Tuesday, 29 April 2025
ElectionTime

‘ก้าวไกล’ ไม่หวั่น!! หัวคะแนนซื้อเสียงเริ่มเคลื่อนไหว เชื่อ!! ปชช. ไม่รับเงินแลกการถอนทุนจากงบฯ ประเทศ

(28 มี.ค.66) นายสิริน สงวนสิน ว่าที่ผู้สมัครสมาชิก ส.ส. เขตทวีวัฒนา พรรคก้าวไกล กล่าวถึงความพร้อมในการลงสมัครรับเลือกตั้งและกระแสความนิยมในพื้นที่ โดยกล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้มีการเปิดรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ระหว่างวันที่ 3 - 7 เม.ย. นั้น ตนได้เตรียมเอกสารหลักฐานต่าง ๆ รวมทั้งการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครตามที่ระเบียบ กกต.ระบุไว้ ก็มีความถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ และพร้อมยื่นสมัครได้ทันที ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนกระแสความนิยมในพื้นที่นั้น จากการสำรวจพบว่าประชาชนให้การตอบรับดีมาก โดยเฉพาะนโยบายรัฐสวัสดิการต่าง ๆ ที่มุ่งสร้างความกินดีอยู่ดีของพี่น้องประชาชน ซึ่งตนค่อนข้างมั่นใจว่าสามารถปักธงส้มในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน (ยกเว้นแขวงบางเชือกหนัง) ได้อย่างแน่นอน

‘บิ๊กป้อม’ ยํ้า!! ‘ตอบไปแล้ว’ หลังโดนจี้ถาม ปม ‘ทักษิณ’ ลั่นเพื่อไทยไม่โง่พอ ยกเก้าอี้นายกฯให้

(28 มี.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังจบประชุมครม. ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามพล.อ.ประวิตร วงษ์​สุวรรณ​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตอบโต้นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพปชร. ที่ออกมาพูดเรื่องมอบตำแหน่งนายกฯให้พล.อ.ประวิตร ว่า พรรคเพื่อไทย ไม่โง่จะมอบตำแหน่งนี้ให้ โดยพล.อ.ประวิตร หันมาตอบสั้นๆว่า ‘ตอบไปแล้ว’

‘อนุทิน’ แจง ขั้นตอนเดินหน้านโยบาย ‘พักหนี้ 3 ปี’ หยุดต้น-ปลอดดอก ลั่นไม่กระทบ ทุกฝ่ายได้ประโยชน์

(28 มี.ค.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายหาเสียงของพรรค ในประเด็นการให้ประชาชนได้สิทธิ์พักหนี้ 3 ปี วงเงิน ไม่เกิน 1 ล้านบาท ว่าตัวเลขที่อยู่ในนโยบายล้วนมีความหมายทั้งสิ้น เราให้เวลาพักหนี้ 3 ปี เท่ากับระยะเวลาที่โควิด - 19 ระบาด และกระทบกับการทำมาหากินของประชาชน ส่วนจำนวนเงินที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท เพราะเป็นจำนวนหนี้ ซึ่งสอดคล้องกับประชาชนคนไทยจำนวนมาก การพักหนี้คราวนี้ เราจะหยุดการจ่ายเงินต้น 3 ปี ดอกเบี้ยไม่ต้องคิดในระยะเวลา 3 ปี ขอย้ำว่า นโยบายนี้ใช้เฉพาะกับหนี้ที่ถูกกฎหมายเท่านั้น

‘ปชป.’ เปิดตัว ‘ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.106 เขต’ สู้สนามภาคกลาง พร้อมปรับยุทธศาสตร์หาเสียง เน้นโซเชียลฯ หวังเข้าถึง ปชช.

