Tuesday, 29 April 2025
ElectionTime

'ลุงตู่' นายกฯที่ สร้างความสัมพันธ์อันดี ต่อมิตรประเทศ

'ลุงตู่' ประกาศยุบสภาไปเรียบร้อย หากย้อนคิดถึงการบริหารงานของนายกรัฐมนตรีคนนี้ นับแค่ในระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ถามว่ามีเรื่องไหนที่โดดเด่นไม่แพ้ใคร ต้องบอกว่า เรื่องสร้าง 'มิตรประเทศ' ของลุงตู่ โดดเด่นเป็นอย่างมาก

ตลอด 4 ปีมานี้ แม้จะมีช่วงโควิด-19 ระบาด จนต้องหยุดการเดินทางไปยังต่างประเทศอยู่บ้าง แต่ที่ผ่านมา ถือว่านายกฯ ประยุทธ์ออกเดินทางไปเยี่ยมเยือน รวมทั้งไปร่วมงานประชุมครั้งสำคัญๆ ในระดับนานาชาติอยู่ตลอดเวลา 

แต่ที่ถือว่าเป็นภาพที่น่าจดจำสำหรับการ 'ผูกมิตร' และรวมถึงการสร้างภาพลักษณ์อันดีให้ประเทศ คงต้องยกให้กับ 2 เหตุการณ์สำคัญเหล่านี้ นั่นคือ การเป็นผู้นำในการประชุมเอเปค และการเดินทางเยือนประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อปี 2565

สำหรับการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย นายกประยุทธ์มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งซาอุดีอาระเบีย เพื่อหารือข้อราชการ แต่ประเด็นสำคัญที่ฉายภาพชัดกว่านั้น นี่คือการเยือนในระดับผู้นำรัฐบาลระหว่างสองประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี ซึ่งถือเป็นการสานสัมพันธ์ที่ขาดหายไปของมหามิตรอย่างซาอุดีอาระเบียได้เป็นอย่างดี

‘เสี่ยเฮ้ง’ แจง ไม่ลงเขต 1 ชลบุรี ขยับขึ้นปาร์ตี้ลิสต์แทน เตรียมลุยสู้ศึกหาเสียง หนุน ‘บิ๊กตู่’ นั่งนายกฯ อีกสมัย

‘สุชาติ’ แจงส่งน้องเมียลงเขต 1 ชลบุรี รทสช.แทน เหตุ ‘สนธยา’ ไม่รับคำท้าศึกช้างชนช้าง เลือกขึ้นปาร์ตี้ลิสต์พท. เลยตัดสินใจขยับไปบัญชีรายชื่อ ลุยสู้ศึกใหญ่ โซนตะวันตก-กลาง-ตะวันออก หนุน ‘ประยุทธ์’ นั่งนายกฯต่อ ลั่นต้องชนะสงครามเลือกตั้ง ไม่แค่ชนะศึกเขตที่เป็นแชมป์เก่า

(27 มี.ค.66) เมื่อวานนี้นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยถึงเหตุผลที่ตัดสินใจลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ แทนการลงสมัคร ส.ส.ชลบุรี เขต 1 ซึ่งเป็นแชมป์เก่า ว่า ตนไม่เพียงแต่รับผิดชอบพื้นที่ จ.ชลบุรี หรือภาคตะวันออกเท่านั้น แต่ยังต้องดูแลพื้นที่ยุทธศาสตร์ภาคกลาง และภาคตะวันตก ให้กับพรรคด้วย การลงในแบบบัญชีรายชื่อจะสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า

‘สกลนคร’ ส่อเดือด หลังแบ่งเขตใหม่เป็น 7 ที่นั่ง ‘เพื่อไทย’ ไม่น่าพลาด!! จ่อกวาดยกจังหวัดตามเคย

สนามเลือกตั้ง จ.สกลนคร ที่มีเก้าอี้ ส.ส.เพิ่มจาก 6 เป็น 7 ที่นั่ง ทำให้บรรยากาศการเลือกตั้งส่อเค้าดุเดือด แต่ละพรรคการเมืองต้องปรับแผนการลงพื้นที่กันใหม่หลายจุด โดยเฉพาะแชมป์เก่าอย่างพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่กวาด ส.ส.ยกจังหวัด

