Monday, 30 June 2025
NewsFeed

ผลสำรวจล่าสุดเผย แพทย์อินเดียเพียงร้อยละ 7 ทราบถึงความก้าวหน้าในการต่อต้านการสูบบุหรี่ ผลการวิจัยย้ำถึงการกําหนดนโยบายที่อิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพื่อทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า

อุปสรรคสําคัญต่อความพยายามของประเทศอินเดียในการต่อสู้กับการเสพติดผลิตภัณฑ์ยาสูบคือการที่มีแพทย์เพียง 7% เท่านั้นที่ตระหนักถึงพัฒนาการล่าสุดของเทคนิคการต่อต้านการสูบบุหรี่ ผลการสํารวจโดย Indian Medical Academy for Preventive Health (IMAPH) ซึ่งใช้ข้อมูลจากการสํารวจแพทย์ที่มีประสบการณ์อย่างน้อยสามปีจำนวน 200 คน เผยให้เห็นการค้นพบที่น่าตกใจ
ในนิวเดลี มีแพทย์เพียงร้อยละ 7 ที่มีความตระหนักเกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดในกลยุทธ์การต่อต้านการสูบบุหรี่ ซึ่งนับเป็นความท้าทายสําคัญต่อความพยายามของประเทศอินเดียในการต่อสู้กับการเสพติดยาสูบ โดยการศึกษาที่จัดทําโดยสถาบันการแพทย์อินเดียเพื่อการป้องกันสุขภาพ (IMAPH) ระบุว่า การศึกษาที่อ้างอิงจากการสํารวจแพทย์ที่มีประสบการณ์อย่างน้อยสามปีจำนวน 200 คนนํามาซึ่งสถิติใหม่

โรคหัวใจและหลอดเลือดกลายเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดในผู้ป่วย ซึ่งพบอยู่ที่ร้อยละ 12 และเน้นย้ําให้เห็นถึงความจําเป็นและความเร่งด่วนสําหรับการแทรกแซงการต่อต้านการสูบบุหรี่ ศาสตราจารย์ Chandrakant S Pandav อดีตหัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชนที่ AIIMS-New Delhi ได้แสดงความกังวลโดยระบุว่า "การสํารวจให้ความกระจ่างเกี่ยวกับความสำคัญของแพทย์ในการจูงใจผู้สูบบุหรี่ให้เลิกบุหรี่ และเน้นย้ําถึงความจําเป็นในการเพิ่มความตระหนักรู้และการฝึกอบรมในการใช้กลยุทธ์เพื่อต่อต้านการสูบบุหรี่ เรียกได้ว่าผลการสํารวจนี้จุดประกายว่าเราจําเป็นต้องลดช่องว่างของการตระหนักรู้ของแพทย์ เพื่อต่อสู้กับอันตรายจากยาสูบอย่างมีประสิทธิภาพ" ดร. M Wali ที่ปรึกษาอาวุโสด้านการแพทย์ของโรงพยาบาล Sir Ganga Ram ยังเน้นย้ําถึงความสําคัญของผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ ที่จำเป็นต้องได้รับข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการเลิกบุหรี่ที่ถูกต้องครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน
เขากล่าวว่า “เรายังคงยึดประสิทธิผลเป็นหลักในการพิจารณาว่าควรแนะนำวิธีการต่อต้านการสูบบุหรี่ที่มีความจำเพาะในแต่แง่ของวัฒนธรรมและภูมิภาค ซึ่งชี้ห้เห็นถึงความจำเป็นของการจัดตั้งนโยบายที่อ้างอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเป็นการติดอาวุธให้กับแพทย์ด้วยทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าในการต่อสู้กับการเสพย์ติดบุหรี่ ดังนั้น แพทย์เองก็ควรติดตามพัฒนาการล่าสุดของวิธีช่วยเลิกบุหรี่ เพื่อที่จะให้คำแนะนำที่ดีที่สุดได้ สิ่งเหล่านี้จำเป็นต่อการควบคุมยาสูบที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งประสบความสำเร็จในการนำไปปรับใช้ในต่างประเทศ”

การศึกษายังชี้ให้เห็นว่า แพทย์ควรสอบถามอย่างจริงจังเกี่ยวกับการบริโภคยาสูบของผู้ป่วยทุกครั้งที่ นอกจากนี้ ทางเลือกใหม่ๆ เช่น บุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน อาจมีบทบาทสําคัญในการทดแทนบุหรี่และการลดภาระการติดยาสูบในอินเดีย

ในฐานะประเทศที่มีผู้บริโภคยาสูบมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลกด้วยจำนวนกว่า 275 ล้านคน อินเดียต้องเผชิญกับความท้าทายใหญ่หลวง จากข้อมูลการสํารวจการบริโภคยาสูบในผู้ใหญ่ทั่วโลก (Global Adult Tobacco Survey) ระบุว่า มีเพียง 55.4% ของผู้สูบบุหรี่เท่านั้นที่เคยพิจารณาหรือตั้งใจที่จะเลิกบุหรี่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจําเป็นเร่งด่วนสําหรับกลยุทธ์การต่อต้านการสูบบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดร. J Kumar ที่ปรึกษาทางการแพทย์ของ IMAPH เน้นย้ําถึงความจําเป็นเร่งด่วนสําหรับการต่อต้านการเสพติดยาสูบ “ด้วยจำนวนแพทย์เพียงร้อยละ 7 ที่ทราบถึงความก้าวหน้าในการต่อต้านยาสูบล่าสุด ตัวเลขนี้ส่งสัญญานไม่เพียงแต่ช่องว่างด้านความรู้ แต่ยังเป็นการเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่”

