Saturday, 15 February 2025
News

รู้จัก “พระราชพิธีสมมงคล” ในหลวงรัชกาลที่ 10 เนื่องในโอกาสพระชนมายุ 26,469 วัน เท่ารัชกาลที่ 1

(14 ม.ค. 68) "พระราชพิธีสมมงคล" ถือเป็นอีกหนึ่งพระราชพิธีที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งในปี 2568 นี้ ก็เป็นโอกาสอันเป็นมหามงคลยิ่งของพสกนิกรชาวไทย ที่จะได้ชมพระราชพิธีอันสำคัญที่หาชมได้ยากในรอบ 25 ปี เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี พุทธศักราช 2568 ซึ่งมีขึ้นในวันที่ 14 มกราคม นี้ 

ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ คณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงความเป็นมา และความสำคัญของ "พระราชพิธีสมมงคล" ว่า พระราชพิธีสมมงคล (อ่านว่า - สะมะมงคล) เป็นราชประเพณีที่ถือปฏิบัติสืบกันมาช้านานคําว่า สมมงคลนั้นหมายถึงเสมอกัน ดังนั้นการจัดพระราชพิธีนี้ก็จะมีการจัดขึ้นในวาระต่าง ๆ ที่เวียนมาพร้อมกัน

เฉกเช่นเดียวกับรัชกาลปัจจุบันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเจริญพระชนมวาร 26,469 วัน ในวันอังคารที่ 14 มกราคม 2568 เป็นสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชสมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี

พระราชพิธีสมมงคลนี้พูดกันเป็นภาษาทั่วไป เพื่อความเข้าใจง่าย ก็คือการบําเพ็ญพระราชกุศลหรือการพระราชพิธีในวาระสําคัญที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนม์มายุเสมอด้วย สมเด็จพระบรมราชบูรพการีพระองค์หนึ่งพระองค์ใด เช่นการพระราชพิธีสมมงคล ในวันที่ 14มกราคมนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนม์มายุเสมอด้วยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

ทั้งนี้ ถือเรื่องที่ทํามาช้านานแล้ว ในสมัยพระเจ้าบดินทร์รัชกาลก่อน ๆ ได้เคยปฏิบัติมา รวมถึงชาวบ้านทั่วไปก็ทํามา แต่สําหรับชาวบ้านประชาชนทั่วไป ถ้าไม่มีกําลังหรือลืมไปเสียก็ว่างเว้นไปนาน จนกระทั่งเห็นเป็นของแปลกแล้วในเวลานี้

แต่นับว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง ที่ในพระราชวงศ์ของไทย ยังสามารถรักษาขนบธรรมเนียมเรื่องนี้สืบทอดปฏิบัติกันต่อมาได้ โดยพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์นี้ เป็นราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์ในพระราชวงค์จักรีทรงปฏิบัติสืบต่อกันมาโดยตลอด 

โดยในรัชสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการพระราชพิธีในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วถึง 4 วาระ ซึ่งปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงดําเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของสมเด็จพระบรมชนกนาถ ในการปฏิบัติตามโบราณขัตติยราชประเพณี เพื่อเป็นการแสดงถึงพระราชจริยวัตรและวัฒนธรรมอันดีงามของสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ในการที่ทรงสร้างแบบอย่างความกตัญญูกตเวทิตาแสดงความเคารพรําลึกถึงบรรพชนปู่ย่าตายายที่ประกอบคุณงามความดีไว้แก่บ้านเมือง ให้ราษฎรยึดถือเป็นแบบแผนปฏิบัติสืบไป

ตลอดระยะเวลากว่า 73 ปีที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่สืบสานพระราชปณิธานแห่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถิตสถาพรเป็นพระมิ่งขวัญแก่ปวงชนชาวไทยพระราชทานสันติสุขได้ทรงทํานุบํารุงประเทศและอาณาประชาราษฎร์ดับทุกข์เข็ญน้อยใหญ่นานับการ 

เมื่อพิเคราะห์พระราชกรณียกิจทั้งปวงแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์แล้วนั้นก็จะเห็นได้ว่าไม่ได้แตกต่างกันแต่ประการใด ต่างก็เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรชาวไทย 

เนื่องในวันที่ 14 มกราคม 2568 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมพรรษาเสมอพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชสมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรีจึงเป็นมหามงคลวโรกาสที่พิเศษสุด ที่จะปรากฏเป็นรัชสมัยที่ 2 พระบรมราชจักรีวงศ์ การจัดพระราชพิธีสมงคลในครั้งนี้จึงถือเป็นการสนองพระมหากรุณาธิคุณแห่งสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงคุณอันประเสริฐในฐานะที่ทรงสถาปนาพระบรมราชจักรีวงศ์และกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งดํารงมั่นคงยั่งยืนจวบจนปัจจุบัน

ไบเดนยกหนี้กยศ. 1.5 แสนคน มูลค่ากว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ ยอดรวมผู้กู้ที่ได้รับการยกหนี้พุ่งเกิน 5 ล้านคน

(14 ม.ค. 68) ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ 13 มกราคมว่า คณะบริหารของเขาจะยกหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาของผู้กู้อีกกว่า 150,000 คน โดยมีเป้าหมายหลักไปที่ผู้ที่เข้าเรียนในสถาบันการศึกษาที่มีพฤติกรรมหลอกลวง, ผู้พิการถาวร และพนักงานในภาครัฐ

ไบเดนกล่าวว่า ขณะนี้มีชาวอเมริกันมากกว่า 5 ล้านคนที่ได้รับการยกหนี้จากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาภายใต้การบริหารของเขา

