Saturday, 10 May 2025
Crimes

สำนักตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยการเรียกค่าไถ่ข้อมูล (Ransomware) ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีการเรียกค่าไถ่ข้อมูลหรือ Ransomware ว่า ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ ที่สร้างสรรค์ประโยชน์ให้กับโลกอย่างมากมาย แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็ทำให้เกิดอาชญากรรมรูปแบบใหม่ขึ้นมา และหนึ่งในอาชญากรรมที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกนั่น

คือ การเรียกค่าไถ่ข้อมูลหรือ Ransomware ซึ่งไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ข้อมูลจากสื่อต่างประเทศได้ระบุว่า บริษัทไอทีหลายร้อยแห่งในสหรัฐอเมริกา ถูกกลุ่มแฮกเกอร์จากรัสเซียเข้าโจมตีและมีการเรียกค่าไถ่ข้อมูลกว่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

ที่หลายคนต้องทำงานผ่านคอมพิวเตอร์และสื่อออนไลน์ รวมถึงบริษัทต่าง ๆ ต้องมีการป้องกันและพร้อมรับมือกับอาชญากรรมรูปแบบดังกล่าว ไม่เช่นนั้นท่านอาจจะตกเป็นเหยื่อได้โดยง่าย

รูปแบบของการเรียกค่าไถ่ข้อมูลหรือ Ransomware จะแฝงตัวมาในรูปแบบของอีเมลล์ที่แนบลิงค์มาด้วย หรือลิงค์ที่แอบแฝงอยู่ในโฆษณาบนเว็บไซต์ต่าง ๆ เมื่อเหยื่อกดเข้าไปที่ลิงค์ดังกล่าว ก็จะเป็นการรับเอามัลแวร์เข้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่รู้ตัว จากนั้นมัลแวร์ก็จะแพร่กระจายไปยังข้อมูลต่าง ๆ เมื่อมัลแวร์ได้แพร่กระจายไปครอบคลุมข้อมูลที่บรรดาแฮกเกอร์ต้องการแล้ว ก็จะล็อคข้อมูลดังกล่าว ไม่ให้ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูลได้ และจะปรากฎข้อความขึ้นมาแจ้งว่าข้อมูลเหล่านี้ได้ถูกล็อคไว้ หากต้องการปลดล็อคจะต้องจ่ายเงิน ไม่เช่นนั้นจะลบข้อมูล แต่ในช่วงหลังเริ่มมีการข่มขู่ว่าจะปล่อยข้อมูลสู่สาธารณะหรือนำไปประมูลขาย เป็นต้น

ผู้ที่กระทำลักษณะดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายความผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดฐานเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สําหรับตน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 หรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายให้ทุกหน่วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้เป็นหน่วยงานหลัก ในการเฝ้าระวัง สืบสวนปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญกรรมทางเทคโนโลยีอย่างจริงจังต่อเนื่องและเร่งสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชน ให้ทราบถึงพิษภัยและรูปแบบการกระทำความผิดต่าง ๆ และเร่งทำการสืบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อเป็นการจำกัดความเสียหาย, ตัดโอกาสในการกระทำความผิดที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนถึงแนวทางการป้องกันการถูกเรียกค่าไถ่ข้อมูลหรือ Ransomware โดยต้องสำรองข้อมูลที่สำคัญอยู่เสมอและเลือกใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีคุณภาพ หมั่นตรวจสอบและอัพเดทซอฟต์แวร์ รวมถึงอัพเดทระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันต่าง ๆ ด้วย และควรหลีกเลี่ยงการกดลิงก์หรือไฟล์ที่แนบมากับอีเมลล์ที่ไม่รู้จัก หรือลิงก์น่าที่สงสัยต่าง ๆ นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ตำรวจสืบสวนแม่จันร่วมกันสกัดจับ 2 ชาวเขา ลำเลียงยาบ้า 100,000 เม็ด จากชายแดนเตรียมส่งให้ในพื้นที่อำเภอแม่จันได้สารภาพพ้นโทษมา 1 เดือน อยู่ในระหว่างคุมประพฤติและสวมกำไล EM ที่ข้อเท้า

เวลาประมาณ 20.30 น. วันที่ 14 ก.ค.64. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.แม่จัน เชียงราย ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พ.ต.อ.ทรรศ์ธนสรณ์ จุฑารัตน์ ผกก.สภ.แม่จัน พ.ต.ท.พันชาติ สมตัว รอง ผกก.สส.สภ.แม่จัน นำโดย พ.ต.ต.อนุชาติ วงศ์ปัญญา สว สส.สภ.แม่จัน ร.ต.อ.ผดุง ท้ายเรือนคำ พร้อมกำลังชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันทำการจับกุม นายอาลอง คะหล่า อายุ 34 ปี ชาว ม.6 ต.แม่ไร่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย และนายอาเหอะ คะหล่า อายุ 42 ปี ชาว ม.6 ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) จำนวนประมาณ 100,000 เม็ด ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีชมพู อีกชั้นห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำและห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกใสอีกชั้นหนึ่ง 

