Saturday, 10 May 2025
Crimes

จับ !! โอปป้าเกาหลี ซุกของกลาง 'ยาไอซ์' ในอุปกรณ์เมาส์ ส่งผ่าน GRAB ขายให้ลูกค้าคนไทย

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1,พ.ต.อ.ศุภณัฎฐ์ เจริญเรืองสกุล,พ.ต.อ.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา, พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ ดังนี้

กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง1  นำโดย พ.ต.อ.กีรติศักดิ์  ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1, พ.ต.ท.พลสิทธิ์ สุทธิอาจ รอง ผกก.สส.บก.ตม.1 พ.ต.ท.ทรงพันธุ์ กุลดิลก, พ.ต.ท.ปัฐน์ แสนอินอำนาจ สว.กก.สส.บก.ตม.1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้ร่วมกันจับกุม

1) .MR.NAM หรือ นายนาม อายุ 37 ปี สัญชาติเกาหลี

2) .MR.SHIN หรือ อายุ 34 ปี สัญชาติเกาหลี

3) .นางสาวต้อง อายุ 22 ปี สัญชาติไทย

4) .นางสาวณัช อายุ 22 ปี สัญชาติไทย

พฤติการณ์ในการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีชาวต่างชาติสัญชาติเกาหลี จะทำการซื้อขายยาเสพติดที่บริเวณหน้าศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ  จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และวางแผนจัดกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ไว้โดยรอบบริเวณ จนกระทั่งพบ MR.NAM ซึ่งมีลักษณะรูปร่างและเครื่องแต่งกายคล้ายกันกับที่สายลับได้แจ้งไว้ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและขอทำการตรวจสอบ ขณะเจ้าหน้าที่แสดงตัว MR.NAM ได้พยายามขัดขืนเพื่อจะหลบหนี เมื่อเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้จึงทำการตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆ ผลการตรวจสอบพบ ยาไอซ์ลักษณะเป็นเกล็ดสีขาว บรรจุอยู่ถุงพลาสติกใสแบบรูดเปิด-ปิดได้ จำนวน 1 ถุง ใส่อยู่ในกล่องเมาส์คอมพิวเตอร์ ภายในกระเป๋าสะพายตัวที่ MR.NAM สะพายอยู่ และจากการตรวจสอบเมาส์ฯ ที่ใส่อยู่ในกล่องเมาส์ฯ ภายในกระเป๋าสะพายตัวที่ MR.NAM สะพายอยู่ พบยาไอซ์ลักษณะเป็นเกล็ดสีขาว บรรจุอยู่ถุงพลาสติกใสแบบรูดเปิด-ปิดได้ และพันด้วยเทปกาวสีแดง จำนวน 3 ถุง จากการสอบปากคำ MR.NAM ให้การเพิ่มเติมว่ายังมียาเสพติดอีกจำนวนหนึ่งอยู่ภายในห้องพักของตน เจ้าหน้าที่จึงนำ MR.NAM ไปทำการตรวจค้นภายในห้องพักแห่งหนึ่งใน แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ ตามที่ MR.NAM ให้ข้อมูล ผลการตรวจค้นภายในห้องพักดังกล่าวพบ

