Tuesday, 1 July 2025
NewsFeed

อดีตทูตสหรัฐฯ หลุดปาก! อเมริกาโกหกยูเครน รู้ทั้งรู้ไม่มีโอกาสเข้าร่วมนาโต้

วอชิงตัน จงใจโกหกเกี่ยวกับโอกาสของยูเครนในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ทั้งที่รู้ดีว่าอดีตสหภาพโซเวียตแห่งนี้ไม่ใช่ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตามกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้ จากคำพูดของ ไมเคิล แม็คฟอล อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำรัสเซีย

อดีตทูตระดับอาวุโสรายนี้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในเวทีอภิปรายด้านนโยบายสาธารณะ Munk Debates ในโทรอนโต เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

แม็คฟอล จับคู่กับ ราโดสลาฟ ซิคอร์สกี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของโปแลนด์ ถกเถียงกับ สตีเฟน วอล์ท ศาสตราจารย์ด้านกิจการระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และจอห์น เมียร์ไชเมอร์ นักรัฐศาสตร์ ในประเด็นความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันระหว่างรัสเซียกับยูเครน โดย 2 คนหลังอ้างว่าความขัดแย้งสามารถหลีกเลี่ยงได้และมีบ่อเกิดจากความเคลื่อนไหวต่างๆ ของสหรัฐฯ และนาโต้ ส่วน แม็คฟาล และซิคอร์สกี มองว่ามีเพียงรัสเซียและความทะเยอทะยานของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เท่านั้น ที่ควรถูกกล่าวโทษ

วอล์ท ตั้งถามว่าทำไมวอชิงตันถึงได้เดินหน้าผลักดันอย่างไม่ลดละให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ แม้มอสโกแสดงความกังวลด้านความปลอดภัย "ในปี 2021 เราพูดย้ำมาตลอดว่ายูเครนกำลังเข้าร่วมนาโต้" เขากล่าว "เราพูดแบบนั้น อีกครั้งและอีกครั้ง"

‘หริรักษ์’ ไขคำตอบ ทำไมโพล Top News ตีสวน หลังทุกโพลยก ‘ชัชชาติ’ นำโด่งนั่งตำแหน่งผู้ว่าฯ

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีโพลที่มีผลลัพธ์แตกต่างกัน โดยเฉพาะจาก Top News ว่า…

ที่เห็นในภาพเป็นการโพสต์ของ เพจๆ หนึ่งใน face book ที่จงใจทำให้ผู้ที่เห็นเชื่อว่า Top News เป็นสื่อที่ใช้ไม่ได้ เชื่อถือไม่ได้ โดยเอาผลโพลของสำนักต่างๆมาแสดงเทียบกับผลสำรวจของ Top News ทั้งที่รู้ว่ามันเทียบกันไม่ได้เพราะ Top News เขาให้ผู้ชมของเขาโหวตเข้ามา 

ผลที่ออกมาจึงไม่ได้มากจากกลุ่มตัวอย่างที่สุ่มโดยใช้หลักสถิติ เรียกว่า Random Sampling เพื่อให้กลุ่มตัวอย่างเป็นตัวแทนของประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด แต่ของ Top News ไม่ได้เป็นกลุ่มตัวอย่างอะไรใดๆ ทั้งสิ้น เป็นเพียงกลุ่มที่กำลังดูรายการข่าวอยู่เท่านั้น ผลจึงออกมาอย่างนั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

ปธ.ธนาคารกลางยุโรป ฟาด!! คริปโตฯ ไร้ค่า สู้ ‘ยูโรดิจิทัล’ ที่มี ECB หนุนหลังไม่ได้

ประธานธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ฟาดแรง Cryptocurrencies ไร้ราคา ไม่ได้อิงจากสิ่งใดเป็นหลัก และไม่ควรมีสินทรัพย์พื้นฐานที่จะทำหน้าที่เป็นจุดยึดความปลอดภัย พร้อมหนุน CBDC ที่มี ECB หนุนหลังมีความปลอดภัยและมีเสถียรภาพมากกว่า