ด้วยการจับกุมในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ. แม่จัน สืบทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากชายแดนพื้นที่อำเภอแม่ฟ้าหลวงเพื่อมาส่งมอบให้พื้นที่อำเภอแม่จันทางเจ้าหน้าที่จึงได้ออกติดตามหาข่าวจนกระทั่งพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สี แดง-ขาว ทะเบียน คตจ 984 เชียงราย มี นายอาลอง คะหล่า ขับขี่มา ที่บริเวณพื้นที่ ถนนซอยข้างโรงงานดอยคำ บ.ป่าห้า ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย ท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจสอบพบว่าที่ข้อเท้าซ้ายของนายอาลอง มีกำไร อีเอ็ม สวมอยู่ จึงได้ทำการขอตรวจสอบอย่างละเอียด ระหว่างนั้นได้มี รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สี น้ำเงิน ทะเบียน 1กล 4593 เชียงราย ที่นายอาเหอะ คะหล่า ขับขี่มา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่กำลังตรวจค้นนายอาลอง ก็แสดงท่าทางมีพิรุธเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการควบคุมตัวไว้จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบยาบ้า ซุกซ่อนอยู่ ภายในถุงพลาสติกใส อยู่ในรถจักรยานยนต์ของนายอาลอง เมื่อเปิดออกพบว่าภายในมียาบ้าของกลางจำนวนประมาณ 100,000 เม็ด 

จากการสอบสวนทราบว่าทั้งสองคนได้ นายอาลอง ให้การว่าได้พึ่งพ้นโทษจากเรือนจำมาได้ประมาณ 1 เดือนและอยู่ในช่วงคุมประพฤติจึงได้สวมกำไลอีเอ็ม ไว้ที่ข้อเท้า แต่ก็มารับจ้างขนยาบ้าโดยให้การรับสารภาพว่าได้นำยาบ้าดังกล่าวมาจากพื้นที่อำเภอแม่ฟ้าหลวงจังหวัดเชียงรายเพื่อมาส่งมอบในพื้นที่อำเภอแม่จันแต่ว่าจะมีคนโทรมาอีกครั้งว่าจะให้นำไปส่งที่ใด เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหา "มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” ก่อนจะนำส่งร้อยเวรสอบสวน สภ.แม่จัน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์

ตม.จว.ตาก เข้มกลางดึก สกัดจับหนุ่มไทยคาด่านตรวจ ขณะขับกระบะซุก 4 ชาวจีน หวังออกชายแดนข้ามไปเมียวดี

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม 5, พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5, พ.ต.อเศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.5, พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผกก.ตม.จว.ตาก และ พ.ต.ท.สุชาติ เพ็ญภู่ รอง ผกก.ตม.จว.ตาก ร่วมแถลงข่าว ดังนี้

เจ้าหน้าที่ ตม.จว.ตาก ได้ร่วมกันตั้งจุดตรวจจุดสกัดที่บ้านบ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จว.ตาก เมื่อถึงเวลาเกิดเหตุพบรถยนต์ต้องสงสัย จากการตรวจสอบพบผู้ถูกจับที่ 1 คือ นายอาทิตย์ อายุ 43 ปี สัญชาติไทย อาศัยที่ ม.8 ต.เหมืองจี้ อ.เมืองลำพูน จว.ลำพูน เป็นผู้ขับขี่ และทำการตรวจสอบภายในรถยนต์พบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน คือ MR.WANG อายุ 22 ปี สัญชาติจีน พร้อมพวกรวม 4 คน จึงขอตรวจสอบเอกสารการเดินทาง จากการตรวจสอบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ทั้ง 4 ราย ปรากฏว่าไม่มีเอกสารหนังสือเดินทางหรือเอกสารที่ใช้แทนหนังสือเดินทางมาแสดง รับว่าตนเดินทางจากประเทศจีน เข้า สปป.ลาว ลักลอบเดินทางเข้าประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติทาง อ.เชียงแสน จว.เชียงราย แล้วมีคนมารับช่วงต่อมาส่งที่ปั้มแห่งหนึ่งใน อ.ดอยสะเก็ด จากการสอบถามผู้ขับขี่ ผู้ขับขี่ให้การว่า ตนรับผู้ต้องหาจากปั้มน้ำมัน พี.ที. อ.ดอยสะเก็ด จว.เชียงใหม่ เพื่อนำมาส่งในพื้นที่ อ.แม่สอด จว.ตาก โดยได้รับการว่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่ง สภ.แม่สอด เพื่อดำเนินคดีต่อไป