น.ส.ต้อง และ น.ส.ณัช (นามสมมุติ) สัญชาติไทย ซึ่งบุคคลทั้งสอง ให้การว่าเข้ามาพักในห้องดังกล่าวเมื่อประมาณ 2-3 วันที่ผ่านมาพร้อมกัน เพื่อซื้อยาเสพติดต่อจาก MR.NAM เพื่อเสพด้วยกัน นอกจากนั้นขณะที่เจ้าหน้าที่ฯทำการตรวจค้นห้องพักอยู่นั้น ได้มี MR.SHIN เปิดประตูห้องเข้ามา เจ้าหน้าที่ฯจึงได้ทำการตรวจสอบและสอบถาม MR. SHIN ซึ่งได้ให้การว่าพักอาศัยอยู่ในห้องดังกล่าวร่วมกับ MR.NAM เป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว MR.NAM และ MR.SHIN ยอมรับว่ายาเสพติดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบภายในห้องดังกล่าว ทั้งสองคนเป็นผู้ซื้อมาจากผู้ค้าหลายราย และตนจะทำการจำหน่ายต่อไปยังลูกค้าโดยวิธีการซุกซ่อนไว้ภายในเมาส์ฯ คอมพิวเตอร์ และเรียกใช้บริการขนส่งพัสดุบริษัท GRAB ในการส่ง โดยจะถ่ายรูปพัสดุและคนขับของบริษัท GRAB ส่งให้กับลูกค้าดูก่อน จากนั้นจะให้ลูกค้าจะจ่ายเงินด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ของ น.ส.สา (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นแฟนสาวของ MR.NAM โดยยาเสพติดส่วนหนึ่ง MR.NAM และ MR.SHIN จะเก็บไว้เพื่อเสพเอง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งให้ผู้ถูกจับทราบข้อกล่าวหา จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวผู้ถูกจับกุมพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ในส่วนของกลุ่มเครือข่ายการ ซื้อ-ขาย ยาเสพติด กก.สส.บก.ตม.1 อยู่ในระหว่างสืบสวนขยายผลผู้ร่วมขบวนการต่อไป

โดยกล่าวหาว่า ผู้ถูกจับที่ 1 และ 2 “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมตแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (ยาคีตามีน) ไว้เพื่อขายอันเป็นการขายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย”

ผู้ถูกจับที่ 3 “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมตแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย”

ผู้ถูกจับที่ 4 “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมตแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”

พร้อมด้วยของกลาง

1.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมตแอมเฟตามีน) รวม 16.88 กรัม

2.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (ยาคีตามีน) รวม 1.57 กรัม

3.ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) รวม 37 กรัม

4.เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล จำนวน 1 เครื่อง

5.สมุดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ชื่อบัญชี น.ส.สา เลขที่บัญชี xxxxx

สตม. จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

อดีตพ่อค้าออนไลน์ธุรกิจเจ๊ง ผันตัวเข้าสู่ขบวนการค้ารถหรูเถื่อนสวมทะเบียน

อดีตพ่อค้าเครื่องสำอางออนไลน์ในตลาดโรงเกลือ จังหวัดสระแก้ว ธุรกิจพังจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด 19 หันไปเอาดีทางด้านมืด โดยผันตัวเองเข้าไปสู่ขบวนการค้ารถหรูเถื่อน พร้อมสวมทะเบียนปลอม

ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว บุกเข้าควบคุมตัวนายธนธรณ์ กิจสมัย อายุ 39 ปี ชาวบ้านในอำเภออรัญประเทศ ขณะขับรถเก๋งยี่ห้อ มินิคูเปอร์ สีครีม-แดง ทะเบียน 1 กฌ 3332 กรุงเทพฯ จอดอยู่ภายในปั้มน้ำมัน ปตท.เพชรรัตน์ บนถนนธนะวิถี ตำบลหนองสังข์ อำเภออรัญประเทศ หลังจากตำรวจพบข้อมูลว่า นายธนธรณ์ฯ ได้ใช้รถหรูคันนี้โดยสวมทะเบียนปลอม จากการสอบสวนนายธนธรณ์ฯ ยอมรับว่า รถเก๋งมินิคูเปอร์คันนี้ ซื้อมาในราคา 290,000 บาท จากเฟสบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า รถหลุดจำนำจากนายทุน พร้อมทั้งทะเบียนปลอม 1 กฌ -3332 กรุงเทพฯ อีก 2 แผ่นป้าย ในราคา 2,500 บาท โดยทางเพจเฟสบุ๊กดังกล่าว จัดหามาให้ทั้งหมด

