Tuesday, 29 April 2025
ElectionTime

‘ณัฐชา’ นำทีม 10 ผู้สมัครส.ส. ประกาศปักธงสีส้มฝั่งธนฯ ลั่น!! จะไม่ยอมเสียฐานที่มั่นใน กทม. หวังเก้าอี้ทุกเขต

(25 มี.ค. 66) ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 27 บางบอน (เฉพาะแขวงบางบอนใต้และแขวงคลองบางบอน) และเขตบางขุนเทียน (ยกเว้นแขวงท่าข้าม) กล่าวถึงความเชื่อมั่นของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้ง 2566 หลังจัดคาราวานประเทศไทยไม่จำนนในเขตฝั่งธนบุรี เพื่อพบปะทักทายประชาชนและแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ว่า เขตฝั่งธนบุรีเป็นฐานที่มั่นของพรรคอนาคตใหม่ในการเลือกตั้งปี 2562 เราได้รับชัยชนะมากที่สุดในกรุงเทพมหานคร แม้จะมี ส.ส.บางคนแปรพรรคทรยศความไว้วางใจของประชาชน แต่ตนและเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางกอกใหญ่ คลองสาน ธนบุรี พรรคก้าวไกล ได้เป็นตัวแทนของพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการทำงานตลอด 4 ปีของพวกเรายืนหยัดต่อสู้เรื่องทุนผูกขาดมาโดยตลอด เพราะเราต้องการกลับหัวพีระมิดของประเทศนี้ให้คนธรรมดาได้มีอำนาจในฐานะเจ้าประเทศ

ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเดิมพันครั้งสำคัญของพรรคก้าวไกลและพี่น้องชาวฝั่งธน ที่จะประกาศออกไปผ่านปลายปากกา ว่า พวกเราไม่ยอมจำนนและไม่ทนต่อความย่อยยับแบบนี้อีกต่อไป เป้าหมายไม่ใช่แค่ส่ง 3ป. กลับไปเลี้ยงหลาน แต่ต้องถูกส่งไปอยู่ในทัณฑสถาน จึงจะเป็นการปิดสวิตช์ 3ป. อย่างสมบูรณ์แบบ นี่คือภารกิจร่วมกันของพวกเรา

‘ธรรมนัส’ โว!! มั่นใจ พปชร. กวาดยก จ.พิจิตร ปมจับมือพรรคอื่นหลังเลือกตั้ง ชี้เป็นเรื่องอีกไกล ขอมุ่งหาเสียง

(25 มี.ค.66) ที่วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร อ.เมือง จ.พิจิตร ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานภาคเหนือ ให้สัมภาษณ์ก่อนปราศรัย ช่วยผู้สมัครหาเสียงถึงความคาดหวังที่นั่งส.ส.พปชร. ในภาคเหนือ ว่าเมื่อปี 2562 จ.พิจิตร เราได้ยกจังหวัด โดยตนดูแล จ.พิจิตร โดยตรง ฉะนั้นครั้งนี้คงไม่ต่างกัน มั่นใจว่าจะได้ยกจังหวัดทั้ง 3 เขต 

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะป้องกันแชมป์และการแลนด์สไลด์ของพรรคอื่นอย่างไร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า แชมป์ของพรรค คือ นายพรชัย อินทร์สุข ส่วนอีก 2 คนย้ายไปอยู่พรรคอื่นไม่ต้องพูดถึง ส่วนคนใหม่ที่หามาแทนมีคุณภาพ มั่นใจว่าครั้งนี้จะได้ยกจังหวัดเช่นเดิม ส่วนการป้องกันแลนสไลด์นั้นต้องบอกว่า จ.พิจิตร เป็นการแข่งกันระหว่างพรรค พปชร. พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และเพื่อไทย (พท.) ที่ขับเคี่ยวกันอยู่ 

เมื่อถามถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อประเทศญี่ปุ่น ว่ายินดีที่จะกลับมารับโทษที่ประเทศไทย ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ได้ยินเรื่องนี้มานานพอสมควร หากนายทักษิณกลับมาแล้วเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฏหมาย เป็นเรื่องที่ดี บ้านเมืองจะได้เดินหน้าต่อไปตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. ที่ต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง

