Saturday, 20 April 2024
EducationNewsAgencyforAll

การตั้งเป้าหมายสำหรับวัยรุ่นแตกต่างจากการตั้งเป้าหมายในวัยเด็ก ดันลูกวัยรุ่นยังไงให้ไปถึงเป้าหมาย ชวนพ่อแม่ที่มีลูกวัยรุ่น ตั้งเป้าหมายร่วมกับลูก เพื่อเดินบนเส้นทางสู่เป้าหมายไปพร้อมกัน

เป้าหมายมีไว้เพื่ออะไร ถ้าหากคำตอบในใจของคุณผู้อ่านคือ เป้าหมายมีไว้พุ่งชน เป็นคำตอบที่ถูกต้องเลยค่ะ เป้าหมายนั้นมีไว้ให้เราพุ่งชน แต่ถ้าเราตั้งเป้าหมายโดยไม่ได้วางแผน เราก็เอาตัวพุ่งชนกับสิ่งอื่นแทนเป้าหมายของเราได้เหมือนกัน วันนี้เราจะมาชวนคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกกำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นหรือเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นมาตั้งเป้าหมายร่วมกับลูกกันค่ะ

ประโยชน์ของการตั้งเป้าหมาย

การตั้งเป้าหมาย นอกจากจะทำให้เราวางแผนเพื่อไปสู่ปลายทาง ไม่หลงทิศทาง ติดตามความคืบหน้าได้แล้ว ยังช่วยปลูกฝังวินัยและฝึกความมั่นใจให้แก่ลูก เพื่อเตรียมพร้อมส่งลูกไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่าในอนาคตได้อีกด้วย และการตั้งเป้าหมายสำหรับเด็กวัยรุ่นนั้น ไม่ได้ทำได้เพียงแค่กับการเรียนเท่านั้น พ่อแม่สามารถช่วยลูกตั้งเป้าหมายเกี่ยวกับกิจกรรมอื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การเก็บออมเงิน หรือการตั้งเป้ากับอะไรก็ได้รอบตัวเพื่อให้ลูกได้ลงมือทำจนเกิดการสั่งสมประสบการณ์ ทั้งด้านเรียนรู้จากความล้มเหลวและรู้เรียนจากความสำเร็จ

การตั้งเป้าหมายสำหรับวัยรุ่น

หากคุณพ่อคุณแม่มีลูกกำลังเข้าสู่วัยรุ่น การตั้งเป้าหมายสำหรับวัยรุ่นนั้นจะแตกต่างจากการตั้งเป้าหมายในวัยเด็ก เพราะในวัยนี้เค้าเริ่มโตแล้ว มีความสนใจเป็นของตนเอง เริ่มมีความคิดความชอบ มีโลกและสังคมของตัวเอง เริ่มอยากจะเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองสนใจ พ่อแม่ของลูกเข้าสู่วัยรุ่นอาจจะไม่สามารถกำหนดเป้าหมายให้ลูกได้เหมือนตอนที่ลูกยังเล็กอีกแล้ว ฉะนั้น หนทางที่พ่อแม่จะสามารถเดินบนเส้นทางสู่เป้าหมายไปพร้อมกับลูกได้ คือสร้างเป้าหมายร่วมกันระหว่างเราและลูกของเรา พ่อแม่ลองนั่งคุยกับลูกเปิดใจพูดคุยกัน สร้างบทสนธนาปลายเปิดกับลูก ถามตอบกันแล้วหาจุดลงตัว แล้วให้ลูกได้ทดลองความสนใจด้วยตนเองบ้าง เพื่อที่ลูกวัยรุ่นของเราจะได้ไม่ต้องก้าวข้ามวัยหัวเลี้ยวหัวต่อไปโดยลำพัง

วางแผนด้วยการคำนวณเวลาที่เหลือ

หากพ่อแม่และลูกตกลงเป้าหมายกันได้แล้ว ลองวางแผนโดยกำหนดจากเวลาที่มีเหลือเพื่อบรรลุเป้าหมายว่าเหลืออีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปี และซอยเป้าหมายใหญ่ที่ตั้งร่วมกันไว้เป็นเป้าหมายย่อยหลายเป้าหมาย การซอยเป้าหมายออกเป็นเป้าเล็ก ๆ ช่วยให้ลูกสามารถทยอยเก็บเป้าหมายเล็ก ๆ นั้นได้โดยไม่รู้สึกท้อก่อนถึงเป้าหมายใหญ่ การวางแผนด้วยการกำหนดเวลา นอกจากจะทำให้วางแผนได้ดีขึ้นแล้วยังช่วยให้ลูกรู้สึกฮึกเหิมทุกครั้งที่รู้ว่าเหลือเวลาอยู่ไม่มาก

การจัดการเมื่อลูกหลุดโฟกัส

เด็กทุกคนชอบเล่นสนุก บางทีลูกอาจเผลอติดเล่นเพลินจนลืมเป้าหมายแล้วผลัดวันประกันพรุ่งไปได้บ้าง วิธีแก้คือ ให้ลูกวัยรุ่นสร้างกฎของเค้าด้วยตนเอง ส่วนเราเป็นพยาน หากลูกทำผิดกฎที่ตนเองกำหนดขึ้น ลูกมีวิธีรับผิดชอบหรือมีบทลงโทษกับตนเองอย่างไร การให้ลูกสร้างกฎให้ตนเองนั้นทำให้ลูกไม่อยากแหกกฎที่ตนเป็นคนสร้างไว้

