Wednesday, 30 April 2025
ElectionTime

‘ธนาธร’ ลุยหาเสียงสมุทรปราการ ชู ‘ก้าวไกล’ เป็นพรรคกล้าปฏิรูปชนต้นตอปัญหา

ธนาธร-ไอติม’ นำทัพผู้สมัครก้าวไกลสมุทรปราการ 8 เขตขึ้นรถลงเรือเดินตลาด ได้เสียงตอบรับล้นหลาม ‘ธนาธร’ ชี้ ประเทศไทยจะไปต่อ ต้องเปลี่ยนการเมือง ยก ‘ก้าวไกล’ กล้าปฏิรูปชนต้นตอปัญหา ปลุกอำนาจอยู่ในบัตรเลือกตั้ง ส่งต่อสังคมที่ดีกว่าให้คนรุ่นหลัง 

(23 มี.ค.66) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล ร่วมหาเสียงกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ พรรคก้าวไกล ตลอดทั้งวัน

เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ ที่ อ.พระสมุทรเจดีย์ ธนาธรและพริษฐ์ เดินชุมชนพบปะพูดคุยกับประชาชนภายในหมู่บ้านสยามนิเวศน์ 1 และ 2 ร่วมกับ บุญเลิศ แสงพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 7 ก่อนเดินทางมายังตลาดเทศบาลเมืองพระประแดง ร่วมเดินหาเสียงพบปะชาวตลาดและชุมชนกับ วีรภัทร คันธะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 6

จากนั้นช่วงบ่าย เดินทางไปยังตลาดปากน้ำและชุมชนโดยรอบ ร่วมกับ พนิดา มงคลสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 1 และ รัชนก สุขประเสริฐ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 2 ก่อนร่วมเวทีปราศรัยหาเสียงที่ อ.สำโรง ร่วมกับ พิชัย แจ้งจรรยาวงศ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 3, วุฒินันท์ บุญชู ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 4, นิตยา มีศรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 5 และ ตรัยวรรธน์ อิ่มใจ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 8

ในช่วงหนึ่งของการปราศรัย ธนาธร ระบุว่าวันนี้ตนเดินตลาดมาทั้งวัน ก่อนหน้านี้ก็ได้เดินตลาดมาในทุกภาค พ่อค้าแม่ขายและประชาชนทุกที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไปต่อไม่ไหวแล้ว นี่คือผลพวงจากวิกฤติโควิดที่ไม่ได้เป็นความผิดของประชาชนเลย และนี่ยิ่งเป็นเหตุผลให้ประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างรัฐสวัสดิการขึ้นมา เพราะหากประชาชนอยู่ในสภาพอ่อนล้าเช่นนี้ ประเทศชาติจะเข้มแข็งได้อย่างไร

ประเทศไทยไม่สามารถสร้างอนาคตจากการแจกเงินอย่างเดียว แต่ต้องสร้างอุตสาหกรรมใหม่มาสร้างงานให้ประชาชน รองรับคนจบการศึกษาใหม่ปีละ 7-8 แสนตำแหน่ง ทุกวันนี้อุตสาหกรรมหลักของประเทศ ทั้งยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ล้วนแต่ไม่ได้เป็นอุตสาหกรรมของคนไทย และไม่สามารถพาประเทศไปไกลกว่านี้แล้ว ประเทศไทยสามารถสร้างอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นมา มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองได้มากมายจากปัญหาที่ดำรงอยู่ เช่น รถเมล์ไฟฟ้า เพื่อแก้ทั้งปัญหามลพิษ การจราจร และการเข้าไม่ถึงระบบขนส่งสาธารณะของคนไทย ไปได้พร้อมๆ กัน เป็นต้น