เมื่อถามย้ำว่าก่อนหน้านี้นายทักษิณ เคยพูดว่ากลับมาอย่างเท่ แต่ตอนนี้เปลี่ยนที่จะยอมกลับมารับโทษแล้ว ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า คิดว่าเป็นคำพูดที่จะพูดให้ดูดีหรือไม่ดูดีมากกว่า การ
กลับมาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เลี่ยงไม่ได้ ตนไม่เข้าใจเจตนารมณ์ของนายทักษิณ แต่โดยกฎหมายแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

เมื่อถามว่า การพูดของนายทักษิณ จะช่วยเพิ่มคะแนนเสียงเสริมแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องของกฎหมายกับการหาเสียงคนละประเด็นกัน และมองว่าคนไทยมีความรู้ทางด้านกฎหมาย แม้จะพูดให้ดูดีอย่างไร แต่คนไทยก็รู้อยู่แล้วว่าต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนของการจับมือกับพรรคเพื่อไทย หลังการเลือกตั้ง ยังมีความเป็นไปได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ได้คุยกับหัวหน้าพรรคนานพอสมควร และมองว่ายังเร็วเกินไปที่จะคุยในเรื่องดังกล่าว ตอนนี้ขอมุ่งเรื่องการหาเสียงก่อน เพื่อให้ลูกพรรคมีชัยชนะให้มากที่สุด เรื่องการจับมือตนว่าเป็นเรื่องอีกไกล

‘กกต.’ แจ้งยอดขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งนอกเขตล่วงหน้า เผย มีผู้ลงทะเบียนแล้วกว่า 3 หมื่นคน พบ ‘กทม.’ นำโด่ง

เมื่อวานนี้ (25 มี.ค.66) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้สรุปตัวเลขผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้งที่เปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 25 มี.ค. 66 เป็นวันแรก โดยตัวเลขทั่วประเทศพบว่ามีผู้ลงทะเบียน 32,805 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์ทางอินเตอร์เน็ตถึง 32,600 คน และลงทะเบียนที่นายทะเบียนท้องที่ 205 คน

โดยกรุงเทพ มีผู้ขอใช้ลงทะเบียนมากเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 15,202 คน ขณะที่มีผู้ลงทะเบียนหลักพันขึ้นไปประกอบด้วยปทุมธานี 1,670 ราย สมุทรปราการ 1,566 ราย

ขณะที่คนไทยได้ต่างประเทศลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งนอกราชอาณาจักร รวม 4,995 คน โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทะเบียนทางอินเตอร์เน็ตถึง 4,989 คนและลงทะเบียนทางสถานกงสุลหรือสถานเอกอัครราชทูตเพียง 6 คน

‘ธนาธร’ บุกอำนาจเจริญ ชู สร้างงาน-สร้างรายได้ที่ดีในอีสาน อ้อน ปชช.กา ‘ก้าวไกล’ เปลี่ยนประเทศไทยให้ดีกว่าเดิม

เมื่อวานนี้ (25 มี.ค. 66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่หาเสียงในหลายจังหวัดภาคอีสาน เริ่มต้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ได้แก่ อำเภอเมือง, อำเภอปทุมราชวงศา และอำเภอชานุมาน โดยมีนายประภาส เวชกรณ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 และนายไมตรี แก้วมงคล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 ร่วมพบปะพี่น้องประชาชน นำเสนอนโยบายเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยประชาชนชาวอำนาจเจริญให้การต้อนรับผู้สมัครพรรคก้าวไกลอย่างอบอุ่น

นายธนาธร ขึ้นรถแห่ร่วมกับนายประภาส ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อำนาจเจริญ เขต 1 ปราศรัยกลางแดดจ้านำเสนอนโยบายของพรรค โดยมีพ่อค้าแม่ค้าโบกไม้โบกมือให้การสนับสนุนตลอดทาง จากนั้น ร่วมปราศรัย ณ วัดบ้านคึมใหญ่ อำเภอเมือง ซึ่งมีพี่น้องประชาชนเดินทางมารับฟังการปราศรัยอย่างอบอุ่น