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ลูกหลุดโฟกัสจากเป้าหมายของตัวเองคือความกังวลของพ่อแม่ ความกังวลของพ่อแม่ทำให้ลูกหลุดโฟกัสได้ เพราะเด็กสามารถสัมผัสความเครียดจากพ่อแม่ได้ และเด็กจะรู้สึกกดดัน เมื่อเค้ารู้สึกกดดัน เด็กจะหันไปโฟกัสที่ทำอย่างไรไม่ให้พ่อแม่เครียดหรือเป็นทุกข์แทน ส่งผลให้ลูกเห็นเป้าหมายไม่ชัด หรือไม่รู้ว่าเป้าหมายนั้นทำเพื่อตัวเค้าเองหรือเพื่อพ่อแม่ หรือเพื่อทั้งพ่อแม่และตัวเค้าด้วย

แก้นิสัยปรับวินัยโดยให้เจอกับผลลัพธ์บ้าง

หากลูกยังขาดวินัยบ้าง อย่างเช่นไม่ตรงต่อเวลา การให้ลูกได้เจอกับผลลัพธ์ที่เป็นผลเสียของการไม่ตรงต่อเวลาด้วยตัวของเค้าเองบ้าง ก็เป็นวิธีปรับวินัยที่ได้ผลอยู่ทีเดียว

รับมือกับความผิดหวังของลูกวัยรุ่น

เมื่อตั้งเป้าแล้วย่อมมีความคาดหวัง เมื่อคาดหวังย่อมมีสมหวังบ้างผิดหวังบ้าง ผิดหวังเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ดีมากสำหรับวัยรุ่น ยังมีสิ่งที่ทำให้ลูกต้องเผชิญกับความผิดหวังอีกมากรออยู่ในโลกของผู้ใหญ่ คุณพ่อคุณแม่ควรอยู่เคียงข้างเค้าในวันที่เค้าอ่อนแอและต้องการพื้นที่ปลอดภัย ฟังเค้าเยอะ ๆ ให้เค้าพูดระบายออกมา ถามไถ่เค้าด้วยความเข้าใจว่ารู้สึกยังไง ได้เรียนรู้อะไร และจะทำอย่างไรต่อไป

ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง คือการสอนเด็กโดยอัตโนมัติ

ความลับที่เหล่านักจิตวิทยาเด็กและวัยรุ่นทราบดีคือ เด็กไม่ได้เก่งเชื่อฟัง เด็กเก่งเลียนแบบ ถึงเราจะสอนเด็กแค่ไหน หากไม่มีตัวอย่างให้เลียนแบบหรือหนักไปกว่านั้นมีตัวอย่างในทางตรงกันข้าม การสอนนั้นจะไม่เกิดผลเลย การเป็นแบบอย่าง คือการสอนที่ดีที่สุด เด็กจะเลียนแบบโดยอัตโนมัติ

ความสำเร็จในการเรียนกับความสำเร็จในชีวิต

หากได้ลองค้นคว้าประวัติคนที่ประสบสำเร็จที่คุณผู้อ่านรู้จักกันดีหลาย ๆ คน จะพบว่า คนประสบความสำเร็จไม่ได้เรียนหนังสือเก่งทุกคน ในระบบโรงเรียนมัธยมมีความถนัดให้เด็กเลือกน้อยเกินไป เพียงสองด้านคือ คณิตศาสตร์ - วิทยาศาสตร์ และศิลป์ - ภาษา เท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เด็กมีความถนัดที่หลากหลาย และมีทักษะหลายด้านที่สำคัญต่ออนาคตที่เด็กควรได้ฝึกฝน ผลการเรียนในโรงเรียนอาจยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะบ่งชี้ความถนัดของเด็กทุกคนได้ และตัวชี้วัดนั้นอาจซ่อนอยู่ในการทำกิจกรรมนอกห้องเรียน หากเด็กได้ทดลองทำสิ่งใหม่จะช่วยให้เด็กค้นพบความถนัดของตนเอง และเห็นเป้าหมายได้ชัดเจนขึ้นว่า เมื่อเค้าโตขึ้น เค้าอยากเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จด้วยตนเองในสิ่งใด


สามารถย้อนไปฟังการ LIVE หัวข้อที่น่าสนใจเหล่านี้เพิ่มเติมได้ที่ เพจดีต่อลูก

หัวข้อ ลูกวัยรุ่นดันยังไงให้ไปถึงเป้าหมาย

Link https://www.facebook.com/watch/live/?v=338421374073318&ref=search

เขียนและเรียบเรียงเรื่องโดย: พิมพ์นารา สุวรรณไตรย์

สาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอเชิญผู้สนใจเข้าฟังการบรรยายเรื่อง "ของมันต้องรู้! : เส้นทางสู่อาชีพนักแปล และการใช้เทคโนโลยีในการแปล"

สาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอเชิญผู้สนใจเข้าฟังการบรรยายเรื่อง "ของมันต้องรู้! : เส้นทางสู่อาชีพนักแปล และการใช้เทคโนโลยีในการแปล"

วิทยากร: คุณกิตติพล อัจฉริยากรชัย

-แอดมินเพจนี้เพื่อนักแปล

-ประสบการณ์แปล 20 ปี

-ที่ปรึกษาธุรกิจด้านอีคอมเมิร์ซและการตลาดออนไลน์

-ประสบการด้านการสอน คอลัมน์นิสต์และสคริปต์ไรเตอร์รายการโทรทัศน์

ในวันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564

เวลา 9.30 น. -12.30 น.

