Tuesday, 29 April 2025
ElectionTime

‘พิธา’ กร้าว!! กาก้าวไกลได้ประโยชน์ถึง 3 เด้ง 1. ‘ประยุทธ์’ ออก 2. ‘ประวิตร’ ออก 3. ได้คนใหม่ ‘เปลี่ยนประเทศ’

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นปราศรัยปิดเวทีปราศรัยใหญ่และแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ที่สวนชมน่าน จังหวัดพิษณุโลก โดยนายพิธาเริ่มต้นด้วยการกล่าวว่า ตน และ ส.ส.ปดิพัทธ์ มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ‘ความเป็นพ่อคน’ พวกเราทำงานการเมือง เพราะเราไม่สามารถส่งต่อสังคมแบบนี้ให้กับลูกของเรา ตนและพรรคก้าวไกลมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนประเทศนี้ให้มีความเท่าเทียมกัน มีความเปิดกว้างหลายหลายให้กับคนทุกคนอย่างเสมอภาค และเอาระบบอำนาจนิยมออกไป

นายพิธา กล่าวต่อไปอีกว่า การเมืองที่ตนอยากเห็นในฐานะคนเป็นพ่อ คือ ประเทศที่มีการศึกษาที่เท่าเทียมกัน เด็กที่มาจากครอบครัวร่ำรวยสามารถพูดได้ 3 ภาษา การศึกษาในประเทศนี้ก็ต้องมีศักยภาพทำให้เด็กทุกคนพูดได้ 3 ภาษา ตนต้องการที่จะสร้างสังคมที่เท่าเทียม หลากหลาย ปราศจากอำนาจนิยมและปิตาธิปไตยให้กับคนรุ่นต่อไป

“อีก 10 ปี อาจเป็นลูกของผมหรือลูกของท่าน ที่ไปเรียกร้องเพื่อความเท่าเทียม ทำไมเรื่องเหล่านี้ต้องให้คนหนุ่มสาวออกมาพูด ไม่ใช่ผู้แทนราษฎรที่มีกระดูกสันหลังในสภาฯ ที่พูด ทำให้คนหนุ่มสาวออกไปตามหาความฝันของเขาไม่ได้ ชีวิตลูกของผม ลูกของหมออ๋อง และลูกของเราทุกคนจะดีขึ้น เมื่อพวกเราอยู่ในสังคมที่เท่าเทียมกัน” นายพิธา กล่าว

นายพิธา ยังเสนอว่า สังคมที่เท่าเทียมกันต้องมีโอกาสที่เท่าเทียมกันระหว่างคนที่มีความพิการและคนอื่น ๆ ในสังคม โดยพรรคก้าวไกล 1.) จะเพิ่มเบี้ยผู้พิการ 3,000 บาท 2.) จะผลักดันนโยบายการออกแบบเพื่อคนทุกคนให้สามารถกำหนดชีวิตประจำวันในการเดินทางให้ได้ 3.) คือการสร้างงาน จากปัจจุบันที่รัฐฯ บังคับเฉพาะบริษัทเอกชนให้จ้างงานคนพิการ แต่ในรัฐบาลพรรคก้าวไกลจะจ้างงานคนพิการเป็นข้าราชการทันที 20,000 ตำแหน่ง และ 4.) สร้างอุตสาหกรรมเพื่อผู้พิการ เช่น รถเข็นของคนพิการ จากที่นำเข้ามีราคาแพง ให้สามารถผลิตได้ในประเทศ

นายพิธา ยังเสนออีกว่า ตนและพรรคก้าวไกลต้องการให้คนรุ่นต่อไปได้อากาศสะอาดไว้หายใจ นี่คือสาเหตุให้พรรคก้าวไกลผลักดันกฎหมายอากาศสะอาด ซึ่งกฎหมายอากาศสะอาดของพรรคก้าวไกลต้องไม่ใช่แค่มีผลในประเทศ แต่จะไปเจรจากับต่างประเทศให้มีมาตรฐานคุณภาพอากาศเดียวกันทั้งอาเซียน ไม่ใช่ปล่อยให้กลุ่มทุนภาคเกษตรหนีจากประเทศที่มีมาตรฐานสินค้าเกษตรสูงแล้วไปทำไร่ข้าวโพดในลาวและเมียนมา

‘อภิสิทธิ์-องอาจ-มาดามเดียร์-ดร.เอ้’ ผนึกกำลัง บุกตลาดกิตติ อ้อนชาวสาทร หนุน ‘อรอนงค์’ เข้าสภาฯ ทำหน้าที่เพื่อ ปชช.

