Friday, 5 July 2024
เพื่อไทย

‘อุ๊งอิ๊ง’ นำทีม ‘เพื่อไทย’ เปิดตัวผู้สมัครส.ส. 33 เขต ชู ‘รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย-รพ.50 แห่ง-กรุงเทพฯ ไม่จมน้ำ’

เพื่อไทยเปิดตัว ส.ส.กทม. 33 เขต คนบันเทิง -อินฟลูเอ็นเซอร์ แห่ร่วมงานเพียบ ‘แพทองธาร’ ชูคุณภาพชีวิตคนกรุงเทพฯ ดันนโยบาย รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย-50 เขต 50 โรงพยาบาล-กรุงเทพฯ ไม่จมน้ำ

เมื่อวันที่ 24 มี.ค.66 ที่ลานสเตเดียมวัน จุฬาซอย6 ถ.บรรทัดทอง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีงาน ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนกรุงเทพฯ’ จากพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้ประสงค์ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร ทั้ง 33 คน

นางสาวแพทองธารกล่าวถึงเป้าหมายของพรรคเพื่อไทยที่ ‘คิดใหญ่’ เพื่อพัฒนากรุงเทพมหานครให้เป็นเมืองหลวงของทุกคนภายใน 4 ปี เพราะหลายปีที่ผ่านมา อนาคตของกรุงเทพ ฯ ถูกบีบให้แคบลงเรื่อยๆ จากปัญหาความแออัดด้วยความล้าหลังของระบบราชการภายใต้รัฐบาลที่ขาดวิสัยทัศน์ และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ แต่ด้วยโอกาสที่กระจุกตัวอยู่ในเมืองหลวง ทำให้ผู้คนยังคงดั้นด้นเดินทางมาสร้างชีวิตในที่แห่งนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้

กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่รวบรวมทุกความแตกต่าง ทุกคนล้วนมีเรื่องราวและความฝันเป็นของตัวเอง พรรคเพื่อไทยจึงคิดพัฒนาความเจริญทางกายภาพของกรุงเทพฯ บนฐานความเข้าใจในความหลากหลาย ให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นอนาคตให้กับกรุงเทพมหานคร ‘คิดใหญ่เพื่อคนรุ่นใหม่ คิดใหญ่เพื่อคนกรุงเทพฯ’ จึงเป็นแนวทางนโยบายพัฒนากรุงเทพ ฯ ของพรรคเพื่อไทย

ขณะที่ต้องเผชิญสภาวะเศรษฐกิจถดถอย พรรคเพื่อไทยจะช่วยเติมเงินรายได้ให้ครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาท ให้ถึง 20,000 บาททันที เป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นก่อนนโยบายขึ้นค่าแรง 600 บาทต่อวัน และขึ้นเงินเดือนขั้นต่ำวุฒิปริญญาตรีเป็น 25,000 บาทจะสำเร็จภายใน 4 ปี

พรรคเพื่อไทยจะ ‘คิดใหญ่’ พัฒนาให้กรุงเทพ ฯ เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีทางการเงิน เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในการขันเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี และผลักดันให้ประชาชนได้พัฒนาศักยภาพของตนอย่างน้อยครอบครัวละหนึ่งคน ผ่านนโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power (OFOS) ให้ทุกคนได้เข้าถึงองค์ความรู้ พร้อมไปยืนบนเวทีโลก และสร้างรายได้ใหม่ด้วยทักษะของตน

คุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ ต้องสะดวกและปลอดภัยภายใต้การดูแลของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่จะลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าให้เหลือ 20 บาท ตลอดสาย, เพิ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่ 50 แห่ง 50 เขต, แก้ไขปัญหา PM 2.5 ที่ต้นเหตุ และ วางแผนแก้ไขระยะยาว ให้กรุงเทพ ฯ ไม่จมน้ำภายในปี 2575 ด้วยนโยบายสร้างเกาะรอบกรุงเทพฯ ให้เป็นเขื่อนแก้ปัญหาน้ำท่วม และลดความแออัด รวมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มจากที่ดินในการสร้างเกาะและเขื่อนได้อย่างมหาศาล

นางสาวแพทองธารกล่าวปิดท้ายการปราศรัยในครั้งนี้ด้วยว่า แผนการพัฒนาของพรรคเพื่อไทย เพื่อคนรุ่นใหม่ เพื่อกรุงเทพมหานคร ยังไม่จบเพียงเท่านี้ แต่จะใหญ่ขึ้นและสมบูรณ์ขึ้นด้วยนโยบายอีกมากมาย ให้กรุงเทพฯ เติบโตด้วยความมั่นคงและมั่งคั่ง ความหลากหลายจะต้องคงอยู่ แต่ความเหลื่อมล้ำจะหมดไป ภายใต้การดูแลของพรรคเพื่อไทย กรุงเทพฯ จะต้องใหญ่พอสำหรับทุกคน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานได้มีการเปิดตัวมิวสิค วีดีโอ เพลง ‘เพื่อไทย คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนกรุงเทพ’ โดยมีผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.และบุคคลจากหลากหลายสาขาอาชีพเข้าร่วมแสดง  พร้อมทั้งเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.ครบทั้ง 33 เขต ดังนี้ 

เขตเลือกตั้งที่ 1 นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตบางรัก,เขตพระนคร,เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย,เขตดุสิต (ยกเว้นแขวงถนนนครไชยศรี) , เขตสัมพันธ์วงศ์

เขตเลือกตั้งที่ 2 นางสาวลีลาวดี วัชโรบล ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตสาทร, เขตราชเทวี , เขตปทุมวัน

เขตเลือกตั้งที่ 3  นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ เขตบางคอแหลม,เขตยานาวา

เขตเลือกตั้งที่ 4. นายนวธันย์ ธวัธวงศ์เดชากุล ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตคลองเตย ,เขตวัฒนา

เขตเลือกตั้งที่ 5 นายขจรศักดิ์ ประดิษฐาน ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตห้วยขวาง, เขตวังทองหลาง (ยกเว้นแขวงคลองเจ้าคุณสิงห์)

