Sunday, 27 April 2025
ElectionTime

ม.112 ไม่แก้ ไม่แตะ ถ้าใครนโยบายไม่ตรงกันในเรื่องนี้ ก็ไม่ควรมาร่วมกัน

เมื่อวานนี้ (12. เม.ย.66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกฯ ได้เปิดใจคุย ‘กรรมกรข่าวเปิดอกคุย’ ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดัง

โดยนายสรยุทธ ได้ถามพล.อ.ประวิตร ถึงแนวทางของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า “พรรคพลังประชารัฐ จะไม่ร่วมกันพรรคเพื่อไทย และก้าวไกล ซึ่งพรรคก้าวไกลนั้นชัดเจนอยู่แล้วว่าพรรคพลังประชารัฐนั้นไม่อยากร่วม ซึ่งประกาศอย่างเป็นทางการโดยบอกว่าถามพรรคแล้วให้แถลงอย่างนี้”

ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้ตอบกลับถึงประเด็นที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ได้ประกาศว่าขอไม่ร่วมกับพรรคเพื่อไทย และก้าวไกล ว่า “ไม่ได้ถามหัวหน้าพรรคแต่พูดกับผู้ใหญ่ในพรรค” โดยนายสรยุทธได้ย้ำ “เขาขอแล้ว”

พล.อ.ประวิตร ได้เสริมว่า “เขาได้ถามตนแล้วว่าถ้านโยบายไม่ตรงกันก็ไม่ร่วมกัน ซึ่งตนก็ได้เห็นด้วย ถ้านโยบายไม่ตรงกัน หรือมีการตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มันก็จะทำให้เกิดความขัดแย้ง” พร้อมยังย้ำ “ถ้านโยบายไม่ตรงขอไม่ร่วม”

เทียบนโยบายยกเลิก ‘Blacklist’ (Credit bureau) แล้วมาปล่อยกู้ด้วย Credit score ของพรรคชาติพัฒนากล้า

                  

                 

Credit bureau กับ Credit score แตกต่างกันอย่างไร? คนไทยส่วนใหญ่แล้วรู้จักแต่ Credit bureau ซึ่งรวบรวมจัดเก็บโดย บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เป็นสถาบันที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บข้อมูลบัญชีสินเชื่อและประวัติการชำระสินเชื่อทุกประเภทของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ซึ่งส่งมาจากสถาบันการเงินและบริษัทที่เป็นสมาชิก Credit bureau โดยข้อมูลที่จัดเก็บหรือรายงานใน Credit bureau แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ

1.ข้อมูลบ่งชี้ คือข้อเท็จจริงที่บ่งชี้ถึงตัวลูกค้า ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน วันเดือนปีเกิด ซึ่งไม่มีการจัดเก็บหมายเลขโทรศัพท์ และข้อมูลที่อยู่ที่ลูกค้าแจ้งกับสถาบันการเงินและบริษัทที่เป็นสมาชิก Credit bureau

2.ข้อมูลสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติและประวัติการชำระหนี้ จำแนกเป็นรายบัญชีที่มีอยู่ในแต่ละสถาบันการเงินและบริษัทสมาชิก โดยมีข้อมูลที่สำคัญดังนี้ 

-สรุปข้อมูลบัญชีสินเชื่อ ซึ่งจะบอกว่าลูกค้ามีสินเชื่ออยู่ทั้งหมดกี่บัญชี มีจำนวนบัญชีที่ใช้สิทธิแก้ไขข้อมูลหรือโต้แย้งกี่บัญชี

-ประเภทและเลขที่บัญชีของสินเชื่อ

-ชื่อผู้ให้สินเชื่อ

-วงเงินที่ได้รับอนุมัติ และวงเงินที่ใช้ไป

-สถานะของบัญชี เช่น ปกติ  ปิดบัญชี พักชำระหนี้ ค้างชำระหนี้ 

-รายละเอียดการชำระหนี้ ซึ่งจะแสดงประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมา ทั้งที่ชำระตรง ชำระล่าช้า หรือผิดนัดชำระ

-ข้อมูลอื่น ๆ เช่น วันที่เปิดบัญชี วันที่ชำระหนี้ล่าสุด วันที่ปิดบัญชี วันที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ 

                                            

Credit bureau เป็นระบบที่เป็นการรายงานเครดิต (Credit report) เป็นการบันทึกประวัติเครดิตและกิจกรรมของบุคคล เพื่อเป็นฐานข้อมูลที่ให้โดยเจ้าหนี้ เช่น ผู้ให้กู้และบริษัทบัตรเครดิต รายงานอาจมีข้อมูลหลากหลาย ตั้งแต่รายละเอียดส่วนบุคคล เช่น ชื่อและหมายเลขประจำตัวประชาชน ไปจนถึงข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับการยึดสังหาริมทรัพย์และการล้มละลาย 