โดยนายธนธรณ์ฯ ยังยอมรับอีกว่า ก่อนหน้านี้ เคยประกอบธุรกิจจำหน่ายเครื่องสำอางค์ผ่านช่องทางออนไลน์ อยู่ภายในตลาดโรงเกลือ แต่จากสภาพเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดโควิด 19 จึงทำให้ธุรกิจไปไม่รอด ก่อนจะหันมาจับธุรกิจ ซื้อขายรถหรูในราคาถูกก่อนจะขายต่อทำกำไร เช่นเดียวกับรถเก๋งมินิคูเปอร์คันนี้ ซื้อมาไม่ถึง 300,000 บาท จะประกาศขายต่อในราคาๆเกือบๆ 400,000 บาท จากนั้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา ปลอมหรือใช้เอกสารสิทธิ์หรือเอกสาราชการปลอม ก่อนถูกนำตัวส่งสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ ดำเนินคดี

ขณะที่ตำรวจชุดจับกุม ให้ข้อมูลว่า รถเก๋งมินิคูเปอร์คันนี้ เป็นรถหลบหนีไฟแนนซ์มา โดยผู้ต้องหาใช้อยู่ในเขตอำเภออรัญประเทศ ก่อนเจ้าหน้าที่จะพบพิรุธจากรถคันนี้หลายจุด และเมื่อตรวจสอบในระบบฐานข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก ปรากฏว่า ทั้งเลขตัวถังรถ แผ่นป้ายทะเบียน พบว่าข้อมูลไม่ตรงกัน นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยังพบอีกว่า ทะเบียน 1 กฌ 3332 กรุงเทพฯ ได้มีการใช้เลขทะเบียนนี้ ที่กรุงเทพฯ 1 คัน ภาคอีสาน 1 คันและจังหวัดสระแก้ว 1 คัน โดยผู้ต้องหาคนนี้ ยอมรับ หลังเลิกจากธุรกิจค้าเครื่องสำอางออนไลน์ ได้หันไปเข้าสู่ขบวนการซื้อขายรถหรูราคาถูก ลักษณะซื้อถูกขายแพง โดยอาศัยส่วนต่าง เพื่อให้อยู่ได้ในช่วงสถานการณ์โรคระบาดแบบนี้


ภาพ/ข่าว  สมสัณห์ เอี่ยมศิลป์ / บูรพาทีวีออนไลน์ รายงาน

ตำรวจเมืองช้าง จับกุมพ่อค้าไม้พะยูงและไม้ประดู่ ฝ่าสถานการณ์โควิด-19

วันที่ 28 กรกฏาคม 2564 เวลา 17.30 น. ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ. สรกฤช พันธ์ศรี ผกก.สืบสวน ภ.จว. สุรินทร์ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท. วิชิตเวช ต๊ะผัด รอง ผกก. สืบสวน พ.ต.ต. สาโรจ ตระกูลโศภิษฐ์  สว.กก.สืบสวน ได้สั่งการให้ชุด ปทส.กก.สืบสวน ภ.จว.สุรินทร์ โดยมี ร.ต.อ.ปราโมทย์ เที่ยงธรรม ร.ต.อ.เฉลิมพล สายรัตน์ รองสว.กก.สืบสวน ดต.ธวัช เจนรอบ ส.ต.อ.ประสาน ราษีทอง ส.ต.ต.นุชา เหล่าพุทธา ผบ.หมู่ กก.สืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พนมดงรัก เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่สร.3 จนท.ตร.ชุด ปทส. ภาค 3 และ จนท.ชุดปฎิบัติการพิเศษป่าไม้สุรินทร์ ได้ทำการตรวจสอบไม้ดังกล่าวพร้อมได้ทำการจับกุมตัว

1.นายรวย ธรรมธร อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 167หมู่ 1 ต.ทุ่งสว่าง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ

2. นาง สุรวิภา สีดำ อายุ 45 ปี บ้านเลขที่ 132 ม. 7 ต.ดู่ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ

พร้อมของกลาง

1.ไม้ประดู่ จำนวน 16 ท่อน ปริมาตร 7.45 ลบม.

2. ไม้พะยูง จำนวน 13 ท่อน ปริมาตร 3.09 ลบม.