เขตเลือกตั้งที่ 6 นายภัทร ภมรมนตรี ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตดินแดง ,เขตพญาไท

เขตเลือกตั้งที่ 7 นายรัฐพงษ์ ระหงส์ ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตบางซื่อ, เขตดุสิต (เฉพาะแขวงนครไชยศรี)
 
เขตเลือกตั้งที่ 8 นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตจตุจักร (ยกเว้นแขวงจันทรเกษมและแขวงเสนานิคม), เขตหลักสี่ (ยกเว้นแขวงตลาดบางเขน)
 
เขตเลือกตั้งที่ 9 นายอนุสรณ์ ปั้นทอง ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตบางเขน (ยกเว้นแขวงท่าแร้ง) , เขตจตุจักร (เฉพาะแขวงจันทรเกษมและแขวงเสนานิคม), เขตหลักสี่ (เฉพาะแขวงตลาดบางเขน)

เขตเลือกตั้งที่ 10 นายสุธนพจน์ กิจธนาพิทักษ์ ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตดอนเมือง

เขตเลือกตั้งที่ 11 นายเอกภาพ หงสกุล  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตสายไหม (ยกเว้นแขวงออเงิน)

เขตเลือกตั้งที่ 12 นายญาณกิตติ์ ห่วงทรัพย์  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตบางเขน (เฉพาะแขวงท่าแร้ง) , เขตสายไหม (เฉพาะแขวงออเงิน), เขตลาดพร้าว (เฉพาะแขวงจระเข้บัว)

เขตเลือกตั้งที่ 13 นางสาวสกาวใจ พูนสวัสดิ์  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตลาดพร้าว (ยกเว้นแขวงจระเข้บัว) , เขตบึงกุ่ม (ยกเว้นแขวงคลองกุ่ม)

เขตเลือกตั้งที่ 14 นายพงศกร รัตนเรืองวัฒนา  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตบางกะปิ ,เขตวังทองหลาง (เฉพาะแขวงคลองเจ้าคุณสิงห์)
 
เขตเลือกตั้งที่ 15 นายพลภูมิ วิภัตภูมิประเทศ ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตคันนายาว, เขตบึงกุ่ม (เฉพาะแขวงคลองกุ่ม)

เขตเลือกตั้งที่ 16 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตคลองสามวา (ยกเว้นแขวงสามวาตะวันออกและแขวงทรายกองดินใต้)

เขตเลือกตั้งที่ 17 นายไพฑูรย์ อิสระเสรีพงษ์  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตหนองจอก (ยกเว้นแขวงโคกแฝด แขวงลำผักชีและแขวงลำต้อยติ่ง), เขตคลองสามวา (เฉพาะแขวงสามวาตะวันออกและแขวงกองทรายดินใต้)

เขตเลือกตั้งที่ 18  นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตหนองจอก (เฉพาะแขวงโคกแฝด แขวงลำผักชีและแขวงลำต้อยติ่ง), เขตมีนบุรี (เฉพาะแขวงแสนแสบ) , เขตลาดกระบัง (เฉพาะแขวงลำปลาทิว)

เขตเลือกตั้งที่ 19 นายวิชาญ มีนชัยนันท์  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตมีนบุรี (เฉพาะแขวงแสนแสบ), เขตสะพานสูง (ยกเว้นแขวงทับช้าง)

เขตเลือกตั้งที่ 20 นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวานิชย์  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตลาดกระบัง (ยกเว้นแขวงลำปลาทิว)

เขตเลือกตั้งที่ 21 นายอรรฆรัตน์ นิติพน ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตประเวศ (ยกเว้นแขวงหนองบอน) ,  เขตสะพานสูง (เฉพาะแขวงทับช้าง)

เขตเลือกตั้งที่ 22 นายธกร เลาหพงศ์ชนะ  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตสวนหลวง, เขตประเวศ (เฉพาะแขวงหนองบอน)

เขตเลือกตั้งที่  23 นายกวีวงศ์ อยู่วิจิตร  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตพระโขนง, เขตบางนา

เขตเลือกตั้งที่ 24 นายศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตคลองสาน,เขตธนบุรี (ยกเว้นแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจีและแขวงบางยี่เรือ) ,เขตราษฎร์บูรณะ (เฉพาะแขวงบางประกอก)

เขตเลือกตั้งที่ 25 นายกิตติพล รวยฟูพันธ์ ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตทุ่งครุ, เขตราษฎร์บูรณะ (ยกเว้นแขวงบางประกอก)

เขตเลือกตั้งที่ 26 นายศรัณยสัณฑ์ วีรกุลสุนทร ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตจอมทอง (ยกเว้นแขวงบางขุนเทียน) ,เขตบางขุนเทียน (เฉพาะแขวงท่าข้าม)
 
เขตเลือกตั้งที่ 27 นางสาวกมลพัฒน์ ปุงบางกระดี่  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตบางขุนเทียน (ยกเว้นแขวงท่าข้าม) , เขตบางบอน (เฉพาะแขวงบางบอนใต้และแขวงคลองบางบอน)

เขตเลือกตั้งที่ 28 นายวัน อยู่บำรุง ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตหนองแขม (เฉพาะแขวงหนองแขม), เขตบางบอน (ยกเว้นแขวงบางบอนใต้และแขวงคลองบางบอน) , เขตจอมทอง (เฉพาะแขวงบางขุนเทียน)
 

เขตเลือกตั้งที่ 29 นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตบางแค (เฉพาะแขวงบางแคเหนือและแขวงบางไผ่), เขตหนองแขม (ยกเว้นแขวงหนองแขม)
 
เขตเลือกตั้งที่ 30 นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตบางแค (ยกเว้นแขวงบางแคเหนือและแขวงบางไผ่), เขตภาษีเจริญ (เฉพาะแขวงบางหว้า แขวงบางด้วนและแขวงคลองขวาง)
 
เขตเลือกตั้งที่ 31 นายจิรวัฒน์ อรัญยกานนท์ ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตตลิ่งชัน (ยกเว้นแขวงบางเชือกหนัง), เขตทวีวัฒนา
 