ทาง Zoom

Meeting ID: 946 0176 8847

Passcode: 177963


ที่มา: https://www.facebook.com/154319364767701/posts/1560153224184301/

พลาดไม่ได้! เจาะลึกทุนการศึกษาจีน จากสัมมนาออนไลน์ Way Forward 2021 ครั้งที่ 1 เผยรายละเอียดทุนการศึกษาในจีน เอกสารสำคัญสมัครทุน รายชื่อมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน

ทุนการศึกษาในจีน️

• ทุนรัฐบาลจีน (CSC)

• ทุนรัฐบาลท้องถิ่น (CPGS)

• ทุนขงจื่อ (CIS)

• ทุนด้านวิทยาศาสตร์ ANSO

• ทุนหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRS)

• ทุนเส้นทางสายไหม (CGS-SRSP)

• ทุนรัฐบาลฯ สำนักงานก.พ.

• ทุนองค์กรภาครัฐและเอกชนไทย

เอกสารสำคัญสมัครทุน

• ใบสมัครทุน

• ผลสอบวัดระดับภาษา (HSK, HSKK, TOELF อื่น ๆ)

• สำเนาปริญญาบัตร (Degree Certificate)

• สำเนาใบรายงานผลการศึกษา (Transcript)

• สำเนาพลาสปอร์ต

• Study Plan / Research Plan

• Recommendation Letter 3 ฉบับ

• ใบรับรองสุขภาพ

• Resume / CV

• Cover Letter (แจ้งความประสงค์พร้อม Contact ของเรา)

มหาวิทยาลัยชั้นนำในจีน

C9 LEAGUE กลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำ 9 แห่งของจีน ที่รัฐบาลอัดฉีดงบประมาณเป็นพิเศษ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาด้านการศึกษาและวิจัยสู่ระดับนานาชาติ

1.) Tsinghua University

2.) Peking University

3.) Shanghai Jiao Tong University

4.) Fudan University

5.) Zhejiang University

6.) University of Science and Technology of China

7.) Harbin Institute of Technology

8.) Nanjing University

9.) Xi'an Jiaotong University

โครงการซวงอีหลิว (双一流) นโยบายขับเคลื่อนการศึกษาของจีน ต่อยอดมาจาก โครงการ 211 / โครงการ 985

• มหาวิทยาลัยชั้นนำ 42 แห่ง

• หลักสูตรชั้นนำ 98 แห่ง

ค้นหา ’รายชื่อมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน’ และ ’รายชื่อหลักสูตรชั้นนำของจีน’ ได้ที่ วารสารวิทย์ไมตรีไทย-จีน ฉบับเดือนต.ค. 2563 “เส้นทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของจีน” www.stsbeijing.org/contents/2169

ช่องทางติดตามข่าวทุน

กลุ่ม FB : Thai CSC, CIS Scholarship, แนะแนวเข้าชิงหวา และอื่น ๆ

เพจ FB : วิทย์ไมตรีไทยจีน ฝ่ายวิทยาศาสตร์ฯ สอท.ปักกิ่ง, Thai Ph.D. in China, ที่ทำการมหาวิทยาลัยจีนประจำประเทศไทย และอื่น ๆ

การสัมมนาออนไลน์ Way Forward 2021 ครั้งที่ 1

วิทยากร อ.ดร.ธีรติร์ บรรเทิง (ต้น)

รับชมย้อนหลัง : https://youtu.be/3fBHtz6HpoE

—————————————————

ฝ่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง (กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม)

www.stsbeijing.org


ที่มา: https://www.facebook.com/107367570908663/posts/266921991619886/?sfnsn=mo

สพฐ.ประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เป็นระยะ เบื้องต้น ยังคงยืนยันการสอบรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และมัธยมศึกษาปีที่ 4 ตามปฏิทินเดิม รับสมัคร 24 - 28 เม.ย. สอบ 1 - 2 พ.ค.

นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า การสอบรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และมัธยมศึกษาปีที่ 4 ของโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปีการศึกษา 2564 นั้น สพฐ.ประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นระยะ เบื้องต้น ยังคงยืนยันตามปฏิทินเดิม

คือ มัธยมศึกษาปีที่ 1 รับสมัครระหว่างวันที่ 24 - 28 เมษายน สอบคัดเลือกวันที่ 1 พฤษภาคม ประกาศผลวันที่ 5 พฤษภาคม มอบตัววันที่ 8 พฤษภาคม มัธยมศึกษาปีที่ 4 รับสมัครระหว่างวันที่ 24 - 28 เมษายน สอบคัดเลือกวันที่ 2 พฤษภาคม ประกาศผลวันที่ 6 พฤษภาคม มอบตัววันที่ 9 พฤษภาคม โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กทม. โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภูมิภาค ม.4 รับสมัครวันที่ 20 - 24 กุมภาพันธ์ สอบคัดเลือก 6 มีนาคม ประกาศผล 15 มีนาคม มอบตัววันที่ 18 มีนาคม ยกเว้นว่า จะมีเหตุการณ์ฉุกเฉินค่อยมาพิจารณาแก้ปัญหา

