Saturday, 10 May 2025
Crimes

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สลุย พร้อม ฝ่ายปกครอง จังหวัดชุมพร บุกจับนักพนัน ลักลอบชนไก่ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

วันที่ 17 กรกฎาคม 2564 เวลา 13.00 น. ภายใต้การอำนวยการของนายธีระ อนันตเสรีวิทยา ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายพิทักษ์ พิศสิริวัฒนสุทธิ์ ปลัดจังหวัดชุมพร พล.ต.ต.ถาวร แสงฤทธิ์ ผบก.ภ.จว.ชุมพร  พ.ต.อ.จิโรจน์ สาธุการ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.ชุมพร รักษาราชการแทน ผกก.สภ.สลุย ชุดจับกุมนำโดย นายทวีป ไทยสวี ป้องกันจังหวัดชุมพร นายสุจินต์ สว่างศรี ผบ.ร้อย อส.จ.ชุมพรที่ 1 นายเกียรติภูมิ โภคผล เจ้าหน้าที่ปกครองและสมาชิก อส. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สลุย. ชุดเฉพาะกิจ ภ.จว. ชุมพร และชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ชุมพร  ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาลักลอบเล่นพนันชนไก่พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 10 ราย พร้อมด้วยของกลาง ไก่ชน 7 ตัว และอุปกรณ์ประกอบการเล่น

โดยกล่าวหาว่า

1. ร่วมกันลักลอบเล่นพนันชนไก่พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต

2.ร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมมั่วสุมในสถานที่แออัดอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชกำหนดและคำสั่งจังหวัดชุมพร เรื่อง มาตรการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่อไวรัสโคโรน่า 2019

เหตุเกิดที่ อาคารร้างในสวนปาล์มน้ำมัน  พื้นหมู่ที่ 10 ตำบลหงษ์เจริญ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร และนำตัวผู้ถูกจับพร้อมของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สลุย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เพื่อโปรดทราบ

จากนั้น ได้นำตัวผู้ถูกจับ พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สลุยชุมพร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร

ผบช.ภ.3 !! แถลงข่าวผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ได้ยาบ้า 408,784 เม็ด ยึดทรัพย์มูลค่าประมาณ 1,000,000 บาท

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3 นายณรงค์ วรหาญ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกัปราบปรามยาเสพติดภาค 3 และนายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย พลตำรวจตรี สันติ เหล่าประทาย และคณะ ได้ร่วมก้นแถลงข่าวผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ ภายใต้ยุทธการ พิฆาตทรชน คนค้ายา อีสานใต้ และ ยุทธการ 238 พิทักษ์นครลำดวน ในห้วงระหว่างวันที่ 26 มิถุนายน ถึงวันที่19 กรกฎาคม 2564 โดยมี พล ต.ต. คิรีศักดิ์ ต้นดินวะชัย รอง ผบช.ภ.3 นายสำรวย เกษกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ สรรพสามิตพื้นที่ศรีสะเกษ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ ผอ.สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดศรีสะเกษ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ผู้แทนผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพราน ที่ 23 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ตชด.224 กันทรลักษ์ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพราน ที่ 23 และสื่อมวลชนจังหวัดศรีสะเกษ 

เข้าร่วมรับฟังการแถลงผลการจับกุม โดยมีผลการจับกุมรวมทั้งสิ้น 413 คดี ได้ผู้ต้องหา 534 คน ของกลาง ยาบ้า 408,784 เม็ด /กัญชาสด 29 ต้น /กัญชาแห้ง 55.99 กรัม  ไอซ์ 102.55 กรัม กระท่อม 441.8 กรัม และอาวุธปืน 34 กระบอก จับกุมตามหมายจับคดียาเสพติด ข้อหา ครอบครองเพื่อจำหน่าย 2 หมาย  ยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.มาตรการฯจำนวน 8 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 1,000,000 บาท พร้อมทั้งมีการแถลงผลการตรวจยึดบุหรี่เถื่อนนำเข้าโดยผิดกฎหมายของสรรพสามิตพื้นที่ศรีสะเกษอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นข้อมูลในการคำเนินการปราบปราม จับกุม ทำลายเครือข่ายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และเพื่อลดปัญหายาเสพติดให้สังคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด และปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติด ต่อไป

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3 กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 ได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจังทั้งระบบ โดยเร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ปราบปราม แหล่งผลิตและเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด ทั้งพื้นที่แนวชายแดนและพื้นที่ตอนใน โดยให้เป็นการแก้ไขปัญหาภายในของประเทศด้วยกฎหมายไทยและหลักสากล ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษได้กำหนดให้วาระที่ 2 ของ 10 วาระเร่งด่วนในการพัฒนาจังหวัด เป็นเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด  