3. รถยนต์บรรทุกสิบล้อ เทรลเลอร์ ยี่ห้ออีชูซุ สีขาว เลขทะเบียน 82-8352 ศรีสะเกษ จำนวน 1 คัน 

ช่วงเวลา 16.00 น.จนท.ตร.สภ.พนมดงรัก ได้ตั้งจุดตรวจบริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 224 หน้า อบต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์และเวลา 17.30 น.พบรถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกไม้ผ่านมาจึงได้เรียกเพื่อทำการตรวจสอบพบว่าไม่มีเอกสารการได้มาของไม้มาแสดงต่อ จนท.จึงได้บันทึกจับกุมพร้อมของกลางส่ง พงส.สภ.พนมดงรัก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ปุรุศักดิ์ แสนกล้า

ตำรวจ PCT สนธิกำลังนครบาล ทลายเครือข่าย 'พนันออนไลน์' GCLUB พบเงินหมุนเวียนกว่า 250 ล้านต่อเดือน!!

เมื่อวันที่ (30 ก.ค.64) ตำรวจ PCT สนธิกำลัง บก.สส.บช.น. นำกำลังเข้าทลายเครือข่ายพนันออนไลน์พร้อมกันหลายจุด จับกุมผู้ต้องหา 2 คน ยึดรถหรู 3 คัน มีการเผยแพร่ภาพสดบ่อนคาสิโนในกัมพูชา พบเงินหมุนเวียนกว่า 250 ล้านบาทต่อเดือน

พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น./หัวหน้าชุดเทคนิคและสืบสวน PCT ชุดที่ 2 กล่าวว่า ได้สั่งการให้ ชุดสืบสวน นำโดย พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.กฤศณัฎฐ์ ธนศุภณัฎฐ์ ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. และ พ.ต.อ.ธนายุทธ ภูมิงาม ผกก.สน.จรเข้น้อย วางแผนนำกำลังเข้าทำการตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบเล่นพนันออนไลน์ จำนวน 3 จุด ในเขตพื้นที่ กทม. และ จ.กำแพงเพชร

จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 คน คือ

1.) น.ส.ทิพวรรณ ศรีลาคำ

2.) น.ส.ตระการตา ด่านวิวัฒน์อนันต์

ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ลงวันที่ 27 ก.ค. 2564 ในความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบาย ล่อ ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนัน (เสือมังกร) ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตโดยผิดกฎหมายและร่วมกันฟอกเงิน” ส่งพนักงานสอบสวน สน.จรเข้น้อย ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า เครือข่ายนี้ได้มีการจัดให้เล่นพนันผ่านเว็บไซด์ gclub .fan เว็บไซด์ gclub88888 .com, เว็บไซด์ gclub888888 .com และ เว็บไซด์ gclub88888vip . com โดยมียอดเงินหมุนเวียนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาประมาณ 1,500 ล้านบาท และได้ประกาศชักชวนให้บุคคลทั่วไปรวมถึงเยาวชนเข้าเล่นพนันอย่างเปิดเผย ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบว่าได้มีการเผยแพร่สัญญาณภาพคาสิโนสดจากประเทศกัมพูชา แล้วจัดให้มีการเล่นพนันผ่านเว็บไซด์ตัวแทนในประเทศไทยโดยมีบุคคลที่เกี่ยวข้องในเครือข่ายเป็นคนไทยทั้งหมด ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนขยายผลถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป

ในการปฏิบัติการครั้งนี้ ได้ตรวจยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดจากการจัดให้มีการเล่นพนันผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ อันเป็นความผิดตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และได้ทำการตรวจสอบและอายัดทรัพย์สินดังต่อไปนี้