(2 เม.ย. 66) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์, ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พรรคประชาธิปัตย์, นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และ นายอภิมุข ฉันทวานิช ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตยานนาวา-บางคอแหลม ร่วมลงพื้นที่ตลาดกิตติ ถนนเซนต์หลุยส์ เขตสาทร พบปะประชาชน พ่อค้าแม่ค้า เพื่อขอเสียงสนับสนุนให้ น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตสาทร-ปทุมวัน-ราชเทวี พรรคประชาธิปัตย์

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกระแสการตอบรับของพรรคประชาธิปัตย์ในกรุงเทพมหานครว่า เห็นได้ชัดว่าประชาชนคนกรุงเทพมหานครจำนวนมากที่มีความผูกพันกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะบุคลากรของพรรคหลายคนมีความมั่นคง แน่วแน่ในการทำงานให้กับพี่น้องประชาชน อย่างวันนี้ที่ตลาดกิตติพวกเราทุกคนมีความคุ้นเคยผูกพัน ก็หวังว่าความสัมพันธ์นี้จะเป็นพื้นฐานที่ดีในการสนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์ได้กลับไปทำงานในสภาผู้แทนราษฎร

เมื่อถามว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ น.ส.อรอนงค์ จะมีโอกาสได้กลับมาทำงานหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ บอกว่า ทุกคนมีโอกาส แต่จะต้องทำงานหนัก เพราะมีการแข่งขันสูง อย่าง น.ส.อรอนงค์ เป็นคนหนึ่งที่อยู่ติดพื้นที่มาตลอดไม่เคยทิ้งประชาชนไปไหน

ส่วนกรณีที่มีหลายคนต้องการให้กลับมาเป็นผู้แทนอีกนั้น นายอภิสิทธิ์ ตอบด้วยอารมณ์ขันว่า ยังไม่ถึงเวลา แต่ก็ยินดีมาสนับสนุนในฐานะสมาชิกพรรคและในฐานะที่ได้คุยกับพี่น้องประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะในเขตเลือกตั้งนี้ก็เป็นเขตเลือกตั้งเก่าของตนด้วย

เมื่อถามต่อว่ากระแสตอบรับค่อนข้างดี รู้สึกอย่างไร นายอภิสิทธิ์ บอกว่า รู้สึกเป็นกำลังใจให้กับพรรคและพวกเราทุกคนในการเดินหน้าต่อ

‘ชัยวุฒิ’ ชี้ ระบบเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ทำคนไทยแตกแยก ชู ‘พปชร.’ เดินหน้าก้าวข้ามความขัดแย้ง ยัน!! ม.112 แก้ไม่ได้

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 66 ที่บริเวณสวนสาธารณะใต้สะพานพระราม 8 พรรคพลังประชารัฐ ที่เปิดเวทีปราศรัยย่อยโซนธนบุรีเหนือ ‘พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ’ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศรัยเรื่อง การก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยได้กล่าวถึงประเด็นการแบ่งแยกเลือกตั้งผู้ว่าในแต่ละจังหวัด ว่า…

“การแบ่งแยกเลือกตั้งผู้ว่าทุกจังหวัด ทำให้เกิดความไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน จังหวัดนี้ของพรรคนี้ เสื้อสีนี้ จังหวัดนี้ของบ้านใหญ่พรรคนี้ เข้าใจคำว่า ‘บ้านใหญ่’ ใช่ไหมครับ แล้วจะทำงานร่วมกันได้อย่างไร แบบนี้ก็ทะเลาะกันทั้งจังหวัด แล้วจะไปปกครองบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างไร ประเทศไทยก็แตกออกเป็นจังหวัด ๆ ราชอาณาจักรไทยก็ไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน เราจะยอมให้ประเทศเป็นแบบนั้นไม่ได้ และพรรคพลังประชารัฐ ขอยืนยันกับทุกคน ว่าเราจะต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง ดูแลประเทศไทยให้ดีที่สุด เพื่อให้คนไทยอยู่ดีกินดี เราต้องรักษาสถาบันหลักของชาติ คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ต้องคงอยู่อย่างมั่นคงสืบต่อไป”

