Tuesday, 25 March 2025
News

‘โหรลักยิ้ม’ อวยยศฉ่ำ ‘พล.ต.ท.เรวัช’ คนนี้ดวงดีไม่ตก หลัง ‘พีระพันธุ์’ ทาบทามช่วยสอบข้อเท็จจริงขนถ่านหิน กฟผ.

(9 ธ.ค. 67) โหรลักยิ้ม อาจารย์ภัทร ได้โพสต์ Tiktok ถึงกรณีที่ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และ อดีตรักษาการผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ได้รับการทาบทามจาก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เป็นประธานสอบสวนเกี่ยวกับการไม่ชอบมาพากลของการ จัดซื้อจัดจ้าง กรณีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะจ้างบริษัทมาขนถ่านหิน เงินงบประมาณ 7,250 ล้าน ว่า ก่อนหน้านี้ ได้เคยดูดวง พล.ต.ท.เรวัช มาแล้ว และได้ทำงานว่าเป็นคนดวงดีไม่มีตก แต่จะมีช่วงที่หยุดชะงักแต่ไม่ใช่ดวงตก แต่เป็นการหยุดเพื่อไปต่อ หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นช่วงเผยศัตรู ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี อีกทั้งดวงของ พล.ต.ท.เรวัช  กำลังขึ้น และจะดีขึ้นเรื่อย ๆ 

“ดวงคุณอาเรวัช ไม่ใช่นักโต้ตอบ แต่เป็นดวงของนักรบ เมื่อเสนาบดีเรียกพบเจ้าพระยา สงครามย่อมเกิดเหมือนเมื่อครั้งสมัยโบราณ ที่เมื่อเกิดศึกสงครามก็มักจะมีการระดมพล หลังจากนี้ก็มาติดตามดูกันว่าจะมีอะไรเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นในดวงเมืองของกรุงรัตนโกสินทร์อีก รวมทั้งมาติดตามดูว่าคุณอาเรวัช จะได้รับตำแหน่งอะไรเพิ่มเติม นอกเหนือจากตำแหน่งที่กำลังจะได้รับการแต่งตั้งให้สอบทุจริตดังกล่าว”

‘พล.ต.ท.ไตรรงค์’ เร่งตรวจสอบแก๊งคอลฯ ตุ๋น ‘ชาล็อต’ 4 ล้าน อ้างเป็นตร.ไซเบอร์หลอกโอนเงิน แต่ตอนนี้ยังติดต่อผู้เสียหายไม่ได้

ตร.ไซเบอร์ เร่งตรวจสอบ ‘ชาล็อต ออสติน’ ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ ตุ๋น 4 ล้าน บังคับวิดีโอคอล 24 ชั่วโมง เผยยังติดต่อเจ้าตัวไม่ได้ รอมาร้องทุกข์ พร้อมแฉใช้รูปแบบเดิม ๆ ในการหลอกลวง

(9 ธ.ค. 67) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. กล่าวถึงกรณีที่เพจ Miss Grand Thailand ต้นสังกัดมิสแกรนด์ ได้แจ้งข่าวว่า นางสาวชาล็อต ออสติน นางงามในสังกัด ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพถูกข่มขู่ว่าเป็นตำรวจไซเบอร์ ทำให้สูญเงิน 4 ล้านบาท และยังถูกควบคุมบังคับให้วิดีโอคอล 24 ชั่วโมงว่า หลังได้ทราบข่าวจากสื่อมวลชนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1. ไปดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามติดต่อกับนางสาวชาล็อต แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้โดยตรง เพราะอาจยังติดภารกิจ

โดยกรณีนี้คนร้ายใช้กลอุบายข่มขู่ให้เหยื่อมีความหวาดกลัวและหลอกให้โอนเงิน ซึ่งรูปแบบการหลอกในครั้งนี้เป็นรูปแบบเดิมที่โทรศัพท์ไปแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ และอ้างว่าเหยื่อถูกนำชื่อไปเปิดบัญชีมีเงินที่เกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายโอนเข้าไปในบัญชีพร้อมกับให้โอนเงินมาให้ตรวจสอบ นางสาวชาล็อตจึงได้โอนเงินไป จำนวน 4 ล้านบาท

แม้จะยังติดต่อนางสาวชาล็อตไม่ได้โดยตรงก็ได้มอบหมายให้พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. รับผิดชอบงานด้านการปราบปรามดำเนินการไปอย่างเต็มที่ในระหว่างที่รอนางสาวชาล็อต มาร้องทุกข์ดำเนินคดีอย่างเป็นทางการ พร้อมกับอยากให้นางสาวชาล็อตส่งข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีและเบอร์โทรศัพท์ของมิจฉาชีพมาให้เจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้เร่งดำเนินการตามกฎหมายที่เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับธนาคารต่อไป

‘โตโน่’ เข้าพิธีประดับเหรียญชัย ชั้นที่ 1 จาก สปป. ลาว ยกย่องคุณความดีช่วยเหลือ รพ.แขวงคำม่วน