>> ผู้ถูกจับที่ 1 ในความผิดฐาน “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม”

>> ผู้ถูกจับที่ 2 – 5 (ช.4) ในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” 

รถยนต์ของกลาง คือ รถยนต์ส่วนบุคคล สีเทาทะเบียนเชียงใหม่ เหตุเกิด ณ บ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จว.ตาก

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง

สตม. รวบคู่สามีภรรยา ขับรถซุก 2 สาวเวียดนาม หวังออกชายแดนแม่สอด ขยายผลได้หลักฐานเด็ดรวบเพิ่ม 2 หนุ่มใหญ่พานั่งเครื่องจากชายแดนใต้บินเข้ากรุง

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม 5, พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5, พ.ต.อเศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.5 และ พ.ต.ท.จักกราวุฒิ สุภาภรณ์ประดับ สว.ตม.จว.กำแพงเพชร ร่วมแถลงข่าว ดังนี้

ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดกำแพงเพชร และ สภ.เมืองกำแพงเพชร ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายกฤตภาส์ และ น.ส.ธนาวดี พร้อมของกลางรถยนต์ทะเบียนหนองบัวลำภู ซึ่งใช้เป็นพาหนะในการขับนำคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 2 คน คือ MISS.DO อายุ 28 ปี และ MISS.NGUYEN อายุ 24 ปี เดินจาก กทม. - อ.แม่สอด จว.ตาก ส่ง พงส.สภ.เมืองกำแพงเพชร ดำเนินคดี

พฤติการณ์ ตามวันเวลาเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม พบนายกฤตภาส์ และ น.ส.ธนาวดี ขับรถยนต์ของกลางนำคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามดังกล่าวเดินทางจาก กรุงเทพฯ ไป อ.แม่สอด จว.ตาก จึงจับกุม ส่ง พงส.สภ.เมืองกำแพงเพชร จากนั้นได้ทำการขยายผลโดยซักถามคนต่างด้าวทราบว่าคนต่างด้าวได้หลบหนีเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติชายแดนมาเลเซีย-ไทย ด้าน อ.สะเดา จว.สงขลา จากนั้นได้มีชายไทย 2 คน พามาที่สนามบินหาดใหญ่ ซื้อตั๋วโดยสารให้ และโดยสารเครื่องสายการบินแอร์เอเชีย (FD3111) มาส่งคนต่างด้าวถึง ทอ.กรุงเทพฯ โดยนั่งอยู่แถวด้านหน้า จากการตรวจสอบรายชื่อผู้โดยสารและภาพจากกล้องวรจรปิดภายในสนามบินทราบว่าชาย 2 คนดังกล่าวคือ นายสุภชัย และนายโชคอนันต์ จึงได้ให้คนต่างด้าวชี้ยืนยันภาพถ่าย และนำพยานหลักฐานทั้งหมดส่งให้ พงส.สภ.เมืองกำแพงเพชร เพื่อดำเนินคดีกับนายสุภชัย และนายโชคอนันต์ฯ ซึ่งต่อมา พงส. ได้ยื่นคำร้องและศาลจังหวัดกำแพงเพชรได้อนุมัติหมายจับที่ จ.119/2564 และ จ.120/2564 ลง 23 มิ.ย. 64 ให้จับกุมนายสุภชัย และนายโชคอนันต์ มาดำเนินคดี  

                               

ต่อมาเจ้าหน้าที่ ตม.จว.กำแพงเพชร ได้ร่วมกับ บก.ปพ.บช.ก., กก.สส.บก.ตม.6 และ ตม.ทอ.หาดใหญ่ บก.ตม.2 จับกุมตัวนายสุภชัย และนายโชคอนันต์ ส่ง พงส.สภ.กำแพงเพชร ดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันช่วยซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง

ตม.สงขลา ร่วม สืบ ตม.6 ทลายเครือข่ายลักลอบ ช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเข้าเมืองฯ

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.สัญชัย โชคขยายกิจ, พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ, พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6 และ พ.ต.อ.ภคยศ ทนงศักดิ์ ผกก.สส.บก.ตม.6 ร่วมแถลงข่าวจับกุมคดีคนต่างชาติกระทำความผิดรายสำคัญ และคดีที่น่าสนใจ ดังนี้