              

Credit score นั้นก็ต้องใช้ข้อมูลจากรายงานเครดิต (Credit report) เพื่อคำนวณคะแนนเครดิต เป็นตัวเลข 3 หลักซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 300 ถึง 850 โดยจะแสดงภาพรวมของสถานการณ์เครดิตของแต่ละบุคคล Credit score ขึ้นอยู่กับประวัติเครดิตของบุคคล ท่ามกลางปัจจัยอื่น ๆ บริษัทที่ให้คะแนนเครดิตจะใช้ข้อมูลจากรายงานเครดิตเพื่อสร้าง Credit score พวกเขาคำนวณคะแนนโดยใช้สูตรทางคณิตศาสตร์ที่เรียกว่าแบบจำลองการให้ Credit score ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงประวัติการชำระเงินของบุคคล หนี้ และจำนวนการสมัครขอสินเชื่อล่าสุด

‘ณัฐชา’ ตอบชัด!! ปมวินถาม “แก้ ม.112 แล้วได้อะไร” ย้ำ!! ทุกพื้นที่ต้องสามารถพูดถึง ‘สถาบันพระมหากษัตริย์’

(12 เม.ย.66) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตบางบอน (เฉพาะแขวงบางบอนใต้และแขวงคลองบางบอน) และเขตบางขุนเทียน (ยกเว้นแขวงท่าข้าม) เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่มีพี่วินบุกถามถึงทำไมต้องแก้ ม.112 โดยระบุว่า 

“4 ปีที่ผ่านมา เราไม่ได้ทำแค่เรื่องการแก้ ม.112 พร้อมยังเปิดเอกสารให้ดูเลยด้วยซ้ำ ว่าในสภาฯ ได้ทำเรื่องอะไรไปบ้าง แต่พี่วินคนดังกล่าวนั้นไม่เปิดใจรับฟัง กลับบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวเป็นเพียงเรื่องยิบย่อย”

นายณัฐชา ตอบถึงกรณีที่วินถามว่า ทำไมถึงอยากจะแก้แต่ ม.112 ว่า “ เพราะ ม.112 ถูกหยิบยกมาในประเด็นทางการเมือง เพราะฉะนั้นเราอยากจะยกมาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นถ้าเห็นว่าเรื่องใดก็ตามที่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อประเทศ ก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างสำนักพระราชวังเป็นตัวแทนในการฟ้องร้อง”

นายณัฐชา ได้กล่าวว่า “ทุกวันนี้เป็นบุคคลที่ใช้เรื่องราวเหล่านี้กลั่นแกล้งกันทางการเมือง และยิ่งรุกคืบไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ที่ไม่เกี่ยวกับประมุขของประเทศ หรือพระมหากษัตริย์เลย แต่ก็ยังไปร้องเรียนเรื่อง ม.112” พร้อมเสริมว่า “ซึ่งงบางคนยังไม่ได้ถูกตัดสินคดี แต่ถูกจำคุกไปแล้ว 365 วัน แต่ยังไม่ถูกตัดสินเลยว่าทำผิดหรือเปล่า”

นายณัฐชา ได้ย้ำชัด “เราได้พยายามจะสื่อสานเรื่องเหล่านี้ แต่พี่วินนั้นไม่รับฟัง” ทั้งยังได้ตอบคำถามที่พี่วินถามไว้ว่าประเทศไทยมีกษัตริย์มากว่า 800-900 ปี ยังอยู่ได้ไม่เป็นไร ว่า “ที่ผ่านมาในอดีตนั้นเรามีกษัตริย์มาหลายราชวงศ์ และที่ผ่านก็เคยเกิดเหตุการณ์ก็เคยล้มมาแล้วผ่านกระบวนการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทหารยึดอำนาจ เปลี่ยนแปลงรางวงศ์ต่างๆ ซึ่งประวัติศาสตร์ที่พี่วินบอกมานั้นผ่านการล้มโดยทหารทั้งนั้น ไม่มีการล้มโดยประชาชนแม้แต่ครั้งเดียว”

ฟิล์ม' แจง 'บัตรลุงป้อม700' ช่วยตรงเป้าไม่หว่านมั่ว ชี้!! มีที่มาของเงินชัดเจน แตะงบไม่ถึง 2 แสนล้านต่อปี

