Friday, 26 April 2024
EducationNewsAgencyforAll

คติประจำใจจาก "Mahatma Gandhi" (ผู้นำและนักการเมืองที่มีชื่อเสียงชาวอินเดียและศาสนาฮินดู)

“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.”

“ใช้ชีวิตราวกับว่าคุณจะตายพรุ่งนี้ เรียนรู้ราวกับว่าคุณจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป”


Mahatma Gandhi (ผู้นำและนักการเมืองที่มีชื่อเสียงชาวอินเดียและศาสนาฮินดู)

กทม.จัดติวออนไลน์ครั้งแรก เสริมทักษะให้นักเรียนชั้น ม.6 เตรียมพร้อมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ชดเชยโอกาสก่อนหน้านี้ ที่โรงเรียนปิด

จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบการเรียน การสอน และเด็กๆ ที่ต้องเรียนออนไลน์ สลับกับการไปโรงเรียน นายเกรียงไกร จงเจริญ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า เด็ก ๆ ที่เรียนออนไลน์ในช่วงที่ผ่านมา ของโรงเรียนสังกัด กทม. ปรับตัวได้แล้ว กลายเป็นความคุ้นชิน ทั้งการเรียน การทำแบบฝึกหัดส่งครู

สำหรับนักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนสังกัด กทม. ขณะนี้ ทุกคนกำลังเตรียมความพร้อม ทบทวนหนังสือ แบบฝึกหัด เพื่อสอบโอเน็ต แกตแพต และวิชาสามัญ เก็บคะแนนสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ กทม. จัดติวออนไลน์ เพื่อเสริมทักษะให้นักเรียน ได้มีความพร้อม อีกทั้งยังเป็นการชดเชยโอกาสก่อนหน้านี้ ที่โรงเรียนปิด เด็กไม่ได้เรียนในห้องเรียน และไม่ได้ไปติวไปกวดวิชา เหมือนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยทุกปีที่ผ่านมา

สำหรับ เด็กนักเรียน ชั้นอื่น ๆ ช่วงนี้ ก็จะเข้าสู่การสอบ และใกล้จะปิดเทอมแล้ว เด็ก ๆ และผู้ปกครอง จะได้มีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกัน อีก 1 แหล่งการเรียนรู้นอกห้องเรียน ที่เด็ก ๆ จะได้เรียนปนเล่น ที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ยกมาไว้ใจกลางกรุง เปิดพื้นที่การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในชื่อ จัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช. เดอะสตรีท รัชดา จัดตลอดเดือนนี้ ที่ศูนย์การค้าเดอะสตรีทรัชดา

เปิดโลกการเรียนรู้แบบใหม่ ที่เรียกว่า scream ที่จะฝึกให้คิดแบบวิทยาศาสตร์ มีเหตุผล ฝึกการเขียนโค้ด หรือ Coding และเรียนรู้การพัฒนาและสร้างหุ่นยนต์ รู้หลักวิศวกรรม ศิลปศึกษา และคณิตศาสตร์ ผ่านสนามเด็กเล่น การลงมือทำกิจกรรมที่น่าสนใจ ที่เด็ก ๆ จะได้ลองสำรวจค้นคว้า ค้นพบและไขปริศนาอย่างสนุกสนาน สร้างแรงบันดาลใจ และจินตนาการความคิดริเริ่มสร้างสรรค์


ที่มา: https://news.ch7.com/detail/471583

เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในงานประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ ประจำปี 2021 ในปักกิ่ง มีข้อเสนอให้มีการปฏิรูปโครงสร้างการศึกษาขั้นพื้นฐานใหม่ทั้งระบบ โดยจะร่นระยะเวลาการศึกษาภาคบังคับให้สั้นลงจาก 12 ปี ให้เหลือเพียง 10 ปีเท่านั้น