ธนาธรกล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าการเมืองยังเป็นแบบนี้อยู่ จะสร้างสังคมและประเทศไทยที่มีอนาคต จะต้องมีการปฏิรูปในเรื่องยากๆ ในเรื่องที่จะต้องเจอตอ เช่น การปฏิรูปกองทัพ การต่อสู้กับทุนผูกขาด ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเจตจำนงทางการเมืองที่แน่วแน่ และวันนี้พรรคที่ตนเห็นว่ามีเจตจำนงปฏิรูปในเรื่องยากๆ กล้าชนปัญหาที่ต้นตอแบบนี้ ก็มีอยู่เพียงพรรคเดียวเท่านั้นคือพรรคก้าวไกล

‘กรณ์’ เผยโฉม 4 ผู้บริหารมากด้วยประสบการณ์ ลงสมัคร ส.ส. ชิงชัยในสนามกรุงเทพฯ

(24 มี.ค.66) พรรคชาติพัฒนากล้า ทยอยเปิดตัวผู้สมัครกรุงเทพมหานครเขตต่าง ๆ ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการปลายเดือนมีนาคมนี้ หลายฝ่ายจับตาโดยเฉพาะเขตใจกลางเมืองเศรษฐกิจ ที่ต้องคัดขุนพลที่มีความรู้ความสามารถได้รับการยอมรับ มาลงชิงชัย 

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้าส่ง 4 ผู้สมัคร ซึ่งเป็นคนที่พรรคคัดสรรแล้วว่าเหมาะสมที่สุด ลงในเขตใจกลางเมือง เริ่มจาก นายวรนนท์ อัศวกิตติเมธิน หรือ โด้เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ความสามารถ คร่ำหวอดในวงการธุรกิจบริหารสินทรัพย์มากว่า 10 ปี ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ดีกรีอดีตผู้บริหารบริษัทอสังหาฯ ชั้นนำ มาลงสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่เขต สาทร ปทุมวัน ราชเทวี  

คนที่ 2 นายปรัชญา อึ้งรังษี หรือ ต๋อง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตบางคอแหลม ยานนาวา ดีกรีจบปริญญาโท วิศวะ จากสหรัฐอเมริกา และเป็นวิศวกร ปัจจุบันเป็นนักธุรกิจร้อยล้าน ที่ประสบความสำเร็จ จากการนำเข้าอาหารแช่เข็ง ส่งทั่วประเทศ นอกจากนี้นายปรัชญา ยังจบนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เป็นปริญญาอีกใบ ก่อนตัดสินใจลงเล่นการเมือง ในนามพรรคชาติพัฒนากล้า เป็นครั้งแรก โดยเจ้าตัวสนใจพิเศษในเรื่องการผลักดันนโยบายลดขั้นตอนที่ล่าช้าและการคอร์รัปชัน จากการปฏิบัติงานส่วนราชการของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพโดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของพรรคชาติพัฒนากล้า

‘อนุทิน’ ปัดข่าวหนุน บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม แจงยังไม่ถึงเวลาเลือกตั้ง ย้ำฟังเสียง ปชช. หลังเลือกตั้งก่อน เหน็บวงกินข้าวไม่ควรพูดที่สาธารณะ

(24 มี.ค.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)ให้สัมภาษณ์กรณีนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า นายอนุทิน พร้อมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกฯ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หากใครได้ส.ส.มากกว่า จะหนุนคนนั้นเป็นนายกฯ  ระหว่างกินข้าวมื้อเที่ยงที่ป่ารอยต่อฯ เมื่อ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา ว่า พรรคภูมิใจไทยชัดเจน หากได้ส.ส.มาเป็นอันดับหนึ่ง ก็พร้อมเป็นนายกฯเอง

‘ปดิพัทธ์’ เผย ประชาสัมพันธ์เลือกตั้งล่วงหน้า ‘นอกเขต’ น้อยเกินไป แนะ!! กกต. ควรร่วมมือกับภาคต่าง ๆ ช่วยโปรโมต เพื่อรักษาสิทธิ ปชช.

