Tuesday, 29 April 2025
ElectionTime

‘อุ๊งอิ๊ง’ นำทีม ‘เพื่อไทย’ เปิดตัวผู้สมัครส.ส. 33 เขต ชู ‘รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย-รพ.50 แห่ง-กรุงเทพฯ ไม่จมน้ำ’

เพื่อไทยเปิดตัว ส.ส.กทม. 33 เขต คนบันเทิง -อินฟลูเอ็นเซอร์ แห่ร่วมงานเพียบ ‘แพทองธาร’ ชูคุณภาพชีวิตคนกรุงเทพฯ ดันนโยบาย รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย-50 เขต 50 โรงพยาบาล-กรุงเทพฯ ไม่จมน้ำ

เมื่อวันที่ 24 มี.ค.66 ที่ลานสเตเดียมวัน จุฬาซอย6 ถ.บรรทัดทอง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีงาน ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนกรุงเทพฯ’ จากพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้ประสงค์ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร ทั้ง 33 คน

นางสาวแพทองธารกล่าวถึงเป้าหมายของพรรคเพื่อไทยที่ ‘คิดใหญ่’ เพื่อพัฒนากรุงเทพมหานครให้เป็นเมืองหลวงของทุกคนภายใน 4 ปี เพราะหลายปีที่ผ่านมา อนาคตของกรุงเทพ ฯ ถูกบีบให้แคบลงเรื่อยๆ จากปัญหาความแออัดด้วยความล้าหลังของระบบราชการภายใต้รัฐบาลที่ขาดวิสัยทัศน์ และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ แต่ด้วยโอกาสที่กระจุกตัวอยู่ในเมืองหลวง ทำให้ผู้คนยังคงดั้นด้นเดินทางมาสร้างชีวิตในที่แห่งนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้

กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่รวบรวมทุกความแตกต่าง ทุกคนล้วนมีเรื่องราวและความฝันเป็นของตัวเอง พรรคเพื่อไทยจึงคิดพัฒนาความเจริญทางกายภาพของกรุงเทพฯ บนฐานความเข้าใจในความหลากหลาย ให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นอนาคตให้กับกรุงเทพมหานคร ‘คิดใหญ่เพื่อคนรุ่นใหม่ คิดใหญ่เพื่อคนกรุงเทพฯ’ จึงเป็นแนวทางนโยบายพัฒนากรุงเทพ ฯ ของพรรคเพื่อไทย

ขณะที่ต้องเผชิญสภาวะเศรษฐกิจถดถอย พรรคเพื่อไทยจะช่วยเติมเงินรายได้ให้ครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาท ให้ถึง 20,000 บาททันที เป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นก่อนนโยบายขึ้นค่าแรง 600 บาทต่อวัน และขึ้นเงินเดือนขั้นต่ำวุฒิปริญญาตรีเป็น 25,000 บาทจะสำเร็จภายใน 4 ปี

พรรคเพื่อไทยจะ ‘คิดใหญ่’ พัฒนาให้กรุงเทพ ฯ เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีทางการเงิน เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในการขันเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี และผลักดันให้ประชาชนได้พัฒนาศักยภาพของตนอย่างน้อยครอบครัวละหนึ่งคน ผ่านนโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power (OFOS) ให้ทุกคนได้เข้าถึงองค์ความรู้ พร้อมไปยืนบนเวทีโลก และสร้างรายได้ใหม่ด้วยทักษะของตน

คุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ ต้องสะดวกและปลอดภัยภายใต้การดูแลของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่จะลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าให้เหลือ 20 บาท ตลอดสาย, เพิ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่ 50 แห่ง 50 เขต, แก้ไขปัญหา PM 2.5 ที่ต้นเหตุ และ วางแผนแก้ไขระยะยาว ให้กรุงเทพ ฯ ไม่จมน้ำภายในปี 2575 ด้วยนโยบายสร้างเกาะรอบกรุงเทพฯ ให้เป็นเขื่อนแก้ปัญหาน้ำท่วม และลดความแออัด รวมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มจากที่ดินในการสร้างเกาะและเขื่อนได้อย่างมหาศาล

นางสาวแพทองธารกล่าวปิดท้ายการปราศรัยในครั้งนี้ด้วยว่า แผนการพัฒนาของพรรคเพื่อไทย เพื่อคนรุ่นใหม่ เพื่อกรุงเทพมหานคร ยังไม่จบเพียงเท่านี้ แต่จะใหญ่ขึ้นและสมบูรณ์ขึ้นด้วยนโยบายอีกมากมาย ให้กรุงเทพฯ เติบโตด้วยความมั่นคงและมั่งคั่ง ความหลากหลายจะต้องคงอยู่ แต่ความเหลื่อมล้ำจะหมดไป ภายใต้การดูแลของพรรคเพื่อไทย กรุงเทพฯ จะต้องใหญ่พอสำหรับทุกคน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานได้มีการเปิดตัวมิวสิค วีดีโอ เพลง ‘เพื่อไทย คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนกรุงเทพ’ โดยมีผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.และบุคคลจากหลากหลายสาขาอาชีพเข้าร่วมแสดง  พร้อมทั้งเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.ครบทั้ง 33 เขต ดังนี้ 

เขตเลือกตั้งที่ 1 นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตบางรัก,เขตพระนคร,เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย,เขตดุสิต (ยกเว้นแขวงถนนนครไชยศรี) , เขตสัมพันธ์วงศ์

เขตเลือกตั้งที่ 2 นางสาวลีลาวดี วัชโรบล ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตสาทร, เขตราชเทวี , เขตปทุมวัน

เขตเลือกตั้งที่ 3  นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ เขตบางคอแหลม,เขตยานาวา

เขตเลือกตั้งที่ 4. นายนวธันย์ ธวัธวงศ์เดชากุล ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตคลองเตย ,เขตวัฒนา

เขตเลือกตั้งที่ 5 นายขจรศักดิ์ ประดิษฐาน ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตห้วยขวาง, เขตวังทองหลาง (ยกเว้นแขวงคลองเจ้าคุณสิงห์)

