Wednesday, 21 May 2025
เพื่อไทย

‘เศรษฐา’ พร้อมยุติทวิตขายบ้าน หลังเกิดดรามา ลั่น!! จะไม่มีข้อความชวนเชิญซื้อบ้านในโครงการอีก

(18 มี.ค.66)  ที่ร้าน WHEELER BED & BIKE อ.เมือง จ.ชลบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีการแชร์ข้อความจากทวิตเตอร์ ที่นายเศรษฐาได้ทวีตแนะนำให้ประชาชนซื้อบ้านในโครงการบ้านจัดสรร จนกลายเป็นประเด็นดรามา ว่า เป็นคนทวีตจริง เพราะเห็นว่าตนเองยังเป็นพนักงานของบริษัทแสนสิริอยู่

‘ชลน่าน’ เผยไม่ใส่ใจวันยุบสภา เคาะปาร์ตี้ลิสก่อน 1 เม.ย. เมิน ‘ก้าวไกล’ เหน็บ ชี้!! พูดยกตัวเองข่มคู่แข่ง คือเรื่องปกติ

‘ชลน่าน’ เย้ยไม่ใส่ใจแล้วยุบสภาวันไหน เผย เตรียมเคาะลำดับปาร์ตี้ลิสต์ให้เสร็จ 1 เม.ย. ส่วน แคนดิเดตนายกฯ5 เม.ย. เห็นควรนายกฯ ควรเป็นส.ส. เมิน ก้าวไกลปราศรัยเหน็บ มอง เป็นสีสันทางการเมือง

(19 มี.ค.66) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีกระแสข่าวยุบสภาในวันที่ 21 มี.ค. หรือ 22 มี.ค.ว่า เราไม่ได้ใส่ใจอะไรแล้ว เพราะยังไงวันสุดท้ายก็วันที่ 23 มี.ค. ซึ่งหากจะยุบวันสุดท้ายก็คือวันที่ 22 มี.ค. แต่เราก็เตรียมความพร้อมการเพื่อการเลือกตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เรายึดวันที่ 20 มี.ค. เป็นเกณฑ์ ซึ่งหากมีการยุบสภาวันที่ 20 มี.ค. วันที่ 3-7 เม.ย. จะมีการเปิดรับสมัครส.ส.แบบเขต วันที่ 4-7 เม.ย. มีการเปิดรับสมัครแบบบัญชีรายชื่อ ฉะนั้น เราต้องจัดไทม์ไลน์ให้สอดรับกับเรื่องนี้

ถามว่า นายกฯ เคยบอกว่าจะไม่มีการยุบสภาในวันเกิด นพ.ชลน่าน กล่าวว่า แล้วแต่ว่าจะเป็นวันที่เท่าไหร่ เพราะเราก็ไม่ได้ใส่ใจแล้ว แต่ไทม์ไลน์ของเราก็คาดการณ์ว่านายกฯจะยุบสภา เร็วที่สุด

เมื่อถามว่า หากมีการยุบสภาและมีการเปิดรับสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อในวันที่ 4 เม.ย. พรรคเพื่อไทยจะประกาศส.ส.บัญชีรายชื่อให้ครบก่อนหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เนื่องจากมีข้อกฎหมายกำหนดว่าต้องไปรับฟังความเห็นหรือทำไพรมารี่โหวตในพื้นที่เลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้จังหวัดหนึ่งสามารถทำไพรมารี่โหวตได้ 1 จุด ก็สามารถส่งผู้สมัครเขตได้ทุกเขต ขณะเดียวกันระบบบัญชีรายชื่อ คณะกรรมการสรรหาต้องส่งระบบบัญชีรายชื่อไปให้แต่ละเขตเพื่อทำไพรมารี่โหวตด้วย ซึ่งพรรคเพื่อไทยชัดเจนว่ามีการทำการโหวตภายในวันที่ 26-28 มี.ค. ทั้งนี้ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยส่งไปโดยเรียงตามลำดับอักษร วิธีที่เห็นชอบอาจเห็นชอบรายบุคคลหรือทั้งหมดเลยก็ได้