‘กรณ์’ ร่วมดีเบตเวที จ.สงขลา ยก ‘จูรี’ เป็นโรลโมเดล ปลุกความหวัง-สร้างโอกาส เติมเต็มรอยยิ้มให้คนใต้

เมื่อวานนี้ (25 มี.ค. 66) ที่จังหวัดสงขลา นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เข้าร่วมเวทีดีเบต ‘อนาคตประเทศไทย’ โดยมี 4 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดสงขลา ได้แก่ นายจูรี นุ่มแก้ว, นายกัณฑ์ นวกัณฑ์, รศ.ดร.ประสิทธิ์ รัตนพันธ์ และนายพงศธร สุวรรณรักษา ร่วมให้กำลังใจ พร้อมด้วยกองเชียร์มาร่วมฟังการแสดงวิสัยทัศน์กันอย่างคึกคัก ซึ่งแม้ว่าจะมาจากต่างพรรคการเมือง แต่ส่วนใหญ่มาทักทายและรุมขอถ่ายรูปกับจูรี ขวัญใจคนใต้กันอย่างเนืองแน่น

โดยนายกรณ์ กล่าวช่วงหนึ่งว่า โดยส่วนตัวมีความรักผูกพันกับพี่น้องชาว จ.สงขลา และเพิ่งเข้าร่วมกิจกรรมว่ายน้ำข้ามทะเลสาบสงขลาไปเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการว่ายต่อเนื่องเป็นปีที่สอง เพื่อร่วมกระตุ้นการท่องเที่ยวให้ จ.สงขลา ทั้งนี้เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของพรรคชาติพัฒนากล้า เรามียุทธศาสตร์สำคัญที่จะทำให้คนใต้ทุกคนมีโอกาสร่ำรวยเหมือนคนที่ชื่อ ‘จูรี นุ่มแก้ว’ ดาวติ๊กต่อก ภาคใต้ หนึ่งในว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา ที่เหมาะสมที่จะเป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชน คุณสมบัติเด่นของจูรี คือ รอยยิ้ม ยิ้มได้เพราะได้ทำงานที่ดี มีเงินในกระเป๋า มีรายได้เพียงพอ ต่อราคาสินค้าที่สูงขึ้นทุกวัน พรรคชาติพัฒนากล้าจะมาเติมรอยยิ้มให้พี่น้องชาวใต้ทุกคน ด้วยการสร้างโอกาสดี มีงานดี มีเงินในกระเป๋า ราคาสินค้าต้องไม่แพง

อย่างไรก็ตาม นอกจากรอยยิ้มแล้ว คุณสมบัติอีกอย่างของจูรี ที่พี่น้องชาวใต้ชื่นชอบ คือ การลงมือทำจริง ในช่วงที่เขาเรียนหนังสือ ขณะนั้น ครอบครัวมีฐานะยากจน จูรีต้องแบกกระสอบข้าวสารในตอนกลางวัน และช่วงค่ำมาทำงานที่เซเว่น เพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียนหนังสือ แต่หลังจากที่เขามีโอกาส สร้างรายได้หลายสิบล้าน แต่เมื่อคิดจะซื้อบ้านให้คุณแม่อุไร นุ่มแก้ว ธนาคารกลับไม่อนุมัติ เพราะเขาติดแบล็กลิสต์ในช่วงโควิด แม้ตอนนี้ชำระหนี้หมดแล้ว ก็ยังต้องติดอยู่ในระบบอีก 3 ปี ถึงจะหลุด เรื่องนี้เป็นปัญหาที่พรรคชาติพัฒนากล้าประกาศชัดว่า ต้องแก้ปัญหาให้กับพี่น้องคนไทยทั่วประเทศ ให้มีโอกาสกู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม ไม่ต้องพึ่งหนี้นอกระบบเหมือนกับที่จูรีต้องทำ