1.) รถยนต์ ยี่ห้อ Mercedez Benz รุ่น CLA250 จำนวน 1 คัน

2.) รถยนต์ ยี่ห้อ Mercedez Benz รุ่น C300e จำนวน 1 คัน

3.) รถยนต์ ยี่ห้อ Mercedez Benz รุ่น C180 Coupe จำนวน 1 คัน

4.) รถยนต์ ยี่ห้อ Suzuki รุ่น Ciaz จำนวน 1 คัน

5.) โทรศัพท์มือถือ จำนวน 83 เครื่อง

6.) เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง

7.) แท็บเล็ต จำนวน 1 เครื่อง

8.) เอกสารทางการเงินอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.ต.สันติฯ กล่าวว่า "คดีการพนันออนไลน์เป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน หลังจากนี้จะได้แจ้ง ปปง. เพื่อยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งผู้ต้องหาหรือผู้ที่เกี่ยวข้องและดำเนินคดีฐานฟอกเงินต่อไป"  ซึ่งการปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันออนไลน์นั้นถือเป็นอีกหนึ่งในนโยบายที่สำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เพื่อป้องกันการมอมเมาเยาวชน โดย มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร./ผู้อำนวยการศูนย์ PCT เป็นผู้ขับเคลื่อน ทั้งนี้หากพบเบาะแสการลักลอบเล่นพนันออนไลน์ หรือการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน ศูนย์ PCT 1599 ตลอด 24 ชม. หรือ 081-8663000 เฉพาะเวลาราชการ

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือน!! ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนหรือเป็นเท็จในลักษณะ “ข่าวปลอม” (Fake News) จากผู้ไม่หวังดีที่พยายามบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร

เมื่อวันที่ 31 ก.ค.2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในการสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนหรือเป็นเท็จในลักษณะข่าวปลอม(Fake News) จากผู้ไม่หวังดีที่พยายามบิดเบือนข้อมูลข่าวสารโดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์ นั้น โดยในวันนี้ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย ตรวจพบข่าวปลอม อีก 2 กรณี คือ

1. กรณีที่มีการแชร์ข้อมูลว่าตอนนี้กองกำลังทหารกว่า 300 นาย ได้ควบคุมตัวนายกรัฐมนตรี ไว้แล้ว เพื่อให้กองทัพบกทำการรัฐประหารนั้น ทางกองทัพบกได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและชี้แจงว่า เป็นข้อมูลเท็จ เป็นการสร้างเรื่องเท็จหวังให้เกิดความวุ่นวายในสังคม เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ทำลายชื่อเสียงกองทัพและรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ผู้บัญชาการทหารบกได้มอบให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก เข้าดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ที่ปล่อยข่าวปลอมดังกล่าวต่อไป

2.จากที่มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจร ตราอินทารา ซึ่งระบุสรรพคุณในการจำหน่ายว่าเสริมภูมิคุ้มกันโรค ป้องกันไม่ให้ติดไวรัสในกลุ่มทางเดินหายใจ ลดการอักเสบที่ปอดและทางเดินหายใจจากการติดเชื้อ ต้านเชื้อไวรัส และรักษาโรคโควิด-19 ได้นั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบและยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์ปลอม และใช้ข้อความโฆษณาที่เป็นข้อมูลเท็จ

โดยผลิตภัณฑ์ที่มีเลขสารบบอาหาร 63-1-17262-5-0005 ได้รับอนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในชื่อ อินทรา-015 (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร)/Intra-015 (Dietary Supplement Product) ส่วนประกอบ คือ ไคโตซาน ถั่วขาว ส้มแขก และบุก ซึ่งไม่มีฟ้าทะลายโจรเป็นส่วนประกอบแต่อย่างใด

ดังนั้น ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อมิให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนก

ซึ่งการกระทำของผู้เผยแพร่ข่าวปลอม อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1),(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพฤติการณ์ที่ได้กระทำความผิดโดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดต่อไป

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสผ่าน 4 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com ,เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter และช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87

