่งเป็นบรรยากาศของการหยิกแกมหยอก สะท้อนมุมมองทางการเมืองไม่ใช่เรื่องซีเรียส อย่างฉายา ที่รัฐบาลได้รับปีนี้มองว่า อยู่ในบรรยากาศฮันนีมูนพีเรียด เบา ๆ น่ารัก ๆ แต่ว่าสะท้อน มุมทางการเมือง ไม่มีอะไรที่ซีเรียส 

นายสุวัจน์ กล่าวว่า ในอดีตตอนที่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและเลขาธิการพรรคชาติพัฒนา ได้รับฉายาว่า ‘สุวัจน์หอกข้างแคร่’ ซึ่งตอนนั้นมี 50 กว่าเสียงเป็นตัวแปลในรัฐบาล ขยับอะไรก็จะสร้างความหวั่นไหว และอีกครั้งได้รับฉายา ‘สุวัจน์ 25 ชั่วโมง’ ขณะที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี เนื่องจากทำงานทั้งวันประชุมแล้วแถลงข่าวเลย จึงอาจแถลงข่าวมากไป นักข่าวบอกว่า "เดี๋ยวก็แถลงเดี๋ยวก็แถลง" 

‘อ.เดชา’ แนะ!! ควรเพิ่ม ‘คุณภาพ’ เด็​กเกิดใหม่-ผู้สูงอายุ มุ่งปั้นให้เป็นกำลังของชาติ เพื่อชดเชยยอดเกิดที่ลดลง 

(27 ธ.ค.66) นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) โพสต์เนื้อหาและรูปบนเฟซบุ๊กว่า คงรู้จัก​ ‘คิม จองอึน’ ผู้นำเกาหลีเหนือกันดีนะครับ เพราะเป็นข่าวอยู่​บ่อยๆ​ เรื่องขยันยิงขีปนาวุธ​ (จรวด)​ ทดสอบ​ โดยไม่เกรงกลัวใคร แต่มีภาพด้านล่างที่เขาร้องไห้​ คงเป็นเรื่องสำคัญ​ ที่ทำให้เขาสะเทือนใจมาก

ปรากฏ​ว่า​ เป็นการขอความเห็นใจ​ จากแม่บ้านชาวเกาหลีเหนือ​ ให้ช่วยเพิ่มประชากร แสดงว่า​ ประชากรประเทศ​เกาหลีเหนือ​กำลังลดลง​ เหมือนอีกหลายประเทศ และ​ ‘คิม​ จองอึน’ เป็นห่วงเรื่อ​งนี้มากเป็นพิเศษ​ จนถึงกับหลั่งน้ำตาในที่สาธารณะ

แม้จะเป็นการแสดงความอ่อนไหว​ ไม่สมกับภาพลักษณ์​อันแข็งกร้าว​ ที่มีมาโดยตลอด แสดงว่า​ การลดลงของประชากรเกาหลีเหนือ​ เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย​ สำห​รับ​เขาจริงๆ

หันมาดูสถานการณ์​ ประชากรในประเทศ​ไทย​ ในช่วงปีที่ผ่านมาบ้าง ประชากรไทย​ เริ่มลดลงมาหลายปีแล้ว​ และลดลงมากขึ้นอย่างน่าวิตก เช่นในปี​ 2566​ นี้​ ควรจะมีเด็กไทยเกิดใหม่​ 7​ แสนคน​ แต่เกิดจริง​ เพียง​ 5​ แสนคนเท่านั้น

นายกรัฐมนตรี​ไทย ก็ออกมาพูดถึงเรื่องนี้​ แต่ดูจะไม่เห็นเป็นเรื่องร้ายแรงเท่าไหร่​นัก สู้เรื่องแจกเงินดิจิทัล​ คนละ​ 1​ หมื่นบาท​ หรือเรื่องการทำประชามติ​ร่างรัฐธรรมนูญ​ไม่ได้

ผมเชื่อว่า​แนวโน้มการลดลงของประชากรไทยนั้น​ มีแต่เพิ่มขึ้น​ แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว และจำนวนผู้สูงอายุ​ที่เพิ่มขึ้น​ก็หยุด​ไม่ได้​เช่นเดียวกัน

สิ่งที่น่าทำเป็นนโยบายก็คือ​ เพิ่มคุณภาพ​ของเด็กเกิดใหม่​ เพื่อชดเชยกับปริมาณ​ที่ลดลงและเพิ่มคุณภาพชีวิต​ของผู้สูงอายุ​ ให้ลดการเป็นภาระ​ มาเป็นกำลังของชาติให้มากขึ้นน่าจะเป็นไปได้มากกว่า​การพยายามเพิ่มจำนวนเด็กเกิดใหม่​ และลดจำนวนผู้สูงอายุ