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3 กล่าวต่อไปว่า ตร.ภ.จว.ศรีสะเกษร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้จับกุมเครือข่ายคดียาเสพติดรายสำคัญ ในพื้นที่ สภ.กันทรลักษ์ บึงมะลู โนนคูณ รวม 13 ราย ผู้ต้องหา 16 คน ของกลาง ยาบ้า 388,500 เม็ด ไอซ์ 13.47 กรัม และดำเนินการยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ จำนวน 8 รายการ มูลค่าประมาณ 1,000,000 บาท ซึ่งผู้ต้องหารายสำคัญประกอบด้วย นายจตุพล หรืออั๋น ไชยศาสตร์ อายุ 32 ปี ชาว ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จับในพื้นที่ สภ.กันทรลักษ์ ของกลาง ยาบ้า 124,000 เม็ด รายที่ 2  คือ นายเปรม (นามสมุติ) อายุ 18 ปี  ชาว ต.ภูเงิน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จับกุมในเขตพื้นที่ สภ.กันทรลักษ์ ของกลาง ยาบ้า 186,806 เม็ด โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติด ให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ได้นำตัวผู้ต้องหาและของกลางไปส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3 ยังกล่าวด้วยว่า  ตร.ภาค 3 จึงขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน ให้ความร่วมมือแจ้งเบาะแสข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งผู้เสพ ผู้ค้า โดยแจ้งข้อมูลผ่าน สายด่วนยาเสพติด 1594 , สายด่วน 191, Application Police I lert U และ เบอร์สายด่วน 1386 ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม (https://www.oncb.go.th/) ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ สายด่วน 1567 ทั้งนี้เพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินการปราบปราม จับกุม ทำลายเครือข่ายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อลดปัญหายาเสพติดให้สังคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด และปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป


ข่าว/ภาพ  บุญทัน ธุศรีวรรณ ศรีสะเกษ

ศรชล.ส่งเรือรบร่วมเรือประมง ค้นหาลูกเรือพลัดตกทะเล ยังไร้วี่แวว

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จังหวัดระยอง (ศรชล.จว.รย.) โดยนาวาเอก อนุพงค์ จันทร์พฤกษ์ รอง ผอ.ศรชล.จว.รย. และนาวาเอก พิศาล หาญภักดี หัวหน้าศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดระยอง (ศคท.จว.รย.) ได้รับแจ้งเกิดเหตุลูกเรือประมงพลัดตกน้ำ ในพื้นที่ จว.ระยอง เมื่อคืนวันที่ 18 ก.ค. 64 เวลา 23.00 น. จาก นางสาว ดวงนภา อ่อนละมูล ลูกเจ้าของเรือ ว่าเรือประมงเกรียงไกร 14 ขนาด 89.52 ตันกรอส เครื่องมืออวนติดตา

มีลูกเรือชื่อ นายพอลล่า กอด อายุ 28 ปี ชาวกัมพูชา คาดว่าพลัดตกน้ำ เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. บริเวณห่างจากเกาะเสม็ด ระยะประมาณ 22.80 ไมล์ โดย นายนิสารัตน์ สรรพสุข ไต๋เรือ ได้นำเรือค้นหาบริเวณที่คาดว่าลูกเรือพลัดตกทะเล แต่ยังไม่พบลูกเรือดังกล่าว จึงร้องขอการช่วยเหลือค้นหาผู้ประสบภัย

และเมื่อ เวลา 08.00 น. ของวันที่ 19 ก.ค.64  ศคท.จว.รย. และ เจ้าหน้าที่ด่านตรวจประมงระยอง ได้ประสานทางเครือข่ายวิทยุมดดำนาวี ขอความช่วยเหลือจากเรือประมง บริเวณใกล้เคียง จำนวน 3 ลำ ได้แก่ เรือ ป.สินมีสุข 929  เรือ สินชัยนาวี 88 และ เรือ มังกรสมุทร 555 ช่วยเหลือค้นหาผู้ประสบภัย

ในการนี้ ศยก.ศรชล.ภาค 1 บูรณการร่วมกับ ศปก.ทรภ.1 สั่งการให้เรือ ต.115 เข้าพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อช่วยเหลือค้นหาผู้ประสบภัย แต่เนื่องด้วยสภาพอากาศคลื่นลมแรง ทำให้เป็นปัญหาต่อการค้นหา จนถึงเวลา 18.00 น. ของวันนี้ ยังไม่พบลูกเรือที่สูญหายแต่อย่างใด จึงได้ยุติการค้นหาในเบื้องต้น ก่อนจะร่วมประสานงานทำการค้นหา ในวันรุ่งขึ้นต่อไป


ภาพ/ข่าว สนง.ศรชล.ภาค 1

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

กอ.รมน.จังหวัด ช.ร. บูรณาการจัดการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดระเบียบสังคม ป้องกันการมั่วสุมและการกระทำผิดกฎหมายและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส covid-19 ในจังหวัดเชียงราย

