Monday, 28 April 2025
ElectionTime

‘ธนกร-เมืองคอน’ ลุยหาเสียงนครศรีฯ เปิดศูนย์เลือกตั้ง รทสช. เผย เรตติ้งภาคใต้ ‘ลุงตู่’ มาแรง จนมีพรรคอื่นแอบอ้าง-เกาะกระแส

เมื่อวันที่ (15 เม.ย. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค เดินทางมาเป็นประธานเปิดศูนย์ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคทั้ง 10 เขต เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

โดยนายธนกร กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติเรามุ่งเน้นทำงานการเมือง เพื่อประชาชน เรามีภารกิจที่จะเข้ามาสานต่อนโยบายที่ดี เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำ ความยากจน สร้างเศรษฐกิจปากท้องที่ดีให้ประชาชน โดยเฉพาะภาคใต้เราได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อนุมัติงบประมาณพัฒนาจังหวัดภาคใต้ วงเงินกว่า 250,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ตามนโยบาย ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’ และแคมเปญใหม่ที่ออกมา ‘หาเงินได้ ใช้เงินเป็น’ ของจริงยิ่งกว่า 10,000 บาท ถ้าดูคลิปแล้วประชาชนจะเข้าใจนโยบายของพรรคเรายิ่งขึ้น นโยบายพรรคจะช่วยกลุ่มเป้าหมายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย บัตรสวัสดิการแห่งรัฐพลัสเพิ่มเงินเป็น 1,000 บาท, กู้ฉุกเฉิน 10,000 บาท, เบี้ยผู้สูงอายุ 1,000 บาททุกช่วงวัย, ค่าตอบแทน อสม. 2,000 บาท, กองทุนฉุกเฉินประชาชน 30,000 ล้านบาท

‘พิธา’ ขอบคุณ ปชช.เทคะแนนโหวต หนุนเป็นนายกฯ คนต่อไป สะท้อนคนไทยเบื่อการเมืองแบบเดิม พร้อมลุยหาเสียงโค้งสุดท้าย

เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีประชาชนโหวตให้เป็นอันดับ 1 คนที่จะเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้ง 2566 จากผลโพลของสำนักข่าวมติชนที่ร่วมกับสำนักข่าวเดลินิวส์ ซึ่งสำรวจกลุ่มตัวอย่างผ่านช่องทางออนไลน์จำนวน 84,076 ราย กระจายทุกภูมิภาค ทุกระดับอายุ อาชีพ การศึกษา และรายได้ และเป็นการโหวตแบบไม่ซ้ำไอพีแอดเดรส (IP Address) ระหว่างวันที่ 8-14 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา

นายพิธา กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณประชาชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ คะแนนจากโพลนี้สอดคล้องกับสิ่งที่เราสัมผัสได้ในทุกจังหวัดที่เดินทางไป และสอดคล้องกับตัวเลขในทางออนไลน์ ที่ประชาชนแสดงออกว่าสนับสนุนพรรคก้าวไกลมากขึ้น ยิ่งกว่าสมัยอดีตพรรคอนาคตใหม่ในปี 2562 อย่างเห็นได้ชัด ทั้งอยากเห็นตนเป็นนายกฯ อยากได้ ส.ส.เขตแบบก้าวไกลมาทำงานรับใช้ประชาชน และในภาพใหญ่ คืออยากให้คนบริหารประเทศเป็นคนแบบก้าวไกล

เสียงสนับสนุนที่เราได้รับ สะท้อนให้เห็นว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เราพิสูจน์การทำงานให้ประชาชนเห็นแล้วว่า ส.ส.พรรคก้าวไกล ทำงานได้โดดเด่นและแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นที่เคยมีมาอย่างไร จนได้รับคำชมว่า ก้าวไกลทำงานตรงไปตรงมา ทำงานคุ้มค่า และมุ่งแก้ปัญหาที่ต้นตอ

“สิ่งที่สำคัญที่สุด เสียงสนับสนุนที่ก้าวไกลได้รับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สะท้อนว่าคนไทยไม่ต้องการวนเวียนอยู่กับการเมืองแบบเดิม ๆ อีกแล้ว เพราะนักการเมืองแบบเดิม ๆ วิธีคิดและวิธีการทำงานการเมืองแบบเดิม ไม่สามารถตอบโจทย์ของสังคมไทยยุคใหม่ได้ ประชาชนจึงต้องการพรรคก้าวไกลมาทำในสิ่งที่นักการเมืองในอดีตทำไม่ได้” นายพิธา กล่าว