เขตเลือกตั้งที่ 6 นายภัทร ภมรมนตรี ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตดินแดง ,เขตพญาไท

เขตเลือกตั้งที่ 7 นายรัฐพงษ์ ระหงส์ ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตบางซื่อ, เขตดุสิต (เฉพาะแขวงนครไชยศรี)
 
เขตเลือกตั้งที่ 8 นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตจตุจักร (ยกเว้นแขวงจันทรเกษมและแขวงเสนานิคม), เขตหลักสี่ (ยกเว้นแขวงตลาดบางเขน)
 
เขตเลือกตั้งที่ 9 นายอนุสรณ์ ปั้นทอง ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตบางเขน (ยกเว้นแขวงท่าแร้ง) , เขตจตุจักร (เฉพาะแขวงจันทรเกษมและแขวงเสนานิคม), เขตหลักสี่ (เฉพาะแขวงตลาดบางเขน)

เขตเลือกตั้งที่ 10 นายสุธนพจน์ กิจธนาพิทักษ์ ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตดอนเมือง

เขตเลือกตั้งที่ 11 นายเอกภาพ หงสกุล  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตสายไหม (ยกเว้นแขวงออเงิน)

เขตเลือกตั้งที่ 12 นายญาณกิตติ์ ห่วงทรัพย์  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตบางเขน (เฉพาะแขวงท่าแร้ง) , เขตสายไหม (เฉพาะแขวงออเงิน), เขตลาดพร้าว (เฉพาะแขวงจระเข้บัว)

เขตเลือกตั้งที่ 13 นางสาวสกาวใจ พูนสวัสดิ์  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตลาดพร้าว (ยกเว้นแขวงจระเข้บัว) , เขตบึงกุ่ม (ยกเว้นแขวงคลองกุ่ม)

เขตเลือกตั้งที่ 14 นายพงศกร รัตนเรืองวัฒนา  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตบางกะปิ ,เขตวังทองหลาง (เฉพาะแขวงคลองเจ้าคุณสิงห์)
 
เขตเลือกตั้งที่ 15 นายพลภูมิ วิภัตภูมิประเทศ ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตคันนายาว, เขตบึงกุ่ม (เฉพาะแขวงคลองกุ่ม)

เขตเลือกตั้งที่ 16 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตคลองสามวา (ยกเว้นแขวงสามวาตะวันออกและแขวงทรายกองดินใต้)

เขตเลือกตั้งที่ 17 นายไพฑูรย์ อิสระเสรีพงษ์  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตหนองจอก (ยกเว้นแขวงโคกแฝด แขวงลำผักชีและแขวงลำต้อยติ่ง), เขตคลองสามวา (เฉพาะแขวงสามวาตะวันออกและแขวงกองทรายดินใต้)

เขตเลือกตั้งที่ 18  นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตหนองจอก (เฉพาะแขวงโคกแฝด แขวงลำผักชีและแขวงลำต้อยติ่ง), เขตมีนบุรี (เฉพาะแขวงแสนแสบ) , เขตลาดกระบัง (เฉพาะแขวงลำปลาทิว)

เขตเลือกตั้งที่ 19 นายวิชาญ มีนชัยนันท์  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตมีนบุรี (เฉพาะแขวงแสนแสบ), เขตสะพานสูง (ยกเว้นแขวงทับช้าง)

เขตเลือกตั้งที่ 20 นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวานิชย์  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตลาดกระบัง (ยกเว้นแขวงลำปลาทิว)

เขตเลือกตั้งที่ 21 นายอรรฆรัตน์ นิติพน ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตประเวศ (ยกเว้นแขวงหนองบอน) ,  เขตสะพานสูง (เฉพาะแขวงทับช้าง)

เขตเลือกตั้งที่ 22 นายธกร เลาหพงศ์ชนะ  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตสวนหลวง, เขตประเวศ (เฉพาะแขวงหนองบอน)

เขตเลือกตั้งที่  23 นายกวีวงศ์ อยู่วิจิตร  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตพระโขนง, เขตบางนา

เขตเลือกตั้งที่ 24 นายศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตคลองสาน,เขตธนบุรี (ยกเว้นแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจีและแขวงบางยี่เรือ) ,เขตราษฎร์บูรณะ (เฉพาะแขวงบางประกอก)

เขตเลือกตั้งที่ 25 นายกิตติพล รวยฟูพันธ์ ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตทุ่งครุ, เขตราษฎร์บูรณะ (ยกเว้นแขวงบางประกอก)

เขตเลือกตั้งที่ 26 นายศรัณยสัณฑ์ วีรกุลสุนทร ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตจอมทอง (ยกเว้นแขวงบางขุนเทียน) ,เขตบางขุนเทียน (เฉพาะแขวงท่าข้าม)
 
เขตเลือกตั้งที่ 27 นางสาวกมลพัฒน์ ปุงบางกระดี่  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตบางขุนเทียน (ยกเว้นแขวงท่าข้าม) , เขตบางบอน (เฉพาะแขวงบางบอนใต้และแขวงคลองบางบอน)

เขตเลือกตั้งที่ 28 นายวัน อยู่บำรุง ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตหนองแขม (เฉพาะแขวงหนองแขม), เขตบางบอน (ยกเว้นแขวงบางบอนใต้และแขวงคลองบางบอน) , เขตจอมทอง (เฉพาะแขวงบางขุนเทียน)
 

เขตเลือกตั้งที่ 29 นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตบางแค (เฉพาะแขวงบางแคเหนือและแขวงบางไผ่), เขตหนองแขม (ยกเว้นแขวงหนองแขม)
 
เขตเลือกตั้งที่ 30 นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตบางแค (ยกเว้นแขวงบางแคเหนือและแขวงบางไผ่), เขตภาษีเจริญ (เฉพาะแขวงบางหว้า แขวงบางด้วนและแขวงคลองขวาง)
 