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สงขลา ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.6, สภ.หาดใหญ่ และ ส.รฟ.หาดใหญ่ กก.3 บก.รฟ. ทลายเครือข่ายลักลอบ ช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง รายสำคัญ โดยได้จับกุมนายโสภณ หรืออ้วน อายุ 46 ปี สัญชาติไทย นายหน้าผู้ให้การช่วยเหลือคนต่างด้าวขณะพยายามลักลอบขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางไปกรุงเทพมหานคร โดยกล่าวหาว่า “ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวนั้นพ้นการจับกุมจากพนักงานเจ้าหน้าที่” พร้อมคนต่างด้าว รวม 3 คน (สัญชาติจีน 2 คน สัญชาติ มาเลเซีย 1 คน) โดยกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” บริเวณชานชาลาที่ 3 สถานีรถไฟหาดใหญ่ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา นำส่ง พงส.สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสืบสวนขยายผลโดยการตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์, ข้อมูลเส้นทางการเงิน, ตรวจสอบกล้องวงจรปิด รวมไปถึงปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายต้องสงสัย ทราบว่าก่อนเกิดเหตุคนต่างด้าวทั้ง 3 คน หลบหนีเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติชายแดนไทย-มาเลเซีย ด้าน จว.นราธิวาส โดยการชักชวนของนายหน้าสัญชาติมาเลเซียซึ่งติดต่อกับนางยัน อายุ 54 ปี สัญชาติเมียนมา และนายหว่อง อายุ 54 ปี สัญชาติมาเลเซีย นายหน้าฝั่งประเทศไทย ต่อมาเมื่อคนต่างด้าวสามารถลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรได้แล้ว

นายหว่อง จะทำการติดต่อนายบาราเห็ง อายุ 58 ปี สัญชาติไทย ให้นำพาคนต่างด้าวมาพักคอยที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่บ้านด่านนอก ต.สำนักขาม อ.สะเดา จว.สงขลา จำนวน 1 คืน ก่อนที่นายหว่อง จะรับคนต่างด้าวทั้งหมดมาส่งต่อให้นายโสภณ ที่ อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา เพื่อที่นายโสภณ จะได้รับช่วงนำพาคนต่างด้าวต่อไปยังกรุงเทพฯ ก่อนที่จะถูกจับกุม ซึ่งคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองชี้ภาพยืนยันว่านายบาราเห็ง เป็นผู้ครอบครองรถแทกซี่และเป็นผู้ขับขี่รับพวกตนพามาส่งที่โรงแรม

ต่อมาชุดสืบสวน ตม.จว.สงขลา นำหมายค้นศาลจังหวัดนาทวี ที่ ค. 16/2564 เข้าตรวจค้นที่บ้านนางยัน ผลการตรวจค้นพบนางยัน หรือ อาชิว อายุ 53 ปี สัญชาติเมียนมา พักอาศัยอยู่ พบหลักฐานสมุดบัญชีที่ใช้ โอนเงินให้นายโสภณ เป็นค่านำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง, โทรศัพท์ที่ใช้ในการติดต่อ และหลักฐานอื่น ๆ รวม 16 รายการ นำส่ง พงส.สภ.หาดใหญ่ และ พงส. ได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหานางยัน ในข้อหา “ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุมจากพนักงานเจ้าหน้าที่” รวมทั้งต่อมานายบาราเห็ง อายุ ๕๘ ปี สัญชาติไทย ได้มามอบตัวและ พงส.สภ.หาดใหญ่ ได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบแล้ว ส่วนนายหว่อง อายุ ๔๕ ปี สัญชาติมาเลเซีย พงส.สภ.หาดใหญ่ ได้ขออนุมัติศาลจังหวัดสงขลา ออกหมายจับนายหว่อง ตามหมายจับ ศาลจังหวัดสงขลา ที่ จ.217/2564 ลง 24 มิ.ย.64 และต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายหว่อง ตามหมายจับดังกล่าว ส่ง พงส.สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง

ตม.จว.ชุมพร ร่วมจับกุม ขบวนการนำพาคนจีน-มาเลเซีย เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.สัญชัย โชคขยายกิจ, พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ, พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6 และ พ.ต.ท.ชนกฤดิ พงษ์ศิริ สวญ.ตม.จว.ชุมพร พร้อมด้วย พ.ต.ต.สันติ มณีรัตน์ สว.ตม.จว.ชุมพร ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ ดังนี้