(28 มี.ค.66) เวลา 13.30 น. ที่ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคฯดูแลภาคกลาง ร่วมกันเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. ภาคกลาง รวม 26 จังหวัด 106 เขต โดยในช่วงเช้า พรรคฯภาคกลาง ได้เชิญคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มาให้รายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายเลือกตั้ง และกฎระเบียบต่างๆ ของ กกต. ให้กับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภาคกลาง เพื่อเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจ และเป็นเจตจำนงสำคัญของพรรคฯที่ต้องการให้ผู้สมัครทุกคนได้ปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบของ กกต. โดยเคร่งครัด 

นอกจากนั้นได้มีการซักซ้อมถึงยุทธศาสตร์ นโยบายของพรรค เพื่อให้ว่าที่ผู้สมัครได้นำไปใช้ในการหาเสียงและสื่อสารกับประชาชน หรือเพื่อไปทำหน้าที่ ‘ลำโพงประชาธิปัตย์’ ในแต่ละพื้นที่ อีกทั้งเข้ารับเอกสารรับรองการเป็นผู้สมัครของพรรคปชป. ซึ่งลงลายเซ็นโดยหัวหน้าพรรค สำหรับนำไปยื่นสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 3 เม.ย.นี้

ทั้งนี้นายจุรินทร์ กล่าวว่า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 106 เขต ล้วนเป็นบุคลากรที่มีศักยภาพ และพรรคได้คัดสรรมาแล้วเป็นอย่างดี หากพี่น้องประชาชนให้โอกาสก็พร้อมจะทำหน้าที่ ส.ส.ที่ดีได้ต่อไป ซึ่งผู้สมัครดังกล่าว ประกอบไปด้วย คนรุ่นใหม่ นักธุรกิจ ผู้นำเกษตรกร นักวิชาการ สื่อสารมวลชน รวมทั้งผู้นำสตรี ซึ่งในจำนวน 106 คน เป็นสตรีถึง 11 คน และในจำนวนนี้ เป็นรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรี 3 คน คือ นายสาธิต  ปิตุเตชะ รมช. สาธารณสุข เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 ระยอง นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีต รมช.พาณิชย์ เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 เพชรบุรี นายธีระ สลักเพชร อดีต รมว.วัฒนธรรม เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ตราด นอกจากนี้ ยังมีอดีต ส.ส. ของพรรค 13 คน ไม่ว่าจะเป็น นายกัมพล สุภาแพ่ง นายอภิชาติ สุภาแพ่ง จ.เพชรบุรี นายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร จ.กาญจนบุรี นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา จ.จันทบุรี นางพจนารถ แก้วผลึก จ.ชลบุรี นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ จ.นครนายก นายมนตรี ปาน้อยนนท์ นายจักรพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ นายประมวล พงศ์ถาวราเดช จ.ประจวบคีรีขันธ์ นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ นายธารา ปิตุเตชะ จ.ระยอง นายนิติรัฐ สุนทรวร จ.สมุทรสาคร และ นายปรพล อดิเรกสาร จ.สระบุรี 

“ทั้งหมดนี้เป็นทัพหน้าของประชาธิปัตย์ ที่จะลงพื้นที่บุกเขตเลือกตั้ง เพื่อนำชัยชนะมาสู่พรรคในพื้นที่ภาคกลางในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ ผมขอฝากไว้กับพี่น้องภาคกลางทุกจังหวัด ขอให้ช่วยสนับสนุนประชาธิปัตย์ ทั้งคนทั้งพรรคในการเลือกตั้งที่จะมาถึง” นายจุรินทร์กล่าว 

นายสาธิต กล่าวว่า ขณะนี้ภาคกลางมีความพร้อม 100% เพื่อเดินหน้าไปสู่การรับสมัครในวันที่ 3 เม.ย.นี้ โดยผู้สมัครของพรรค มีความหลากหลายตั้งแต่ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำเกษตรกร ผู้นำสตรี อดีตรัฐมนตรี นอกจากนี้ยังมีคนรุ่นใหม่ที่จะมีส่วนในการสร้างอนาคตอีกด้วย ดังนั้นถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ของเรามีความพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้งแล้วอย่างเต็มที่ 

จากนั้นนายสาธิตให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า วันนี้เปิดตัวทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงอีก 4 เขต คิดว่าไม่มีปัญหา โดยในวันพรุ่งนี้ (29 มี.ค.) จะทำไพรมารีและส่งให้คณะกรรมการสรรหารับรองต่อไป ซึ่งถือว่าทุกคนเป็นคนรุ่นใหม่มีความสามารถ โปรไฟล์ดี พร้อมที่จะต่อสู้ในสนามเลือกตั้งครั้งนี้แน่นอน