“ขณะนี้กำหนดการจัดสอบรับเด็กเพื่อเข้าเรียนม.1 และม.4 ยังเป็นไปตามปฏิทินเดิม แต่หากมีสถานการณ์ฉุกเฉินจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหาต่อไป แต่เท่าที่ดูขณะนี้คิดว่า ไม่น่าจะมีปัญหา โดยผมได้ย้ำให้เตรียมการจัดสอบ ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อาทิ มีการเว้นระยะห่าง ตรวจวัดอุณหภูมิ เตรียมเจลล้างมือแอลกอฮอล์ไว้ในห้องสอบ และสถานที่โดยรอบ เพื่อให้เด็กที่เข้าสอบได้ใช้ในการทำความสะอาดอย่างถูกต้อง ” นายอัมพร กล่าว

นายอัมพร กล่าวต่อว่า "ส่วนโรงเรียนที่ใช้คะแนนการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติหรือโอเน็ต เป็นองค์ประกอบในการเข้าเรียนต่อชั้น ม.1 และ ม.4 นั้น ก็ยกเลิกเช่นกัน โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ออกประกาศเรื่อง นโยบายการใช้ผลสอบโอเน็ต เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการตัดสินผลการเรียน ของผู้ที่จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ตามนโยบายของนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการศธ. ที่ให้ยกเลิกการทดสอบโอเน็ตชั้น ป.6 และม.3 แต่ให้ถือเป็นสิทธิโดยส่วนตัวที่จะเข้าสอบโดยความสมัครใจ"

"อย่างไรก็ตาม อนาคตจำนวนนักเรียนต่อห้องต้องลดลง เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด-19 อย่างต่อเนื่องหรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่า จำนวนต่อห้องซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ไม่เกิน 40 คน ต่อห้องนั้น เป็นไปตามหลักวิชาการ ดังนั้นจึงอาจยังไม่จำเป็นต้องมีการปรับ แต่หากเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทางโรงเรียนก็ต้องปรับตัว จัดการเรียนการสอน ตามมาตรการป้องกันของสธ. อย่างเคร่งครัด"


ที่มา: https://www.matichon.co.th/education/news_2584606

‘วอนเดอร์’ สตาร์ทอัพสายการการศึกษาของไทย นำบทเรียนที่ยากและน่าเบื่อ มาพัฒนาเป็นเกมตอบคำถาม นักเรียนสวมบทบาทเป็นตัวละคร ตอบคำถามโจมตีคู่ต่อสู้ เสียงตอบรับดีเยี่ยม เผยมีครู-นักเรียนเข้ามาใช้บริการเพียบ!

ที่บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (สำนักงานใหญ่) อาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ นายชิน วังแก้วหิรัญ กรรมการผู้บริหาร บริษัทวอนเดอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ให้สัมภาษณ์ในหัวข้อ "Edtech Ecosystem and Development in Thailand" แนวคิดและมุมมองในการพัฒนาแพลตฟอร์ม ความสำคัญในการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมของ "เอ็ดเทคสตาร์ทอัพ" ในประเทศไทย ว่า

วอนเดอร์ (Vonder) คือ สตาร์ทอัพสายการศึกษาในประเทศไทยและเป็นสมาชิกของ AWS EdStart โดยทางวอนเดอร์ได้พัฒนาเนื้อหาที่ยาก และน่าเบื่อของบทเรียนในระบบการศึกษาของไทยให้เป็นบทเรียนสั้นๆ ในรูปแบบของการเล่นเกม โดยจะเป็นเกมตอบคำถามแบบโต้ตอบ ซึ่งจะใช้เวลาไม่กี่นาทีในการตอบคำถาม และทดสอบความสามารถในการตอบสนองของผู้เรียน โดยครูสามารถเป็นผู้สร้างเกม ใส่คำถาม จากนั้นให้นักเรียนมาร่วมตอบคำถามผ่านเกมที่สร้างขึ้น

ซึ่งนักเรียนเมื่อลงทะเบียนเข้ามาแล้วจะได้สวมบทบาทเป็นตัวละครในเกม หากตอบคำถามถูกก็จะสามารถโจมตีศัตรูในเกมได้ แต่เมื่อตอบคำถามผิดก็จะโดนศัตรูโจมตี ทั้งนี้ ในแต่ละด่านจะมีหัวหน้า ซึ่งจะใช้สำหรับคำถามที่ยากที่สุดด้วย และเมื่อเล่นจบเกมจะมีการสรุปสถิติคะแนนของแต่ละคนให้ด้วย

โดยหลังจากที่เปิดให้ทดลองใช้พบว่ามีผู้สนใจเข้ามาใช้เป็นจำนวนมาก จากสถิติที่ทาง วอนเดอร์ตรวจสอบมาล่าสุดพบว่า มีนักเรียนเข้ามาตอบคำถามผ่านเกมที่มีครูเข้ามาสร้างขึ้นแล้วกว่า 150,000 คน โดยต่อไปทางวอนเดอร์กำลังพัฒนาการให้การบ้านเป็นเกมด้วย คาดว่าจะเสร็จประมาณเดือนเมษายนนี้ สำหรับครูหรือสถานศึกษาที่สนใจสามารถเข้าไปดูได้ที่ www.vonder.co.th หรือ เฟซบุ๊ก @vonderofficial

