Tuesday, 29 April 2025
ElectionTime

‘ชาวพระโขนง’ ขอบคุณ ‘มณีรัตน์’ ผู้สมัครส.ส.ภูมิใจไทย  ช่วยประสาน อปพร.-เข้าช่วยเหลือ หลังเกิดเหตุไฟไหม้ 

เมื่อไม่นานมานี้ ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือน ไม่มีเลขที่จำนวน 6 หลัง ภายในซอยปุณณวิถี 48 ถ.สุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ซึ่งนางสาวมณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ ผู้สมัคร ส.ส. จากพรรคภูมิใจไทย ได้ให้การช่วยเหลือและประสาน อปพร. ในพื้นที่ทันทีหลังจากเกิดเหตุ 

จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน ช่วงเวลาแปปเดียวไฟลุกลามไหม้หมด ไฟฟ้าก็ดับ ตรงนี้มืดหมด ตกน้ำราดในขณะที่ขาก็ปวด เมื่อทราบข่าวเหตุเพลิงไหม้ สิ่งแรกที่ทำ นางสาวมณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ กล่าวว่า “โชคดีที่ว่าทีมอาสาของเราหนึ่งในนั้นเป็น อปพร. ทางทีมเราก็ลงพื้นที่เข้าไปช่วยเลย และทำการประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับดูแลพี่น้องประชาชนที่อยู่อาศัยตรงนั้น ไม่ให้เขาตื่นตระหนกมากจนเกินไป หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้เรามาตรวจสอบพบว่า 6-7 หลังคาเรือนที่ไฟไหม้ เป็นบ้านที่ไม่มีเลขที่ ต้องไปจั้มไฟ เลยเป็นสาเหตุที่เกิดไฟฟ้าลัดวงจร พื้นที่ไม่มีโฉนด หรือเป็นพื้นที่รกร้างแล้วชาวบ้านมาสร้างบ้านกันอยู่เอง เกิดจากการที่เขาไม่มีที่อยู่อาศัย เป็นหน้าที่ของทางรัฐบาลที่ต้องดูแลปรับปรุงพื้นที่พัฒนาและก็สร้างบ้านเพื่อตอบรับสิ่งเหล่านี้ให้แก่พี่น้องประชาชนที่ไม่มีที่อยู่อาศัย”

สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหา นางสาวมณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ กล่าวว่า “เบื้องต้น คือ 1) จัดหาที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม 2) ส่งเสริมความรู้เรื่องไฟฟ้าแก่ชุมชน สอนให้เด็กมีองค์ความรู้เรื่องนี้ในการป้องกันเบื้องต้นไม่ให้เกิดไฟไหม้ขึ้น 3) จัดทีมอาสาเฝ้าระวังของแต่ละชุมชน ซึ่งสมัยก่อนเคยมีและทุกวันนี้ก็ยังทำอยู่ 

‘พุทธิพงษ์’ มั่นใจ!! นโยบาย ภท. ตอบโจทย์คนทุกกลุ่ม อ้อน!! ขอ ปชช. เชื่อใจ เพราะภูมิใจไทย ‘พูดแล้วทำ’ 

(28 เม.ย.66) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผอ.การเลือกตั้งกทม. พรรคภูมิใจไทย (ภท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

นโยบายดี ๆ ที่ตอบโจทย์ประชาชนทุกกลุ่ม เพราะพรรคภูมิใจไทยเข้าใจ ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาขนในแต่ละพื้นที่คืออะไร ผมและทีมงานจึงพร้อมที่จะผลักดันทุกนโยบายให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด 

ขอให้ประชาชนมั่นใจ เชื่อใจ และเราขอสัญญาว่า ภูมิใจไทย พูดแล้วทำ 

เลือกพรรคภูมิใจไทย ❎7️⃣ กาเบอร์ 7 #พูดแล้วทำ พร้อมลงมือทำงานทันที

ทั้งนี้ยังได้แนบคลิปวิดีโอที่สะท้อนเสียงจากประชาชนถึงปัญหาที่สังคมไทยกำลังเผชิญและต้องรีบแก้ไข เช่น ปัญหาค้าขายที่ยากลำบาก เนื่องจากประชาชนไม่ควักเงินออกมาใช้จ่ายเนื่องจากต้องประหยัดเงิน ทำให้พ่อค้าแม่ขายมีรายได้น้อยลง ปัญหาเรื่องราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้น แม้จะปรับขึ้นเพียง 1-2 บาท แต่ราคาที่ปรับขึ้นนั้นเกิดขึ้นกับสินค้าทุกชนิดที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชน ปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 และควันจากจราจร ปัญหาเรื่องค่าตั๋วโดยสารรถสาธารณะที่พุ่งสูง ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายต่อวันเพิ่มขึ้น ปัญหาแก๊สขึ้นราคา เป็นต้น