เขตที่ 1 อ.เมือง (ยกเว้น ต.หนองลาด ต.โคกก่อง ต.ม่วงลาย ต.ดงชน และ ต.โนนหอม) อภิชาติ ตีรสวัสดิชัย แชมป์เก่าหลายสมัยจากพรรค พท. ที่คอยผลักดันงบประมาณลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ลงป้องกันพื้นที่ตนเอง เจอคู่ต่อสู้อย่าง ตวงสิทธิ์ พงษ์พิศ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นักธุรกิจหนุ่ม ชูนโยบายพรรค เน้นนิวโหวตเตอร์จากสถานศึกษา ขณะที่ บ่าวนิก สิรภพ สมผล พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) คนรุ่นใหม่ไฟแรง ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น สานต่อการเมืองจากพ่อแม่เป็น ส.อบจ. รอบนี้ขอสู้สนามใหญ่ และ ‘ณปภัช เสโนฤทธิ์’ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) คนรุ่นใหม่พกความรู้มาแน่นเอี้ยดลุยขอคะแนนเสียงแอบลุ้นไกล ๆ

เขตที่ 2 อ.กุสุมาลย์ อ.โพนนาแก้ว อ.โคกศรีสุพรรณ อ.เต่างอย และ อ.เมือง (เฉพาะ ต.โคกก่อง ต.ม่วงลาย ต.ดงชน และ ต.โนนหอม) ‘มหานิยม’ นิยม เวชกามา แชมป์เก่าหลายสมัยอีกคนพรรค พท. มีผลงานอภิปรายในสภาแก้ปัญหาช่วยชาวบ้าน ส่งเสริมทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาขวัญใจชาวบ้าน จะลงป้องกันตำแหน่ง เจอคู่แข่งอย่าง ‘ชาญชัย งอยผาลา’ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อดีตนักการเมืองท้องถิ่น รอบที่แล้วลงสังกัดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พ่ายแพ้ราว 1 หมื่นเสียง คราวนี้หวังล้างตาอีกครั้ง

ขณะที่ 'กัญญาภัค ศิลปะรายะ' พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นักการเมืองท้องถิ่น อดีตนายก อบต.โพธิไพศาล สาวมาดมั่นขอท้าชิงแชมป์เก่า ส่วน 'กฤษณะ พุฒซ้อน' พรรค พปชร. นักธุรกิจในพื้นที่ อ.เต่างอย ยังมี 'ชาตรี หล้าพรหม' พรรค ปชป. นักการเมืองท้องถิ่น และ 'ภูเบศวร์ เห็นหลอด' พรรค ก.ก.นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยที่หวังลุ้นแต้มด้วย

เขต 3 อ.อากาศอำนวย อ.พรรณานิคม อ.เมืองสกลนคร (เฉพาะ ต.หนองลาด) อ.วานรนิวาส (เฉพาะ ต.นาซอ) 'จิรัชยา สัพโส' พรรค พท. ลูกสาว 'พัฒนา สัพโส' ส.ส.เขต 3 ที่ส่งลูกสาวลงป้องกันตำแหน่งแทนพ่อ ต้องเจอคู่ต่อสู้คือ 'สาคร พรหมภักดี' จากพรรค ปชป. ที่คร่ำหวอดการเมืองมานาน อดีต ส.ส.หลายสมัย แม่ทัพนำทีมพรรค ปชป.สู้ศึกเลือกตั้ง จ.สกลนคร ที่หวังขอพลิกคว้าเก้าอี้ และ 'ภิญโญ ขันติยู' พรรค ก.ก.