ในแถลงการณ์ของประธานาธิบดีไบเดนระบุว่า ผู้กู้ 150,000 คนที่ได้รับการยกหนี้ในครั้งนี้ประกอบด้วย ผู้กู้เกือบ 85,000 คนที่เข้าเรียนในสถาบันการศึกษาที่ฉ้อโกง, ผู้กู้ 61,000 คนที่มีอาการพิการถาวร และพนักงานบริการสาธารณะอีกกว่า 6,100 คน

กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ ยังได้เผยแพร่แถลงการณ์เพิ่มเติมในวันเดียวกันว่า การยกหนี้ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการยกหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา 28 ครั้ง โดยตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน คณะบริหารของไบเดนได้ประกาศยกหนี้ไปแล้วกว่า 1.836 แสนล้านดอลลาร์ และการยกหนี้ในครั้งนี้มีมูลค่ามากกว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์

ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ รัฐบาลของไบเดนต้องเผชิญกับอุปสรรคทางกฎหมายจากพรรครีพับลิกันและศาลที่คัดค้านแผนการแบ่งเบาภาระหนี้สินของนักเรียน ซึ่งเป็นคำมั่นสัญญาที่ไบเดนให้ไว้ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2563

‘อาจารย์ สจล.’ สะท้อนปัญหาการศึกษาไทยยุคเรียนเอาเกรด หลังพบเด็กส่งผลงานสุดหรู แต่ไม่รู้แม้เรื่องพื้นฐาน – ตอบคำถามไม่ได้

(15 ม.ค. 68) รศ. ธีรวัฒน์ ประกอบผล อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า 
"สัมภาษณ์ TCAS68...น่าห่วงกับการศึกษาไทย"

หลาย ๆ อย่างผมอาจคิดไปเองก็ได้ นักเรียนที่มาสัมภาษณ์ส่วนใหญ่ความรู้ดี และเด็กไทยยุคนี้เกรด 4.00 แยะมาก เด็กส่วนใหญ่คะแนนสูง ๆ ทั้งนั้น แต่ผมก็อยากแนะนำไปถึงเด็ก ๆ และครูแนะแนวในการแนะแนวเด็กนักเรียนครับ

มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งจะมีการรับหลายรูปแบบ แม้ว่า TCAS รอบยื่นผลงาน แต่บางมหาวิทยาลัยอาจมีโครงการย่อยลงไปอีกที่แตกต่างกันไป ซึ่งนักเรียนควรศึกษาเรื่องแบบนี้ด้วย เพื่อเป็นช่องทางของตัวเอง

วันนี้ผมได้สัมภาษณ์ในส่วนของโครงการ "เด็กดีมีที่เรียน" และ "เด็กที่มีความสามารถพิเศษ" เมื่อเราจะยื่นโครงการลักษณะนี้ คำว่าเป็นเด็กดี เราก็ต้องแสดงออกมาว่าเราดีจริง ๆ และดีจนมหาวิทยาลัยอยากจะรับเรา การที่เราไปเป็นอาสาสมัคร หรือช่วยงานเป็นจ๊อบเล็ก ๆ เราก็ต้องดูว่าคู่แข่งของเรานั้นน่าจะมีผลงาน หรือทำดีมากกว่าเราอีกหรือไม่ การนำเสนอผลงานที่เราเป็นจราจรหน้าโรงเรียนนั้นเพียงพอหรือไม่ที่จะแสดงว่าเราเป็นเด็กดี ดังนั้นหลาย ๆ อย่างควรพิจารณา 

การนำผลงานมาใส่ในแฟ้มผลงานก็ควรจะเลือก ให้ความสำคัญในแต่ละงาน เรื่องใดสำคัญมากกว่า มีงานเรื่องเป็นการประกวดภายในโรงเรียน มีบางเรื่องเป็นการแข่งขันนานาชาติ แต่เขามาจัดที่โรงเรียนเราโรงเรียนเดียว แล้วแข่งกับต่างประเทศนั้น ก็ลองคิดดูว่าการแข่งขันแบบนี้น่าจะถือว่าเป็นนานาชาติหรือไม่

เมื่อผมสัมภาษณ์ผมมักจะให้เด็กเขียนและแสดงความรู้ออกมา ว่าเรารู้เรื่องนั้นจริง การนำเสนอของนักเรียนบางคนมักจะเตรียมมาพูดมากกว่าจะให้กรรมการถาม แต่แม้ว่าเรามีผลงานออกมาดีเมื่อกรรมการถามสิ่งที่เกี่ยวข้องกันก็ควรจะตอบได้ เช่น มีผลงานการพัฒนาแอพ พัฒนาโปรแกรม แต่เมื่อกรรมการถามให้ลองเขียนโปรแกรมง่าย ๆ เช่น อัลกอริทึม หรือโปรแกรมคำนวณดัชนีมวลกาย หรือตรวจสอบว่าจำนวนนี้เป็นจำนวนเฉพาะหรือไม่ ก็ควรจะตอบได้ 

นักเรียนบางคนเรียนได้เกรดวิทย์ 4 หมด แต่ถามเรื่องโมเมนตัม เรื่องไฟฟ้ากระแสตรง ไฟฟ้ากระแสสลับพื้น ๆ กลับตอบไม่ได้ แต่กลับบอกสูตรได้ นำสูตรมาแทนค่าได้

ผมมักจะมองใบ ป.พ.1 ของนักเรียน ดูว่าเรียนอะไรกันมาบ้าง น่าเสียดายนักเรียนบางคนบอกว่าเรียนไม่ค่อยตรงกันที่ควรเรียน บางโรงเรียนวิทยาการคำนวณสอนแต่หุ่นยนต์ แต่ก็ต้องดูว่าเด็กทุกคนไม่ได้ชอบหุ่นยนต์ บางคนอยากไปแบบอื่น อยากเขียนโปรแกรมพื้นฐานให้ได้ ก็เขียนไม่ได้เลย เพราะครูสอนแต่หุ่นยนต์นั่นเอง