เมื่อ 19 ก.ค. 64 เวลา 20.00 น. พ.อ. กิตติพล ไพรหิรัญ รอง ผอ.รมน.จังหวัด ช.ร. (ท.) มอบหมายให้ ร.ต.นพดล รวมจิตร หน.ฝ่ายโครงการและงบประมาณฯ และ จนท.กอ.รมน.จังหวัด ช.ร.ได้ประสานงานบูรณาการร่วมกับคณะทำงานจัดระเบียบสังคมแบบบูรณาการระดับจังหวัด เพื่อปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล การป้องกันและหยุดหยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด การจัดระเบียบสังคมการป้องกันการรวมกลุ่มหรือมั่วสุม และการกระทำผิดกฎหมาย รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในจังหวัดเชียงราย

พร้อมด้วย ศปก.จ.เชียงราย ได้ดำเนินการออกตรวจตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงราย ที่ 47/2564 และ 57/2564 และออกตรวจสอบแรงงานต่างด้าวในสถานประกอบกิจการ ซึ่งเป็นสถานบริการในเขตพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย จำนวน 7 แห่ง ดังนี้

               1. ร้านนวดแผนโบราณ / ร้านอาหารญี่ปุ่น Natsu บริเวณรอบ ๆ โรงแรมวังคำ

               2. บริเวณสถานีขนส่ง (เก่า)

               3. บริเวณตลาดศิริกรณ์                                                                                                           

               4. ร้านสองสลึงคาราโอเกะ                                                                                                          

               5. ร้านยาดองป่าตึงริมกก                                   

               6. ร้านย่างเนยบ้านดู่                                      

               7. ร้านพะณครบ้านดู่

ผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่พบการกระทำผิดกฎหมายและฝ่าฝืนคำสั่ง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายและคำสั่งโดยเคร่งครัด

ตำรวจน้ำ ออกลาดตระเวนป้องกันการกระทำความผิด พบของกลางพืชใบกระท่อมสด พร้อมส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสตูล ดำเนินคดีต่อไป

วันนี้ 20 กรกฎาคม 2564  การตรวจยึดยาเสพติดในครั้งนี้จากภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ. จตุรวิทย์ คชน่วม ผกก.9 บก.รน.และ พ.ต.ท.บรรเจิด มานะเวช รอง ผกก.9 บก.รน. ได้กำชับให้ พ.ต.ท.ศิโรดม สนุ่นดี สว.ส.รน.3 กก.9 บก.รน. ปฎิบัติตามนโยบายเพื่อความปลอดภัยและความสุขของพี่น้องประชาชน จนเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เวลา 09.00 พ.ต.ท.ศิโรดม สนุ่นดี สว.ส.รน.3 กก.9 บก.รน.

หลังได้รับแจ้งข้อมูลจากสายลับว่ามีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดบริเวณพื้นที่ป่าชายเลน หมู่ 2 ตำบลตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล พ.ต.ท.ศิโรดม ฯ จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และสั่งการให้ ร.ต.ท.นราธร เทียมประทีป พร้อมด้วยกำลัง เรือ รน.28 จำนวน 5 นาย และ ร.ต.ท.พีรวัส เหมนแก้ว นำกำลัง ชุด สืบสวน จำนวน 4 นาย เข้าตรวจสอบพื้นที่ตามที่ได้รับแจ้งจากสายลับ

จนเมื่อเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยบริเวณริมคลองจระเข้ไข่ ในพื้นที่หมู่บ้าน ชุมชนคลองเข้ไข่ หมู่2 ต.ตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล พร้อมกับประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อร่วมกันตรวจสอบ ภายหลังจากการตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย พบว่าเป็นของกลางพืชใบกระท่อมสด มัดห่อด้วยถุงพลาสติกใส บรรจุในถุงพลาสติกสีดำ จำนวนทั้งหมด 21 ถุง น้ำหนักถุงละประมาณ 10 กิโลกรัม รวมน้ำหนักประมาณ 210 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงได้สอบถามชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียง ไม่มีใครทราบว่าของกลางดังกล่าวเป็นของผู้ใด เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจยึดของกลางทั้งหมด พร้อมส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสตูล ดำเนินคดีต่อไป


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

ผู้การปทุมฯ เตือนประชาชนงดเดินทาง คุมเข้มตั้ง 5 ด่านเคอร์ฟิวสกัดโควิด

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า สำหรับจังหวัดปทุมธานีเป็นจังหวัดที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เราต้องถือปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล โดยในเรื่องของการเดินทาง ตามประกาศได้มุ่งเน้นให้ประชาชนอยู่กับบ้านไม่เดินทางไปไหน เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดหรือแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 จึงขอความร่วมมือจากประชาชนอย่าเดินทางออกจากบ้าน โดยเฉพาะการเดินทางข้ามเขตข้ามจังหวัด ขอให้ Work from Home ทำงานอยู่ที่บ้าน หากไม่มีอะไรทำ ให้หาอาชีพเสริม ที่ทำงานอยู่ที่บ้าน เพื่อจะได้มีรายได้เสริมขึ้นมา ส่วนเรื่องห้างสรรพสินค้าในจังหวัดปทุมธานี ให้เปิดทำการแล้ว โดยเวลาปิดไม่เกิน 20.00 น. สามารถดำเนินกิจการได้ในส่วนของซุปเปอร์มาเก็ต รวมถึงร้านยา และการใช้สถานที่เป็นสถานที่สำหรับฉีดวัคซีน

