Thursday, 27 June 2024
Lite

พรุ่งนี้ 29 มกราคม 2564 วันแรกของผู้ที่ไม่เคยลงทะเบียนใด ๆ สามารถลงชื่อและข้อมูลเพื่อรับสิทธิ์เยียวยาในโครงการ ‘เราชนะ’ ลองศึกษาขั้นตอนให้มั่นใจ เพื่อที่จะไม่พลาดในการลงทะเบียนวันพรุ่งนี้

ปุกาดๆ!! พรุ่งนี้ 6 โมงเช้า ผู้ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนใด ๆ มาก่อน และต้องการจะลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ในโครงการ ‘เราชนะ’ เพื่อรับเงินเยียวยา 7,000 บาท (2 เดือน) สามารถลงทะเบียนได้แล้วเป็นวันแรก ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะลงอย่างไร หรือกลัวจะลงทะเบียนไม่ถูก มาดูวิธีการง่าย ๆ ตามนี้

และสำหรับผู้ที่ไม่มีมือถือหรือสมาร์ทโฟน ทางรัฐก็ไม่ได้ทิ้งกันนะ กำลังหารือเพื่อหาทางให้กลุ่มคนเหล่านี้ ได้รับการช่วยเหลือเช่นกัน ไปศึกษาดูได้จากภาพนี้ได้เลย

ปฏิบัติการเพื่อสิ่งแวดล้อมของนายโจ ไบเดน หลังเข้ารับตำแหน่งประธนานาธิบดีสหรัฐอเมริกาไม่นาน ก็ประกาศคำสั่งการด้านสิ่งแวดล้อมออกมามากมาย มีเรื่องอะไรที่น่าสนใจบ้าง ลองไปดูกัน

ประกาศนโยบายชัดเจนมาตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งแล้วว่า หากได้เข้ามารับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาเมื่อไร หนึ่งใน ‘เรื่องใหญ่’ ที่ต้องผลักดันและฟื้นฟู นั่นคือ เรื่องสิ่งแวดล้อม

หลังการนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีได้ไม่กี่สัปดาห์ นายโจ ไบเดน ก็ ‘ออกตัว’ กับเรื่องราวดังกล่าวแบบ ‘แรงจริงได้ใจ’ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศโละรถยนต์ที่ใช้น้ำมันทั้งหมดของหน่วยงานรัฐบาล ให้เปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากว่า 650,000 คัน

หรือการเซ็นคำสั่งกลับเข้าร่วมภาคีข้อตกลงปารีส เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก ซึ่งไบเดนจรดปากกา ‘จัดการคำสั่ง’ เหล่านี้ นับตั้งแต่หย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีก็ว่าได้

หลายสิ่งอย่างเหล่านี้ สะท้อนได้ดีว่า เขาให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาโลกร้อน และภาวะธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ถึงขนาดหล่นประโยคสำคัญเมื่อเข้าสู่ทำเนียบขาวในวันแรก ๆ ว่า “ถึงเวลาต้องดำเนินการแล้ว”

The States Times รวบรวมแอ็คชั่นคำสั่งการต่าง ๆ ของไบเดน กับภารกิจรักษ์โลกครั้งนี้ ไปดูกันว่า เขาได้ทำ และกำลังทำอะไร เพื่อสิ่งแวดล้อมแล้วบ้าง?

31 มกราคม ค.ศ. 2010 บันทึกครั้งสำคัญของโลกภาพยนตร์ เมื่อหนังแฟนตาซีฟอร์มยักษ์ AVATAR สร้างกระแสความนิยมอย่างล้นหลาม ทำรายได้ทุบสถิติ เกิน 2,000 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเรื่องแรกในโลก

สำหรับคอหนัง ชื่อภาพยนตร์อย่าง AVATAR คงไม่ต้องเอ่ยปากว่า มีความพิเศษและยิ่งใหญ่เพียงใด และวันนี้เมื่อ 11 ปีก่อน ภาพยนตร์แฟนตาซี ผลงานการกำกับของ เจมส์ คาเมรอน ก็ได้สร้างสถิติใหม่ให้กับโลกภาพยนตร์ เมื่อสามารถทำรายได้สูงเกิน 2,000 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นครั้งแรก