เด็กที่เกิดน้อยลงนั้น​ ทำให้เพิ่มคุณภาพของเด็กได้​ โดยใช้งบประมาณ​เท่าเดิม ส่วนการเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ​ ให้ทำงานเป็นกำลังของชาติได้มากขึ้น​ ก็ทำได้จริง เพราะผมเอง​ ปัจจุบัน​อายุ​ ใกล้​ 76 ปีแล้ว​ ยังทำงานเป็นปกติ​ และมีคุณภาพดีกว่าแต่ก่อนหากผมทำได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีใครช่วย​ ถ้ารัฐบาล​จะช่วยผู้สูงอายุ​ ก็คงไม่ยากอะไร

ผมยินดีให้คำปรึกษา​ จากประสบการณ์​ตรง​ โดยไม่คิดมูลค่าใดๆ​ เพราะผมทำอยู่​แล้ว อย่าเลียนแบบ​ ‘คิม​ จองอึน’ ให้เสียน้ำตา​ โดยไม่ได้ประโยชน์​เลย แทนที่จะฝืนความจริง​ โดยพยายามเพิ่มจำนวนเด็กเกิดใหม่​ (ซึ่งไม่มีทางสำเร็จ) หันมาเพิ่มคุณภาพของเด็​กเกิดใหม่​ และผู้สูงอายุ​ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน​ จะเป็นประโยชน์​มากกว่า

‘Origin Music’ ปล่อย MV ‘ปล่อยให้ฉันรักเธอก่อน’ ต้อนรับสิ้นปี!!  จากศิลปิน GOOD MOOD ประกบนางเอกสาวสวย ‘เจนิส เจณิสตา’

ศิลปินเจนใหม่ไฟแรง อย่าง ‘Good Mood’ แห่งค่าย ‘Origin Music’ ปล่อยซิงเกิลใหม่ ‘ปล่อยให้ฉันรักเธอก่อน’ ครั้งแรกของการร่วมงานกับนางเอก MV สุดสวยเสน่ห์แรง อย่าง ‘เจนิส เจณิสตา’ ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวความรักในแบบลึกซึ้ง

ก่อนการเปิดซิงเกิล ‘ปล่อยให้ฉันรักเธอก่อน’ พีพี นักร้องนำวง Good Mood ได้ลงรูปอัปเดตใน IG ส่วนตัว (IG : Phi11ph1) ถึงบรรยากาศการทำงานกับนางเอกสาวเจนิส งานนี้บอกได้เลยว่า… เคมีเข้ากันสุดๆ!!

“ผมรู้สึกปลื้มมากครับ ได้มีโอกาสร่วมงานกับนางเอกที่ปลื้มมานาน!! เป็นงานที่รู้สึกท้าทายมากๆ สำหรับเรื่องการแสดง ร่วมงานครั้งแรกรู้สึกว่าเกร็งมากครับ แต่ด้วยความที่พี่เจนิสเป็นกันเองมากๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น และตอนเข้าฉากด้วยกัน พี่เจนิสก็น่ารักมาก รู้สึกทั้งเขิน และบรรยากาศในกองถ่ายถึงจะเช้าและดึกมาก แต่ก็สนุกมากๆ ได้รับประสบการณ์ดีๆ อีกเยอะเลยครับ ยังไงฝากติดตามเพลง ปล่อยให้ฉันรักเธอก่อน ด้วยนะครับ เพราะทั้งผม วง Good Mood พี่เจนิส และทีมงานทุกคนทุ่มเทมากครับ” พีพี นักร้องนำวง Good Mood เขียนแคปชันบรรยายไว้ใน IG ส่วนตัว

งานนี้ ผู้กำกับเอ็มวี Black Rabbit หรือ ‘อดิพงษ์ โพธิ์ศรี’ Creative Director and MV Director ได้ออกมากล่าวว่า…

“ในทางภาพของงานชิ้นนี้ เราฟังเพลงแล้วรู้สึกว่ามันไปได้ทั้ง 2 ทาง จะจบด้วยรักสดใส หรือขมดำจนเสียใจ เราเลยเลือกเอาสีดำและชมพูมาเป็นธีมหลักของงาน Art ตั้งแต่เสื้อผ้า จนโทนของ Art Work ต่างๆ ส่วน MV เพลงนี้เป็นงานชิ้นที่ 3 ที่ได้กำกับให้ Good Mood เรารู้สึกว่าความจริงวงนี้เขาไม่ประสบความสำเร็จกับเรื่องความรักนะ (ฮ่าๆ) เราเลือกเลยที่จะพาตัว พีพี ให้เป็นพระรอง ได้ใช้เวลากับนางเอกมากที่สุด และเป็นพระรองที่ลำบากสุดๆ จะมีสักกี่คนที่ทำได้แบบตัวละครนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขารักนางเอกจริงๆ ส่วนจุดจบของเส้นทางความรัก จะสมหวังหรือผิดหวัง ต้องไปดูต่อใน MV ครับ”