เมื่อถามว่า การปรับยุทธศาสตร์ในการหาเสียง เนื่องจากพื้นที่ภาคกลางมีการต่อสู้กันสูง นายสาธิต กล่าวว่า มีการอบรมกติกาและระบบการเลือกตั้งให้กับว่าที่ผู้สมัคร ซึ่งทุกเขตต้องมีศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง ซึ่งการหาเสียงจะใช้วิธีเดิมไม่ได้ จะต้องมีทั้งระบบเครือข่ายอยู่ในทุกพื้นที่ เพื่อนำข้อมูล ผลงานของพรรคฯและผู้สมัครเข้าถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด รวมถึงการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อให้ข้อมูลผู้สมัครอยากนำเสนอเข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด ซึ่งเป็นระบบที่พรรคฯได้วางให้ผู้สมัครทุกคนได้ทำในแพตฟอร์มเดียวกัน ถือว่าเป็นการวางระรบบให้เข้าถึงเพื่อจูงใจประชาชน ในเขตเลือกตั้งนั้นๆ

เมื่อถามว่าในส่วนของภาคกลางได้ตั้งเป้าว่าจะได้ส.ส.เท่าไหร่ นายสาธิต กล่าวว่า เดิมในพื้นที่ภาคกลางพรรคปชป.ได้ 8 คน ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ตั้งเป้าว่าจะได้ส.ส.ให้มากที่สุด เพราะการประเมินยังทำได้ยาก เนื่องจากเวลาเราลงพื้นที่แม้จะมีคนตัดสินใจไปแล้ว นับตั้งแต่วันที่ผู้สมัครได้เบอร์ ยังมีผู้ยังไม่ได้ตัดสินใจเยอะ จึงมั่นใจว่าความขยัน และระบบการหาเสียงที่ใช้เทคโนโลยีรูปบบแบบใหม่ จะจูงใจให้คนที่ยังไม่ตัดสินใจมาสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์และผู้สมัครของเราได้ ทั้งนี้การหาเสียงรูปแบบใหม่เวลาปราศรัยไม่จำเป็นต้องมีคนเยอะ และจะไม่ทำผิดกฎหมายเพราะขณะนี้มีการไลฟ์สดออกโชเชียลมีเดียได้ ถ้าเราโพสต์ในเฟสบุคก็ซื้อไลฟ์ได้ แต่ต้องแสดงค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่เราต้องนำมาใช้ให้ทันยุคสมัย

‘ชัยวุฒิ’ ขอไม่โต้ ‘โทนี่’ ยึดสโลแกนก้าวข้ามความขัดแย้ง  ยัน พปชร. ไม่ขัดแย้งกับใคร ชี้ทำงานบางเรื่องก็ต้องตัดสินใจร่วมกัน

(28 มี.ค.66) พรรคพลังประชารัฐ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีออกมาตอบโต้นายวิรัช รัตนเศรษฐ ผ่านทวิตเตอร์ว่า พรรคเพื่อไทยไม่โง่พอที่จะยกตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้กับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐว่า พปชร.มีนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง และไม่ขัดแย้งกับทุกพรรค จึงไม่อยากตอบโต้เรื่องนี้ ซึ่งการทำงานในทางการเมืองมันก็ทำงานตามสถานการณ์ บางครั้งไม่ได้ฉลาดทุกครั้ง ต้องมีบางเรื่องที่ต้องตัดสินใจร่วมกัน 

เมื่อถามว่า มองว่าการปรามาสครั้งนี้ ให้รอวันที่ผลการเลือกตั้งออกเลยใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า การเลือกตั้งเป็นเรื่องของประชาชน ยืนยันว่า แต่ละพรรคต่อสู้กันเต็มที่ เสนอนโยบายและลงพื้นที่เข้าหาพี่น้องประชาชน ผู้สมัครแต่ละเขต แข่งกันเต็มที่ไม่มีการจับมือกัน หรือ ตกลงกันว่า ใครจะเป็นรัฐบาลหรือเป็นนายกรัฐมนตรี ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบประชาธิปไตย 