และเมื่อดูในใบ ป.พ.1 ซึ่งจะติดตัวนักเรียนไป ยังมีการเขียนที่แตกต่างกัน ซึ่งผมไม่รู้ว่าสะกดผิด หรือผมเข้าใจผิดเอง บางโรงเรียนมีสอนวิชาการเขียนโปแกรมไพทอน บางโรงเรียนก็ไพทรอน สะกดไม่เหมือนกัน บางโรงเรียนสอนวิชา STAM บางโรงเรียนสอนวิชาท่อน้ำ 1 ท่อน้ำ 2 ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าผมคิดผิดไปเอง หรือเขียนแบบนี้ถูก แต่ที่แน่ ๆ สิ่งนี้จะติดตัวนักเรียนไปตลอด

ทั้งนี้ทั้งนั้นผมอาจคิดไปเองก็ได้ เด็กส่วนใหญ่ตอบคำถามผมได้ดี แต่ก็มีบางคนที่ตอบไม่ได้อย่างที่ผมกล่าวมา 

แต่ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จของการศึกษาไทยในยุคนี้ละครับ ที่เด็กได้คะแนนเกือบ 4 กันเกือบทั้งหมดเลยครับ น่าชื่นชมจริง ๆ เด็กไทยเกรดสูง ไม่ค่อยมีตกซ้ำชั้น

แม่ค้าย่านตลาดดินแดงยิ้มแก้มปริ หลัง ‘ปฏิทินพีระพันธุ์’ ให้โชคเต็ม ๆ 2 งวดซ้อน

(17 ม.ค. 68) มีรายงานข่าวว่า หลังผลการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 17 มกราคม 2568 พ่อค้าแม่ค้าย่านตลาดดินแดง ถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว กันหลายราย ทั้งนี้ จากการสอบถามถึงที่มาของเลขเด็ด พบว่า เป็นการซื้อเลขตามปฏิทิน ที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ทำแจกช่วงปีใหม่ 2568 ที่ผ่านมา

โดยแม่ค้ารายหนึ่ง บอกด้วยความตื่นเต้นว่า ได้ติดตามเลขที่อยู่ในปฏิทินที่ได้รับแจกมานั้น ผลปรากฏว่า เลขที่ตีออกมานั้นตรงกับรางวัลเลขท้าย 2 ตัวทั้ง 2 งวด โดยงวดวันที่ 2 มกราคม 2568 ออก 51 และ งวด 17 มกราคม 2568 ออก 23

‘ติ๊ก ชิโร่’ บินจากใต้มางาน ศพ ‘น้องจูเนียร์’ เสียชีวิตรายที่ 2 หลังนอนโคม่า 3 เดือน พ่อจี้เจรจาเยียวยา

(20 ม.ค. 68) ‘ติ๊ก ชิโร่’ บินจากใต้มางาน ศพ “น้องจูเนียร์” เหยื่อเมาขับ หลังตายตามพี่สาวเป็นศพที่ 2 ระบุมาไม่ทันรดน้ำศพเพราะเครื่อง ดีเลย์ ชี้ยอดเยียวยาจาก 9 ล้านบาท เป็น 24 ล้านบาท มากเกินไป ยันหากเจรจาในราคาที่พอใจทั้ง 2 ฝ่ายจะขายบ้านบางหลังรถบางคันเยียวยาแน่นอน ขณะที่ พ่อ 2 ศพพี่น้องกังวลโร่พบเพจดังเป็นสื่อกลางช่วย ทั้งกรณีเยียวยาไม่เป็นธรรมรวมถึงพฤติกรรมย้อนแย้ง ขณะที่ตำรวจจ่อเรียกตัวนักร้องดังแจ้งข้อหาเพิ่ม

เมื่อวันที่ 19 ม.ค.68 กรณี นายศิริศักดิ์ หรือมนัสนันท์ นันทเสน หรือ ติ๊ก ชิโร่ ศิลปินนักร้องชื่อดังขับรถตู้ชนรถ จยย. 3 พี่น้อง โดย น.ส.เทียนพร หรือเมจิ ศิวพรพิทักษ์ อายุ 28 ปี เสียชีวิตคาที่ นายจักรภัคร หรือจูเนียร์ ศิวพรพิทักษ์ อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปี 2 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งร่างกระเด็นตกสะพาน อาการสาหัส ส่วนอีกคนที่นั่งไปด้วยปลอดภัย เหตุเกิดถนนสุขาภิบาล 5 ช่วงสะพานข้ามถนนเทพรักษ์ แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 10 ต.ค.67 ขณะที่ตำรวจดำเนินคดีเมาแล้วขับหลังผลเลือดพบปริมาณแอลกอฮอล์เกินกำหนด ขณะที่ศิลปินดังขอเยียวยาชดใช้ความสูญเสียที่เกิดขึ้นตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ล่าสุด นศ.ปี 2 เหยื่อเมาขับ “ติ๊ก ชิโร่” ดับอีกศพ โดยเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 ม.ค. ที่ทำการเพจสายไหมต้องรอด ซอยสายไหม 38 นายจีรวัฒน์ ศิวพรพิทักษ์ อายุ 56 ปี พ่อผู้เสียชีวิต เข้าพบนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ระบุว่า ไม่ได้รับการเยียวยาใดๆจากนายศิริศักดิ์ หรือมนัสนันท์ นันทเสน หรือติ๊ก ชิโร่ คู่กรณี หลังขับรถชนลูกสาวและลูกชายเสียชีวิต