เขตเลือกตั้งที่ 31 นายจิรวัฒน์ อรัญยกานนท์ ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตตลิ่งชัน (ยกเว้นแขวงบางเชือกหนัง), เขตทวีวัฒนา
 
เขตเลือกตั้งที่ 32 นายอารุม ตุ้มน้อย ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตบางกอกใหญ่,เขตภาษีเจริญ (ยกเว้นแขวงบางหว้า แขวงบางด้วนและแวงคลองขวาง), เขตธนบุรี (เฉพาะแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจีและแขวงบางยี่เรือ), เขตตลิ่งชัน (เฉพาะแขวงบางเชือกหนัง), เขตบางกอกน้อย (เฉพาะแขวงศิริราช)

เขตเลือกตั้งที่ 33 นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตบางพลัด, เขตบางกอกน้อย (ยกเว้นแขวงศิริราช)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่างาน ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนกรุงเทพ’  ได้เชิญผู้เข้าร่วมงานจากหลากหลายวงการ อาทิ  ศิลปิน นักแสดง พิธีกร เช่น แจ๊ค- แฟนฉัน, ซัน - ประชากร, พระมหาเทวีเจ้า หรือแม่หญิงลี  คำผกา นอกจากนี้ยังมี TikTokers ชื่อดัง เช่น Pond on news และ  Benz singer มีสายมู หมอดู ชื่อดัง กลุ่มสตรี กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+ เช่น วรินทร วัตรสังข์ หรือ แอนนา ทีวีพูล อดีตมิสทิฟฟานี่ กลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้าง กลุ่มผู้ขับรถตุ๊กตุ๊ก แท็กซี่ และแฟนคลับของพรรคเพื่อไทยมาร่วมงานมากมาย  โดยที่นั่งภายในงานเต็มพื้นที่ก่อนงานจะเริ่มขึ้น

‘ชัยวุฒิ’ มั่น!! ส.ส.พปชร.ปักธงเชียงใหม่ หลังผลงานโดนใจ ยัน!! ตั้งใจพาบ้านเมืองเดินหน้า ไม่แบ่งฝ่าย ไม่แบ่งสี

(25 มี.ค.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังจากการลงพื้นที่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ว่า...

“วันนี้มาลงพื้นที่ที่ตลาดอําเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ มาช่วยผู้สมัคร ส.ส.ต้น นรพล ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชน ประชาชนก็ตอบรับดี เพราะว่าเราก็มีโครงการหลายอย่างดีๆ ที่มาช่วยพี่น้องที่จังหวัดเชียงใหม่ แล้วก็มีการพัฒนาบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมเชื่อว่าที่นี่ก็เป็นพื้นที่เป้าหมายที่เราน่าจะชนะการเลือกตั้ง และได้ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชารัฐแน่นอน”

เมื่อถามถึงนโยบายของพรรค นายชัยุวุฒิ กล่าวว่า “ลุงป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็เน้นอยากให้สมาชิกพรรคทุกคนชี้แจงประชาชนเข้าใจนโยบายสําคัญของพรรค คือ การก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่แบ่งสี ไม่ทะเลาะกัน เราต้องช่วยกันทํางาน”

เมื่อถามถึงคำพูดคำว่าปฏิวัติรัฐประการในมุมพลเอกประวิตร ชัยวุฒิ กล่าวว่า “ความสามัคคี ทําให้บ้านเมืองสงบสุข และจะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารแน่นอน เพราะถ้าเราทะเลาะกันไม่สามัคคีกัน บ้านเมืองเดินหน้าไม่ได้ ไม่ทําตามกติกาประชาธิปไตย มันก็อาจจะเกิดการปฏิวัติได้ เราถึงเน้น ให้ทุกคนช่วยกัน ทําความเข้าใจกับประชาชน ให้เราก็ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง ต้องรักกันสามัคคีกัน ต้องทําให้ได้ นี่คือนโยบายสําคัญของพรรคพลังประชารัฐ ก้าวข้ามความขัดแย้ง”

เมื่อถามถึงเรื่องรัฐธรรมนูญ ชัยวุฒิ กล่าวว่า “ก็เป็นเรื่องสําคัญที่ประชาชนถามกันมากเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ผมว่าอย่ามาใช้ในการหาเสียง เพราะมันเป็นเรื่องที่ยังไม่ได้ถึงเวลา เราอยากให้การเลือกตั้งเสร็จ มีสภามีตัวแทนพี่น้องประชาชน และให้สภา ให้ ส.ส. มาคุยกันด้วยเหตุด้วยผล มาหาทางออกให้ประเทศไทย ว่าเราควรแก้รัฐธรรมนูญแบบไหนอย่างไร? อย่าใช้อารมณ์ ใช้เหตุผล ให้ ส.ส.ซึ่งเป็นตัวแทนของท่านไปทําหน้าที่ในสภาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปในอนาคต”

‘กรณ์’ งัดหลักฐาน จวก ‘รัฐฯ’ เข้าข้างนายทุน เอาเปรียบ ปชช. ขึ้นค่าไฟแพงมหาโหด ในช่วงที่อากาศร้อนจัดที่สุดของปี

(25 มี.ค. 66) ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์ รัชดาภิเษก นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตเศรษฐกิจชั้นใน ได้แก่ นายวรนนท์ อัศวกิตติเมธิน เขตสาทร ปทุมวัน-ราชเทวี, นายปรัชญา อึ้งรังษี เขตยานนาวา-บางคอแหลม และ นายปรินต์ ทองปุสสะ เขตวัฒนา-คลองเตย ร่วมกันแถลงข่าว กรณีจะมีการขึ้นค่าไฟฟ้าในเดือนพฤษภาคมนี้ ว่า ทุกคนรู้ดีว่าในช่วงหน้าร้อนคนไทยใช้ไฟเพิ่มสูงมากกว่าปกติ ค่าไฟโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นพีคทุกครัวเรือน แต่รัฐฯ ยังประกาศจะขึ้นค่าไฟ ถือเป็นการซ้ำเติมประชาชน