นอกจากนี้ พรรคภูมิใจไทยได้ชูนโยบายสำคัญๆ ได้แก่ พักหนี้ 3 ปี หยุดต้นปลดดอก ซึ่งเป็นนโยบายที่ประชาชนให้การตอบรับดี โดยมองว่า เป็นผลดีต่อผู้หาเช้ากินค่ำ สามารถจัดสรรบริหารรายได้ที่มีอยู่ได้มากยิ่งขึ้น 

ฟรีกองทุนประกันชีวิต 60 ปีขึ้นไป เสียชีวิตรับ 100,000 กู้ได้ 20,000 ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน เป็นนโยบายที่ประชาชนมองว่าเป็นประโยชน์ น่าสนใจ

‘จุรินทร์’ เตรียมปราศรัยใหญ่ จ.สุราษฎร์ฯ-พังงา 29-30 เม.ย.นี้ มั่นใจ!! ‘ปชป.’ รักษาแชมป์เก่าได้ ครองเก้าอี้ ส.ส.ยกจังหวัด

(28 เม.ย. 66) นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย ทีมโฆษกประจำศูนย์เลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ในวันที่ 29 เม.ย.- 30 เม.ย. 66 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมแกนนำพรรคฯ เตรียมล่องใต้ ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดพังงา เพื่อพบปะกับพี่น้องประชาชนพร้อมเปิดเวทีปราศรัย 3 เวที โดยจะเริ่มต้นกิจกรรมตั้งแต่ในช่วงเย็นที่ 29 เม.ย.เปิดเวทีปราศรัยบริเวณข้างโรงแรมวังใต้ ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และในวันที่ 30 เม.ย.ช่วงเย็ นจะมีปราศรัยที่ อำเภอเมือง จังหวัดพังงา และช่วงค่ำไปปราศรัยที่อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา บริเวณศาลเจ้าเล่งสั้นเก้ง (ศาลเจ้าท้ายเหมือง)

‘ชาติพัฒนากล้า’ ร่วมหารือนักธุรกิจรุ่นใหม่ ชู ‘โคราชโนมิกส์’ หวังยกระดับโคราชและภาคอีสานสู่ระเบียงเศรษฐกิจ

(28 เม.ย. 66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) พร้อมด้วย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 5 พรรคชาติพัฒนากล้า ได้พบปะกับกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ของโคราช เพื่อนำเสนอนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า ‘งานดี มีเงิน ของไม่แพง’ โดยเฉพาะของจังหวัดนครราชสีมา มีนโยบาย ‘โคราชโนมิกส์’ ซึ่งเป็นนโยบายเฉพาะในการพัฒนาโคราชและภาคอีสาน เอาเศรษฐกิจยุคทองกลับมา ประกอบด้วยนโยบาย 5 ด้าน คือ

1.) นโยบายการสร้างภาคอีสานให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ของโคราช
2.) นโยบายการสร้างระบบคมนาคมที่เข้มแข็งและทันสมัย
3.) นโยบายการสร้างให้โคราชอีสานเป็นดินแดนแห่งเมืองท่องเที่ยวที่เป็นอินเตอร์
4.) นโยบายโคราชอีสานเป็นเมืองผลิตอาหารให้กับโลก
5.) นโยบายการแก้ไขปัญหาที่พี่น้องประชาชนประสบมาก ๆ คือ น้ำท่วม น้ำแล้ง และน้ำประปาไม่เพียงพอ หรือนโยบายโคราชเมืองน้ำไม่ท่วม น้ำไม่แล้ง ประปาเพียงพอ