ถามต่อว่า ระบบบัญชีรายชื่อทั้งหมด จะเสร็จภายในวันที่ 28 มี.ค. แต่การเรียงลำดับจะเสร็จเมื่อไหร่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารจะมีหน้าที่ตัดสินเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งหากคณะกรรมการสรรหารับมติการทำไพรมารี่มาแล้วเขาก็จะนำเข้ามาสู่กระบวนการจัดลำดับ และส่งให้กรรมการบริหารให้ความเห็นชอบ และเราตั้งใจว่าจะประชุมกรรมการบริหารไม่เกินวันที่ 1 เม.ย. และเราต้องทำเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนการรับสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ

เมื่อถามว่าคนที่เป็นแคนดิเดตนายกฯจำเป็นต้องอยู่ในส.ส.บัญชีรายชื่อในลำดับต้นๆหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคว่ามีความเห็นอย่างไร ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยกำหนดไว้ว่าวันที่ 5 เม.ย. จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างกรรมการบริหารพรรค ตัวแทนสาขาพรรคการเมืองสาขาประจำจังหวัด ประธานสาขาพรรคและเราจะตัดสินวันนั้น

“คนที่เป็นแคนดิเดตนายกฯจำเป็นที่จะต้องอยู่ในบัญชีรายชื่อหรือไม่นั้น เรื่องนี้พรรคยังไม่ได้คุยกัน แต่ส่วนตัวตนเห็นว่าควร เพราะเราเคยยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรานี้มาแล้ว อย่างไรก็ตามคนที่เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนนายกฯต้องได้รับความยินยอม”

นพ.ชลน่าน กล่าวถึงกรณีหากพรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกฯ จำเป็นต้องเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ เขาน่าจะแยกกันว่านี่คือผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ จริง ๆ ร้องขอหากพล.อ.ประยุทธ์ เปิดช่องว่าเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ก็ควรให้ความสำคัญกับสภาด้วย หากจะมาเป็นผู้แทน คุณจะรู้เห็นว่าสภามีความเห็นอย่างไร

‘จตุพร’ ถอดรหัสคำปราศรัย ‘เศรษฐา’​ จวก ทั้งชีวิตอยู่กับความร่ำรวย จะเข้าใจคนจนได้อย่างไร

(19 มี.ค. 66) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน ‘ประชาชนอยู่ตรงไหน?’ โดยถามนายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยว่า คนไทยยากจน ทั้งชีวิตได้แต่เสาะแสวงหาความสุขและการอยู่รอด ดังนั้น ประชาชนผู้ทุกข์ยาก มากความเดือดร้อนอยู่ตรงไหนในหัวใจว่าที่ผู้นำที่จะมาเป็นผู้ปกครองมือใหม่ ผู้ยังไม่ปรากฎความเสียสละแก่สังคม แต่ทั้งชีวิตความสำเร็จอยู่กับความร่ำรวย อาจไม่เคยเห็นคุณค่าการเสาะแสวงหาใด ๆ เลย เพราะไม่เคยเสาะหา อยากได้สิ่งใดก็มีคนเอามาให้ แล้วจะเข้าใจประชาชนยากจนที่อยู่ปกครองได้อย่างไร

นายจตุพร ยกคำพูดตอนหนึ่งของนายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ที่ระบุบนเวทีจัดงาน ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ เพื่อเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ทั้ง 400 เขต มาวิพากษ์วิจารณ์บทบาทของผู้ปกครองมือใหม่ถอดด้ามที่อาสามาเป็นผู้นำของประเทศไทยที่มากด้วยคนยากไร้ เดือดร้อนทุกข์

พร้อมระบุคำพูดของนายเศรษฐา ว่า คนมีอภิสิทธิ์ ใหญ่คับฟ้าทำผิดไม่ผิด เห็นผู้นำไร้หัวใจไล่ประชาชนที่มีศักยภาพให้ออกจากแผ่นดินที่เขาเกิด เพียงแค่คนเหล่านี้ไม่อยู่ใต้โอวาท ประชาชนที่ได้ผลกระทบทุกคนต่างฝากความหวังไว้ในการเลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนประเทศ เขาอยากเลือกพรรคการเมืองที่จะสร้างโอกาสให้ชีวิตเขาดีขึ้น

