Sunday, 27 April 2025
ElectionTime

‘สมชัย’ จี้ถาม!! ‘กกต.’ ได้เอกสารแล้ว จะตอบตอนไหน หลังขู่ทุกพรรคแจงนโยบายหาเสียงไม่ทำ ปรับเงิน-ตัดสิทธิ์เลือกตั้ง

กกต. สั่งทุกพรรคแจงนโยบายหาเสียง งบที่ใช้ ไม่ทำปรับ 5 แสน พร้อมตัดสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี ด้านสมชัยถามกลับ ถ้าได้เอกสารแล้ว กกต.จะตอบตอนไหน

เมื่อวันที่ (13 เม.ย.66) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมหนังสือที่ กกต. ส่งจดหมายถึงทุกพรรคการเมือง โดยระบุข้อความดังนี้

กกต. ให้ชี้แจงถึงรายละเอียดของนโยบายที่หาเสียง ในเรื่องจำนวนเงินงบประมาณที่ใช้ ที่มาของงบประมาณ ความคุ้มค่าและประโยชน์ที่ได้รับ ผลกระทบและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น พร้อมให้ระบุว่าได้ผ่านการรับฟังความเห็นจากสมาชิกพรรคในภูมิภาคแล้ว

‘ช่อ พรรณิการ์’ ร่วมเล่นน้ำสงกรานต์ กับชาวหนองคาย ปชช. แห่ถ่ายรูป-ให้กำลังใจ พร้อมรับฟังปัญหาคนในพื้นที่

‘ช่อ พรรณิการ์’ เล่นสงกรานต์ริมโขง ประชาชนรุมกรี๊ด-ถ่ายรูปแน่น 

(14 เม.ย. 66) พรรณิการ์ วานิช กรรมการมูลนิธิคณะก้าวหน้า ร่วมฉลองสงกรานต์กับพี่น้องประชาชนริมฝั่งโขง จังหวัดหนองคาย โดยได้ร่วมรดน้ำดำหัวผู้เฒ่าผู้แก่ พร้อมร่วมรำวงกับผู้สูงอายุฉลองสงกรานต์ ที่อำเภอท่าบ่อ ต่อด้วยการร่วมฉลองสงกรานต์ที่อำเภอท่าบ่อ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการเฉลิมฉลองเล่นน้ำคึกคักที่สุดแห่งหนึ่งในหนองคาย

‘บิ๊กป้อม’ ขอบคุณจนท.-พนง. ผู้เสียสละความสุขส่วนตัว ช่วยดูแลความปลอดภัยประชาชน ช่วงสงกรานต์

‘บิ๊กป้อม’ ขอบคุณจนท.-พนง.ให้บริการ ดูแลความปลอดภัยปชช.ช่วงสงกรานต์ ยก ผู้อยู่เบื้องหลังความสุขของคนไทย

(14 เม.ย.66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่และพนักงานให้บริการประชาชน ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร พนักงานรักษาความปลอดภัย แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัคร หน่วยกู้ชีพ กู้ภัย พนักงานขับรถสาธารณะ และพนักงานให้บริการอื่น ที่ยังคงต้องทำงานรับผิดชอบต่อภารกิจ คอยอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนทั่วไปในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 โดยไม่ได้เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน ร่วมสังสรรค์กับครอบครัว พ่อแม่ ญาติสนิท มิตรสหาย

จับตายุทธการล้ม 'ชลน่าน' รวมไทยสร้างชาติจ่อคอหอย ฟากบ้านใหญ่ชลบุรี แอบหวั่น!! มาดามเบียร์ถูกคว่ำ

'เล็ก เลียบด่วน' พบกับท่านสัปดาห์ละ3ครั้ง...เลียบการเมือง วิเคราะห์การเมืองเบื้องลึก...แต่จากนี้ไปจำเพาะวันศุกร์สุดสัปดาห์ ท่านบก.กระซิบบอกให้ช่วยเลาะขอบสนามเลือกตั้งแบบว่า หยิบกอสซิป หรือไฮไลต์เลือกตั้งที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังบ้าง...ก็จะขอดำเนินการตั้งแต่บัดนาว...