เมื่อถามว่า แสดงว่าไม่ปฏิเสธที่จะจับมือร่วมรัฐบาลกับใครใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐก้าวข้ามความขัดแย้ง ฉะนั้นไม่มีเงื่อนไขที่จะต้องขัดแย้งกัน อะไรที่เป็นประโยชน์หรือประชาชนยอมรับเราเราก็ทำงานร่วมกันได้ อะไรที่เป็นความขัดแย้งหรือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ก้าวข้ามไป 

'อำนวย นวลทอง' ผู้ขันอาสา 'รวมไทยสร้างชาติ' เปลี่ยนการเมืองตรัง กร้าว!! สู้ไม่มีถอย ลงสมัครเพื่อชนะ ไม่ใช่เพื่อแพ้

น่าติดตามอย่างยิ่งกับพื้นที่ในจังหวัดตรัง เมื่อ 'อำนวย นวลทอง' ได้กล่าวอย่างหนักแน่นว่า จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้ ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในจังหวัดตรัง และประกาศศักดา ขอสู้แบบไม่มีถอย มาลงสมัครก็เพื่อชนะ ไม่ใช่เพื่อพบกับความพ่ายแพ้

“30-40 ปีของการเมืองในจังหวัดตรัง พี่น้องประชาชนให้โอกาสกับบางพรรคการเมืองมายาวนาน แต่เมืองตรังกลับย่ำอยู่กับที่ หรือถดถอยด้วยซ้ำ ประชาชนจนลง บ้านเมืองไม่ได้รับการพัฒนา จึงตัดสินใจนำความรู้ ประสบการณ์ที่มีอยู่ขันอาสามารับใช้บ้านเกิด บ้านเมืองจะได้เกิดการเปลี่ยนแปลง” อำนวย กล่าว

อำนวย กล่าวอีกว่า ปัญหาใหญ่ของจังหวัดตรังคือปัญหาที่ดินทำกิน อันเกิดจากการที่ภาครัฐไปประกาศเขตอุทยานบ้าง เขตทุ่งเลี้ยงสัตว์บ้าง ทับที่ดินทำกินของชาวบ้าน จึงไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ใดๆ ได้ ทั้งๆ ที่ชาวบ้านทำกินบนที่ดินแปลงนั้นมาก่อน และสภาพที่ดินก็ควรให้ชาวบ้านได้สิทธิ์ทำกิน แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่รัฐโค่นทำลาย

อำนวย กล่าวต่อว่า อีกปัญหาของเมืองตรัง คือการบริหารจัดการน้ำ ถึงหน้าฝนก็เจอน้ำท่วม พอหน้าแล้งก็ขาดน้ำ ไม่มีใครคิดเรื่องการบริหารจัดการน้ำ การทำแหล่งกักเก็บน้ำ ซึ่งถ้ามีโอกาสก็จะเข้าไปดูแก้ไขปัญหาเหล่านี้ 

ทั้งนี้ หากกล่าวถึง 'อำนวย นวลทอง' แล้ว พี่น้องชาวละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง คงรู้จักกันดี เพราะเขาถือกำเนิดบนผืนแผ่นดินแห่งนี้ โตที่นี้ และเรียนจบการศึกษาระดับมัธยมปลายจากโรงเรียนวิเชียรมาตุ

แต่ด้วยการศึกษาในระบบ 'แพ้คัดออก' ทำให้อำนวยสอบเข้ามหาวิทยาลัยเปิดไม่ได้ เขาจึงบ่ายหน้าเข้าเมืองหลวง เข้าสู่ระบบการศึกษา 'ตลาดวิชา' เป็นลูกพ่อขุนในรั้วมหาวิทยาลัยรามคำแหง

"รู้จักอภัย ตั้งใจศึกษา บูชาพ่อขุน สนองคุณชาติ" คือคำขวัญของมหาวิทยาลัย ที่ติดตาตรึงใจอำนวยตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่างเข้าสู่รั้วรามคำแหง และเมื่อเขาเดินทางเข้ากรุงก็มุ่งมั่น ตั้งใจศึกษา มีพ่อขุนเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ 

กระนั้น ภายหลังจากจัดแจงเรื่องเอกสาร และมติพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้ 'อำนวย นวลทอง' ลงสมัคร ส.ส.เขต 3 จังหวัดตรัง อำนวยจึงได้หอบกระเป๋าเอกสารเดินทางเข้าสู่รั้วรามคำแหง แจ้งต่อพ่อขุนฯ ถึงเจตนารมณ์ และไหว้ขอพร พร้อมกล่าวคำปณิธานให้พ่อขุนฯ ได้รับทราบ ว่า...