หัวหน้าพรรคก้าวไกลทิ้งท้ายว่า ในช่วง 30 วันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง พวกเราพรรคก้าวไกลต้องทำงานให้หนักมากขึ้น ทั้งเปิดเวทีปราศรัยทั่วประเทศ ทั้งสื่อสารทางออนไลน์และผ่านสื่อมวลชน ทั้งเดินเคาะประตูบ้าน เพื่อเข้าหาพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด เพราะในการเลือกตั้งครั้งนี้ ชัยชนะของพรรคก้าวไกลจะเป็นปัจจัยชี้ขาดโฉมหน้าของรัฐบาลชุดต่อไป ว่าจะน่าไว้วางใจแค่ไหน และจะมีพรรคทหารจำแลงร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่

'จตุพร' ถก 'สุริยะใส' ร่วมชี้!! 3 สัญญาณอันตรายเลือกตั้ง วิเคราะห์ 'ทักษิณ' ยิ่งรุก!! ยิ่งขันเกลียวภาพปี 62 ให้แน่นขึ้น

(16 เม.ย.66) จากรายการ ‘ถลกข่าว ถลกคน’ รายการเกาะติดเจาะลึกการเลือกตั้ง 2566 โดยสำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES ร่วมกับ TV Direct ช่อง 76 (จานดาวเทียม PSI) ใน EP แรก ได้เชิญ 2 นักวิเคราะห์วิจารณ์ ผู้มองสถานการณ์การเมืองไทยแบบเกาะติด มาร่วมฉายฉากทัศน์การเลือกตั้ง 66 ได้อย่างน่าสนใจ 

ท่านแรกเป็นนักต่อสู้นักเคลื่อนไหว เคยเป็น ส.ส 2 สมัย พรรคพลังประชาชน เมื่อปี 2550 และพรรคเพื่อไทยเมื่อปี 2554 เป็นอดีตประธาน นปช. ทุกวันนี้ยังออกรายการทีวี คือ 'คุณจตุพร พรหมพันธ์' ส่วนอีกท่านหนึ่งเคยเป็นผู้ประสานงานคนดังของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งวันนี้เข้าสู่โหมดวิชาการอย่างเต็มรูปแบบ เป็นคณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต 'รศ.ดร.สุริยะใส กตะศิลา' ดำเนินรายการโดย นายสำราญ รอดเพชร สื่อมวลชนอาวุโส

>> 3 สัญญาณอันตรายเลือกตั้ง 66
สำหรับประเด็นที่น่าสนใจใน 'ถลกข่าว ถลกคน' EP แรกนี้ รศ.ดร.สุริยะใส ได้เปิดประเด็นด้วยการขีดเส้นใต้ให้เห็นถึงความของการเลือกตั้งหนนี้ กับครั้งก่อนหน้า โดย รศ.ดร.สุริยะใส เผยว่า...

"ผมขอขีดเส้นใต้ไปที่สัญญาณอันตราย 3 เรื่อง...
1) ใช้เงินเท่าไร ทุจริตเท่านั้น : การเลือกตั้ง 66 จะเป็นการเลือกตั้งที่ใช้เงินมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย และก็จะเป็นการเลือกตั้งที่มีการทุจริตมากอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย...เพราะเมื่อไม่กี่วันมานี้ ผมเพิ่งจะคุยกับหัวคะแนน...สมัยก่อนเวลาจ่ายเงินซื้อเสียงเนี่ย ล็อกเป้าหวังผล จ่ายแสนต้องได้ 3,000 / 4,000 คะแนน เรียกว่าล็อกเป้าได้ แต่เดี๋ยวนี้จ่าย 500,000 ได้ 2,000 ก็เอาแล้ว  เพราะมันล็อกเป้าไม่ได้!! เพราะทุกพรรคจ่ายกัน แล้วจ่ายเยอะด้วย ฉะนั้นชาวบ้านก็รับทุกทาง ก็เป็นโอกาสของชาวบ้านว่าไป แต่ว่าเรานึกถึงตอนเขาถอนทุนสิ เขาต้องถอนทุนหนักกว่าเดิมแน่