เขตที่ 4 อ.กุดบาก อ.วาริชภูมิ อ.ภูพาน อ.นิคมน้ำอูน อ.ส่องดาว (ยกเว้น ต.ท่าศิลา) 'พัฒนา สัพโส' ที่ย้ายจากเขต 3 มาลงเขต 4 มั่นใจไม่น่าพลาด ต้องเจอคู่แข่งอย่าง 'พงษ์ศักดิ์ สุทธิคีรี' สวมเสื้อพรรค ปชป. นักการเมืองท้องถิ่นและนักกฎหมาย และ 'ขจรศักดิ์ เบ็ญชัย' พรรค ก.ก. นักกฎหมาย อดีตนักการเมืองท้องถิ่น

‘ดร.กมล’ ภท. เล็งต่อยอด ‘เรียนออนไลน์’ เน้นคุณภาพ-เท่าเทียม ผลักดัน จัดตั้ง ‘สถาบันพัฒนาฯ’ สร้างระบบการเรียน-สอนใหม่ ให้มีคุณภาพ

‘ดร.กมล รอดคล้าย’ ทีมการศึกษา ภท. เล็งต่อยอดเรียนออนไลน์ให้มีคุณภาพ เพื่อความเท่าเทียม สร้างระบบใหม่การจัดการสอน เปลี่ยนภาพจำของโรงเรียน นำพาคนไทยให้มีขีดความสามารถแข่งขันระดับโลก

(27 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.กมล รอดคล้าย คณะทำงานยุทธศาสตร์ด้านการศึกษา พรรคภูมิใจไทย กล่าวในรายการ ‘พรรคภูมิใจไทย พูดแล้วทำ’ เผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก ยูทูป และ TikTok พรรคภูมิใจไทย ถึงนโยบาย 'การจัดการเรียนการสอนด้วยระบบออนไลน์ (Online)'

โดยระบุว่า พรรคภูมิใจไทย ได้เสนอนโยบายการจัดการเรียนการสอนด้วยระบบออนไลน์ไว้ตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 โดยมองว่าช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องของการจัดการศึกษาเพื่อความเท่าเทียม สามารถเข้าถึงการศึกษาได้ทุกที่ ทุกเวลา มีค่าใช้จ่ายที่น้อยมาก และจะทำให้ระบบการศึกษาไทยสามารถขับเคลื่อนได้อย่างมีคุณภาพ ในช่วงที่ผ่านมา การศึกษาผ่านระบบออนไลน์ถือว่าประสบความสำเร็จมาก ตามที่พรรคภูมิใจไทยได้ประกาศนโยบายไว้

“ระบบนี้กำลังจะขับเคลื่อนต่อไปในอนาคต เราเตรียมการอีกอย่างน้อย 3-4 เรื่อง เช่น การจัดการเรียนการสอน หรือเรียนฟรีถึงระดับปริญญาตรี เป็นต้น ซึ่งตรงนี้ระบบออนไลน์สามารถจัดการได้ ส่วนการฝึกงาน กิจกรรมกลุ่ม หรือห้องแลป (ห้องปฏิบัติการ) เด็กๆ หรือนักศึกษา ก็มาที่สถาบันได้เหมือนเดิม” ดร.กมล ระบุ

ดร.กมล กล่าวต่อว่า ทุกโรงเรียนในประเทศไทยซึ่งเรียนผ่านออนไซต์ (On-site) ปัจจุบัน เราสามารถสร้างระบบที่เรียกว่า เวอร์ช่วลสคูล (Virtual School) หรือออนไลน์สคูล (Online School) เป็นห้องที่ทำการเรียนการสอนได้ทุกแห่ง จุดเด่นก็คือเด็กๆ ไม่ว่าอยู่ในชนบทห่างไกล หรือโรงเรียนขนาดเล็ก จะได้เรียนกับครูเก่งๆ

นอกจากนี้ยังนำไปสู่อีก 2 ประเด็นหลักๆ ก็คือ เรากำลังจะส่งเสริมพัฒนาคุณภาพของครู ให้ครูสามารถได้รับรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากระบบออนไลน์ด้วย

โดยเมื่อครูสอนเสร็จ ก็จัดทำเป็นคลิปการเรียนการสอนของตัวเอง เพื่ออัปโหลดลงไปในระบบออนไลน์ เมื่อเด็กๆ คลิกเข้าไปชม ครูที่สอนก็จะได้รายได้ เป็นรายได้แบบเพย์-เพอร์-วิว (Pay Per View) หรือชำระเงินเพื่อการรับชม แต่การจ่ายเงินตรงนี้ เด็กไม่ได้เป็นผู้จ่าย รัฐจะเข้ามาเป็นผู้จ่ายแทน