(13 เม.ย.66) จากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวพาดพิงถึงนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาท หรือบัตรลุงป้อม ของพรรคพลังประชารัฐ ที่นายเศรษฐา กล่าวว่าใช้เงินงบประมาณมากถึง 8 แสนล้านบาทนั้น นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์มผู้สมัคร ส.ส. เบอร์ 1 เขต 22 สวนหลวง ประเวศ ของพรรคพลังประชารัฐก็ได้ออกมาตอบโต้โดยระบุว่า ไม่น่าเชื่อว่าคนระดับนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยนั้นจะออกมาให้ข้อมูลที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนได้อย่างสิ้นเชิง 

โดยประการแรกบัตรประชารัฐนั้น จะเป็นสวัสดิการที่ดูแลคนไทยผู้เข้าหลักเกณฑ์ประมาณจำนวน 14 ล้านคน ไม่ใช่ 20 ล้านคน โดยตัวเลข 20 ล้านคนนั้นคือตัวเลขของผู้ที่ลงทะเบียนทั้งหมด แต่หลังจากที่หน่วยงานราชการได้ทำการคัดกรองแล้วพบว่ามีผู้ที่ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้นเพียงประมาณ 14 ล้านคนเท่านั้น จากการวางหลักเกณฑ์ที่รัดกุม ยกตัวอย่างเช่นจะไม่ได้ดูเฉพาะตัวผู้ที่มาลงทะเบียนเท่านั้น แต่จะต้องดูรายได้รวมของคนในครอบครัวด้วย และผู้ที่จะมีสิทธิ์ได้รับการช่วยเหลือนั้นก็จะต้อง เป็นผู้ที่อยู่ใต้เส้นความยากจน หรือก็คือจะต้องมีรายได้ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อปี แตกต่างกับทางพรรคเพื่อไทยที่แจกทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ไม่วาจะมีรายได้น้อยหรือคนรวยก็ได้หมด 

ซึ่งทางพรรคพลังประชารัฐก็ได้คำนวณมาแล้ว การดูแลในส่วนนี้ จะใช้งบประมาณอยู่ที่ 9,800 ล้านบาทต่อเดือน หรือไม่ถึง 2 แสนล้านบาทต่อปี และเป็นการใช้เงินแบบทยอยใช้ มิใช่จ่ายหมดในครั้งเดียวจึงไม่มีปัญหาในเรื่องของการตั้งงบประมาณ โดยงบประมาที่ใช้นั้นก็จะนำมาจาก กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม

'โภคิน' ฉะ!! แจกเงินดิจิทัลไม่ช่วยให้เศรษฐกิจยั่งยืน วอน!! อย่าหลงเชื่อบางพรรค อาจพาประเทศเสียหาย

‘โภคิน’ มองแจกเงินดิจิทัล 10,000 ไม่สร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ “ไทยสร้างไทย” ขอดูแลคนไทยทุกช่วงวัยอย่างเป็นระบบ โดยสร้างประชาชน ให้มีความรู้ ทักษะ มีสุขภาพดี อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ

(13 เม.ย.66) - นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) แถลงข่าวกรณีที่พรรคเพื่อไทยมีนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านวอลเล็ต โดยตั้งคำถามว่า นโยบายการแจกเงิน ถูกต้องหรือไม่ ควรทำในระดับที่จำกัด เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในและความฝืดเคืองช่วงต้นๆ เพราะไม่ก่อให้เกิดผลผลิตใดๆ และเงินดิจิทัล คืออะไร ควรแจกทุกคนหรือไม่ ถ้าเท่าเทียมตามรัฐธรรมนูญ ทำไมต้องแจกตั้งแต่อายุ 16 ขณะเดียวกันเห็นว่า Decentralization Finance หรือการเงินแบบไม่รวมศูนย์มีการสร้างเงินตราขึ้นใหม่ จนทำให้เงินล้นโลก แต่อยู่ในมือคนเพียง 10% 

นายโภคิน กล่าวอีกว่า เงิน QE หรือ นโยบายทางการเงินที่ฉีกกฎนโยบายแบบดั้งเดิม ไม่ทราบว่าเพิ่มเท่าใด ส่วนเงินดิจิทัล คิดเป็นมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ จึงเกิดภาวะเงินเฟ้อที่ Fed (The Federal Reserve) ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตลอดตั้งแต่ปี 2565 จนวิตกกันว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจถดถอย และเกิดการต่อต้านการครอบงำของ USD แจกให้คนจนทั่วโลกโดยเฉพาะช่วง Covid 19 ใน รูปแบบต่างๆ แต่ก็กลับไปที่คนรวยอีก