AVATAR เป็นเรื่องราวของโลกในช่วงศตวรรษที่ 22 เมื่อมนุษย์ออกล่าอาณานิคมไปยังดาวแพนดอรา เพื่อขุดแร่อันออบเทเนียมมาใช้ โดยภารกิจครั้งนี้ พวกเขานำร่างกายของชาวนาวีที่ถูกควบคุมสมองโดยมนุษย์เข้าไปทำการสำรวจ แต่กลายเป็นว่าภารกิจการขยายอาณานิคม กลับกลายเป็นการเข้าไปคุกคามชาวนาวีที่เป็นคนพื้นเมือง จึงนำมาซึ่งกาต่อสู้เพื่อรักษาดินแดนของตัวเอง

AVATAR ถูกนำมาฉายในโรงภาพยนตร์ช่วงปลายปี ค.ศ. 2009 ด้วยเทคนิคอันทันสมัย และงานกราฟิกที่หวือหวา สวยงาม รวมทั้งตัวละครชาวนาวีที่มีความสมจริง ทั้งหมดทำให้หนังประสบความสำเร็จ ทั้งในแง่การตอบรับจากคนดู และรายได้อย่างถล่มทลาย ทุบสถิติหนังอย่าง Titanic ที่ครองตำแหน่งหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลลงได้ กระทั่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 2010 หนังก็สามารถทำรายได้ทะลุเกิน 2,000 พันล้านดอลลาร์ เป็นเรื่องแรกของโลก

แม้ในวันนี้  รายได้สูงสุดของหนัง AVATAR จะถูกทำลายลงด้วยหนัง The Avengers: Endgame แต่หากพูดถึงหนังแนวแฟนตาซีที่สมจริงและสวยงามที่สุด คนดูหนังมากมายก็ต้องยกให้กับ AVATAR เรื่องนี้อย่างแน่นอน และเร็ว ๆ นี้ หากไม่มีกำหนดการที่คลาดเคลื่อนไปเพราะสถานการณ์โควิด -19 ภาคต่อของ AVATAR กำลังจะกลับมาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคนดูอีกครั้ง โปรดติดตามความสนุกกันได้เลย...

1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 วันนี้ในอดีต รัฐบาลโดยการนำของ ทักษิณ ชินวัตร ประกาศปราบปรามยาเสพติดในประเทศไทยชนิดเข้มข้น หลังการประกาศเพียง 3 เดือน เกิดคดีการฆ่าตัดตอนขึ้นนับพันราย

หลายคนจดจำ ‘รัฐบาลทักษิณ’ ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2544 - 2547 กับสโลแกน ‘คิดใหม่ ทำใหม่’ กันได้ดี แต่หนึ่งในเหตุการณ์ที่ต้องถือว่าเป็นไฮไลท์ในยุคที่ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ นั่นก็คือ การปราบปรามยาเสพติด

โดยเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 อดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้ ได้ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่า จะทำสงครามกับขบวนการค้ายาเสพติดในประเทศไทยชนิดเด็ดขาด! และนับจากเดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึงเมษายนของปีนั้น เกิดการฆาตกรรมที่เชื่อมโยงมาจากการปราบปรามยาเสพติดกว่า 2 พันราย!

ในภาพของการณรงค์อย่างจริงจังนั้น กลับมีข้อมูลอีกด้านหนึ่งสะท้อนออกมา เนื่องจากการปราบปรามดังกล่าว พบว่ามีผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเสียชีวิตในจำนวนที่สูงจนน่าตกใจ จนนำมาซึ่งประโยคอันร้อนแรงในตอนนั้น นั่นคือ ‘การฆ่าตัดตอน’

แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความรุนแรง และความเข้มข้นของมาตรการปราบปราม แต่เหรียญมักมีสองด้านเสมอ เพราะในข่าวความรุนแรงเหล่านั้น ต่อมากลับมีการทำผลสำรวจถึงความพึงพอใจ ในเรื่องการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล พบว่า กว่าร้อยละ 66.77 พอใจกับการปราบปรามปัญหายาเสพติดในยุครัฐบาลทักษิณ ซึ่งสูงกว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างชัดเจน