‘เพื่อไทย’ เตรียมเดินสายปราศรัยภาคอีสาน 2 วัน 4 จังหวัด มุ่งทำคะแนนโค้งสุดท้าย แม้โพลสำรวจจะการันตีความนิยม

(28 เม.ย. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย แถลงถึงการลงพื้นที่ภาคอีสานของพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 29-30 เม.ย.นี้ ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย รวมทั้งแกนนำพรรคเพื่อไทย จะลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ, สุรินทร์, มหาสารคาม และบุรีรัมย์

โดยจะเริ่มเวทีปราศรัยที่ อ.กันทรลักษ์ และ อ.เมือง จากนั้นไปที่ อ.อุทุมพรพิสัย เสร็จจาก จ.ศรีสะเกษ 3 เวทีในช่วงบ่าย ในช่วงเย็นจะไปเปิดเวทีปราศรัยที่ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ จากนั้นวันที่ 30 เม.ย.จะเริ่มเปิดเวทีปราศรัยที่ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม จากนั้นไปต่อที่ อ.ละหานทราย และ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์

หลายพรรคมีหวั่น!! เหตุ ‘ลุงตู่’ เริ่มดึงกระแส แม้นายหัวผู้ไม่เคยแพ้ ก็ยังแอบปาดเหงื่อ

หาเสียงกันมาแล้ว 20 กว่าวัน และก็เหลือเวลาอีกเพียง 20 กว่าวัน จะถึงวันพิพากษาของประชาชนในการลงคะแนนเลือกตั้งว่าจะกาให้ใครเป็นผู้แทนของเขาไปทำหน้าที่ในสภา

กล่าวถึง 4 เขตเลือกตั้งของจังหวัดตรัง ที่อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นเมืองหลวงของประชาธิปัตย์ ซึ่งมี ‘นายหัวชวน’ ชวน หลีกภัย เป็นเสาหลักอยู่ และไม่เคยแพ้การเลือกตั้งมาก่อนนับตั้งแต่ปี 2512 เป็นต้นมานั้น ก็น่าติดตาม เพราะเมื่อช่วงการเลือกตั้งปี 2562 ประชาธิปัตย์ ก็เคยได้เพลี่ยงพล้ำให้กับพรรคพลังประชารัฐไป 1 ที่นั่งกับ ‘นิพันธ์ ศิริธร’ ซึ่งได้รับเลือกตั้งในเขต 1 ตรัง อย่างพลิกสายตาคอการเมือง

ยิ่งในสถานการณ์ความไม่ลงตัวของประชาธิปัตย์หนนี้ ตรังก็อาจจะถูกท้าทายยิ่งจากคู่แข่ง ภายหลังประชาธิปัตย์แยกเป็น 3 ก๊วน ได้แก่ ‘ชวน- สาทิตย์-สมชาย’ ขณะที่ฟาก ‘รทสช.’ ของลุงตู่ ก็น่าดูชม เพราะเดินไปทิศทางใดก็มีกระแส ส่วนภูมิใจไทยก็จ้องจะปักธงอยู่เหมือนกัน

ว่าแล้วมาทวนในส่วนของ ‘ชวน’ กันหน่อย โดยความหมายก็ไม่พ้น นายหัวชวน หลีกภัย อดีต ส.ส.12 สมัย ซึ่งไม่เคยสอบตก เป็นทั้งอดีตนายกรัฐมนตรี อดีตประธานรัฐสภา อดีตรัฐมนตรีอีกหลายกระทรวง แต่คราวนี้เชื่อว่านายหัวชวนคงกระอักกระอ่วนใจกับคนใกล้ชิดที่ต้องพลัดพรากจากกันไปอยู่ พรรครวมไทยสร้างชาติอย่าง ‘สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล’ เขต 4 ตรัง จนถึงขั้นชวนประกาศว่าเขตนี้ ไม่ช่วยคนแต่ช่วยพรรคกันเลยทีเดียว

ด้าน ‘สาทิตย์’ หรือ สาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต ส.ส.หลายสมัย อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ถือเป็นศิษย์รักของนายหัวชวน อีกทั้งยังเป็นคนตัวเล็กใจกล้า ที่เป็นมือขวาเคียงข้าง ‘ลุงกำนัน’ ในยุค กปปส.ด้วย ลำบากใจแท้!!