ด้าน ‘กานต์ - กานต์ ใหญ่สว่าง’ Executive Producer ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของเพลงนี้ ซึ่งได้นำมาจากเรื่องราวในชีวิตจริงของ GOOD MOOD  และได้นำมาขยายให้โดนใจมากขึ้น เป็นตัวแทนของเด็กวัยรุ่นที่แอบชอบ และเป็นที่ปรึกษาให้แม้ว่าจะไม่ได้เป็นอะไรกันตอนนี้ คือปล่อยให้ตัวฉันรักเธอไปก่อนก็ได้ ยังไม่ต้องรักกันตอนนี้ และโจทย์ที่ยากสุดคือ ในเรื่องของคาแรกเตอร์ของเพลง จะทำอย่างไรให้คนฟังแล้วจำได้ ว่ามาจากวง Good Mood จริงๆ จึงออกมาเป็นเพลง ‘ปล่อยให้ฉันรักเธอก่อน’ ที่ทุกคนได้รับฟังกันตอนนี้

เอาล่ะทุกคน ทุ่มเทกันทั้งค่ายขนาดนี้ สามารถติดตาม Music Video ได้แล้ววันนี้ ที่ Youtube Origin Music Thailand หรือลิงก์ : https://youtu.be/T_sl0eDutjY?si=gsE1UQYfEPavOFf7

Available All Streaming Platforms
♪ Spotify : https://shorturl.asia/g0C36
♪ JOOX : https://shorturl.asia/DSuNw
♪ Line Melody : https://shorturl.asia/6ynh2
♪ Apple Music : https://shorturl.at/sFHXY

'นายกฯ' เซ็นคำสั่งแบ่งงาน 'รองนายกฯ' ใหม่ ดึง 'ยุติธรรม' ให้ 'พีระพันธุ์' คุมแทนสมศักดิ์

(27 ธ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 381/2566 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจ ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา สาระสำคัญ คือ

1.การมอบหมายและมอบอำนาจให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี

2.การมอบหมายและมอบอำนาจให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี กระทรวงสาธารณสุข

3.การมอบหมายและมอบอำนาจให้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม (ยกเว้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแบ่งงานครั้งล่าสุดนี้ อาจเกี่ยวข้องกับกรณีการรักษาตัวนอกเรือนจำของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งอยู่เกิน 120 วันไปแล้วหรือไม่

ในช่วงที่ผ่านมา นายเศรษฐา รวมถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ต่างปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชนในหลายโอกาสถึงเรื่องนายทักษิณ พร้อมกับระบุสอดคล้องกันว่าเป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ

ขณะที่นายสมศักดิ์ มักชี้แจงประเด็นดังกล่าวที่สังคมสงสัยมาตลอด ซึ่งเกี่ยวข้องกับระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 ที่กำหนดเงื่อนไขการคุมขังนอกเรือนจำ และยังเคยออกมาเตือน กมธ.ตำรวจ อาจถูกฟ้องดำเนินคดี หากเข้าตรวจค้นชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยพลการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าล่าสุด นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ตำหนิกรมราชทัณฑ์ ทำงานเช้าชามเย็นชามในกรณีนายทักษิณ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา และยังระบุว่า เรื่องที่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ไม่กระทบเสถียรภาพรัฐบาล เพราะเงื่อนไขของกฎหมายและระเบียบราชทัณฑ์มีความชัดเจน ถ้าปฏิบัติตามแนวทางและกรอบของกฎหมาย หากข้าราชการทำตามทุกอย่างก็เดินไปตามปกติ แต่ถ้าทำ ๆ หยุด ๆ ไม่จริงจัง ทำไปโดยที่ไม่เข้าใจก็จะเป็นปัญหา

‘พิธา’ คว้าฉายา ‘ดาวดับ’ สภาปี 66 หลังชวดเก้าอี้นายกฯ ด้านสภาผู้แทนราษฎรได้ฉายา ‘สภาลวงละคร’ ไปครอง

(27 ธ.ค. 66) ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมร่วมกันของผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ได้มีความเห็นร่วมกันในการตั้งฉายาของรัฐสภาตลอดปี 2566 ทั้งนี้ การตั้งฉายาการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้ง สส. และ สว.เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภาทุกปี ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่ของ สส. และ สว.อย่างใกล้ชิด เพื่อสะท้อนความคิดเห็นการทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา

อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนขอเป็นกำลังใจให้ สส. และ สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ให้มุ่งมั่น ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ต่อไป แต่ สส. และ สว. ที่บกพร่องในการทำหน้าที่ ขอให้ทบทวน ปรับปรุงตนเองให้ดียิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ของประเทศ และประชาชนต่อไปซึ่งมีความเห็นร่วมกัน ดังนี้