ประเดิมเริ่มแรกขอโฟกัสไปที่ภาพรวมเลือกตั้ง..นาทีนี้พรรคเพื่อไทยเร่งทำผลสำรวจด้วยตัวเอง พร้อมๆ กับแสวงหาผลสำรวจสำนักต่างๆ กันจ้าละหวั่นเพราะอยากรู้ว่า หลังยิงปืนใหญ่นโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทออกมา...บวกลบคูณหารแล้วขาดทุนหรือกำไร...คะแนนพุ่งหรือพัง...คิดใหญ่ทำเป็นยังขลังหรือไม่...เพราะดูเหมือนแรงต้านจะมีมากเหลือเกิน..

พรรคเพื่อไทยอีกซักข่าว...ข่าวนี้ถ้าเป็นไปได้จริงก็ถือว่าเป็นการล้มช้างกันเลยทีเดียว...นั่นคือมีการปิดกันให้แซ่ดว่า พรรครวมไทยสร้างชาติหมายมั่นปั้นมือที่จะปลุกปั้นให้ 'พิชิต โมกศรี' ผู้สมัครส.ส.น่านเขต 2 ของพรรคเข้าวิน...เบียดส.ส.5 สมัยอย่างนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ให้ตกเหวการเมืองสอบตกเป็นสมัยแรกให้ได้...ซึ่งหากดูโปรไฟล์ของอดีตปลัดเทศบาลเมืองแพร่อย่างพิชิต โมกศรี ก็ไม่ธรรมดา เคยลงสมัคร นายกอบจ.น่าน เมื่อปี 2563 มาแล้ว ได้ลำดับสอง แพ้ไปเพียง 2 หมื่นกว่าคะแนน...

เลือกตั้งหนนี้ ทั้ง 'แม่เลี้ยงติ๊ก' ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู, เสธ.หิ-ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ...ขุนพลภาคเหนือของพรรคลุงตู่ แว่บไปเมืองน่านถี่ยิบ...ลุ้นระทึกยิ่งกว่าลงสมัครเองเลยทีเดียว...

ครับ...ถ้าล้มหมอชลน่านได้จริงก็เป็นเรื่องใหญ่ เพราะหมอชลน่านเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นส.ส.เขตแบบชนะขาดมาแทบทุกครั้ง รอบนี้เป็นหัวหน้าพรรคคนเดียวที่ลง ส.ส.เขต ไม่ยอมลงปาร์ตี้ลิสต์ โดยให้เหตุผลว่าหากให้คนอื่นลงมีโอกาสแพ้...และจะทำให้พรรคเสียที่นั่ง ตัวเองจะรู้สึกผิด...อะไรประมาณนั้น...อย่างไรก็ตามหลายคนก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าความที่เป็นหัวหน้าพรรค ต้องเดินทางไปปราศรัยช่วยลูกพรรคทั่วประเทศ อาจทำให้หมอชลน่านเกิดอาการ 'ห่วงหน้าพะวงหลัง'...ดีไม่ดีอาจพลาดท่าเสียเก้าอี้ได้เหมือนกัน...

แว่บไปดูแนวรบด้านตะวันออกกันหน่อย...วันก่อนโน้นดีเบตที่ชลบุรีเดือดพล่าน...เมื่อ 'เสี่ยเฮ้ง' สุชาติ ชมกลิ่น  แม่ทัพพรรค รทสช.ลุกขึ้นชี้หน้า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  แห่งค่ายก้าวไกล...ซึ่งอันที่จริงคู่ชิงเก้าอี้เมืองชล 10 ที่นั่งนั้นไม่ใช่พรรคก้าวไกลที่อาจจะรักษาเก้าอี้ไว้ได้ซัก 1 ที่นั่ง คือ จรัส คุ้มไข่น้ำ...แต่สนามนี้ปีนี้มวยคู่หลักคือ 'บ้านใหญ่' นำโดย แป๊ะ-สนธยา คุณปลื้ม กับ 'บ้านใหม่' นำโดย 'เสี่ยเฮ้ง' สุชาติ ชมกลิ่น ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้สูสีดู๋ดี๋ระดับที่อาจจะต้องแบ่งครึ่งกัน....