ดร. J Kumar พบว่าผลสำรวจนั้นเป็นเหมือนเข็มทิศที่ชี้ให้พัฒนาจากการตระหนักรู้ไปสู่การปฏิบัติจริง การให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพก่อนต้นทุน และการยอมรับวิธีการใหม่ๆ เช่น พฤติกรรมบำบัด สามารถช่วยลดช่องว่างและขับเคลื่อนแพทย์อินเดียไปสู่การเป็นแนวหน้าของยุคปลอดบุหรี่ของอินเดีย
ผลการวิจัยยังเน้นย้ำถึงความสําคัญของการกําหนดนโยบายที่อิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมให้แพทย์นักวิจัยและบุคลากรทางการแพทย์สามารถแนะนําทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าได้
อินเดียจะสามารถก้าวไปสู่การบรรลุเป้าหมายในการลดการบริโภคยาสูบลง 30% ภายในปี 2025 ได้ด้วยการตระหนักและแก้ไขปัญหาในเรื่องของกระตระหนักรู้และการผลักดันนโยบายที่มีประสิทธิภาพ
ที่มา: Only 7 pc doctors aware of recent advances in anti-smoking strategies: Study, ET HealthWorld (indiatimes.com)

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าโต้กลับ WHO อวยแบนทิพย์บุหรี่ไฟฟ้าในไทยชี้พบเยาวชนไทยใช้บุหรี่ไฟฟ้าสูงกว่าในประเทศที่มีกฎหมายควบคุมอย่างถูกต้อง

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าโต้กลับ WHO อวยแบนทิพย์ในไทย ทั้ง ๆ ที่มีขายเกลื่อนพบเห็นได้ทั่วไป เชื่อมั่นการนำบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาบนดินควบคุมด้วยกฎหมายอย่างเหมาะสมจะช่วยลดการเข้าถึงของเยาวชนได้ พร้อมเผยสถิติพบเยาวชนใช้บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศที่แบน มากกว่าในประเทศที่มีกฎหมายควบคุมอย่างถูกต้อง สืบเนื่องจากแถลงการณ์ของผู้แทนองค์การอนามัยโลก (WHO) ในประเทศไทย จากงานเสวนาการแถลงการณ์องค์การอนามัยโลก เรื่องบุหรี่ไฟฟ้าภัยคุกคามต่อเด็กและเยาวชน เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 ที่สนับสนุนให้ไทยคงมาตรการห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าต่อไปเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพของผู้ใช้และคนรอบข้างรวมถึงปกป้องเด็กและเยาวชนเป็นสำคัญ เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า นำโดยเพจ “ลาขาดควันยาสูบ (ECST)” และเพจ “มนุษย์ควัน” ร่วมย้ำจุดยืนที่ต้องการกฎหมายควบคุมการขาย การตลาด การกำหนดอายุผู้ซื้อผู้ขาย การควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อปกป้องผู้บริโภค และป้องกันผู้ใช้หน้าใหม่ที่เป็นเด็กและเยาวชน

นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนจากเพจลาขาดควันยาสูบ กล่าวว่า “บุหรี่ไฟฟ้ามีอยู่ทั่วไปในสังคมไทย และปัญหาเยาวชนไทยเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเรื่องจริงในปัจจุบันที่คงไม่มีใครปฏิเสธได้ แม้เราจะมีมาตรการแบนบุหรี่ไฟฟ้ามาเกือบ 10 ปีแล้วก็ตาม คงเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะทำให้ไม่มีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเลย การคงมาตรการห้ามขายทำให้เกิดคำถามที่น่ากังวลว่าสินค้าที่อยู่ใต้ดินเข้าถึงง่ายเหล่านี้มีคุณภาพและความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน การไม่ควบคุมเลยจะทำให้เกิดอันตรายมากกว่ากับทุกฝ่ายในรูปแบบที่คาดไม่ถึง ดังนั้น ทางออกเดียวคือจำเป็นต้องมีกฎหมายเข้ามาควบคุมอย่างเหมาะสม อยากถามกลับว่า ถ้าแบนแล้วดีจริงทำไม WHO ไม่ไปร้องเรียกให้สหรัฐฯ อังกฤษ ประเทศกลุ่มอียู เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นหันมาแบนบุหรี่ไฟฟ้าบ้าง มาเชียร์แต่ประเทศไทย”