‘นิด้าโพล’ เผย ‘คนกรุงเทพฯ’ เลือก ‘ก้าวไกล’ อันดับ 1 หนุน ‘พิธา’ นั่งนายกฯ ด้าน ‘อุ๊งอิ๊ง’ พท.คะแนนสูสี อันดับ 2

(26 มี.ค. 66) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘คน กทม. เลือกพรรคไหน’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 15-21 มีนาคม 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่ ทั้ง 50 เขต กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,500 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคนกรุงเทพมหานครเลือกพรรคไหน

เมื่อถามถึงบุคคลที่คนกรุงเทพมหานครจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พบว่า

อันดับ 1 ร้อยละ 25.08 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล)
อันดับ 2 ร้อยละ 24.20 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย)
อันดับ 3 ร้อยละ 18.24 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (พรรครวมไทยสร้างชาติ)
อันดับ 4 ร้อยละ 5.96 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย)
อันดับ 5 ร้อยละ 5.68 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย)
อันดับ 6 ร้อยละ 5.20 ระบุว่า ยังหาคน ที่เหมาะสมไม่ได้
อันดับ 7 ร้อยละ 4.84 ระบุว่าเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคชาติพัฒนากล้า)
อันดับ 8 ร้อยละ 2.40 ระบุว่าเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน (พรรคเพื่อไทย)
อันดับ 9 ร้อยละ 2.00 ระบุว่าเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย)
อันดับ 10 ร้อยละ 1.64 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย)
อันดับ 11 ร้อยละ 1.56 ระบุว่าเป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์)

ร้อยละ 3.20 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม (พรรคไทยภักดี) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ (พรรคไทยศรีวิไลย์) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคชาติพัฒนากล้า) นายชวน หลีกภัย (พรรคประชาธิปัตย์) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ (พรรคพลังประชารัฐ) นายรังสิมันต์ โรม (พรรคก้าวไกล) นายวิกรม กรมดิษฐ์ และนายสกลธี ภัททิยกุล (พรรคพลังประชารัฐ)

เมื่อพิจารณาบุคคลที่คนกรุงเทพมหานครจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี 5 อันดับแรก เมื่อจำแนกตามกลุ่มเขตการปกครอง ของกรุงเทพมหานคร พบว่า

1.) กลุ่มเขตกรุงเทพกลาง อันดับ 1 ร้อยละ 27.50 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) อันดับ 2 ร้อยละ 22.14 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (พรรครวมไทยสร้างชาติ) อันดับ 3 ร้อยละ 21.07 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 4 ร้อยละ 7.86 ระบุว่าเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคชาติพัฒนากล้า) และอันดับ 5 ร้อยละ 5.36 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย)

2.) กลุ่มเขตกรุงเทพใต้ อันดับ 1 ร้อยละ 23.72 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) อันดับ 2 ร้อยละ 23.49 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 3 ร้อยละ 19.30 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (พรรครวมไทยสร้างชาติ) อันดับ 4 ร้อยละ 6.05 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) และอันดับ 5 ร้อยละ 5.81 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย)

3.) กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ อันดับ 1 ร้อยละ 29.16 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) อันดับ 2 ร้อยละ 24.43 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 3 ร้อยละ 18.89 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (พรรครวมไทยสร้างชาติ) อันดับ 4 ร้อยละ 7.60 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) และอันดับ 5 ร้อยละ 3.49 ระบุว่าเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคชาติพัฒนากล้า)

4.) กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก อันดับ 1 ร้อยละ 24.52 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 2 ร้อยละ 22.61 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) อันดับ 3 ร้อยละ 19.35 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (พรรครวมไทยสร้างชาติ) อันดับ 4 ร้อยละ 7.47 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) และอันดับ 5 ร้อยละ 6.71 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้

5.) กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ อันดับ 1 ร้อยละ 27.09 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 2 ร้อยละ 19.60 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) อันดับ 3 ร้อยละ 16.43 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (พรรครวมไทยสร้างชาติ) อันดับ 4 ร้อยละ 7.20 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) และยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ ในสัดส่วนที่เท่ากัน และอันดับ 5 ร้อยละ 6.34 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย)