"เมื่อครั้งเข้ามาเมืองหลวงใหม่ๆ ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง ฉันหอบความเขลาจากบ้านนอก เข้ามาหาความหมายในเมืองหลวง เพื่อหวังแก้ปัญหาอีกมากมายที่สั่งสมบ่มเพาะอยู่ในสังคมไทย สังคมแห่งความเหลื่อมล้ำ สังคมแห่งการเอารัดเอาเปรียบ แม้แต่การศึกษาก็ยังไม่เท่าเทียมกัน" อำนวย กล่าว

ระหว่างศึกษาอำนวยกระโดดเข้าสู่เวทีกิจกรรมนักศึกษา ทำกิจกรรมแนวบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ และการเมือง ออกค่ายอาสา ร่วมเวทีเรียกร้องความเป็นธรรมในนามองค์กรนักศึกษา ชื่อเสียงของอำนวยเป็นที่รู้จักกันของระดับนำของนักศึกษากลุ่มหัวก้าวหน้าในรั้วรามคำแหง

อำนวยเป็นนักศึกษากิจกรรมรุ่นเดียวกับ 'นิพนธ์ บุญญามณี' รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รุ่นเดียวกับ 'วิสูตร สุจิรกุล' อดีตนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง และ สมชาย โล่สภาพิพิธ อดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์

หลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรี อำนวย เข้าสู่ระบบราชการในกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมการจัดจำหน่ายน้ำตาลทราย จากนั้นได้ลาออกมาทำงานภาคเอกชนและทำธุรกิจส่วนตัว โดยเข้าไปทำงานในบริษัท หมากหอมเยาวราช ของนายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงได้มีโอกาสได้รู้จักกับ ดร.พิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม. พร้อมกันนี้ 'อำนวย' ยังเป็นหนึ่งในคณะทำงานรณรงค์หาเสียงให้กับเดโช สวนานนท์ ร.ท.เชาวลิต เตชะไพบูลย์ และ ร.ต.ฉลาด วรฉัตร อีกด้วย

'อำนวย' กระโดดเข้าสู่เวทีการเมืองในยุคที่สังคมกำลังเปิดทางให้กับคนรุ่นใหม่ อำนวยได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาเขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 

ในช่วงวัยหนุ่ม ด้วยหวังว่า ตำแหน่งทางการเมืองจะช่วยแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้ 'อำนวย' ได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานสภาเขตพญาไทถึงสองสมัย และเป็นคณะทำงานของกลุ่มยุวประชาธิปัตย์ เป็นกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ สาขาพญาไท

อำนวยยังวาดฝันว่า วันหนึ่งจะก้าวสู่การเมืองระดับชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างการเมืองได้มากกว่าการเมืองท้องถิ่น แต่เมื่อเหลียวซ้ายมองขวา บ้านเกิดของตัวเองก็ยังมีปัญหาอีกมากที่ควรได้รับการแก้ไข รวมถึงการปูทางไปสู่ความเป็นเมืองท่องเที่ยว สร้างสังคมอุดมธรรม สังคมสร้างสุข

อำนวยตัดสินใจครั้งสำคัญอีกครั้ง ทิ้งสิ่งที่สร้างและมีอยู่ในเมืองหลวง บอกภรรยาเก็บกระเป๋ากลับละมอบ้านเกิด และเริ่มต้นทำในสิ่งที่ฝัน เดินตามพ่อ 'เศรษฐกิจพอเพียง' กับที่ดินแปลงมรดก พร้อมขยายแนวคิดไปยังชาวบ้าน เดินหน้าสร้างความอยู่รอด และอยู่เย็นเป็นสุขในชุมชน

'อำนวย' ฝันไกลไปกว่านั้น ฝันเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในจังหวัดตรัง เพื่อการพัฒนาในเชิงรุกกับการลงชิง ส.ส.ตรัง เขต 3 แม้จะต้องสู้กับลูกสาวของเพื่อนรัก 'สมชาย โล่สถาพรพิพิธ' ก็ตาม ตามหลักคิด “การเมืองเป็นเรื่องของประชาชน และต้องมีการแข่งขัน”