นายจีรวัฒน์ ศิวพรพิทักษ์ อายุ 56 ปี กล่าวว่า ที่ผ่านมาอยู่ระหว่างเจรจาพูดคุยกับติ๊ก ชิโร่ มา แต่ไม่ได้ข้อสรุปและอยากเห็นความจริงใจจากติ๊ก ชิโร่ มากกว่านี้ เห็นว่าที่ผ่านมาส่งแต่ตัวแทนมาพูดคุยและยืนกรานจะต่อสู้คดีชั้นศาล แม้จะรับสารภาพชั้นพนักงานสอบสวนก็ตาม วันนี้สูญเสียลูกไป 2 คน กังวลจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องเงินเยียวยานอกจากค่างานศพแล้วไม่ได้แม้แต่บาทเดียว มีเพียงแต่ออกค่าใช้จ่ายตอนดูแลน้องจูเนียร์ที่ศูนย์ฟื้นฟูขณะที่ยังมีชีวิตประมาณ 82,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายตามจริง หลังออกจากโรงพยาบาลอยู่ศูนย์ฟื้นฟู น้องจูเนียร์มีอาการดีขึ้น แต่เมื่อวานนี้น้องปวดท้องรุนแรงนำตัวส่งโรงพยาบาลภูมิพล และเสียชีวิตช่วง 14.00 น. ก่อนนี้ติ๊ก ชิโร่ ได้ส่งตัวแทนเจรจาเสนอว่า มีที่ดินอยู่ที่ จ.นครราชสีมา ถ้าขายได้จะได้เงิน 4-5 ล้านบาท แล้วจะนำเงินมาให้ สอบถามไปที่น้องสาวติ๊ก ชิโร่ เพื่อจะขอดูที่ดินดังกล่าว แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ

ด้านนายเอกภพกล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อเป็นกังวลเรื่องการเสนอชดใช้ด้วยที่ดินนั้น คุณพ่อไม่ทราบว่าที่ดินมีจริงหรือไม่จะขายได้เท่าใดมีรายละเอียดอย่างไร เรื่องนี้อยากให้พี่ติ๊ก ชิโร่ออกมาพูดคุยด้วยตนเอง ไม่ใช่ส่งตัวแทนมาพูดคุย อย่างน้อยที่สุดการเยียวยาจะเป็นเหตุบรรเทาโทษได้และการพูดคุยซึ่งหน้าจะตกลงได้รู้เรื่องกว่า

พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า ขณะนี้มอบหมายพนักงานสอบสวนขอผลการชันสูตรพลิกศพจากนิติเวชแล้ว จะพูดคุยกับครอบครัวน้องจูเนียร์ว่าประสงค์จะเรียกค่าเสียหายเพิ่มหรือไม่ เพื่อที่จะเรียกทั้งสองฝ่ายมาเจรจากันใหม่ หากเจรจากันไม่ได้จะส่งฟ้องทันที รวมทั้งเตรียมที่จะเพิ่มข้อกล่าวหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายกับติ๊ก ชิโร่ เพื่อส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการต่อไป

ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่ศาลา 8 วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ที่ตั้งศพนายจักรภัทร ศิวพรพิทักษ์ หรือน้องจูเนียร์ อายุ 21 ปี มีญาติพี่น้องและเพื่อนน้องผู้ตายทยอยมาร่วมพิธีรดน้ำศพท่ามกลางความโศกเศร้า มีสื่อมวลชนจำนวนมากปักหลักหน้าศาลา 8 เพื่อเฝ้าดูว่า ติ๊ก ชิโร่ จะมาร่วมงานศพน้องจูเนียร์หรือไม่

นายจีรวัฒน์ ศิวพรพิทักษ์ อายุ 56 ปี พ่อผู้เสียชีวิตกล่าวว่า ช่วงเวลา 11.00 น. วันนี้ส่งไลน์แจ้งไปยังติ๊ก ชิโร่ ให้ทราบว่า น้องจูเนียร์เสียชีวิตแล้ว ติ๊กชิโร่ส่งไลน์กลับมาแสดงความเสียใจกับครอบครัวและแจ้งว่าขณะนี้อยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เตรียมบินกลับมาร่วมงานรดน้ำศพและสวดศพช่วงเย็นวันนี้ ครอบครัวตนไม่ได้คาดหวังว่าจะมาหรือไม่ ถ้าจะมาร่วมงานศพครอบครัวก็ยินดี แต่ถ้าไม่มาก็ไม่เป็นไร ทั้งนี้ เข้าใจได้ว่าอาจจะเดินทางมาไม่ทันก็เป็นได้

พ่อ 2 พี่น้องที่สังเวยชีวิตจากการเมาแล้วขับกล่าวต่อว่า การเจรจาครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นนั้นเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นการเจรจาขณะที่น้องจูเนียร์ยังมีชีวิต ถ้าหากติ๊กยังมีเจตนาที่จะพูดคุยเรื่องการเยียวยาในตอนนี้ที่น้องเสียชีวิตไปแล้ว ครอบครัวยินดี ส่วนเรื่องความจริงใจของติ๊กที่จะช่วยเหลือครอบครัวหรือไม่ เรื่องนี้ตอบแทนติ๊กไม่ได้ สำหรับเรื่องคดีไม่ทราบว่ารายละเอียดสำนวนคดีจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ รวมทั้งจะดำเนินคดีถึงที่สุดหรือไม่ ขอให้ปล่อยไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เนื่องจากหลังจากนี้สำนวนคดีจะเข้าสู่ชั้นอัยการตามขั้นตอน

สำหรับงานสวดพระอภิธรรมศพน้องจูเนียร์ 3 คืน ตั้งแต่วันที่ 19-21 ม.ค.68 เวลา 18.00 น. และฌาปนกิจวันที่ 22 ม.ค. เวลา 14.00 น.