6.) กลุ่มเขตกรุงธนใต้ อันดับ 1 ร้อยละ 27.65 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) อันดับ 2 ร้อยละ 23.96 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 3 ร้อยละ 14.06 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (พรรครวมไทยสร้างชาติ) อันดับ 4 ร้อยละ 6.68 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ และอันดับ 5 ร้อยละ 5.53 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย)

‘เอกนัฏ’ ลุยบึงกุ่ม ช่วยผู้สมัครหาเสียง-รับฟังปัญหา ปชช. เผย ‘รทสช.’ กระแสแรง ชาวบ้านพร้อมหนุนลุงตู่แบบใจต่อใจ

(26 มี.ค. 66) ที่สวนเสรีไทยเขตบึงกุ่ม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และนายเกรียงยศ สุดลาภา ผู้บริหารพรรคลงพื้นที่ช่วย น.ส.กาญจนา ภวัครานนท์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบึงกุ่ม คันนายาว หาเสียงพบปะประชาชน โดยเดินทักทายแนะนำตัวผู้สมัครกับประชาชนที่มาเดินออกกำลังกายภายในสวนสาธารณะเสรีไทย ก่อนขึ้นรถแห่หาเสียงไปตามเส้นทางหลัก ท่ามกลางความสนใจของประชาชนที่มายืนรอต้อนรับ บางส่วนก็โบกมือให้กำลังใจ และไปเดินหาเสียงที่ตลาดเช้าหมู่บ้านสหกรณ์ รับฟังปัญหาข้อเสนอแนะจากประชาชน เพื่อขอให้ช่วยแก้ไขหากได้เป็นรัฐบาล ซึ่งในเขตนี้ประชาชนให้การต้อนรับดีมาก หนุนลุงตู่แบบใจต่อใจ

นายเอกนัฏ กล่าวว่า งานเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 400 เขตทั่วประเทศ มื่อวันเสาร์ที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นความพร้อมเพรียงอย่างเต็ม 100% ของว่าที่ผู้สมัครทุกคนตั้งแต่ตนทำงานด้านการเมืองมา ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ทุกคนที่มีจิตอาสาจะมาทำงานเพื่อส่วนรวมไม่ว่าจะมาจากที่ไหน ก็ตั้งใจที่จะมารวมกันอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งทางพรรคเองก็ได้มีการประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค โดยเป็นการลงมติเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารพรรคในคืนก่อนมีการจัดเวที โดย พลเอกประยุทธ์ได้กล่าวบนเวทีว่า รู้สึกอบอุ่นเพราะมีผู้ที่อยู่ร่วมบนเวทีที่จะต่อสู้ไปด้วยกันอีก 400 คนรวมทั้งสมาชิกอื่น ๆ อีกทั่วประเทศทำให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ที่จะขับเคลื่อนภารกิจไปด้วยกัน

‘พิธา’ ลุยหาเสียงเมืองนนท์ ชี้ เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ ย้ำ ‘ก้าวไกล’ มีจุดยืนชัดเจน แตกต่างจากพรรคอื่น

(26 มี.ค. 66) พรรคก้าวไกลนำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต หาเสียงกับพี่น้องชาวนนทบุรี ที่ท่าน้ำปากเกร็ด โดยแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตของพรรคทั้ง 8 เขต

โดยนายพิธา กล่าวถึงนิด้าโพลช่วงเช้าที่คน กทม. มอบความไว้วางใจให้เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นเรื่องที่ดี ถือว่าเป็นกำลังใจในการทำงานต่อไป ขณะเดียวกันการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งระดับชาติ ตนคงจะนำพลังที่ชาว กทม.ไว้วางใจมาเป็นกำลังใจให้ได้ทำงานทั้งประเทศ

‘ดร.กมล’ ชี้!! 'ภท.' ขอยกระดับ 'กัญชาศึกษา' เดินหน้าใช้เพื่อ 'การแพทย์-สุขภาพ-เศรษฐกิจ'

ไม่นานมานี้ ดร.กมล รอดคล้าย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อและคณะทำงานยุทธศาสตร์ด้านการศึกษา พรรคภูมิใจไทย ได้อธิบายเรื่อง กัญชาศึกษา เพื่อใช้เป็นยาอย่างชาญฉลาด ว่า....

“ในสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ โดยเฉพาะการศึกษาที่มีคณะแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ ได้มีการนำกัญชาไปจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอน ตั้งแต่ระดับปริญญาตรี ถึงระดับปริญญาเอก”

ดร.กมล ยังได้เสริมอีกว่า “นโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์ของพรรคภูมิใจไทยที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และเตรียมจะขับเคลื่อนต่อไปในอนาคต เรามุ่งเน้นไปที่ กัญชาเพื่อการแพทย์ เพื่อการรักษาโรค ซึ่งกัญชามีการใช้มาตั้งแต่โบราณ แล้วยังมีงานวิจัย มีหน่วยงานรับรองว่าถ้าเราใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ เราจะลดการสูญเสียการซื้อยาจากต่างประเทศ โดยใช้กัญชาเป็นสารตั้งต้น ในการแก้ปัญหาโรคภัยไข้เจ็บของพี่น้องประชาชน”

“ในขณะเดียวกันนั้นกัญชาสามารถใช้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ เพราะกัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ ที่นอกจากใช้เพื่อการแพทย์แล้วยังใช้ในการประกอบอาหาร ประกอบเครื่องดื่ม ประกอบกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอนามัย”

ดร.กมล ได้ยกนโยบายของพรรคขึ้นมาพูดเสริมอีกว่า “ระบบการจัดการของเราในวันนี้คือพรรคภูมิใจไทย ได้มีการขับเคลื่อนเรื่องนี้ ผ่านโรงพยาบาลต่าง ๆ ในการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ แต่เรายังมีการขับเคลื่อนผ่านระบบการศึกษาอีกด้วย

“โดยวันนี้พรรคภูมิใจไทยสามารถขับเคลื่อนการเรียนรู้กัญชาเพื่อการแพทย์ไปยังสถานศึกษาของ กศน. ทั่วประเทศใน 77 จังหวัด และอีกประมาณ 800-900 อำเภอ นอกจากในการจัดการเรียนการสอนผ่าน กศน. แล้ว ในสภาบันการศึกษาทั่วประเทศ โดยเฉพาะที่มีคณะแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ ได้มีการนำกัญชาไปจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอน ตั้งแต่ระดับปริญญาตรี ถึงระดับปริญญา

‘จุรินทร์’ เปิดทีมเศรษฐกิจ ลุย ‘สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ’ อัดฉีดเม็ดเงินกว่า 1 ล้านล้านบาท ยันไม่สร้างหนี้ไม่จำเป็น

‘จุรินทร์’ เปิดทีมเศรษฐกิจ เดินหน้ายุทธศาสตร์ ‘สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ’ ขับเคลื่อน เศรษฐกิจ การเมือง สังคม พร้อมอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 1 ล้านล้านบาท ไม่กระทบหนี้สาธารณะ

(26 มี.ค.66) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุมทีมเศรษฐกิจบางส่วน เพื่อหารือถึงนโยบายเพิ่มเติมในเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หากประชาธิปัตย์ได้มีโอกาสเป็นแกนตั้งรัฐบาล ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ดร.พิสิฐ  ลี้อาธรรม ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต นายเกียรติ สิทธีอมร ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ คุณวทันยา บุนนาค ดร.อิสระ  เสรีวัฒนวุฒิ ดร.สรรเสริญ สมะลาภา และนายอลงกรณ์  พลบุตร เป็นต้น 

โดยนายจุรินทร์ ได้กล่าวถึงภาพรวมของการกำหนดทิศทางขับเคลื่อนประเทศว่า พรรคจะเดินหน้ายุทธศาสตร์ ‘สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ’ เป็นกรอบใหญ่ของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของประเทศ สำหรับด้านเศรษฐกิจนั้น ประชาธิปัตย์จะให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เศรษฐกิจมหภาค และเศรษฐกิจทันสมัย ซึ่งจะมีเศรษฐกิจอนาคตรวมอยู่ด้วย 