(24 มี.ค. 66) ปดิพัทธ์ สันติภาดา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พิษณุโลกเขต 1 และอดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นกับผู้สื่อข่าวว่ามีความเป็นห่วงว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้จะมีประชาชนจำนวนมากเสียสิทธิจากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประชาสัมพันธ์การใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า การเลือกตั้งนอกเขต และการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรน้อยเกินไป 

ปดิพัทธ์ กล่าวว่า จากการที่ กกต. กำหนดให้วันเลือกตั้งเป็นวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ซึ่งไม่ได้ตรงกับช่วงวันหยุดยาว 4-7 พฤษภาคม อาจทำให้ประชาชนหลายคน ไม่ว่าจะเป็น คนที่ออกไปหางานทำที่ต่างจังหวัด นักเรียน-นักศึกษา เกิดความไม่สะดวกในการกลับไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่ กกต.กลับประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตน้อยมาก ทำให้ประชาชนที่ไม่สะดวกใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. เสมือนเสียสิทธิเลือกตั้งไปโดยปริยาย

ปัดตก!! สูตรรัฐบาลบ้านป่ารอยต่อ รทสช. แค่พรรคร่วม!! ไม่มี 'ตู่' อยู่ในสมการผู้นำ เพราะมีแต้มไม่ถึง 50 เสียง

จะเป็นการเดินเกมปลอบใจกันเองหรือมีอะไรมากกว่าที่นึก ลึกกว่าที่คิด หรือบางพรรคกำลังติดกับดักนายพรานเลยต้องรับประทานอาหารกันบ่อยหน่อยก็ตาม...

แต่ต้องยอมรับว่าวานซืน (22 มี.ค.66) ทันทีที่จบอาหารมื้อเที่ยงที่บ้านป่ารอยต่อรอบสองระหว่างคณะของภูมิใจไทยนำโดย อนุทิน ชาญวีรกูล กับ คณะของพลังประชารัฐในฐานะเจ้าบ้าน...ก็พอจะเห็นภาพร่างของรัฐบาลผสมชุดหน้า...แต่ที่เห็นชัดกว่าภาพร่างก็คือ หน้าตาของนายกรัฐมนตรี...หลังเลือกตั้ง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ อนุทิน ชาญวีรกูล...คนใดคนหนึ่ง...

บนโต๊ะอาหารมีการยกตัวเลขจากผลโพลและการประมาณการของแต่ละฝ่าย...ซึ่งเคยเป็นข่าวไปแล้วตั้งแต่อาหารเที่ยงรอบแรกเมื่อ 15 มี.ค.คือ พรรคพลังประชารัฐกับภูมิใจไทยได้คะแนนใกล้เคียงกันที่พรรคละ 70 เสียง…รวมกันก็ 140 เสียง บวกกับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคอื่นๆ เกิน 250 เสียงตั้งรัฐบาลได้...

ประการสำคัญ...ลุงกับหลานประสานเสียงเป็นคีย์เดียวกันว่า...ใครได้คะแนนมากกว่าก็เอาไป (เป็นนายกฯ)...

“ถ้าตามคะแนนนี้คือ เรากับหนู (อนุทิน)” ผู้อาวุโสว่า

“ลุงต้องเป็นนายกฯ ลุงเท่านั้นที่ควรเป็นนายกฯ” หลานถ่อมตน

“ไม่เป็นไรเราค่อยดูตัวเลขกันอีกที...”  ลุงจบได้สวย

‘มณีรัตน์’ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตพระโขนง-บางนา เตรียมลงพื้นที่แนะนำตัว พร้อมรับฟังปัญหา ปชช.

(24 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ‘มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์’ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูมิใจไทย เขตพระโขนง-บางนา กรุงเทพฯ เตรียมลงพื้นที่พบปะประชาชน เพื่อแนะนำตัวและชูนโยบายพรรค พร้อมรับฟังปัญหาของชาวชุมชนหน้าวัดบุญรอด ซ.สุขุมวิท 62 เวลา 10.00 น. และที่ตลาดสี่แยกบางนา เวลา 17.00 น. ในวันพรุ่งนี้ (25 มี.ค.) 