‘ชวน’ ลุยหาเสียงคลองท่อม ช่วย ‘พิมพ์รพี’ หาเสียง ยอมรับ!! หนักใจ-วิตกกังวล เหตุผลโพลพรรครั้งท้าย

ชวน ลงพื้นที่ตลาดคลองท่อม ช่วย ผู้สมัคร ส.ส. กระบี่ เขต 3 หาเสียง ยอมรับหนักใจ ผลโพลพรรครั้งท้าย พร้อมวิตกกังวล มีการเงินอย่างหนักมาก

(14 เม.ย. 66) ตลาดคลองท่อม อำเภอคลองท่อมจังหวัดกระบี่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นางสาวพิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล นายสาคร เกี่ยวข้อง และนายธวัช ภูเก้าล้วน ผู้สมัคร ส.ส. ในพื้นที่ จ.กระบี่ ทั้ง 3 เขต

ลงพื้นที่หาเสียงในตลาดคลองท่อม อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ พบปะชาวบ้านพี่น้องประชาชนในเขต 3 ท่ามกลางบรรยากาศตลาดนัดยามเช้าในพื้นที่ซึ่งมีประชาชนเดินทักทายหาเสียงช่วย นางสาวพิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 3

'จิ๊บ ศศิกานต์' ชี้!! สงกรานต์เงินสะพัด 1.2 แสนล้าน ความจริงที่เกิดจากผลงาน 'ลุงตู่' วอนบางคนอย่าบิดเบือน

สงกรานต์ เงินสะพัดกว่า 1.2 แสนล้าน ‘จิ๊บ ศศิกานต์’ ชี้ ฝีมือ ‘ลุงตู่’ พาชาติพ้นวิกฤตวอนนักการเมืองเลิกสร้างวาทกรรมบิดเบือนหลอกประชาชน

จากกรณีที่ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2566 การจัดกิจกรรมด้านต่างๆ นั้นจะทำให้เกิดเงินสะพัดในช่วงสงกรานต์ อยู่ที่ประมาณ 125,203 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับ ช่วงปี 2559 ถือว่าใกล้เคียงกันมาก ทำให้มองได้ว่าเศรษฐกิจนั้นเริ่มกลับมาดีเหมือนเดิมแล้วนั้น

ล่าสุด นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 30 บางแค ภาษีเจริญเบอร์ 7 จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้กล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวนั้นเป็นเครื่องชี้วัดที่สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เศรษฐกิจของไทยได้ฟื้นตัวแล้ว แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารประเทศของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ในภาวะวิกฤตซ้อนวิกฤต ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาต่อเนื่องกันตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่อเนื่องมายังการสู้รบสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจของทั้งโลก วิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำ คนตกงาน อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น ซึ่งทุกประเทศก็ได้รับผลกระทบนี้เหมือน ๆ กัน แต่ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลของประเทศไหนนั้นจะบริหารประเทศ ให้ผ่านพ้นวิกฤตและฟื้นตัวได้ดีกว่ากัน 

ซึ่งจากตัวเลขข้างต้นนั้นก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าประเทศไทยนั้น เป็นประเทศที่สามารถผ่านพ้นวิกฤตและฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วก่อนประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ สังเกตได้จากไทยเป็นประเทศแรก ๆ ในโลกที่เปิดรับนักท่องเที่ยว ซึ่งตัวเลขนักท่องเที่ยวในปัจจุบันนั้นก็ถือว่าใกล้เคียงกับตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในช่วงก่อนจะเกิดโรคโควิด-19แล้ว

‘จุลพันธ์-วิสาระดี’ ขออาสากระจายเศรษฐกิจที่ดี ให้ทั่วทุกพื้นที่ ชี้!!อยากให้คนไทยอยู่กับครอบครัวทุกวัน

(14 เม.ย. 66) เฟซบุ๊ก ‘พรรคเพื่อไทย’ ได้โพสต์ประกาศขออาสาสร้างเศรษฐกิจ ที่นำพาความเจริญมาสู่คนไทยแบบกระจายไปทุกพื้นที่ ไม่ใช่แค่เมืองหลวง หวังอยากทำให้ปชช. ได้อยู่กับครอบครัว โดยระบุว่า