1.) สภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา ‘สภาลวงละคร’
สภาที่มีการชิงไหวชิงพริบ เพื่อเป็นเจ้าของอำนาจ มีการเจรจาจับมือกันหลายฝ่าย โดยในครั้งแรกพรรคเพื่อไทยเล่นตามบทเป็นมวยรอง แต่สุดท้ายใช้สารพัดวิธีพลิกกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีแต่การหักเหลี่ยมเฉือนคม ตั้งแต่การเลือกนายกรัฐมนตรี จนถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร แม้กระทั่งการหักหลังฝ่ายเดียวกันเองระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลที่เคยเป็นฝ่ายเดียวจับมือต่อสู้กันมาก่อน จนถึงขั้นฉีกเอ็มโอยู (MOU) ซึ่งก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยเล่นตามบทของพรรคอันดับรอง จับมือกอดคอกันอย่างหวานเจี๊ยบ เปรียบเสมือนโรงละครโรงใหญ่ ที่มีแต่ฉากการหลอกลวง

2.) วุฒิสภา ได้รับฉายา ‘แตก ป. รอ Retire’
ล้อมาจากฉายาของวุฒิสภาในปี 65 คือ ‘ตรา ป.’ ที่ สว.ทำหน้าที่รักษามรดกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อประโยชน์ของ 2 ป. คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ ‘ป.ประยุทธ์’ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี หรือ ‘ป.ประวิตร’ แบบไม่มีแตกแถว แต่ในปีนี้ทั้ง ‘2 ป.’ ได้แยกทางกัน ซึ่งในการลงมติเลือกนายรัฐมนตรีที่ผ่านมา สว.ฝ่าย ป.ประยุทธ์ ได้ลงมติยอมสนับสนุนนายเศรษฐา ทวีสิน สวนทางกับ ป.ประวิตร ที่งดออกเสียง และ สว.กำลังจะหมดอำนาจหน้าที่ในเดือน พ.ค. 67 จึงเป็นเสมือนการรอเวลาเกษียณ หมดเวลาการทำหน้าที่ สว.

3.) นายวันมูหะมัด นอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา ‘(วัน) นอ-มินี’
เนื่องจาก ตำแหน่งนี้เป็นที่แย่งชิงของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยมาก่อน ก่อนที่จะเห็นร่วมกันว่า ใช้โควตาคนนอก พรรคเพื่อไทย จึงได้เสนอชื่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชาติในขณะนั้น เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรคก้าวไกลก็ยอมรับ ดังนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ จึงเป็นเสมือนนอมินีของการแย่งชิงครั้งนี้ ทั้งที่จำนวนเสียง สส.ที่มีก็ไม่ได้เพียงพอต่อการชิงตำแหน่งประธานสภาฯ แต่ก็ถือเป็นตัวแทนของพรรคเพื่อไทย ที่พรรคพร้อมให้การสนับสนุน ทั้งยังเคยเป็นคนของพรรคเพื่อไทยมาก่อนด้วย

4.) นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา ‘แจ๋วหลบ จบแล้ว’
คำว่า ‘แจ๋ว’ เปรียบเสมือน บทบาทของ ‘ผู้รับใช้’ ซึ่งเกือบ 10 ปีที่ผ่าน นายพรเพชร ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดว่า เป็นผู้รับใช้ คสช. แต่เมื่อเข้าสู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในยุคปัจจุบัน บทบาทของนายพรเพชรในฐานะประธานวุฒิสภา พยายามหลบแรงปะทะ ไม่แสดงความเห็นที่เสี่ยงต่อการสร้างความขัดแย้งมากนัก รวมถึงไม่ออกสื่อ เพื่อรอเวลาวุฒิสภาหมดวาระในการทำหน้าที่ สว. 6 ปี ในเดือน พ.ค. 67

5.) นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
ในปีนี้ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา เห็นควรว่า ควรงดตั้งฉายา เนื่องจากเพิ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ และยังไม่ได้เริ่มทำงานในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

6.) ดาวเด่น
ในปีนี้ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา เห็นว่า ‘ไม่มีผู้ใดเหมาะสม’ และโดดเด่นเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งดังกล่าว

7.) ดาวดับ
ได้แก่ ‘นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่มีความโดดเด่นในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง จนกระทั่งรู้ผลเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกลได้จำนวน สส.มากที่สุด เดินสายขอบคุณประชาชน พบหน่วยงานต่างๆ ประหนึ่งว่าเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว พลอยให้บรรดาด้อมส้มเรียก ‘นายกฯ พิธา’ ทำให้เกิดกระแส ‘พิธาฟีเวอร์’ แต่สุดท้ายกลับไปไม่ถึงดวงดาว สภาไม่ได้เหยียบ ทำเนียบไม่ได้เข้า เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญสั่งแขวน ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ จากคดี ‘หุ้นไอทีวี’ ที่ยังลูกผีลูกคน จึงเป็นดาวที่เคยจรัสแสง แต่ตอนนี้ได้ดับลงแล้ว