"2) หาเสียงในวังวนเดิม : มีหลายเรื่องที่ผมคิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเป็นการเดิมพันประเทศไทย แต่ปรากฏว่าวาระของประเทศกลับไม่ถูกพูดถึงหลายเรื่องเลย...เอาง่ายๆ ตอนนี้เราอยู่ในภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ อันนี้พูดแบบวิชาการหน่อย แต่ว่าการเลือกตั้งรอบนี้ยังมาเถียงกันเรื่อง 600 / 400 / 700 / 300 / 3 พัน / 2 พัน เราถึงมักถูกบีบให้เลือกจีนหรือเลือกอเมริกา...คำถามคือ แล้วต่อไปไทยอยู่ตรงไหนของระเบียบโลกใหม่ เรื่องนี้ไม่มีพรรคการเมืองไหนตอบเลย และน่าห่วงมาก คือ พอไปถามพรรคพวกที่อยู่ในแวดวงทุกพรรค ก็บอกว่าเลือกประเด็นแบบนั้นมาเสนอ มันหาเสียงไม่ได้ ชาวบ้านไม่รู้เรื่อง นี่คือเรื่องที่น่าห่วง 

"3) กลืนกินเงินอนาคต : ประชานิยมรอบนี้น่ากลัวมาก กินไปถึงเงินคงคลัง กินไปถึงเงินทุนสำรอง คำถามคือแล้วความรับผิดชอบของพรรคการเมือง ซึ่งเข้าไปผูกมัดตัวเองกับเรื่องที่มาของเงินล่ะ จะเอายังไง แน่นอนว่านาทีนี้ใครลงเลือกตั้งก็อยากชนะ แต่มันสมควรหรือไม่? แล้วคณะกรรมการการเลือกตั้งทำอะไรอยู่ ทำไมต้องรอคนไปร้อง มันเรียกแจงได้แต่ละพรรคได้แล้ว"

รศ.ดร.สุริยะใส กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า "ถ้าหากพรรคการเมืองทำตามนโยบายที่หาเสียงเอาไว้ เท่ากับว่าเป็นการส่งสัญญาณที่จะกินไปถึงเงินคงคลังที่ว่า 1.โกง 2.วาระของประเทศน้อยไป ไม่ถูกพูดถึง 3.เรื่องประชานิยม"

เกี่ยวกับประเด็นนี้ ด้านคุณจตุพร ก็มองไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมทั้งกล่าวด้วยว่า "อย่างที่คุณสุริยะใสบอกกล่าว การเลือกตั้งครั้งนี้มีการใช้เงินที่มาก เพราะท่ามกลางห้วงเวลาที่ประชาชนมีความยากลำบากเนี่ย เงินก็จะมีผล ไม่ว่าเงินโดยระบบการซื้อเสียง เงินโดยผ่านนโยบาย ซึ่งจะมีการคิดสารพัดพลิกแพลงที่จะแจกกัน ไม่ว่าเงินดิจิทัล 10,000, บัตรคนจน 1,000, บัตรพลังประชารัฐ 700, บำนาญประชาชน 3,000 จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าทุกอย่างเป็นเรื่องการแจกทั้งสิ้น 

"แต่ในมุมผม บางนโยบาย เช่น การนำแนวคิดด้านดิจิทัลมาขายนั้น อาจเป็นการคิดการขายที่เร็วเกินไป ทั้งที่ยังไม่มีกฎหมายมารองรับอย่างเป็นทางการ ซึ่งก็จริงอย่างที่คุณสุริยะใสบอก ว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง ควรที่จะตัดสินว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ ไม่ใช่ว่ารอการชี้แจงจากผู้ร้อง และก็เป็นการชี้แจงเพียงแค่ว่าจะหาเงินมาจากไหน ขณะเดียวกันวันนี้ทุกคนต่างก็พูดพื้นฐานในเรื่องนโยบายเหมือนๆ กันว่า จะเก็บภาษีเพิ่ม ตัดงบประมาณที่ไม่เป็นจำออกไป แต่ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องวินัยทางการคลังหรือว่ากฎหมาย หรือผลประโยชน์ทับซ้อนอื่นใดๆ เลย"