นอกจากนี้ นายชัยวุฒิ ยังพูดถึงกรณีมาตรา 112 อีกว่า ตนไปฟังมาหลายเวทีแล้วบอก 112 เป็นคดีการเมือง มันเป็นการเมืองตรงไหน มันเป็นคดีอาญา สมัยก่อนก็ไม่เคยมี มามียุคนี้นี่แหละ เพราะมีคนไปยุยงปลุกปั่น เอาเรื่องนี้มาเป็นเรื่องการเมือง ก็เลยวุ่นวายทั้งที่ความจริงไม่มีปัญหา

“ผมขอบอกเลยมาตรา 112 แก้ไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญ โดยศาลรัฐธรรมนูญตัดสินแล้ว การแก้หรือยกเลิกมาตรา 112  ทำไม่ได้แน่นอน เพราะถือว่าเป็นการล้มล้างการปกครองในระบบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” นายชัยวุฒิ กล่าว

‘บิ๊กป้อม’ เตรียมเดินทางให้กำลังใจผู้สมัคร กทม.‘พปชร.’ พร้อมนําทัพผู้สมัคร ไหว้ ‘ศาลหลักเมือง’ ก่อนลงพื้นที่

(2 เม.ย. 66) นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการยื่นใบสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในวันที่ 3-4 เมษายนนี้ ว่าในวันที่ 3 เม.ย.เวลา 08.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. จะเดินทางไปให้กำลังใจผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรค พปชร. ส่วนวันที่ 4 เม.ย.  เวลา 08.00 น. พล.อ.ประวิตร จะนําคณะเพื่อไปยื่นเอกสารสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคเป็นผู้เสนอชื่อ

ผู้สื่อข่าวถามถึง กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง มีเฉพาะหมายเลข (เบอร์) ผู้สมัคร หรือที่เรียกว่า ‘บัตรโหล’ นายไพบูลย์ กล่าวว่า กกต.คงพิจารณารอบคอบแล้ว การออกบัตรเลือกตั้งไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์หรือโทษแก่พรรคใดพรรคหนึ่ง เป็นการบังคับใช้กับทุกพรรค ส่วนตัวมองว่า เมื่อ กกต.มีอำนาจหน้าที่ ไม่ว่าเขาจะดำเนินการอย่างไร เราก็ปฏิบัติตามนั้น

‘เพื่อไทย’ ชู การเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่าน ‘Learn to Earn’ หนุนเด็กไทยมีความรู้ มีรายได้ เข้าถึงการศึกษาได้ทุกช่วงวัย

(2 เม.ย. 66) เฟซบุ๊กแฟนเพจหลักของ ‘พรรคเพื่อไทย’ ได้ออกมาโพสต์ข้อความ โดยมีเนื้อหาระบุว่า…

“ทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้ทุกช่วงวัย หางานทำสร้างรายได้ทุกช่วงชีวิต พรรคเพื่อไทยส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านขั้นตอน Learn to Earn เรียนรู้มีรายได้ เรียนรู้ง่ายตลอดชีวิต”

ณหทัย ทิวไผ่งาม กรรมการบริหารพรรค และผู้ดูแลนโยบายการศึกษา พรรคเพื่อไทย ร่วมตอบคำถามสดในรายการตอบโจทย์ ศึกประชันวิสัยทัศน์นโยบายด้านการศึกษา สถานีโทรทัศน์ Thai PBS โดยได้กล่าวโดยรวมถึงระบบการศึกษาในปัจจุบันว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาให้รองรับต่อความเปลี่ยนแปลง ความแตกต่างหลากหลาย และตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียนแต่ละช่วงวัย แต่ละช่วงชั้นที่แตกต่างกัน โดยส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ต้องเป็นการศึกษาที่กินได้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเสมอภาคด้านการศึกษา