เขตเลือกตั้งที่ 32 นายอารุม ตุ้มน้อย ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตบางกอกใหญ่,เขตภาษีเจริญ (ยกเว้นแขวงบางหว้า แขวงบางด้วนและแวงคลองขวาง), เขตธนบุรี (เฉพาะแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจีและแขวงบางยี่เรือ), เขตตลิ่งชัน (เฉพาะแขวงบางเชือกหนัง), เขตบางกอกน้อย (เฉพาะแขวงศิริราช)

เขตเลือกตั้งที่ 33 นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตบางพลัด, เขตบางกอกน้อย (ยกเว้นแขวงศิริราช)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่างาน ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนกรุงเทพ’  ได้เชิญผู้เข้าร่วมงานจากหลากหลายวงการ อาทิ  ศิลปิน นักแสดง พิธีกร เช่น แจ๊ค- แฟนฉัน, ซัน - ประชากร, พระมหาเทวีเจ้า หรือแม่หญิงลี  คำผกา นอกจากนี้ยังมี TikTokers ชื่อดัง เช่น Pond on news และ  Benz singer มีสายมู หมอดู ชื่อดัง กลุ่มสตรี กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+ เช่น วรินทร วัตรสังข์ หรือ แอนนา ทีวีพูล อดีตมิสทิฟฟานี่ กลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้าง กลุ่มผู้ขับรถตุ๊กตุ๊ก แท็กซี่ และแฟนคลับของพรรคเพื่อไทยมาร่วมงานมากมาย  โดยที่นั่งภายในงานเต็มพื้นที่ก่อนงานจะเริ่มขึ้น

‘ทักษิณ’ มั่นใจ!! ‘พท.’ ครองเสียงข้างมาก ชนะเลือกตั้ง แต่อาจต้องตั้ง ‘รัฐบาลผสม’ ยัน!! ไม่ต้องการนิรโทษกรรม

เมื่อวันที่ (25 มี.ค. 66)  นิกเคอิเอเชีย สื่อญี่ปุ่นรายงานบทสัมภาษณ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า นายทักษิณคาดการณ์ว่ารัฐบาลชุดใหม่ที่จะมาบริหารประเทศไทยต่อไปจะเป็นรัฐบาลผสม ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พฤษภาคม แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งและสามารถคว้าเสียงข้างมากในสภาฯ ได้ก็ตาม

“ผมเชื่อว่าจะเป็นรัฐบาลผสมอย่างแน่นอน” นายทักษิณกล่าว พร้อมเสริมว่า เขามีความมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะได้ที่นั่งในสภาฯ อย่างน้อย 250 ที่นั่ง จาก 500 ที่นั่ง และเขาไม่ต้องการให้รัฐบาลใหม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับเขา โดยเขาจะเดินทางกลับประเทศไทยด้วยตนเอง แม้ว่านั่นจะหมายถึงการต้องติดคุกก็ตาม

นอกจากนี้ นายทักษิณปฏิเสธที่จะกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยกำลังตกลงกับพรรคอื่น ๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่หรือไม่ “ผมเป็นแค่ผู้ก่อตั้งพรรค ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ดังนั้น สิ่งที่ผมสามารถทำได้ คือ การสังเกตการณ์การเลือกตั้งอยู่ห่าง ๆ” นายทักษิณกล่าว

‘เศรษฐา’ นำทัพ ‘พท.’ ลุย 3 ตลาดเช้าย่านฝั่งธนฯ ขอบคุณชาวกรุง หลังผลโพลหนุนพรรคเพื่อไทย ยืนหนึ่ง

‘เศรษฐา’ นำทีม ‘เพื่อไทย’ บุก 3 ตลาดเช้าย่านฝั่งธนฯ เมิน ‘บิ๊กตู่’ ขู่ แลนด์สไลด์ออกนอกเลนระวังเจ็บตัว มองฝ่ายบริหารแยกนิติบัญญัติดีกว่า

(26 มี.ค. 2566)  ที่ตลาดเช้าวัดหนองแขม พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร นายวัน อยู่บำรุง ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. เขตหนองแขม (เฉพาะแขวงหนองแขม) บางบอน (ยกเว้นแขวงบางบอนใต้และแขวงคลองบางบอน) จอมทอง (เฉพาะแขวงบางขุนเทียน) ลงพื้นที่พบปะพ่อค้าแม่ค้าเพื่อสอบถามปัญหาต่างๆ โดยนายวันได้พานายเศรษฐานั่งมอเตอร์ไซค์มายังบริเวณตลาด ระหว่างที่พบปะพ่อค้าแม่ค้าได้มอบดอกกุหลาบและขอถ่ายรูปกับนายเศรษฐา

ต่อมา นายเศรษฐาและคณะเดินทางต่อไปยังตลาดบางแคเพื่อรับฟังปัญหา โดยมีนางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. เขตบางแค (ยกเว้นแขวงบางแคเหนือและแขวงบางไผ่) ภาษีเจริญ (เฉพาะแขวงบางหว้า แขวงบางด้วนและแขวงคลองขวาง) ร่วมลงพื้นที่ด้วย ซึ่งก็มีประชาชนให้กำลังใจและมอบดอกกุหลาบให้เช่นเคย จากนั้น นายเศรษฐาและคณะเดินทางไปยังตลาดสดธนบุรี ซึ่งมีนายจิรวัฒน์ อรัญยกานนท์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต 31 ตลิ่งชัน (ยกเว้นแขวงบางเชือกหนัง) ทวีวัฒนา 