นายจตุพร เริ่มกล่าวด้วยการยกคำพูดท่อนหนึ่งที่ระบุถึง ‘ผู้นำไร้หัวใจ’ มาวิพากษ์วิจารณ์ ว่า ผู้นำโลกและผู้นำไทยที่ผ่านมา ล้วนไม่เคยมีหัวใจ พร้อมถามนายเศรษฐา เมื่อช่วงเป็นซีอีโอ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ สร้างบ้านขายกลุ่มคนรวยมาทั้งชีวิต

“คุณมีหัวใจหรือไม่ และเคยเห็นผู้ปกครองไทย ใครบ้าง เคยมีหัวใจ” นายจตุพร กล่าว

อย่างไรก็ตาม หัวใจคนจะเกิดก่อนที่มาเป็นผู้นำ หรือระหว่างวางแผนที่จะเข้าไปเป็นผู้นำ จากนั้นเมื่อมาเป็นผู้นำแล้ว หัวใจจะถูกเอาออกตามลำดับ จนอยู่ในสภาพคนไร้หัวใจ 

อีกทั้งกล่าวว่า ในระหว่างช่วงชิงอำนาจ หัวใจจะเริ่มดำสนิท แต่เมื่อมีอำนาจหัวใจจะไม่มี แล้วกลายเป็นมนุษย์พิเศษที่ไม่มีหัวใจในการทำงาน เพราะตลอดเวลาถ้าผู้นำมีหัวใจ ประเทศจะไม่อยู่ในสภาพแบบนี้ การตัดสินใจระหว่างผลประโยชน์ชาติกับประโยชน์ตัวเอง ถ้าผู้นำมีหัวใจทำไม่ได้ มือล้างได้ แต่ใจยากที่จะล้างออก ดังนั้น ที่บอกว่า ผู้นำไร้หัวใจ หวังว่านายเศรษฐา จะรักษาหัวใจเอาไว้ได้ จนถึงวันใฝ่ฝัน เพราะต้องการเป็นนายกฯ ตำแหน่งเดียว

ส่วนนายเศรษฐา กล่าวถึงผู้นำไร้หัวใจไล่คนไทยออกนอกประเทศนั้น นายจตุพร เห็นว่า ขึ้นอยู่กับการเข้าใจ อย่างไรก็ตาม ต้องรู้ให้ตรงกันก่อนว่า ไม่มีใครสามารถไล่คนไทยออกนอกประเทศได้ ขณะเดียวกันก็ไม่มีคนไทยคนใดที่จะห้ามคนไทย ไม่ให้กลับเข้าแผ่นดินไทยได้เช่นกัน อีกทั้งไม่มีกฎหมายห้ามคนไทยเข้าประเทศด้วย ดังนั้น การออกนอกประเทศคงเป็นเพราะเขาไม่ให้อยู่ หรือไม่อยู่เอง

อย่างไรก็ตาม ในอดีต ช่วงเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 จอมพลถนอม กิตติขจร และจอมพลประภาส จารุเสถียร ตัดสินใจออกนอกประเทศเอง โดยประชาชนขับไล่ แค่ต้องการให้ออกจากตำแหน่งเท่านั้น รวมทั้งนายปรีดี พนมยงค์ และจอมพล ป. พิบูลสงคราม ล้วนแต่เป็นการตัดสินใจออกนอกประเทศเองทั้งสิ้น แต่การไม่กลับมาแผ่นดินไทยนั้น ไม่มีใครห้ามปรามได้เลย

นายจตุพร กล่าวว่า เจตนาของนายเศรษฐา ที่พูดถึงการไล่คนออกนอกประเทศนั้น คงต้องการสื่อให้คนในห้องประชุมนึกถึงหน้าทักษิณ ชินวัตร หรือยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พี่น้อง อย่างไรก็ตาม ควรต้องยึดหลักสำคัญว่า คนไทยไม่มีสิทธิ์ไล่ใครออกนอกประเทศ แม้จะมีการพูดจริง แต่ไม่มีอำนาจ ดังนั้น การไม่อยู่ในประเทศจึงเป็นเรื่องของแต่ละคนจะตัดสินใจ และถึงที่สุดแล้ว เมื่อนายเศรษฐาอาจได้เป็นนายกฯ ต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่า แผ่นดินนี้ไม่มีใครบังคับให้คนไทยออกนอกประเทศได้ นอกจากจะออกไปเอง