(11 ธ.ค. 67) นครพนม-สปป.ลาว โดยประธานประเทศ จัดพิธี ‘ประดับเหรียญชัย ชั้นที่ 1 เหรียญเชิดชูเกียรติสูงสุดของ สปป.ลาว ให้กับ โตโน่ ภาคิน คำวิลัย โดยเป็นเหรียญสำหรับผู้ที่มีผลงานดีเด่นและรวมพลังสติปัญญาระดมเงินทุนช่วยเหลืออุปกรณ์การแพทย์ให้กับ รพ.แขวงคำม่วน จากโครงการ One Man and The Riverหนึ่งคนให้หลายคนว่าย

จากกรณีเมื่อต้นปีที่ผ่านมา นายภาคิน คำวิลัยศักดิ์ (โตโน่) ได้ส่งมอบศูนย์หัวใจและหลอดเลือด พร้อมเครื่องมือแพทย์ให้โรงพยาบาลแขวงคำม่วน สปป.ลาว และโรงพยาบาลนครพนม ในโครงการ One Man and The River หนึ่งคนให้หลายคนว่าย เมื่อเดือนตุลาคม 2 ปีก่อน โดย ‘โตโน่’ ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขง เพื่อระดมทุนหาเงินซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลนครพนม และ โรงพยาบาลแขวงคำม่วน สปป.ลาว

สำหรับโครงการ One Man and The Riverหนึ่งคนให้หลายคนว่าย ปิดโครงการไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ด้วยธารน้ำใจจากทุกคน ได้ส่งมอบศูนย์หัวใจสองฝั่งโขงให้กับโรงพยาบาลนครพนม และยังได้มอบอุปกรณ์รักษาผ่าตัดที่ทันสมัย ให้กับทั้ง 2โรงพยาบาลอย่างครบถ้วน ปีที่ผ่านมาแพทย์และพยาบาล ได้ช่วยชีวิตผู้ป่วยมากมายหลายพันชีวิตให้พ้นจากภาวะวิกฤติ และกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างแข็งแรงและมีความสุขอีกครั้ง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ทาง ที่ สปป.ลาว ได้มีพิธี ‘ประดับเหรียญชัย ชั้นที่ 1 เหรียญเชิดชูเกียรติสูงสุดของ สปป.ลาว โดยประธานประเทศ สปป.ลาว ท่านทองลุน สีสุลิด โดยมีท่านเจ้าแขวงคำม่วนเป็นตัวแทนมอบ เหรียญนี้มอบให้เป็นเกียรติ แด่ โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ สำหรับผู้ที่มีผลงานดีเด่นและร่วมพลังสติปัญญาระดมเงินทุนช่วยเหลืออุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลแขวงคำม่วน เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากโครงการ ‘หนึ่งคนว่ายหลายคนให้’ เพื่อจัดหาเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาลสองฝั่งโขง

ซึ่งโครงการดังกล่าวช่วยให้โรงพยาบาลแขวงคำม่วนได้รับมอบเครื่องมือแพทย์ไปกว่า 19 รายการ มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท และการมอบเหรียญเชิดชูเกียรติประดับชัยชั้นหนึ่งในครั้งนี้ เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูผู้ทำคุณประโยชน์สูงสุด และเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคม

พร้อมกันนี้ โตโน่ และทีมงาน ยังได้เดินทางไปเยี่ยม ผู้สูงอายุ ที่ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดนครพนม พร้อมทั้งมอบของขวัญที่จะช่วยในเรื่องการดูแลสุขภาพให้กับทุกคน เป็นการส่งท้ายปลายปี 2567 ที่อิ่มใจทั้งผู้ให้และสุขใจทั้งผู้รับ ก่อนที่ โตโน่ จะกลับมาลุยโปรเจคดี ๆ ในปี 2568 ต่อไป

‘หมอยง’ เผยโนโรไวรัส ระบาดทุกปีในฤดูหนาว ชี้! ข่าวระบาดใหญ่เป็นเรื่องเก่าไม่ควรตื่นตระหนก

(19 ธ.ค. 67) ศ.นพ.ยง เผยผลศึกษาระบาดวิทยา โนโรไวรัส 10 ปี พบมากปี 2017 ระบาดพร้อม ไวรัสโรต้า ย้ำ! ไม่ใช่โรคใหม่ เผยปมข่าวระบาดใหญ่เรื่องเก่า ไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป

วันที่ 19 ธ.ค. 2567 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กถึง โนโรไวรัส ระบาดวิทยาในประเทศไทย ว่า ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการศึกษาระบาดวิทยา ของโนโรไวรัสมาเป็นเวลายาวนานกว่า 10 ปี โดยมีการจำแนกสายพันธุ์อย่างละเอียด พบว่าสายพันธุ์ที่ระบาดมีความหลากหลายมาก