ต่อมาเวลา 18.23 น. หลังพระสวดอภิธรรมเสร็จสิ้น ติ๊ก ชิโร่ พร้อมเพื่อนอีก 2 คน เดินทางมาที่งานศพพร้อมกล่าวแสดงความเสียใจกับพ่อน้องจูเนียร์พร้อมบอกว่ามาช้าเพราะเครื่องดีเลย์ จากนั้นได้เข้าไปกราบศพและกลับมานั่งพูดคุยกับครอบครัวผู้สูญเสีย โดยกล่าวกับสื่อมวลชนว่า ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเรื่องการเยียวยาผู้เสียชีวิต เนื่องจากวันนี้ไม่อยากทำให้บรรยากาศครอบครัวน้องจูเนียร์รู้สึกว่าตนเดินทางมาทำอะไรไม่ดีให้กับครอบครัว ส่วนรายละเอียดทั้งหมดที่สื่อมวลชนอยากรู้จะนัดแถลงข่าวในครั้งต่อไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าจะเดินทางมาที่วัด ติ๊ก ชิโร่ เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า หลังเกิดเหตุช่วยค่าทำศพไปประมาณ 1 แสนบาท กลุ่มเพื่อนๆร่วมใส่ซองอีกกว่า 7 หมื่นบาท ส่วนค่ารักษาน้องจูเนียร์ ได้ออกค่าใช้จ่ายให้ตามจริงและโอนไปอีก 1 แสนบาท หลังจากน้องจูเนียร์ออกจากโรงพยาบาลไปอยู่ที่ศูนย์พักฟื้น ตนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด และยังตกลงกับพ่อน้องจูเนียร์ว่า จะจ่ายให้เดือนละ 5 หมื่นบาททุกเดือน หากเดือนไหนค่าใช้จ่ายแค่ 3 หมื่น ก็เหลืออีก 2 หมื่น เดือนหน้าก็เติมไปอีกแค่ 3 หมื่น หากเดือนไหนเกิน 5 หมื่นจะเพิ่มตามจริง หลังเกิดเหตุยังพาพ่อแม่น้องจูเนียร์ไปที่บ้านตนเพื่อให้สบายใจว่าไม่หนีไปไหน ส่วนที่ตนไม่ได้ไปพบตอนตำรวจเรียกเพราะติดงานร้องเพลงต่างจังหวัด

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (18 ม.ค.) ยังเอากระเช้าไปให้พี่ชายพ่อน้องจูเนียร์ และพูดคุยกันดีๆอยู่ก่อนที่น้องจูเนียร์จะเสีย ลุงน้องจูเนียร์ยังบอกว่าน้องอาการดีขึ้น สุดท้ายมีการเรียกค่าเยียวยาครั้งแรก 9 ล้านบาท แล้วมาเพิ่มเป็น 24 ล้าน นั่นหมายถึงช่วงที่น้องจูเนียร์ยังไม่เสีย มองว่ามากเกินไป หากตกลงได้ที่ 1-2 ล้าน ยังพอหาเงินได้ ตนบอกกับพ่อน้องว่าจะขายที่ดินต่างจังหวัดได้เงินมา 4-5 ล้านบาทจะให้ไปก่อน อีกอย่างช่วงนี้ยังไม่ได้เงินจากการลงทุนร้านอาหารอีก 2 ล้านบาท ถ้าได้เงินก้อนนี้มาจะเยียวยาไปก่อนเช่นกัน หากเจรจากันในราคาที่พอใจด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายได้ จะขายบ้านบางหลังและรถบางคันนำเงินมาเยียวยาผู้เสียหายอย่างแน่นอน

'หมอเจด' เปิด 5 อาหารไม่เค็มแต่อันตราย กินแล้วทำร้ายไตพังเงียบ ๆ โดยไม่รู้ตัว

เมื่อวันที่ (20 ม.ค. 68)  นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ให้ความรู้ด้านสุขภาพ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก "หมอเจด"  โดยระบุถึง ระวัง 5 อาหารไม่เค็ม แต่ทำร้ายไต

โดยหลายคนคิดว่าอาหารที่ทำร้ายไตต้องเป็นของเค็มอย่างปลาเค็มหรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่ความจริงแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่กินกันเป็นประจำ แต่กลับทำให้ไตเสื่อมโดยไม่รู้ตัว วันนี้เรามาดูกันว่า 5 อาหารไม่หวานแต่ทำร้ายไตมีอะไรบ้าง

1.ขนมปัง

ขนมปังของโปรดของหลายคนเลยนะ_เบเกอรี่ ไม่ว่าจะเป็นโดนัท ครัวซองต์ ใครชอบกินต้องระวัง เพราะ ผงฟูที่ใช้ทำขนมปัง มันก็คือเกลือชนิดหนึ่ง

แล้วทำไมขนมปังทำร้ายไต?

• ผงฟูมีโซเดียมแฝง ทำให้ไตต้องขับเกลือออกมากขึ้น
• บางชนิดมี ฟอสฟอรัสสูง ทำให้เกิด หินปูนสะสมในไตและหลอดเลือด
• ถ้าไตเสื่อมแล้ว ขับฟอสฟอรัสออกได้ไม่ดี อาจเกิดไตวายเร็วขึ้นๆ

ซึ่งถ้าอยากลดความเสี่ยง เลือกขนมปังโฮลวีต ขนมปังยีสต์ธรรมชาติ (Sourdough)

2.ชาไข่มุก หรือเครื่องดื่มหวานจัด
ชาไข่มุก กาแฟเย็น หรือชาเขียวปั่น หลายคนกินกันทุกวัน แต่รู้ไหมว่าบางแก้วมีน้ำตาลมากถึง 10-15 ช้อนชา

แล้วน้ำตาลสูงทำร้ายไตยังไง?