ปัญหายาเสพติดถือเป็นปัญหาร้ายแรงที่อยู่กับสังคมไทยมาเนิ่นนาน แต่มาตรการที่เข้มข้นก็นำมาซึ่งการสูญเสีย ที่สุดคงยากจะหาความพอดี แต่ที่ทำได้แน่ๆ คือสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง และคนรอบข้าง เมื่อมีชีวิตที่ดี ผู้คนมีความคิด อย่างน้อยก็จะเป็นตัวช่วย ‘ตัดตอน’ ปัญหาเรื่องยาเสพติด ไม่ให้มันมาเข้าใกล้ ไม่ว่าจะในชีวิตของเราหรือคนรอบตัวเราก็ตามที

ย้อนเวลาดูไทม์ไลน์ ‘อองซาน ซูจี’ กับการถูกกักบริเวณตลอดระยะเวลากว่า 22 ปี จนถึงครั้งล่าสุด

เป็นข่าวใหญ่ที่ผู้คนทั่วโลกต่างจับตา สำหรับการก่อรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของนางอองซาน ซูจี โดยกองทัพทหารเมียนมา ที่นำโดยพลเอกอาวุโส มิน ออง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ออกแถลงการณ์แจ้งเหตุผลในการบุกควบคุมตัวนางอองซาน ซูจี พร้อมประธานาธิบดีอู วิน มินต์ และแกนนำคนอื่น ๆ ของพรรครัฐบาลสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) เนื่องจากเป็นการตอบโต้การโกงการเลืองตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

นอกจากนี้กองทัพเมียนมายังได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในประเทศ เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งจะว่าไปแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ นางอองซาน ซูจี ถูกทางการ ‘ควบคุมตัว’ ตลอดระยะเวลาที่ก้าวเข้าสู่แวดวงการเมืองประเทศเมียนมา เธอถูกควบคุมตัวและถูกกักบริเวณมาแล้วถึง 3 ครั้ง The States Times รวบรวมไทม์ไลน์ ย้อนหลังเหตุการณ์การถูกกักบริเวณของอองซาน ซูจี จากอดีต จนถึงปัจจุบัน มาให้ได้ทราบกัน

2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536 วันแรกแห่งการจดสิทธิบัตร ‘กังหันน้ำชัยพัฒนา’ สิ่งประดิษฐ์ในพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 นับเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการออกสิทธิบัตรให้แก่พระบรมราชวงศ์

2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536 หรือวันนี้เมื่อ 28 ปีก่อน ถือเป็นวันสำคัญของประชาชนชาวไทยอีกวันหนึ่ง เมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงได้รับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ "กังหันน้ำชัยพัฒนา"

โดยเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสีย และช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนลงในน้ำ ทั้งนี้ยังนับเป็นสิ่งประดิษฐ์เครื่องกลเติมอากาศเครื่องที่ 9 ของโลก ที่ได้รับสิทธิบัตร รวมทั้งยังเป็นครั้งแรกของโลก ที่มีการออกสิทธิบัตรให้แก่พระบรมราชวงศ์อีกด้วย

กล่าวถึง "กังหันน้ำชัยพัฒนา" เกิดขึ้นจากการที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหาน้ำเสีย และทรงห่วงใยต่อพสกนิกรที่ต้องเผชิญกับเรื่องราวดังกล่าว จึงมีพระราชดำริให้ประดิษฐ์เครื่องกลเติมอากาศแบบประหยัดค่าใช้จ่าย โดยได้ทรงนำแนวทางของ "หลุก" ซึ่งเป็นอุปกรณ์วิดน้ำเข้านา อันเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน มาเป็นจุดคิดค้นเบื้องต้น ก่อนจะถูกพัฒนาร่วมกับกรมชลประทาน ผลิตออกมาเป็นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำแบบทุ่นลอยขึ้นในเวลาต่อมา และใช้ชื่อว่า "กังหันน้ำชัยพัฒนา"