8.) วาทะแห่งปี66
ได้แก่ วาทะของ ‘นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หนึ่งในแกนนำทีมเจรจาจัดตั้งรัฐบาล ลุกขึ้นชี้แจงคุณสมบัติของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยในการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 66 ที่ผ่านมาว่า “เราเห็นด้วยอย่างยิ่งที่พรรคก้าวไกลเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเราเป็นพรรคอันดับ 2 มีความยินดีร่วมมือจัดตั้งรัฐบาล และถ้าไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับนี้ พรรคเพื่อไทยไม่มีทางจับมือกับพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล เราเป็นพรรคอันดับ 2 สามารถที่จะแย่งชิงจัดตั้งรัฐบาลได้ ถ้ากลไกการเมือง และรัฐธรรมนูญมันปกติ แต่ด้วยสภาพบังคับของรัฐธรรมนูญแบบนี้ เราไม่ร่วมมือกันไม่ได้ แต่เราก็คิดผิด เพราะว่ายิ่งเราจับมือกัน ยิ่งจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้”

9.) เหตุการณ์แห่งปี คือ ‘เลือกนายกรัฐมนตรี’
ถือเป็นเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ที่มีการเลือกนายกรัฐมนตรีมากถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกคือวันที่ 13 ก.ค. 66 ซึ่งบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อ คือ นายพิธา แต่ปรากฎว่าได้รับความเห็นชอบไม่ถึง 376 เสียง ทำให้มีการโหวตเลือกผู้ที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีรอบที่ 2 อีกครั้งในวันที่ 19 ก.ค. 66 แต่ปรากฎว่า ในที่ประชุมรัฐสภากลับมีการถกเถียงกันถึงข้อบังคับการประชุมว่าจะสามารถเสนอรายชื่อนายพิธาซ้ำได้หรือไม่ เนื่องจากมีความเห็นว่า ญัตติที่เสนอชื่อนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีตกไปแล้ว ไม่สามารถนำขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้ แม้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา จะเปิดลงมติตามข้อตามข้อบังคับที่ 151 ปรากฎว่า เสียงกึ่งหนึ่งเห็นว่า ไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธาซ้ำได้

จากนั้น ช่วงเช้าของวันที่ 21 ส.ค. 66 นายชัยธวัช ตุลาธน ได้แถลงส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และช่วงบ่ายของวันเดียวกันนั้น นพ.ชลน่าน ในนามของพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวจับมือตั้งรัฐบาลเพื่อไทย 314 เสียงกับ 11 พรรคการเมืองที่เคยเป็นพรรครัฐบาลเดิม ในสมัยของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเหตุให้วันที่ 22 ส.ค. 66 นายวันมูหะมัดนอร์ ได้นัดประชุมรัฐสภาอีกครั้ง เพื่อพิจารณาบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นครั้งที่ 3 โดยมีการเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี สุดท้ายก็ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาด้วยเสียง 482 เสียง ต่อไม่เห็นชอบ 165 เสียง และงดออกเสียง 81 เสียง ทำให้นายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30

10.) คู่กัดแห่งปี
ในปีนี้ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ลงมติเห็นว่า ควรงดตั้งฉายาคู่กัดแห่งปี เนื่องจากเพิ่งเปิดสมัยประชุมได้เพียงสมัยเดียว และเวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเลือกนายกรัฐมนตรี รวมถึงตรงกับช่วงปิดสมัยประชุม จึงยังไม่มีใครเป็นคู่กัดที่ชัดเจน มีเพียงการปะทะคารมในบางเหตุการณ์เท่านั้น

11.) คนดีศรีสภา 66
สื่อมวลชนประจำรัฐสภา มีความเห็นร่วมกันว่า ยังไม่มี สส. หรือ สว.คนใด เหมาะสมที่จะได้รับตำแหน่งดังกล่าว ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5

พิษณุโลก แม่ทัพภาคที่ 3 เปิด Open House หน่วยฝึกทหารใหม่ รุ่นปี 2566 ผลัดที่ 2 คืนความสุขให้น้อง คนเล็ก และครอบครัว

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566 เวลา 09.00 น. พลโท ประสาน  แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 ร่วมตรวจเยี่ยมกิจกรรม “เปิดบ้านทหารใหม่” ของทหารใหม่ รุ่นปี 2566 ผลัดที่ 2 เพื่อเชิญชวนให้ครอบครัวทหารใหม่ เข้าเยี่ยมหน่วยในวันเสร็จสิ้นการฝึก และมีการปล่อยพักบ้าน ของหน่วยฝึกทหารใหม่ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 4 และหน่วยขึ้นตรงกองพลทหารราบที่ 4 ในพื้นที่ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตำบลบ้านคลอง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก 