สำหรับ AWS EdStart เป็นโครงการส่งเสริมสตาร์ทอัพทางเทคโนโลยีการศึกษาของ Amazon Web Services (AWS) โดยออกแบบมาเพื่อให้ลูกค้าสตาร์ทอัพด้านการศึกษามีทรัพยากรที่จำเป็นในการเริ่มต้นการใช้งานบน AWS อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โปรแกรมนี้จะช่วยผู้ประกอบการสามารถสร้างการเรียนรู้ออนไลน์ การวิเคราะห์ และโซลูชั่นการจัดการสถานศึกษาในอนาคตบน AWS Cloud โดย AWS EdStart ม่งเน้นไปที่เทคโนโลยีการเรียนการสอนที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่สร้างผลลัพธ์ของผู้เรียนในเชิงบวก โปรแกรมนี้จะช่วยให้เทคโนโลยีการศึกษาในช่วงเริ่มต้น สามารถเข้าถึงทรัพยากรและความสัมพันธ์ที่ต้องการเพื่อให้ประสบความสำเร็จ แล้วยังเป็นชุมชนของผู้คนและบริษัทจากทั่วโลกที่มีจุดประสงค์เดียวกันในการแก้ปัญหาทางการศึกษาที่ซับซ้อน

ทั้งนี้สตาร์ทอัพด้านการศึกษาสามารถสมัครเข้าร่วม AWS EdStart ได้ หากองค์กรมีการก่อตั้งน้อยกว่า 5 ปี อยู่ในตลาดที่ AWS Region อนุมัติ และสร้างรายได้ต่อปีน้อยกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยใบสมัครจะต้องระบุแผนงานสำหรับโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมสำหรับผู้เรียน ผู้สอน หรือผู้ดูแลระบบ ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาด้านการศึกษาในปัจจุบัน โดย AWS EdStart มีให้บริการในสหรัฐอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชีย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ The AWS EdStart program page (https://aws.amazon.com/th/education/edstart/)


ที่มา: https://www.dailynews.co.th/education/826203

เราสามารถจิตนาการถึงรูปแบบความสัมพันธ์ที่มีความสุขได้ เพียงเลือกอยู่กับใครสักคนที่เป็นความสบายใจ รักที่สอนให้เราเห็นคุณค่าในตัวเอง แต่บางคนกลับเลือกที่จะทนกับรักที่ปวดร้าว ตกอยู่ใน ‘Toxic Relationship’ หรือความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ…

Toxic Relationship หรือแปลตรงตัวคือ ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ อาจจะคุ้นหูคุ้นตากันมาบ้าง มันคือนิยามของรูปแบบความสัมพันธ์ที่ทำให้เราเป็นทุกข์มากกว่าสุข ความสัมพันธ์เชิงลบที่บั่นทอนกันและกันไปเรื่อย ๆ ความสัมพันธ์ในที่นี้อาจไม่ได้เฉพาะเจาะจงแค่ในแบบคู่รัก แต่ยังรวมไปถึงความสัมพันธ์ของเพื่อน หรือแม้กระทั่งคนในครอบครัวเองก็ตาม

Dr. Lillian Glass ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารและจิตวิทยา จากแคลิฟอร์เนีย ผู้บัญญัติศัพท์ในหนังสือ Toxic People ในปี 1995 ให้คำจำกัดความของความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ หรือ Toxic Relationship ว่า “ความสัมพันธ์ใด ๆ [ระหว่างคนสองคน] ที่ไม่สนับสนุนซึ่งกันและกัน มีความขัดแย้ง คนหนึ่งพยายามบ่อนทำลายอีกฝ่าย มีการแข่งขัน ไม่ให้เกียรติ และไม่มีแรงยึดเหนี่ยวทางจิตใจ"

ครั้งนี้เราขอพูดในเชิงความสัมพันธ์ของคู่รักที่ต้องเผชิญกับ Toxic Relationship กันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการถูกทำร้ายทั้งทางร่างกาย จิตใจ การต้องแบกรับกับคำพูดแย่ ๆ การถูกควบคุม จนลดคุณค่าตัวเอง การพยายามอยู่ฝ่ายเดียว การแบกรับความรู้สึกเจ็บปวดและไม่ปลอดภัย รวม ๆ ก็คือไม่มีความสุขกับความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ ทั้งหมดล้วนเป็น Toxic Relationship ทั้งสิ้น

Toxic Relationship สำหรับเราเป็นสิ่งที่บั่นทอนจิตใจอย่างมาก เพราะนอกจากลดทอนความสุขในชีวิตแล้ว ยังทำให้จิตใจย่ำแย่ สูญเสียตัวตน เสียใจ บางครั้งโหดร้ายยิ่งกว่าการเลือกใช้ชีวิตคนเดียวซะอีก อีกทั้งสิ่งที่แย่ที่สุดของความสัมพันธ์ลักษณะนี้ คือ มันจะทำให้คนที่ทนอยู่ในความสัมพันธ์ลดทอนคุณค่าในตัวเองลงไปด้วย เพราะการยอมทน ไม่กล้าเดินออกมาจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ ทำให้เราไม่กล้าตัดสินใจ ไม่มั่นใจ สิ่งนี้ถูกบ่มเพาะมาตลอดระยะเวลาที่เราทนอยู่ในความสัมพันธ์ดังกล่าว

อีกทั้งความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ ยังทำให้วิธีการมองตัวเองและวิธีการมองโลกของเราเปลี่ยนไป เพราะต้องคอยแบกรับพิษร้าย ชิ้นส่วนที่แตกสลายของกันและกัน สุดท้ายเกิดเป็นรอยร้าวในความสัมพันธ์ไปเรื่อย ๆ ปลายทางก็คือเราหรือเขาที่แตกสลาย รักษาไม่ได้ทั้งตัวตนและความสัมพันธ์ โดยพฤติกรรมหรือการกระทำในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ อาจมีต้นเหตุเกิดจากใครคนใดคนหนึ่ง หรือทั้งสองคนก็ได้

การเดินออกมาจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ จึงเป็นสิ่งที่ควรทำให้เร็วที่สุดเมื่อรู้ตัว พูดเหมือนง่าย แต่ทำได้ยาก เพราะเมื่อความรักก็ยังอยู่ แต่ความเสียใจที่ต้องกักเก็บกลับมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ใครจะกล้ายอมรับว่าคนที่เรารักและเลือกในวันนั้นจะกลับกลายเป็นพิษกับตัวเราเอง บางคนไม่กล้าทิ้ง เพราะต้องรับผิดชอบแบกรับความสัมพันธ์ บางคนก็เสียดายเวลาที่ผ่านมา แต่แปลก กลับไม่เสียดายเวลาต่อจากนี้ที่จะไม่มีความสุข

เราเองคิดว่าความสัมพันธ์รูปแบบนี้ยิ่งฝืนประคองต่อไปก็เหมือนการสร้างบาดแผลให้กันไปเรื่อย ๆ อยู่ไปแทบจะหาความสุขไม่ได้ เดินออกมา บอกตัวเองว่า ฉันสมควรได้รับสิ่งที่ดี ฉันคู่ควรกับความสุข และฉันไม่จำเป็นต้องทน ฉันออกแบบชีวิตและรูปแบบความสัมพันธ์ที่ดีกว่านี้ได้...เดินออกมาก่อนที่ความรักจะทำลายจนไม่เหลือรักไว้อีกเลย


เขียนโดย เพลิน ภารวี สุภามาลา Content Editor THE STUDY TIMES

อ้างอิงข้อมูล https://time.com/5274206/toxic-relationship-signs-help/

สทศ. พร้อมจัดสอบรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูรุ่นแรก วันที่ 20 - 21 ก.พ.นี้ วอนผู้เข้าสอบปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

นางศิริดา บุรชาติ ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เปิดเผยว่า ตามที่ สทศ. จะดำเนินการจัดการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพตามมาตรฐานวิชาชีพครู ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2564 ให้แก่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ในระหว่างวันที่ 20 - 21 กุมภาพันธ์ 2564 และจะประกาศผลสอบวันที่ 31 มีนาคม 2564 ทางเว็บไซต์ สทศ. และคุรุสภานั้น

การทดสอบครั้งนี้ มีจำนวนผู้มีสิทธิ์สอบทั้งหมด 7,263 คน เป็นคนไทย 7,224 คน และชาวต่างประเทศ 39 คน จำแนกผู้มีสิทธิสอบตามศูนย์สอบ 4 ศูนย์ 5 สนามสอบดังนี้ 1.) ศูนย์สอบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สนามสอบ โรงเรียนทวีธาภิเศก และโรงเรียนสันติราษฎร์ 2.) ศูนย์สอบมหาวิทยาลัยขอนแก่น สนามสอบ โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย 3.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี สนามสอบ โรงเรียนสุรนารีวิทยาลัย 4.) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สนามสอบ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ 5.) ศูนย์สอบมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สนามสอบ โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย

นางศิริดา กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ การที่ สทศ.เปลี่ยนสนามสอบจากเดิม โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เป็น โรงเรียนทวีธาภิเศกนั้น เพื่อให้การดำเนินการทดสอบดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรื โควิด-19 เนื่องจากสนามสอบโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา อยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่ที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่ง สทศ. ได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้เข้าสอบในสนามสอบดังกล่าวรับทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยส่งอีเมลและ SMS ตามเบอร์โทรศัพท์ที่ผู้สมัครสอบได้ลงทะเบียนไว้ และประชาสัมพันธ์ผ่านทางเว็บไซต์ รวมถึงสื่อต่าง ๆ

สำหรับผู้มีสิทธิสอบที่เป็นชาวต่างประเทศ สทศ. ได้โทรศัพท์ประสานงานและให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขอให้ผู้ที่มีสิทธิสอบจากเดิมสนามสอบ "โรงเรียนเตรียมอุดมศึษา" เป็น "โรงเรียนทวีธาภิเศก" เข้ามาตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการทดสอบ เลขที่นั่งสอบ และสนามสอบใหม่อีกครั้ง รวมทั้งพิมพ์บัตรประจำตัวผู้มีสิทธิสอบใหม่ได้ทางเว็บไซต์ สทศ. www.niets.or.th

"ผู้เข้าสอบต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติและมาตรการป้องกันเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) และมาตรการป้องกันของแต่ละจังหวัด รวมทั้งปฏิบัติตามระเบียบการเข้าห้องสอบ และเตรียมหลักฐานแสดงตนเพื่อเข้าห้องสอบ ได้แก่ บัตรประจำตัวผู้มีสิทธิเข้ารับการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู และ บัตรประจำตัวประชาชน หรือ ใบอนุญาตขับขี่ หรือ หนังสือเดินทาง (Passport) ที่มีรูปถ่าย ผู้เข้าสอบต้องมีหลักฐานตามที่กำหนด มิฉะนั้นจะไม่มีสิทธิ์สอบ

สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำข้อสอบ ได้แก่ ดินสอดำ 2B ปากกา ยางลบ และกบเหลาดินสอ สำหรับการสอบวิชา 104 วิชาชีพครู อนุญาตให้นำน้ำยาลบคำผิดและยางลบหมึกเข้าห้องสอบได้" ผอ.สทศ.กล่าวและว่า สำหรับผู้มีสิทธิสอบที่มีภูมิลำเนาจังหวัดสมุทรสาคร มีจำนวน 35 คน สทศ.ได้มีการตรวจสอบข้อมูลแล้ว พบว่า ร่างกายปกติ ไม่มีภาวะเสี่ยงหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง Covid-19 อย่างไรก็ตาม ผู้เข้าสอบทุกคนจะต้องผ่านการกลั่นกรองตามมาตรการป้องกันของ ศบค. และมาตรการของแต่ละจังหวัดอย่างเคร่งครัด


ที่มา: https://www.dailynews.co.th/education/826190

ฝ่ายวิชาการวิทยาลัยจี๋เหม่ย ประเทศจีน ชื่นชมเด็กไทยนักเรียนทุนเฉินเจียเกิง หลังใช้วันหยุดช่วงปิดเทอมทำหน้าที่ผู้ประกาศข่าวและพิธีกรร่วมกับ The Study Times สำนักข่าวเพื่อการศึกษาออนไลน์ของไทย แบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับการศึกษาในประเทศจีน ระบุข้อความว่า…

การเล่าเรื่องราวด้วยภาษาจีนที่ดีและทำหน้าที่เป็นผู้สื่อข่าวอันเป็นมิตร

เบื้องหลังการถ่ายทำ

ในช่วงปิดเทอมแรก (ฤดูหนาว) ปี 2021 นักเรียนชาวต่างชาติ(ไทย) ทุนรุ่น19 (น.ส.พิชามญชุ์ เกื้อมา李莲雾)、(น.ส.ลภัสนันท์ นันทกุล 陈丽)、(น.ส.ภัควดี นิธิสหกุล陈悦榕) และ(น.ส.บุญา เถกิงสุขวัฒนา 罗亮亮) ได้เข้าร่วมในการฝึกงาน ด้านการออกอากาศข่าวการศึกษา ของสื่อท้องถิ่นของประเทศไทย “The Study Times”

ในระหว่างการฝึกงาน นักเรียนทั้ง 4 คนได้อวยพรวันปีใหม่จีน ให้กับผู้ชมทางบัญชี Tik Tok ของ The Study Times และแบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับการศึกษาในประเทศจีน ด้วยภาษาจีนที่คล่องแคล่ว และ ด้วยมารยาทที่เอื้อเฟื้อ นักเรียนทั้งสี่คนได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์อันมีเสน่ห์ของนักเรียน ทุนเฉินเจียเกิง(ผู้ให้ทุน) อย่างเต็มที่และภาคภูมิใจ

ห้องนักเรียนต่างชาติรุ่น 2019 เป็นห้องเรียนรุ่นที่3 ของโรงเรียนซึ่งประกอบด้วยนักเรียนต่างชาติ จากประเทศไทย เวียดนาม ลาว และอินโดนีเซีย นับเป็นการพัฒนาครั้งประวัติศาสตร์ในการก้าวสู่ความเป็นสากลของโรงเรียน เราเฝ้ารอคอยการประสบความสำเร็จของนักเรียนชาวต่างชาติ ได้เล่าเรื่องราวของจีนในประเทศของตนในอนาคต และทำหน้าที่เป็นผู้สื่อข่าวสารที่ดีและเป็นมิตร

ผู้แปล น.ส.พิชามญชุ์ เกื้อมา 李莲雾


ที่มา https://mp.weixin.qq.com/s/lPLm4m7LSDrQ-vRy_qvyag

แอพพลิเคชั่นยอดฮิต และคนไทยที่ใช้ Smart phone ระบบ IOS กำลังเห่อเลยก็หนีไม่พ้น Clubhouse เป็นอีกหนึ่งการยกระดับแอพพลิเคชั่น ที่ทำในสิ่งที่ Social media อื่นทำไม่ได้ คือการสร้างกลุ่มหรือสังคม Community ในรูปแบบของห้องสนทนาแบบสัมมนา แล้วพูดคุยกันสด ๆ

???? แอพพลิเคชั่นยอดฮิต และคนไทยที่ใช้ Smart phone ระบบ IOS กำลังเห่อสุดๆเลยก็หนีไม่พ้น Clubhouse เป็นอีกหนึ่งการยกระดับแอพพลิเคชั่น ที่ทำในสิ่งที่ Social media อื่นทำไม่ได้ คือการสร้างกลุ่มหรือสังคม Community ในรูปแบบของห้องสนทนาแบบสัมมนา แล้วพูดคุยกันสดๆ ในกระทู้ที่ผู้จัดการสัมมนาตั้งขึ้น และสามารถมีคนที่ถูกเชิญเข้ามาฟังได้ จำนวนมากถึงหลักพัน แบบเข้าไปฟังได้ฟรี!  