ด้วยพระอัจฉริยภาพอันเปี่ยมล้น ภายหลังคณะรัฐมนตรีมีมติกำหนดให้วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันนักประดิษฐ์ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ รวมถึงเป็นวันที่ระลึกถึงวันประวัติศาสตร์ของการจดทะเบียนและออกสิทธิบัตรถวาย แด่พระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลก ที่ทรงคิดค้นสิ่งที่เป็นประโยชน์ สามารถแก้ปัญหาและรักษาสิ่งแวดล้อม

3 กุมภาพันธ์ ‘วันทหารผ่านศึก’ วันแห่งการรำลึกถึงทหารผู้กล้า ที่เสียสละปกป้องแผ่นดิน

ประเทศไทยเป็นปึกแผ่นมั่นคงมาจนถึงวันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีเหล่าทหารหาญที่เป็นเสมือนแนวหน้า คอยปกป้องแผ่นดินยามเมื่อมีวิกฤติ และวันนี้ ก็ถือเป็นวันสำคัญของเหล่าทหารผู้เสียสละ เพราะถูกยกให้เป็น "วันทหารผ่านศึก"

ที่มาของวันสำคัญนี้ เกิดขึ้นเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศไทยได้ส่งกำลังทหารเข้าร่วมรบในสงครามมหาเอเชียบูรพา แต่เมื่อสงครามสิ้นสุดลง พบว่าทหารที่ไปร่วมรบประสบกับอาการบาดเจ็บ บางคนถึงกับพิการ ส่งผลให้ได้รับความเดือดร้อนในการดำรงชีพ รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาในการช่วยเหลือ

โดยใน พ.ศ. 2490 กระทรวงกลาโหมได้จัดตั้งหน่วยงานขึ้น เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ทหารที่กลับจากปฏิบัติการรบ และช่วยเหลือครอบครัวทหารที่เสียชีวิตในการรบ แต่ก็ยังเป็นหน่วยงานที่ไม่เป็นทางการ เวลาผ่านไปไม่นาน

จึงได้เสนอเป็นพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกขึ้น โดยผ่านการเห็นชอบจากรัฐบาล และได้มีการประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 ด้วยเหตุนี้ จึงได้ยึดเอาวันที่ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันทหารผ่านศึก ด้วยนั่นเอง

ในต่างประเทศนั้นมี ‘วันทหารผ่านศึก’ เช่นเดียวกัน แต่แตกต่างกันในการกำหนดวันที่ โดยเป็นวันที่เชิดชูเกียรติแก่เหล่าทหารหาญที่ปกป้องแผ่นดิน ซึ่งจะมี ‘ดอกป๊อปปี้สีแดง’ เป็นสัญลักษณ์ประจำวันสำคัญนี้ โดยในวันนี้ จะมีการรณรงค์ซื้อดอกป๊อปปี้เพื่อเป็นกำลังใจ รวมทั้งนำรายได้กลับไปช่วยครอบครัวเหล่าทหารผ่านศึกอีกด้วย

4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ย้อนที่มา ‘ม็อบกู้ชาติ’ ของ สนธิ ลิ้มทองกุล สู่ ‘พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย’ การรวมมวลชนครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

เอ่ยคำว่า "ม็อบ" อาจเป็นคำหนึ่งที่อยู่คู่กับเมืองไทยมากว่า 15 ปีให้หลังมานี้ แต่หากจะย้อนเวลาไปหา "จุดแรกเริ่ม" ของม็อบในช่วงตลอด 15 ปีที่ผ่านมา มันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 หรือวันนี้เมื่อ 15 ปีก่อนนี่เอง

สนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของสื่อในเครือผู้จัดการ คือผู้นำมวลชนเมื่อ 15 ปีก่อน ให้ออกมารวมตัวกันเรียกร้อง "กดดันให้ ทักษิณ ชินวัตร" ในฐานะนายกรัฐมนตรีในตอนนั้น ลาออก!