พรรคไทยสร้างไทย เห็นว่า รัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกำหนดสิทธิของประชาชนในการมีชีวิตที่ดีไว้อย่างไร ในครรภ์ มาตรา 48 สิทธิของมารดาช่วงก่อนและหลังตลอด มาตรา 54 รัฐต้องให้เด็กทุกคนได้เรียนฟรี 12 ปี ตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพ ก่อนวัยเรียนและ วัยเรียน โดยในวรรค 2 เด็กเล็กได้รับการดูแลและพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษา วรรค 3 ประชาชนได้รับการศึกษาตามความต้องการ วรรค 5 ตามวรรคและ 2 และ วรรค3 ช่วยผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ซึ่งจะมีกองทุนให้

ส่วนในมาตรา 77 วัยทำมาหากิน ยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็น เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือการประกอบอาชีพโดยไม่ชักช้าเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน มาตรา 48 วรรค 2 วัยเกษียณ บุคคลซึ่งมีอายุเกิน 60 ปีและไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ และบุคคลผู้ยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสมจากรัฐตามที่กฎหมายบัญญัติ

นายโภคิน กล่าวว่า ดังนั้นโยบายพรรคไทยสร้างไทย จึงสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ชีวิตของประชาชน ให้มีชีวิตที่มีศักดิ์ศรี มีความมั่นคงทุกช่วงวัย ต้องสร้างประชาชน ให้มีความรู้ ทักษะ มีสุขภาพดี ต้อง Liberate และ Empower ประชาชน ต้องสถาปนาความยุติธรรม ต้องขจัดคอรัปชันและธุรกิจสีเทา ซึ่งผลของสงครามการเมือง 2 ขั้ว ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ยากจน ความใหญ่โตและสิ้นเปลืองหรือการกดทับของรัฐราชการ การทุจริตคอรัปชัน

ธุรกิจสีเทาสีดำ การผูกขาด ทุนนิยมพรรคพวก จนทำให้ประชาชนพ่ายแพ้เจ็บปวดมาตลอด 17 ปีและเสพติดการแจก การช่วยเหลือแบบครั้งคราวเฉพาะหน้า ไม่ยั่งยืน

‘สุวัจน์-กรณ์’ นำทัพ ‘ชพก.’ ขอพรวัดบวรฯ เสริมสิริมงคล พร้อมเล่นน้ำกับปชช. อย่างใกล้ชิด เผย!! เหมือน 14 อีกครั้ง

ไพรีพินาศ! ‘สุวัจน์-กรณ์’ พาผู้สมัคร ส.ส.กทม.ขอพรวัดบวรฯ เจ้าอาวาสมอบพระไพรีพินาศ อวยพรให้ชนะทุกสิ่ง พร้อมเล่นน้ำสงกรานต์ถนนข้าวสาร ‘กรณ์’ กล่าว รู้สึกเหมือน 14 อีกครั้ง! 

 (13 เมษายน) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และนายนันทพันธ์ ศุภณ์ภัทรพงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต1 กทม. และคณะผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรค เดินทางไปยังวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เพื่อเข้าสักการะพระไพรีพินาศ และสรงน้ำพระธรรมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร จากนั้นได้เดินเล่นน้ำที่ถนนข้าวสารซึ่งจัดกิจกรรมเล่นน้ำสงกรานต์  ก่อนที่จะร่วมขบวนตุ๊กตุ๊กทักทายพี่น้องประชาชน ตามถนนย่านเมืองเก่า  

นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันนี้ได้เข้ากราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิที่วัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในโอกาสวันปีใหม่ไทยหรือวันสงกรานต์ ท่านเจ้าอาวาสได้มอบพระไพรีพินาศให้กับคณะด้วย ซึ่งวันนี้มาพร้อมกับผู้สมัคร กทม.หลายท่าน ก็ขอให้ทุกคนชนะทุกสิ่ง ชนะทุกเรื่อง   

นายสุวัจน์ กล่าวว่า ประเพณีสงกรานต์ ถือว่าเป็นซอฟท์พาวเวอร์ของไทย ที่โลกรู้จัก ว่าเป็นวันปีใหม่ของไทย ที่มีมีความรื่นเริงสนุกสนาน ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้าเองมีนโยบายที่ส่งเสริมซอฟท์พาวเวอร์อยู่แล้ว ก็อยากให้โลกได้รู้จักเรามากขึ้นผ่านประเพณีสำคัญ ๆ 