ในเรื่องของร้านอาหาร เปิดได้ไม่เกิน 20.00 น. ห้ามนั่งกินในร้าน สุราเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ห้ามจำหน่าย สุดท้ายในเรื่องของเคอร์ฟิว เรามีการตั้งด่านเคอร์ฟิว 5 ด่าน ประกอบด้วย

1.บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าโลตัส นวนคร (พหลโยธินขาออก) อำเภอคลองหลวง

2.บริเวณแยกบางคูวัด อำเภอเมืองปทุมธานี

3.บริเวณหน้าศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต (พหลโยธินขาเข้า) อำเภอธัญบุรี

4.บริเวณหน้าโรงพยาบาลธัญบุรี อำเภอธัญบุรี และ

5.บริเวณแยกตลาดใหญ่ อำเภอลำลูกกา นอกจากจะเป็นด่านเคอร์ฟิวแล้วยังมีจุดคัดกรองโควิด-19 จำนวน 4 ด่าน (ยกเว้นด่านหน้าศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต)

ฝากถึงประชาชนว่าหลังจากเวลา 21.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่นขึ้น หากไม่มีความจำเป็นพบแพทย์หรือเหตุจำเป็นเร่งด่วน หรือไม่ใช้บุคคลที่อนุญาตให้เดินทางได้  ก็อย่าได้ออกมาเลย เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย อย่างเข้มงวด ต้องปฏิบัติตามกฎมายอย่างเคร่งครัด ต้องจับกุมดำเนินคดีท่าน ขอร้องไม่มีความจำเป็นอย่าออกมา เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านในการสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด และไม่เป็นการกระจายหรือทำให้เชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดไปสู่ผู้อื่น นอกจากนี้ในเวลากลางคืน ตนเชื่อว่าการเดินทางเพื่อความปลอดภัย ให้ใช้ความระมัดระวังอย่างสูงเนื่องจากจะมีรถยนต์ที่ได้รับอนุญาต อาจจะใช้ความเร็ว จะสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ และการเดินทางข้ามจังหวัดในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดในช่วงเคอร์ฟิว หลังเวลา 21.00 น. ถึง 04.00 น. ขอความร่วมมืออย่าได้ปฏิบัติ เพื่อความปลอดภัยของท่านเอง


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ ขาวขำ รายงาน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ​ เตือนภัย!! มิจฉาชีพสร้างแอปพลิเคชัน 'ดัก'​ รับข้อมูลส่วนตัว

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์ถึงแนวทางในการป้องกันแอพพลิเคชั่นที่เหล่ามิจฉาชีพใช้ในการดักรับข้อมูล ดังต่อไปนี้

ในปัจจุบันเทคโนโลยีมีการพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นต่างๆ บนโทรศัพท์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทั้งในระบบ ios และ android อีกทั้งบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่างๆ รวมถึงใช้บริการจากแอพพลิเคชั่นได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่ก็มีเหล่ามิจฉาชีพอาศัยช่องว่างดังกล่าวในการกระทำความผิด ตามที่มีการนำเสนอทั้งในสื่อไทยและสื่อต่างประเทศ ว่ามีเหล่ามิจฉาชีพสร้างแอพพลิเคชั่นขึ้นมาเพื่อดักเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานไม่ว่าจะเป็น ชื่อ-สกุล รหัสประจำตัวประชาชน รวมถึงรหัสผ่านต่างๆ ในบางกรณีจะมีให้กรอกเลขบัตรเครดิตหรือข้อมูลทางการเงิน หลังจากนั้นมิจฉาชีพก็อาจจะนำข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไปใช้แสวงหาประโยชน์ในทางทุจริต ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างก็เป็นได้

จากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้มีการนำเสนอข่าวกรณีดังกล่าว พบว่ามีแอพพลิเคชั่นกลุ่มหนึ่งที่มีการกระทำในลักษณะดังกล่าว จำนวน 9แอพพลิเคชั่น ได้แก่ Processing Photo , App Lock Keep , Rubbish Cleaner , Horoscope Daily , Horoscope Pi , App Lock Manager , Lockit Master , Inwell Fitness , PiP Photo ซึ่งขณะนี้ได้มีการปิดแอพพลิเคชั่นลักษณะดังกล่าวในบางส่วน 