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เราต่อสู้เรื่องนี้มาตลอด โดยเฉพาะการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง ซึ่งหนึ่งในต้นตอสำคัญทำให้สินค้าราคาสูงขึ้นคือ ต้นทุนพลังงาน เราเสนอแนวนโยบายที่ชัดเจนที่จะแก้ปัญหา คือต้องรื้อโครงสร้างพลังงาน แต่ล่าสุดสิ่งที่ทำให้เราตกใจมาก กับการประกาศขึ้นค่าไฟฟ้า ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม โดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ซึ่งพิจารณาภายใต้นโยบายที่ส่งต่อมาจาก คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีมติจะปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในภาคครัวเรือนจากหน่วยละ 4.72 บาท เพิ่มเป็นหน่วยละ 4.77 บาท แต่กลับลดราคาให้ภาคอุตสาหกรรมจากหน่วยละ 5.33 บาท ลดลง เหลือ 4.77 บาท

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า สาเหตุของการปรับค่าไฟฟ้าครั้งนี้คือ การปรับค่าเอฟที โดยภาคประชาชนมีการปรับค่าเอฟทีขึ้น 5% แต่กลับลดให้ภาคอุตสาหกรรมคิดเป็น 30กว่า% จากตัวเลขดังกล่าว พวกเราเห็นแล้วถึงกับอึ้งกับแนวนโยบายการกำหนดค่าไฟแบบนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน แต่กลับลำเอียงเข้าข้างภาคอุตสาหกรรมมากเกินไป

นอกจากนี้ เรายังไม่เห็นตรรกะความจำเป็น ที่ต้องปรับค่าไฟแบบนี้ เพราะหากดูตามข้อเท็จจริง ต้นทุนหลักของการผลิตไฟฟ้า คือ ราคาก๊าซ LNG ในอดีต เราไม่เดือดร้อนมากเพราะสามารถใช้ก๊าซจากอ่าวไทยได้ แต่ปัจจุบันปริมาณก๊าซในอ่าวไทยลดลง เราจึงต้องนำเข้าก๊าซ LNG  ซึ่งราคาก็ลดต่ำลงเรื่อย ๆ จากที่พีคสุด 70 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ลดลงเหลือ 11 เหรียญ ต่อล้านบีทียู หรืออย่างมากไม่เกิน 30 เหรียญต่อล้านบีทียู

คำถามคือ แล้วทำไมต้องปรับเพิ่ม หรือถ้ามองในมิติของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งท่านก็ทราบว่าการนำเข้า บาทยิ่งแข็งยิ่งทำให้สามารถนำเข้าในอัตราที่ถูกลง และปัจจุบันค่าเงินบาทก็แข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 34 บาท ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยของต้นทุนก๊าซ หรืออัตราแลกเปลี่ยน ก็ล้วนแต่มีภาระลดลง

จับตา!! แคนดิเดตนายกฯ รทสช. ‘พล.อ.ประยุทธ์’ หรือ ‘พีระพันธุ์’

‘รทสช.’ จัดสัมมนา ชวนผู้สมัคร ส.ส. 400 เขตทั่วประเทศ ทำความเข้าใจกติกา กกต. ขอระวังถูกกลั่นแกล้ง สั่งจับตาฝ่ายตรงข้ามทำผิดด้วย ‘ไม่สน’ คำปรามาสตั้งพรรค

(25 มี.ค. 66) ที่อาคารเดอะพอร์ทอล ไลฟ์สไตล์ คอมแพล็กซ์ อิมแพค เมืองทองธานี ในการสัมมนาผู้สมัคร ส.ส. 400 เขต และประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.และแกนนำพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพียง โดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวเปิดสัมนา ว่า ถือเป็นครั้งแรกที่ได้จัดกิจกรรมร่วมกับสมาชิกพรรคที่พร้อมจะลงเลือกตั้ง ซึ่งจะนำชัยชนะมาให้คนไทย ยืนยันว่า ที่ทำพรรครวมไทยสร้างชาติขึ้นมาตั้งใจให้เป็นพรรคของคนธรรมดา ไม่ใช่เป็นพรรคของคนยิ่งใหญ่ เป็นพรรคที่ช่วยกันทำงานแบบเพื่อนพี่น้อง กฎหมายบอกให้มีตำแหน่งก็มีไป แต่ในการทำงานของพวกเราไม่ได้แบ่งว่าใครเป็นหัวหน้าหรือรองหัวหน้า ทุกคนทำงานเป็นเบ้ของพรรคทั้งหมด เราตั้งใจที่จะให้มีพรรคการเมืองแบบใหม่เป็นพรรคของประชาชนที่สามารถลดความหลื่อมล้ำในสังคมและความเป็นอยู่ต่าง ๆ รวมทั้งมีความรักความสามัคคี ถ้าไม่เริ่มต้นจากพรรคของพวกเราก็จะไปทำให้ประเทศเป็นแบบนี้ไม่ได้ 

“ในพรรคครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคที่ไม่มีผู้ยิ่งใหญ่ เป็นพรรคที่ทุกคนเท่ากันช่วยกันทำงาน จึงขอให้ทุกคนช่วยกันทำงานและนำไปสู่ความสำเร็จ เพื่อนำมาช่วยเหลือประเทศไทยให้มีความสุขในการอยู่กับแผ่นดินนี้ ช่วยกันสร้างอนาคตให้กับลูกหลานต่อไป” นายพีระพันธุ์ กล่าว

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เลขาธิการพรรคกล่าวว่าตนเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จและอยู่เบื้องหน้าอีกหลายเรื่อง แต่ความสำเร็จที่ตนพยายามผลักดันให้พรรค เติบโตขึ้นมาไม่มีวันจะเป็นไปได้เลยถ้าขาดบุคคลสำคัญอย่าง นายเสกสกล อัตถาวงศ์ คณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคฯ อย่างไรตนก็ต้องขอขอบคุณ พรรครวมไทยสร้างชาติเริ่มต้นจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค ที่ไม่ใช่เป็นผู้จดทะเบียนตั้งพรรคแต่มีมอตโตขึ้นมาระหว่างที่ประเทศกำลังเผชิญโควิด 19 โดยบอกว่าคนไทยต้องช่วยกันทำงานให้ชาติบ้านเมือง คนไทยต้องร่วมมือกัน รวมไทยสร้างชาติ พอได้ยินคำนี้ก็รู้สึกปิ๊ง