โรคนี้จะพบมากในฤดูหนาว จะเห็นว่าในช่วงโควิด 19  ที่มีการล็อกดาวน์ มีการปิดโรงเรียน เป็นช่วงที่ไม่พบการระบาดของโนโรไวรัส เรามีการเข้มงวดในการ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ เรามีการสอนการล้างมือ 5 ขั้นตอน แต่เมื่อหลังโควิด 19  จะเห็นได้ชัดว่ามีการระบาดของโนโรไวรัสเกิดขึ้น เหมือนก่อนยุคของโควิด 19 ระบาด ดังแสดงในรูปแสดงให้เห็นการศึกษาระยะยาวกว่า 10 ปี ดังแสดงในรูป

การระบาดใหญ่ของโนโรไวรัสในเด็กนักเรียน และผู้ใหญ่พบมากในปี 2017 ในปีนั้นมีการระบาดพร้อมกับไวรัสโรต้า แต่การระบาดในปีนี้พบโรตาไวรัสน้อยมาก เพราะเรามีวัคซีนให้กับเด็กเล็ก จึงทำให้พบโรคลดน้อยลงอย่างมาก แต่โนโรไวรัสไม่ได้ลดลง

สิ่งสำคัญขณะนี้ จะอยู่ที่เด็กหรือบุคคลที่อยู่รวมกันหมู่มาก เช่น ในโรงเรียน โรงงาน จะต้องมีมาตรการในการควบคุมป้องกันไม่ให้เกิดการระบาด เพราะจะทำให้เด็กเสียเวลาเรียน และโรงงานก็จะเสียผลผลิตได้

มีการเผยแพร่ในออนไลน์ ในสื่อสังคมกันมาก ว่ามีการระบาดหนักในโรงเรียน น่าจะเป็นข่าวเก่า ที่มีการระบาดเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน การให้ข้อมูลทางสื่อออนไลน์ น่าจะมีการลงวันที่ ถ้าไม่เช่นนั้นก็จะมีการ วนมาส่งใหม่ทำให้เข้าใจผิด คิดว่ากำลังระบาด โดยเฉพาะเอามาผสมกับการระบาดที่ประเทศจีน แต่อย่างไรก็ตาม ในทุกฤดูหนาว โรคนี้จะพบได้เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับโรต้าไวรัส เป็นการพบเพิ่มขึ้นในทุกปี ไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป

‘พีระพันธุ์’ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมวันเดียว 9 จุด สั่งเร่งฟื้นฟูความเป็นอยู่ประชาชนให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

เมื่อวันที่ (18 ธ.ค. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดทางภาคใต้ซึ่งส่งผลให้ประชาชนในหลายพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน  ตนในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้รับผิดชอบดูแลเขตตรวจราชการที่ 5 ซึ่งประกอบด้วย จ.ชุมพร  จ.สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง และ จ. สงขลา จึงลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและรับฟังปัญหาจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.ชุมพร  จ.สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ในเขตตรวจราชการที่ได้รับมอบหมาย

ทั้งนี้  นายพีระพันธุ์ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ของทั้ง 3 จังหวัด รวม 9 แห่ง ได้แก่  1.โรงเรียนวัดปากด่าน ต. สะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร 2.โรงเรียนครนพิทยาคม ต.ครน อ.สวี จ.ชุมพร 3. เทศบาลบ้านนาโพธิ์ ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร  4.โรงเรียนทุ่งตะโก ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร 5.ศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยชั่วคราว บ้านบ่อน้ำร้อน ม.5 ต.กรูด อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี 6.วัดปากคู ต.ช้างซ้าย จ.สุราษฎร์ธานี 7.โรงครัวชั่วคราว สี่แยกกาญจนดิษฐ์ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี 8.โรงเรียนบ้านเผียน ต.เทพราช อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช 9.วัดคงคาเลียบ ต.ฉลอง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช  โดยได้สั่งการให้หน่วยงานราชการต่าง ๆ รวมทั้งหน่วยงานในกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน เร่งประสานงานให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

นายพีระพันธุ์กล่าวว่า  นอกจากการทำหน้าที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแล้ว  ตนยังได้รับมอบหมายให้ดูแลเขตตรวจราชการที่ 5 ซึ่งประกอบด้วย 5 จังหวัด และขณะนี้ทุกจังหวัดกําลังประสบเหตุน้ำท่วมใหญ่จากฝนที่ตกกระหน่ำอย่างหนัก โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ตนก็ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัด พัทลุง และสงขลา และได้พบปะเยี่ยมเยียนประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน

“มาลงพื้นที่ครั้งนี้ ผมก็ได้เห็นสถานการณ์อย่างที่ได้รับรายงานมา  น้ำท่วมคราวนี้หนักมากนะครับ แม้จะเป็นลักษณะมาเร็วไปเร็ว แต่ก็มาหนัก มาแรง มาเยอะ  และมีปริมาณน้ำมากกว่าทุก ๆ ปี  ไล่ตั้งแต่ชุมพรลงไป  พื้นที่บางแห่งแม้วันนี้จะไม่มีน้ำท่วมแล้ว แต่ก็ทิ้งความเสียหายไว้มาก ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง บ้านเรือนที่อยู่อาศัย  รวมทั้งโรงเรียนของเด็กๆ  ที่ไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ และที่สำคัญคือมีผู้เสียชีวิต ซึ่งต้องขอแสดงความเสียใจกับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบและสูญเสียในครั้งนี้ด้วย” นายพีระพันธุ์กล่าว

นายพีระพันธุ์กล่าวอีกว่า สิ่งที่เราต้องช่วยกันวันนี้ก็คือ การฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน  และขอขอบคุณทุก ๆ ฝ่ายที่ให้ความช่วยเหลือ ทั้งทางด้านกองทัพที่ส่งทหารมาช่วยฟื้นฟู และ ทาง อบต. ที่พยายามจัดงบประมาณเร่งด่วนมาทําความสะอาดโรงเรียน ตลอดจน สส.ในพื้นที่และผู้ประกอบการหลายรายที่ได้จัดหาเครื่องอุปโภคบริโภค รวมไปถึงวัตถุดิบในการทําอาหารมาดูแลประชาชน

“ ในส่วนของกระทรวงพลังงานที่ผมรับผิดชอบอยู่ ก็ต้องขอบคุณทาง ปตท. และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่ได้กรุณาจัดถุงยังชีพไปช่วยพี่น้องประชาชน น้ำท่วมครั้งนี้ก็ต้องยอมรับว่าหนักมาก ในหลายพื้นที่ก็เคยรุนแรง แต่ก็ไม่รุนแรงเท่านี้ ถึงแม้จะไปเร็ว แต่สร้างความเสียหายทิ้งไว้เยอะ เหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องช่วยกันคนละไม้ละมือ และขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่บริจาคสิ่งของมา  รวมทั้งหน่วยราชการทุกภาคส่วนที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือ อย่างน้อยก็ทำให้พี่น้องชาวภาคใต้ก็รู้สึกมีขวัญกําลังใจ  ซึ่งก็ต้องช่วยดูแลกันต่อไปครับ” นายพีระพันธุ์กล่าว

'หมอเดชา ศิริภัทร' ทวงสัญญา 'แอ๊ด คาราบาว' ซัด! อย่าทำไม่แยแสงานที่คุยกันไว้ โทรไปไม่รับให้โทรกลับก็เฉย

(19 ธ.ค. 67) นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘Deycha Siripatra’ ว่า ช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ มีข่าว(ฉาว)เกี่ยวกับ คุณแอ๊ด คาราบาว (ภาพบน) ซึ่งยังไม่ตัดสินว่าร้านถูกดีฯ (โชห่วย) ที่คุณแอ๊ดฯ เป็นพรีเซนเตอร์ นั้น กดขี่คู่ค้าด้วยสัญญาทาส หรือไม่

เช่นเดียวกับที่ มีผู้มาแจ้งข่าวให้ผมทราบ (เป็นนัยๆ) ว่า คุณแอ๊ดฯ ไม่สนับสนุนกัญชาแล้วด้วยเหตุนี้ จึงไม่สนับสนุนการสร้างโรงพยาบาลทางเลือก ที่ร่วมทำกับผม มาตั้งแต่ปี 2562

เมื่อได้ฟังข้อมูลนี้ครั้งแรกๆ ผมก็ไม่สนใจ แต่ยิ่งนานวัน ข้อมูลคล้ายๆกัน ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ผมจึงพยายามติดต่อสอบถาม จากคุณแอ๊ดฯโดยตรง ปรากฏว่าคุณแอ๊ดฯไม่รับการติดต่อ เช่น โทรศัพท์ไปหาหลายครั้ง ก็ไม่รับสาย ขอให้โทรฯกลับเมื่อสะดวก ก็ไม่เคยโทรฯกลับ จนถึงการเขียนจดหมาย ให้คนใกล้ชิดของคุณแอ๊ดฯ นำไปส่งให้โดยตรง ก็ยังเงียบเฉย

ครั้งนี้ ผมจึงแจ้งไปในจดหมายฉบับล่าสุดว่า ขอให้มาร่วมทอดผ้าป่า ในวันที่ 19 ธ.ค. 67 นี้ ถ้าคุณแอ๊ดฯไม่มาร่วม หรือไม่ส่งตัวแทนมาร่วม โดยไม่ชี้แจงเหตุผล ผมจะถือเป็นคำตอบว่า คุณแอ๊ดฯไม่ยินดีร่วมสร้างโรงพยาบาลทางเลือกกับผมอีกแล้ว และจะไม่ร่วมงานกันอีก