โดย นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์กรณีผลโพลสำรวจระบุว่าคนกรุงเทพฯ เชียร์ให้เป็นนายกรัฐมนตรี และพรรค พท.มาเป็นอันดับหนึ่ง ว่า ตนยังไม่ได้ดู เพราะตอนนี้หน้าที่ตนคือเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ตนก็จะเดินหน้าหาเสียง ปราศรัย พบปะพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุดเท่าที่เท่าได้ และขอบคุณที่ประชาชนที่อยากให้มีส่วนร่วมในทางการเมือง แต่ตอนนี้ก็ทำหน้าที่เต็มที่ ทั้งนี้ สำหรับผลโพลที่ระบุว่าในพื้นที่กรุงเทพฯ พรรค พท.นำมาตลอดนั้น ตนเชื่อว่าในอดีตตั้งแต่พรรคไทยรักไทย เราก็ใช้นโยบายนำโดยตลอด บุคคลมีคุณภาพในพรรคเราก็มีเยอะมากมาเป็นแผง ตนเชื่อว่าพรรคมีความสามารถ ฉะนั้น จึงไม่แปลกใจ และจะเดินหน้าต่อไปเพื่อเผยแพร่นโยบายที่ดี

เมื่อถามว่า มองว่าโพลแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่หล่นลงมา เป็นเพราะเปิดตัวช้าหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “คงไม่ใช่หรอกครับ โพลก็คือโพล เรามีหน้าที่ของเรา เราก็ต้องเดินหน้าต่อ เราก็ทำหน้าที่เต็มที่ จะมาพะวงกับโพลไม่ได้ การชี้นำของโพลเราก็ว่ากันไป”

เมื่อถามว่า การประกาศชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะมีการขยับไวขึ้นจากวันที่ 5 เม.ย.หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่เท่าที่ทราบยังเป็นวันที่ 5 เม.ย.อยู่

เมื่อถามถึง กรณีที่มีรายงานข่าวเปิดรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ออกมา แต่ไม่ชื่อของนายเศรษฐาและน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายเศรษฐา กล่าวว่า การที่ชื่อของตนไม่ได้อยู่ในปาร์ตี้ลิสต์ก็ไม่ได้ผิดความคาดหวังอะไร เพราะเราพูดกันตลอดว่าฝ่ายบริหารก็อยู่ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติก็อยู่ฝ่ายนิติบัญญัติ เข้าใจว่ามีหลายฝ่ายอยากให้คนที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่ในปาร์ตี้ลิสต์ด้วย แต่ก็เข้าใจว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 ไม่ได้กำหนดไว้ หากใครก็ตามที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้รับเลือกเข้ามา แล้วต้องไปดำรงตำแหน่งนั้นจริงๆ สิ่งที่สำคัญคือต้องบริหารราชการแผ่นดิน และทำตามกฎหมายที่สภาฯ ออกมา ส่วนในสภาฯ ก็เป็นหน้าที่ของส.ส.ที่ต้องออกกฎหมาย นอกจากนี้สำคัญที่สุดคือการที่ฝ่ายบริหารต้องไปตอบกระทู้ในสภาฯ 

‘อุ๊งอิ๊ง’ เผย เปลี่ยนความจริงไม่ได้ที่เป็นลูกพ่อ ดีใจ!! โพลโตขึ้นตามท้อง สะท้อน ปชช. วางใจ 

‘อุ๊งอิ๊ง’ รับหวัง ‘ทักษิณ’ กลับบ้าน เผย “เปลี่ยนความจริงไม่ได้ที่เป็นลูกพ่อ” ถ้ายุติธรรมจริงคงไม่เป็นเช่นนี้ ยันปมนี้ไม่เกี่ยวกับพรรค ขอบคุณและดีใจเห็นโพลโตตามท้อง 

(26 มี.ค.66) ที่วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค, นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานส.ส.พรรค พท. และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัครส.ส.นครปฐม เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นเดินทางมาพูดคุยกับผู้ประกอบการค้าสุกรใน จ.นครปฐมที่ห้องประชุม สนามกีฬากลาง 1 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม

จากนั้น เวลา 17.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางมาที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน พร้อมให้สัมภาษณ์กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นพ่อ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนประเทศญี่ปุ่นว่า พร้อมกลับประเทศไทยภายในปีนี้และรับโทษนั้น ว่า ตนได้คุยกับนายทักษิณแล้ว ซึ่งประโยคเช่นนี้เราก็ได้คุยในครอบครัวตลอด ถ้าเหตุการณ์ปกติที่คดีต่าง ๆ ดำเนินไปตามปกติ ไม่ใช่หลังรัฐประหาร ก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้ แต่ที่ต้องเป็นแบบนี้ หากกระบวนการยุติธรรม ยุติธรรม มันก็ดี อย่างไรก็ตาม ตนเคารพการตัดสินใจของนายทักษิณอยู่แล้ว เพราะเขาออกไปนอกประเทศนานแล้ว เขาจะตัดสินใจอย่างไรเราก็เคารพการตัดสินใจของเขาอยู่แล้ว และเป็นกำลังใจให้

“อิ๊งค์พูดจากใจเลยว่า อิ๊งค์เปลี่ยนความจริงไม่ได้ที่อิ๊งค์เป็นลูกของคุณพ่อ และอิ๊งค์ก็ไม่อยากจะเปลี่ยนด้วย ฉะนั้น การนำพรรคเพื่อไทยต่อไปสำหรับการเลือกตั้ง และยื่นนโยบายสู่ประชาชน เป็นหน้าที่หลักซึ่งเราจะทำต่อไป ในสิ่งที่คุณพ่อพูด ถ้าจะเกิดอะไรขึ้น และเป็นผลอย่างไร ก็อยากให้เป็นส่วนของท่าน เพราะท่านพูดอยู่แล้วว่าการที่จะกลับมาหรืออะไรก็ตามไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย และบอกว่าจะไม่มีการทำอะไรทั้งสิ้น คุณพ่อพูดมาก่อนหน้านี้ตั้งหลายเดือนแล้ว ก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่” น.ส.แพทองธาร กล่าว

เมื่อถามว่า นายทักษิณระบุเวลากลับประเทศแล้วหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ยังไม่ได้บอก ถ้าบอกแล้วตนอาจจะตื่นเต้นจนหลุดไปแล้วก็ได้ ทั้งนี้ จากใจตนหวังตลอด ทำไมเราจะไม่อยากให้คุณพ่อกลับบ้าน ทำไมจะไม่อยากให้คุณตากลับมาเลี้ยงหลาน โดยเฉพาะตอนนี้ที่เหลือไม่ถึง 2 เดือนก็จะคลอดแล้ว ฉะนั้น มีความหวังแน่นอน 