สืบย้อนกลับไป สนธิ ลิ้มทองกุล ดำเนินรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" ที่ช่อง 9 อสมท. โดยวิพากษ์วิจารณ์ และแสดงความไม่ชอบมาพากลในการบริหารประเทศของ ทักษิณ ชินวัตร มาตลอด กระทั่งรายการถูกถอดออกจากผังของสถานี แต่เมืองไทยรายสัปดาห์ยังเดินหน้าต่อในรูปแบบของการสัญจรจัดรายการไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งกลายเป็นว่า มีผู้คนติดตามมากขึ้นเรื่อย ๆ

สถานการณ์เดินทางมาจนถึงเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 เมื่อนายสนธิประกาศนัดชุมนุมใหญ่ที่ใช้ชื่อว่า "กู้ชาติ" เพื่อกดดันทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี โดยชนวนสำคัญมาจากการขายหุ้น 49.6% ของทักษิณในบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้กับบริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ของทางการสิงคโปร์ ในราคา 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีความไม่โปร่งใส และเข้าข่ายหลีกเลี่ยงภาษี!

ในเวลาต่อมา จากกลุ่มกู้ชาติ ก็ได้กลายเป็นการจัดตั้ง "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" หรือที่ผู้คนเรียกติดปากว่า "ม็อบเสื้อเหลือง" ซึ่งการต่อสู้ของกลุ่มพันธมิตรฯ ในช่วงแรกสิ้นสุดลง ภายหลัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ทำการรัฐประหารล้มรัฐบาลทักษิณในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 แต่เมื่อพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2551 สนธิและแกนนำพันธมิตรฯ ก็ได้กลับมาชุมนุมอีกครั้ง

การชุมนุมของพันธมิตรฯ และสนธิ จบลงเมื่อ "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชนและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี ถือเป็นอันยุติ "ม็อบเสื้อเหลือง" ที่ยืดเยื้อมากว่า 3 ปีลง


ที่มา: https://www.posttoday.com/politic/analysis/452915

 https://th.wikipedia.org

‘ชื่อหวานๆ ต้องโครงการลุงตู่’ รวมรายชื่อโครงการเยียวยา ช่วยเหลือประชาชน ของรัฐบาลลุงตู่นับตั้งแต่ปี 2560-2564 ตีความง่าย ประชาชนเข้าใจได้เลย

ถามว่า อะไรเอ่ย ‘ชื่อเยอะ โครงการแยะ’ อันนี้ก็ต้องยกให้ ‘โครงการของรัฐบาลลุงตู่’ นิเอง ลองย้อนๆ เช็กดู ตั้งแต่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีมา 2 สมัย 7 ปี ทำเป็นเล่นไป มีโครงการช่วยเหลือประชาชนออกมามากมาย ไม่ต้องนับย้อนไปไกลมากถึง 7 ปีหรอก เอาแค่ 3-4 ปีให้หลังมานี้ ลุงตู่แอนด์เดอะแก๊งค์ ผุดสารพัดโครงการ ไม่ว่าจะเป็นแนวแก้ปัญหา เยียวยา หรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทยอยมาเป็นชู๊ดดๆ

ช่วง 2 - 3 วันที่ผ่านมา ก็เพิ่งปล่อย ‘ม.33 เรารักกัน’ ลำพังแค่ได้ยินชื่อ ก็แอบหวานเห็นรอยยิ้มลุงตู่นำมากันเลยทีเดียว เราจึงลองสืบย้อนกลับไปดูบรรดารายชื่อโครงการมากมาย ก็พบว่า มีจุดเด่นคือ อ่านง่าย เข้าใจได้เลย และเป็นประโยคหวานๆซอฟท์ๆ อาทิ โครงการกำลังใจ, เราไปเที่ยวด้วยกัน (แนะนำว่า เวลาอ่านแต่ละชื่อ ขอให้นึกใบหน้าลุงตู่แย้มยิ้มไปด้วยนะจ๊ะ)

ข้อดีอีกประการที่หากสังเกตจะทำให้รู้ว่า บรรดาโครงการเหล่านี้ มีวิธีให้ผู้คนทุกระดับต้องเอาตัวเข้าไปสู่ ‘โลกดิจิตัล’ หรือพูดง่ายๆ คือ ต้องหัดลงทะเบียน เบิกจ่าย สั่งจอง ผ่านโลกออนไลน์ทั้งสิ้น แรก ๆ มีเสียงคัดค้านว่ายากต่อการเข้าถึง แต่ถึงวันนี้ คุณลุง คุณป้า คุณย่า คุณยาย มีสารพัดแอปฯ ของรัฐกันเรียบร้อย มันอาจจะยุ่งวุ่นวายกันบ้างในช่วงแรก แต่นี่คือกุศโลบายในการเดินหน้าเข้าสู่ ไทยแลนด์ 4.0 ไปโดยไม่รู้ตัว