“ผมเคยคิดว่าจะพักแล้ว แต่พอเห็น พล.อ.ประยุทธ์ทำงานเลยเกิดความคิดว่าแล้วเราจะทิ้งบ้านเมืองไปได้อย่างไร และชอบคำที่ พล.อ.ประยุทธ์พูด คิดว่าเป็นคำทางการเมืองที่ถูกต้อง รวมไทยสร้างชาติ เพราะไม่ว่าจะประเทศไทยเราหยุดคิดและเดินไม่ได้ เราหยุดการพัฒนาประเทศไม่ได้เราจึงต้องร่วมกันสร้าง คนไทยที่อยู่บนแผ่นดินนี้ไม่ร่วมใจ ไม่ร่วมกันสร้างแล้วเราจะเดินกันไปได้อย่างไร แต่นึกได้ไม่นานนายเสกสกล ก็แอบไปจดทะเบียนพรรค ซึ่งผมรู้จักกับคุณแรมโบ้มานาน ตั้งแต่เป็น ส.ส.สมัยแรก ซึ่งท่านบอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะไปทำพรรคการเมือง แต่ผมชอบคำว่ารวมไทยสร้างชาติ และเชื่อว่าจะมีคนเอาไปจดทะเบียนพรรคจึงชิงจดไว้ก่อน เวลาผ่านไปจนถึงจุดที่ต้องตัดสินใจ ที่จะเดินหน้าทางการเมืองที่ฝันไว้ว่าจะมีพรรคที่ไม่ได้คิดแต่เรื่องการเมืองแต่คิดเพื่อประชาชน และสามารถเป็นที่พึ่งได้ จึงได้หารือกับ นายเอกนัฏ จึงลองทำดู ดีกว่าพูดแล้วไม่ทำ เอาแต่พูด จึงตัดสินใจเดินหน้าตั้งแต่มีกันอยู่แค่ 2 คน จนมีมากขึ้น เมื่อเป็นรูปธรรมจึงกลับไปหานายเสกสกลและขอเอาพรรครวมไทยสร้างชาติไปทำได้หรือไม่ ท่านก็บอกว่าถ้าพี่จะทำเอาไปเลยยกให้ ต้องขอบคุณและนี่คือจุดเริ่มต้นของพรรค” นายพีระพันธุ์ กล่าว

บิ๊กป้อม’ วิดีโอคอล พูดคุย-รับกำลังใจจาก นศ.ม.สยาม เด็ก ๆ อ้อนอยากเจอตัวจริง ชวนลุงป้อมมาร่วมพิธีเปิดกีฬาสี

(25 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก ‘FC ลุงป้อม’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ วิดีโอคอลคุยกับตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัยสยาม เขตบางกอกใหญ่ กทม. โดยตัวแทนนักศึกษาได้กล่าว สวัสดี พล.อ.ประวิตร และให้กำลังใจในการทำงานทางการเมือง

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “สวัสดีทุกคน สบายดีจ้ะ ขอบคุณนะคะ ที่มาให้กำลังใจ”

ตัวแทนนักศึกษา กล่าวว่า ตอนนี้ฝุ่น PM 2.5 และปัญหาสารซีเซียมรั่วไหล ขอให้ พล.อ.ประวิตร รักษาสุขภาพ เพื่อให้ก้าวข้ามปัญหาต่าง ๆ และทุกปัญหาย่อมมีทางออก เพื่อจะได้ก้าวไปเป็นนายกฯ ทุกคนขอเป็นกำลังใจให้ และวันที่ 1 เม.ย. 66 จะมีพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาสีหูกวางเกมส์ ซึ่งเป็นกีฬาภายในของมหาวิทยาลัยสยาม ทั้ง 13 คณะ ซึ่งได้งดจัดการแข่งขันมา 2 ปีจากภาวะโควิด-19 จึงขอเชิญ พล.อ.ประวิตร ให้เกียรติมาร่วมงานด้วย

“พวกเราอยากเห็นลุงป้อมตัวเป็น ๆ จะได้ไปขอกอด เพราะจากการได้พูดคุยรู้สึกว่าลุงป้อมใจดี และขอเป็นกำลังใจให้ลุงป้อมด้วย” ตัวแทนนักศึกษา ระบุ

พล.อ.ประวิตร กล่าวตอบว่า การจะก้าวความขัดแย้งได้นั้นก็อยู่ที่ลูกหลานด้วย ส่วนตนจะทำให้ดีที่สุด และวันที่ 1 เม.ย.66 ตนรับปากจะไปเป็นประธานเปิดพิธีกีฬาสีของมหาวิทยาลัยให้ และขอให้ทุกคนโชคดี เรียนหนังสือเก่ง ๆ

‘ก้าวไกล’ ผุดไอเดียค่าไฟ ปลดล็อกสายส่ง ตัดวงจรนายทุน เปิดเสรีให้ ปชช.เลือกซื้อไฟฟ้าที่มีราคาถูกที่สุดได้เอง

‘วรภพ’ ชี้ รัฐบาลประยุทธ์ขึ้นค่าไฟ-ทิ้งทวนอนุมัติโรงไฟฟ้าอีก 763 เมกะวัตต์ เยอะเกินจำเป็น ยิ่งปล่อยให้มีรัฐบาลเอื้อทุนพลังงาน ยิ่งสร้างภาระประชาชน ชูนโยบายก้าวไกล ‘ปลดล็อกสายส่ง’ ประชาชนซื้อไฟฟ้าราคาถูกได้เอง-ลดค่าไฟ 70 สตางค์/หน่วย ภายใน 1 ปี