ถามต่อว่า การที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์ในช่วงนี้ เกี่ยวข้องกับการหาเสียงแบบแลนด์สไลด์ เพื่อจะนำนายทักษิณกลับมาประเทศไทยได้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราถามหัวหน้าและทุกคน คุณพ่อก็คือหนึ่งในแรงใจของเรา นั่นเป็นสิ่งที่เถียงไม่ได้ เป็นกำลังใจสำคัญ ท่านเป็นคนก่อตั้งพรรคตั้งแต่ไทยรักไทย ฉะนั้น ตอนนี้ไม่เกี่ยวกัน 

นพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่า ตัวชี้วัดที่แท้จริงคือประชาชนก่อนการเลือกตั้ง ข้อเท็จจริงปรากฏว่า คนอีกกลุ่มหนึ่งพยายามใช้สถานการณ์นี้ กล่าวหาและโจมตีพรรค พท. เสมือนต้องการดิสเครดิตแลนด์สไลด์ วิธีการแบบนี้ปรากฏขึ้นเมื่อเขามีโอกาส พรรคพท.จึงมองว่า ท่านเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของคนที่รักไทยรักไทย พลังประชาชน ความเชื่อความศรัทธาเราห้ามไม่ได้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสังคมนี้อยู่แล้ว แต่หากใช้ประโยชน์นอกเหนือข้อกฎหมายจนพรรคเสียหาย พรรค พท.ก็ต้องใช้สิทธิของเรา

เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี วิจารณ์ถึงพรรค พท.ว่าระวังจะแลนด์สไลด์ออกนอกเลน น.ส.แพทองธาร นิ่งครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “นายกฯ เป็นคนครีเอทีฟเนอะ ให้ท่านครีเอทีฟไป เราก็เดินหน้าหาเสียงต่อ” 

เมื่อถามถึง กรณีมีรายงานข่าวรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน แต่ไม่ปรากฏชื่อของ น.ส.แพทองธาร ที่ถูกจับตาว่าอาจเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท. น.ส.แพทองธาร หันไปถามนพ.ชลน่านว่า “เห็นว่าจะสรุปรายชื่อกันเมื่อไหร่” 

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในวันที่ 26-28 มีนาคม เราจะส่งรายชื่อผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและเขต ให้ตัวแทนพรรคประจำจังหวัดให้ความเห็นชอบหรือไพรมารีโหวต ซึ่งบัญชีรายชื่อที่ปรากฏไปแล้ว ก็ต้องมาฟังความเห็นว่าประชาชนในเขตเลือกตั้งทั้งประเทศเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ซึ่งกรรมการบริหารจะเป็นด่านสุดท้ายในการประกาศรายชื่อ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ

เมื่อถามว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีควรเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อด้วยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ไม่จำเป็น จะมีหรือไม่มีก็ได้ เราก็ทำหน้าที่ของเราต่อ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในจุดของตนจะเดินหน้าทำเพื่อประชาชนต่อไป ในฐานะอะไรก็ได้ เพราะประเทศไม่ไหวแล้ว และต้องการการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก

เมื่อถามว่า นายทักษิณให้การสนับสนุนและได้ฉันทามติจากประชาชนแล้ว หากจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ลำดับที่หนึ่ง พร้อมหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “เขินเลย อิ๊งค์คิดว่าขอคนที่เหมาะสมและดีที่สุด เป็นอย่างนั้นดีกว่า”

‘เพื่อไทย’ ลุยปราศรัยใหญ่ อ้อนแลนด์สไลด์ชาวนครปฐม  ชี้!! เลือกตั้งครั้งนี้ตัดสินชะตาอนาคตประชาชน-ประเทศ

‘เพื่อไทย’ บุกปราศรัยใหญ่นครปฐม ‘อุ๊งอิ๊ง’ อ้อน ขอคนนครปฐมเลือก พท.ให้แลนด์สไลด์ ขณะที่ ‘ณัฐวุฒิ’ แปลงเพลงถึง ‘บิ๊กตู่’ “เลือกลุงตู่ ไม่เชื่อลองดูจะฉิxหายกันทั้งชาติ”

(26 มี.ค.66) ที่สนามกีฬากลาง 1 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดปราศรัยใหญ่ นำโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และว่าที่ผู้สมัครส.ส.นครปฐมทั้ง 6 เขต ทั้งนี้ มีประชาชนมารอรับฟังคำปราศรัยเต็มพื้นที่ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเวทีปราศรัยครั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัว ไม่ได้เดินทางมาร่วมด้วย

โดย นพ.ชลน่าน ปราศรัยว่า หากพี่น้องชาวนครปฐมจับมือกับพรรค พท. เรามาคิดใหญ่ร่วมกัน คิดใหญ่เรื่องแรกเหตุแห่งทุกข์คือ 3 ป.เข้ามายึดอำนาจ และสืบทอดอำนาจเป็นรัฐบาลมาอีก 4 ปี รวมแล้ว 9 ปี ตนจึงอยากเชิญชวนประชาชนร่วมกันกำจัดเหตุแห่งทุกข์ โดยใช้โอกาสนี้เข้าคูหากาเอาเหตุแห่งทุกข์ เอาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกไป หากเราไม่เอาเหตุแห่งทุกข์ออกไป ความทุกข์เราไม่เหือดหาย การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการตัดสินชะตาอนาคตของประชาชนและประเทศ โดยเฉพาะชาวนครปฐม