• กินหวานมาก ๆ ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูง
• สะสมไปเรื่อย ๆ เสี่ยง เบาหวาน ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของ ไตเสื่อม
• น้ำตาลสูง ทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงไตเสื่อมลง ไตค่อย ๆ พังไปเรื่อย ๆ

ถ้าอยากกิน แนะนำให้เลือก หวานน้อยหรือไม่ใส่น้ำตาลเลย

3.ข้าวขาว ก๋วยเตี๋ยว และอาหารแป้งสูง

ข้าว ก๋วยเตี๋ยว พาสต้า กินกันเป็นเรื่องปกติ แต่รู้ไหมว่า แป้งขัดสีทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้นต้องอธิบายแบบนี้นะว่า

• ข้าวขาว เส้นก๋วยเตี๋ยว ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งเร็ว
• น้ำตาลสูงเรื้อรัง กระตุ้นให้เกิดเบาหวาน และทำให้ไตเสื่อม
• ไตก็ต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อกรองน้ำตาลและของเสียที่เกินในเลือด

แล้วคำถามต่อมาคือเราต้องทำยังไง?

• เปลี่ยนเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่
• ลดแป้งลง ค่อยๆปรับก็ได้ครับ

4. น้ำจิ้ม ซอส

เป็นอีกอันที่คนไม่ค่อยสนใจ ซอสปรุงรส เช่น ซีอิ๊ว น้ำปลา ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ หรือ น้ำจิ้มหมูกระทะ น้ำราดข้าวมันไก่ นี่แหละที่ทำให้ไตพังเงียบ ๆ

แล้วซอสปรุงรสทำร้ายไตยังไง?

• โซเดียมสูงมาก ไตต้องทำงานหนักเพื่อขับเกลือออกจากร่างกาย
• ซอสบางชนิด แฝงน้ำตาลเยอะ เช่น ซอสบาร์บีคิว น้ำจิ้มสุกี้ เทอริยากิ ทำให้เสี่ยง เบาหวานและไตเสื่อม
• มีสารกันเสีย ผงชูรส และฟอสฟอรัสแฝง ซึ่งไตต้องกรองออก

แนะนำว่าเลือกเป็นสูตรโซเดียมต่ำ หรือทำน้ำจิ้มเอง ก็จะช่วยลดความเสี่ยงตรงนี้ได้

5. ผลไม้และน้ำผลไม้

ผลไม้บางชนิด น้ำตาลสูงมากเช่น ทุเรียน ขนุน ลำไย มะม่วงสุก กินเยอะเสี่ยงน้ำตาลพุ่งสูง

น้ำตาลจากผลไม้ทำร้ายไตได้ยังไง?

• น้ำตาลฟรุกโตส ในผลไม้ถูกดูดซึมง่าย ทำให้ ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
• น้ำผลไม้ ไม่มีไฟเบอร์ ทำให้น้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดเร็ว
• คนเป็นไตเสื่อมต้องระวัง โพแทสเซียมในผลไม้ หากขับออกไม่หมด อาจเสี่ยง หัวใจเต้นผิดจังหวะซึ่งผลไม้ที่กินได้ในปริมาณเหมาะสมและ และเลือกกินให้ดีครับ
• ฝรั่ง แอปเปิลเขียว เบอร์รี่ ส้มโอ
• เลือก กินผลไม้สด ดีกว่าปั่นเป็นน้ำ

หมอเจดฝากเป็นข้อคิดทิ้งท้ายด้วยว่า ไตพังไม่ได้เกิดจากของเค็มอย่างเดียว อาหารหวานจัด แป้งขัดสี ผงฟู และซอสต่าง ๆ ก็เป็น ตัวเร่งให้ไตเสื่อมเร็วขึ้น ลดความเสี่ยง ง่าย ๆ คือ ลดอาหารหวานจัด แป้งขัดสี และน้ำจิ้มเค็ม ๆ
เลือกขนมปังโฮลวีต ขนมปังที่ใช้ยีสต์แทนผงฟู

อ่านฉลากอาหาร เลือกผลิตภัณฑ์ที่มี โซเดียมและฟอสฟอรัสต่ำ เริ่มดูแลไตตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่จะต้องฟอกไตไปตลอดชีวิต

'ทนายเดชา' ซัดนัว 'ทนายนิด้า' บอกไม่ต้องเผือกเอาตัวเองให้รอดก่อน

(21 ม.ค.68) ‘ทนายเดชา’ โพสต์ซัดนัว ‘ทนายนิด้า’ บอกไม่ต้องเผือกเอาตัวเองให้รอดก่อน ด้านทนายนิด้าสวนคงไม่ได้หมายถึงตน ทนายที่เอาตัวไม่รอดจะเคยชนะคดีทนายเดชาได้อย่างไร

จากกรณีร้อนอย่าง 'แสตมป์' อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข และสาวคู่กรณี ซึ่งก่อนหน้านี้หนุ่มแสตมป์ออกมาเผยกลางคอนเสิร์ตว่า ถูกบุคคลหนึ่งตามราวีชีวิตไม่เลิก ภรรยาถูกกล่าวหาว่าเป็นบ้า ก่อนจะไปสู่การฟ้องร้องบนชั้นศาล แม้จะชนะคดีแต่อีกฝ่ายไม่ยอมจบ เพราะถูกคุณพ่อนายพลยศพลตรีของอีกฝ่ายขู่จะยัดคดีทางการเมือง ก่อนที่จะมีการโต้กลับจากหลายฝ่าย ทำเอาชาวเน็ตไทยไม่ได้หลับไม่ได้นอนนั้น โดยล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมายอมรับว่าเคยนอกใจภรรยาจริง และขอโทษบุคคลที่เกี่ยวข้องตามที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้นั้น