(25 มี.ค.66) นายวรภพ วิริยะโรจน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ อดีต ส.ส. พรรคก้าวไกล กล่าวถึงปัญหาค่าไฟแพงว่า รัฐบาลเพิ่งประกาศขึ้นค่าไฟบ้านเรือนงวดเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2566 อีก 5 สตางค์/หน่วย ทั้ง ๆ ที่ ราคาก๊าซ LNG นำเข้าที่รัฐบาลชอบอ้าง จะลดลงมาแล้ว 60% จากเมื่อสิ้นปี อีกทั้งปัญหาเดิมเรื่องประเทศไทยมีโรงไฟฟ้าเยอะเกินความต้องการ 60% ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข รัฐบาลชุดนี้กลับทิ้งทวนก่อนหมดอำนาจด้วยการอนุมัติโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 763 เมกะวัตต์ และทำสัญญาซื้อไฟฟ้าจากเอกชนยาวไปถึง 29 ปี ตามเอกสารแจ้งตลาดหลักทรัพย์ของ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

นายวรภพ กล่าวว่า ตนต้องทวนย้ำอีกครั้ง เมื่อปี 2562 ก่อนการเลือกตั้ง 2 เดือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เร่งประเคนสัญญาโรงไฟฟ้าให้เอกชนเพิ่ม 1,940 เมกะวัตต์ มาคราวนี้เลือกตั้งปี 2566 รัฐบาลเร่งอนุมัติโรงไฟฟ้าให้เอกชนเพิ่มแบบทิ้งทวนอีก ทั้ง ๆ ที่ปี 2561 และปี 2565 ประเทศไทยมีกำลังการผลิตไฟฟ้ามากเกินความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดไป 58% จนกล่าวได้ว่า ประเทศไทยมีโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ 12 โรง แต่ 7 โรง ไม่ได้เดินเครื่องเลยแม้แต่วันเดียว

นายวรภพ กล่าวอีกว่า โรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น สุดท้ายก็จะเป็นประชาชนที่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายจากสัญญาที่รัฐบาลทำไว้กับเอกชนตลอดระยะเวลา 29 ปี และยังเป็นการอนุมัติสัญญาโรงไฟฟ้าทิ้งทวนแบบเร่งรีบ โดยที่รัฐบาลเตะถ่วงการทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan) ให้ล่าช้ามาแล้ว 1 ปี จากที่ควรออกมาตั้งแต่ปี 2565 เพราะถ้านำข้อมูลจริงมาทบทวนก็จะรู้ว่ายังไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องอนุมัติโรงไฟฟ้าเพิ่มในวันนี้

ยังไม่นับแผนรับซื้อพลังงานทางเลือกจากเอกชนเพิ่มอีก 5,203 เมกะวัตต์ โดยรับซื้อจากเอกชนที่ทำโซลาร์ฟาร์ม ซึ่งเป็นโครงการโซลาร์ขนาดใหญ่ของเอกชน ไม่ใช่บนหลังคาชาวบ้าน ที่ 2.2 บาท/หน่วย รัฐบาลยังใจดีที่จะรับซื้อแพงกว่าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สามารถผลิตได้เองที่ 1.5 บาท/หน่วย ยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้ต้นทุนของค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นในระยะยาว

‘สธ.’ ออกกฎถึงทุกหน่วยงานในสังกัด ‘ช่วงเลือกตั้ง’  ห้าม!! ทำป้ายต้อนรับ-ขอบคุณ รมต.-พรรคการเมือง ไม่ให้เข้าข่ายหาเสียง

(25 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองกฎหมาย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ออกหนังสือด่วนที่สุด เลขที่ สธ.0202.13/ว 190 ลงวันที่ 24 มี.ค. 2566 ส่งถึงทุกกรมในสังกัด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สำนักงานเขตสุขภาพที่ 1-13 สำนักงานสาธาณรสุขจังหวัด (สสจ.) รพ.ศูนย์ รพ.ทั่วไป รพ.ชุมชน กอง กลุ่ม ศูนย์ สถาบัน และหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัด สธ. ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติในช่วงระยะเวลาการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยสาระสำคัญคือ หน่วยงานรัฐและเจ้าหน้าที่รัฐต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามมติ ครม.

ทั้งนี้ กิจกรรมที่สามารถทำได้ตามอำนาจหน้าที่ปกติ เช่น จัดประชุมสัมมนา จัดงาน กิจกรรม การประกวดแข่งขันต่างๆ การจัดงานเทศกาลตามประเพณี ส่วนที่ห้ามทำคือ กิจกรรมใดๆ ที่ใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมีชอบด้วยกฎหมาย กระทำการใดๆ เพื่อเป็นคุณหรือโทษแก่ผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง การจัดทำแผ่นป้ายต้อนรับ หรือป้ายขอบคุณพรรคการเมือง รัฐมนตรี หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

สิ่งที่ควรปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติ คือ ให้ความร่วมมือช่วยเหลือและสนับสนุนการดำเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อได้รับการร้องขอจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง, วางตัวเป็นกลางทางการเมือง, การแต่งตั้ง (โยกย้าย) ให้พิจารณาเท่าที่จำเป็นเพื่อไม่ให้กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการเลือกตั้ง

'บิ๊กตู่' รับแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 รทสช. ลั่น “เป็นสายหลักมอเตอร์เวย์ ไม่ใช่ทางผ่านของใคร”