ถ้าหาคนมาร่วมงานไม่ได้จริงๆ ก็ขอให้ติดต่อส่งข้อมูลเหตุผลมาบ้าง อย่าทำแบบไม่แยแส เพราะคุณแอ๊ดฯยังมีเรื่อง ที่ยังไม่ได้จัดการให้เรียบร้อยและโปร่งใส อยู่อีกหลายเรื่อง เช่น เรื่องบัญชีธนาคารที่เปิดร่วมกันกับผม เพื่อรับเงินบริจาคมาสร้างโรงพยาบาลทางเลือก เงินยังอยู่ในบัญชีนั้น คุณแอ๊ดฯต้องปิดบัญชีฯและนำเงินทั้งหมด มอบให้คณะกรรมการฯ

ผมจะให้โอกาสคุณแอ๊ดฯครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปผมจะมอบหน้าที่ให้คณะกรรมการฯ ซึ่งมีทั้งนักบัญชีมืออาชีพ และทนายความเป็นกรรมการอยู่ด้วย คงเป็นเรื่องที่จะไม่จบง่ายๆ

ผมจะมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังต่อ หลังจากงานทอดผ้าป่าเสร็จสิ้นลงแล้ว ว่าจะทำอะไรต่อไป คงสนุกแน่... หากคุณแอ๊ดฯ "ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไป กลายเป็นบ้องกัญชา"

‘อ.ต่อตระกูล’ ประกาศเลิกดูรายการ ‘เจาะลึกทั่วไทย’ หลัง ‘หมาแก่’ บอกเสียดาย ‘กิตติรัตน์’ ไม่ได้เป็น ปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ

(25 ธ.ค. 67) รองศาสตราจารย์ ต่อตระกูล ยมนาค นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า... “หมาแก่” ช่อง อสมท. ( MCOT 30 ) ออกมาประกาศ ช่วยสนับสนุน กิตติรัตน์ เป็นประธานแบงก์ชาติ โดยเอ่ยคำว่า “เสียดาย กิตติรัตน์” (ถ้าไม่ได้เป็น ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ )

และก็ได้เผยแพร่ เอกสารสำคัญ เป็นคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ แต่งตั้ง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้เป็น ประธานที่ปรึกษา ของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ลงวันที่ 14 กันยายน 2567

และรายชื่อ 830 บุคคลที่เป็นที่เชื่อถือในวงการวิชาการ ซึ่งรวมทั้งอดีตผู้ว่าฯธนาคารแห่งประเทศไทย อีกถึง 4 คนด้วย

ถึงผมจะไม่ได้ ไปลงชื่อใน 830 รายชื่อนั้นด้วย แต่ก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง ในเหตุผลต่างๆที่เหล่าผู้ทรงคุณวุฒิ และวิชาการสายเศรษฐศาสตร์ ได้อธิบายถึงเหตุผลต่างๆ อื่นๆอีกหลายประการ ในการคัดค้าน นอกเหนือจากการที่นายกิตติรัตน์ มีตำแหน่งทางการเมือง

ผมขอแสดงตน ว่าร่วมการสนับสนุน การคัดค้านมิให้ผู้ที่ฝักใฝ่ในการเมืองใดๆ เข้ามารับตำแหน่งสำคัญของประเทศใน ธนาคารชาติ 

โดย หากมีการชุมนุมคัดค้านอีกเมื่อใด ผมจะขอเดินออกจากบ้านไปแสดงตนร่วมคัดค้านต่อไปจนถึงที่สุด

สำหรับวันนี้ 25 ธค 2567 จะเป็นวันสุดท้ายที่ผมขอประกาศเลิกดูรายการ “เจาะลึกทั่วไทย” ยุค ทักษิณ เริงอำนาจ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

เปิดวิธีสมัคร ‘โครงการฝากบ้านกับตำรวจ’ ช่วยเพิ่มความปลอดภัย - เที่ยวสุขใจ เทศกาลปีใหม่ 68

เมื่อวันที่ (25 ธ.ค. 67) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์  รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 68 รัฐบาลห่วงใยประชาชน พร้อมดูแลความปลอดภัย และทรัพย์สินในช่วงเทศกาล โดยขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาตรการเข้มป้องกัน ปราบปรามอาชญากรรม ดูแลชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนช่วงเทศกาลคริสต์มาส – ปีใหม่ 68 และดำเนินโครงการ “ฝากบ้านกับตำรวจ “ยุคใหม่ใส่ใจดูแล ซึ่งเป็นโครงการร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ”  ทั้งนี้ ประชาชนสามารถฝากบ้านได้ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 2 ม.ค.68 ผ่าน 2 ช่องทาง  ดังนี้

1.แจ้งผ่านออนไลน์ แอปพลิเคชัน ฝากบ้าน 4.0 (OBS) โหลดผ่าน App Store หรือ Googlr play Store เท่านั้น โดยลงทะเบียน ข้อมูลผู้เข้าร่วมโครงการ ใส่รายละเอียด ภาพถ่าย และโลเคชัน พร้อมกับแจ้งสถานีตำรวจใกล้บ้าน แสดงบัตรประชาชนผู้แจ้ง และแนบภาพถ่ายบ้านและโลเคชัน