ณหทัย ทิวไผ่งาม กล่าวว่า ด้วยเพราะสังคมทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปรวดเร็ว การส่งเสริมการเรียนรู้ เด็กเข้าโรงเรียนผ่านไป 4 ปี กลับออกมาปรากฏว่าสิ่งที่เรียนไปล้าสมัยแล้ว เราจึงต้องส่งเสริมให้ทุกคนไม่ใช่แค่เด็กนักเรียน “ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านขั้นตอน Learn to Earn” หมายถึงว่า ต้องเรียนด้วยและนำความรู้มาสร้างรายได้ด้วย และสามารถเรียนรู้ตลอดชีวิตได้ เข้าถึงความรู้ได้ทุกช่วงวัย เพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเองตลอดเวลา แม้แต่ในวัยทำงานแล้วหากต้องการเพิ่มความรู้ก็จะมีสถาบันการศึกษา สถาบันวิชาชีพที่จะเสริมสร้างทักษะความรู้เฉพาะทางให้ศึกษาได้ และยิ่งทุกวันนี้เทคโนโลยีเจริญขึ้น สามารถเรียนได้โดยไม่ต้องไปมหาวิทยาลัยแต่เรียนผ่านคอร์สออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันนี้มีหลายหมื่นหลักสูตรของแทบทุกสถาบันที่รองรับ ตรงนี้จะทำอย่างไรให้เป็นประโยชน์แก่การเรียนรู้ตลอดชีวิต

ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา เราเห็นความเหลื่อมล้ำได้ชัดเจนเพราะเด็กนักเรียนต้องเรียนออนไลน์ เด็กที่พ่อแม่มีกำลังทรัพย์ ก็พอมีเงินซื้อโน๊ตบุ๊ก มือถือ เพื่อใช้เรียนออนไลน์ได้ แต่สำหรับเด็กยากจนก็ไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาได้ เราจะลดความเหลื่อมล้ำให้ทุกคนเข้าถึงการศึกษาได้อย่างไร สมัยรัฐบาลนายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เราเคยมีโครงการ One Tablet per Child ซึ่งตอนนั้นน่าเสียดายที่เราทำยังไม่สำเร็จดี ก็ถูกยกเลิกไป ทั้งที่ต่อมาจะเห็นว่า เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ระบาด Tablet ที่เราเคยแจกไปได้นำกลับมาใช้ประโยชน์ รวมถึงทั้งปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กที่ขาดครู Tablet นี้ก็จะช่วยให้เด็กนักเรียนในโรงเรียนขนาดเล็กที่ขาดแคลนครู สามารถเข้าถึงความรู้ เชื่อมการเรียนการสอนและหลักสูตรกับโรงเรียนหรือสถานศึกษาอื่นในเมืองได้โดยไม่ขาดโอกาสอีกต่อไป ดังนั้น พรรคเพื่อไทย จะนำโครงการนี้กลับมา ไม่ใช่ให้ Tablet แค่เด็กนักเรียน แต่จะต้องให้คุณครูได้ด้วยเพื่อใช้สอนเด็ก พร้อมกับสัญญาณอินเทอร์เนตฟรี เพื่อให้ทั้งเด็กนักเรียนและครูได้ใช้ประโยชน์สูงสุดจากสื่อการเรียนการสอนชิ้นนี้

‘ชัยวุฒิ’ เตือน ป่วนเวทีหาเสียงผิด กม.เลือกตั้ง วอนเคารพกติกา ชี้ ไม่ใช่เวลาคุยเรื่องขัดแย้ง

‘ชัยวุฒิ’ เตือน ป่วนเวทีหาเสียงผิดกฎหมายเลือกตั้ง ขอร้องเวทีใครเวทีมัน ชี้ ไม่ใช่เวลาคุยเรื่องขัดแย้ง บอก เตรียมเพิ่มการ์ดผู้หญิง 