ข้อเสนอนี้มาจาก นาย จาง หงเหว่ย รองประธานสภาประชนชน ที่นำเสนอแผนปฏิรูปโครงสร้างการศึกษาภาคบังคับใหม่ จากเดิมที่เรียนระดับชั้นประถมศึกษา 6 ปี มัธยมต้น 3 ปี และมัธยมปลาย 3 ปี รวมเป็น 12 ปี ที่คล้ายการระบบการศึกษาภาคบังคับของไทย

แต่โครงการการศึกษาใหม่นี้ จะบีบระยะเวลาในชั้นประถมเหลือเพียง 5 ปี ชั้นมัธยมต้น 3 ปี และชั้นมัธยมปลายก็จะเหลือเพียง 2 ปี เป็น 10 ปี

จาง หงเหว่ย ได้ให้เหตุผลว่า โดยปกติทั่วไปเด็กนักเรียนจีนจะเริ่มต้นวัยเรียนในชั้นประถมที่ประมาณ 7 ขวบ กว่าจะจบมัธยมปลายที่อายุ 19 และจะจบระดับอุดมศึกษาเมื่ออายุ 23 ที่หลายคนกว่าจะเริ่มต้นทำงานเต็มตัวได้ ก็อายุประมาณ 26 - 27 ปี และกว่าจะตั้งหลักสร้างตัวในอาชีพที่ใช่ก็เลย 30 ปีไปแล้ว และมาเกษียณอายุในวัย 55 ที่ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่ทำงานจะสั้นกว่าช่วงเวลาที่เรียนเสียอีก

ซึ่งข้อดีของการย่นระยะเวลาภาคบังคับให้เหลือเพียง 10 ปี ก็จะช่วยให้ครอบครัวจีนมีภาระค่าใช้จ่ายให้ลูกน้อยลง และสอดรับกับสภาพสังคมผู้สูงอายุของจีน และเร่งเติมเต็มแรงงานคนรุ่นหนุ่มสาว ในภาคธุรกิจและอุตสาสหกรรมให้ทันท่วงที

หลังจากที่มีความเห็นในการเปิดประเด็นหั่นระบบการศึกษาภาคบังคับให้เหลือ 10 ปีในสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ ก็มีเสียงวิพากษ์ วิจารณ์ในเรื่องนโยบายนี้ไม่น้อย

โดยชาวเน็ตจีนก็เสียงแตกเป็น 2 ด้าน ด้านหนึ่งก็เห็นว่าดี จะเรียนให้เยอะ ๆ นาน ๆ ไปทำไม รีบเรียน รีบจบ รีบออกมาทำงานจะดีกว่า เพราะสมัยนี้คนที่เรียนนานกว่า ก็ไม่ได้หมายความว่าจะประสบความสำเร็จมากกว่า แต่บางส่วนก็มองว่าช่วงเวลาในระบบการศึกษาก็สัมพันธ์กับพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย ที่จะเร่งกันไม่ได้

และก็มีนักการศึกษาจีนหลายคนที่ไม่เห็นด้วย เพราะรัฐบาลจีนมองการศึกษาในแง่มุมของการจ้าง "แรงงาน" ในภาคอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว ที่การหั่นระยะเวลาการศึกษาขั้นพื้นฐานอาจไม่ใช่การแก้ปัญหาเรื่องแรงงานที่ตรงนัก

ความเห็นต่างในแผนนโยบายใหม่นี้ก็มาจากนาย ฉู เชาฮุ่ย นักวิจัยที่สถาบันวิทยาศาสตร์การศึกษาแห่งชาติ ให้ความเห็นผ่านสื่อ Global Times ของจีนว่า การย่นระยะเวลาการศึกษาเพื่อเพิ่มจำนวนแรงงาน เป็นแค่เพียงการเห็นของภาครัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องการแรงงานในภาคธุรกิจ ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่นการเปลี่ยนแปลงทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจ

เช่นเดียวกับนาย สง ปิงฉี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยการศึกษาแห่งศตวรรษที่ 21 เชื่อว่าระบบการเรียนการสอนในโรงเรียนต่างหากที่เป็นรากฐานสำคัญของระบบการศึกษา และการพัฒนาสังคม