วันนี้ชายนักสู้ ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ประชาธิปไตย ล้นไปด้วยประสบการณ์ ผ่านการศึกษา เรียนรู้ ทั้งในระบบและนอกระบบ มาอย่างท่วมท้น พร้อมจะลงสู้ศึกชิงเก้าอี้ ส.ส.เขต 3 จ.ตรัง ศึกคนกันเองกำลังจะระเบิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งของคนประชาธิปัตย์ในจังหวัดตรัง

“ผมพร้อม ทีมงานพร้อม” อำนวยกล่าวอย่างมั่นใจในการเปิดศึกกับคนกันเอง แพ้-ชนะไปว่ากันในสนามเลือกตั้ง ประชาชนจะเป็นคนชี้ขาด แต่งานนี้ 'อำนวย' สู้ไม่มีถอย

‘พิธา’ จับมือ 'เท่าพิภพ' ขอโอกาสชาวฝั่งธนฯ เลือกคนรุ่นใหม่ พร้อมผลักดันนโยบายแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5-สุราก้าวหน้า

‘พิธา’ ลงพื้นที่ฝั่งธนฯ ขอประชาชนกาก้าวไกล เลือกคนรุ่นใหม่ ทำงานคุ้มค่า แก้ปัญหาที่ต้นตอ ให้ 'เท่าพิภพ' กลับเข้าสภาฯ อีกสมัย ดันสุราก้าวหน้าเป็นจริง

(28 มี.ค.66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 24 ครอบคลุมเขตธนบุรี (ยกเว้นแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจี และแขวงบางยี่เรือ) เขตคลองสาน และเขตราษฎร์บูรณะ (เฉพาะแขวงบางปะกอก) ลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดกระต่ายมั่งคั่ง ตรงข้ามเดอะมอลล์ท่าพระ

พิธากล่าวถึงกระแสความนิยมของพรรคก้าวไกลในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลต่อความนิยมของพรรคก้าวไกลในพื้นที่ต่างจังหวัดด้วยว่า ว่าที่ผู้สมัครทุกคนทำงานอย่างแข็งขัน และยิ่งใกล้เลือกตั้งยิ่งทำงานหนักกว่าเดิม เพื่อให้เราได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน มีโอกาสเข้าไปเป็นฝ่ายบริหาร ผลักดันทั้ง 9 เสานโยบายให้เป็นจริง โดยทุกนโยบายล้วนผ่านกระบวนการคิดและกระบวนการออกแบบการสื่อสาร ตั้งใจเข้าไปแก้ปัญหาที่ต้นตอ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่เราเสนอว่าต้องกล้าชนกลุ่มทุนสินค้าเกษตรที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม หรือการปลดล็อกสุราก้าวหน้า ซึ่งเป็นกฎหมายที่เท่าพิภพเป็นผู้เสนอ เพื่อกระจายผลประโยชน์ในธุรกิจสุราออกจากทุนใหญ่ไปสู่ผู้ประกอบการรายย่อย เชื่อว่าผลงานในสภาฯ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา จะทำให้พี่น้องประชาชนมั่นใจมากขึ้น เป็นสิ่งที่สื่อสารได้ดีที่สุดว่าการทำงานการเมืองแบบพรรคก้าวไกล มีความแตกต่าง เป็นการทำงานที่ซื่อตรงต่อประชาชน กล้าคิด กล้าทำ กล้าดันเพดานของสังคมเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยอย่างเต็มศักยภาพแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

‘บิ๊กป้อม’ ส่งปาร์ตี้ลิสต์ 92 คน หลัง 8 คนสละสิทธิ์ไม่ปลื้มลำดับ ทุ่มเต็มที่กวาด 100 เขต ลั่น!! “ทำเต็มที่ ให้ปชช. อยู่ดีกินดี”

เปิดเบื้องหลังปาร์ตี้ลิสต์ พปชร.ระอุ!!! ล่าสุดส่งแค่ 92 คน หลัง 8 คนสละสิทธิ์ไม่พอใจการจัดลำดับ ขณะที่ ‘บิ๊กป้อม’ แคนดิเดตนายกฯ ประกาศเล่นใหญ่ทุ่มเต็มที่ตั้งเป้ากวาด 100 เขต