(2 เม.ย. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณี ‘ตะวัน’ ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ ‘แบม’ อรวรรณ ภู่พงษ์ นักกิจกรรมอิสระ พร้อมพวกที่มาทำกิจกรรม เวทีปราศรัยย่อยพลังประชารัฐ ที่สวนสาธารณะใต้สะพานพระราม 8 เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า มีน้อง ๆ บางกลุ่มเข้ามาแจกใบปลิว และจะเข้ามาป่วนเวทีพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งทำไม่ได้ เพราะนี่เป็นเวทีหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเราขออนุญาตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ตามกฎหมาย ที่เป็นกระบวนการตามประชาธิปไตย ซึ่งไม่ควรมาร่วมเวที และเท่าที่ตนทราบก็สุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย อย่าไปทำเลย ประชาธิปไตยก็ต่างคนต่างหาเสียง เวทีใครเวทีมัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับเวทีอื่นอีกหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ก็น่าเป็นห่วง ถ้าสมมุติว่าฝ่ายนี้มาโจมตีเวทีพรรคนี้ เดี๋ยวฝั่งนี้ไปโจมตีเวทีพรรคอื่นบ้างก็ไม่จบ ประชาธิปไตยก็เดินหน้าไม่ได้ เราถึงบอกว่า อยากให้ทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้ง เราหาเสียงกันตรงไปตรงมา ไม่มีใครเอาเปรียบกันหรอก ทำตามกฎหมายตรงๆ ทุกคน ก็อย่ามาป่วนกัน ทำแบบนี้ถือว่าเขาเอาเปรียบเรา เพราะเขามาป่วนเวทีเรา ถ้าฝั่งเราแค้นเคืองไปเอาคืนก็วุ่นวายไปอีก ขอว่าอย่าไปทำเลย เวทีใครเวทีมัน ถ้าเขาอยากแสดงออกในเรื่องที่เขาข้องใจ เขาก็ไปจัดเวทีของเขา ซึ่งก็จัดกันตลอดอยู่แล้ว เห็นออกสื่อตลอด มีโซเชียลมีเดียก็ไปทำของตัวเอง ไม่ต้องมายุ่งกับเราหรอก แต่เลือกตั้งเสร็จแล้วค่อยมาคุยกัน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยกันเรื่องความขัดแย้งของเขามันไม่เหมาะ

‘ซูเปอร์โพล’ ชี้คนเป็นนายกฯต้องลง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พร้อมเผย คนเชื่อนโยบาย ‘ภท.-ปชป.’ ทำได้จริง

‘ซูเปอร์โพล’ ชี้ ‘นายกฯของประชาชน’ ต้องลงสมัครส.ส.‘ปาร์ตี้ลิสต์’ พร้อมเผยฝั่งรัฐบาล ‘ภท.-ปชป.’ ขึ้นแท่นนโยบายที่ทำได้จริง

(2 เม.ย. 66) สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง นายกฯ ของประชาชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศอายุ 18 ปีขึ้นไป ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวน 1,378 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 25 มี.ค. - 1 เม.ย. 2566 โดยเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อ นายกรัฐมนตรีต้องลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองด้วย พบว่า จำนวนมากที่สุดคือร้อยละ 43.0 ระบุ ผู้ที่จะเป็นนายกฯ ต้องลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองด้วย เพราะเป็นผู้แทนประชาชน ใกล้ชิดประชาชน รู้ปัญหาจริง ใช้อำนาจประชาชนต้องมาจากประชาชน ไม่เอานายกฯ คนนอก ต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ในขณะที่ ร้อยละ 33.6 ระบุ ไม่ต้องเป็น ส.ส. เพราะขอเป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต มือสะอาด ไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. ใครก็ได้ทั้งนั้น ไม่ต้องสังกัดอะไรเป็นอิสระ ไม่ติดกับดัก และร้อยละ 23.4 ไม่แน่ใจ

‘กรณ์’ ลงพื้นที่ช่วย ‘ธาม’ ขอเสียงชาวบางกะปิ ขอโอกาส ‘ชาติพัฒนากล้า’ แก้ปัญหาปากท้อง ปชช.

‘กรณ์’ ลงพื้นที่ บางกะปิ ช่วย ‘ธาม’ นักธุรกิจรุ่นใหม่ ขอโอกาส ชาติพัฒนากล้าเข้าไปทำงานแก้ปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชน ปลื้ม นศ.ราม เทใจสนับสนุน หลังศึกษานโยบาย จับต้องได้ ทำได้จริง  

(2 เม.ย. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ลงพื้นที่บางกะปิ เพื่อช่วยนายธาม สมุทรานนท์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางกะปิ หาเสียงพบพี่น้องประชาชน พ่อค้าแม่ค้าย่านรามคำแหง และตลาดนัด การกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. มาร่วมให้กำลังใจกันอย่างอบอุ่น ประกอบด้วย นายบุญสืบ จันทร์แจ่มศรี, นายกฤษณ์ เครือเจริญพร, ร.อ.วีรพล วงษ์มะเซาะ, นางสาววิเวียน จุลมนต์ และ นางสาวริณดา คงตาละ โดยมีประชาชนให้การต้อนรับอย่างคึกคัก 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเดินสายพบประชาชนของนายกรณ์ และ นายธาม ครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากกลุ่มนักศึกษา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงกว่า 10 คน มาเฝ้ารอพบนายกรณ์ และทีมว่าที่ผุ้สมัคร ส.ส. เพื่อเสนอตัวช่วยเดินสายหาเสียงในเขตบางกะปิ ซึ่งเป็นเขตที่ตัวเองพำนักอาศัยและศึกษาอยู่ 