วันครอบครัวต้องไม่ใช่แค่เทศกาล พี่น้องคนไทยต้องมีโอกาสใช้ชีวิตและทำงานที่บ้านเกิด มีวันครอบครัวได้ทุกวัน

ที่ผ่านมาประเทศไทยพึ่งพากรุงเทพฯ เป็นเขตเศรษฐกิจหลักมาโดยตลอด ความเจริญจึงกระจุกตัว มีเพียงกรุงเทพฯ ที่มีโครงสร้างพื้นฐานพรั่งพร้อมสำหรับการทำธุรกิจ ตลาดแรงงานในเมืองหลวงของประเทศจึงเติบโตและมีความหลากหลายทางอาชีพมากกว่าจังหวัดอื่นๆ 

เมื่อไม่มีโอกาสหารายได้ที่บ้านเกิด คนวัยทำงานจากทุกภาคของประเทศไทยจึงจำเป็นต้องโยกย้ายพลัดถิ่นไปแออัดกันอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว เกิดเป็นปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น ท้องถิ่นสูญเสียคนคุณภาพที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจและทำงานพัฒนาพื้นที่บ้านเกิด และที่สำคัญ หลายครอบครัวสูญเสียโอกาสที่จะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้า จะเจอกันได้ก็เพียงช่วงเทศกาลสำคัญอย่างสงกรานต์เท่านั้น

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 5 เบอร์ 7 เห็นปัญหานี้จากการลงพื้นที่พบปะประชาชนมาโดยตลอด “พี่น้องเขาจะชอบพูดกัน ถ้าไปหางานทำที่กรุงเทพฯ จะมีตัวเลือกกว่า 50 ทาง แต่ถ้าหาที่บ้านเกิดเขาจะมีเหลือเพียงแค่ 5 ทางเท่านั้น น่าเสียดายที่บางจังหวัดอย่างเชียงใหม่หรือเชียงรายมีสถาบันการศึกษาคุณภาพที่ผลิตบัณฑิตเก่ง ๆ เยอะมาก แต่ตลาดแรงงานในพื้นที่ไม่เพียงพอ ไม่มีงานรองรับ” 

ปัญหาการพลัดถิ่นไปทำงานที่อื่นและต้องแยกจากครอบครัวเป็นสิ่งที่ วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย เขต 4 เบอร์ 4 พบเห็นในพื้นที่จังหวัดเชียงรายเช่นกัน แต่ทั้งจุลพันธ์และวิสาระดีเชื่อมั่นในหลักการเดียวกันว่า ความอบอุ่นและความเข้มแข็งของครอบครัวคือรากฐานความสำเร็จของบุคลากรและชุมชน ในการลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคราวนี้ ทั้งสองจึงตั้งใจผลักดันนโยบาย “เขตธุรกิจใหม่” (New Business Zone) ให้เกิดขึ้นจริง โดยเฉพาะในหัวเมืองที่มีศักยภาพที่จะเติบโตได้ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา และอุดรธานี

วิสาระดีกล่าวด้วยว่า การสร้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนคือทางออกของปัญหาคุณภาพชีวิตและหนี้สินในครัวเรือน “ผู้เฒ่าผู้แก่หลาย ๆ ครอบครัวในต่างจังหวัดมีหน้าที่เลี้ยงเด็กเพียงลำพัง รุ่นไหนโตก็ส่งเข้าไปทำงาน เด็กเกิดมาก็ส่งกลับมาให้เลี้ยง ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักลูก แต่สังคมไม่เอื้อให้ครอบครัวได้อยู่อย่างพร้อมหน้า งานในจังหวัดไม่สามารถให้รายได้ที่พวกเขาสามารถเลี้ยงครอบครัวได้อย่างมีศักดิ์ศรี เราอยากให้ประชาชนได้อยู่กันพร้อมหน้า มีรายได้เพียงพอต่อการใช้ชีวิต และมีคุณภาพชีวิตที่ดี”

การสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นเป็นไปได้ด้วยวิสัยทัศน์ที่ “คิดใหญ่ ทำเป็น” แบบพรรคเพื่อไทย “เขตธุรกิจใหม่” เป็นไปได้แน่นอน โดยเริ่มต้นจากการ “สร้าง” 3 ข้อต่อไปนี้ 

1. สร้างกฎหมายเกื้อหนุนผู้ประกอบการ
กฎหมายดั้งเดิมจำนวนมากเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ต้องแก้ไขด้วยการออกกฎหมายใหม่ที่เหมาะสมกับยุคสมัยและเงื่อนไขการทำธุรกิจในปัจจุบันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายการเข้าสู่ธุรกิจ กฎหมายแรงงาน กฎหมายป่าไม้ กฎหมายอุทยาน กฎหมายการโรงแรมและการท่องเที่ยว มีระบบ One Stop Service เพื่อให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงง่ายดาย สามารถเปิดธุรกิจใหม่ได้โดยใช้เวลาน้อยที่สุด 

2. สร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการ
เปิดคลังข้อมูล Open Data ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงความรู้ของธุรกิจใหม่ๆ ไปต่อยอดศักยภาพพัฒนาธุรกิจดั้งเดิมที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตรหรือสินค้าทางวัฒนธรรม คนที่เคยออกไปทำงานนอกจังหวัดสามารถเห็นลู่ทาง เห็นโอกาสที่มากกว่าคนอื่นในการกลับมาลงทุนทำธุรกิจ สร้างงานสร้างอาชีพที่จังหวัดบ้านเกิด มีนโยบายที่ช่วยสนับสนุนในการเข้าถึงทุนจากรัฐ สร้างแต้มต่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันกับธุรกิจต่างชาติในตลาดเดียวกันได้อย่างทัดเทียม 

เสถียรภาพทางการเมือง แรงส่งเศรษฐกิจเหงียนพุ่ง หนึ่งในคำตอบ!! ทำไม ศก.เวียดนาม โตสุดในอาเซียน?

ในช่วงการเลือกตั้งครั้งนี้ สิ่งที่ควรจะนำมาพิจารณาคือ การมองประเทศอย่างรอบด้าน เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาประกอบ จึงขอนำข้อมูลจาก Quora ซึ่งเป็นบทความที่สรุปมุมมองของนักธุรกิจต่างชาติวิจารณ์ประเทศต่าง ๆ ใน ASEAN แล้วสรุปว่า เวียดนามมีเศรษฐกิจที่เติบโตมากที่สุดใน ASEAN ตามรายละเอียดดังนี้

บริษัทของเราต้องเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บ่อยมาก และเราพบว่า เวียดนามเป็นประเทศที่มีความโชคดีที่เอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจมากที่สุด อันเนื่องมาจากเหตุผลดังต่อไปนี้

1.เสถียรภาพทางการเมืองทำให้ศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นคงด้วย หลังจากเวียดนามมีการปฏิรูป Đổi Mới โดย Nguyễn Văn Linh เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม (18 ธันวาคม พ.ศ. 2529 – 28 มิถุนายน พ.ศ. 2534) ในขณะนั้น เป็นการเน้นตลาดเสรี แต่ยังคงใช้ระบบการเมืองแบบคอมมิวนิสต์ แต่ลดความเข้มงวดตามแบบนิยมสังคมนิยม รัฐบาลเวียดนามได้ทำให้เกิดความ 'สะดวก' ในการทำธุรกิจและการไหลเข้าของนวัตกรรมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ หลังสงคราม เวียดนามเชื้อเชิญกลุ่มทุนที่ร่ำรวยจากเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด เสนออัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุดในเอเชีย และได้รับเงินกู้จากธนาคารทุนดั้งเดิมเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน

2.รัฐบาลเวียดนามอนุญาตให้ผู้พลัดถิ่นถือสองสัญชาติหรือหลายสัญชาติเป็นรูปแบบหนึ่งของกระบวนการปรองดองและเยียวยา สิ่งนี้ได้สร้างการไหลเข้าของเงินทุนจากชาวเวียดนามพลัดถิ่น ซึ่งขณะนี้มีความมั่นใจที่จะนำเงินที่หามาอย่างยากลำบากกลับคืนสู่เศรษฐกิจที่มีการเติบโตสูง