ดังนั้นการจะเร่งพัฒนาเยาวชนจีนรุ่นใหม่ สู่ตลาดแรงงานที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ต้องแก้ที่ระบบการเรียน การสอน ซึ่งปัจจุบันยังคงเน้นที่การสอบเป็นหลัก เพราะฉะนั้นต่อให้บีบระยะเวลาการศึกษาภาคบังคับให้เหลือเพียง 10 ปี ก็ไม่ได้ช่วยลดภาระของเด็ก และผู้ปกครองอยู่ดี ตราบใดที่ระบบการศึกษายังเน้นเรื่องการสอบแข่งขัน เด็กก็ยังคงต้องเรียนหนัก และผู้ปกครองก็ต้องมีภาระในค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการเรียนเสริม กวดวิชา ชั้นเรียนพิเศษ เพื่อสร้างความได้เปรียบให้ลูกเมื่อเข้าสู่ระบบสนามแข่ง พอเวลาเรียนสั้นลง ยิ่งสร้างความเครียด และกดดันให้กับเด็กเพิ่มขึ้นไปอีก

และพอมาพูดถึงประเด็นนี้ ก็มีชาวเน็ตจีนอีกจำนวนหนึ่งมองว่า ถ้าอย่างนั้นการเรียนเร่งรัด ให้ลดเวลาลงเหลือ 10 ปี ก็อาจจะเข้าท่าเหมือนกัน หากมองว่าไหน ๆ ทุกวันนี้เด็กจีนก็ต้องเสริม เรียนอัดกันอยู่แล้ว งั้นก็เร่งรัดให้เหลือชั้นประถม 5 ปี มัธยม 5 ปี ก็น่าจะพอแล้ว แต่ให้ยกระดับมาตรฐาน และการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการศึกษาให้มากขึ้น และจะช่วยเพิ่มเวลาในการค้นหาตัวเองเมื่อมุ่งหน้าสู่การศึกษาเฉพาะทางในระดับสูง ๆ ต่อไปด้วย

การศึกษาจีน เป็นหนึ่งในระบบการศึกษาที่เข้มงวด และกดดันที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่เด็กนักเรียนจีนจะได้รับการปลูกฝังจากครอบครัวให้เรียนอย่างจริงจังตั้งแต่เด็กเพื่อมุ่งสู่สนามสอบระดับชาติที่เรียกว่า "เกาเข่า" ที่ได้ชื่อว่าเป็นข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ยากที่สุดติดอันดับโลก ที่เชื่อว่าเป็นใบเบิกทางสู่หน้าที่การงานในอนาคต และไม่ว่าจะต้องเรียน 12 ปี หรือ 10 ปี ค่านิยมในการเรียนเพื่อสอบให้ผ่าน "เกาเข่า" ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง


แหล่งข้อมูล

https://www.globaltimes.cn/page/202103/1217628.shtml

https://www.wionews.com/world/chinas-gaokao-one-of-the-toughest-exams-in-the-world-311419

Self-Control ทักษะในการสร้างความมีวินัย หรือความสามารถในการบังคับตนเอง เป็นหนึ่งใน Soft Skill ตัวแปรสำคัญของความสำเร็จ Self-Control สำคัญอย่างไร แนะการเสริมสร้าง Self-Control ในเด็ก

เราได้พูดถึงความสำคัญของ Self-Esteem และวิธีการเสริมสร้าง Self-Esteem ทักษะพื้นฐานที่ดีเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จให้แก่ลูกไปแล้ว คุณผู้อ่านสามารถติดตามอ่านย้อนหลังได้ใน https://thestatestimes.com/post/2021030411

ส่วนทักษะต่อไปที่สำคัญไม่น้อยไปกว่า Self-Esteem เลย ก็คือทักษะที่เรียกว่า Self-Control และวันนี้เราจะมาแบ่งปันให้กับคุณผู้อ่านกันว่า Self-Control สำคัญอย่างไร และการเสริมสร้าง Self-Control ในเด็กต้องทำอย่างไรกันค่ะ