จากการเปิดเผยของ Cryptoandcoin ระบุถึงถ้อยแถลงของนาง Christine Lagarde ประธานธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB โดยกล่าวว่า ยูโรดิจิทัลมีความสามารถและมีความมั่นคงให้ผู้ค้าปลีก และนักลงทุน อีกทั้งยังมีความปลอดภัย ตลอดจนมูลค่าที่แท้จริงซึ่งได้รับการยอมรับมากกว่าสกุลเงินดิจิทัล โดยขณะนี้ทางสหภาพยุโรปอยู่ในช่วงของกระบวนการพิจารณาความเหมาะสมของค่าธรรมเนียมในสกุลเงินยูโรดิจิทัล (CBDC) เพื่อกำหนดในการใช้ทำธุรกรรมต่อไปในอนาคต

“Cryptocurrencies นั้นไม่ได้อิงจากสิ่งใดเลย และต้องได้รับการควบคุมเพื่อปกป้องบุคคลจากโอกาสในการเก็งกำไรด้วยเงินออมทั้งชีวิต ฉันเป็นห่วงผู้คนที่ไม่เข้าใจอันตรายใดๆ ซึ่งทำให้เกิดความสูญเสียจากความผันผวนที่รุนแรง นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันคิดว่าต้องได้รับการควบคุม และจากการประเมินโดยรวม มันไม่มีคุณค่าและต่ำต้อยมาก มูลค่าที่แท้จริงมันไม่มีราคา ผู้คนที่ชื่นชมต่างมโนมูลค่ามันขึ้นมาเองจากความต้องการในการเก็งกำไร ความเป็นจริงที่ชุมชนคริปโตฯ รับรู้แต่พยายามปฏิเสธและไม่ยอมรับความจริงว่ามันไม่มีสินทรัพย์อ้างอิงที่จะทำหน้าที่เป็นจุดยึดความปลอดภัยได้” Christine Lagarde ประธานสถาบันการเงินกลางของยุโรปกล่าว

ขณะเดียวกัน Lagarde เผยว่า เงินยูโรดิจิทัลสามารถเข้าถึงง่าย ได้รับการยอมรับ และปลอดภัยกว่า โดยเธอยอมรับเพิ่มเติมว่า ไม่ได้ลงทุนใน Cryptocurrencies ใดๆ เลยเนื่องจากเห็นถึงปัจจัยเสี่ยงเชิงลบมากมาย และการใช้ Cryptocurrencies ในเส้นทางการเงินที่ผิดกฎหมาย กลับกันนั้น Euro Digital มีโอกาสในการเข้าถึงการยอมรับ และมีความปลอดภัยมากกว่า

“ในวันที่เราออกอัตราแลกเปลี่ยนดิจิทัลของสถาบันการเงินกลาง เงินยูโรดิจิทัลใดๆ ก็ตามจะได้รับการรับรอง ดังนั้นสถาบันการเงินกลางจะอยู่เบื้องหลัง และฉันเชื่อว่ามันแตกต่างอย่างมากจากปัญหาเหล่านี้โดยสิ้นเชิง”

พิธีเปิดการฝึก CARAT 2022 (Cooperation Afloat Readiness and Training: CARAT) ครั้งที่ 28 

ที่ บริเวณ ท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ หน้ากองบัญชาการกองเรือฟริเกตที่ 2 กองเรือยุทธการ โดยมี พลเรือโท ไพศาล มีศรี รอง ผบ.กร. เป็นประธานฝ่ายไทยร่วมกับ พลเรือโท Karl Thomas ผู้บัญชาการกองเรือที่ ๗ เป็นประธานฝ่าย USN 

สำหรับการฝึก CARAT เป็นการฝึกที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดระหว่างกองทัพเรือสหรัฐฯ กับภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพเรือในภูมิภาคและความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลทั่วภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก กองทัพเรือไทยได้เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกประจำปีดังกล่าวนับตั้งแต่ครั้งแรกในปี 2538, และเริ่มต้นต่อยอดจากการมีส่วนร่วมอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียใต้, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, และแปซิฟิก แต่ละการฝึกประกอบด้วยการประชุมสัมมนาและการฝึกภาคทะเล ซึ่งเป็นการรวบรวมวิวัฒนาการทางทะเลที่ทันสมัย 