“เมื่อคนไทยมีศักยภาพที่นายเศรษฐา บอกว่า เขาไม่อยู่ใต้โอวาท จึงถามว่า ใต้โอวาทของผู้นำคนไหน ที่ไม่ฟัง จึงต้องออกกันไป ซึ่งคำนี้เป็นคำละเอียดอ่อน ใช้ปลุกใจได้ ถ้าไม่เข้าใจบริบทแล้ว จะนำไปสู่ความขัดแย้งมากมาย” นายจตุพร กล่าว

รวมทั้ง เสนอว่า วันนี้ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ กลับบ้านในไทยได้ตลอดเวลา และไม่มีใครขับไล่ออกนอกประเทศ ตลอดจนไม่มีใครห้ามทักษิณกลับไทยด้วย ดังนั้น คำพูดของนายเศรษฐา จึงเป็นการสร้างจินตนาการที่ใหญ่โตมาก

‘ส.ส.โต้ง’ ป้อง ‘สมศักดิ์-สุริยะ’ หลัง ‘สันติ’ โจมตีเหตุย้ายซบ ‘พท.’ ลั่น!! อาการออกเพราะกลัวแพ้พื้นที่ภาคเหนือ หลังโพลนิด้าพุ่งสูง

‘ส.ส.โต้ง’ ป้อง ‘สมศักดิ์-สุริยะ’ ปม ‘สันติ’ ออกมาโจมตี หลังย้ายซบเพื่อไทย ซัดควรเคารพการตัดสินใจให้เกียรติอดีตแกนนำพรรค เตือนอย่ากวนน้ำให้ขุ่น ทั้งที่ไปมาลาไหว้ดี ห่วง ถูกปลดพ้นเลขาฯพรรค ไม่ทำตามนโยบาย ‘บิ๊กป้อม’ ก้าวข้ามความขัดแย้ง เหน็บ อาการออก อาจกลัวแพ้พื้นที่ภาคเหนือ หลังนิด้าโพลพุ่งสูง

(19 มี.ค.66) นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.จังหวัดนนทบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ออกมาให้สัมภาษณ์โจมตีแกนนำกลุ่มสามมิตร หลังย้ายเข้าพรรคเพื่อไทยว่า การออกมาให้สัมภาษณ์พาดพิงถึงอดีตแกนนำพรรค ควรให้เกียรติ และเคารพการตัดสินใจ ที่เป็นสิทธิส่วนตัว ไม่ควรนำไปสู่ความขัดแย้ง เพราะทั้งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรมว.ยุติธรรม และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต รมว.อุตสาหกรรม ก็ได้มีการลา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งบรรยากาศ ก็เป็นไปด้วยดี โดยพล.อ.ประวิตร เวลาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ก็ให้เกียรติเป็นไปในทิศทางที่ดี

“ดังนั้น นายสันติ ไม่ควรกวนน้ำให้ขุ่น ควรช่วยกันสร้างบรรยากาศทางการเมืองให้สร้างสรรค์ เพราะท่านสมศักดิ์ ก็ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงสาเหตุการย้ายพรรคไปแล้วว่า การเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค ทำให้การขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ทำได้ไม่เต็มที่ ซึ่งจากที่ผมติดตาม ก็เห็นชัดเจนว่า หลายโครงการยังสะดุดอยู่ อาจมีการขัดแข้งขัดขาแย่งผลงาน เช่น การปลดล็อกพืชกระท่อม ที่ยังไม่สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จากพืชกระท่อมได้ เนื่องจากติดระเบียบ อย.ที่กำกับดูแลโดยกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงเรื่องนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ เรื่องส่งเสริมวัวชน ที่ยังขับเคลื่อนได้ล่าช้าอยู่ ทั้งที่ล้วนเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์กับประชาชน” นายจิรพงษ์ กล่าว