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐาน การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา5 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือ กฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอฝากเตือนภัยและประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อดังนี้ ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแอพพลิเคชั่นก่อนจะนำมาใช้ทุกครั้ง ไม่ควรยินยอมให้แอพพลิเคชั่นเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวในโทรศัพท์ และหากไม่แน่ใจถึงความปลอดภัยในการใช้แอพพลิเคชั่นดังกล่าว ไม่ควรกรอกข้อมูลส่วนบุคคล หรือหลีกเลี่ยงไปใช้แอพพลิเคชั่นอื่นแทน ในกรณีทราบภายหลังว่าแอพพลิเคชั่นดังกล่าวมาหลอกนำข้อมูลไปใช้ ให้รีบเปลี่ยนรหัสผ่านทันที และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคาร สถาบันทางการเงิน เป็นต้น นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดสามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้ว่าฯสุราษฎร์ แถลงจับกุม 2 พ่อค้ายาเครือข่าย สุราษฎร์-กระบี่ ยึดทั้งยาบ้า ไอซ์ เฮโรอีนมูลค่า 69 ล้าน

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 22 กรกฎาคม ที่กองร้อย ตชด.ที่417 อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์  แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วยนายวิชวุทย์  จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.ณัฐ สิงห์อุดม รองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 , นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์, พ.ต.อ.กิจต์ณศักดิ์ เกี้ยวเพ็ง ผกก.ตชด.41 , พ.ต.ท.กุลนริศร์ นวมมณีรัตน์ รอง ผกก.ตชด.41และพ.ต.ท.อภิสิทธิ์ รอดน้อย ผบ.ร้อย ตชด.417 แถลงจับกุมนายอุทัย หรือสี เพ็ชร์รัตน์ อายุ 33 อยู่บ้านเลขที่ 6/9 หมู่ 8 ต.ควนทอง อ.ขนอม จ.นครศรี ธรรมราช และนายอนุเชษฐ์ หรือเชษฐ์ ศรีทองนาค อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 หมู่ 8 ต.ควนทอง อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ยึดของกลางยาบ้า 275 มัด จำนวน 550,000 เม็ด , ไอซ์ น้ำหนัก 100 กรัม , เฮโรอีน น้ำหนัก 4 กิโลกรัม และรถจักรยาน ยนต์ 1 คัน รวมมูลค่าของกลางทั้งหมดประมาณ 69 ล้านบาท ได้ที่บริเวณศาลาริมถนนหลักกิโลเมตรที่ 61 ถ.สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช หมู่ 12 ต.ปากแพรก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ต่อเนื่องที่บ้านพักนายอุทัยเลขที่ 6/9 หมู่ 8 ต.ควนทอง อ.ขนอม

จากการสืบสวนชุดปราบปรามยาเสพติดกองร้อย ตชด.417 ทราบว่า นายอุทัย เป็นผู้พ่อค้ายาเสพติดในพื้นที่ อ.ดอนสัก ต่อมาวันที่ 20 ก.ค.64 จึงติดต่อสั่งซื้อยาบ้า 2,000 เม็ด นายอุทัยพร้อมนายอนุเชษฐ์ ได้ขับรถจักรยายนต์นำมาส่งมอบ ที่บริเวณศาลาริมถนน ปากทางเข้าคลองวัง ถนนสุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช หมู่ 12 ต.ปากแพรก อ.ดอนสัก จึงจับกุมได้และ นำไปค้นที่สวนข้างบ้านนายอุทัยพบทั้งไอซ์, ยาบ้า และเฮโรอีน ทั้งหมด

นายอุทัย ให้การรับสารภาพว่า ได้รับคำสั่งจากนายโด่ง (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) อยู่ที่ จ.กระบี่ ให้ไปรับยาเสพติดที่วาง ไว้บริเวณริมถ.สุราษฎร์ธานี-กระบี่(เซาท์เทิร์น)หลักกิโลเมตรที่ 62 ท้องที่หมู่ 2 ต.อรัญคามวารี อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานีนำมาเก็บไว้ เพื่อรอรับคำสั่งจากนายโด่งไปส่งให้ลูกค้าได้ค่าจ้างครั้งละ 150,000-200,000 บาท โดยจะมีการขยายผลจับกุม ผู้เกี่ยวข้องต่อไป ในโอกาสนี้พลโทเกรียงไกร และนายวิชวุทย์ ได้มอบเงินรางวัลเพื่อเป็นกำลังใจให้ชุดจับกุมด้วย

นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด จังหวัดสุราษฎร์ธานี สถานการณ์ปัญหายาเสพติดภาพรวม พบว่าการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานียังมีการแพร่ระบาดสูงในพื้นที่ชุมชนเมืองและแหล่งท่องเที่ยว เนื่องจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นจุดศูนย์กลางการค้าการลงทุน มีระบบคมนาคมขนส่งที่สะดวกรวดเร็ว ครบทุกมิติ มีการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าระดับภูมิภาคหรือ LOGISTICS HUB เป็นเมืองท่องเที่ยวทั้งระดับประเทศ และนานาชาติ และเป็นที่พัก/เส้นทางลำเลียงสู่ภาคใต้ตอนล่าง สำหรับผลการดำเนินการผู้ค้ายาเสพติด ในห้วงปีงบประมาณ 2564 (ต.ค. 63 – ก.ค. 64) มีผลการจับกุมผู้ค้า ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในภาพรวมของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นคดียาเสพติดทุกข้อหาจำนวน 9,771 คดี ผู้ต้องหา 9,802 คน ของกลาง ยาบ้า 3,431,757เม็ด ยาไอซ์ 60.32 กิโลกรัม เฮโรอีน 0.39 กรัม กัญชาแห้ง 18.61 กิโลกรัม และดำเนินการยึดทรัพย์แล้ว จำนวน 21 คดี เป็นเงิน 257,293,602 ล้านบาทซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานกันอย่างต่อเนื่อง