โดยมีเนื้อหาที่หลากหลายรูปแบบของขีดความสามารถทางเรือ ตั้งแต่การเก็บกู้วัตถุระเบิด (Explosive Ordnance Disposal; EOD) การฝึกยิงอาวุธด้วยกระสุนจริง การค้นหาและกู้ภัย การตอบสนองการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและภัยพิบัติ ในปีนี้ กองทัพเรือไทยส่งกำลังเข้าร่วมการฝึก ประกอบด้วยเรือใน กฟก.2 ได้แก่ ร.ล.นเรศวร ร.ล.บางปะกง และ ร.ล.กระบุรี อากาศนาวี จากกองการบินทหารเรือ และหน่วยสนับสนุนได้แก่ กองเรือดำน้ำ นักประดาน้ำและถอดทำลาย อมภัณฑ์ ของกรมสรรพวุธทหารเรือ ในส่วนของ ทร.สหรัฐ ประกอบด้วยเรือ USS Jackson อากาศยานปราบเรือดำน้ำ P- 8 (Poseidon) ชุดถอดทำลายอมภัณฑ์ (EODMU 5) และชุดมวลชนสัมพันธ์ (C7F Band)

'วิโรจน์-สก. ก้าวไกล' แท็กทีม 'ชัชชาติ' ลุยสำรวจปัญหาคลองลาดพร้าว

วิโรจน์ ควง ส.ก. ก้าวไกล ลาดพร้าว-จตุจักร เริ่มลุยงานร่วมกับชัชชาติ ผู้ว่า กทม. คนใหม่ทันทีหลังการเลือกตั้ง โดยลงเรือดูปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่รอบคลองลาดพร้าว พร้อมหารือแนวทางแก้ปัญหา พร้อมประสานความร่วมมือเพื่อประโยชน์ของประชาชน

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีตผู้สมัครผู้ว่า กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ประสานงาน ส.ก.  พรรคก้าวไกลทั้ง 14 เขต ร่วมลงพื้นที่หารือปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากรอบคลองลาดพร้าว กับชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่า กทม. พร้อมกับณภัค เพ็งสุข ว่าที่ ส.ก. เขตลาดพร้าว พรรคก้าวไกล และอภิวัฒน์ ด่านศรีชาญชัย ว่าที่ ส.ก. เขตจตุจักร พรรคก้าวไกล ในฐานะ ส.ก. พรรคก้าวไกลในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาคลองลาดพร้าว พร้อมกับว่าที่ส.ก. จากพรรคเพื่อไทยอีกสองเขต

โดยวิโรจน์กับชัชชาติและคณะ ร่วมกันลงเรือสำรวจสภาพพื้นที่ จากจุดวัดลาดพร้าวไปจนถึงประตูระบายน้ำคลองลาดพร้าว ก่อนย้อนกลับไปถึงประตูระบายน้ำคลองบางซื่อ ชุมชนบ้านมั่นคง รวมทั้งจุดกักขยะในคลอง และดูระบบการคัดแยกขยะโดยบริษัทเอกชน โดยมี ส.ก. จากพรรคก้าวไกล ร่วมนำการสำรวจปัญหาพร้อมบรรยายลักษณะปัญหาของพื้นที่

ซึ่งทั้งว่าที่ ส.ก. เขตลาดพร้าว และว่าที่ ส.ก. เขตจตุจักร ของพรรคก้าวไกล ที่ติดตามปัญหาดังกล่าวมาตั้งแต่ก่อนลงสมัครเป็น ส.ก. ระบุว่าปัญหาที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าส่วนหนึ่งมาจากปริมาณขยะที่อยู่ในคลอง ทำให้การระบายน้ำติดขัด ในเบื้องต้นได้หารือกับผู้ว่าฯ แล้ว ว่าสิ่งที่สามารถแก้ไขได้ในเบื้องต้นทันที คือการปรับระดับน้ำในคลอง เช่น การขุดลอกเพื่อให้สามารถรองรับการระบายน้ำได้มากขึ้น และการนำเอาสิ่งกีดขวาง เช่น ประตูระบายน้ำที่ไม่ได้ใช้งานมานานแล้ว ซึ่งเป็นจุดที่มีปริมาณขยะมาสะสม ออกไปให้การระบายน้ำเป็นไปโดยสะดวกขึ้น

ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพร้อมคณะ หารือผู้แทนสหรัฐฯ ร่วมแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา

จากกรณีประเทศไทยได้ถูกลดอันดับการรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์จากทางการสหรัฐฯ ลงเป็นอันดับประเทศที่ต้องจับตามอง (Tier 2 Watch List) เป็นเวลา 2 ปีติดกัน หากไม่ได้รับการแก้ไขก็จะถูกปรับระดับเป็น (Tier 3) โดยอัตโนมัติ


 
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว รัฐบาลจึงได้มีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามฝ่ายคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติกระทรวงแรงงานและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง ทั้งการค้ามนุษย์ การใช้แรงงานเด็กและการบังคับใช้แรงงานข้ามชาติ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจ เช่น การส่งออกสินค้าไทย และยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศต่อสายตานานาประเทศอีกด้วย


 
โดยเมื่อวันที่ 15-18 พ.ค.65 นายเชษฐพันธ์ มากสัมพันธ์ อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กระทรวงการต่างประเทศ ได้นำตัวแทนจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงแรงงาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคม คณะผู้แทนไทย ได้เข้าพบปะหารือในเรื่องการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา


 
การเข้าหารือ ครั้งนี้ มุ้งเน้นไปที่การดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของไทย รวมทั้งแสวงหาความร่วมมือจากทางการสหรัฐ โดย ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตานีละบุตร ผบช.รร.นรต. และพล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.๑ ในฐานะผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้แทน


 
ทั้งนี้ คณะผู้แทนไทย ได้แสดงถึงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของไทย โดยได้สรุปผลงานภาพรวมของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และการช่วยเหลือเหยื่อจากการค้ามนุษย์ รวมทั้งการดำเนินคดีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อให้ สหรัฐเห็นถึงความพยายาม ในการขจัดปัญหา
 
ซึ่งทางการสหรัฐ ได้ให้ความสนใจและซักถามรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการในการดำเนินการช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะการนำเสนอ แนวทางการประสานงานในการช่วยเหลือคนไทยจากประเทศกัมพูชา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมทั้งสถิติการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาค้ามนุษย์ของไทย ที่มีการดำเนินคดีที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด และยังมีจำนวนคดีที่สั่งไม่ฟ้องลดลงอย่างน่าพอใจ เป็นผลมาจากการประสานงานให้พนักงานอัยการ เข้ามาร่วมกับพนักงานสอบสวน ในการตรวจสำนวนคดีก่อนส่งฟ้อง เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ครบถ้วน ทำให้สหรัฐมีความพึงพอใจในด้านการปราบปราม และการดำเนินคดีผู้กระทำผิดค้ามนุษย์เป็นอย่างมาก
 
ขณะเดียวกัน คณะผู้แทนไทย ยังได้เสนอให้มีการพิจารณาสถานการณ์ปัญหาค้ามนุษย์ในอนาคต เป็นการแก้ไขในระดับภูมิภาค เพราะประเทศไทย อยู่ในฐานะของประเทศทางผ่าน ที่ผู้กระทำผิดมักจะใช้ในการลักลอบขนเหยื่อค้ามนุษย์ไปสู่ประเทศที่สาม มิใช่ประเทศต้นทางหรือปลายทางแต่อย่างใด อีกทั้งรัฐบาล ก็มีนโยบายป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ปัญหาการค้ามนุษย์ภายในประเทศมีปริมาณลดลงอย่างมาก
 
ขณะที่ทางการสหรัฐ ได้ให้ข้อแนะนำเพิ่มเติมจากการหารือครั้งนี้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยให้เน้นการเพิ่มเติม การบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และการช่วยเหลือเหยื่อจากการค้ามนุษย์ทั้งระบบ แม้ที่ผ่านมา การดำเนินคดีกับผู้ต้องหาค้ามนุษย์ ทำได้ดีอยู่แล้ว แต่อยากให้เพิ่มเติม ด้านการช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ให้เป็นระบบ และมีความจริงจัง โดยให้ประสานงานกันให้มากยิ่งขึ้น เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ในภาพรวมให้เป็นทีมประเทศไทย เพื่อให้ประเทศไทยสามารถจัดการปัญหาค้ามนุษย์ที่เกิดขึ้นได้ในระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ


 
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า การเดินทางมากรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกาของคณะผู้แทนไทยในครั้งนี้ ได้มีแลกเปลี่ยนข้อมูล ข้อคิดเห็น ประสบการณ์ในการทำงานแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่ผ่านมา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทางการสหรัฐอเมริกา ทำให้ผู้แทนของสหรัฐได้มีความเข้าใจในความมุ่งมั่นในการดำเนินการแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์อย่างจริงจังและต่อเนื่องของไทย รวมทั้งได้เห็นผลงานและความเปลี่ยนแปลงที่หน่วยงานไทย ได้ร่วมกันบูรณาการพัฒนาระบบการทำงาน การประสานช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ และการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาค้ามนุษย์ที่มีพัฒนาการที่ดีจากปีก่อนมาก

ตร.เตือน เข้าถึงบัญชีออนไลน์ผู้อื่นโดยมิชอบ เผยแพร่ข้อมูลเท็จ ทำให้ผู้อื่นเสียหาย เสี่ยงคุก

(23 พ.ค. 65) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่ประชาชนให้ความสนใจ กรณีมีบุคคลได้เข้าถึงบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “Happy Melon Patcharaveerapong “ ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม แล้วทำการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยอ้างว่าตนเองเป็น แตงโม พร้อมโพสต์ข้อความในลักษณะที่เป็นการกล่าวอ้างใส่ความบุคคลอื่น อ้างว่ามีพยานหลักฐานสำคัญ ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความสับสนในวงกว้าง จนเกิดคำถามและข้อสงสัยในสังคมว่า การกระทำในลักษณะดังกล่าวสามารถกระทำได้หรือไม่ และถือเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย หรือไม่นั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนว่าการกระทำของบุคคลดังกล่าว มีประเด็นพิจารณาเป็น 2 กรณี คือ

1. การเข้าถึงบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ผู้อื่น เป็นการเข้าถึงโดยชอบหรือไม่ ถ้าเป็นการเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 

มาตรา 7 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการเข้าไปแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติม ข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม มาตรา 9 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. กรณีเผยแพร่ข้อมูลที่มีลักษณะเป็นการใส่ความผู้อื่นและเผยแพร่ต่อสาธารณะ ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง จะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท
  
3. กรณีเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ในลักษณะที่อาจทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย แต่ไม่ได้เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท จะเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14 วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

4. หากมีการโพสต์หรือเผยแพร่ข้อมูลอื่นอันมีลักษณะเข้าข่ายผิดกฎหมายในฐานความผิดอื่น ก็จะมีความผิดตามฐานความผิดที่ได้กระทำ

สหรัฐฯ เตือนทหารเตรียมพร้อมรับมือสงคราม ชี้ มีความเสี่ยงเผชิญหน้ากับ ‘จีน-รัสเซีย’

สหรัฐเตือนทหารเตรียมพร้อมสงครามระดับโลก รับเผชิญหน้ากับจีน-รัสเซีย

ประธานคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐฯ เตือนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของความขัดแย้งระดับโลก และสงครามสมัยใหม่ที่จะเปลี่ยนไปจากเดิม

Fox News และ Daily Mail รายงานว่าพลเอกมาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐอเมริกา กล่าวกับ นักเรียนนายร้อยที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยทหารบก แห่งสหรัฐอเมริกา (USMA) เวสต์พอยต์ เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีใจความสำคัญให้ทุกคนเตรียมพร้อมกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของสงครามระดับโลก และความขัดแย้งที่เกิดจากมหาอำนาจอย่างจีนและรัสเซียที่กำลังขยายตัว

"ขณะนี้เรากำลังเผชิญหน้ากับ 2 มหาอำนาจของโลก คือ จีนและรัสเซีย ซึ่งแต่ละประเทศมีขีดความสามารถทางทหารที่สำคัญ และทั้งคู่ตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะเปลี่ยนกฎในปัจจุบัน" มิลลีย์กล่าว