นายสาริษฏ์ สิทธิเสรีชน จากเพจมนุษย์ควัน ให้ข้อมูลเสริมว่า “สถิติเยาวชนใช้บุหรี่ไฟฟ้าในไทยของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากร้อยละ 3.3 ในปี 2558 ในช่วงเริ่มต้นการแบนในไทย เป็นร้อยละ 9.1 ในปี 2566 ขณะที่ประเทศที่มีการแบนบุหรี่ไฟฟ้าอื่น ๆ เช่น ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ก็เจอกับปัญหาเดียวกัน โดยออสเตรเลียภายหลังการมีคำสั่งให้มีใบสั่งยาสำหรับการใช้และการขายบุหรี่ไฟฟ้าในปี 2564 จำนวนเยาวชนที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าก็สูงขึ้นจากร้อยละ 9.8 เป็นร้อยละ 14.5 ในปี 2566 ขณะที่ประเทศที่มีการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างถูกกฎหมาย เช่น แคนาดา นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ มีสถิติเยาวชนที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าอยู่ที่ร้อยละ 8 ร้อยละ 6 ร้อยละ 5 และร้อยละ 3.7 ตามลำดับ ซึ่งน้อยกว่าประเทศที่มีการแบนอยู่”

“จริง ๆ แล้ว WHO ไม่เคยกำหนดให้ทุกประเทศห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า เพราะหากห้ามจริงบุหรี่ไฟฟ้าคงไม่ถูกกฎหมายแล้วในกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ความหวังที่อยากให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นศูนย์ในไทยคงยากที่จะเป็นจริงได้ สิ่งที่ไทยควรทำและทำได้ตอนนี้คือเปิดโอกาสให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยได้ทำงานโดยพิจารณาเหตุและผลอย่างรอบด้าน ไม่ใช่เพียงด้านสุขภาพเท่านั้น ต้องคำนึงถึงบริบทของสังคมไทยตอนนี้ด้วย เราเคยลดจำนวนเยาวชนที่สูบบุหรี่มวนลงได้ด้วยกฎหมายกำหนดอายุผู้ซื้อและผู้ขาย เหตุใดจึงไม่เชื่อว่ากฎหมายจะสามารถช่วยป้องกันเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้าได้เช่นเดียวกัน ดีกว่าปล่อยให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่มีการควบคุมทั้งด้านคุณภาพและความปลอดภัยได้อย่างอิสระแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน” นายสาริษฏ์ กล่าวปิดท้าย

ผบ.ตร.ส่งซานตาคลอส ตำรวจปากช่อง ขนผ้าห่มเป็นของขวัญ มอบไออุ่นให้น้องคลายหนาว เขาใหญ่ มอบความห่วงใยสุขภาพเด็กช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง 

วันที่ 25 ธันวาคม 2566 เวลา 10.00 น. ที่โรงเรียนบ้านหนองอีเหลอ ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จัดกิจกรรมไออุ่นคลายหนาวให้เด็กนักเรียน เนื่องในวันคริสต์มาส โดยมี พ.ต.อ.วีระพล ระเบียบโพธิ์ ผกก.สภ.ปากช่อง เป็นตัวแทน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ จิตอาสา 904 ตำรวจทางหลวงนครราชสีมา ตำรวจปากช่อง ชมรมฮักเขาใหญ่ นำผ้าห่ม จำนวน 100 ผืน ขนม เดินทางไปมอบให้กับเด็กนักเรียน โรงเรียนบ้านหนองเหลอ เนื่องในวันคริสต์มาส

ขณะในช่วงนี้ พื้นที่มีอากาศหนาวเย็น อุณภูมิลดลงเหลือ 12-13 องศา ประกอบกับอยู่ในพื้นที่ธุระกันดาร ผู้ปกครอง และครอบครัวเด็กนักเรียนมีฐานะยากจน เดือดร้อนกับสภาวะหนาวเย็น 

สำหรับโรงเรียนดังกล่าว มีนักเรียน 100 คน และคุณครูอีก 10 คน ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนมากจะมีอาชีพเกษตรกรทำไร่มัน และไร่อ้อย รวมถึงรับจ้างทั่วไป รายได้ในครอบครัวจะน้อย ในช่วงฤดูหนาวอากาศจะหนาว และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา 

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ทีมงานตำรวจจิตอาสาลงสำรวจพื้นที่ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงฤดูหนาว พร้อมสนับสนุนผ้าห่ม เสื้อกันหนาว ยารักษาโรค เป็นการแสวงหาความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อทำงานร่วมกัน

บสย.จัด The 3rd Town Hall Meeting 2023 ปลุกพลังฮีโร่  เชิดชูเกียรติ “พนักงาน” หัวใจองค์กร

บสย. จัดประชุมพนักงานทุกระดับ The 3rd Town Hall Meeting 2023 ส่งท้ายปี 2566 ภายใต้แนวคิด “TCG MULTIKORN”  “จักรวาล บสย. ” ปลุกพลังฮีโร่ เชิดชูเกียรติ “พนักงาน” หัวใจองค์กร ทำงานหนัก เพื่อ SMEs  ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่องค์กร ดิจิทัล ช่วย SMEs ก้าวข้ามวิกฤต สู่ความยั่งยืน ย้ำชัดพร้อมขับเคลื่อนแผนนโยบาย 2567 เดินหน้าเต็มสูบ สู่บริบทใหม่ บสย.