ภาพ/ข่าว  สรเดช ส้มเกลี้ยง สุราษฎร์ธานี

รวบแก๊งมังกรทำ Hybrid scam หลอกผู้เสียหายชาวไทยหลายราย ลงทุนซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.

มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. , พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้ 1.นายฮู  สัญชาติจีน อายุ 39 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ จ.223/2564 2.นายกวินทร์ฯ อายุ 42 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ จ.196/2564 3.น.ส.วารินทร์ฯ อายุ 40 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ จ.197/2564 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม. ได้รับร้องเรียนจากผู้เสียหายชาวไทยเบื้องต้นจำนวน 15 ราย กรณีคนร้ายชาวต่างชาติเข้ามาตีสนิทผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เช่น Instagram, Tinder, Hello talk หรือแอพพลิเคชั่นสอนภาษาต่างประเทศ เมื่อได้ทำความรู้จักและสนิทสนมกับมากขึ้น คนร้ายจะแอบอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับตลาดสกุลเงินดิจิทัล ชักชวนให้ลงทุนซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล อาทิ BTC USDT BNB เป็นต้น ผ่านทางแอพพลิเคชั่น BLACK STONE, ZON XIN , Grayscale , PKEX , BLACK ROCK เป็นต้น

โดยอ้างว่าหากซื้อขายตามคำแนะนำของคนร้าย จะได้ผลตอบแทนที่สูง ผู้เสียหลงเชื่อจึงได้ซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลไปตามคำแนะนำของคนร้าย ในคราวแรก ๆ ได้ผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง แต่ต่อมาภายหลัง ไม่ได้ผลตอบแทนแม้แต่บาทเดียว อีกทั้งเมื่อผู้เสียหายมีความประสงค์จะถอนเงินออกจากระบบ ซึ่งแสดงยอดเงินที่ตนเองมีอยู่ ก็ไม่สามารถถอนได้ และจะถูกคนร้ายชักจูง หลอกลวงให้โอนเงินเพิ่มเข้าไปในระบบ ซึ่งเมื่อโอนเข้าไปแล้วก็ไม่สามารถนำเงินออกจากระบบได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกหลอกลวง จึงได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนตามท้องที่เกิดเหตุต่าง ๆ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุมได้ทำการสืบสวนจนทราบว่ากลุ่มคนร้าย มีทั้งชาวจีนและชาวไทยพักอาศัยอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยกลุ่มคนร้ายมีการแบ่งหน้าที่กันทำโดยกลุ่มชาวจีน จะสั่งหรือจ้างให้คนไทยไปตระเวนซื้อสมุดบัญชีธนาคารจำนวนมาก เมื่อมีเงินจากผู้เสียหายโอนเข้ามาแล้ว จะใช้ให้คนไทยไปตระเวนกดเงินออกจากบัญชี เพื่อนำเงินสดมาให้ตน และจากนั้นจะนำเข้าไปซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ผ่านแพลตฟอร์มซื้อขายเงินสกุลดิจิทัลต่าง ๆ  เพื่อให้ยากต่อการสืบสวนติดตาม

จากนั้นเจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม. ได้ทำการสืบสวน จนกระทั่งจับกุมตัวผู้ต้องหาบางส่วนได้ จำนวน 3 ราย ในพื้นที่เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยขณะจับกุม สามารถยึดเงินสดจำนวน 640,000 บาท (หกแสนสี่หมื่นบาท) พบสมุดบัญชีธนาคาร พร้อมบัตรกดเงินสด จำนวนหลายบัญชี และอายัดทรัพย์สินรถยนต์จำนวน 2 คัน รวมมูลค่า 8,000,000 บาท(แปดล้านบาท) เจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม. จึงได้ทำการสืบสวนต่อทราบว่ายังมีชาวจีนอยู่ในขบวนการกังกล่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะได้สืบสวนขยายผลต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณอย่างยิ่ง

 

สํานักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงข่าวการจับกุม 3 คดี ฝ่ามาตรการคุมเข้ม

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สํานักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 และ ว่าที่ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจจำนวน 3 คดี ดังนี้

1.กก.สส.บก.ตม.3 “จับหนุ่มผิวสีถอดหน้ากาก หวิดวางมวยกับฝรั่งกลางเมืองพัทยา”