'หมอเหรียญทอง' ชี้อย่าเพิ่งมีอคติต่อ 'ชัชชาติ' ลั่น ต้องให้โอกาสทำงาน แม้จะยังไม่ไว้ใจ

วันที่ 24 พฤษภาคม 2565 พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้ออกโพสต์แสดงความคิดเห็นส่วนตัวถึงการชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

อย่าเพิ่งมีอคติ หรือมีมโนภาพจินตนาการไปในทางเลวร้ายว่า ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ และคณะจะมาบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ ถึงแม้เราอาจจะไม่ไว้วางใจหรือมีความรู้สึกหวาดระแวงพวกเขาก็ตาม

เราต้องยอมรับว่าเสียงส่วนใหญ่เลือกเขามา ขณะเดียวกันการที่เขามาจากเสียงส่วนใหญ่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำอะไรได้ตามอำเภอใจ สิ่งที่เขาจะทำยังคงต้องเป็นไปตามครรลองคลองธรรมตามกฎหมาย เพื่อชาติบ้านเมือง

การที่ผู้ว่าฯ กทม.และคณะจะประสบความสำเร็จหรือบริหารราชการเมืองไปได้ด้วยดีนั้น ผู้ว่าฯ กทม และคณะจะต้องคำนึงถึงความมั่นคงของสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้วย หาก ผู้ว่าฯ กทม และคณะ หาได้ใส่ใจ ไม่ใยดียี่หระต่องานรักษาความมั่นคงและความสงบสุขเรียบร้อยของเมือง คือ กทม. แล้ว ผู้ว่าฯ กทม.และคณะก็จะประสบปัญหาร้ายแรงจนไม่อาจดำรงอยู่ได้

‘ชัชชาติ’ ถูกชาวเน็ตแซว ถึงเป็นผู้ว่าฯ ก็ไม่รอด หลังโดนแท็กซี่เท ทั้งที่เข้าไปนั่งในรถแล้ว

เมื่อวานนี้ (23 พ.ค.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Palm Kitthanasarn' ได้โพสต์คลิปพร้อมข้อความระบุว่า "เจอชัชชาติ ผู้ว่า กทม ส่วนผู้ว่าฯ กทม.เจอแท็กซี่ กทม.ไม่รับ แข็งแกร่งแค่ไหนก็แพ้แท็กซี่ส่งรถคับ"

โดยเป็นคลิปที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กำลังขึ้นรถแท็กซี่ แต่หลังจากเปิดประตูรถเข้าไปนั่งด้านหลัง ผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที นายชัชชาติ ก็ต้องลงมาจากรถแท็กซี่คันดังกล่าว ก่อนจะเดินไปหาแท็กซี่คันอื่นแทน ซึ่งคาดว่าแท็กซี่คันดังกล่าวคงจะรีบไปส่งรถ ทำเอาชาวเน็ตแซวว่า ถึงแข็งแกร่งที่สุดในปฐพี แต่ก็ต้องแพ้แท็กซี่กรุงเทพฯ

สำหรับคลิปดังกล่าว กลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียลเพียงชั่วข้ามคืน โดยมีชาวเน็ตแห่เข้าไปคอมเมนต์จำนวนมาก โดยคอมเมนต์บางส่วนออกไปในทางแซวว่า ไม่ใช่แท็กซี่ไม่รับนายชัชชาติ แต่แท็กซี่ไม่สามารถรองรับความแข็งแกร่งได้ บางคนมองว่า ยังไม่เคยเห็นผู้นำคนไหนใช้รถสาธารณะเลย ซึ่งหากไม่ใช้ก็อาจจะไม่รู้ปัญหาที่แท้จริง

บางคนที่เคยประสบปัญหาการถูกแท็กซี่ปฏิเสธ ก็ได้คอมเมนต์ว่า อยากให้กรมการขนส่งทางบก ได้ตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้กับผู้ว่าฯ กทม. และประชาชนทั่วไปที่ใช้บริการแท็กซี่ ถึงสาเหตุที่แท็กซี่ปฏิเสธรับผู้โดยสาร ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง


ที่มา : https://www.facebook.com/palm.kitthanasan/videos/3236639086615792


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top