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็นประธานการประชุมพนักงานทุกระดับ (The 3rd Town Hall Meeting 2023)  กิจกรรมส่งท้ายปี 2566  รูปแบบ Hybrid Meeting ภายใต้แนวคิด  “TCG MULTIKORN” หรือ “จักรวาล บสย.”  โดยมีผู้บริหารระดับสูง และพนักงานทุกระดับ และสำนักงานเขตทั่วประเทศ  กว่า 400 คน ร่วมกิจกรรม ณ ห้องประชุม ชั้น 21 อาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ 2 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566

ภาพรวมผลดำเนินงาน บสย. ปี 2566  ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่องค์กรดิจิทัล (Digital Transformation) การเชื่อมโยงดิจิทัล ระหว่าง บสย. และ พันธมิตรสถาบันการเงิน ช่วยเสริมศักยภาพและสมรรถนะองค์กร ด้านการค้ำประกันสินเชื่อ ช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อมากขึ้น การอนุมัติค้ำประกันที่รวดเร็ว เชื่อมโยงสอดรับกับแนวทาง SMEs Gateway ความสำเร็จที่ เกิดจากพลังความร่วมมือของ “พนักงาน บสย.”  ที่เป็นหัวใจขององค์กร สู่ยุคเปลี่ยนผ่านด้วยมุมมองใหม่ในการทำงาน ภายใต้วัฒนธรรมองค์กรใหม่ ตามค่านิยมองค์กร TCG Fast First ที่ส่งผลด้านยอดอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อกว่า 108,896 ล้านบาท เกินเป้าที่วางไว้  95,000 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการ SMEs ได้สินเชื่อ 98,014 ราย (80% ของจำนวนราย SMEs เป็นผู้ประกอบการกลุ่ม Micro) สร้างสินเชื่อในระบบ 119,477 ล้านบาท รักษาการจ้างงานรวม 822, 245 ตำแหน่ง

ความท้าทาย ด้านการบริหารจัดการหนี้ ภายใต้มาตรการ 3 สี ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม และได้รับคำชื่นชมจาก “ลูกหนี้ บสย.” และหน่วยงานผู้กำกับดูแล เป็นโครงการที่เข้ามาตอบโจทย์ความด้านการแก้หนี้อย่างยั่งยืน ช่วยลูกหนี้ก้าวข้ามวิกฤต ซึ่ง บสย. ได้ต่อมาตรการนี้ออกไปอีก 1 ปี เพื่อรักษาลูกหนี้ และช่วยพลิกฟื้นให้กลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อีกครั้ง

นอกจากการประกาศผลดำเนินงานแล้ว ผู้บริหารระดับสูงยังได้ชื่นชมกิจกรรมขับเคลื่อนบุคลากรและมอบรางวัลให้บุคลากรต้นแบบตามค่านิยมองค์กร ประจำปี 2566 ด้วย เพื่อยกย่องและเชิดชูบุคลากรที่ได้รับคัดเลือก ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีตามค่านิยมองค์กร TCG FAST FIRST (T - Think Innovatively, C – Connectivity และ G – Good Governance)  พร้อมแสดงความยินดีกับรางวัลต่างๆ ที่ บสย.  ได้รับในปีนี้ ซึ่งเป็นผลจากการขับเคลื่อนองค์กรที่มาจากพนักงาน บสย.  ได้แก่ รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น รางวัลรัฐบาลดิจิทัล รางวัลสำเภานาวาทอง รางวัลองค์กรโปร่งใส  รางวัลเลิศรัฐ  เน้นย้ำแนวปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล ภายใต้นโนบาย “No Gift Policy”

ภายใต้วิสัยทัศน์ การเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงเงินทุนและโอกาสให้แก่ SMEs เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน หรือ SMEs’ Gateway ตามพันธกิจหลัก 5 ประการของ บสย. ยังคงมุ่งมั่นช่วยเหลือ SMEs ต่อไปในปีหน้า  คือ 1.พัฒนาศักยภาพ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อให้เข้าถึงแหล่งทุนและองค์ความรู้ทั้งระบบ 2.ผลักดัน SMEs และผู้ประกอบการรายย่อยให้เติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยนวัตกรรมทางการเงิน 3.เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจครบวงจรสำหรับ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อย 4.ยกระดับขีดความสามารถองค์กรเพื่อการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากอย่างบูรณการ และ 5.ส่งเสริมการดำเนินงานที่โปร่งใสในทุกระดับองค์กรอย่างยั่งยืน

“ในปี 2567 ความท้าทายจะมีมากกว่าปีนี้  ทั้งเป้าหมายการแก้หนี้นอกระบบตามนโนบายรัฐบาล โครงการพักชำระหนี้ โครงการยกระดับการค้ำประกันสินเชื่อตามเป้าหมายรัฐบาล โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อที่ตอบโจทย์ SMEs  โครงการให้คำปรึกษาทางการเงิน SMEs  และ โครงการพัฒนาธุรกิจใหม่ ทั้งหมดนี้คือ การบ้านและโจทย์ใหญ่ที่สำคัญในปีหน้า” นายสิทธิกร กล่าว

‘4 ชาติยุโรป’ ยกระดับความปลอดภัยช่วง ‘คริสต์มาส-ปีใหม่’ หวั่น!! ภัยคุกคามจากก่อการร้าย หลังพบความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

หลายชาติในยุโรปตรึงมาตรการการรักษาความปลอดภัยเข้มในช่วงคริสต์มาส-ปีใหม่ เนื่องจากหวั่นภัยก่อการร้าย หลังพบความเสี่ยงเพิ่มขึ้น และเกิดเหตุทำร้ายชาวยุโรปในกรุงปารีสก่อนหน้านี้ 