ปัจจุบันจังหวัดชลบุรีเป็นจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด(สีแดงเข้ม) มีสถิติผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดกว่า 14,000 รายแล้วและมีอัตราเพิ่มขึ้นสูงรายวันอย่างน่าตกใจ ในห้วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ปรากฏคลิปข่าวที่น่าสนใจ เป็นเหตุการณ์ที่ชายผิวสีซึ่งไม่ยอมสวมใส่หน้ากากอนามัยทะเลาะกับชายต่างชาติผิวขาวที่เข้ามาตักเตือนจนเป็นกระแสสังคม สตม.ตระหนักถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของชายต่างชาติรายนี้แม้จะมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท เพียงสถานเดียว แต่เป็นเรื่องที่สำคัญในสถานการณ์เช่นนี้ที่จะปล่อยไว้อย่างช้าไม่ได้ จึงสั่งการให้ กก.สส.บก.ตม.3 และ ตม.จว.ชลบุรี ดำเนินการเอาผู้กระทำผิดมาลงโทษเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างในสังคม โดยมีรายละเอียดดังนี้

หลังจากได้การสั่งการข้างต้น ชุดจับกุมได้โดยเดินทางไปยังร้านอาหารสไตล์แม็กซิกัน บริเวณหน้าชายหาดรอยัลการ์เด้น เมืองพัทยา สถานที่เกิดเหตุเพื่อทำการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งจากการสอบถามผู้คนและสืบสวนหาพยานหลักฐานได้ข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชายผิวสีเดินเข้ามากับแฟนสาวเพื่อซื้ออาหารในร้านแต่ไม่ได้สวมใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งทางร้านได้มีการแจ้งเตือนว่าไม่ให้บริการกับลูกค้าที่ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยซึ่งมีลูกค้าอีกหนึ่งคนเป็นคนต่างชาติเข้ามาตักเตือน แต่ชายคนดังกล่าวได้โต้เถียงและแสดงพฤติกรรมที่ก้าวร้าวจนทำให้คนแตกตื่นซึ่งทางร้านปฏิเสธจำหน่ายอาหารให้พร้อมทั้งมีคนในร้านร้องบอกว่าจะแจ้งตำรวจ ชายคนดังกล่าวและแฟนสาวจึงได้รีบหลบหนีออกไปจากร้าน ในเวลาต่อมาชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าชายผิวสีคนดังกล่าวคือนายแคเรน(ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี สัญชาติ อเมริกัน พักอาศัยอยู่คอนโดมิเนียมย่านเขาพระตำหนัก จึงได้เข้าไปสืบหาตัวจนพบนายแคเรน ฯ เดินอยู่ใกล้บริเวณดังกล่าวจึงได้เข้าไปขอตรวจสอบก็พบว่าเป็นคนเดียวกัน จึงได้เชิญตัวมายังสภ.เมืองพัทยาเพื่อทำการแจ้งข้อกล่าวหาและเปรียบเทียบปรับในความผิดที่เกิดขึ้น

การแจ้งข้อกล่าวหา : แจ้งข้อกล่าวหา นายแคเรนฯ ว่า “กระทำการใด ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดแพร่ออกไป(ไม่สวมหน้ากากอนามัย) เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558 มาตรา 36(6)”

สอบถามนายรามฯ รับตนเป็นคนก่อเหตุในคลิปข่าวจริง ขณะนี้รู้สึกสำนึกผิดและเสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและพร้อมที่จะช่วยเป็นหูเป็นตาประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลกับคนต่างชาติคนอื่น ๆ ในประเทศไทยให้ใส่ใจร่วมมือกันสวมหน้ากากอนามัย และคำนึงถึงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด

2.ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ “ รวบฝรั่งแสบแอบขนของห้องเช่าหนี เจ้าของห้องเดือดร้อนหนัก ”

ด้วย ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับทราบความเดือดร้อนของประชาชนซึ่งให้บริการเช่าที่พักอาศัย ว่ามีชายชาวต่างชาติมาเช่าห้องพัก แต่เมื่อเลิกเช่าแล้วปรากฏว่าได้ขนเอาทรัพย์สินของหอพักไปด้วย ทำให้ได้รับความเดือดร้อน เมื่อทราบแล้ว ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวและดำเนินการสืบสวนร่วมกับตม.จว.ราชบุรีจนสามารถจับกุมตัวผู้กระผิดมาดำเนินคดีได้ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