นายจิรพงษ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีมาแล้วหลายสมัย ในหลายรัฐบาล จึงได้มีโอกาสทำงานร่วมกับทั้งรัฐบาลผสม และรัฐบาลพรรคเดียว ซึ่งก็ได้เห็นข้อแตกต่างอย่างชัดเจน ในการขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ โดยถือว่า เป็นผู้บริหารที่มีประสบการณ์สูง จึงไม่แปลกที่เลือกมาทำงานกับพรรคเพื่อไทย เพื่อต้องการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกร ดังนั้น การย้ายมาพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ผิดอะไร เพราะออกมาอย่างถูกต้อง ไม่มีการรักษาการเก้าอี้รมต.ด้วย รวมถึงขณะที่อยู่พรรคพลังประชารัฐ ก็ได้ทำงานอย่างเต็มที่ จนมีผลงานอย่างชัดเจน ไม่เคยเอาเปรียบพรรคตามที่ถูกกล่าวหา

‘ส.ว.ประพันธ์’ สอน ‘ก้าวไกล’ ทบทวนตัวเองใหม่ มุ่งสู่พรรคที่เน้นโยบายก้าวหน้า เชื่อ!! เทียบ 'เพื่อไทย' ได้

‘ส.ว.ประพันธ์’ แนะพรรคก้าวไกล ทบทวนบทบาทตัวเอง หลังเดินทางผิดมานาน เชื่อหากปรับท่าที จะผงาดขึ้นมาแทนเพื่อไทย

19 มี.ค.2566-นายประพันธ์ คูณมี สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) อดีตนักเคลื่อนไหวการเมืองนอกรัฐสภาชื่อดังตั้งแต่ยุค 14 ตุลาคม 2516 -6 ตุลาคม 2519 -เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 -กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้ความเห็นทางการเมืองถึงการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของพรรคก้าวไกล(ก.ก.)ว่า  จริงๆแล้วพรรคก้าวไกล ก็เป็นพรรคการเมืองที่ดีพรรคการเมืองหนึ่ง มีความตั้งใจที่จะสร้างพรรคขึ้นมาทำงานในเชิงมีหลักการและอุดมการณ์ทางการเมือง แต่ว่ามันเหมือนสมัยพวกเราเป็นนักศึกษาหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ที่มีความตื่นตัว และมีความเร่าร้อนเกินความจำเป็น มักจะมีอาการออกไปทางสุ่มเสี่ยงเอียงซ้าย ตามภาษานักทฤษฎีการเมืองและมักจะมองคนอื่นเป็นพวกปฏิกิริยาล้าหลัง

แนวความคิดแบบนี้ไม่ต่างอะไรจากพวกเรดการ์ดในจีนสมัยหนึ่ง พรรคก้าวไกลต้องปรับตัวเองและสลัดคราบความคิดที่จะไปถึงขนาดจะไปเปลี่ยนแปลงระบอบโครงสร้างการปกครองประเทศ เปลี่ยนแปลงระบอบสถาบันฯ ยกเลิกกฎหมายอะไรต่าง ๆ ที่มันยังไม่ใช่สิ่งที่เป็นข้อเรียกร้องของประชาชน ในฐานะพรรคการเมืองที่เข้ามาตามระบอบของรัฐสภาและการเลือกตั้ง ที่มันไม่ได้มวลชน ไม่ได้แนวร่วม ไม่ได้ผู้สนับสนุนทำให้ตัวเองโดดเดี่ยว เรียกว่า เดินกลยุทธ์การเมืองผิด โดยหากพรรคก้าวไกลปรับตัวเอง และทำงานเหมือนกับที่ทำงานอยู่ในสภาฯในช่วงที่ผ่านมา ไปเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชน จะดีกว่าที่จะไปเล่นเกมบนท้องถนน หรือไปท้าทายอำนาจศาล ไปอะไรกับสถาบันฯ ที่ไม่ใช่แนวทางที่ถูกของพรรคการเมือง