เล่ามาถึงตรงนี้ The States Times เลยไปรวบรวมบรรดาชื่อโครงการอ่านง่าย เข้าใจได้เลย ของรัฐบาลลุงตู่ มาให้ได้ดูกัน งานนี้ขออนุญาตย้อนถามคุณสักหน่อยว่า ชอบชื่อไหนกันบ้าง วานบอก...

5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2404 กำเนิด ‘ถนนเจริญกรุง’ ถนนสายหลักที่สร้างให้ชีวิตคนไทยเปลี่ยนแปลงสู่วิถีอันทันสมัย

ถ้าเป็นสายฮิปสเตอร์ ชื่อ ‘ถนนเจริญกรุง’ ในวันนี้ คือถนนที่เต็มไปด้วยร้านค้า คาเฟ่ บูติกโฮเทลเก๋ๆ ที่ผุดขึ้นมาเรียงรายสองฝั่งถนน แต่หากสืบย้อนกลับไป ถนนที่มีความยาวกว่า 8,575 เมตร สายนี้ ได้ชื่อว่า เป็นถนนสายหลักแห่งแรกของประเทศไทย

ถนนเจริญกรุง ถูกดำริให้สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2404 โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นด้วยเหตุที่มีชาวต่างชาติ ได้เข้ามาทำธุรกิจห้างร้าน รวมถึงที่ทำการกงสุลต่างๆ ก็ถูกก่อสร้างขึ้นในย่านนี้ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ได้ขอให้สร้างถนนสายสำหรับขี่ม้า หรือนั่งรถม้า พระองค์จึงทรงดำริให้มีการสร้างถนนที่มีมาตรฐานขึ้น แล้วเสร็จเมื่อราวปี พ.ศ. 2407

แรกเริ่มเดิมที ผู้คนเรียกถนนสายนี้ว่า ถนนใหม่ ส่วนฝรั่งเรียกว่า นิวโรด (New Road) และชาวจีนเรียกว่า ซินพะโล้ว แปลว่า ถนนตัดใหม่ เช่นกัน ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามถนนว่า ‘ถนนเจริญกรุง’ ซึ่งมีความหมายถึง ความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง

ถนนเจริญกรุงในยุคก่อน ได้ชื่อว่าเป็นถนนที่ใหญ่และยาวที่สุด โดยแบ่งเป็น 2 ตอน คือ ถนนเจริญกรุงตอนใน ตั้งแต่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ถึงสะพานดำรงสถิต (สะพานเหล็ก) และถนนเจริญกรุงตอนใต้ ตั้งแต่สะพานเหล็กออกไปนอกกำแพงพระนคร ต่อเนื่องไปถึงตลาดน้อย บางรัก จรดดาวคะนอง (ในปัจจุบัน)

เมื่อมีถนนหลักใหม่และงดงาม จึงนำมาซึ่งวิถีชีวิตของผู้คนสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็น การสร้างอาคาร ห้างร้าน บ้านเรือน ไปตลอดแนวถนน ต่อมามีการติดไฟฟ้านำทางส่องสว่าง และด้วยความสวยงามของท้องถนน ผู้คนจึงรู้จักที่จะออกมาใช้ชีวิตในยามค่ำคืนกันมากขึ้น จนเป็นที่มาของถนนที่ได้ชื่อว่า เป็นถนนที่ไม่มีวันหลับใหล ตราบจนทุกวันนี้ ‘เจริญกรุง’ ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คน แม้สองข้างทางจะเก่าแก่ไปตามกาลเวลา แต่จิตวิญญาณของถนนที่ได้ชื่อว่า เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ก็ยังคงปรากฎอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง


ที่มา: https://sites.google.com/site/ibkkgroup3/home/yan-ceriykrung


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top