>> ฉากทัศน์การเมืองเดิม
เมื่อภาพของการหาเสียงไม่ต่าง การเปลี่ยนแปลงในเชิงฉากทัศน์เพื่อปากท้องไม่เปลี่ยน โอกาสที่ฉากทัศน์ทางการเมืองจะวนเวียนเหมือนเดิม จึงไม่ผิดเพี้ยน ซึ่งประเด็นนี้คุณจตุพร มองว่า "โอกาสสวิงขั้วอำนาจของ 2 ซีกการเมืองเดิมนั้น คงจะเป็นไปได้น้อยมาก หรือก็คือ ซีกรัฐบาลเดิม ที่ถูกจำกัดความเรียกว่า 'อนุรักษ์นิยม' กับอีกซีกหนึ่งที่เรียกว่าพวก 'เสรีนิยม' นั้น จะปรากฏภาพของคะแนนในแต่ละภาคฝั่งที่มันจะถูกหารกันออกมาคล้ายๆ เดิม โดยในซีกรัฐบาลเดิม ไม่ว่าจะรวมไทยสร้างชาติ, พลังประชารัฐ, ประชาธิปัตย์, ภูมิใจไทย ก็คงหมุนวนอยู่ตรงนั้น อีกซีกนึง เพื่อไทย, ก้าวไกล, ไทยสร้างไทย, เสรีรวมไทย, ประชาชาติ ก็จะอยู่ในวนนี้ โอกาสที่จะสวิงข้างยากลำบาก 

"ฉะนั้น เมื่อฉากทัศน์ในแง่ของขั้วการเมืองไม่ต่าง จึงสังเกตได้ว่า ตอนนี้รูปแบบการหาเสียงเลือกตั้งเลยดูจะเน้นไปในทางสร้างความแตกแยกก่อน เพื่อจะแย่งเอาคะแนนไปให้ฝ่ายตนได้มากสุด

"ยกตัวอย่าง พรรคพลังประชารัฐ ลุงป้อม ก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่เดินไปเดินมาชักจะเป็นปัญหา เพราะมีการปรากฏตัวของนายทักษิณ รวมถึงการขับเคลื่อนของพรรคก้าวไกลที่เข้มข้น แต่ขณะเดียวกันเมื่อทักษิณผลุบ ซีกฝั่งของพลเอกประยุทธ์อยู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาดื้อๆ เพราะการปรากฏตัวของทักษิณโดยเฉพาะยิ่งพูดถึงเรื่องการกลับบ้านมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสร้างความแข็งแรงให้พลเอกประยุทธ์มากเท่านั้น 

"หรือแม้แต่วันก่อนกับ พรรคที่ขอก้าวข้ามความขัดแย้ง  รองหัวหน้าพรรคไพบูลย์ นิติตะวัน ออกมาสัมภาษณ์ว่าจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ซึ่งพรรคเพื่อไทยเองก็ไม่เคยประกาศว่าจะจับมือกับพรรคก้าวไกล มีเพียงก้าวไกลประกาศจับมือกับพรรคเพื่อไทย ภูมิใจไทยก็ประกาศไม่จับมือกับพรรคก้าวไกล ทั้งหมดเนี่ยก็คือ การละเลงทางการเมืองก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นสังเกตให้ดีเราจะเห็นว่า คะแนนเดิมมันปริ่มน้ำทั้ง 2 ฝ่าย เหมือนตอนยุบไทยรักษาชาติแล้วคะแนนมางอกที่อนาคตใหม่ยังไงยังงั้น เพราะฉะนั้นบริบทคะแนนมันไม่ได้ต่างกัน จึงต้องมีการกระทำเพื่อนำไปสู่การเทคะแนนเสียงไปมา

"นี่ไม่นับเรื่องการยุบพรรค ซึ่งดูกำหนดเวลาแล้วเนี่ย น่าจะมีการยุบภายหลังการเลือกตั้งในระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล ในกรอบ 180 วัน ก่อนพระราชกฤษฎีกาหลังพระราชกฤษฎีกา"