“ผมเชื่อว่าหากพรรคก้าวไกลปรับตัวเองและมีท่วงทำนองที่มีความสุภาพ แล้วก็สร้างนโยบายที่เป็นประโยชน์ของมหาชน ก็ทำให้ก้าวไกลมีโอกาสจะขึ้นไปแทนพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคเพื่อไทยมีแต่จะถอยลงมา เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นพรรคของทักษิณ คนในพรรคเพื่อไทยที่มันไม่กล้าพูดเพราะมันโกหกตัวเองทั้งนั้น แม้แต่คนเสื้อแดง ก็ยังแตกหนีออกไป ซึ่งถ้าก้าวไกลปรับตัวเอง ปรับกลยุทธ์ ปรับนโยบาย ก้าวไกลก็มีโอกาสเติบโตได้ เพราะหากดูจากหน้าเสื่อการเมืองตอนนี้ ฝ่ายค้านที่เข้มแข็งที่สุดตอนนี้ ก็คือพรรคก้าวไกล ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อน ก้าวไกลก็เหมือนกับประชาธิปัตย์ สมัยเป็นฝ่ายค้าน แต่ว่าก้าวไกลเล่นประเด็นสะเปะสะปะกับประเด็นที่ไม่ควรไปเล่น เลยไม่ได้คนทุกชนชั้นมาเป็นแนวร่วม เป็นมิตรกันทางการเมือง”

นายประพันธ์ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวทางการเมืองต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในช่วงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่เข้ามาเป็นนายกฯรอบสองหลังเลือกตั้งปี 2562(ม็อบสามนิ้ว)  ไม่สามารถเรียกมวลชนให้มาร่วมเคลื่อนไหวด้วยได้มาก เหมือนตอนพันธมิตรฯ หรือ กปปส.เคลื่อนไหว ทำให้เมื่อไม่มีมวลชนเข้าร่วมด้วย พลังเคลื่อนไหวก็ไปไม่ได้ ทำให้มาถึงตอนนี้ พลังในส่วนของกลุ่มที่เคลื่อนไหวดังกล่าว ก็อ่อนแรงและถดถอยไปเยอะ ไม่มีศักยภาพพอที่จะไปปลุกเร้าประชาชนให้มาเข้าร่วม อีกทั้งแกนนำหลายคนก็ถอดใจไปเยอะเพราะถูกดำเนินคดีหลายสิบคดี เสียอนาคตตัวเองไปเยอะ ผมจึงมองว่าพลังที่จะมาเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปสถาบันฯ ยกเลิกมาตรา 112 มันไม่น่าจะเกิดขึ้น

‘ณัฐวุฒิ’ ต่อสายตรง ‘อุ๊งอิ๊ง’ โฟนอินปราศรัยระยอง อ้อนปชช. เลือกทั้งคนทั้งพรรค ให้เกิดแลนด์สไลด์

เพื่อไทยบุกระยอง ‘เต้น’ ต่อสายตรง ‘อิ๊งค์’ โฟนอินถึงเวทีปราศรัยใหญ่ระยอง บอกคุณหมอขอร้องไม่ให้เดินทางไกล  ด้าน ‘เสี่ยนิด – ชลน่าน’ ประสานเสียงลั่น ตัดญาติขาดมิตรทุกพรรค ขอเทคะแนนให้เพื่อไทยพรรคเดียว

(19 มี.ค.2566) ที่ จ.ระยอง เมื่อเวลา 15.00 น. พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ระยอง พรรค ได้พบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการนักธุรกิจ ที่ร้านอาหารแหลมเจริญ อ.เมือง จ.ระยอง 

จากนั้นเวลา 17.30 น. พรรคเพื่อไทย จัดเวทีปราศรัย ที่ลานหมู่บ้านเพลินใจ 5 (ข้างขนส่งใหม่) อ.เมือง จ.ระยอง นำโดย นพ.ชลน่าน, นายเศรษฐา ,นพ.พรหมินทร์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัครส.ส.ระยอง 5 เขต ประกอบด้วย นายพเนตร วงษ์ไพศาล ,นายภีมเดช อมรสุคนธ์ ,นายชัยณรงค์ สันทัสนะโชค, นายวิเชียร สุขเกิด และนายวิชัย ล้ำสุทธิ โดยมีประชาชนเดินทางมารับฟังการปราศรัยเต็มพื้นที่ 