ปิดท้ายกับ ‘สมชาย’ หมายถึง สมชาย โล่สถาพรพิพิธ อดีต ส.ส.หลายสมัย ที่จำต้องผลัดบ่าให้ ‘สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ’ ลูกสาวลงสมัครแทน ด้วยเหตุผลทางการเมืองที่ว่า ‘สมชาย’ กับ ‘สาทิตย์’ อยู่พรรคเดียวกัน ร้องเพลงเดียวกัน แค่ร้องคนละคีย์กันอยู่ นั่นก็เพราะสมชายกับวงศ์หนองเตย ระหองระแหงกันมาตั้งแต่ศึกเลือกตั้งนายกฯ อบจ.แล้ว แถมคราวนี้ สมชาย หันไปสนับสนุน ‘ทวี สุระบาล’ จากพรรคพลังประชารัฐแทน 

ฉะนั้นในการเลือกตั้งทั่วไป ปี 2566 ที่จะถึงนี้ จังหวัดตรัง ซึ่งมี 4 เขต เหมือนเขตเลือกตั้งในปี 2550 จะมีพรรคใหญ่ที่น่าจับตามองในสายตาประชาชนชาวภาคใต้ 4 พรรคใหญ่เท่านั้น ได้แก่...

พรรคภูมิใจไทย โดยนายพิพัฒน์ และ ดร.นาที รัชกิจประการ ซึ่งคาดหวังชนะ 19 เขตเลือกตั้งทั่วภาคใต้ โดยมี จ.ตรัง เป็นอีกหนึ่งหมุดที่พรรคภูมิใจไทย หมายมั่นปั้นมือปักธง และได้ส่งผู้สมัครครบ 4 เขต ได้แก่ เขต 1 นพ.รักษ์  บุญเจริญ / เขต 2 นางโชติกา รักเมือง / เขต 3 เรือเอกพัฒน์พงษ์ คงผลาญ และเขต 4 นายดิษฐ์ธนิน ภาคย์อิชณน์  

พรรคพลังประชารัฐ โดยนายทวี สุระบาล เป็นพี่ใหญ่ ได้ส่ง เขต 1 นายกิตติพงษ์ ผลประยูร / เขต 2 นายทวี สุระบาล / เขต 3 พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ ใจสมุทร / เขต 4.พล.ต.ต.บรรลือ ชูเวทย์ ซึ่งปัจจุบัน จ.ตรัง เขต 1 มีนายนิพันธ์ ศิริธร เป็น ส.ส.พลังประชารัฐ อยู่แล้ว จึงต้องการรักษาเก้าอี้ ส.ส.เขต 1นี้ไว้ให้ได้ แม้นิพันธ์จะไม่ได้ลง ส.ส.เขตแล้วก็ตาม

พรรคประชาธิปัตย์ ส่งครบ 4เขต ได้แก่เขต 1 นพ.ตุลกานต์ มักคุ้น / เขต 2 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย / เขต 3 น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ และเขต 4 นายกาญจน์ ตั้งปอง  

พรรครวมไทยสร้างชาติ มีตัวเด่นอยู่ที่เขต 3 ‘อำนวย นวลทอง’ อดีตนักศึกษากิจกรรมตัวยง ที่สนใจการเมืองมาตั้งแต่สมัยเรียน และมุ่งมั่นเข้าสู่วิถีการเมือง อดีตสมาชิกสภาเขตพญาไท อดีตประธานสภาเขตพญาไท 2 สมัย คนใกล้ชิด ดร.พิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม. และ เขต 4 สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ที่ถูกคัดออก เพราะถูกคนในพรรคประชาธิปัตย์มองข้าม แต่นายชวนยังเห็นคุณค่า โดยพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้น ก็เตรียมลงพื้นที่ตรังเรียกแขกในวันเสาร์ที่ 29 เมษายนนี้ด้วย 