‘ภูมิใจไทย’ ดันนโยบายพัฒนาคุณภาพชีวิต ‘คนพิการ’ ให้เข้าถึงอุปกรณ์เพื่อใช้ชีวิต - มีศักดิ์ศรีเท่าคนทั่วไป

เมื่อวานนี้ (23 มี.ค.66) น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ร่วมเสวนาในหัวข้อ 'คนพิการอยู่ไหนในการเมืองไทย' จัดโดยมหาวิทยาลัยรังสิต พร้อมนำเสนอนโยบายด้านผู้พิการ ต้องการให้คนพิการมีความภูมิใจ มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีพลังที่ไม่ใช่ภาระ สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ เป็นพลเมืองดีของสังคม

น.ส.อนุสรี กล่าวว่า การส่งเสริมให้มีงานทำ มีอาชีพ มีรายได้ โดยคิดในกรอบภาพรวมใหญ่ มีกับดักหลายด้านที่ทำให้ทำไม่ได้ จึงต้องปฏิรูปกฎหมายส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการที่ระบบการลงทะเบียนคนพิการต้องไม่ตกหล่น มีการบริการถึงที่อย่างทั่วถึง และการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการลงทะเบียนออนไลน์ คนพิการต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิคนพิการอย่างเท่าเทียมสมบูรณ์

น.ส.อนุสรีกล่าวว่า มี 4 หน่วยงานรับผิดชอบ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงแรงงาน (รง.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) แต่ขาดการบังคับใช้กฎเกณฑ์ทางกฎหมายว่าหากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะเป็นอย่างไร

‘ลุงหนู’ เห็นพ้อง ‘บิ๊กป้อม’ ผู้ได้เสียงมากสุด รวมเสียงข้างมากได้ ควรเป็นนายกฯ

หลังมีกระแสกรณีที่พรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐร่วมรับประทานอาหารมื้อเที่ยงที่ป่ารอยต่อฯ เมื่อ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น โดยระบุว่า “ไม่ควรเอาคำพูดคนอื่นในวงสนทนามาเล่า ผม และพล.อ.ประวิตร หลักการเดียวกัน ผู้ได้เสียงมากสุด รวมเสียงข้างมากได้ ควรเป็นนายกฯ” 

‘นฤมล’ สละปาร์ตี้ลิสต์ เปิดทางคนรุ่นใหม่ทำงาน ยัน!! ไม่กลับคำ แม้ผู้ใหญ่พิจารณาลำดับใหม่

เมื่อเวลา 09.50 น. (24 มี.ค.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวทิศทางการทำงานการเมืองกับพรรค พปชร.ว่า พรรค พปชร.มีบุคลากรคุณภาพจำนวนมาก ทั้งผู้ที่ร่วมก่อตั้งพรรคมาตั้งแต่ปี 2561 ผู้ที่เข้ามาร่วมพัฒนาพรรคระหว่างทาง และผู้ที่เพิ่งเข้ามาร่วมงานกับพรรค ทุกคนต่างมีความสามารถที่หลากหลายอันเป็นประโยชน์ต่อพรรค และต่างมีความตั้งใจที่จะทำสิ่งที่ดีให้กับพี่น้องประชาชน

นางนฤมล กล่าวว่า สำหรับตนเองมีความตั้งใจมาทำงานการเมือง เพราะปรารถนาที่จะตอบแทนพระคุณแผ่นดินไทย โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่เสียภาษีส่งให้ตนได้เรียนต่อต่างประเทศ ทำให้เด็กยากจนคนหนึ่งที่ต้นทุนชีวิตต่ำมาก ได้มีโอกาสที่ดีในชีวิตมากมาย ตนได้รับโอกาสจากพรรคให้ได้เข้ามาทำงานการเมือง จึงตัดสินใจลาออกจากราชการ ด้วยความหวังและความตั้งใจที่จะนำความรู้และประสบการณ์ที่มีมาทำประโยชน์ตอบแทนผู้มีพระคุณ ซึ่งคือพี่น้องประชาชน

"การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 แหม่มได้รับโอกาสจากผู้บริหารพรรคให้ได้ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 5 เป็นผู้หญิงคนเดียวใน 10 ลำดับแรก โดยที่ไม่ได้ร้องขอจากท่านใดเลย แต่เป็นความเมตตาล้วนๆ ของผู้บริหารพรรค ณ ขณะนั้น ที่เห็นเราทุ่มเททำงานให้พรรคตั้งแต่ยังตั้งไข่เมื่อมกราคม 2561 ทั้งที่แหม่มเป็นหน้าใหม่ทางการเมือง ไม่ใช่เด็กบ้านใหญ่ ไม่เคยลงสมัครรับเลือกตั้งมาก่อน ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ แหม่มจึงอยากเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ทางการเมืองได้เข้ามาอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับต้นๆ บ้าง หากเราที่เคยได้รับโอกาสมาแล้ว ไม่เสียสละ คนใหม่ๆ ก็จะแทบไม่มีโอกาสที่จะได้ขึ้นมา จึงได้แสดงความจำนงต่อคณะกรรมการสรรหาและผู้บริหารพรรคว่าขอสละสิทธิที่จะได้รับการเสนอชื่อในบัญชี ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ดังนั้นวันนี้ ทางพรรคจึงจะมีการพิจารณาบัญชีรายชื่อกันใหม่อีกครั้ง"

นางนฤมล กล่าวว่า เคยพูดเสมอว่าถึงเวลา พปชร.ต้องผลัดใบ ให้พลังใหม่ได้เข้ามาทำงาน ครั้งนี้อาจจะได้ผลัดหนึ่งใบ ได้เห็นพลังใหม่หนึ่งใบผลิดอกออกผล ครั้งหน้าก็อาจจะได้ผลัดเพิ่มอีกหลายใบ ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้จึงจะเติบโตอย่างเข้มแข็งและสวยงาม และสำหรับตน การทำงานทางการเมืองไม่ได้มีเพียงการทำงานในสถานะ ส.ส.เพียงเท่านั้น ยังมีงานอีกมากมายหลายรูปแบบที่เราสามารถช่วยพรรค ช่วยผู้สมัคร และรับใช้พี่น้องประชาชนได้ ที่สำคัญที่สุด คือ อุดมการณ์ทางการเมือง เพราะสำหรับตน การทำงานการเมือง คือ การเสียสละ ไม่ใช่การเอาชนะ และไม่ใช่การยึดติดในตำแหน่ง ที่ตนเชื่อเสมอว่า เมื่อเราไม่ยึดติด เราจะมีอิสระทางความคิด ซึ่งนำไปสู่อิสระในการตัดสินใจในทุกๆ เรื่องเพื่อส่วนรวม

ผู้สื่อข่าวถามถึงอนาคตทางการเมืองหลังจากที่เสียสละไม่ลง ส.ส.บัญชีรายชื่อจะยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ และจะช่วยงานพรรคอย่างไรบ้าง นางนฤมล กล่าวว่า จะช่วยงานอย่างอื่น เพราะมีความรับผิดชอบกับบุคคลที่พาเข้ามาทำงานกับพรรค และเสียใจที่ไม่สามารถทำให้ทุกคนได้สมหวังในการลงรับสมัครเลือกตั้ง ที่เป็นผลมาจากการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ และเกิดพื้นที่ทับซ้อนที่ทำให้เกิดผลกระทบ เพราะเป็นความรับผิดชอบของเราที่ต้องนำพาเขาไปสู่การเลือกตั้ง แต่ทั้งนี้ตนยังช่วยงานสนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้สมหวัง แล้ววันนี้ยังเป็นแม่ทัพในกทม.และขึ้นเวทีปราศรัยได้ไม่มีใครห้าม