>> ทักษิณขยับ!! ลุงตู่ผงาด!!
เกี่ยวกับประเด็นนี้ รศ.ดร.สุริยะใส ได้วิเคราะห์เพิ่มเติมด้วยว่า "คงยังไม่มีกรณีซ้ำรอยเช่นพรรคไทยรักษาชาติแบบเมื่อปี 2562 ซึ่งตอนนั้นมีการยุบพรรคก่อน แต่หนนี้อาจจะยุบพรรคทีหลัง ส่วนในเรื่องสูตรของรัฐบาล คงเป็นเรื่องที่ต้องคาดการณ์ล่วงหน้ากันไป แต่มันไม่ใช่ตัวแปรที่จะทำให้การเลือกตั้งสะดุด เพียงแต่ว่าสูตรที่วางกันในขณะนี้มันกลับไปสูตรเดิม นั่นก็คือทันทีที่คุณทักษิณขยับ คะแนนแกจะหยุด แล้วเรตติงบิ๊กตู่ดันขึ้นมา"

"กลายเป็นว่าเป็นคนเดียวที่จะหยุดนายกทักษิณได้ คือ พลเอกประยุทธ์" คุณจตุพรสำทับ 

'ศิลัมพา-รทสช.' โชว์ภาพยูทูปเบอร์ทั่วโลก แห่ทำ Content งานสงกรานต์ สะท้อน!! แรงผลักซอฟเพาเวอร์ของรัฐบาลและคนไทยทุกคน

(16 เม.ย.66) น.ส.ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส. เขตคลองสาน ธนบุรีและแขวงบางปะกอก เบอร์ 7 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้กล่าวถึงซอฟต์เพาเวอร์ของรัฐบาล หลังยูทูปเบอร์ทั่วโลก แห่ทำ Content งานสงกรานต์ว่า ตนได้เห็นภาพงานเทศกาลสงกรานต์ ในหลาย ๆ ที่ ทั้งในกรุงเทพ และในส่วนภูมิภาค ล้วนมีแต่ความคึกคักมีชีวิตชีวา 

โดยนอกเหนือจากพวกเราคนไทย ที่ออกมาเล่นสงกรานต์กันอย่างมีความสุขที่สุด นี่เป็นครั้งแรกหลังจากสถานการณ์โควิด ภาพนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่แน่นหนา ไม่ว่าจะเป็นถือปืนฉีดน้ำ ถือขันน้ำสาดกันในสถานที่ต่าง ๆ นี่เป็นภาพที่ยืนยันถึงความสุขของผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี ดังนั้นใครที่ยังคงสร้างวาทกรรทหลอกชาวบ้านว่า "ประเทศไทยเต็มไปด้วยความทุกข์” นั้นควรเลิกพูดได้แล้ว

ด้านประเด็นยูทูปเบอร์ทั่วโลก แห่ทำ Content งานสงกรานต์ ศิลัมพา กล่าวว่า ถ้าเราเข้าไปดูในสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ จะเห็นว่า เรื่องราวของเทศกาลสงกรานต์ของประเทศไทยของเรา กลายเป็นเทศกาลที่ถูกนำเสนอออกไปโดยชาวต่างชาติที่มีโอกาสมาสัมผัสเและเผยแพร่ออกไปทั่วโลก

โดยเฉพาะในยูทูป เท่าที่ตนติดตามดูพบว่า มีบรรดายูทูปเบอร์ ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก ทำคอนเทนต์ หรือเรื่องราว ของเทศกาลสงกรานต์ประเทศไทย ไม่น้อยกว่า 30 ช่อง แต่ละช่องก็มีผู้ชมจำนวนมากทั้งนั้น

ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่า งานเทศกาลสงกรานต์ของไทยเรานั้น ได้กลายเป็นงานเทศกาลระดับโลกไปแล้วเป็นที่รู้จัก และเป็นหมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ครั้งหนึ่งใชีวิตนจะต้องมาร่วมงานให้ได้

จับตา 'รวมไทยสร้างชาติ' หลังส่ง 'วิเนตร ดอนเส' เข้าบู๊ ขี่ 'บัตรลุงตู่' ขู่ 'วันนิวัติ สมบูรณ์' แชมป์เก่าจนหลุดขอบ

การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ ขอนแก่นเขต 10 ถือว่ามีความคึกคักไม่แพ้เขตอื่นๆ ในจังหวัด 