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.ชุมพร ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ภ.จว.ชุมพร และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ละแม ภ.จว.ชุมพร ตั้งจุดตรวจความมั่นคงทุ่งสวรรค์ ถ.เอเชีย 41 (ขาขึ้นกรุงเทพฯ) ต.สวนแตง อ.ละแม จ.ชุมพร ขณะปฏิบัติหน้าที่พบรถตู้โดยสารไม่ประจำทางต้องสงสัย ทะเบียนภูเก็ต จึงขอทำการตรวจค้นรถคันดังกล่าวพบ นายธนัตถ์กรณ์ อายุ 47 ปี สัญชาติไทย เป็นผู้ขับขี่ ภายในรถพบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีนและมาเลเซีย รวม 6 คน  มีหนังสือเดินทาง 4 คน แต่ไม่ผ่านการตรวจอนุญาตฯ และ 2 คน ไม่มีหนังสือเดินทาง จึงได้จับกุม นายธนัตถ์กรณ์ ข้อหา “ร่วมกันช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” และจับกุมบุคคลต่างด้าวทั้ง 6 คน ข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” นำส่ง พงส.สภ.ละแม จว.ชุมพร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสืบสวนขยายผล ของ ตม.จว.ชุมพร ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.6 โดยการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทาง, ซักถามผู้ต้องหา, ตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ และเส้นทางการเงิน นายธนัตถ์กรณ์ ให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายประสิทธิ์ (ทราบชื่อภายหลัง) ซึ่งรู้จักกันมาหลายปี โดยมีหลักฐานการโอนเงินจากนายประสิทธิ์ ให้นายธนัตถ์กรณ์ เป็นค่าจ้าง จำนวน 3,300 บาท ติดต่อให้รับคนต่างด้าว จำนวน 6 คน ที่โรงแรมในตัวเมืองหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา เพื่อไปส่งที่กรุงเทพฯ บริเวณ ถนนพระราม 2 ในราคา 16,000 บาท โดยมีนายปวิตร (ลูกชายของนายประสิทธิ์) ทำหน้าที่ประสานงานและให้การช่วยเหลือในการกระทำความผิดครั้งนี้ด้วย จึงได้ประสาน ตม.จว.สงขลา และ กก.สส.บก.ตม.6 ตรวจสอบข้อมูลกล้องวงจรปิดที่โรงแรม พบว่ามีนายจิรพัทธ์ ทำหน้าที่เปิดห้องพักให้คนต่างด้าวเข้าพักที่ อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา

และนายบาราเห็งทำหน้าที่รับขนคนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้มาส่งที่โรงแรมใน อ.หาดใหญ่ จากการตรวจสอบข้อมูลเส้นทางการเงิน พบว่านายประสิทธิ์ ได้รับการว่าจ้างจากนายอุทัย โดยมีหลักฐานการโอนเงินทางบัญชี และนายอุทัย ได้รับการว่าจ้างต่อจากนางยัน สัญชาติเมียนมา โดยมีหลักฐานการโอนเงินจาก น.ส.สุทิศา ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของนางยัน และยังตรวจสอบพบหลักฐานการโอนเงินของนายมาหมัดให้นายบาราเห็ง เพื่อเป็นค่าจ้างในการขนคนต่างด้าวด้วย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดนำส่ง พงส.สภ.ละแม จว.ชุมพร เพื่อประกอบการขอออกหมายจับต่อไป

ต่อมา พงส.สภ.ละแม ได้ขออนุมัติศาลจังหวัดหลังสวนออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังนี้

1. นายบาราเห็ง ตามหมายจับศาลจังหวัดหลังสวนที่ 58/2564 ลง 11 มิ.ย.64

2. นายจิรพัทธ์ หรือป้อม ตามหมายจับศาลจัวหวัดหลังสวนที่ 61/2564 ลง 11 มิ.ย.64

3. นายประสิทธิ์ ตามหมายจับศาลจังหวัดหลังสวนที่ 60/2564 ลง 11 มิ.ย.64

4. นายปวิตร หรือบอย ตามหมายจับศาลจังหวัดหลังสวนที่ 59/2564 ลง 11 มิ.ย.64

5. นายมาหมัด หรือมามะ ตามหมายจับศาลจังหวัดหลังสวนที่ 66/2564 ลง 23 มิ.ย.64 (หลบหนี)

6. นายอุทัย หรือดำ ตามหมายจับศาลจังหวัดหลังสวนที่ 67/2564 ลง 23 มิ.ย.64 (หลบหนี)

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง

 