ฉงน!! ไร้ชื่อ ‘บิ๊กตู่’ ลงปาร์ตี้ลิสต์ รวมไทยสร้างชาติ ‘ส.ส.เขต’ เริ่มเขว ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ+’ อาจล่ม

อย่างที่เราๆ รู้กันตามปฏิทินของ กกต.ว่า วันที่ 3 - 7 เม.ย.66 เป็นวันรับสมัคร ส.ส.เขต ส่วน วันที่ 4 - 7 เม.ย.66 เป็นรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) เหตุที่ต้องกำหนดรับสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หลังหนึ่งวันก็เพราะกฎหมายเขียนไว้ พรรคไหนจะส่ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จะต้องส่งผู้สมัคร ส.ส.เขตก่อน (อย่างน้อยก็หนึ่งเขต)

ตอนนี้ระหว่างทำไพรมารี่โหวต..โผรายชื่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แต่ละพรรคก็ว่อนไปทั่วหน้าสื่อทุกสำนัก

พลังประชารัฐ เรียงลำดับ 1-100 ชัดเจน นำโดยลำดับ 1 ‘ลุงป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดทนายกฯหนึ่งเดียวของพรรค โดยรอบนี้ไม่มีชื่อ ‘อ.แหม่ม’ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์  ที่ประกาศสละสิทธิ์หลังจากที่ทราบว่าชื่อตนเองหลุดไปอยู่อันดับ 24 (ด้วยเหตุยุทธการทีฮูทีอิท)

พรรคเพื่อไทย เรียงตามตัวอักษร ตั้ง ก.เกรียง กัลป์ตินันท์ บ้านใหญ่อุบลราชธานี จนถึง อ.อนงค์ ล่อใจ ซึ่งตอนยื่นสมัครพรรคจะต้องจัดอันดับตัวจริงเสียงจริงใหม่…

น่าสังเกตว่าไม่มีชื่อ 2 แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคคือแพทองธาร ชินวัตร และ เศรษฐา ทวีสิน หรือแม้แต่ นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริยเดช หัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่ลือกันไม่เสร็จว่าน่าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 3

พรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่มีชื่อปล่อยออกมา แต่ก็พอจะคาดหมายกันได้ว่ารอบนี้ ‘จุรินทร์-เฉลิมชัย-นิพนธ์’ ชี้เป็นชี้ตาย และไฮไลต์สำคัญก็คือรอบนี้ ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ ขอบาย…นัยว่าเพื่อความสบายใจของสามผู้ยิ่งใหญ่และความเป็นเอกภาพของพรรค

พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.66 ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี เคยหลุดปากออกมาว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ ‘บิ๊กตู่’ จะลงสมัครปาร์ตี้ลิสต์ด้วย ทำเอาหุ้น รทสช. พุ่งกระฉูด แต่ถึงนาทีนี้ รทสช. เปิดไต๋แค่แคนดิเดตนายกฯ 2 คน คือ ‘บิ๊กตู่’ กับ ‘บิ๊กตุ๋ย’ (พีระพันธุ์) ไม่มีการบอกว่าลุงตู่จะลงสมัครหรือไม่...?

จากวิถีการเดินทาง 'รถไฟไทย' แบบดั้งเดิม สู่โครงการ 'รถไฟความเร็วสูง' ที่เป็นรูปธรรมในอนาคตอันใกล้

พูดคำว่า “โครงการรถไฟความเร็วสูง” ในเมืองไทย นับถึงวันนี้ ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน หรือจับต้องไม่ได้อีกต่อไป ซึ่งหากย้อนกลับไป โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไม่ว่าจะเป็นสายไหนก็ตาม) ถูกคิดริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2535 หรือกว่า 31 ปีมาแล้ว

แต่เมื่อผ่านกาลเวลา ผ่านหลายต่อหลายรัฐบาลที่เข้ามาบริหาร และผ่านหลายเหตุการณ์ทางการเมือง กระทั่งปี 2557 หลังจากที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาบริหารประเทศ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้มีการเดินทางไปที่ประเทศจีน เพื่อหารือกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ก่อนที่จะได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงส่งเสริมความร่วมมือด้านรถไฟไทย–จีน (โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ–หนองคาย)