เริ่มกันที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ส่ง 'วิเนตร ดอนเส' ศิษย์เก่าพลังประชารัฐ และศิษย์เก่า สร้างอนาคตไทย เข้าลงสังเวียน ท้าชิงแชมป์เก่า ส.ส. วันนิวัติ สมบูรณ์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ของอดีต ส.ว.รัตนาพร สมบูรณ์ บ้านใหญ่แห่งอำเภอหนองสองห้อง 

อย่างไรเสีย วิเนตร ดอนเส เองก็เคยเป็นอดีตนายกเทศมนตรีตำบลชนบท และอดีตคณะทำงานรัฐมนตรีหลายกระทรวงฯ ลงพื้นที่ใกล้ชิดประชาชนมาโดยตลอด เรียกว่ารับทราบและซึมซับปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่อยู่เสมอ ทำให้กระแสความนิยมและเสียงตอบรับเพิ่มขึ้นตามลำดับ ในพื้นที่เขต 10 ของจังหวัดขอนแก่น ซึ่งประกอบไปด้วย อำเภอหนองสองห้อง / อำเภอเปือยน้อย / อำเภอโนนศิลา / อำเภอโคกโพธิ์ไชย และอำเภอชนบท 3 ตำบล

ความน่าสนใจอีกประการ คือ ในขณะที่ วิเนตร รุกชิดชาวบ้าน กลับกัน ส.ส.แชมป์เก่า อย่าง วันนิวัติ สมบูรณ์ แห่งพรรคเพื่อไทย ในช่วงหลังๆ ไม่ค่อยลงพื้นที่มากนัก จึงทำให้ผู้สมัครหน้าใหม่ ที่อาศัยความนิยม 'บัตรลุงตู่' เข้ามาเสริมแรงได้มากอยู่ มีโอกาสแซงเข้าป้ายได้เหมือนกัน 

ประจวบกับอีกตัวแปรอย่าง 'บัลลังก์ อรรณพพร' บ้านใหญ่ แห่งอำเภอหนองสองห้อง เลือกสวมเสื้อพลังประชารัฐ ลงแข่งขันในเขต 10 ก็น่าจะมาแบ่งคะแนนจากอำเภอหนองสองห้องได้มากพอสมควร 

โดยสรุป ภาพรวมการแข่งขันชิงเก้าอี้ผู้สมัคร ส.ส. โดยเฉพาะจาก 3 พรรคใหญ่ รวมไทยสร้างชาติ, เพื่อไทย และพลังประชารัฐ ในพื้นที่เขต 10 ขอนแก่น หนนี้ มีโอกาสแพ้ชนะใกล้เคียง ได้ประมาทกันไม่ได้

‘ชวน’ ลุยหาเสียง อ้อน ปชช. สนับสนุน ‘แนน ศิริภา’ ชี้ เป็นคนมีความสามารถ ซื่อสัตย์ มีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้แทนฯ

(16 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่กทม. โดยนายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภาและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงพื้นที่ ซ.สุขสวัสดิ์ 26 เขตราษฎร์บูรณะ พร้อมด้วย น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหาเสียงสนับสนุน น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. หมายเลข 11 เขตธนบุรี คลองสาน ราษฎร์บูรณะ

โดย นายชวน ได้นำ น.ส.ศิริภา เดินพบปะประชาชนที่มาจ่ายตลาด ภายในซ.สุขสวัสดิ์ 26 และฝากให้ช่วยกันเลือก น.ส.ศิริภา หมายเลข 11 รวมถึงเลือกพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 26 บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักมีประชาชนเข้ามามอบดอกไม้ และขอถ่ายรูปจำนวนมาก เนื่องจากชื่นชมบทบาทของนายชวน ในการทำหน้าที่ประธานสภาฯ นอกจากนี้นายชวน ยังได้ขึ้นรถปราศรัย ขอคะแนนเสียงให้ น.ส.ศิริภา ไปตามซอกซอยต่างๆ ยืนยันความตั้งใจสนับสนุนให้ น.ส.ศิริภา ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.กทม. เพื่อเข้ามาเป็นตัวแทนประชาชนในสภาฯ ด้วยประสบการณ์การทำงานกับตนเองในฐานะเลขา