(25 ธ.ค.66) ก่อนหน้านี้มีการรายงานว่า สงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ส่งผลให้ยุโรปเสี่ยงภัยก่อการร้ายมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ในยุโรปก็ตระหนักถึงความเสี่ยงดังกล่าวและได้หารือถึงการยกระดับการรักษาความปลอดภัย

ต่อมามติชนรายงานว่า ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรีย และสเปน เป็นหนึ่งในชาติยุโรปที่เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้นขึ้นรับช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ท่ามกลางความกังวลเรื่องภัยคุกคามจากการก่อการร้าย 

ที่ฝรั่งเศส นายเฌราลด์ ดาร์มาแนง รัฐมนตรีมหาดไทยโพสต์บน X เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม สั่งการให้ตำรวจและสารวัตรทหารเพิ่มการรักษาการณ์ตามโบสถ์ต่างๆ ทั่วประเทศ “เพื่อปกป้องชาวคริสเตียนที่จะมาร่วมเฉลิมฉลองคริสมาสต์ในเย็นวันนี้และเช้าวันพรุ่งนี้”

ขณะที่ทางการเยอรมนีได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้นบริเวณมหาวิหารเมืองโคโลญ โดยนายไมเคิล เอสเซอร์ ผู้บัญชาการตำรวจเมืองโคโลญจ์ แถลงว่า ตำรวจจะทำทุกอย่างเพื่อรับรองความปลอดภัย โดยผู้ที่เดินทางมายังโบสถ์ทุกคนจะถูกตำรวจค้นอย่างเข้มข้น

ทั้งนี้ ตำรวจพร้อมสุนัขดมกลิ่มได้ตรวจค้นหา หลังจากมีรายงานกลุ่มติดอาวุธอิสลามิกมีแผนที่จะก่อเหตุโจมตีโบสถ์ในช่วงวันคริสต์มาสอีฟ หรือช่วงปีใหม่

ที่กรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย ตำรวจได้เพิ่มการวางกำลังรักษาความปลอดภัยช่วงฉลองเทศกาลคริสต์ โดยตำรวจออสเตรีย ระบุว่า ในขณะที่ผู้ก่อการร้ายทั่วยุโรปเรียกร้องให้มีการโจมตีงานฉลองของชาวคริสต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งราววันที่ 24 ธันวาคม เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจึงได้เพิ่มมาตรการป้องกันที่สอดคล้องในพื้นที่สาธารณะในกรุงเวียนนาและรัฐต่างๆ

นอกจากนี้ มีรายงานว่า ตำรวจออสเตรียได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 4 คน ที่ต้องสงสัยว่ามีความเชื่อมโยงกับกองกำลังรัฐอิสลามแห่งโคราซาน ซึ่งแตกหน่อมาจากกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) กลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรง

‘สุริยะ’ แกะกล่องของขวัญคมนาคมรับปีมังกร จ่อเสนอ ครม.พรุ่งนี้ แบบครบจบทุกการเดินทาง

(25 ธ.ค.66) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานเตรียมของขวัญปีใหม่ 2567 เพื่อมอบให้กับพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ที่จะถึงนี้ โดยในส่วนของกระทรวงคมนาคมนั้น หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ทั้งส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจได้จัดเตรียมของขวัญปีใหม่ ซึ่งได้ดำเนินการภายใต้แนวคิด ‘Gifts : คมนาคมส่งความสุข 2567’ ให้พี่น้องประชาชนเดินทางกลับบ้านและท่องเที่ยวอย่างมีความสุข สะดวก ปลอดภัย ทั้งนี้ กระทรวงฯ เตรียมนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายละเอียดในวันที่ 26 ธันวาคมนี้

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า สำหรับแนวคิด ‘Gifts : คมนาคมส่งความสุข 2567’ ซึ่งประกอบด้วย…

G = Gift to People คมนาคมส่งมอบความสุข 
I = Infrastructure for Nation คมนาคมสร้างเส้นทางไทย 
F = Facilitation คมนาคมสะดวก บริการประทับใจ 
T = Tourist Promotion คมนาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว
S = Safety Journey คมนาคมใส่ใจปลอดภัยทุกการเดินทาง

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า G = Gift to People ส่งมอบความสุขด้วยการเปิดให้ใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ทางด่วน และรถไฟฟ้าฟรี ประกอบด้วย มอเตอร์เวย์ หมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-บ้านฉาง) และมอเตอร์เวย์ หมายเลข 9 (ถนนกาญจนาภิเษกหรือถนนวงแหวนรอบนอก) และรวมถึงเปิดให้บริการฟรีบนทางพิเศษ (ทางด่วน) บูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2566 เวลา 00.01 น. ถึงวันที่ 3 มกราคม 2567 เวลา 24.00 น. อีกทั้งทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) ศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) และอุดรรัถยา (บางปะอิน-ปากเกร็ด) ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2566 เวลา 00.01 น. ถึงวันที่ 1 มกราคม 2567 เวลา 24.00 น.