(25 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจัดงานของ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในช่วงบ่าย ย้ายมาจัดที่อาคาร 5 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คเมืองทองธานี ในการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. 400 เขต และเปิดแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก นอกจากว่าที่ผู้สมัครส.ส.แล้วยังมีผู้สนับสนุนของแต่ละพื้นที่ได้ถือป้ายไฟป้ายเชียร์ทยอยมาร่วมงาน ซึ่งส่วนใหญ่สวมเสื้อยืดของพรรค รทสช. และมีการเปิดเพลงรณรงค์หาเสียง ซึ่งเป็นเพลงเนื้อหาเชิญชวนให้เลือก พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งอยู่พรรค รทสช. พร้อมมีเยาวชนมาถือป้ายเต้นกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่ ภายในงานขึ้นป้ายนโยบายต่างๆ ของพรรค เช่น ปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้เท่ากันทุกช่วงวัย 1,000 บาท/เดือน, คืน 30% เงินสะสมชราภาพผู้ประกันสังคม มาตรา 33, แก้กฎหมายได้ที่ทำกิน ไม่โดนไล่ที่ ไม่ถูกฟ้อง, บัตรสวัสดิการพลัสเพิ่มสิทธิเป็น 1,000บาท/คน ให้วงเงินฉุกเฉิน 10,000 บาท/คน เป็นต้น

ต่อมา เวลา 14.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค รทสช. เดินทางมาถึง โดยมี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ สมาชิกพรรค ให้การต้อนรับ และนำเข้าห้องรับรอง ก่อนเวลา 14.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินเข้ามายังเวทีจัดงานเพื่อร่วมกิจกรรมท่ามกลางเสียงเชียร์จากผู้สนับสนุน

ในช่วงการเปิดตัวว่าที่ ผู้สมัครส.ส. 400 เขต และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค รทสช.นั้น มีแกนนำพรรค รทสช. อาทิ พล.อ.ประยุทธ์ นายพีระพันธุ์ นายเอกนัฏ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายชัชวาลล์ คงอุดม นายชุมพล กาญจนะ นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ และ นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะทีมเศรษฐกิจพรรครวมรทสช. เข้าร่วม โดยมีสมาชิกพรรค รทสช. จากภูมิภาคต่างๆ มาร่วมให้กำลังใจ พร้อมถือธงสัญลักษณ์พรรค รทสช. และป้ายสนับสนุนว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต ของตัวเอง

นายเอกนัฏ ได้กล่าวต้อนรับ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 400 เขต ว่า งานครั้งนี้เป็นการแถลงข่าวครั้งใหญ่ที่สุดของพรรครทสช. เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ตนขึ้นมาคนเดียว หรือกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เท่านั้น แต่จะเป็นการแถลงข่าวร่วมกับขุนพลพรรค รทสช. 400 คนทั่วประเทศ ตนพอมีประสบการณ์ทางการเมืองมาเป็น 10 ปี แต่ยอมรับว่าภารกิจครั้งนี้เป็นภารกิจที่พบกับอุปสรรคมากมาย และเป็นครั้งที่เหนื่อยที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ก็ภูมิใจที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตเช่นกัน เพราะพวกเราทุกคนตั้งใจมาร่วมกับพรรค รทสช. และมีปณิธานที่จะสร้างสถาบันทางการเมืองให้เป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน และประเทศชาติบ้านเมืองโดยรวบรวมเอาคนไทยทั้งแผ่นดินไทยที่มีดีเอ็นเอที่ยึดเป็นหลัก คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และมีผู้นำที่มีส่วนร่วมทางจิตวิญญาณ ที่มีทั้งความจงรักภักดี และความรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมือง มีจิตใจนักสู้เพื่อชาติบ้านเมืองคือ พล.อ.ประยุทธ์

จากนั้น นายเอกนัฏ ได้เชิญว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต พรรค รทสช. ทั้ง 400 คนขึ้นมานั่งบนเวทีแบ่งแยกตามภูมิภาค เช่น ภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้

ด้าน นายพีระพันธุ์ กล่าวถึงความพร้อมของพรรคในการลงเลือกตั้ง ว่า เมื่อ 7 เดือนที่แล้วตนได้มาเป็นหัวหน้าพรรค รทสช. เราเป็นพรรคแรกและพรรคเดียวที่พร้อมส่งว่าที่ผู้สมัครลงเลือกตั้งครบ 400 เขต เราสามารถชนะทุกพรรคที่เกิดมาก่อนเราได้ พรรคของเราค่อยๆ เติบโตขึ้นมาอย่างมั่นคง ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปไม่หวือหวา ตนอยากเห็นพรรคที่เป็นที่พึ่งให้กับประชาชน และที่สำคัญที่สุดคือดีเอ็นเอที่ทำงานเพื่อสถาบัน ชาติ ศาสนา และประชาชน ด้วยความ ซื่อตรงไม่โกงไม่กิน ตนขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ และผู้สนับสนุนพรรค รทสช. ที่มาร่วมงานกัน อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ถึงวันที่เราต้องใช้สิทธิเลือกตั้ง เลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่แค่เลือกตั้งแต่เป็นการเลือกคนที่จะนำพาประเทศให้เดินไปแบบไหน

นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า พรรค รทสช. อยากให้ประเทศเรา เป็นประเทศที่อยู่ที่มีความสุขและมีความมั่นคง เป็นประเทศที่มีความสามัคคีปรองดอง เพราะเราคือคนที่เคยสวมเสื้อต่างกันมาใส่เสื้อพรรคที่มีสามสี 8 ปีที่ผ่านมาตนเชื่อว่าพี่น้องทุกคน เห็นว่าการพัฒนาโครงข่ายดีขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ทำอยู่ ทำแล้ว และจะทำต่อไปให้ดีกว่าเดิม แล้วอย่างนี้พวกเราทั้ง 400 ชีวิตต้องสู้หรือไม่ เราไม่ได้สู้เพื่อพรรค รทสช. หรือพล.อ.ประยุทธ์ แต่เราจะสู้เพื่อคนไทยทั้งชาติ เราจะมีพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนำพรรคอีกหนึ่งคน จากการประชุมผู้บริหารพรรค รทสช. เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ประชุมได้มีมติเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อนำทัพเราสู่สนามเลือกตั้ง