กองทัพภาคที่ 3 จัดกิจกรรม “เปิดบ้านทหารใหม่” ของทหารใหม่รุ่นปี 2566 ผลัดที่ 2 ให้ครอบครัวน้องๆทหารใหม่เข้าเยี่ยมชมหน่วยในวันเสร็จสิ้นการฝึก และร่วมแสดงความยินดีกับน้องๆทหารใหม่ในโอกาสสำเร็จการฝึกหลักสูตรการฝึกทหารใหม่ โดยมีผู้ปกครองร่วมเป็นสักขีพยานแห่งความภาคภูมิใจในครั้งนี้ รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองน้องๆทหารใหม่ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมหน่วยทหารเพื่อเสริมสร้างสายใยความสัมพันธ์อันดี ระหว่างหน่วยทหารกับครอบครัวน้องๆทหารใหม่ ร่วมแสดงความยินดีกับน้องๆทหารใหม่ที่ผ่านการฝึกหลักสูตรตลอด 6 สัปดาห์ พร้อมกับให้ทหารใหม่ ได้แสดงมุทิตาจิตต่อผู้ปกครอง และจัดการแสดงทางทหารของทหารใหม่ ก่อนจะปล่อยลาพักกลับบ้านหลังจากฝึกจบหลักสูตร และยังเป็นการประชาสัมพันธ์การสมัครเป็นทหารกองประจำการในผลัดต่อๆ ไปด้วย นอกจากนี้ กิจกรรม“Open House” ภายในงานมีการแสดงขีดความสามารถของน้อง ๆ ทหารใหม่ด้วย

ในการนี้ พลโท ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้ให้การต้อนรับและพบปะพูดคุยกับครอบครัวของน้องๆทหารใหม่ สร้างสายใยความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยทหารกับครอบครัวของทหารใหม่ พร้อมแนะแนวทางการรับราชการเป็นทหารอาชีพ เพื่อเป็นกำลังสำคัญของกองทัพบก ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความภาคภูมิใจ และรอยน้ำตาแห่งความสุข

สัมภาษณ์
1. คุณ จำเนียร คลองตะเคียน มารดา พลฯ ธงขัย ชำนาญ ร.4พัน.3
2. คุณ เปรมมิกา วิโรจน์ไพศาล มารดา พลฯ นครินทร์ วิโรจน์ไพศาล ร.4 พัน.3

สปข.6 จัดงาน '63 ปี สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6' ภายใต้แนวคิด “PRD 6 Generate D ทันโลกดิจิทัล” บนพื้นฐานความถูกต้อง รวดเร็ว เชื่อถือได้ ยืนหยัดสู่มิติใหม่ของการสื่อสารอย่างมุ่งมั่น

เมื่อวันที่ (25 ธ.ค. 66) ที่อาคารห้องส่งสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดสงขลา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายเศวต เพชรนุ้ย ปลัดจังหวัดสงขลา เป็นประธาน “งาน 63 ปี สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6“ โดยมี ดร.ธีรพงศ์ เพชรรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 ร่วมให้การต้อนรับ

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “PRD 6 Generate D ทันโลกดิจิทัล” ด้วย 3 D ที่หมายถึง D ตัวแรก (Digital) = การปฏิรูปจากสื่อเดิมสู่สื่อดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยไม่ทิ้งสื่อหลัก โดยสื่อดิจิทัล จะซับพอร์ทงานหลักอย่างเต็มประสิทธิภาพ D ตัวที่ 2 D Idol =  การสร้างตัวตนให้บุคลากรสำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 เป็นนักสร้างสรรค์สื่อ ที่พร้อมจะเป็นต้นแบบในช่องทางสื่อออนไลน์ทุกเเพลตฟอร์ม และ D ตัวสุดท้าย คือ D-Prompt = ที่จะแสดงถึงประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว ฉับไว เริ่มต้นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้อย่างทันทีทันใด บนพื้นฐานความถูกต้อง รวดเร็ว เชื่อถือได้ ยืนหยัดสู่มิติใหม่ของการสื่อสารอย่างมุ่งมั่น 

สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 กรมประชาสัมพันธ์ มีภารกิจในเรื่องของการสื่อสารการประชาสัมพันธ์ เป็นสื่อกลางสร้างความเข้าใจระหว่างประชาชนกับภาครัฐ และภาครัฐกับประชาชน โดยมีสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ในสังกัดพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง จำนวน 9 สถานี สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จำนวน 2 สถานี และยังมีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอีก 7 จังหวัด ซึ่งปัจจุบันเราอยู่ในยุคของการเปลี่ยนผ่านการผสมผสานที่เราจะต้องมีการพัฒนาทั้งสื่อวิทยุและสื่อโทรทัศน์ ควบคู่กับการสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น TikTok YouTube Facebook ฯลฯ ให้เอื้อซึ่งกันและกันในการประชาสัมพันธ์ข่าวสารที่ถูกต้อง รวดเร็ว เชื่อถือได้ ภายใต้คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของสื่อ มีการใช้ภาษาที่ถูกต้อง สามารถสื่อสารไปยังพี่น้องประชาชนสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตได้

สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย พิธีทางศาสนา ทั้งศาสนาพุทธและศาสนาอิสลาม การมอบรางวัลประชาสัมพันธ์จังหวัดดีเด่น และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยดีเด่นของสำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 ประจำปี 2565 การจัดการแข่งขันกีฬาที่เน้นความสนุกสนานความรักความสามัคคี และงานสังสรรค์ในช่วงค่ำ