DSI สนธิกำลังตรวจที่เกิดเหตุ จังหวัดนราธิวาสในคดีพิเศษที่ 22/2564

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฏาคม 2564 พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจโท ปกรณ์ สุชีวกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะกำกับดูแล นายมเหสักข์ พันธ์สง่า ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ได้มอบหมายให้ นายพิเชฐ ทองศรีนุ่น ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติการแผนที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และนายชยพล สายทวี ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวนศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับ สำนักอำนวยการข่าวกรอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (สขว.กอ.รมน.ภาค4สน.),หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 49 (ฉก.ทพ.49),กองร้อยทหารพรานที่ 4908,สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 13, สำนักงานที่ดินจังหวัดนราธิวาส สาขาสุไหงปาดี, ปลัดอำเภอสุคิริน, ผู้ปกครองท้องที่กำนันตำบลทุ่งไทร ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4  ตำบลทุ่งไทร, ศูนย์ปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์จังหวัดชายแดนภาคใต้, สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส, กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยกรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.), ผู้เชี่ยวชาญด้านการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศ ที่ปรึกษาคดีพิเศษ และเจ้าของที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ เขากูยิ ตำบลร่มไทร อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส โดยแยกการดำเนินการเป็น 2 ส่วน ดังนี้

1) ตรวจตอไม้ที่มีการอ้างว่าตัดจากที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ จำนวน 21 ตอ เพื่อตรวจสอบ ชนิด ขนาด วงปี และพิกัดตอไม้ว่าอยู่ในเขตป่าหรือไม่

2) ตรวจตำแหน่ง สภาพที่ดิน และการทำประโยชน์ในที่ดินจำนวน 6 แปลง เนื้อที่รวมกว่า 200 ไร่ โดยมีผู้มีชื่อเจ้าของที่ดินเป็นผู้นำชี้ ประกอบกับการเดินสำรวจของเจ้าพนักงานที่ดินว่าเอกสารสิทธิดังกล่าวได้ออกโดยถูกต้องหรือไม่

โดยก่อนดำเนินการมีเจ้าหน้าที่และบุคลากรด้านสาธารณสุขจากจังหวัดนราธิวาส มาทำการคัดกรองและให้คำแนะนำเกี่ยวกับมาตรการการป้องกันโควิด และมีเจ้าหน้าที่หน่วยทหาร EOD หน่วยสุนัขทหาร K9 มาสนับสนุนการปฏิบัติการ เพื่อการระวังความปลอดภัยตลอดเส้นทางและขณะทำการตรวจสอบ

ในการดำเนินการในคดีพิเศษที่ 22/2564 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จะได้รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน และทำการวิเคราะห์ เพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดต่อไป


ภาพ/ข่าว  ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าวนราธิวาสรายงาน

ปส.รวบขบวนการค้ายาเสพติดจากภาคเหนือ มุ่งเข้า กทม. สะกดรอยจับกุมได้ที่บริเวณถนนสายเอเชีย (หมายเลข 32) ได้ของกลาง 6.2 ล้านเม็ด

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1– กก.2 บก.สกส. บช.ปส.อำนวยการโดย พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. , พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ , พล.ต.ต.นพดล ศรสำราญ , พล.ต.ต.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล , พล.ต.ต. อนุภาพ ศรีนวล รอง ผบช.ปส. , พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส.บช.ปส. , พ.ต.อ.วัสสา วัสสานนท์ , พ.ต.อ.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร , พ.ต.อ.ประสงค์ ศิริทิพย์วานิช รอง ผบก.สกส.บช.ปส. ได้บูรณาการร่วมกันทำการจับกุมตัว ขบวนการจำหน่ายยาเสพติด จากภาคเหนือ ได้ผู้ต้องหาได้จำนวน 3 คน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายสุทัศน์ แซ่ว่าง , นายหวาน ลาเซ และ นายกิตติพิชญ์ แซ่ม้า กับพวก มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีพฤติการณ์ร่วมกันลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ทางภาคเหนือ และจะนำไปจำหน่ายให้กับลูกค้าในพื้นที่ทางกลางและปริมณฑล ตามสั่งการของผู้ว่าจ้างอยู่เป็นประจำ

โดยสายลับแจ้งว่าในระหว่างวันที่ 15-16 กรกฎาคม 2564 จะร่วมกันลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จว.เชียงราย เพื่อนำไปส่งมอบให้กับลูกค้าตามสั่งการของผู้ว่าจ้าง โดยจะใช้รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ TOYOTA แบบมีหลังคาด้านท้าย (แครี่บอย) สีเทา หมายเลยทะเบียน บพ 4127 พะเยา และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ CHEVROLET รุ่น OPTRA สีดำ หมายเลขทะเบียน กษ 7674 เชียงราย เป็นยานพาหนะในการขนลำเลียง จึงวางแผนในการตรวจค้นจับกุมบุคคลดังกล่าวหากพบว่ามีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจริง

โดยในช่วงเช้าวันนี้ ตำรวจชุดจับกุมพบรถยนต์ทั้งสองคันในพื้นที่ จว.สิงห์บุรี ตรงกับที่สายลับแจ้ง จึงได้สะกดรอยติดตาม และให้ทำการตรวจค้นจับกุมในที่ปลอดภัย และเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมสามารถสกัดกั้นรถยนต์ทั้งสองคันได้ที่บริเวณลานจอดรถยนต์ ตลาดกลางกุ้ง ถนนสายเอเชีย (หมายเลข 32) ตำบลหันตรา อำเภอ พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยผู้ต้องหา 3 ราย 1. นายหวาน ลาเซ อายุ 23 ปี ที่อยู่ 257 หมู่ 9 ตำบลดงมหาวัน อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย 2. นายสุทัศน์ แซ่ว่าง อายุ 23 ปี ที่อยู่ 0/89 หมู่ที่ 07 ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงรายและ 3. นายกิตติพิชญ์ แซ่ม้า อายุ 21 ปี ที่อยู่ 203 หมู่ที่ 12 ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยของกลาง จำนวน 4 รายการ 1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า จำนวน 3,100 มัด รวมเป็นยาบ้าเบื้องต้นทั้งสิ้นประมาณ 6,200,000 เม็ด ตรวจยึดได้จากรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ TOYOTA แบบมีหลังคาด้านท้าย (แครี่บอย) สีเทา หมายเลขทะเบียน บพ 4127 พะเยา รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ CHEVROLET รุ่น OPTRA สีดำ หมายเลขทะเบียน กษ 7674 เชียงราย จำนวน 1 คัน โทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกัน มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้น ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสามคนพร้อมของกลาง มาที่ กก.2 บก.สกส.บช.ปส. เพื่อรอทำการขยายผลการจับกุม และทำการจับกุมผู้รับปลายทางต่อไป


ภาพ/ข่าว  สุจินดา อุ่นขาว รายงานจากอยุธยา

เมียนมาส่ง 3 คนไทย เพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำในเมียนมากลับประเทศ พบ 1 ใน 3 คนมีหมายจับติดตัว กักตัว 14 วันก่อนดำเนินการต่อ

ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค (ศปก.) อ.แม่สาย นำโดยนายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย ในฐานะหัวหน้าศูนย์ฯ ได้ให้เจ้าหน้าที่รับมอบตัว คนไทย 3 คน โดยทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เมียนมา ได้นำตัวคนไทยมาส่งให้ คือ นายวุฒิชัย สิโปด อายุ 24 ปี ชาว อ.กันตัง จ.ตรัง  นายชัยวัฒน์ มโนรมย์ อายุ 24 ปี ชาว อ.เมืองเลย จ.เลย และนายรณชัย สะดาแนน อายุ 36 ปี ชาว อ.เอราวัณ จ.เลย มาส่งให้กับทางการไทย ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 อ.แม่สาย จ.เชียงราย

โดยทั้ง 3 คน มีรายชื่ออยู่ในจำนวน 20 คนที่กระทรวงมหาดไทยแจ้งให้ทาง อ.แม่สาย รับตัวโดยทั้งหมดส่งรายชื่อผ่านทางสถานเอกอัคราชฑูตประเทศไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ซึ่งพบว่าอีก 17 คนไม่ได้ถูกส่งตัวมาด้วย โดยทางการเมียนมาให้เหตุผลว่าอยู่ระหว่างการสอบสวน ก่อนหน้านี้นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย ได้มีหนังสือด่วนที่สุดไปถึงผู้ว่าราชการ จ.ท่าขี้เหล็ก ขอให้อำนวยความสะดวกในการส่งตัวคนไทยกลับประเทศไทยอย่างเร่งด่วน หลังมีหญิงไทยอายุ 26 ปี กลับมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ในภาวะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่มีอาการหนักแล้วทำให้เสียชีวิตในวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา

สำหรับทั้ง 3 คน พบว่าเพิ่งพ้นเพราะทำผิดกฎหมายในประเทศเมียนมา โดยมีผู้ทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดประเภทยาบ้าจำนวน 37 เม็ด และพกพาอาวุธปืนจำนวน 1 คน และอีกคนถูกดำเนินคดีพกพาอาวุธปืน ส่วนคนสุดท้ายเป็นข้อหาหลบหนีเข้าเมืองเมียนมา ทั้งหมดถูกจำคุกที่เมืองเชียงตุงเป็นเวลา 2-3 ปี  บางคนได้รับการลดโทษจึงถูกส่งตัวกลับ  จากการตรวจสอบประวัติพบว่ากรณีนายรณชัยมีหมายจับศาล จ.เลย ในข้อหาสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ทางเจ้าหน้าที่จะได้ประสานไปยัง สภ.นาดินดำ จ.เลย ไปรับตัวเพื่อนำไปดำเนินคดีต่อไป ส่วนอีก 2 คนที่เหลือถูกส่งตัวไปยังสถานกักกันรูปแบบเฉพาะที่ร้อย ตชด.327 อ.แม่จัน จ.เชียงราย เพื่อทำการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์ / เชียงราย