นายอนุกูล กล่าวด้วยว่า ขอแนะนำ 10 สิ่งต้องทำเมื่อฝากบ้านกับตำรวจ ดังนี้ 1.เตรียมบัตรประชาชน ประสาน สน. / สภ.ผ่านช่องทาง ฝากบ้านกับตำรวจ 2.กรอกแบบฟอร์มยืนยัน แนบภาพถ่ายบ้าน 3.ก่อนออกเดินทางสำรวจทรัพย์สินมีค่า จัดเก็บในที่ปลอดภัย 4.ก่อนออกเดินทางสำรวจไฟฟ้า ธูป เทียน แก๊ส 5.สำรวจความเรียบร้อยของประตู – หน้าต่าง 6. หากติดตั้งกล้องวงจรปิด  ตรวจสอบให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน 7.ฝากบ้านข้างเคียงช่วยดูแลเป็นหู เป็นตา 8.ติดตามการอัปเดตข้อมูลรายงาน “ฝากบ้าน” จากตำรวจเสมอ 9. กรณีกลับบ้านล่าช้าเกินเวลาที่ฝากบ้าน แจ้งให้ตำรวจรับทราบ และ 10.เมื่อเดินทางกลับมาแล้วให้รีบแจ้งตำรวจไปพบเพื่อตรวจสอบทรัพย์สิน

“ก่อนออกเดินทางแนะประชาชนสำรวจทรัพย์สินมีค่า จัดเก็บในที่ปลอดภัย สำรวจไฟฟ้า ธูป เทียน แก๊ส และความเรียบร้อยของประตู – หน้าต่าง หากติดกล่องวงจรปิดไว้ ตรวจสอบให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ติดตามการอัปเดตข้อมูลรายงาน “ฝากบ้าน” จากตำรวจเสมอ กรณีกลับบ้านล่าช้าเกินเวลาที่ฝากบ้าน แจ้งให้ตำรวจทราบ เมื่อเดินทางกลับมาแล้วให้รีบแจ้งตำรวจเพื่อตรวจสอบทรัพย์สิน คริสต์มาส – ปีใหม่ 68 นี้ ขอให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวปลอดภัย หากเกิดเหตุด่วนขอความช่วยเหลือโทร 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชม.” นายอนุกูล ระบุ

กทม.ประกาศ 'ห้ามจุดพลุ' ฉลองปีใหม่ เว้นขออนุญาต ฝ่าฝืนโทษหนักทั้งจำคุก-ปรับ

ผู้ว่าฯกทม.ประกาศ ‘ห้ามจุดพลุ’ ฉลองปีใหม่ ยกเว้นได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนเจอโทษหนักจำคุกไม่เกินสามปี-ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท

เมื่อวันที่ (25 ธ.ค. 67) ที่ศาลาว่าการ กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.ได้ลงนามประกาศมาตรการป้องกันอันตรายในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 เนื่องด้วยในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปีเป็นช่วงที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางกลับภูมิลำเนาต่างจังหวัด เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

รวมทั้งประชาชนบางส่วนนิยมที่จะออกเดินทางไปท่องเที่ยวตามงานเทศกาล สถานบันเทิงและสถานบริการต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร บ้านเรือนที่อยู่อาศัยจึงถูกทิ้งไว้ไม่มีผู้ดูแล ทำให้มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดเหตุสาธารณภัย หรืออุบัติภัยเพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงปกติ อาทิ ภัยจากการคมนาคม อาชญากรรม เหตุการณ์ความไม่สงบ การแพร่ระบาดของโรคติดต่อ เนื่องจากมีประชาชนมาร่วมงานจำนวนมากทำให้สถานที่จัดงานมีความแออัด

อีกทั้งงานเทศกาลและสถานบันเทิงบางแห่งมีการจัดงานเฉลิมฉลอง จุดพลุ หรือดอกไม้เพลิง ประกอบกับเป็นช่วงฤดูหนาว สภาพอากาศแห้งและแล้ง จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยได้ง่าย ซึ่งอาจทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ

ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและลดความเสี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น จึงอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 มาตรา 32 และมาตรา 23 วรรคสอง (1) ขอความร่วมมือจากผู้จัดงานเทศกาลปีใหม่ สถานประกอบการสถานบันเทิง ประชาชน รวมถึงผู้ผลิต สะสม จำหน่ายผู้เล่นดอกไม้เพลิงและโคมลอยในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ ดังนี้

1.กรุงเทพมหานคร เตรียมความพร้อมและกำหนดแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ของกรุงเทพมหานคร ประจำปี พ.ศ.2568 และจัดตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์กรุงเทพมหานคร (ศตส.กทม.) ในช่วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ ประจำปี 2568 จากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัยให้กับชุมชนที่มีความเสี่ยงหรือพื้นที่ล่อแหลมสูง

โดยเฉพาะจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ จุดเสี่ยงอาชญากรรม ตรวจสอบตรวจตราสถานประกอบการ สถานบันเทิงที่มีการจัดงานหรือกิจกรรม เพื่อวางแผนออกแบบมาตรการจัดกิจกรรมอย่างปลอดภัย กำหนดรูปแบบและลักษณะการใช้ประโยชน์พื้นที่เส้นทางหรือจุดเข้าออกพื้นที่จัดงานอย่างเข้มงวด และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรตามสถานที่ต่างๆ ตลอดระยะเวลาจัดงาน โดยประสานงานกับหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน พร้อมเฝ้าระวังดูแลในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่นโดยใช้กล้อง CCTV

รวมถึงการตรวจตราสถานประกอบการที่ผลิต สะสม และจำหน่ายดอกไม้เพลิง สำหรับสถานที่ซึ่งได้รับอนุญาตให้จำหน่ายดอกไม้เพลิงต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การควบคุมและกำกับดูแลการค้าดอกไม้เพลิงตามประกาศกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม

เรื่องหลักเกณฑ์การควบคุมและการกำกับดูแลการผลิต การค้าการครอบครอง การขนส่งดอกไม้เพลิงและวัตฤที่ใช้ในการผลิตดอกไม้เพลิง อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย และความปลอดภัยสูงสุดแก่ประชาชน

2.ขอความร่วมมือสถานประกอบการ สถานบันเทิง ผู้จัดงานและเจ้าของพื้นที่จัดงาน วางแผนการบริหารจัดการพื้นที่ และแผนงานรองรับความปลอดภัย พร้อมตรวจสอบความปลอดภัยทางกายภาพ หากพบจุดเสี่ยงอันตรายหรืออุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหายให้ดำเนินการแก้ไขให้มีความปลอดภัยหรือประสานผู้รับผิดชอบดำเนินการทันที อาทิ ระบบป้องกันอัคคีภัยให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ประตูทางเข้า-ออก ถังดับเพลิง ระบบสัญญาณเตือนภัย ระบบไฟฟ้าสำรอง ป้ายบอกเส้นทางหนีไฟต้องติดตั้งอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจนไม่มีสิ่งกีดขวางตลอดเส้นทาง และสามารถเปิดออกสู่ภายนอกได้อย่างทันที ตลอดจนกำหนดเส้นทางเข้า-ออกที่ชัดเจน จำกัดจำนวนคนภายในงานให้สอดคล้องกับขนาดและสภาพพื้นที่จัดงาน

เพื่อป้องกันความหนาแน่นแออัด และสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการทราบขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อต้องอพยพผู้ใช้บริการกรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน กรณีเหตุเพลิงไหม้หรือเหตุสาธารณภัยอื่นๆ ให้แจ้งสายด่วน โทร. 199 ได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง และให้ประสานงานกับสำนักงานเขตอย่างใกล้ชิด

3.แจ้งเตือนประชาชน กรณีวางแผนเดินทางออกต่างจังหวัดขอให้ตรวจสอบสายไฟ ปลั๊กไฟและอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ หากพบความชำรุดให้แก้ไขทันที ปิดสวิตซ์ ดึงปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งานหรือก่อนออกจากเคหสถาน

รวมถึงกำชับบุตรหลานไม่ให้เล่นไม้ขีดไฟหรือไฟแช็ก และควรเก็บวัสดุที่ติดไฟได้ง่ายให้อยู่ในที่ปลอดภัย พร้อมจัดหาอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัย ศึกษาวิธีการใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวเมื่อเกิดอัคคีภัย ตลอดจนดูแลบำรุงรักษาให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอเพื่อความปลอดภัยและรณรงค์ให้ประชาชน ลด เลิกการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภายใต้แนวคิด “ ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ กลับบ้านปลอดภัย” เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทั้งผู้ขับขี่และผู้สัญจรร่วมทาง หากพบผู้บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน แจ้งศูนย์เอราวัณ 1669 

4.ห้ามมิให้ผู้ใดจุดและปล่อย หรือกระทำการอย่างใด เพื่อให้บั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันขึ้นไปสู่อากาศ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการเขตพื้นที่นั้น หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเป็นความผิดตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ ผู้ประสงค์จะขอจุดและปล่อยหรือกระทำการอย่างใด เพื่อให้บั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันขึ้นไปสู่อากาศ ให้ยื่นแบบคำขอรับใบอนุญาตพร้อมแผนการป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องต่อผู้อำนวยการเขตพื้นที่ และห้ามมิให้ผู้ใดทำ สั่ง นำเข้า หรือค้าซึ่งดอกไม้เพลิง รวมถึง พลุ ประทัดไฟ ประทัดลม และวัตถุอื่นใด อันมีสภาพคล้ายคลึงกัน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่

สำหรับผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รพ.เมตตาฯ แนะฉลองปีใหม่ ไม่กินของแปลก เลี่ยงอาหารปรุง สุกๆ ดิบๆ ป้องกันพยาธิขึ้นตา