นายอดิศร เพียงเกษ โฆษกอดีตผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ปราศรัยว่า ความเป็นจริง พรรค พท.เราต้องได้เป็นรัฐบาล เพราะเราได้ที่ 1 เลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านเขาเอาที่ 1 เป็นแต่นายกรัฐมนตรีเขาเอาที่ 2 เป็น ไม่มีทางเลือกอื่นต้องสามัคคีกันเลือก พท. เราต้องแลนด์สไลด์และในอดีตที่ผ่านมาเราทำมาแล้ว วันนี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เลือกลูกสาวมาทำหน้าที่แทน คนนครปฐมเลือกหรือไม่ นครปฐม 6 ที่นั่งไม่ต้องเกรงใจบ้านใหญ่ ไม่ต้องมีนักเลง ระบบประชาธิปไตยเสมอภาคกัน มีสิทธิ์ลงคะแนนได้ 1 คะแนน ขอบคุณนายทักษิณที่ให้แก้วตาดวงใจมา นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ชื่อแพทองธาร ถาเลือกเรา 2 ที่นั่งให้บ้านใหญ่ 4 ที่นั่ง เราเจ๊งเลย แต่ถ้าให้เรา 6 ที่นั่งบ้านใหญ่ศูนย์เลย 

ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ปราศรัยว่า พรรค พท. รู้สึกอบอุ่นมากที่พี่น้องมากันเต็มที่ขนาดนี้ แม้แดดร้อนแต่พี่น้องก็ยังมา แล้วแบบนี้คนท้อง 8 เดือนจะไม่มาได้อย่างไร วันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคมใกล้เข้ามาแล้ว ย้ำว่า หากพรรค พท.ได้เป็นรัฐบาลจะพักหนี้เกษตรกร 3 ปี ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยด้านการเกษตร เมื่อได้ผลผลิตมากขึ้น พรรค พท.จะทำให้ผลผลิตของพี่น้องเกษตรไปทั่วโลก เราไม่สามารถแบ่งใจให้พรรคอื่นได้ เรามีแค่ประชาชาสนับสนุนเท่านั้น เราไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย วันนี้มาขอให้พี่น้องช่วยหันเลือก พท.ให้แลนด์สไลด์ทั้งนครปฐมได้หรือไม่ หากเราได้เบอร์เมื่อไหร่เราจะกลับมาบอกอีกครั้งและขอให้เลือกพรรค พท.ให้แลนด์สไลด์ทั้งนครปฐม

ด้าน นายณัฐวุฒิ ปราศรัยว่า แต่ก่อนบนอะไรจะบนด้วยหัวหมู แต่ตอนนี้เหลือแค่แคปหมู ในยุคพล.อ.ประยุทธ์ เจ้าที่ยังกินไม่อิ่ม การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องทำให้นครปฐมเป็นจังหวัดที่เลอฆ่าพล.อ.ประยุทธ์ให้ได้ ไม่ใช่ฆ่าด้วยอะไร แต่ต้องฆ่าด้วยการออกจากบ้านไปกา พท.ทั้ง 2 ใบ โพลทุกสำนักขานรับน.ส.แพทองธาร สะท้อนว่าเขาต้องการมองเห็นอนาคตข้างหน้า ไม่ใช่หันไปก็เห็นแต่พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งมองไม่เห็นอนาคตเลย เห็นแต่อดีตที่เจ็บปวด แก้รัฐธรรมนูญมาให้ตัวเองอยู่ต่อ 8 ปี แล้วยังจะอยู่ต่ออีก พี่น้องจะไปกับเขาหรือไม่

‘สกลนคร’ ส่อเดือด หลังแบ่งเขตใหม่เป็น 7 ที่นั่ง ‘เพื่อไทย’ ไม่น่าพลาด!! จ่อกวาดยกจังหวัดตามเคย

สนามเลือกตั้ง จ.สกลนคร ที่มีเก้าอี้ ส.ส.เพิ่มจาก 6 เป็น 7 ที่นั่ง ทำให้บรรยากาศการเลือกตั้งส่อเค้าดุเดือด แต่ละพรรคการเมืองต้องปรับแผนการลงพื้นที่กันใหม่หลายจุด โดยเฉพาะแชมป์เก่าอย่างพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่กวาด ส.ส.ยกจังหวัด

เขตที่ 1 อ.เมือง (ยกเว้น ต.หนองลาด ต.โคกก่อง ต.ม่วงลาย ต.ดงชน และ ต.โนนหอม) อภิชาติ ตีรสวัสดิชัย แชมป์เก่าหลายสมัยจากพรรค พท. ที่คอยผลักดันงบประมาณลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ลงป้องกันพื้นที่ตนเอง เจอคู่ต่อสู้อย่าง ตวงสิทธิ์ พงษ์พิศ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นักธุรกิจหนุ่ม ชูนโยบายพรรค เน้นนิวโหวตเตอร์จากสถานศึกษา ขณะที่ บ่าวนิก สิรภพ สมผล พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) คนรุ่นใหม่ไฟแรง ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น สานต่อการเมืองจากพ่อแม่เป็น ส.อบจ. รอบนี้ขอสู้สนามใหญ่ และ ‘ณปภัช เสโนฤทธิ์’ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) คนรุ่นใหม่พกความรู้มาแน่นเอี้ยดลุยขอคะแนนเสียงแอบลุ้นไกล ๆ

เขตที่ 2 อ.กุสุมาลย์ อ.โพนนาแก้ว อ.โคกศรีสุพรรณ อ.เต่างอย และ อ.เมือง (เฉพาะ ต.โคกก่อง ต.ม่วงลาย ต.ดงชน และ ต.โนนหอม) ‘มหานิยม’ นิยม เวชกามา แชมป์เก่าหลายสมัยอีกคนพรรค พท. มีผลงานอภิปรายในสภาแก้ปัญหาช่วยชาวบ้าน ส่งเสริมทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาขวัญใจชาวบ้าน จะลงป้องกันตำแหน่ง เจอคู่แข่งอย่าง ‘ชาญชัย งอยผาลา’ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อดีตนักการเมืองท้องถิ่น รอบที่แล้วลงสังกัดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พ่ายแพ้ราว 1 หมื่นเสียง คราวนี้หวังล้างตาอีกครั้ง