นิพนธ์ นำทีมอ้อนขอคะแนน ปชป. วันสงกรานต์ ทั้งคน ทั้งพรรค ยันนโยบายประชาธิปัตย์มุ่งสร้างคน สร้างครอบครัวให้อบอุ่น

วันนี้ 13 เม.ย.66 นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นรถแห่ ออกเยี่ยมเยือนพี่น้องประชาชนเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ในเขตเลือกตั้งที่ 1 เขตเลือกตั้งที่ 2 และเขตเลือกตั้งที่3  พร้อมเป็นตัวแทนพรรคปชป. ขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชนทั้ง 3 เขตเลือกพรรคประชาธิปัตย์เบอร์ 26  จะได้นายชวน หลีกภัย  นายบัญญัติ บรรทัดฐาน  นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  นายนิพนธ์ บุญญามณี และเลือกผู้แทนของพรรคประชาธิปัตย์ทุกเขต ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566  ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีบัตรสองใบคือ เลือกผู้แทนเขต กาเบอร์ 4 และเลือกพรรคประชาธิปัตย์กาเบอร์ 26  

'ดร.ธนชาติ' ซัด!! ทีมงานนโยบายแจกเงินดิจิทัลเพื่อไทย อึ้ง!! เคยเห็นโพสต์ "อยากเห็นเศรษฐกิจไทยพังพินาศ"

13 เม.ย.2566 - ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ประธานกรรมการกำกับความเสี่ยง ธนาคารธนชาติ และอดีตนายกสมาคม สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นต่อนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทของพรรคเพื่อไทย ซึ่งปรากฏเอกสารภายในพรรคเพื่อไทย มีชื่อ นายภาคิไนย์ ชมสินทรัพย์มั่น หรือ บอล เป็นหนึ่งในคณะทำงานสถาบันต้นไม้แห่งประชาธิปไตย นำเสนอนโยบายเหรียญดิจิทัลเพื่อไทย

ดร.ธนชาติ ระบุว่า "เห็นเอกสารที่คนส่งมาเรื่อง นโยบายดิจิทัลวอลเลตพรรคเพื่อไทย และเห็นชื่อคณะทำงานแล้ว ไปค้นชื่อคนทำแผนมาจากหลายสาขาวิชา แต่พอเห็นชื่อบางคน เช่นรายนี้มีประวัติเคยโพสต์อยากเห็นเศรษฐกิจไทยพินาศ ก็เลยงงว่าให้มาร่วมทำงานได้ไง"

‘บิ๊กป้อม’ รับพรสงกรานต์ เด็กรุ่นใหม่เชียร์เป็นนายกฯ ตอบรับ ‘คุณก็เลือกสิ’ ฝากชาวไทยช่วยก้าวข้ามความขัดแย้ง

เมื่อวันที่ (13 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊ก FC ลุงป้อมโพสต์คลิปภารกิจของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดโอกาสให้เยาวชน ประชาชนและเพื่อน ๆ ของ พล.อ.ประวิตรเข้าพบเพื่ออวยพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์และวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ที่สนามกอล์ฟกองทัพบก รามอินทรา โดยมีตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย และเริ่มดำเนินธุรกิจหลากแขนง เช่น นายนพนธ์ สิงหพันธุ์ นายเวหา ตั้งสมบูรณ์ นายชนะชัย ประมวลทรัพย์ น.ส.ชนากานต์ บูรณพรชัย นายยศกร สังข์ธีรธิติ น.ส.วายุน ลีปายะคุณ นายรวิน ชอบใช้ และนักศึกษาจีน 3 คน ที่มาศึกษาต่อในประเทศไทย ร่วมรดน้ำอวยพร

โดย พล.อ.ประวิตรวันนี้มีสีหน้าสดใส สวมเสื้อฮาวายสีฟ้า แจ๊คเก็ตสีดำ กางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบ อารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับประชาชนอย่างเป็นกันเอง

ขณะที่ น.ส.ชนากานต์กล่าวอวยพร พล.อ.ประวิตรว่า ขอบคุณที่ทำหน้าที่ในรัฐบาลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในการดูแลประเทศและประชาชน โดยเฉพาะช่วงที่รักษาการนายกรัฐมนตรี เพราะตอนที่ พล.อ.ประวิตรสั่งการการทำงานของภาคส่วนต่างๆ ให้แก้ปัญหาของประเทศได้รวดเร็ว ส่งผลให้ธุรกิจของพวกตนฟื้นและเดินหน้าได้ตั้งแต่ตอนนั้นถึงปัจจุบัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top