โดยหลังจากคณะทำงานได้ทำการศึกษาในรายละเอียด จนได้ข้อสรุปว่า โครงการรถไฟความเร็วสูง จะเริ่มก่อสร้างช่วงกรุงเทพ–นครราชสีมา เป็นระยะเริ่มต้น และเพิ่มความเร็วของรถไฟจาก 160–180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในวงเงินลงทุน 1.79 แสนล้านบาท ซึ่งฝ่ายไทยจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด 100%

กระทั่งเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2560 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพ–นครราชสีมาและต่อมาในเดือนกันยายน 2560 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เดินทางไปเยือนจีนเพื่อพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง อีกครั้ง และได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามสัญญาก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงระหว่างไทยและจีนเส้นดังกล่าว และเริ่มต้นก่อสร้างโครงการในวันที่ 21 ธันวาคม 2560 นับเป็นการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงสายแรกของประเทศไทย

‘ภูมิธรรม’ สยบข่าวดีล พท. หนุน ‘บิ๊กป้อม’ นั่งนายกฯ ชี้!! แค่กระแสฉุดรั้งความนิยมคนไทยไปจาก พท.

(27 มี.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหาว่า มีการตกลงกันยอมให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ขอชี้แจงว่า พรรคเพื่อไทย โดยคณะกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะร่วมรัฐบาลกับใครหรือไม่ 

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยยังคงยืนยันเดินหน้ารณรงค์หาเสียงให้เลือกพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.ในสภาให้ถึง 310 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาล  เพราะขณะนี้ปัญหาของประเทศ คือ ส.ว. 250 คน ที่ถือว่าเป็นตัวปัญหา หากพรรคเพื่อไทยได้ 310 เสียง ขึ้นไป ไม่มีเหตุผลใดที่จะจับมือกับใคร  มีเงื่อนไขเดียว คือจับมือกับพรรคการเมืองที่มีกรอบความคิดตรงกัน หรือฝ่ายค้านที่เคยทำงานร่วมกันมา

“การมีคนพยายามที่จะโหนพรรคเพื่อไทย เพื่อทำลายอำนาจที่จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน คนที่จะตัดสินใจการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและตัดสินใจว่าใครเป็นรัฐบาล คือประชาชน ถ้าคะแนนเสียงออกมาอันดับ 1 พรรคนั้นก็ต้องได้จัดตั้งรัฐบาล อันดับถัดมา ก็จะได้รับการพิจารณาเป็นลำดับถัดไป ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ เรื่อง  จึงขอย้ำอีกครั้ง การจับมือกับพลังประชารัฐ จะจับมือพรรคนั้นพรรคนี้ เป็นเรื่องเพ้อฝันทั้งสิ้น หรือมีเจตนาแอบแฝงที่จะฉุดรั้งความนิยมของประชาชนออกไปจากเรา ขอให้ประชาชนมั่นใจ วันนี้พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นเป็นรัฐบาลให้ได้ เพื่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยที่เกิดขึ้น และจะไม่ขอพูดเรื่องนี้อีกแล้ว ขอความเป็นธรรมให้พรรคเพื่อไทยและประชาชนด้วย” นายภูมิธรรม กล่าว

‘กรุณพล’ เผย นิด้าโพลชี้คนกรุงเทพฯ อยากได้ ‘พิธา’ เป็นนายกฯ สะท้อน ปชช. ต้องการเปลี่ยนแปลง จับตา 4 เม.ย. เปิด 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์

(27 มี.ค. 66) ที่พรรคก้าวไกล กรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวประจำสัปดาห์ในหลายประเด็น เริ่มต้นที่กรณีนิด้าโพลเปิดเผยผลสำรวจของประชาชน พบว่าบุคคลที่คนกรุงเทพฯ สนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยคือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นสิ่งสะท้อนว่าประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่เปลี่ยนนายกฯ หรือเปลี่ยนรัฐบาล แต่คือการเปลี่ยนแปลงประเทศ และเชื่อว่าแนวโน้มนี้มีแต่จะเพิ่มขึ้นจนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง

ส่วนกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 และกำหนดให้วันที่ 7 พฤษภาคม 2566 เป็นวันลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า โดยประชาชนจำเป็นต้องลงทะเบียนระหว่างวันที่ 25 มีนาคม - 9 เมษายน 2566 เพื่อขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าทั้งในเขตและนอกเขต พรรคก้าวไกลมีความกังวลอย่างยิ่งว่า กกต. ไม่ได้ประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึงเพียงพอ ทำให้ประชาชนไม่ทราบเรื่องนี้ จนอาจกระทบต่อการใช้สิทธิ์ของคนนับล้าน ทั้งคนที่จะเลือกตั้งล่วงหน้า เลือกตั้งนอกเขต และเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร อีกทั้งในการเปิดลงทะเบียนวันแรก ก็พบปัญหาเชิงเทคนิคมากมาย ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงการลงทะเบียนได้โดยสะดวก พรรคก้าวไกลจึงขอเรียกร้องให้ กกต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึงมากขึ้นและแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่าให้ซ้ำรอยสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อการเลือกตั้ง 2562 ที่บัตรเลือกตั้งจากต่างประเทศ ส่งมาถึงประเทศไทยแต่ไม่ได้รับการนับคะแนน รวมถึงในหลายประเทศที่มีข้อขัดข้องในการใช้สิทธิ์

นอกจากนั้น ในวันที่ 1-20 เมษายน 2566 จะเข้าสู่ช่วงเกณฑ์ทหาร ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ของชายไทย ที่ต้องถูกบังคับให้จับใบดำใบแดง ต้องห่างคนที่รักทั้งที่หลายคนเป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องสูญเสียเวลาที่จะก้าวหน้าในการงานไปถึง 2 ปี พรรคก้าวไกลแม้ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกฎเกณฑ์เก่าๆ ได้ในวันนี้ แต่ขอเรียกร้องให้กองทัพมีมาตรการคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพของทหารชั้นผู้น้อย ดังนี้ 

1. สร้างความปลอดภัย จากการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ผ่านกลไกการร้องทุกข์และร้องเรียนผู้บังคับบัญชาที่มีกระบวนการที่เป็นธรรมและปลอดภัยต่อตัวผู้ร้อง รวมถึงมีการแก้ พ.ร.บ.วินัยทหาร ที่ให้อำนาจล้นเกินแก่ผู้บังคับบัญชาในการธำรงวินัย

2. สร้างความมั่นคง ผ่านรายได้ที่เหมาะสม สอดคล้องกับค่าครองชีพ โอนตรง-โอนครบ-ไม่มีหัก-ไม่มีทอน มีประกันชีวิตที่มีทุนให้กับครอบครัวในการประกอบอาชีพหากพิการหรือเสียชีวิต และมีทุนการศึกษาแก่ทายาทจนกว่าจะมีเงินได้กลับมาเลี้ยงครอบครัว รวมถึงการให้พลทหารมีสิทธิประกันสังคมสำหรับการรักษาพยาบาลเหมือนกับพนักงานราชการทั่วไป 

3. สร้างอนาคต ผ่านการทลายระบบเส้นสาย การเลื่อนขั้น-โยกย้ายต้องเน้นผลงานมากกว่าอายุงาน และในกรณีพลทหารหรือชั้นประทวน ต้องเพิ่มโอกาสในการเรียนโรงเรียนนายร้อย-นายสิบ และโอกาสไต่เต้าสู่นายทหารชั้นสัญญาบัตร ทั้งนี้ หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล เราจะผลักดันนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหารให้เป็นจริง

‘พท.’ เตรียมปราศรัยใหญ่ 3 เวที ส่งท้ายเดือน มี.ค. พร้อมจัดทีมกระจายหาเสียงทุกเขต หวังแลนด์สไลด์

(27 มี.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคพท.เตรียมจัดเวทีปราศรัยใน 3 จังหวัด ได้แก่ ในวันที่ 28 มี.ค. เปิดเวทีปราศรัยที่ศาลากลาง จ.สมุทรปราการ เริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง อดีต ส.ส.มหาสารคาม นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์รวมทั้งตน 