ขณะที่ 'กัญญาภัค ศิลปะรายะ' พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นักการเมืองท้องถิ่น อดีตนายก อบต.โพธิไพศาล สาวมาดมั่นขอท้าชิงแชมป์เก่า ส่วน 'กฤษณะ พุฒซ้อน' พรรค พปชร. นักธุรกิจในพื้นที่ อ.เต่างอย ยังมี 'ชาตรี หล้าพรหม' พรรค ปชป. นักการเมืองท้องถิ่น และ 'ภูเบศวร์ เห็นหลอด' พรรค ก.ก.นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยที่หวังลุ้นแต้มด้วย

เขต 3 อ.อากาศอำนวย อ.พรรณานิคม อ.เมืองสกลนคร (เฉพาะ ต.หนองลาด) อ.วานรนิวาส (เฉพาะ ต.นาซอ) 'จิรัชยา สัพโส' พรรค พท. ลูกสาว 'พัฒนา สัพโส' ส.ส.เขต 3 ที่ส่งลูกสาวลงป้องกันตำแหน่งแทนพ่อ ต้องเจอคู่ต่อสู้คือ 'สาคร พรหมภักดี' จากพรรค ปชป. ที่คร่ำหวอดการเมืองมานาน อดีต ส.ส.หลายสมัย แม่ทัพนำทีมพรรค ปชป.สู้ศึกเลือกตั้ง จ.สกลนคร ที่หวังขอพลิกคว้าเก้าอี้ และ 'ภิญโญ ขันติยู' พรรค ก.ก.

เขตที่ 4 อ.กุดบาก อ.วาริชภูมิ อ.ภูพาน อ.นิคมน้ำอูน อ.ส่องดาว (ยกเว้น ต.ท่าศิลา) 'พัฒนา สัพโส' ที่ย้ายจากเขต 3 มาลงเขต 4 มั่นใจไม่น่าพลาด ต้องเจอคู่แข่งอย่าง 'พงษ์ศักดิ์ สุทธิคีรี' สวมเสื้อพรรค ปชป. นักการเมืองท้องถิ่นและนักกฎหมาย และ 'ขจรศักดิ์ เบ็ญชัย' พรรค ก.ก. นักกฎหมาย อดีตนักการเมืองท้องถิ่น

‘ภูมิธรรม’ สยบข่าวดีล พท. หนุน ‘บิ๊กป้อม’ นั่งนายกฯ ชี้!! แค่กระแสฉุดรั้งความนิยมคนไทยไปจาก พท.

(27 มี.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหาว่า มีการตกลงกันยอมให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ขอชี้แจงว่า พรรคเพื่อไทย โดยคณะกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะร่วมรัฐบาลกับใครหรือไม่ 

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยยังคงยืนยันเดินหน้ารณรงค์หาเสียงให้เลือกพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.ในสภาให้ถึง 310 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาล  เพราะขณะนี้ปัญหาของประเทศ คือ ส.ว. 250 คน ที่ถือว่าเป็นตัวปัญหา หากพรรคเพื่อไทยได้ 310 เสียง ขึ้นไป ไม่มีเหตุผลใดที่จะจับมือกับใคร  มีเงื่อนไขเดียว คือจับมือกับพรรคการเมืองที่มีกรอบความคิดตรงกัน หรือฝ่ายค้านที่เคยทำงานร่วมกันมา

“การมีคนพยายามที่จะโหนพรรคเพื่อไทย เพื่อทำลายอำนาจที่จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน คนที่จะตัดสินใจการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและตัดสินใจว่าใครเป็นรัฐบาล คือประชาชน ถ้าคะแนนเสียงออกมาอันดับ 1 พรรคนั้นก็ต้องได้จัดตั้งรัฐบาล อันดับถัดมา ก็จะได้รับการพิจารณาเป็นลำดับถัดไป ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ เรื่อง  จึงขอย้ำอีกครั้ง การจับมือกับพลังประชารัฐ จะจับมือพรรคนั้นพรรคนี้ เป็นเรื่องเพ้อฝันทั้งสิ้น หรือมีเจตนาแอบแฝงที่จะฉุดรั้งความนิยมของประชาชนออกไปจากเรา ขอให้ประชาชนมั่นใจ วันนี้พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นเป็นรัฐบาลให้ได้ เพื่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยที่เกิดขึ้น และจะไม่ขอพูดเรื่องนี้อีกแล้ว ขอความเป็นธรรมให้พรรคเพื่อไทยและประชาชนด้วย” นายภูมิธรรม กล่าว

‘พท.’ เตรียมปราศรัยใหญ่ 3 เวที ส่งท้ายเดือน มี.ค. พร้อมจัดทีมกระจายหาเสียงทุกเขต หวังแลนด์สไลด์

(27 มี.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคพท.เตรียมจัดเวทีปราศรัยใน 3 จังหวัด ได้แก่ ในวันที่ 28 มี.ค. เปิดเวทีปราศรัยที่ศาลากลาง จ.สมุทรปราการ เริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง อดีต ส.ส.มหาสารคาม นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์รวมทั้งตน 

วันที่ 29 มี.ค. เปิดเวทีปราศรัยที่ลานหน้าห้างโลตัส รังสิต (ตรงข้ามฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต) อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ในเวลา 18.00 น. เป็นต้นไป นำโดย นพ.ชลน่าน น.ส. แพทองธาร นายจาตุรนต์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีต ส.ส.กทม.และตน

‘เพื่อไทย’ แนะ ‘นายกฯ’ ยกหูหาผู้นำเมียนมา  ถกคุมการเผา พร้อมชง 7 ข้อแก้ฝุ่นเร่งด่วน 

(27 มี.ค.66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานคณะกรรมการนโยบายสิ่งแวดล้อม พรรค พท. และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรค พท. ร่วมแถลงข่าวกรณี PM2.5 กำลังฆ่าคนไทย ส่วนเกี่ยวข้องต้องเคลื่อนไหว ปล่อยตามมีตามเกิดไม่ได้