3.เวียดนามอาจเป็นประเทศที่ไม่มีการปิดกั้นอย่างแท้จริงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงไม่มีอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศ หรือข้อพิพาททางการทูต ต่างจากมาเลเซียและอินโดนีเซียที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล หรือสิทธิพิเศษอื่น ๆ ทั้งนี้ผู้นำของเวียดนามได้ทำการศึกษากฎหมายของเพื่อนบ้านที่ประสบความสำเร็จมากกว่า และเรียนรู้ว่า สิ่งใดใช้แล้วได้ผล และสิ่งใดที่ไม่ควรนำมาใช้ในประเทศของตน เวียดนามเชื้อเชิญกลุ่มทุนนิยมโดยตรง และยอมให้กองทุนลอตเตอรี่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ แต่ห้ามการพนันอื่น ๆ โดยเด็ดขาด

4.ผู้นำเวียดนามมีความมั่นใจและมองการณ์ไกล ด้วยชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ในการได้รับเอกราชและพลังผลักดันในอินโดจีน ผู้นำของพวกเขาเบื่อหน่ายกับสงคราม และในยุค 80 ตระหนักว่าการเป็นศัตรูกับเพื่อนบ้านนั้นไม่มีประโยชน์ พวกเขาทำการรณรงค์ทางด้านการทูต และเข้าสู่ ASEAN ในปี ค.ศ. 1995 สิ่งนี้นำมาซึ่งโอกาส เช่น การนำเข้าปุ๋ยและการส่งออกข้าวจาก/ไปยังอินโดนีเซียที่ทำกำไรมากมาย และการนำเข้าต้นกล้าจากไทยเพื่อเพิ่มคุณภาพของพันธุ์ข้าว และการหลั่งไหลเข้ามาของครูชาวฟิลิปปินส์เพื่อการพัฒนาด้านการศึกษา โดยเฉพาะศักยภาพด้านภาษาอังกฤษ ซึ่งนำมาซึ่งการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ และจำนวนประชากรที่เฟื่องฟูในช่วงทศวรรษที่ 90 ถึงปี 2000

5.เวียดนามมีความสัมพันธ์ที่ดีในอดีตกับเพื่อนบ้านที่ใหญ่ที่สุดอย่างอินโดนีเซีย เป็นที่ทราบกันว่าในช่วงสงครามประกาศเอกราชของเวียดนาม อินโดนีเซียเสนอเกาะของตนเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของผู้ลี้ภัยชาวเวียดนาม และ UNHCR ร่วมกับชาวเวียดนามก็เคารพในการสนับสนุนด้วยการคืนที่ดินให้กับรัฐบาลอินโดนีเซียในช่วงทศวรรษที่ 90

‘เศรษฐา’ นำทัพ 'เพื่อไทย' จิบน้ำชา-ทานปาท่องโก๋ พบปะประชาชน ที่ตลาดเช้า 'หัวหิน-ปราณบุรี'

(14 เม.ย.66) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย, จักรพงษ์ แสงมณี กรรมการบริหารพรรค, ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการ, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ ขัตติยา สวัสดิผล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคเพื่อไทย ได้แก่ วัชรพล ปลั่งศรีสกุล เขต 1 เบอร์ 2, พรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ เขต 2 เบอร์ 4 และจีราวัฒน์ กำบัง เขต 3 เบอร์ 1 เดินทางไปตลาดเช้าหัวหิน อ.หัวหิน และ ตลาดปราณบุรี แยกปราณบุรี อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์  เพื่อพบปะพ่อค้าแม่ค้า พี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยว

พร้อมแวะทานอาหารเช้า พร้อมซื้อหมูปิ้งร้านโปรดของเศรษฐา ทวีสิน ที่แวะทานเป็นประจำเวลามาหัวหิน โดยบรรยากาศการเดินตลาดทั้งตลาดเช้าเป็นไปอย่างคึกครื้น มีประชาชนมอบดอกไม้ให้เศรษฐาเพื่อเป็นกำลังใจ และขอถ่ายภาพกับเศรษฐาตลอดทาง