Self-Control คืออะไร

Self-Control เป็นหนึ่งใน Soft Skill ที่เป็นตัวแปรสำคัญของความสำเร็จ นั่นก็คือทักษะในการสร้างความมีวินัย หรือความสามารถในการบังคับตนเอง การสร้างความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง ตกลงกับตัวเองว่าจะไม่หยุดกลางคันจนกว่าจะไปถึงเป้าหมายหรือชัยชนะนั้น ๆ  หัวใจสำคัญของ Self-Control หรือการควบคุมตัวเองได้นี้คือ เป้าหมายที่ตั้งไว้นั้นจะต้องเป็นสิ่งที่เจ้าตัวหรือตัวเด็กเป็นคนกำหนดขึ้นมาเอง การกำหนดเป้าหมายเองทำให้เด็กรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ ให้เด็กเป็นคนกำหนดผลลัพธ์ แล้วเด็กจะเกิดพลังขับเคลื่อนภายในเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น ๆ

จะเสริมสร้าง Self-Control ให้กับลูกได้อย่างไร

วิธีการเสริมสร้างความมีวินัยหรือ Self-Control ให้กับเด็กนั้นสร้างได้ตั้งแต่วัย 3-5 ขวบ สามารถสร้างไปพร้อม ๆ กับ Self-Esteem ได้เลยโดยการชวนลูกตั้งเป้าหมาย คุณพ่อคุณแม่ลองชวนลูกตั้งเป้ากับเรื่องเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวันได้ เช่น มื้อนี้หนูจะกินผักกี่ชิ้น วันนี้หนูเล่นเสร็จแล้วหนูจะเอาของเล่นไปเก็บที่เดิมได้มั้ย หนูอยากติดกระดุมเองมั้ยหนูจะติดเองกี่เม็ด

การตั้งเป้าหมายที่ดีนั้นควรมีผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้ทันทีและเข้าใจง่าย เช่น ผักหมดจาน ของเล่นกลับไปอยู่ในที่เก็บของเล่น หรือลูกติดกระดุมเองครบทุกเม็ด หากเป็นเรื่องที่วัดผลลัพธ์ยาก คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้ตัวเลขกำหนดผลลัพธ์ได้ เช่น วันที่หนูจะเข้านอนตอนเข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลขอะไรระหว่างเลข 8 กับเลข 9 เป็นต้น และเมื่อเด็กทำได้สำเร็จแล้ว อย่าลืมชื่นชมในความสำเร็จนั้น เด็กจะจดจำว่าสิ่งนี้ดีหรือไม่ดีจากคำชมและคำติของผู้ปกครอง อยากให้เน้นไปที่คำชมและให้กำลังใจเค้า เพราะจะเป็นการสร้าง Self-Esteem ไปพร้อม ๆ กันด้วย

อยากให้ลูกเก่งให้ชมที่ผลลัพธ์ อยากให้ลูกพยายามให้ชมที่การกระทำ

ขอถามคุณพ่อคุณแม่ก่อนว่า คุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกเก่งหรืออยากให้ลูกเป็นคนเข้มแข็ง รู้จักอดทนอดกลั้น และรู้จักความพยายาม หากอยากให้ลูกเก่ง ให้ชมลูกที่ผลลัพธ์ เช่น ชมที่เกรดเฉลี่ย ชมเมื่อลูกได้รับรางวัล แต่หากอยากให้ลูกเป็นคนมีความพยายาม ให้ชมในการกระทำ ชมที่ความตั้งใจของลูก ลูกจะทำสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ไม่ต้องสนใจ ขอให้ลูกลงมือด้วยความตั้งใจเป็นเพียงพอ

การฝึกทักษะของลูกนั้นต้องการความต่อเนื่องเช่นกัน หากคุณพ่อคุณแม่อยากฝึกทักษะด้านใดให้กับลูก ให้คุณพ่อคุณแม่ตั้งเป้าหมายเลย เช่น ภายใน 6 เดือนต่อจากนี้เราจะฝึกเรื่องความกล้าให้กับลูก คุณพ่อคุณแม่ก็ให้ลูกได้ลองคิด ตัดสินใจ ลงมือด้วยตนเองเป็นระยะเวลา 6 เดือน หากมีแนวโน้มว่าลูกจะคิด ตัดสินใจ หรือลงมือทำผิด ก็ปล่อยให้เค้าเรียนรู้เองไปก่อน เพราะเรากำลังฝึกทักษะความกล้าให้แก่เค้าอยู่