นายปลอดประสพกล่าวว่า พรรค พท.รู้สึกเป็นห่วงพี่น้องชาวภาคเหนือเป็นอย่างมาก วันนี้ถือเป็นวิกฤตทางมลภาวะทางอากาศที่ประเทศไทยได้ประสบมา ฝุ่น PM2.5 สูงถึง 656 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เป็นตัวเลขที่อันตรายถึงชีวิต โดยฝุ่น PM2.5. ตอนนี้มาจากประเทศเมียนมาทั้งหมด ตามข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้ พรรค พท.มีความเห็นว่าวิกฤตครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งระยะสั้นและระยะยาว จึงมีความจำเป็นที่จะสื่อสารไปถึงนายกรัฐมนตรี พรรคการเมือง หน่วยราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีข้อเสนอ ดังนี้ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องโทรศัพท์ไปถึงผู้นำประเทศเมียนมาและผู้นำประเทศอื่นที่อยู่ใกล้กับ จ.เชียงราย โดยเฉพาะแม่สาย เพื่อขอร้องให้เมียนมาควบคุมการเผาที่ส่งผลให้เกิดฝุ่น PM2.5

นายปลอดประสพกล่าวต่อว่า 2.กระทรวงสาธารณสุขต้องแจกหน้ากากอนามัยคุณภาพดีให้ทั่วถึงโดยทันที 3.กระทรวงมหาดไทยต้องสั่งหยุดงาน ปิดโรงเรียน และประกาศห้ามออกนอกบ้านโดยสิ้นเชิง 4.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดหาพัดลมให้ประชาชนเพื่อพัดฝุ่น PM2.5 ออกจากบ้าน 5.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องใช้ความเด็ดขาดและใช้อำนาจตามกฎหมายกับบริษัทต่างๆ เพื่อคุยให้ชัดเจนอย่างตรงไปตรงมา ถึงข้อตกลงที่มาที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะหรือความเสียหายต่อประเทศ

นายปลอดประสพกล่าวว่า 6.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องสั่งการกรมอุทยานแห่งชาติให้ยุติการอนุญาตเลี้ยงวัว 15 ฝูงขนาดใหญ่ ในอุทยานแห่งชาติทันที เพราะกลุ่มผู้เลี้ยงวัวเหล่านี้คือกลุ่มผู้ที่เผาเพื่อให้ได้หญ้ามาเลี้ยงวัว และต้องสั่งห้ามเข้าไปเก็บเห็ดในอุทยาน เพราะผู้ที่เผาทำเพื่อให้เห็ดเกิดขึ้น และ 7.คณะกรรมกการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องมีการประชุมทบทวน เพื่อเปิดทางให้อุปกรณ์ช่วยเหลือฝุ่น PM2.5 เหล่านี้ไปยังประชาชนผ่านทางราชการ เพราะเวลานี้เป็นเรื่องเป็นเรื่องตาย

‘เพื่อไทย’ พร้อมคืนชีพ 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ มั่นใจ!! ทำได้ภายใน 100 วัน หลังเป็น รบ.

(28 มี.ค.66) ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ประธานที่ปรึกษานโยบายด้านกีฬา พรรคเพื่อไทย และนายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ร่วมกับคณะที่ปรึกษา นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา, นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวนโยบาย 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ พลัส 

ผศ.พิมลกล่าวว่า นโยบายนี้เคยเกิดขึ้นครั้งแรกระหว่างปี 2544-2549 ที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และประสบความสำเร็จอย่างมาก ในโอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ที่ได้เหรียญรางวัลมาถึง 6 เหรียญ หลังจากเกิดการปฏิวัติก็ได้ยกเลิกไป ถึงแม้จะเอากลับมาอีกครั้ง ก็ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนเดิม จนปัจจุบันเหลือเพียงสมาคมกีฬาเทควันโดฯ เพียงสมาคมเดียวที่ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐวิสาหกิจอย่างธนาคารอาคารสงเคราะห์ ตั้งแต่ปี 2548 มาจนถึงตอนนี้

ผศ.พิมลกล่าวอีกว่า เมื่อเห็นประโยชน์และความสำเร็จจากนโยบายนี้ในอดีต ทำให้เพื่อไทยอยากจะนำกลับมาอีกครั้ง ที่สำคัญรัฐวิสาหกิจไทยกว่า 20 แห่ง มีกำไร 2 แสนล้านบาทต่อปี ถ้าเจียดมาสัก 1 เปอร์เซ็นต์มาช่วยวงการกีฬา ก็จะสร้างสิ่งดี ๆ ให้ทั้งสังคม เศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ยิ่งนักกีฬาไทยได้เหรียญทอง ได้ฟังเพลงชาติไทย เป็นความสุขของคนไทย ครั้งนี้ถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะทำให้สำเร็จภายใน 100 วันแรก โดยแนวทางจะตั้งคณะกรรมการที่ดูแลโดยกระทรวงการคลัง 7-9 คน พิจารณาการสนับสนุนสมาคมกีฬาต่าง ๆ ช่วงแรกเน้นไปที่กีฬาสากลที่มีในโอลิมปิกเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์, ซีเกมส์ ที่หวังผลเป็นเลิศได้

ผศ.พิมลกล่าวอีกว่า สิ่งที่รัฐวิสาหกิจจะได้รับจากการสนับสนุนสมาคมกีฬานี้ จะได้สิทธิผู้สนับสนุนมีที่นั่งในคณะกรรมการบริหารสมาคมอย่างน้อย 1 ตำแหน่ง รวมทั้งสามารถตรวจสอบความโปร่งใสเรื่องงบการเงินของสมาคมได้ ที่สำคัญสมาคมต้องสร้างผลในระดับนานาชาติซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดในการสนับสนุนต่อไปในอนาคตด้วย

“สมาคมที่ใช้เงินเยอะก็ต้องจับกับรัฐวิสาหกิจที่เงินเยอะหน่อย ต้องเป็นการพูดคุยกันว่าสมาคมไหนเหมาะกับหน่วยงานไหน ไม่มีอะไรตายตัว แต่จะอธิบายกับรัฐวิสาหกิจว่าสร้างประโยชน์กับวงการกีฬาและประเทศ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจอย่างไรบ้าง” ประธานที่ปรึกษานโยบายด้านกีฬา พรรคเพื่อไทย กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top