นายชวน กล่าวด้วยว่า น.ส.ศิริภา เป็นผู้สมัครหญิงของพรรคที่มีความรู้ความสามารถ มีความรับผิดชอบ และมีความตั้งใจ ซึ่งตนเชื่อมั่น น.ส.ศิริภา เพราะเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต ประกอบกับกรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวง และประเทศไทยก็เป็นดินแดนอันเป็นที่ยอมรับ มีจุดดีจุดเด่นมากมาย จึงขอประชาชนอย่าละเลย ให้ประเทศเกิดโรคระบาดของการทุจริตโกงกิน  อีกทั้ง น.ส.ศิริภา ถือเป็นคนรุ่นใหม่ ที่ตนคาดหวังอยากให้เป็น ส.ส.และมั่นใจว่าสนามการเลือกตั้ง กทม.ครั้งนี้ พรรคน่าจะประสบความสำเร็จได้ ส.ส.กลับคืนมาอย่างแน่นอน

'อุทัย' ปลื้ม!! ชาวบ้านเข้าใจ ภท.หนุนกัญชาเพื่อการแพทย์ เมินกัญชาเสรี แถมตอบกลับ "เลือกตั้งหนนี้ พร้อมกาให้เบอร์ 2 เขต 1 ยโสธร"

(16 เม.ย.66) นายอุทัย มิ่งขวัญ ผู้สมัครสมาชิกผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทย เขต 1 จังหวัดยโสธร เบอร์ 2 ได้ลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้าน โดยในวันนี้ นายอุทัย เดินหน้าทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องพืชสมุนไพร​ไทย 'กัญชาไทย มีประโยชน์ต่อสุขภาพและเป็นประโยชน์​ในทางการแพทย์' 

"วันนี้ขอใช้เวลาแบบยาวๆ เพื่อมาเดินเคาะประตูบ้านแบบทั่วถึงอีกหนึ่งวัน โดยหาเสียงแจกแผ่นผับโบว์ชัวร์​รณรงค์​ให้เลือกเบอร์ 2 เด็กวัด ลูกชาวนา ค่ายภูมิใจไทยในเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัด​ยโสธร​ ประกอบด้วย​ อำเภอ​เมืองยโสธร​ อำเภอ​ทรายมูล​ อำเภอป่าติ้ว​ (เฉพาะตำบาลกระจาย และตำบลศรีฐาน)​ และ อำเภอคำเขื่อน​แก้ว​ (เฉพาะตำบลทุ่งมน)​ 

"สิ่งที่น่าประทับใจอย่างมาก คือ วันนี้เราอยากมาทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในแง่ของกัญชาในมิติที่ถูกต้อง แต่กลับกันชาวบ้านฝากบอกผมไปบอก 'เสี่ยหนู' อนุทิน ว่า..."ไม่ต้องห่วง ประชาชนเข้าใจในสาระสำคัญที่ภูมิใจไทยนำเสนอ และพร้อมสนับสนุน​เต็มที่ เพราะกัญชาพืชสมุนไพร​ไทยเป็นประโยชน์​ต่อสุขภาพ​และมีการปลูกตามครัวเรือน สวนหลังบ้าน ตามที่ทางการกำหนด และพร้อมสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.จากภูมิใจไทยอย่างแน่นอน" 

‘กกต.’ เปิดยอดเงิน-รายชื่อผู้บริจาค หนุนพรรคการเมือง ม.ค. 66 เผย ‘รทสช.’ รับเยอะสุด!! 26 ล้านบาท รองลงมา ‘พท.-ชพท.’

(16 เม.ย.66) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่ข้อมูลบัญชีรายชื่อผู้บริจาค และจำนวนเงินที่บริจาคให้แก่พรรคการเมือง ประจำเดือน ม.ค.66 โดยพบว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มียอดได้รับการบริจาคสูงสุดถึง 26 ล้านบาท รองลงมา เป็นพรรคเพื่อไทย (พท.) ยอดได้รับบริจาค 12 ล้านบาท และอันดับสาม พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ยอดได้รับบริจาค 9.8 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในรายละเอียดพบว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มียอดบริจาค 19 รายการ รวมวงเงิน 26,004,500 บาท ผู้บริจาคที่น่าสนใจ เช่น นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ และอดีตรองอธิการบดี ม.กรุงเทพธนบุรี (เคยเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น) บริจาค 5 ล้านบาท, น.ส.สุทธาพัฒน์ อมรเรืองตระกูล บริจาค 5 ล้านบาท, น.ส.เสาวณี อนุกูล บริจาค 5 ล้านบาท