Soft Skill เป็นทักษะที่ไม่สามารถเรียนรู้ผ่านการอ่านคู่มือหรือตำราได้ จำเป็นต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์เท่านั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องใจเย็น ๆ เด็กเป็นวัยแห่งการเรียนรู้อยู่แล้ว ปล่อยให้ลูกเรียนรู้ด้วยตนเอง ลองผิดลองถูกบ้าง ประสบการณ์จะนำพาเด็กให้เค้าสร้างทักษะที่แข็งแกร่งให้เกิดขึ้นได้ด้วยตัวของเค้าเองค่ะ

เป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่และลูกทุกคนค่ะ


สามารถย้อนไปฟังการ LIVE หัวข้อที่น่าสนใจเหล่านี้เพิ่มเติมได้ที่ เพจดีต่อลูก

หัวข้อ อยากให้ลูกมีชีวิตที่มั่นคง พ่อแม่ต้องสร้างให้ลูกมี Soft Skills กับครูพี่หญิงฝาย โรงเรียนคู่ขนาน

Link https://www.facebook.com/299800753872915/videos/3651437871537025

เขียนและเรียบเรียงเรื่องโดย: พิมพ์นารา สุวรรณไตรย์ 

คติประจำใจจาก "Abraham Lincoln" (ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา)

“The things I want to know are in books; my best friend is the man who’ll get me a book I ain’t read.”

“สิ่งที่ฉันต้องการจะรู้ อยู่ในหนังสือ; เพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน คือคนที่จะเอาหนังสือที่ฉันไม่เคยอ่านมาให้”


Abraham Lincoln (ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา)

กระทรวงศึกษาธิการ หารือ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฟินแลนด์ประจำประเทศไทย ถ่ายทอดเทคโนโลยี และพัฒนาต่อยอด ยกระดับการศึกษาไทย ทั้งด้านวิทยาศาสตร์และภาษา

คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) กล่าวภายหลังนายยูริ ยาร์วียาโฮ (H.E. Mr. Jyri Järviaho) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฟินแลนด์ประจำประเทศไทย ‪เข้าเยี่ยมคารวะ ว่า ได้หารือถึงความร่วมมือด้านการศึกษา เนื่องจากประเทศฟินแลนด์จัดการศึกษาดีที่สุดในโลก ดังนั้น กระทรวงศึกษาฯ จะทำงานร่วมกันทางด้านวิทยาศาสตร์และภาษาต่างประเทศ ให้แก่ครูและผู้บริหารโรงเรียน และทางฟินแลนด์เสนอจะอบรมด้านพลศึกษาให้ด้วย ‬‬

และมีความร่วมมือทางด้านสิ่งแวดล้อม ป่าไม้ การเกษตร กำจัดขยะ พลังงานทดแทน ซึ่งขณะนี้ฟินแลนด์ได้จัดอบรมออนไลน์ภาษาต่างประเทศให้กับครูไทย จำนวน 36 คน ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือน มิ.ย.นี้ หลังจากนั้นจะประเมินผลการอบรมออนไลน์ว่าผลเป็นอย่างไร และอาจจะจัดอัพสกิล รีสกิล โดยจัดเป็นหลักสูตรระยะสั้น เนื่องจากช่วงนี้มีคนตกงานเยอะเพื่อช่วยให้ผู้ที่ตกงานกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานได้