ก่อนนำมาซึ่งการจับกุมในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ได้รับการประสานข้อมูลว่ามีชาวต่างชาติ มาเช่าห้องพักแห่งหนึ่งใน ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังจากเลิกเช่าแล้วได้เอาสิ่งของอันได้แก่ เครื่องปรับอากาศ,เครื่องทำน้ำอุ่น ,เก้าอี้ไม้, โซฟา และผ้าม่าน ไปด้วย ซึ่งคำนวณเป็นมูลค่าความเสียหาย เป็นจำนวนกว่า 40,000 บาท ทางเจ้าของห้องได้รับความเดือดร้อนจึงได้ขอความช่วยเหลือมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวนจึงทำการสืบสวนจนทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ นาย ฟาดิล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี สัญชาติ ฝรั่งเศส มาพักอาศัยกับภรรยาคนไทย(ขอสงวนชื่อสกุลซึ่งถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้) จึงได้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้กับพนักงานสอบสวนจนศาลจังหวัดหัวหินได้ออกหมายจับ ที่ จ.61/2564

ชุดสืบสวน ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ทำการสืบสวนสวนทราบว่าคนร้านรายนี้หลบหนีไปอยู่ละแวกอำเภอสวนผึ้ง จ.ราชบุรี จึงได้ประสานข้อมูลกับ ตม.จว.ราชบุรีอย่างใกล้ชิด ให้เข้าไปสืบสวนติดตามตัว จนพบว่านายฟาดิลฯ หลบหนีมาอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี จึงได้เข้าไปสอบถามที่บ้าน นายฟาดิลฯ รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง จึงได้จับกุมตัวพร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ พร้อมกับนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี

การแจ้งข้อกล่าวหา : นาย ฟาดิลฯ “ ร่วมกันยักยอกทรัพย์ ” 

สอบถามนายฟาดิล ฯ รับสารภาพผิดว่าตนและภรรยาได้เอาสิ่งของห้องเช่าไปจริง สาเหตุมาจากนายฟาดิล ฯ กับภรรยามีปากเสียงและเลิกรากันจึงได้ขอย้ายออกจากห้องเช่าซึ่งเจ้าของห้องเช่ายังไม่ได้คืนเงินประกันทันทีเพราะยังค้างค่าน้ำค่าไฟและยังต้องสำรวจความเสียหายก่อน แต่นายฟาดิล ฯ ต้องการเงินโดยทันทีประกอบกับอารมณ์เสียที่เลิกรากับแฟนสาว จึงเกิดความโกรธเก็บเอาทรัพย์สินในห้องเช่าติดตัวไปด้วยหลายรายการ

3.ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี “ทะลายก๊วนแรงงานจับกลุ่มมั่วสุมกินเหล้า เย้ย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน”

ด้วยสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่กำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ จังหวัดจันทบุรีได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด(พื้นที่สีแดง) ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019 (โควิด-19 ) มาตรการที่เกี่ยวข้องทางหน่วยงานราชการโดยเฉพาะตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรีมีการดำเนินการ ที่เข้มงวดและประสานงานกับหน่วยงานราชการในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเหตุดังกล่าวนี้กลุ่มแรงงานต่างด้าวได้ฝ่าฝืนคำสั่งของ ศบค. มั่วสุมดื่มสุรา ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ 

ก่อนการจับกุมชุดสืบสวนได้รับแจ้งจากประชาชนละแวกใกล้เคียงกับแคมป์คนงานก่อสร้างของร้านอาหารแห่งหนึ่งใน ต.จันทนิมิต อ.เมือง จ.จันทบุรี ว่ามีกลุ่มคนคล้ายคนต่างด้าวมั่วสุมกันดื่มเหล้าส่งเสียงดัง ได้รับความเดือดร้อนหวั่นว่าจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ชุดสืบสวนจึงได้ทำการสืบสวนโดยสั่งกำลังไปซุ่มดูพบว่ามีคนนั่งมั่วสุมดื่มสุรากันจริงจึงได้วางแผนจับกุมโดยบูรณาการกำลังกับหน่วยงานในพื้นที่เข้าไปตรวจสอบ ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่ากลุ่มคนดังกล่าวมีการนั่งดื่มสุราอาหารกันจริง จำนวน 32 คน ทั้งหมดเป็นคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา มีหลักฐานเป็นหนังสือเดินทางติดตัว จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบและจับกุมดำเนินคดี

การแจ้งข้อกล่าวหา : คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา 32 คน ว่า

1.ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดจันทบุรีที่ 2054/2546 เรื่อง มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส

โคโรน่า 2019 ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2564

2.ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดจันทบุรี ที่ 1330ฝ2564 เรื่องมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไวรัสติดเชื้อโคโรน่า 2019 ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ลงวันที่ 30 เมษายน 2564

ปัจจุบันจังหวัดจันทบุรี มีผู้ติดเชื้อสะสมแล้วจำนวน 1,830  คน ซึ่งจากข้อมูลพบว่าสถานที่แห่งนี้มีแรงงานต่างด้าวทั้งหมดจำนวน 155 คน ทั้งหมดยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาตรการของสถานประกอบการที่เกิดเหตุนี้ยังดำเนินการด้วยความหละหลวม ซึ่งจะมีการตรวจสอบข้อมูลหากพบความผิดที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ฯ จะมีการดำเนินการที่เกี่ยวข้องต่อไป  

สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับและมีเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1198 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top