วันที่ 29 มี.ค. เปิดเวทีปราศรัยที่ลานหน้าห้างโลตัส รังสิต (ตรงข้ามฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต) อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ในเวลา 18.00 น. เป็นต้นไป นำโดย นพ.ชลน่าน น.ส. แพทองธาร นายจาตุรนต์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีต ส.ส.กทม.และตน

‘อนุทิน’ เผยกินข้าวกับ ‘บิ๊กป้อม’ ไม่ใช่ความลับอะไร ขอไม่พูดถึงทิศทางจัดตั้ง รบ. ใหม่ ยัน!! ภท. ยึดกติกาสากล

‘อนุทิน’ ปัดดีลจัดตั้งรัฐบาล ร่วม พท.-พปชร. ให้รอผลเลือกตั้งชัด ‘ชี้’กินข้าวร่วม ‘บิ๊กป้อม’ ไม่แปลก ไม่ได้กินข้ามฟาก ยอมรับมีอัพเดตตัวเลขเลือกตั้งปกติ แต่ไม่มีความลับ ดักทางหลังเลือกตั้ง สว.ยังร่วมโหวตนายกฯในสภา แต่แค่พายเรือส่ง ชี้พรรคเล็กได้นั่งนายกฯลำบากแน่นอน ไร้เสถียรภาพ แย้ม เม.ย.จนถึงเลือกตั้ง ไม่อยู่กทม. จ้องหาวันลาราชการลงพื้นที่ 

(27 มี.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ดีลกับพรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งมองกันว่าพรรคภท. จะอยู่ในสมการนั้นด้วย ว่า ยังไม่รับทราบเรื่องพวกนี้เลย อ่านจากข่าวเหมือนกัน ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยใดๆเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่ามีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า รอเลือกตั้งดีที่สุด หลังการเลือกตั้งทิศทางจะออกมาเอง รอผลเลือกตั้ง เมื่อถามว่าการไปทานข้าวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. 2 รอบ มีการพูดคุยถึงการจับมือจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คิดมากไปหรือเปล่า ทำงานมาด้วยกัน 4 ปี กินข้าวกันมันแปลกตรงไหนใช่ไหม และตนก็ไม่ได้ข้ามฟากไปกินกับอีกฟากหนึ่งเสียเมื่อไหร่ ก็กินกันอยู่ในนี้มันเป็นเรื่องปกติมากกว่า หากจะพูดคุยความลับกันจริงๆ พูดคุยเรื่องที่มีการวิเคราะห์ออกมาตามสื่อที่ไปตั้งรัฐบาลให้ใครเป็นนายกฯถ้าจริงคงไม่คุยกันแค่ 8 คนมั่งใช่ไหม อันนั้นไม่มีความลับอะไรเป็นการไปกินข้าวกันธรรมดา

เมื่อถามว่านอกเหนือจากการคุยเรื่องทางการเมืองแล้วมีข่าวว่าไปคุยเรื่องคดีของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ หลังหยุดปฏิบัติหน้าที่รมว.คมนาคม นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีเลย นายศักดิ์สยามมั่นใจในข้อกล่าวหาว่าเขาสามารถเตรียมเอกสารไปแก้ข้อกล่าวหาได้ การไปกินข้าวเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ใช่เรื่องของราชการ และไม่ใช่เรื่องของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใครที่โดนเขาก็มีหน้าที่ชี้แจงไป 

เมื่อถามว่าพรรค ภท.เตรียมเปิดตัวส.ส.ทั่วประเทศเมื่อไหร่ นายอนุทิน กล่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เริ่มรับสมัครส.ส.เขตวันที่ 3 เม.ย. และรับสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อวันที่ 4 เม.ย. เมื่อถามอีกว่าแสดงจะไม่เปิดรายชื่อก่อน แต่จะให้ไปรู้วันสมัครเลยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้เปิดเรียงตามลำดับอักษรว่ามีใครบ้าง รอเอกสารให้เรียบร้อยทุกอย่าง และจะเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคอย่างเร่งด่วน เมื่อถามว่าลงตัวหรือไม่ นายอนุทินหัวเราะ พร้อมกล่าวว่า ภท.ลงตัวทุกเรื่องอยู่แล้ว เมื่อถามว่าในพื้นที่อีสานไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ หลังจากที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ออกมาโจมตีหลายๆเรื่อง นายอนุทิน กล่าวว่า อย่างที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ตอนที่มีเรื่องนี้ออกมาเราก็เร่งทำโพลในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งเมื่อวันที่ 26 มี.ค.ก็เห็นแล้วว่ามีโพลออกมาบอกว่าเราไม่ได้รับผลกระทบอะไร ตรงกันข้ามคะแนนนิยมในตัวบุคคลของ ภท.มีมากขึ้น 