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค รทสช. กล่าวปราศรัยตอนหนึ่ง ว่า ตนขอบคุณผู้สมัครส.ส. ทั้ง 400 คน วันนี้ตนมีเพื่อร่วมอุดมการณ์ และมีพระเอกทั้งหมดอยู่ข้างตน หนังเรื่องหนึ่งต้องมีพระเอกนางเอกแต่ผู้ร้ายต้องแพ้ทุกที เราต้องอยู่ฝ่ายพระเอก เพราะสุดท้ายก็รักกับนางเอกทุกคน ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของเรามาจากหลากหลายช่วงวัย จึงทราบว่าคนแต่ละยุคแต่ละวัยคิดอะไร และเราจะทำอะไรให้ทำอะไรให้พวกเขาบ้าง เราจะขับเคลื่อนไปสู่ความมั่งคั่ง มั่นคงและยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ของเรา เพราะทุกคนคือหุ้นส่วนของประเทศไทย ไม่ใช่บริหารธุรกิจเพื่อแสวงหาประโยชน์ เราต้องมีนโยบายที่จับต้องได้ และตามกฎหมายทุกประการ

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ถามว่า ประเทศและเศรษฐกิจเดินหน้ามาได้จนถึงวันนี้เพราะใคร ผู้เข้าร่วมจึงตะโกนตอบว่า “ลุงตู่” เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้คิดเล่นๆ ว่าถ้าเรามี 400 คนไปนั่งในสภาฯ จะทำอย่างไร แต่เราจะไม่ทำเหมือนคนอื่นเขาทำ เพราะเราจะร่วมกันทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตนอาจจะพูดจาขวานผ่าซากและพูดไม่เพราะนิดหนึ่ง แต่เป็นคนจริงใจ และเรามีหัวใจอันยิ่งใหญ่ รักทุกคนเท่าๆ กัน ตนมีหัวใจสีม่วง คือหัวใจของคนที่ใกล้จะตาย จึงไม่พูดความเท็จ ไม่ใช่ว่าตนจะตายแต่เปรียบเทียบให้ฟัง ว่าเราทั้งหมด 400 คนรับปากจะดูแลคนไทยทั้ง 70 ล้านคนไปพร้อมกัน และทุกคนได้มีเป้าหมายร่วมกันคือ รวมไทยสร้างชาติ

ช่วงหนึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดพร้อมหันไปชี้ถามว่าที่ ผู้สมัครส.ส.เขตที่นั่งอยู่ข้างหลัง ว่า เรามีดีเอ็นเอที่ตั้งใจจะพัฒนาบ้านเมืองร่วมกันหรือไม่ และกล่าวต่อว่า ตนคือผู้ชายคนหนึ่ง เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีหัวใจ ตั้งใจจะทำพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันที่เข้มแข็ง

“เราไม่ใช่ทางผ่าน แต่เราเป็นสายตรง สายใหญ่ สายหลักมอเตอร์เวย์ ไม่ใช่ทางผ่านของใคร ผลงานของรัฐบาลต้องบอกว่า มีนับไม่ถ้วน หลายคนนั่งรถมาไม่รู้ว่าถนนนี้สร้างในสมัยใคร หรือโทรศัพท์ได้ใช้การดีขนาดนี้ได้อย่างไร และยังมีอย่างอื่นที่จะทำอีกเยอะแยะ คือ ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ และขอบวกอีกนิดหนึ่ง คือ ‘พลัส’ ที่ต้องทำอีก เพราะประเทศไทยเปลี่ยนแปลงทุกวัน ประเทศไทยต้องไปต่อ และลูกหลานต้องอยู่ดีกินดีกว่ารุ่นเรา วันนี้เราอยู่ใน โลกของความย้อนแย้ง โลกแห่งความผันผวน โลกแห่งความไม่แน่นอน เราจึงต้องบริหารบ้านเมืองเพื่อตอบสนอง คนไทยและทั่วโลก” นายกฯ กล่าว

"ถ้าหัวใจ 1 ดวง มีไว้เพื่อที่จะรักคนอื่น  400 ดวง ของ 400 ส.ส. จาก รทสช.นี้ ก็มีไว้เพื่อรักและดูแล คนไทย 70 ล้านคน"

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค รทสช. กล่าวในเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. 400 เขต ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คเมืองทองธานี เมื่อวันที่ 25 มี.ค.66

‘วิรัช’ ยันวงกินข้าว ยก!! ‘บิ๊กป้อม’ ต้องเป็นนายกฯเท่านั้น เผย ทักษิน ยังบอกยอม ไม่แคร์ 'เสี่ยหนู' สอนมารยาท

(25 มี.ค.66) เมื่อเวลา 15.10 น. ที่ จ.พิจิตร นายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงการประเมินตัวเลข ส.ส. หลังเลือกตั้งว่า พรรคพลังประชารัฐจะได้ ส.ส.เขต 120 เสียง ส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ต้องพูดถึง ซึ่งการเลือกตั้งปี 62 พรรคพลังประชารัฐ เคยถูกปรามาสว่าจะได้ 10-11 % แต่พอคะแนนโหวตเตอร์ออกมา 8.4 ล้านเสียง เขาเรียกว่าหักปากกาเซียน พรรคอันดับ 2 ได้ 8.2 ล้านเสียง โหวตเตอร์โคราชได้อันดับ 1 ทุกเขต คราวนี้ก็ขึ้นช้าๆ แต่ว่ามั่นคง ไปที่ไหนไม่เห็นหรือว่า มีแต่ป้อม 700 เต็มไปหมด ฉะนั้นวันนี้เรามายืนยันว่าต้องมาขอบคุณพี่น้องชาวพิจิตรที่เทคะแนนให้ทั้ง 3 เขต กว่า 1 แสนเสียง มาเป็นอันดับ 1 ส่วนอดีต ส.ส.ใครจะไปไหนไม่รู้ แต่วันนี้ พปชร.จะเอาคืนทั้ง 3 เขต

ผู้สื่อข่าวถามถึงคู่แข่งเจ้าถิ่นเดิมอย่างตระกูลภัทรประสิทธิ์ ที่ย้ายไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย นายวิรัชกล่าวว่า บางทีคลื่นลูกเก่าก็ค่อยๆ หายไป คลื่นลูกใหม่ก็เข้ามา ถามตนก็ต้องพูดแบบนนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top