อย่างไรก็ตามนอกจากมวยคู่หลักแล้ว มวยคู่รอง ศึกระหว่างทนาย อย่าง ทนายนิด้า ศรันยา หวังสุขเจริญ ทนายชื่อดังและทนายความของ แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข และ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของคู่กรณี แสตมป์ อภิวัชร์ ก็ได้มีการปะทะฝีปากกันบนเฟซบุ๊กเช่นกัน

โดย ทนายนิด้า โพสต์ว่า “เกี่ยวข้องแค่หาง แต่อยากตั้งโต๊ะแถลงข่าว เจ้าของคดีเขาทำมาตั้งนาน ไม่เคยให้สัมสักช่องนึง เอ็นดู” ต่อมา นายเดชา ก็ได้โพสต์ข้อความเช่นกัน ระบุว่า “ผมเป็นทนายความของคู่กรณีคดีแสตมป์ ได้รับมอบหมายจากทนายความเจ้าของสำนวน ลูกความ ให้แถลงข่าว ส่วนทนายความฝ่ายตรงข้าม ไม่ต้องเผือกเอาตัวเองให้รอดก่อน“

ก่อนจะเขียนคอมเมนต์ต่อว่า “เป็นทนายความต่างคนต่างทำหน้าที่ ไม่ต้องเผือกไปยุ่งเกี่ยวกับฝ่ายตรงข้ามของตัวเอง ควรมีมารยาทบ้างนะครับ ส่วนตัวผมไม่อยากยุ่งกับใคร ได้รับมอบหมายจากลูกความ ให้ทำอะไรก็ทำแค่นั้นแหละจบ หลังจากนั้นก็ตัวใครตัวมัน ไม่มีหน้าที่ไปรับรองความถูกต้องของใครด้วยครับ”

ต่อมา ทนายนิด้าก็โพสต์อีกครั้งว่า “มีคนส่งมาให้ดู เขาคงเข้าใจว่า ทนายเดอาจจะโพสต์ว่านิด้า แต่นิด้าว่า ทนายเดไม่ได้หมายถึงนิด้าหรอกค่ะ เพราะเขาด่าทนายที่เอาตัวรอดไม่ได้ แต่นิด้าเอาตัวรอดได้ค่ะ ทนายที่เอาตัวไม่รอดจะเคยชนะคดีทนายเดมาได้อย่างไร ถูกมั้ยนะคะ”

นักวิชาการ เทียบปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไทย - เกาหลีใต้ ชี้ ‘ผู้ว่ากรุงโซล’ มีอำนาจสั่งการเด็ดขาด ต่างจาก ‘ผู้ว่า กทม.’

(21 ม.ค.68) - ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ “ผู้ว่ากรุงโซล กับ ผู้ว่ากรุงเทพในวันที่ฝุ่น PM 2.5รุนแรง” มีรายละเอียดดังนี้

1.ประเทศเกาหลีใต้ประสบกับฝุ่น PM 2.5 อย่างรุนแรงในช่วงฤดูหนาวเช่นเดียวกับประเทศไทย โดยรัฐบาลได้ประกาศให้ฝุ่น PM2.5 ที่เกินค่ามาตรฐานจนถึงระดับที่มีผลต่อสุขภาพหรือ "Unhealthy" เป็นภัยพิบัติทางสังคม(Social disaster) ที่ต้องจัดการแก้ไขทันทีโดยกำหนดแผนเร่งด่วนในแก้ไขปัญหาตั้งแต่ปี 2016 จนถึงปี 2022 และยังให้มีการใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน เรียกว่า “Comprehensive Plan on Fine dust Management” โดยกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็น commander สามารถสั่งการลดแหล่งกำเนิดมลพิษในเมืองได้เบ็ดเสร็จและยังสามารถยกเลิกมาตรการดังกล่าวได้เมื่อภัยพิบัติหมดไป

2. ในวันที่คาดว่าคุณภาพอากาศในกรุงโซลมีจะค่าเกินค่ามาตรฐานในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือUnhealthy โดยตามแผนผู้ว่าการกรุงโซลมีอำนาจประกาศให้ประชาชนสามารถใช้ระบบขนส่งมวลได้ฟรี เช่น รถไฟฟ้าใต้ดินและบนดิน รถ ขนส่งสาธารณะ รถไฟ เป็นต้น ในช่วงเวลาเร่งด่วนตั้งแต่ 05.00น-09.00น.และ ช่วงเวลา18.00 -21.00น. และขอความร่วมมือประชาชนไม่ต้องนำรถยนต์ออกมาวิ่งบนถนนในช่วงเวลาดังกล่าว รวมทั้งสั่งลดกำลังการผลิตของโรงงานที่ใช้ฟอสซิลเป็นเชื้อเพลิง, ตั้งเขตห้ามนำรถยนต์ดีเซลเก่าวิ่งเข้าเมืองตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ย.ถึงเดือน ก.พ., ให้เปลี่ยนรถบัสโดยสารในเมืองต้องเป็นรถยนต์ EVทั้งหมด, สั่งห้ามเผาในที่โล่ง เป็นต้น

ทั้งนี้เกาหลีใต้สามารถพยากรณ์คุณภาพอากาศและคาดการณ์ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำอย่างน้อย 5 วันโดยผู้ว่าการกรุงโซลจะประกาศให้ประชาชนทราบและเสนอมาตรการดังกล่าวออกไป

ผู้ว่ากรุงโซลทุกสมัยจะต้องมีนโยบายดังกล่าวอย่างชัดเจน ยึดหลัก "คุณภาพชีวิตของประชาชนยิ่งใหญ่กว่าเงินตราที่เสียไป(The value of human beings is far greater than that of money)" ถึงแม้จะเสียรายได้มหาศาลก็ไม่เป็นไรแต่มูลค่าสุขภาพอนามัยของประชาชนต้องมาก่อน