(28 มี.ค.66) ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณาบัญชีผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ตามที่คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อเสนอ โดยมี กก.บห.เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

โดยมีการแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า มีผู้ที่มีรายชื่อเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ขอสละสิทธิ์ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากไม่พอใจที่ได้ลำดับท้ายๆ จำนวน 7 คน ได้แก่ นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ลำดับที่ 46 นายอนุชา เจริญรักษ์ ลำดับที่ 48 นายสมชาย เหล่าสายเชื้อ ลำดับที่ 51 นางลลิตา ฤกษ์สำราญ ลำดับที่ 55 นายธีระยุทธ วานิชชัง ลำดับที่ 60 นายธงชัย กสิกรรม ลำดับที่ 95 และชาติ จินดาพล ลำดับที่ 100 และเมื่อรวมกับนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคที่ขอสละสิทธิ์ไปก่อนหน้านี้ ทำให้เหลือผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แค่ 92 คน

นอกจากนี้ ยังมีการสลับลำดับกันเอง 2 กรณี กรณีแรกคือ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่อยู่ลำดับที่ 18 ได้ขอแลกกับนายอภิชัย เตชะอุบล ที่อยู่ในลำดับที่ 12 และกรณีที่สอง คือ นายปริญญา วันทา ลำดับที่ 40 ได้สลับกับนายนายภัฎ สุริวงษ์ ลำดับที่ 79 ทั้งนี้ นายอภิชัยยอมรับว่านายนิพิฏฐ์มาขอเปลี่ยน แต่ไม่เป็นไร ตนเสียสละ

ขณะที่นายรงค์ บุญสวยขวัญ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช และกรรมการบริหารพรรค เปิดภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคยังมีมติเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

‘ตั๊น’ โพสต์ตัดพ้อ ‘ปชป.’ ปาร์ตี้ลิสต์ไม่ลงตัว  ชี้!! ประเมินได้ไม่เกิน 10 ที่นั่ง แย่งลำดับต้น

(28 มี.ค.66) รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการจัดลำดับส.ส.บัญชีรายชื่อของ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ยังไม่ลงตัว ประเมินกันว่าครั้งนี้พรรคอาจจะได้ ส.ส.ระบบนี้ไม่เกิน 10 บวกลบ 5 ทำให้มีการแย่งกันอยู่ลำดับต้นๆ ส่วนที่น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการ ปชป. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเคลื่อนไหวเพราะกลัวตัวเองจะไม่ได้อยู่ในเซฟโซน และทราบว่าการประชุมกก.บห.พรรคในวันที่ 29 มีนาคม จะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าว

การเปลี่ยนประเทศของพรรคก้าวไกล คือเวลาเป็นฝ่ายค้านมักจะพูดปัญหา แต่ไม่มีโซลูชัน

การเปลี่ยนประเทศของพรรคก้าวไกล คือเวลาเป็นฝ่ายค้านมักจะพูดปัญหา แต่ไม่มีโซลูชัน แต่สิ่งที่คนทำอยู่เขากำลังพยายามแก้ทำให้มันดีขึ้นตลอด ไม่ใช่อยู่ ๆ ก็เปิดประเด็นจะเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดทั่วประเทศเอย หรือพรรคนี้เขาบอกว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนรัฐบาลนะเขาจะเปลี่ยนประเทศ คิดอะไรที่ไกลเกินไปคนไทยรับไม่ได้ 

ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ 
รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
กล่าวในรายการ เลือกตั้ง 66 'เปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ' 
ตอน "ตัวตึง!"

28 มี.ค.66 เวลา 22:30 น.- 23:30 น.
•ดำเนินรายการโดย นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา 

•ผู้ร่วมรายการ
1.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พรรคเพื่อไทย
2.นายธนกร วังบุญคงชนะ พรรครวมไทยสร้างชาติ
3.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ พรรคพลังประชารัฐ
4.นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร พรรคก้าวไกล
5.นายศุภชัย ใจสมุทร พรรคภูมิใจไทย

https://fb.watch/jyN6eyr2Sx/?mibextid=v7YzmG


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top