Clubhouse เป็นที่พูดถึงอย่างมาก มีการวิเคราะห์กันในแวดวงสื่อ รวมไปถึงวงการเทคโนโลยี ว่าตัวแอพพลิเคชั่นนี้ จะมา Disrupt การเล่าเรื่องผ่านเสียงอย่าง Podcast หรือเปล่า หรือแม้กระทั่งผู้ประกอบการ สถาบันฝึกอบรมสัมมนาในยุคก่อน Covid-19 ที่มีการเก็บเงิน เรียกได้ว่าเป็นอาชีพหลักกันหลายคน จะถูก Disrupt ไปด้วยไหม

น่าคิด! และมีสิทธิ์เป็นไปได้ ! ตอนแรกตอนที่ผู้เขียนได้รับการเชื้อเชิญจากรุ่นพี่ให้เข้าไปใน Clubhouse ก็ตื่นตาตื่นใจอย่างมาก แล้วก็พบว่า ใน Clubhouse ทำให้รู้สึกอัศจรรย์ใจ เราได้เจอคนที่ทั้งเป็นเพื่อนเรา ทั้งเก่าและใหม่  คนที่ไม่ใช่เพื่อนเราแต่สนใจสิ่งใกล้ ๆ กัน หรือเหล่าคนดังที่เราไม่คิดว่าจะได้ใกล้คิดเขา แต่ Clubhouse ทำให้เกิดสิ่งเหล่านั้นได้ (โอ้โห! เทคโนโลยี มันทำได้แบบนี้แล้วจริง ๆ)

ในห้องสัมมนา (ขอเรียกแบบนั้น) ใครก็ได้ตั้งกระทู้ขึ้นมา (Moderator) แล้วชวนคนขึ้นไปคุย หรือเปิดโอกาสให้คนที่เป็นผู้ฟังได้พูด มีตั้งแต่เรื่องทางวิชาการ สาระความรู้ การพัฒนาตัวเองไปจนถึงเรื่องขำขัน ตลก หรือแม้กระทั่งเรื่องเพศศึกษา ด้วยความเป็นแอพพลิเคชั่น Social media แน่นอนว่า เราสามารถเข้าไปฟังห้องพูดคุย สัมมนา ในกลุ่มต่าง ๆ ได้ทั่วโลก เรียกได้ว่า เป็นคลังความรู้ฟรี ๆ ในรูปแบบนึงเลยทีเดียว

สังเกตมาสัปดาห์หนึ่ง ในมุมมองแบบคนทำสื่อ ก็จะเห็นการวางรันดาวน์โดยธรรมชาติแบบไม่ต้องมีบรรณาธิการ ตอนเช้าจะเป็นเรื่องเบา ๆ สร้างสรรค์ ต้อนรับวันใหม่ กลางวันก็เริ่มมีกลุ่มมาแชร์ชีวิตในที่ทำงาน ช่วงค่ำเนื้อหาวิชาการจัด พอหลังเที่ยงคืนเท่านั้นแหละ เรื่องเพศศึกษา สัพเพเหระก็จะมา บันเทิงทีเดียว

ส่วนตัวแล้วชอบเข้าไปฟังเรื่องตลก เรื่องบันเทิง เรื่องนินทา เพราะรู้สึกว่า Clubhouse มีธรรมชาติของการ “แอบฟังคนคุยกัน”  อาจจะเพราะว่าทำงานอย่างหนักมาทั้งวัน ให้ฟังเรื่องวิชาการเคร่งเครียดอีก ก็คงไม่ไหว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้จัดการสัมมนา (Moderator) ด้วยว่า ต้องการให้ห้องนั้น เป็นลักษณะ คุยเล่น หรือ แบ่งปันความรู้ที่เป็นทางการ  แต่ทั้งนี้สำหรับผู้เขียนหากต้องการฟังเรื่องที่พัฒนาตัวเองหรือเป็นความรู้จะชอบ Podcast มากกว่า เพราะฟังได้ยาว ๆ ไม่ถูกขัดจังหวะจากการพูดคุยกัน แต่ก็ต้องบอกว่านี่คือความชอบส่วนตัว

พอเห็นปรากฏการณ์ของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในยุคนี้แล้ว หันกลับมามองในส่วนของภาคการศึกษาไทยแล้วก็รู้สึกหวั่นใจ ว่ายุคสมัยที่ชุดข้อมูลสามารถเสพได้จากเครื่องมืออื่นมากมายหลายรูปแบบ กับระบบและหลักสูตรการศึกษาไทย จะปรับตัวไปได้ทันยุคสมัยหรือไม่ ต้องจับตา และแม้ Clubhouse จะใช้ได้ในประเทศที่อนุญาตให้แอพนี้ Active และยังจำกัดผู้ใช้เฉพาะระบบ IOS  แต่ก็คิดว่าในอนาคตตัวระบบก็คงพัฒนาให้คนใช้ระบบ Android ได้ใช้เช่นกัน

ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีพัฒนาไปไวจริง ๆ ในฐานะที่เป็นทั้งคนทำและคนเสพสื่อ ได้เฝ้ามองปรากฎการณ์ของการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตผ่านนวัตกรรมใหม่ ๆ และอยู่ในยุคโรคระบาดไปพร้อม ๆ กัน ก็พบว่าหากจะอยู่อย่างเข้าใจ จำเป็นต้อง “ปรับตัว” ให้ทัน ไม่เช่นนั้น อาชีพที่เคยทำก็จะถูกกลืนกิน รายได้ที่เคยได้รับอาจเป็นศูนย์ได้พริบตา ความเจ็บปวดเหล่านี้ เชื่อว่าหลายท่านคงประสบพบเจอ แต่ขอให้รู้ไว้ว่า “เราจะเป็นกำลังใจให้กันเสมอ” ในเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ โลกหมุนไป เราก็จะต้องหมุนตามไปเช่นกัน หรือหากใครมีศักยภาพเป็นผู้ทำหมุนโลกไปเอง ก็สุดแสนจะจินตนาการ แต่ก็นั่นแหละ ความเปลี่ยนแปลงคือเรื่องจริงแท้แน่นอน และเป็นเช่นนั้นเสมอมา


เขียนโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา Head of Content Editor THE STUDY TIMES


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top