ตร. เตือนประชาชน ระวัง! “ฟ้าทะลายโจรปลอม” ผู้ขายระวังโทษหนัก

เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2564  พ.ต.อ.ศิริวัฒน์  ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเป็นห่วงใยพี่น้องประชาชนในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 มีประชาชนเป็นจำนวนมากหาซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรฟ้าทะลายโจร ทำให้เกิดความต้องการในท้องตลาดสูง จึงมีมิจฉาชีพหรือผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลอม ฉวยโอกาสโดยการโฆษณาขายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ขายผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรปลอม หรือใช้หมายเลข อย.ปลอม หรือ โฆษณาแสดงสรรพคุณอันเป็นเท็จ เกินความจริง ทำให้เข้าใจผิดในสรรพคุณ หรือ ทำให้เข้าใจว่ามีวัตถุใดเป็นส่วนประกอบ ซึ่งความจริงไม่มีวัตถุหรือส่วนประกอบน้ัน ในผลิตภัณฑ์สมุนไพร หรือมีแต่มีไม่เท่าที่ทำให้เข้าใจตามที่โฆษณา ฯลฯ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์ เพื่อเตือนให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจร โดยให้เลือกซื้อจากร้านค้าที่มีมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ และควรตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การอนุญาตผลิตภัณฑ์ จากเว็บไซต์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา www.fda.moph.go.th หรือ Oryor Smart Application และตรวจสอบข้อมูลจาก เว็บไซต์ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย www.antifakenewscenter.com เป็นต้น

สำหรับผู้ที่กระทำความผิดในการขายผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรปลอมหรือโฆษณาขายในลักษณะผิดกฎหมายในสื่อสังคมออนไลน์ จะมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท ฯ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินห้าปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

นอกจากนี้ยังมีความผิด ตาม พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ.2562 ตามแต่พฤติการณ์ที่ได้กระทำ เช่น มาตรา 58 (1)ผลิต หรือขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรปลอมฯ ประกอบมาตรา 102 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินสามแสนบาทบาท มาตรา 70 โฆษณาผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาตฯและ มาตรา 74 โฆษณาผลิตภัณฑ์สมุนไพรในลักษณะผิดกฎหมายฯ ประกอบมาตรา 114 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดต่อไป ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนหรือเป็นเท็จในลักษณะ ‘ข่าวปลอม’ (Fake News) 2 กรณี หมอประสิทธิ์ และสินเชื่อธนาคารกรุงไทย

เมื่อวันที่ 1ส.ค.2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในการสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนหรือเป็นเท็จในลักษณะข่าวปลอม(Fake News) จากผู้ไม่หวังดีที่พยายามบิดเบือนข้อมูลข่าวสารโดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์ นั้น โดยในวันนี้ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย ตรวจพบข่าวปลอม อีก 2 กรณี คือ

1. จากที่มีการแชร์ข้อมูลที่ระบุว่าหมอประสิทธิ์ ซึ่งเป็นคณบดีศิริราช ได้ออกประกาศขอความร่วมมือให้ประชาชนล็อกดาวน์ตัวเอง และครอบครัว เพราะตอนนี้พบสายพันธุ์แลมบ์ดา กำลังระบาดในเขตมีนบุรี และขอให้ประชาชนล็อกดาวน์ตัวเองนั้น ทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเคยมีการส่งคลิปเสียงในประเด็นเดียวกันหลายครั้งแล้ว โดยขอยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวทั้งในรูปแบบข้อความ และคลิปเสียง ไม่ได้เป็นข้อมูลที่มาจาก ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลแต่อย่างใด

ซึ่งหากมีการแนะนำหรือข้อพึงระวังเกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จะทำการแถลงผ่านสื่อออนไลน์เป็นวิดีโอที่จะปรากฏทั้งใบหน้าและเสียง โดยไม่มีการเผยแพร่ข้อความหรือคลิปเสียงเพียงอย่างเดียว เพื่อป้องกันการแอบอ้าง