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีส่วนลดค่าผ่านทางดอนเมืองโทลล์เวย์ 5% ให้กับผู้ที่ซื้อคูปองผ่านทาง ระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน 2567 และส่วนลดค่าโดยสาร บขส. 20% ทุกเส้นทางให้กับผู้ที่จองตั๋วรถ บขส. ผ่านช่องทางออนไลน์ของ บขส. ที่เดินทางระหว่างวันที่ 18-22 ธันวาคม 2566 และวันที่ 4-8 มกราคม 2567

นายสุริยะ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาจัดกิจกรรมตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย เพื่อให้บริการตรวจสภาพความพร้อมของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฟรี กว่า 20 รายการ ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้บริการอาหารเช้ากับผู้โดยสารรถไฟในวันขึ้นปีใหม่ วันที่ 1 มกราคม 2567 ที่สถานีดอนเมือง และแจกถุงรถไฟรักษ์โลกให้กับผู้ที่เดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สามเสน ดอนเมือง รังสิต มักกะสัน วงเวียนใหญ่ และธนบุรี รวมจำนวน 12,000 ใบ

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า สำหรับ I = Infrastructure for Nation คมนาคมสร้างเส้นทางไทย โดยกรมทางหลวง (ทล.) ได้เปิดให้ใช้บริการมอเตอร์เวย์ฟรี เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนในการเดินทางกลับภูมิลำเนาและลดปัญหาจราจรติดขัด ประกอบด้วย มอเตอร์เวย์ หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา ช่วงอำเภอปากช่อง-ทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมา ระยะทาง 77 กิโลเมตร (กม.) ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2566 เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป จนกว่าระบบเก็บค่าผ่านทางจะเสร็จสมบูรณ์ เพื่อแบ่งเบาการจราจรบนทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ)

นายสุริยะ กล่าวว่า ทั้งนี้ มอเตอร์เวย์ หมายเลข 6 จะเปิดให้เข้า-ออก 4 จุด ได้แก่ บนถนนมิตรภาพ บริเวณ อ.ปากช่อง และ อ.สีคิ้ว บนถนนวงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา บริเวณ อ.ขามทะเลสอ และบริเวณทางเชื่อมต่อกับทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมาด้านตะวันตก และมอเตอร์เวย์ หมายเลข 81 บางใหญ่-กาญจนบุรี บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางนครปฐมฝั่งตะวันตก ถึงด่านกาญจนบุรี (จุดสิ้นสุดโครงการ) ระยะทาง 51 กม. ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2566 เวลา 16.30 น. – 3 มกราคม 2567 เวลา 24.00 น. โดยสามารถเข้า - ออกได้ 2 จุด คือ ด่านนครปฐม ฝั่งตะวันตก และด่านสิ้นสุดโครงการที่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี

นายสุริยะ กล่าวว่า ในส่วนของ F = Facilitation คมนาคมสะดวก บริการประทับใจ ได้จัดให้มีบริการด้านต่าง ๆ ของระบบคมนาคมขนส่ง โดยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ขยายเวลาการเดินรถเมล์ในเขตกรุงเทพฯ ในเส้นทางที่ผ่านสถานที่จัดงานสวดมนต์ข้ามปีและงานเคาน์ดาวน์ เช่น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดสระเกศฯ สนามหลวง วัดเบญจมบพิตร เซ็นทรัลเวิลด์ ไอคอนสยาม เมกาบางนา เอเชียทีค ซีคอนสแควร์ เป็นต้น รวมทั้งเปิดเส้นทางใหม่ 5 เส้นทาง เพื่อรองรับประชาชนที่พักอาศัยในเขตชานเมือง

นายสุริยะ กล่าวว่า นอกจากนี้ ได้ขยายเวลาให้บริการรถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน สีม่วง สีเหลือง และสีแดง ถึงเวลา 02.00 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2567 รวมถึงเปิดให้บริการบัตร EMV Contactless ที่สามารถเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงกับสายสีแดง โดยชำระค่าโดยสารร่วม 2 สาย สูงสุดไม่เกิน 20 บาท รวมทั้งเปิดให้บริการรถไฟทางคู่สายใต้ ตั้งแต่สถานีบ้านคูบัว จ.ราชบุรี ถึงสถานีสะพลี จ.ชุมพร และจอดรถฟรีที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ตด้วย

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า T = Tourist Promotion คมนาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยกระทรวงฯ ได้ร่วมสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อกระตุ้นระบบเศรษฐกิจและมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้พี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยว ให้เดินทางด้วยความสุขและความประทับใจ ด้วยการปรับปรุงภูมิทัศน์แหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ ประดับตกแต่งไฟสวยงามบริเวณสะพานภูมิพล 1 และ 2 และสะพานมหาเจษฎา บดินทรานุสรณ์ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2566 - 2 มกราคม 2567 ระหว่างเวลา 19.00 – 22.00 น. รวมทั้งจัดกิจกรรมล่องเรือไหว้พระ 9 วัด ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในวันที่ 27 ธันวาคม 2566 เพื่อเสริมสิริมงคลชีวิตให้กับประชาชน

นายสุริยะ กล่าวว่า สำหรับ S = Safety Journey คมนาคมใส่ใจ ปลอดภัยทุกการเดินทาง ได้เน้นย้ำให้กรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) คำนึงถึงความปลอดภัยในการเดินทางของพี่น้องประชาชนขั้นสูงสุด ปรับปรุงซ่อมแซมถนนและสะพานให้มีความปลอดภัย สามารถเดินทางได้อย่างสะดวก ไร้หลุมบ่อ ติดตั้งเครื่องหมายจราจร ป้ายเตือนต่าง ๆ ให้ชัดเจน ตรวจสอบความปลอดภัยในการปิดเบี่ยงการจราจรบริเวณพื้นที่ก่อสร้างรถไฟฟ้า