 

ตร.จับเน็ตไอดอลจริง เตือนอย่ายุยง ส่งเสริม สนับสนุนให้เล่นการพนันออนไลน์ มีสิทธิถูกจับกุมดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะรองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในเรื่องการปราบปรามการพนันทุกรูปแบบโดยเฉพาะการพนันออนไลน์ที่มีการแพร่กระจายเป็นวงกว้างอยู่ในโลกโซเชียล เนื่องจากมีพี่น้องประชาชนเข้าถึงอินเตอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์จำนวนมาก แม้จะเร่งปราบปรามแต่ก็ยังไม่หมดไป

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ฯ ยังกล่าวต่อไปว่า สาเหตุสำคัญอีกประการ ที่อยากจะเน้นย้ำ สำหรับ เน็ตไอดอล อินฟลูเอ็นเซอร์หรือผู้สนับสนุน ดารานักแสดงนายแบบนางแบบ ยูทูปเบอร์ วีดิโอ ครีเอเตอร์ ที่มีส่วนชักชวนให้ผู้อื่นเล่นการพนัน จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.การพนันฯ มาตรา 12 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสองปี ปรับไม่เกินสองเดือน บุคคลเหล่านี้อาจจะเป็นผู้ที่มีอิทธิพลต่อการชักชวนให้บุคคลอื่นทั้งผู้ใหญ่หรือเด็กและเยาวชนเล่นการพนัน เว็บไซต์การพนันจึงพยายามติดต่อว่าจ้างให้โฆษณาเว็บไซต์การพนันให้

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้เล็งเห็นความสำคัญเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะ ข้อมูลผู้เล่นมีตั้งแต่เป็นเยาวชนที่ใช้เวลาอยู่กับสื่อออนไลน์ หลงเชื่อการชักชวนจากบุคคลดังกล่าว จึงได้สั่งกำชับให้ทุกหน่วยงานให้กวดขันจับกุมและทำการสืบสวนปราบปรามการพนันออนไลน์ทายผลฟุตบอลอย่างจริงจัง ทั้งผู้จัดให้มีการเล่น ผู้เล่น รวมทั้งกลุ่มเน็ตไอดอลหรือผู้มีชื่อเสียงที่ชักชวนผู้อื่นเล่นการพนันโดยให้มีผลการปฏิบัติชัดเจน

ล่าสุด บก.ปอท.สามารถสืบสวนจับกุมมาแล้วหลายราย เช่น เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กลุ่มงานสนับสนุนฯ บก.ปอท. ได้ร่วมกันจับกุมตัว 1.นาย อนุพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี 2.น.ส.ภคมน (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี 3.นาย ชวนากร (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ทั้งสามรายเป็นเน็ตไอดอล มีผู้ติดตามในบัญชีเฟซบุ๊กและยูทูปรายละหลายแสนคน

อีกราย เมื่อวันที่ 16 ก.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท.ได้จับกุม น้องพลอย น.ส.สิริกานต์ นางแบบเพลย์บอย อ้างตัวเป็น ครีเอเตอร์วีดิโอ เจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ก ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 3.8 หมื่นคน  และเพจที่มีผู้ติดตามกว่า 1.3 ล้านคนที่มีการกระทำความผิดด้วยการแฝงโฆษณาชักชวนเล่นพนันออนไลน์ ผ่านเฟซบุ๊กและยูทูป ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีข้อหา “เป็นผู้ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนัน ในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต”

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงอยากจะฝากเตือนเหล่าเน็ตไอดอลทั้งหลายพึงระลึกเสมอก่อนกระทำหรือคิดจะรับการว่าจ้างจากเว็บไซต์การพนัน หากถูกจับกุมจะอ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่ได้ หากศาลพิจารณาตัดสินว่ามีความผิดอาจจะต้องรับโทษตามพ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478  มาตรา 12 มีอัตราโทษโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากกระทำความผิดหลายกรรม อาจถูกดำเนินคดีในลักษณะต่างกรรมต่างวาระได้  และขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชน ให้ช่วยกันหยุดวงจรการพนันออนไลน์ โดยหากพบเห็นการกระทำความผิดหรือพบเบาะแสเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ สามารถแจ้งไปยังสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลข 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top