โดยนักศึกษากลุ่มดังกล่าว เปิดเผยว่า รู้จักพรรคชาติพัฒนากล้าเพราะเป็นแฟนคลับของ นายจูรี นุ่มแก้ว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.สงขลา และโดยส่วนตัวก็ชื่นชมการทำงานของนายกรณ์ และติดตามผลงานมาโดยตลอด จึงได้ติดตามว่าใครเป็นผู้สมัครของพรรคในเขตบางกะปิ จนกระทั่งได้เจอนายธาม ได้พูดคุยจนทราบว่า นายธามเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเป็นเจ้าของแนวคิด อารยสถาปัตย์ ซ่อมบ้าน เพื่อความปลอดภัยให้ผู้สูงอายุและคนพิการครอบครัวละ 50,000 บาท ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า ส่วนนโยบายที่ชื่นชอบนั้นคือการยกเลิกแบล็กลิสต์ ที่จะทำให้ประชาชนขับเคลื่อนชีวิตต่อไปได้  รวมถึงนโยบายอื่น ๆ ที่เน้นการแก้ปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน ซึ่งพวกตนได้ศึกษาแล้วว่า จับต้องได้ และทำได้จริง ในสถานการณ์ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกันอย่างหนักในเวลานี้  

นายกรณ์ กล่าวว่า ดีใจที่คนรุ่นใหม่ตื่นตัวในเรื่องของการเมือง และมีการศึกษานโยบายของพรรคอย่างจริงจัง สำหรับเขตบางกะปิ ผู้สมัครของพรรคคือ นายธาม เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่อายุแค่ 28 ปี แต่มีประสบการณ์การทำงานทางด้านอสังหาริมทรัพย์และช่วยเหลือสังคมมานานหลายปี เราภาคภูมิใจในคนรุ่นใหม่ของพรรค ด้วยพรรคมีเจตนาตั้งแต่แรก ที่จะส่งเสริมและให้โอกาสคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน 

“ผมมีความเชื่อมาตั้งแต่ตั้งพรรคว่าพรรคเราจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใช่เพราะว่าเป็นพรรคใหม่ แต่เราต้องการคนรุ่นใหม่ มีความคิดใหม่ ๆ มาช่วยกันขับเคลื่อนและสร้างความเปลี่ยนแปลงในแนวสร้างสรรค์ให้กับประเทศด้วย ผมขอฝาก ธาม ไว้กับพี่น้องชาวบางกะปิทุกคนด้วยครับ” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว  

ส่งท้าย 'รัฐบาลลุงตู่' ส่งขวัญกำลังใจให้เจ้าหน้าที่รัฐ

ถึงจะประกาศยุบสภาไปเรียบร้อยแล้ว แต่รัฐบาลลุงตู่ยังคงทำหน้าที่รักษาการ ไปจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2566 แต่ถึงอย่างนั้น ก่อนจะประกาศยุบสภา รัฐบาลโดยการนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังส่งขวัญกำลังใจไปสู่เหล่าข้าราชการส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการ ด้วยการปรับอัตราเงินเดือน 

‘มาดามเดียร์’ ควง ‘ดร.เอ้’ ขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ร่อนใบสมัคร ส.ส ประกาศกร้าว!! มั่นใจ ‘ปชป.’ พร้อมคัมแบคสนามกรุงเทพฯ

3 เม.ย. 2566 – ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ซึ่งเป็นสถานที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดรับสมัคร ส.ส. กทม. เป็นวันแรก น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมายังสถานที่รับสมัครด้วยสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า

โดย น.ส.วทันยา มั่นใจว่า วันนี้เป็นการแสดงความพร้อมว่าพรรคประชาธิปัตย์เราจะกลับมาคว้าชัยในสนามกรุงเทพมหานคร.
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top