ปีใหม่นี้ เตือนสายแว้น โชว์ยกล้อ ขับขี่ประมาทหวาดเสียว บิ๊กไบค์ยกล้อชลบุรี โดนแล้ว! ศาลสั่งริบรถ จำคุก 1 เดือน

วันนี้ (27 ธ.ค.66) เวลา 10.00 น. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์ ผู้บังคับการตำรวจจราจร ในฐานะคณะทำงานศูนย์ป้องกันและปราบปราบการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องของ ตร. เปิดเผยถึงกรณี จับกุมดำเนินคดี “โต้ง เมืองไทย” ขับขี่บิ๊กไบค์โชว์ยกล้อ เป็นกระแสในโซเซียลมิเดีย ถูกศาลพิพากษาสั่งริบรถบิ๊กไบค์ของกลาง จำคุก 1 เดือน โทษจำรอ 2 ปี

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้ปรากฎภาพจากเพจเฟซบุ๊คของ “โต้ง เมืองไทย” ต่อมาคณะทำงานได้สืบสวนข้อมูลพิสูจน์ทราบได้ว่า คือ นายอิศรายุทธ สงวนนามสกุล ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ยี่ห้อ Yamaha รุ่น R7 ในลักษณะยกล้อ บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 มุ่งหน้า จว.ชลบุรี พร้อมข้อความ “ใกล้ถึงวันแล้ว เอาหน่อยๆ” เชิญชวนชาวแก๊งค์สองล้อออกมารวมตัวในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2567 คณะทำงานฯ จึงได้มีการบูรณาการร่วมกับ ภ.จว.ชลบุรี โดย พ.ต.อ.พาติกรณ์ ศรชัย รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และ พ.ต.อ.อรรถพล อิทธโยภาสกุล ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ ท้องที่เกิดเหตุสืบสวนสอบสวนจนสามารถติดตามนำตัว นายอิศรายุทธฯ เจ้าของเพจเฟซบุ๊ค และเป็นเจ้าของรถบิ๊กไบค์ในคลิปวีดีโอดังกล่าว ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่งฟ้องต่อศาลพัทยา ต่อมาศาลมีคำพิพากษาลงโทษปรับ 2,400 บาท จำคุก 1 เดือน โทษจำรอ 2 ปี และริบรถจักรยานยนต์ของกลาง  

พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฯ กล่าวว่า ในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน มีพี่น้องประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนากันมาก ทำให้อาจมีการรวมตัวกันเพื่อแข่งรถ หรือขับขี่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในวงกว้าง คณะทำงานป้องกันและปราบปราบการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ได้ขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยทั้งการโพสชักชวน เชิญชวน บนสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆก็ดี ทั้งการรวมตัวบนท้องถนนก็ดี จึงอยากประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร ให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา รวมถึงการป้องปรามไม่ให้มีการฝ่าฝืนกฎหมายการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดอุบัติเหตุ โดยจะปฏิบัติงานตลอดช่วงเทศกาลไม่มีวันหยุด ประชาชนสามารถแจ้งเหตุร้ายที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

พัทลุง-พช.พัทลุง ประชุมวางแผนขับเคลื่อนกิจกรรมพัฒนาสตรี ประจำปี พ.ศ.2567

วันที่ 26 ธันวาคม 2566  เวลา 13.30 น. ณ โรงแรม ชัยคณาธานี ดร.นาที  รัชกิจประการ  ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน (ประธาน กพสจ.) ร่วมกับ นายเสรี จิตรเวช  พัฒนาการจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วย นายประโมทย์ ดำจวนลม  ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน ดำเนินการจัดประชุมคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัด (กพสจ.) พัทลุง ครั้งที่ 3/ 2566 เพื่อติดตามแนวทางการพัฒนาอาชีพของสตรี และการจัดกิจกรรมวันสตรีสากล ประจำปี พ.ศ. 2567 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลพระชนมพรรษา  6 รอบ 28 กรกฏาคม 2567 การจัดกิจกรรมเนื่องในวันสตรีสากล ประจำปี พ.ศ.2567 ที่ประชุมได้มีมติให้ใช้ชื่อกิจกรรม ภายใต้โครงการ "รวมพลังสตรี ทำความดี เทิดไท้ 72 พรรษา องค์ราชัน" โดยกำหนดจัดกิจกรรมในวันที่ 8 มีนาคม 2567 ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดพัทลุง 

ในการประชุมครั้งนี้มีหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงานและคณะกรรมการ กพสจ. เข้าร่วมประชุม จำนวน 45 คน

‘EVme Plus’ ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าให้ผู้ประกอบการแท็กซี่  หวังการขนส่งไทยใช้รถ EV มากขึ้น หนุนสังคมคาร์บอนต่ำยั่งยืน