กล่าวโดยสรุปสำหรับสนามเมืองตรัง เขต 1 จะเป็นการแข่งกันมันส์หยด เมื่อ พลังประชารัฐ ส่ง กิตติพงษ์ ผลประยูร ลงพื้นที่ก่อนผู้สมัครคนอื่นมีความได้เปรียบในการจัดตั้งคะแนนเสียง ส่วนเจ้าถิ่นประชาธิปัตย์ ส่ง นพ.ตุลกานต์ มักคุ้น ลูกรักประชาธิปัตย์สาย ‘ชวน หลีกภัย’ ลงสมัครใช้ฐานคะแนนเสียงเดิมเพื่อหวังชัยชนะกลับคืนมา
พรรคภูมิใจไทย นพ.รักษ์ บุญเจริญ เปิดตัวหลังคนอื่น แต่กระแสตอบรับดีมาก มีกระแสพรรคฯ ‘พูดแล้วทำ’ มาหนุน ทั้งประวัติส่วนตัวขาวสะอาด เป็นหมอชาวบ้านติดดิน จึงได้คนวงการสาธารณสุขหนุนนำ  

ยิ่งไปกว่านั้นเขต 1 จะเป็นสนามเลือกตั้งที่มีการแข่งขันดุเด็ดเผ็ดมันส์แน่ เพราะผู้สมัครทั้ง 3 คนไม่เคยเป็น ส.ส.มาก่อน มี นพ.รักษ์ คนเดียวที่เล่นการเมืองท้องถิ่น อดีตรองนายกเทศบาลนครตรัง ส่วนนายกิตติพงษ์ อดีตข้าราชการกรมที่ดิน ส่วนหมอตุลกานต์ มักคุ้น หมอโรงพยาบาลตรัง เขตนี่อย่ากระพริบเชียว

เขต 2 คู่นี้คือมวยคู่เอกของรายการในนัดนี้ เมื่อนายทวี สุระบาล ผู้ช่วยรัฐมนตรีและอดีต ส.ส.หลายสมัยหวนคืนสังเวียนขอทวงแชมป์จาก ส.ส.สาทิตย์ วงศ์หนองเตย พรรคประชาธิปัตย์ ทวี ทำการบ้านลงพื้นที่มาหลายปี ไปทุกงาน เสียงตอบรับกระแสนิยม มาฝั่งทวีได้ยินทุกหมู่บ้านคราวนี้ อีกทั้งนักการเมืองท้องถิ่นก็หนุนช่วยทวี ที่สำคัญสมชายก็เป็นอีกหัวเรี่ยวหัวแรงช่วยทวีออกหน้าออกตาตั้งแต่ก่อนสมัครแล้ว

ส่วนดาวสภา คนตัวเล็กฝีปากกล้า ‘สาทิตย์ วงศ์หนองเตย’ กลับมาลงพื้นที่เดินพบปะชาวบ้าน ‘เคาะประตู’ สไตล์ประชาธิปัตย์ เขตนี้เริ่มต้นทวี เป็นรองสาทิตย์ แต่ไม่มากนัก เวลาผ่านไปหายใจรดต้นคอสาทิตย์แล้ว

‘พท.’ ชูนโยบายเชิงรุก เร่งเจรจาการค้า ตอบโจทย์เศรษฐกิจ หวังขยายฐานตลาดสินค้าไทยสู่เวทีโลก สร้างเม็ดเงินให้ชาติ

(28 เม.ย. 66) พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญด้านต่างประเทศที่จะเชื่อมไทยเชื่อมโลก เปิดตลาดสินค้าเกษตรใหม่ ๆ เร่งเจรจาการค้า กอบกู้เกียรติภูมิประเทศในเวทีโลก เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์อย่างแท้จริง

นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนโยบายต่างประเทศของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า จะเป็นนโยบายเชิงรุกที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจ ให้เป็นการต่างประเทศที่กินได้ เกิดประโยชน์ตกถึงมือประชาชน

ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะมีแนวนโยบายดังนี้
1.) ฟื้นฟูบทบาทของไทยในเวทีโลก บนพื้นฐานของกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศและปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

2.) กำหนดท่าทีของประเทศอย่างสมดุลในพลวัติภูมิรัฐศาสตร์โลก โดยไทยจะเป็นผู้ส่งเสริมสันติภาพ และความรุ่งเรืองอย่างแข็งขันในประชาคมโลก เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย

3.) ปกป้องผลประโยชน์ของคนไทย และธุรกิจไทยในต่างประเทศอย่างเข้มแข็ง

4.) หนังสือเดินทางไทยแข็งแรง เดินทางง่ายได้ทั่วโลก เร่งเจรจายกเว้นวีซ่าให้พาสปอร์ตไทย