2. จากกรณีการโพสต์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการขอสินเชื่อกับธนาคารกรุงไทย ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังนั้น ทางธนาคารกรุงไทยได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและชี้แจงว่า ปัจจุบันยังไม่มีบริการให้สินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งแอปพลิเคชันเป๋าตัง เป็นแพลตฟอร์มด้านการเงินระบบเปิด สามารถใช้บริการแม้ไม่มีบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงไทย ให้บริการครอบคลุมทั้งบริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-wallet) รองรับการทำธุรกรรมโอนเงิน เติมเงิน และชำระค่าสินค้าและบริการ รวมถึงบริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของภาครัฐ (G-wallet) รองรับการทำนโยบายของภาครัฐ บริการกระเป๋าสุขภาพ (Health Wallet) ตรวจเช็กสิทธิด้านสุขภาพผ่านเป๋าตัง บริการด้านการลงทุนพันธบัตรของรัฐผ่านวอลเล็ต สบม.รวมถึงบริการเกี่ยวกับกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่ช่วยให้การจัดการบัญชีกยศ. สะดวก และรวดเร็ว

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ  และเพื่อมิให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนก

ซึ่งการกระทำของผู้เผยแพร่ข่าวปลอม อาจเข้าข่ายความผิดตาม  พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1),(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพฤติการณ์ที่ได้กระทำความผิดโดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดต่อไป

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสผ่าน 4 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com ,เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter และช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87

ม็อบคาร์ขอนแก่น เผาหุ่น 36 รัฐมนตรีแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ขับไล่รัฐบาลบริหารประเทศล้มเหลว

เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 1 ส.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากกลุ่มราษฎรขอนแก่น ได้กำหนดจัดกิจกรรมม็อบคาร์เพื่อเน้นย้ำ 3 ข้อเรียกร้อง ประกอบด้วยการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ฉบับที่มาจากประชาชนและปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ด้วยการนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์เข้าร่วมกิจกรรมนับพันคัน ขับขี่มาตามเส้นทางที่แกนนำกำหนดระยะทาง 12 กม. ตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา โดยทุก ๆ คัน จะบีบแตรและชูสามนิ้วเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์มาตลอดเส้นทางจนมาถึงจุดหมายหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น กลุ่มผู้ชุมนุมได้ตั้งเวทีปราศรัยอยู่กลางถนน พร้อมทั้งปิดเส้นทางไม่ให้รถสามารถสัญจรไป-มาได้ ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น พร้อมด้วยฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ ได้เฝ้าสังเกตการณ์รักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในกิจกรรมดังกล่าว

ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมมาพร้อมกันที่หน้าเวทีก็ได้นำหุ่นจำลองเป็นศพ 36 หุ่นรัฐมนตรีมากองไว้ที่หน้าเวที ก่อนจะราดน้ำมันและจุดไฟเผา เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าการบริหารประเทศของคณะรัฐบาลทั้ง 36 คน บริหารได้ล้มเหลวทุกด้าน และเพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 กว่า 4,000 คน ก่อนที่แกนนำจะสับเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยแสดงออกทางการเมือง ขณะเดียวกันยังคงมีกลุ่มนักดนตรีที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และตกงาน ได้มาร่วมบรรเลงเพลงสะท้อนความล้มเหลว

ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 กองกำลังสุรนารี สนธิกำลังปราบปรามขบวนการส่งออกไม้พะยุงข้ามชาติ

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2564 พันเอก นิสิต สมานมิตร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 กองกำลังสุรนารี ได้จัดชุดเฉพาะกิจ ร่วมกับจนท.ฝ่ายปกครอง อำเภอขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา และหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ อ.ขุนหาญ ร่วมกันเข้าจับกุมขบวนการลักลอบขนไม้พะยุง เพื่อนำส่งออกไปยังประเทศลาว 

จากข้อมูลด้านการข่าว สืบทราบว่า ได้มีรถบรรทุก หมายเลขทะเบียน 70-4120 มหาสารคาม ได้ขับรถเข้ามาในพื้นที่ บ้านขุนหาญ ต.โพธิ์กะสังข์ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ เพื่อมารับไม้พะยุง ไปส่งให้กับนายทุนชาวลาว โดยใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ในการเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่ ผลการปฏิบัติงาน สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย คือนายอุทัย เทียบหนู อายุ 50 ปี ชาว ตำบลโนนแดง อ.บรบือ จ.มหาสารคาม พร้อมด้วยของกลางเป็นไม้พะยุง จำนวน 66 ท่อน/เหลี่ยม จึงได้แจ้งข้อหา มีไม้หวงห้ามไม้พะยูงไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย จับกุมจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่งเจ้าพนักงานสอบสวน สภ.กันทรอม อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ และนำไม้ของกลางไปเก็บไว้ที่ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ศก.1 อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ


ภาพ/ข่าว  บุญทัน ธุศรีวรรณ ศรีสะเกษ

คาร์ม็อบระยองครั้งที่ 2 ทวงถามวัคซีคซีนให้แรงงานและคนระยอง กับรมช.สาธิต ติดป้าย ”SAVE เขายายดา ผืนป่าระยอง”

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 1 สิงหาคม นายภาณุพงศ์ จาดนอกหรือไมค์ระยอง พร้อมกลุ่มแนวร่วมตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย โดยมีรถยนต์ 50 คันเข้าร่วมขบวนริมถนนสุขุมวิท หน้าวัดเขาสำเภาทอง หมู่ 7 ต.เพ อ.เมืองระยอง พร้อมติดป้ายผ้าบริเวณทางขึ้นเขายายดา” SAVE เขายายดา ผืนป่าชาวระยอง” เนื่องจากมีกลุ่มคนมีอำนาจขึ้นไปตัดต้นไม้ใหญ่บริเวณจุดชมวิว เขายายดา

นายภาณุพงศ์ หรือไมค์ระยอง กล่าวว่าวันนี้มาจัดคาร์ม็อบระยองครั้งที่ 2 เพื่อทวงถามเรื่องวัคซีนจากนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่าจัดวัคซีนให้กับชาวระยองและภาคตะวันออกจำนวนเท่าไหร่ วันนี้จะมีการประกาศยกระดับการประท้วงเรียกร้องวัคซีนให้กับคนระยองและแรงงานภาคตะวันออก ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจ เมืองอุตสาหกรรม สร้างรายได้ให้กับประเทศ ทำไมแรงงานภาคอุตสาหกรรมยังไม่ได้ฉีดวัดซีน รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความความมั่นคงของมนุษย์(พม.)ที่เป็นด่านหน้า สิ่งที่พวกเราเรียกร้องเป็นผลประโยชน์กับประชาชนทั้งสิ้นไม่ได้ต้องการสร้างความวุ่นวาย พร้อมติดป้ายทางขึ้นเขายายดา “SAVE เขายายดา ผืนป่าระยอง เนื่องจากมีกลุ่มคนมีอำนาจขึ้นไปตัดต้นไม้ใหญ่จุดชมวิวเขายายดาเมื่อเร็ว ๆ นี้

ไมค์ระยอง กล่าวต่อว่าได้เปิดบ้านบูรพาช่วยเหลือพี่น้องที่ป่วยโควิด ได้รับข้อมูลว่า เกิดคลัสเตอร์ใหม่จำนวนมากในเขตห้วยโป่ง มาบตาพุด ปลวกแดงและ เขตชลบุรี ดังนั้นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เขต 1 ระยอง ควรเร่งหาวัคซีนให้กับแรงานภาคอุตสาหกรรมและคนระยอง เพื่อจะได้เปิดสถานที่ท่องเที่ยว เปิดการผลิตภาคอุตสาหกรรมให้มากที่สุดและเป็นการพยุงเศรษฐกิจให้กับประเทศด้วย

คาร์ม็อบวันนี้จะเคลื่อนขบวนไปที่หน้าศูนย์ราชการจังหวัดระยอง ต.เนินพระ อ.เมืองระยองโดยมีแรลลี่แรงงานสัมพันธ์ภาคตะวันออกประกาศเข้าร่วม ขบวนจะเคลื่อนมาจากบ่อวินปลวกแดง นิคมพัฒนา พบรวมที่ศูนย์ราชการและจะประกาศยกระดับกับแนวร่วมต่อไป


ภาพ/ข่าว  ราชัญ กองทองผู้สื่อข่าว จ.ระยอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top