'อิทธิพัทธ์’ โต้!! 'เศรษฐา' เหยียดลุงตู่ไม่รู้ภาษาอังกฤษ ชี้!! เลือกนายกฯ ไม่ใช่เลือกครูสอนภาษา แนะ!! ควรสู้กันด้วยนโยบาย

‘อิทธิพัทธ์’ โต้!! 'เศรษฐา' เหยียดลุงตู่ไม่รู้ภาษาอังกฤษ ชี้!! เลือกนายกฯ ไม่ใช่เลือกครูสอนภาษา อัดเข้าเล่นการเมืองไม่ทันไร เริ่มน้ำเน่าแล้ว

จากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ได้กล่าวในการหาเสียงที่ตลาดเทศบาลบ้านโป่งว่า ประเทศไทยจีดีพีโตขึ้น 2.3 % ต่ำจนน่าอับอายเพื่อนบ้านที่เขาโตเกิน 5% นายกฯ คนปัจจุบันไม่เคยเดินหน้าหาตลาดใหม่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้หรือไม่สนใจ พรรคเพื่อไทยไม่ว่าใครเป็นนายกฯ การเปิดตลาดใหม่ถือว่าสำคัญที่สุด 

ล่าสุดนายอิทธิพัทธ์ เศรษฐยุกานนท์ หรือ บอย ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 32 เบอร์ 5 ได้ออกมาตอบโต้นายเศรษฐาว่า การที่นายเศรษฐา ออกมาด้อยค่าพล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี นี่สะท้อนถึง ระดับจริยธรรม ของนายเศรษฐาได้เป็นอย่างดี เพราะเพียงแค่เข้าสู่ วงการเมืองเต็มตัว ไม่กี่เดือน ก็ใช้วิธี เหยียดหยาม คู่แข่งทางการเมือง ออกมาให้เห็น ในทางกลับกันพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยใช้วิธีสกปรก ไปใส่ร้าย หรือด้อยค่าคนอื่นเลยแม้แต่น้อย นี่ก็ทำให้เห็นแล้วว่าใครคนไหนที่มีวุฒิภาวะมากกว่ากัน

นายอิทธิพัทธ์ ยังกล่าวถึงประเด็นที่นายเศรษฐาถากถางภาษาอังกฤษของพล.อ.ประยุทธ์ ว่า เรื่องภาษาอังกฤษเก่งไม่เก่งนั้น ไม่ใช่ประเด็นสำคัญในการเป็นผู้นำ คุณสมบัติของการเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้วัดกันที่ภาษาอังกฤษอย่างเดียว แต่วัดกันที่ความซื่อสัตย์   การแยกชัดเจนระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ของบ้านเมือง เพราะ ประเทศไม่ใช่ธุรกิจครอบครัว นี่เรากำลังหาผู้นำประเทศอยู่ ไม่ใช่กำลังหาล่ามภาษา หรือไกด์นำเที่ยว ตนอยากจะให้นายเศรษฐาทำความเข้าใจใหม่

ทั้งนี้การส่งออกไทย ทั้งปี 2565 (มกราคม–ธันวาคม) มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 287,067.9 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีอัตราการเติบโตที่ร้อยละ 5.5 จากข้อมูลจะเห็นว่าการส่งออกไทยสูงสุดในรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ ในยุคที่นายเศรษฐากล่าวหาว่านายกพูดอังกฤษไม่เป็น 

ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ โดย 'สวนดุสิตโพล' มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กรณี นายกรัฐมนตรีโพล

ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ โดย 'สวนดุสิตโพล' มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กรณี นายกรัฐมนตรีโพล : 'นายกรัฐมนตรีคนใหม่' ในสายตาประชาชน จำนวนทั้งสิ้น 1,274 คน (สำรวจทางภาคสนามและออนไลน์) ระหว่างวันที่ 11-14 เมษายน 2566
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top