“ขณะนี้ให้อาชีวะร่างโครงการความร่วมมือ ซึ่งภายใน 2 อาทิตย์นี้กระทรวงศึกษาธิการ จะเซ็น MOU กับ ศูนย์การเรียนรู้ของประเทศฟินแลนด์ ผ่านสถานทูตฟินแลนด์ เพื่อพัฒนาโครงการต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว และหลังจาก MOU แล้ว ก็จะไปพัฒนาโครงการร่วมกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าโครงการใดจะเกี่ยวข้องกับวิทยาลัยอาชีวศึกษาใด หรือนักเรียนระดับประถมฯมัธยมฯ รวมทั้งครูและผู้บริหารโรงเรียนใดบ้าง

ส่วนความร่วมมือยังไม่มีรายละเอียด แต่อาจจะขอให้ทางฟินแลนด์ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ แล้วเรานำมาพัฒนาต่อเอง โดยเราจะไม่เอาทุกอย่างของฟินแลนด์มาใช้ทั้งหมด แต่จะดูความต้องการและบริบทของแต่ละสถานศึกษาแต่ละพื้นที่” คุณหญิงกัลยา กล่าว


ที่มา: https://www.naewna.com/local/557672/

ประกาศรับสมัครสอบ EJU (Examination for Japanese University Admission for International Students) การสอบเพื่อวัดความรู้ทางภาษาญี่ปุ่น รอบ 1 ประจำปี 2564

การสอบ EJU เป็นการสอบสำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติที่ต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีและอุดมศึกษาอื่นๆ (เช่นวิทยาลัยอาชีวศึกษา วิทยาลัยเทคนิค) ในประเทศญี่ปุ่น เพื่อวัดระดับความสามารถภาษาญี่ปุ่นและความรู้พื้นฐานทางวิชาการ

ประกาศกำหนดรับสมัครสอบ EJU รอบ 1 ประจำปี 2564

สอบวันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน 2564

==============================

1st Session : รอบแรก

รับสมัคร : ถึงวันที่ 12 มีนาคม

วันสอบ : วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน 2564

==============================

สถานที่รับสมัคร

หมายเหตุ* ประสงค์สอบที่ใด สมัคร ณ สนามสอบนั้น

สนามสอบ กรุงเทพฯ

???? องค์การสนับสนุนนักศึกษาแห่งประเทศญี่ปุ่น (JASSO)

โทร: 0-2661-7057-8

???? สมาคมนักเรียนเก่าญี่ปุ่นในพระบรมราชูปถัมภ์ (OJSAT)

โทร: 0-2357-1241-5

(สาขาพหลโยธินและสาขาจามจุรีสแควร์)

https://www.ojsat.or.th/main/eju-1-2564/

สนามสอบ เชียงใหม่

???? สมาคมนักเรียนเก่าญี่ปุ่นฯ ภาคเหนือ (ตรงข้ามวัดพระสิงห์) โทร. 053-272-331, 080-491-1298

https://www.facebook.com/ojsatn/posts/3684252071664906

==============================

ค่าสมัคร

- กรณีสมัครด้วยตนเอง 419 บาท

- กรณีสมัครทางไปรษณีย์ 439 บาท (รวมค่าบริการ)

เอกสารที่ต้องใช้ในการสมัคร

รูปถ่ายผู้สมัคร 1 นิ้ว 3 ใบ

==============================

Download คู่มือ Mini Student Guide

• การสอบ EJU คืออะไร

• ประโยชน์ของการสอบ EJU

• สถานที่รับสมัคร ข้อสอบเก่า ฯลฯ

https://goo.gl/Kybzqd


ที่มา: https://www.facebook.com/JASSO.Thailand/posts/4010680572285006

ก.ศึกษาธิการ เล็งแก้ปัญหาข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเรียนที่สรุปไปแล้ว หลังเปลี่ยนรมว.ศึกษาธิการ ต้องส่งให้คนใหม่พิจารณา ขณะ สพฐ. เตรียมชงเครื่องแบบนักเรียนไม่ต้องแก้ระเบียบใหม่ ส่วนทรงผมควรไว้ยาวได้ ตั้งแต่ระดับม.ต้น ขึ้นไป

ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ ได้ตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหานักเรียน ตามข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเรียน ประกอบด้วย 1.) คณะทำงานด้านการละเมิด-ความรุนแรง-ความปลอดภัยในสถานศึกษา 2.) คณะทำงานด้านกฎระเบียบที่ล้าหลัง 3.) คณะทำงานด้านการแสดงออกทางการเมืองในสถานศึกษา 4.) คณะกรรมการพิจารณาเรื่องเครื่องแบบ ทรงผมนักเรียน 5.) คณะกรรมการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน

ซึ่งคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ได้สรุปข้อมูลการแก้ปัญหาให้นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ พิจารณาไปแล้ว แต่เมื่อนายณัฏฐพล พ้นจากตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ ทำให้ข้อสรุปการแก้ปัญหานักเรียนยังไม่สมบูรณ์ ดังนั้น จึงต้องรอให้ รมว.ศึกษาธิการคนใหม่เข้ามาทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง

ขณะที่ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ระบุ พิจารณาแล้วว่า เครื่องแต่งกายนักเรียน เห็นว่า ไม่ต้องแก้ระเบียบใหม่ รวมทั้งทรงผมนักเรียน คณะกรรมการมีข้อเสนอที่จะให้ไว้ผมยาวได้ตั้งแต่เด็กปฐมวัย - มัธยมฯ แต่ สพฐ.เห็นว่าควรให้เด็กไว้ผมยาวได้ ตั้งแต่ ม.ต้น เพราะเด็กระดับนี้มีความรับผิดชอบที่จะดูแลสุขอนามัยสุขภาพผมด้วยตัวเอง โดยจะเสนอรมว.ศึกษาธิการคนใหม่พิจารณาต่อไป


ที่มา: https://siamrath.co.th/n/225135

เด็กโรงเรียนไทยจะฝึกภาษาอังกฤษยังไงให้ปัง? หาคำตอบพร้อมกันวันจันทร์ที่ 15 มีนาคม ผ่าน Facebook Live ของ THE STUDY TIMES!

อยากฝึกภาษาอังกฤษแต่ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร...? หาแรงบันดาลใจจากที่ไหน...? ควร focus อะไรก่อน...? แล้วเมื่อไหร่จะเห็นผล...?

เชื่อว่าผู้ปกครอง และน้อง ๆ นักเรียนโรงเรียนไทยหลายท่าน คงจะเคยสงสัยว่าจะฝึกภาษาอังกฤษอย่างไรให้ได้ผลที่สุด ทุกวันนี้มีสื่อการสอนภาษาอังกฤษมากมายจากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะทางโซเชียลมีเดีย Facebook, Instagram, Tik Tok ฯลฯ ควรจะเลือกอะไรดี? จำเป็นที่จะต้องจ่ายเงินซื้อคอร์สเรียนพิเศษตามสถาบันสอนภาษา โรงเรียนกวดวิชา หรือไม่? ฝึกฝนด้วยตนเองเพียงพอมั้ย? ผ่านช่องทางไหนดี?

วันจันทร์ที่ 15 มีนาคมนี้ THE STUDY TIMES ร่วมกับ Edsy (www.edsy.co) ได้เชิญครูภาษาอังกฤษ มากประสบการณ์ มาร่วมให้คำตอบและแนะนำวิธีการฝึกภาษาอังกฤษแบบไม่มีกั๊ก

แล้วพบกันวันจันทร์หน้าครับ!

โดย ทีมงาน Edsy สตาร์ทอัพด้านการศึกษา

Line ID: @edsy.th

คติประจำใจจาก 'Thomas Alva Edison' (นักประดิษฐ์และนักธุรกิจชาวอเมริกัน ฉายา “พ่อมดแห่งเมนโลพาร์ก”)

“Genius is one percent inspiration and ninety-nine percent perspiration.”

“การเป็นอัจฉริยะ ประกอบด้วยแรงบันดาลใจ 1% และหยาดเหงื่ออีก 99%.”


Thomas Alva Edison (นักประดิษฐ์และนักธุรกิจชาวอเมริกัน ฉายา “พ่อมดแห่งเมนโลพาร์ก”)


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top