สำหรับเศรษฐกิจฐานราก จะได้มุ่งเน้นทั้งเรื่องการให้ความสำคัญกับการเกษตร อุตสาหกรรม รวมถึงการท่องเที่ยว สำหรับเป็นพื้นฐานเรื่อง ‘สร้างเงิน’ ให้ประเทศ โดยจะมีนโยบายที่ให้ความสำคัญกับพืชเศรษฐกิจ ปศุสัตว์ ประมง SMEs หมู่บ้าน/ชุมชน และผู้ใช้แรงงาน เป็นต้น

ส่วนเศรษฐกิจมหภาค จะมุ่งเน้นเรื่องการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เป็นเป้าหมายหลัก 

ส่วนเศรษฐกิจทันสมัย รวมถึงเศรษฐกิจอนาคตนั้น จะได้เน้นเรื่องการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีด้านเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ควบคู่กันไป อาทิ Silver Economy ที่จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุเข้ามามีบทบาทสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซอฟต์พาวเวอร์ Renew Economy, Social Economy, Digital Economy เป็นต้น 

ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีความเห็นตรงกันว่า ในภาพรวมเราจะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ถ้าเรามีโอกาสได้เป็นแกนตั้งรัฐบาล ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ 

นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงนโยบายสำหรับกรุงเทพมหานครว่า พรรคได้มีการแถลงนโยบายไปแล้ว และยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ที่ประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญ และนโยบายกรุงเทพฯ จะมี 2 ส่วน ส่วนที่ 1 นโยบายรวมของพรรค ส่วนที่ 2 นโยบายเฉพาะในส่วนทีมกรุงเทพมหานคร 

โดยนโยบายรวมที่เกี่ยวพันกับคนกรุงเทพมหานคร เช่น การจัดตั้งธนาคารชุมชน 2,800 กว่าชุมชนทั่วกรุงเทพมหานคร ชุมชนละ 2 ล้านบาท รวมถึงการจัดให้มีอินเทอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุดทั่วประเทศ โดย 1 แสนจุด จะเป็นของกรุงเทพฯ เพื่อให้อินเทอร์เน็ตมีส่วนในการขับเคลื่อน หรือใช้ประโยชน์ในการ “สร้างเงิน” ให้กับทั้งชาวกรุงเทพฯ และกลุ่ม SMEs ต่าง ๆ ในชุมชนของกรุงเทพมหานคร รวมไปถึงการใช้ประโยชน์สำหรับการเข้าถึงองค์ความรู้ต่าง ๆ ด้วย นอกจากนี้ยังมีนโยบายเรียนฟรีถึงปริญญาตรี สาขาที่ตลาดต้องการ ตรวจสุขภาพฟรี รักษาฟรี ใช้บัตรประชาชนใบเดียว ชมรมผู้สูงอายุรับ 30,000 บาท ทุกชุมชน/หมู่บ้าน SMEs ต้องมีแต้มต่ออย่างน้อย 3 แสนล้านบาท ปลดล็อค กบข. และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้สามารถซื้อบ้านได้ สามารถลดหนี้ได้ในทันที และสามารถนำเงินที่จะต้องไปใช้หนี้นั้นไปสร้างเงินให้กับข้าราชการ และผู้ใช้แรงงานได้ รวมถึงนโยบายอื่น ๆ เช่น นมโรงเรียนฟรี 365 วัน ด้วย

ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามถึงที่มาของงบประมาณในการดำเนินนโยบายนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตอบว่า เรื่องนี้จะมีเงินแต่ละแหล่งของนโยบาย ทั้งในส่วนของงบประมาณแผ่นดิน และแหล่งเงินอื่น ๆ ที่มีอยู่ในจุดต่าง ๆ ซึ่งเราได้ดูอย่างรอบคอบทั้งหมดแล้ว โดยมีหลักใหญ่ว่าจะไม่เน้นการสร้างหนี้สาธารณะเพิ่มโดยไม่จำเป็น 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top