'หนุ่มเมืองจันท์' วิเคราะห์ ‘ทักษิณ-เศรษฐา’ สองเถ้าแก่แห่ง ‘เพื่อไทย’ 'เหมือน-ต่าง' อย่างไร? เมื่อใส่หมวกการเมืองลงมาปั้นเกม

เมื่อไม่นานมานี้ สรกล อดุลยานนท์ หรือ ‘หนุ่มเมืองจันท์’ คอลัมนิสต์ชื่อดัง ได้ออกมาพูดถึงประเด็น 'เศรษฐา-ทักษิณ ต่างกันอย่างไร' โดยได้กล่าวว่า...

“คุณเศรษฐา เป็นคือเจ้าขอบริษัท เป็นเถ้าแก่เหมือนกันกับทักษิณ ซึ่งวิธีคิดของเถ้าแก่กับมืออาชีพไม่เหมือนกัน เถ้าแก่กล้าตัดสินใจ เพราะนั่นเป็นธุรกิจของเขาเอง และสามารถใช้อารมณ์ได้บ้างเล็กน้อย เพราะเป็นเจ้าของ ฉะนั้นปัญหาอยู่ที่ คุณเศรษฐา ก็มีความเป็นเจ้าของกิจการมาก่อน เขาไม่มีความจำเป็นต้องมาลงการเมืองก็ได้ ซึ่งพอได้มาลงการเมืองนั่นแปลว่าอาจมีอะไรในใจที่อยากจะทำ”

หนุ่มเมืองจันท์ ได้กล่าวต่อว่า การที่เถ้าแก่อย่าง เศรษฐา และทักษิณ นั้นมาอยู่ร่วมพรรคเดียวกัน “นั่นคือสิ่งที่จะต้องหากติกาในการอยู่ร่วมกัน ว่าถ้าจะดำเนินการร่วมกันจะมีแนวทางไหนบ้าง” พร้อมเสริมว่า “คุณเศรษฐา บริหารแสนสิริได้ดี ถือว่าเป็นคนที่มีรสนิยม”

“คุณเศรษฐา และคุณทักษิณ นั้นแตกต่างกัน ซึ่งคุณทักษิณนั้นเป็นคนต่างจังหวัด อยู่สันกำแพง พอมาเกณฑ์ทหารก็เจอชาวบ้าน และได้ลงพื้นที่ จึงทำให้รู้จักคนทุกระดับได้มากกว่า แต่กลับกัน ในส่วนของคุณเศรษฐา เป็นคนที่อยู่ในกลุ่มยอดพีระมิด ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่แปลกที่บุคคลที่อยู่ยอดพีระมิดจะมารู้สึกถึงความเหลื่อมล้ำ นั่นแปลว่าต้องมีอะไรอยู่ในใจคุณเศรษฐา”

หนุ่มเมืองจันท์ ยังได้กล่าวต่อว่า “เคยสังเกตไหมครับ คุณเศรษฐาเวลาลงพื้นที่พบเจอกับชาวบ้าน เขาจะอินกับสิ่งที่ไม่เคยเจอมาก่อน ซึ่งอาจะเป็นประสบการณ์ชีวิตที่คุณเศรษฐาไม่เคยเจอแต่เขารู้สึก”

พร้อมเปิดเผยถึงด้านการทำธุรกิจของเศรษฐา ว่า “คุณเศรษฐาเวลาทำธุรกิจเป็นคนเด็ดขาดมาก เป็นคนที่กล้าตัดสินใจ และรสนิยมในการตั้งแบรนด์ แสนสิริ คือตัวของคุณเศรษฐาเอง” พร้อมเพิ่มเติมไปอีกว่า “เศรษฐาเป็นคนที่มีรสนิยมสูง นั้นเป็นโอกาสในการจะนำสินค้าไทยไปได้ไกล เพราะคุณเศรษฐามีรสนิยมดีและรู้เรื่องเหล่านี้ดี”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top