5.) นโยบายต่างประเทศที่กินได้ เชื่อมโลกเชื่อมไทย เปิดตลาด เพิ่มรายได้จากการค้าชายแดน เร่งเจรจาข้อตกลงทางการค้า FTA กับอียูและอังกฤษ ผลักดัน soft power ทางการทูตไทย และพลัง soft power ด้านอื่น ๆ ของไทย

‘เพื่อไทย’ ชูนโยบาย ‘คมนาคมไทย’

‘เพื่อไทย’ ชูนโยบาย ‘คมนาคมไทย’ ปรับราคาค่าโดยสารให้ถูกลง ยกระดับการเดินทางให้รวดเร็ว และเข้าถึงง่าย เพื่ออำนวยสะดวกสบายแก่ประชาชนทุกคน พร้อมผลักดันทันที หากได้เป็นรัฐบาล โดยมีนโยบาย ดังนี้

รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
ยกระดับคมนาคมในต่างจังหวัด
ยกระดับรถไฟโดยสารทั่วประเทศ
ยกระดับการขนส่งโลจิสติกส์สินค้า
ยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิให้ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก

เปิด 5 นโยบายพลิกอีสาน จาก ‘พรรคพลังประชารัฐ’

เปิด 5 นโยบายพลิกอีสาน จาก ‘พรรคพลังประชารัฐ’ เป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต 25 ล้านประชากรถิ่น
ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนานใหญ่ ตั้งแต่ ‘รถไฟ-ถนน-นิคม-อาชีวะ-ท่าเรือบก’

1. สร้างรถไฟทางคู่ ‘บึงกาฬ-อู่ตะเภา’ ระยะทาง 480 กิโลเมตร : เป็นโครงการทางรถไฟคู่ที่เริ่มต้นโดยผ่าน ‘บึงกาฬ-อุดรธานี-สกลนคร-กาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด-บุรีรัมย์-สุรินทร์-นครราชสีมา-สระแก้ว-ปราจีนบุรี-ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ระยอง และระหว่างทางยังเชื่อมต่อกับจังหวัดคู่สัมพันธ์อย่าง หนองคาย, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครพนม, มุกดาหาร, อำนาจเจริญ และ อุบลราชธานี อีกด้วย

2. พัฒนาทางหลวงพิเศษ 8 ช่องจราจร ขนานตลอดแนวทางรถไฟ : โดยเปลี่ยนแผ่นดินที่แห้งแล้งเป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งทางรางทันสมัย

3. เนรมิตนิคมอุตสาหกรรม ขนาด 2 หมื่นไร่ กระจายทั่วอีสาน อย่างน้อย 6 แห่ง : เพื่อสอดรับกับอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคต อาทิ…

- อุตสาหกรรมอาหาร / แปรรูปสินค้าเกษตรพร้อมรับประทาน / Lab ฆ่าเชื้อสินค้าเกษตร
- อุตสาหกรรมเทคโนโลยี
- อุตสาหกรรมนวัตกรรม
- อุตสาหกรรมพลังงาน
- อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า
- อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
- อุตสาหกรรมปิโตรเคมี
- อุตสาหกรรมแขนพลหุ่นยนต์ AI

หากเสร็จสมบูรณ์ จะช่วยดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติได้ราว 4.5 ล้านล้านบาท พร้อมช่วยสร้างการจ้างงานได้กว่า 3 ล้านตำแหน่ง

4. ก่อสร้างวิทยาลัยอาชีวะ 12 แห่ง : เป้าหมายเพื่อป้อนให้นิคมอุตสาหกรรมใกล้บ้านตามแผนนิคมฯ 2 หมื่นไร่ (ตามข้อ 3) โดยในวิทยาลัยแห่งนี้จะทำการจัดสรรหลักสูตรการศึกษาพัฒนาทักษะแรงงานให้ตรงกับความต้องการต่อสังคมนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็น สาขาคอมพิวเตอร์ / สาขาโปรแกรมเมอร์ AI / สาขาวิศวกรรมหุนยนต์ และสาขาเทคโนโลยี รถยนต์ไฟฟ้า


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top