นายสุริยะ กล่าวว่า นอกจากนี้ ติดตั้งอุปกรณ์ไฟส่องสว่างอย่างทั่วถึง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นของผู้ขับขี่ หยุดงานก่อสร้างชั่วคราว และคืนพื้นผิวทางและช่องทางจราจรให้พี่น้องประชาชนสามารถเดินทางได้ด้วยความสะดวกปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลระบบคมนาคมขนส่ง ได้ตระหนักถึงความสะดวก ปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 และขอส่งความห่วงใย ความปรารถนาดีให้ทุกท่านเดินทางปลอดภัยโดยสวัสดิภาพในทุกการเดินทาง และทุกเส้นทาง

‘4 ค่ายยักษ์จากญี่ปุ่น’ จ่อลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าใน ‘ไทย’ รวมมูลค่า 1.5 แสนล้านบาท หลัง ‘นายกฯ’ ลุยหารือ

(25 ธ.ค.66) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีวิสัยทัศน์และนโยบายให้ความสำคัญกับการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย-ญี่ปุ่น รวมทั้งร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์เครื่องสันดาปเป็นรถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดการขยายการลงทุนในไทย และขับเคลื่อนให้ไทยเป็นฐานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าหลักในภูมิภาคอาเซียน 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้หารือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น 7 ราย เมื่อครั้งเดินทางร่วมการประชุม ASEAN-Japan ระหว่างวันที่ 14-18 ธันวาคม 2566 โดยจากการหารืออย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยระหว่างนายกฯ และบริษัทยานยนต์นี้ ทำให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Thailand Board of Investment (BOI) ได้ข้อสรุปว่าภายในระยะเวลา 5 ปี จะมีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น 4 รายที่พร้อมขยายการลงทุนสำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยด้วยมูลค่าการลงทุนประมาณ 1.5 แสนล้านบาท ได้แก่ โตโยต้า 5 หมื่นล้านบาท ฮอนด้า 5 หมื่นล้านบาท อีซูซุ 3 หมื่นล้านบาท และมิตซูบิชิ 2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้บางบริษัทให้ความเห็นว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตรถกระบะไฟฟ้าในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

โดยกลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นทั้ง 7 ราย ยืนยันใช้ไทยเป็นฐานการผลิตหลักในภูมิภาค พร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลไทย ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของรัฐบาลไทยที่จะสนับสนุนค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นให้สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ ลดการปล่อยคาร์บอน ใช้พลังงาน EV และไฮโดรเจน ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นยังได้นำเสนอโมเดลของการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ (Swapping) สำหรับรถเชิงพาณิชย์ ซึ่งไทยพร้อมส่งเสริมสภาพแวดล้อมการลงทุนให้กับผู้ลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น โดยจะดำเนินการออกมาตรการยกเว้นวีซ่าให้นักธุรกิจญี่ปุ่นที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยเพื่อติดต่อธุรกิจระยะสั้น นายกรัฐมนตรีย้ำว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นมีส่วนสำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในไทยให้เป็นผู้นำด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในระดับภูมิภาคอาเซียน

ไทยจึงพร้อมสนับสนุนและร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นที่ต้องการขยายการลงทุนเพิ่มเติมในประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของทั้งสองประเทศ ก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านที่สำคัญนี้สู่ความสำเร็จ และประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ” นายชัย กล่าว

โรงพยาบาลตำรวจมอบ 3 ของขวัญปีใหม่ให้ตำรวจ และประชาชน เปิดโครงการ "จิตอาสาดนตรีกล่อมใจ" กลับมาอีกครั้ง ตรวจสุขภาพให้ประชาชน และฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้ตำรวจ 

วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม 2566 ณ อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา ชั้น 2 โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ ส่งมอบความสุข 3 ของขวัญปีใหม่ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และประชาชนเนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ 

โดยมี พล.ต.ท.ไพบูลย์ เจียมอนุกูลกิจนายแพทย์ (สบ 8) รพ.ตร. พล.ต.ท. วัชรินทร์พิภพมงคล นายแพทย์ (สบ 8) รพ.ตร. พล.ต.ต.ธนิต จิรนันท์ธวัช นายแพทย์ (สบ7) รพ.ตร. พล.ต.ท. ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล และ ร.ต.ท.หญิง สายพิณ สมพงษ์ กรรมการสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมกิจกรรมด้วย 

โดยฟื้นโครงการ "จิตอาสาดนตรีกล่อมใจ" ภายใต้ชื่อวง "PGH Band" ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะดนตรี เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างสรรค์ จรรโลงใจ ไม่ทำร้ายใคร โดยเฉพาะเสียงเพลงจากดนตรี ที่หากใครได้ยินได้ฟังแล้วจะรู้สึกเพลิดเพลิน สบายใจ ผ่อนคลายความทุกข์ ความเศร้าหมองที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ป่วย ญาติ และผู้มาใช้บริการ ที่มีความกังวล หรือเครียด 