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าสาเหตุเป็นเพราะลำดับบัญชีรายชื่อของนางนฤมล ตกไปอยู่ลำดับที่ 20 กว่าทำให้เกิดความไม่พอใจ นางนฤมล กล่าวว่า ไม่มี และการประชุมพรรค วันที่ 22 มี.ค.ที่มีชื่อของตนอยู่ในลำดับตามที่เป็นข่าวและเป็นตามนั้นจริงๆ แต่เมื่อมองลำดับ 20 - 30 อันดับแรก ไม่เห็นคนรุ่นใหม่ที่ตั้งใจ ทุ่มเททำงานให้พรรค จะมีโอกาสเข้ามาทำงาน ถ้าเราไม่ถอยไม่เสียสละ ถ้าคิดว่าเป็นผู้บริหารต้องได้ลำดับต้น คนรุ่นใหม่จะไม่มีทางเข้ามาได้ และหลายพรรคการเมืองก็เป็นลักษณะที่คล้ายกัน จึงอยากให้เขาเข้ามามีโอกาสทำงานการเมืองแต่โอกาสจะเป็นไปได้น้อยถ้าไม่เสียสละ ส่วนคนรุ่นใหม่ที่ต้องการให้อยู่ในบัญชีรายชื่อต้องหารือกับกรรมการสรรหาก่อนว่าจะเป็นใคร และตนได้เสนอชื่อไปแล้ว เป็นคนที่ทำงานมาร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคจัดลำดับให้ขยับมาอยู่ 1 - 3 จะเปลี่ยนใจหรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวหากดูจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พรรค พปชร.ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 19 คน ครั้งนี้คาดว่าจะได้ใกล้ๆ เดิม หากอยู่ในลำดับ 10 - 20 ก็มีโอกาสเข้าสภาทั้งสิ้น และ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้คัดค้านโดยระบุว่าตามใจ

เมื่อถามว่า หากผลเลือกตั้งพรรค พปชร.ได้กลับมา 12 ที่นั่งใน กทม.จะส่งผลต่ออนาคตของนางนฤมลหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยอะไรในเรื่องนี้ เพราะแค่จัดผู้สมัครลง 33 เขต ก็ลำบากใจแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเสียสละครั้งนี้จะช่วยให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาทำงานจริงหรือเป็นแค่การเปิดช่องให้กับเด็กของคนบางกลุ่มเข้ามาทำงาน นางนฤมล กล่าวว่า ได้ฝากกรรมการสรรหาพิจารณาและให้โอกาสคนรุ่นใหม่ แต่ท้ายที่สุดต้องเคารพมติของกรรมการ

‘เพื่อไทย’ จัดทำปาร์ตี้ลิสต์ 100 รายชื่อ เสร็จแล้ว เตรียมยื่นส่ง กกต. เพื่อทำไพรมารีโหวต 4-7 เม.ย.นี้

(24 มี.ค. 66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเตรียมพร้อมเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยว่าจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้มีการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. 2566 โดยในส่วนของการเตรียมพร้อมของพรรคเพื่อไทยนั้น ในส่วนของรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อที่ กกต. ให้ยื่นรายชื่อผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ ในวันที่ 4 – 7 เมษายนที่จะถึงนี้ ขณะนี้ทางพรรคเพื่อไทยพร้อมแล้ว โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องประวัติต่าง ๆ ของผู้สมัคร โดยกำลังจะนำรายชื่อเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาพิจารณารายชื่อผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งระบบเขตและระบบเลือกตั้ง และจะนำรายชื่อทั้งหมดส่งไปทำไพรมารีโหวตและเมื่อเสร็จจากขั้นตอนทำไพรมารีโหวต ก็จะนำรายชื่อส่งกลับมาให้คณะกรรมการบริหารพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top