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท อีวี มี พลัส จำกัด (EVme Plus) ผู้ให้บริการยานยนต์ไฟฟ้าบนแพลตฟอร์มดิจิทัลแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในไทย ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น AION ES (ไอออน อีเอส) ให้แก่บริษัท สุขสวัสดิ์แท็กซี่ จำกัด สหกรณ์แท็กซี่สหมิตร และสหกรณ์อาสาสมัคร ทดแทนรถยนต์รุ่นเก่าที่กำลังจะปลดระวาง และเพิ่มจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับรถโดยสารสาธารณะ มุ่งลดมลพิษทางอากาศอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ AION ES ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า 100% พร้อมสมรรถนะการขับขี่สูง และประหยัดค่าพลังงาน เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ ผู้ขับแท็กซี่ และบุคคลทั่วไป โดยมีอัตราค่าสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ยเพียง 0.75 - 1 บาทต่อกิโลเมตร ซึ่ง AION ES จำหน่ายโดย EVme มาพร้อมระบบแท็กซี่อัจฉริยะ (Smart Taxi) มีระบบติดตามรถ กล้องถ่ายภาพนิ่ง เครื่องระบุตัวตนผู้ขับขี่ และปุ่มฉุกเฉิน เพิ่มความปลอดภัยทั้งผู้ขับและผู้โดยสาร ตามมาตรฐานของกรมขนส่งทางบก นอกจากนี้ EVme ยังได้ร่วมมือกับศูนย์บริการยานยนต์ และผู้ให้บริการด้านการเงินจากบริษัทชั้นนำ เพื่อรองรับการดูแลแบบครบวงจร ทั้งการซ่อมบำรุง และด้านสินเชื่อ

ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) กล่าวว่า ปตท. ยึดมั่นภารกิจหลักสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ โดยตระหนักถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เป็นวาระสำคัญของโลก จึงเร่งขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด และเสริมสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) โดยสนับสนุนการใช้ EV ในภาคการคมนาคมขนส่ง และการท่องเที่ยวที่สอดรับกับการใช้ชีวิตของผู้คน อีกทั้งจากสถิติ รถสันดาป 1 คัน มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เฉลี่ยปีละ 6 ตันคาร์บอนฯ เทียบเท่าต่อคัน ปัจจุบันมีรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนในระบบขนส่งกว่า 85,000 คัน ทำให้ภาคส่วนนี้มีการปล่อยก๊าซฯ มากกว่าปีละ 500,000 ตันคาร์บอนฯ เทียบเท่า นอกจากนี้ต้นทุนค่าพลังงานของผู้ใช้รถแท็กซี่ยังมีอัตราสูง ดังนั้นการส่งเสริมการใช้ EV ให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการแท็กซี่ นอกจากจะช่วยลดต้นทุนค่าพลังงาน ยังช่วยสนับสนุนการสร้างสังคมคาร์บอนต่ำและเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ของประเทศ โดย ปตท. พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมใหม่และเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้คนไทย 

นายเอกชัย ยิ้มสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อรุณ พลัส จำกัด หรือ ARUN PLUS กล่าวว่า อรุณ พลัส ในฐานะบริษัทในกลุ่ม ปตท. ยังคงเดินหน้าสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการขยายตัว EV อย่างต่อเนื่องตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายจาก ปตท. ในการสร้างนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำของห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจ EV (EV Value Chain) เพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไปพร้อมกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Net Zero) โดยอรุณ พลัส ได้ส่งมอบคุณค่าผ่านบริษัทในกลุ่มอรุณ พลัส ในการพัฒนาธุรกิจต่าง ๆ อาทิ การจัดหาชิ้นส่วนสำคัญและการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า แพลตฟอร์มสำหรับการตลาดและการขาย การผลิตแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า การจัดตั้งสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมไปถึงการให้บริการด้าน EV แบบครบวงจรผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของ EVme ที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลายในประเทศไทย ซึ่งความร่วมมือกับผู้ประกอบการแท็กซี่โดยสารในวันนี้ ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญในการร่วมกันผลักดันการเปลี่ยนผ่านระบบขนส่งสาธารณะไปสู่การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าในการสร้างนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการขับเคลื่อนแห่งอนาคตอย่างแท้จริง

นายจิระพงศ์ เลาห์ขจร ประธานเจ้าหน้าที่การพาณิชย์ บริษัท อีวี มี พลัส จำกัด เผยว่า EVme ส่งเสริมให้เกิดการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในระบบขนส่งสาธารณะอย่างจริงจัง โดยเริ่มให้บริการแพลตฟอร์มยานยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2563 ได้ทดสอบและเรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภคเกี่ยวกับการใช้ EV อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาการบริการ EV ไม่ใช่แค่เพียงรถยนต์ส่วนบุคคล แต่ยังครอบคลุมรถยนต์สาธารณะ เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ EVme จึงไม่หยุดที่จะพัฒนาการบริการใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ EV มากขึ้น และช่วยลดปัญหาด้านมลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นจากการใช้ยานพาหนะ บริษัทฯ มุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากขึ้น ให้ประชาชนทุกคนรวมถึงผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ ได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อแก้ปัญหามลพิษทางอากาศอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top