3.ปี 2022 เกาหลีใต้ได้จัดการแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศให้ลดลงได้อย่างมาก เช่น ใช้รถเครื่องยนต์และน้ำมันEuro6, เริ่มใช้รถยนต์EV, ยกเลิกสถานประกอบการและโรงงานที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง, เพิ่มสวนสาธารณะโดยมีขนาดของพื้นที่สีเขียวเป็นอันดับ 7 ของโลกคิดเป็น 27.8% ของพื้นที่กรุงโซลและมีสวนสาธารณะขนาดต่างๆมากกว่า2200 แห่ง เป็นต้น แต่อย่างไรก็ ตามทุกวันนี้ก็ยังประสบกับฝุ่นละอองที่พัดข้ามแดนจากประเทศจีนในบางช่วงเวลาเท่านั้นแต่ฝุ่น PM 2.5 ในกรุงโซลในปี 2024 ลดลงถึง 75% สภาพอากาศดีเยี่ยมถึงปานกลาง

4.สำหรับประเทศไทยเจ้าภาพจัดการฝุ่นละอองมีหลายหน่วยงานตามแผนปฏิบัติการของชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจเพียงใช้ พ.ร.บ.การสาธารณสุขเรื่องเหตุรำคาญและพ.ร.บ.โยธาและผังเมือง เรื่องการก่อสร้างและปลูกต้นไม้และพ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเท่านั้น ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าภัยจากฝุ่น PM 2.5 ถือเป็นภัยพิบัติหรือไม่ ที่เหลือเป็นอำนาจของหน่วยงานอื่น ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการจัดการฝุ่น PM2.5 ได้เหมือนประเทศเกาหลีใต้

‘สภาพยาบาล’ ชื่นชม!! ‘พยาบาลตำรวจสาว’ใช้ทักษะช่วยชายสูงวัยหมดสติในสถานีรถไฟใต้ดินญี่ปุ่น

(22 ม.ค. 68) สภาการพยาบาล ขอชื่นชมพยาบาลผู้ทำความดี จากกรณีเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 12.00 น. ว่าที่ ร.ต.ท.หญิง สุนารี เขียวสลับ พยาบาล (สบ 1) กลุ่มงานศูนย์ส่งกลับและรถพยาบาลโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดกลุ่มงานพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ ได้ให้การช่วยเหลือผู้สูงอายุเพศชาย หมดสติล้มลงกับพื้น บริเวณสถานีรถไฟใต้ดิน Ginza Line สถานี Asakusa จังหวัด Tokyo ขณะเดินทางท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น โดยใช้ทักษะทางวิชาชีพในการประเมินอาการ ระดับความรู้สึกตัวและสัญญาณชีพ ชายสูงอายุไม่รู้สึกตัว คลำชีพจรไม่ได้ จึงทำการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) และแจ้งขอเครื่อง AED จากเจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟใต้ดิน เมื่อเครื่อง AED มาถึง ได้หยุด CPR และติดแผ่น Paddle AED เตรียมใช้เครื่อง AED ชายสูงอายุได้กลับมามีชีพจร จึงไม่ได้ทำการ shock ไฟฟ้าหัวใจ ต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุ และนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาต่อไป

ในการนี้ สภาการพยาบาลขอแสดงความชื่นชม ว่าที่ ร.ต.ท.หญิง สุนารี เขียวสลับ ในการทำความดีด้วยหัวใจ ช่วยเหลือผู้อื่นโดยทันที ด้วยจิตอาสา ถือเป็นแบบอย่างของการใช้ความรู้ความสามารถในวิชาชีพพยาบาลให้เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ สร้างความสุขให้สังคม

สื่อญี่ปุ่น ตีข่าว ‘ พยาบาลสาวไทย’ ปั๊มหัวใจช่วยชายสูงวัยที่หมดสติ พร้อมขึ้นข้อความ “ขอบคุณ” ความมีน้ำใจของคนไทยตลอดเวลา

(23 ม.ค. 68) เพจ J-Doradic  ได้โพสต์ข้อความว่า ข่าวดังเช้านี้ที่ญี่ปุ่น!! รายการข่าวเช้าดังของญี่ปุ่น ได้ลงเรื่องราวน่าประทับใจของพยาบาลหญิงชาวไทยที่ได้ใช้วิชาชีพของตัวเอง เข้าช่วยเหลือชายสูงอายุชาวญี่ปุ่นที่ล้มลงระหว่างที่ตัวเองเที่ยวอยู่บริเวณรถไฟใต้ดิน ย่านอาซากุซะ 

พยายาลท่านนี้พยายามช่วยด้วยการ CPR (การช่วยคืนชีพ) และมีการขอเครื่อง AED (เครื่องช๊อคปั๊มหัวใจ) เพื่อช่วยคืนชีพให้ชาวญี่ปุ่นที่หมดสติ หลังจากที่เครื่อง AED มา เดชะบุญชายสูงอายุชาวญี่ปุ่นกลับมามีชีพจรอีกครั้ง ประกอบกับ จนท.กู้ชีพญี่ปุ่นถึงที่เกิดเหตุจึงนำส่งโรงพยาบาล

พยาบาลท่านนี้ คือ ว่าที่ ร.ต.ท.หญิง สุนารี เขียวสลับ พยาบาล (สบ 1) กลุ่มงานศูนย์ส่งกลับและรถพยาบาลโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดกลุ่มงานพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ

ขอชื่นชมจริงๆครับ เพราะข่าวนี้ดังไปทั่วญี่ปุ่น และเลย

ที่ชอบคือ สื่อญี่ปุ่นมีลงมุมบนกรอบแดงของทุกรูปน้องพยาบาลและเรื่องราวตอนเสนอข่าวว่า "#感謝" ซึ่งหมายถึง "ขอบคุณ" ตลอด 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top