วง "PGH Band" บรรเลงโดยบุคลากรของโรงพยาบาลตำรวจ ที่มีใจรักในเสียงเพลง มาขับร้องให้ผู้ป่วย ญาติ และผู้มาใช้บริการ ที่ตึกอำนวยการเก่า อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ดารา ศิลปินชื่อดัง ที่ขอเป็นจิตอาสา สับเปลี่ยนมาร่วมขับร้องเพลงส่งความสุขให้ผู้ใช้บริการ ซึ่งสร้างความสุข และรอยยิ้มให้กับทุกคน โดยจะบรรเลงเพลงในวันจันทร์ กับ วันพุธ เวลา 10.00 -12.00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ

ส่วนเสียงเพลงที่ใช้ขับร้อง เน้นเสียงเพลงเบาๆ ฟังแล้วสบายใจ ใช้ดนตรีน้อยชิ้น เพื่อไม่ให้รบกวนผู้ป่วย และรบกวนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ 

พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ เชิญชวน ศิลปิน ดารา ประชาชาชนทั่วไป และผู้มีความสามารถทางดนตรี ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งกับโครงการ "จิตอาสาดนตรีกล่อมใจ โรงพยาบาลตำรวจ" ติดต่อร่วมโครงการได้ที่ แฟนเพจ เฟซบุ๊ก โรงพยาบาลตำรวจ หรือ โทร 02-2076000 เพื่อเป็นของขวัญให้กับผู้ป่วย

นอกจากนี้โรงพยาบาลตำรวจยังมอบของขวัญปีใหม่ให้ข้าราชการตำรวจ และประชาชน 3 ชิ้น ด้วยกัน 

คือ 1 ออกตรวจสุขภาพให้ประชาชน  4 จุดสถานีขนส่ง คือ  1 หมอชิต 2 บางซื่อ 3 เอกมัย และ สายใต้ 

โดยที่บางซื่อ และ หมอชิต จะมีทีมแพทย์ประจำจุดออกตรวจ ที่หมอชิต ตรวจวันที่ 22 ธันวาคม และวันที่ 28 ธันวาคม ออกตรวจที่บางซื่อ 

ชิ้นที่ 2 คือ ดนตรีจิตอาสา สร้างความสุขให้ประชาชน 

ชิ้นที่ 3 คือ ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ให้ข้าราชการตำรวจที่มีความเสี่ยง และมีผลตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลตำรวจ ทั้งหมด 50,000  dose 


ศูนย์ประชาสัมพันธ์ สื่อสารองค์กร และโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ขออนุญาตเผยแพร่ภาพและข่าวประชาสัมพันธ์ที่มีภาพบุคคลในกิจกรรมดังกล่าว

"ศูนย์กลางข่าวสาร ประสานฉับไว ใส่ใจบริการ เพื่อตำรวจและประชาชน"

#PGH
#โรงพยาบาลตำรวจ
#ศูนย์ประชาสัมพันธ์สื่อสารองค์กรและโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ

‘ไทยเบฟ’ พร้อมคณะ มอบทุนสนับสนุน-น้ำดื่มตราพึ่งพา แก่ ‘มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย’ 

(25 ธ.ค.66) คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี และคณะผู้บริหารของบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เดินทางมามอบทุนสนับสนุน และน้ำดื่มตราพึ่งพา ให้แก่มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ณ อาคารที่ทำการมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ โดยมีศาสตราจารย์ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย, นายฉัตรชัย พรหมเลิศ, นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ และนายฐิติวัฒน์ ว่องวรรณกุล ร่วมกันรับมอบในฐานะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ

 

‘ททท.’ เชิญชวนเขียนคำอวยพรผ่าน ‘จอยการ์ด’ ททท. ส่งมอบความรัก-ความปรารถนาดีให้กันช่วงคริสต์มาส

(25 ธ.ค. 66) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขอเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมเขียนคำอวยพรผ่าน ‘joycard’ ของ ททท. เพื่อส่งคำอวยพรดี ๆ ให้คนที่รักหรือปรารถนาดี ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งถือเป็นการส่งการ์ดอวยพรในรูปแบบออนไลน์ 

โดยจอยการ์ดของ ททท. จะมี 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ การ์ดรูปวัด การ์ดทะเล และการ์ดรูปช้างไทย นอกจากนี้ยังสามารถเลือกสติกเตอร์สุดน่ารักประกอบในจอยการ์ดได้อีกด้วย

สำหรับใครที่สนใจสามารถเข้ามาเขียนคำอวยพรได้ที่ https://joycard.chom.dev/th มีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้

1.กรอกข้อความในช่อง ‘หัวเรื่อง’
2.กรอกข้อความอวยพรลงในช่อง ‘ข้อความเนื้อหาจอยการ์ด’
3.เลือกรูปแบบพื้นหลัง
4.เลือกรูปแบบสติกเกอร์
5.กด ‘ดูตัวอย่างจอยการ์ด’
6.กดแชร์ ‘จอยการ์ด’ ไปยังโซเชียลมีเดียช่องทางอื่นๆ ได้ เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ ทวิตเตอร์ (X) หรือสามารถคัดลอกลิงก์และส่งให้เพื่อน ๆ ทางช่องทางโซเชียลที่ต้องการ

เพียงเท่านี้ก็สามารถส่งมอบคำอวยพรดี ๆ น่ารัก ๆ ให้แก่คนที่รักได้แล้ว อย่าลืมไปลองเล่นกันนะ!!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top