เมื่อถามว่า ถ้าอนาคต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกฯพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้คะแนนน้อยกว่า ภท. จะหลีกทางให้พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า กติกาสากลมีอยู่แล้วอย่าเพิ่งถามเลย ถามตรงนี้หากบอกคนนี้น้อยคนนี้มาก คนได้น้อยจะไม่พอใจหรือเสียกำลังใจ กติกาสากลมีอยู่แล้ว คะแนนมากจะต้องทำตัวอย่างไร คะแนนน้อยจะต้องทำตัวอย่างไร เรื่องการเมืองไม่พ้นกติกาสากลเหล่านี้หรอก อย่าไปกังวล รอผลการเลือกตั้งออกมาให้นิ่งและชัดเจนก่อนไม่ต้องไปรอรับรองอย่างเป็นทางการหรอกอย่างที่ตนเรียนเย็นวันที่ 14 พ.ค. 4 ทุ่ม 5 ทุ่ม มันก็พอเห็นเค้าลางแล้ว แล้วเราค่อยดำเนินการอะไรจากนั้นไป ตอนนี้พูดอะไรไปสิ่งที่ตนกลัวที่สุดคือมันจะเหมือนกับว่าไม่ให้เกียรติพี่น้องประชาชน ซึ่งตรงนี้ตนกลัวมาก ฉะนั้นตนคงจะไม่ให้สัมภาษณ์ในเรื่องทิศทางใดๆ จนกว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาแล้ว 

“การไปเจอคนนั้นคนนี้ รับประทานอาหารกับคนนั้นคนนี้เป็นเรื่องปกติอย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องแปลก หรือเป็นการปล่อยทิศทางการเมืองอะไรออกมา ไม่ใช่เลย แต่ละพรรคการเมืองมีนโยบายของตัวเอง เป็นผู้บริหารพรรคการเมืองในความเป็นปัจเจกบุคคลไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครเลย สมมุติว่าเราจะไปทานข้าวอะไรกับใครเราก็ไปอัพเดตกัน ในวงการธุรกิจคู่แข่งเขายังมีนัดกินข้าวกันเพื่ออัพเดตสถานการณ์ อัพเดตตลาด อัพเดตปัญหาความต้องการหลายๆเรื่อง ฉะนั้นถ้าเราอยู่ในองค์กรแบบนี้เราก็ไปอัพเดตสถานการณ์กัน มันไม่ใช่ความลับอะไรมากมาย พรรคผมส่งกี่คนกี่เขต ใครมีแนวโน้มเป็นปาร์ตี้ลิสต์บ้าง เราไม่ได้บอกว่าคนนี้เบอร์หนึ่งสองสาม เป็นเรื่องที่เราพูดจาบนโต๊ะอาหารซึ่งเป็นเรื่องปกติ และเรื่องอื่นๆก็พูดเยอะ มันไม่ใช่เป็นการรับประทานอาหารอย่างเป็นทางการและถ้าเกิดมันจะลับจริงๆทำไมจะลับไม่ได้ อันนี้แสดงว่าไม่ได้มีความลับอะไร รูปถึงออกมา และไม่ได้มีการโวยวายอะไร ปกติ การสื่อสารข้อมูลทางโทรศัพท์มันเร็วมาก เผลอๆไลฟ์สดด้วยซ้ำ เราอย่าไปซีเรียสอะไรมาก ทางการเมืองทุกอย่างโดยเฉพาะยิ่งใกล้เลือกตั้งทุกอย่างต้องรอผลเลือกตั้ง ผมยืนยันตรงนี้” นายอนุทิน กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top