(26 ธ.ค. 67) กรมการแพทย์ โดยรพ.เมตตาฯ ขอร่วมส่งความสุขต้อนรับเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ด้วยการมอบสุขภาพดวงตาที่ดีให้คงอยู่คู่กับสุขภาพทางกายโดยเตือน ระวัง! ไม่รับประทานอาหารปรุง สุกๆ ดิบๆ พยาธิอาจจะเข้าสู่ระบบประสาท เช่น สมอง ไขสันหลัง หรือดวงตา อาการเจ็บป่วยจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของอวัยวะที่พยาธิอยู่ เช่น พยาธิขึ้นตา ทำให้เกิดอาการ  ตามัวลงแบบเฉียบพลัน รักษาโดยการผ่าตัดนำพยาธิออก อาจสูญเสียการมองเห็นจนถึงตาบอดได้

นายแพทย์ไพโรจน์  สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผย โรคที่เกิดเนื่องจากพยาธิต่างๆ ในคนไทยเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในไทย อาการ เช่น เปลือกตาบวม กระจกตาบวม ความดันตาสูง ปวดตา ตามัว จนถึงตาบอด ขึ้นอยู่กับพยาธิอยู่ส่วนใดของตา จึงขอเตือนประชาชนที่นิยมกินอาหารแปลกๆ สุกๆ ดิบๆ หรือปรุงประกอบไม่ถูกหลักสุขอนามัย อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่จะเกิดขึ้นตามมาได้ เป็นวิธีการป้องกันการเกิดโรคได้ง่ายที่สุดเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ ด้วยการมีสุขภาพอนามัยที่ดีให้แก่พี่น้องประชาชน

นายแพทย์อาคม  ชัยวีระวัฒนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์(วัดไร่ขิง) กล่าวว่า เทศกาลปีใหม่กำลังใกล้เข้ามาแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะมอบสุขภาพที่ดีไม่ว่าจะเป็นสุขภาพทางกายและสุขภาพดวงตาให้กับตัวเราได้ด้วยการใส่ใจในเรื่องการรับประทานอาหารที่ถูกสุขอนามัย เนื่องในปัจจุบันมีคอนเทนต์การกิน ของแปลกๆในโลกโซเชียล ที่เกี่ยวกับการรับประทานสัตว์น้ำจืดดิบๆ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ฯลฯ ที่เสี่ยงต่อโรคที่อาจจะตามมาในภายหลังได้นั้น กรมการแพทย์โดย รพ.เมตตาฯ แนะนำว่าการป้องกันการเกิดโรคนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุด และป้องกันได้ง่ายโดยการไม่กินอาหารพวกเนื้อสัตว์สุกๆ ดิบๆ เช่น กุ้งเต้น กุ้งแช่น้ำปลา เป็นต้น

แพทย์หญิงอรวีณัฏฐ์  นิมิตวงศ์สกุล  หัวหน้าศูนย์ตาปลอม กล่าวเสริมว่า พยาธิขึ้นตาทำให้เกิดอาการตามัว  ตาพร่าเลือน อาจมีการอักเสบในช่องหน้าลูกตา ทำให้ม่านตาอักเสบและตามัวลง การรักษา คือ ยิงเลเซอร์ไปที่ตัวพยาธิไม่ให้สามารถเคลื่อนไหว ก่อนผ่าตัดนำเอาพยาธิออก ซึ่งตามปกติพยาธิจะอาศัยอยู่ในหลอดเลือดแดงของปอดหนู  ซึ่งพยาธิออกมากับขี้หนู และไชเข้าไปในกลุ่มหอยน้ำจืด หอยบก หอยทาก กุ้งและปูน้ำจืด นอกจากนี้ยังอาจปนเปื้อนมากับ  น้ำดื่มหรือผักผลไม้ พยาธิเข้าตามาทางเส้นประสาทตาและไชเข้าตาทะลุจากจอตาขึ้นมาในช่องหน้าลูกตา ความเสียหายหรือการฟื้นการมองเห็นขึ้นกันเส้นทางที่พยาธิไชมาว่าทำความเสียหายในกับส่วนไหนของลูกตาบ้าง แนะนำควรทำการรักษาต่อเนื่องเพื่อเช็คร่างกายอย่างละเอียดว่าพยาธิมีเพิ่มเติมในตำแหน่งอื่นของร่างกายอีกหรือไม่จึงฝากเตือนในเรื่องของการรับประทานอาหารควรหมั่นล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหาร ไม่แนะนำทานอาหารสุกๆ ดิบๆ ให้ทานเฉพาะอาหารที่ปรุงสุกและสด สะอาดเท่านั้น เพราะพยาธิในที่อาศัยอยู่ตามสัตว์น้ำจืด เมื่อเข้าสู่ร่างกายอาจเป็นอันตราย และหากพยาธิเข้าไปอยู่ตามจุดสำคัญในร่างกาย เช่น ระบบประสาท สมอง ไขสันหลัง อาจจะถึงขั้นรุนแรงถึงเสียชีวิตได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top