โดยนพ.ชลน่าน ปราศรัยว่า ตนเองตื้นตันใจที่พี่น้องชาวระยองมากันอย่างเนืองแน่น ที่ผ่านมาสภาพัฒน์ฯ ระบุว่าพี่น้องชาวระยองมีรายได้ต่อหัว 1.1 ล้านบาทต่อปี ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ แต่เมื่อไปคุยกับชาวบ้านบางส่วน บอกว่าเป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น ดังนั้นขอให้พี่น้องที่มีรายได้ไม่ถึง 2 หมื่นบาท ตกลงปลงใจมาจับมือกับพรรคพท. เราจะสร้างรายได้ให้พี่น้องเกิน 2 หมื่นบาท วันนี้เราขออาสาพาพี่น้องออกจากไอซียู คือคุณหมออิ๊งค์ แพทองธาร และคุณหมอเศรษฐา วันนี้คนไทยที่เปรียบเหมือนคนไข้ หัวใจกำลังหยุดเต้น ดังนั้นคุณหมอของเราจะเอาเครื่องมือทางเศรษฐกิจมากระตุกหัวใจ

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พี่น้องให้กระเป๋าตุงด้วยดิจิทัล วอลเล็ต เราต้องรวมใจ เปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนให้พี่น้องชาวระยองมาเลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรคให้ยกจังหวัด มาร่วมเปลี่ยนประเทศไปด้วยกัน เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเราไม่ชนะทั้ง 5 เขตในระยอง และเราไม่ชนะทั้งประเทศอย่างถล่มทลายแบบแลนด์สไลด์ สิ่งที่เกิดขึ้นคือหลังเลือกตั้งเราจะตั้งรัฐบาลไม่ได้

“ตอนนี้ 250 เสียงไม่ห่วง เรามั่นใจว่าได้ ส.ส.250 เสียงขึ้นไป แต่ยังชนะไม่เด็ดขาด ตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และพรรคพวกจะแย่งตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เอา พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นนายกฯ พี่น้องจะเอาหรือ ดังนั้น 310 เสียงคือเป้าหมาย เขาจะไม่แย่งเราตั้งรัฐบาล ส่วนพรรคอื่น ๆ จะมาร่วมเลือกนายกฯ ในสภาฯ กับเรา มั่นใจว่าเลือกตั้ง 14 พ.ค. โอกาสเป็นของเราแล้ว นอกจากเอาประยุทธ์ออกไป ปิดสวิตช์ ส.ว.แล้ว ยังได้นโยบายที่กินได้และประชาธิปไตยที่จับต้องได้ เราไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง พรรคญาติหรือพรรคลุง ขอให้เลือก พท.เพียงพรรคเดียว” นพ.ชลน่าน กล่าว 

นายเศรษฐา กล่าวว่า นโยบายพรรคพท.โดนใจประชาชนมาตลอด มีสองนโยบายที่อยากกล่าวซึ่งโดนใจแน่นอน หากพรรคพท.เป็นรัฐบาล เราจะใช้บล็อกเชน ทำดิจิทัล วอลเล็ตใส่เงินให้คนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป นอกจากนี้เราจะสำรวจอย่างรวดเร็ว ครอบครัวไหนมีรายได้ไม่ถึง 2 หมื่นบาท เราจะเติมเงินให้ทันที ถือเป็นโยบายที่โดนใจ แก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยนประเทศโดยเริ่มจากระยอง รอบนี้เรามีผู้สมัครที่มีคุณภาพ เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เราไม่มีพรรคพี่ พรรคน้อง พรรคสาขา อย่าให้ใครเอาเรื่องนี้มาพูด เรามีนโยบายเด็ดๆ ขอให้พี่น้องเลือกผู้สมัครระยองทั้ง 5 เขตของพรรคพท.หากเลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ 310 เสียง เราทำนโยบายได้อย่างแน่นอน

จับตา!! ความร้อนแรง ‘พรรคเพื่อไทย’ ใต้จังหวะระเบิดสังหาร ‘เศรษฐา’ เริ่มก่อตัว

จากผล นิด้าโพล เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 มี.ค.2566 ถ้าพูดจาภาษานักเลงม้า ก็ต้องบอกว่า พรรคเพื่อไทยเข้าป้ายทั้งวินทั้งเพลส...

‘อุ๊งอิ๊ง’ เป็นนายกฯที่ 38.20% ส.ส.เขต มาอันดับ1 ที่ 49.75 ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็มาอันดับ1 ที่ 49.85%

ทิ้งห่างอันดับ 2 (พิธา -ก้าวไกล) และอันดับ 3 (บิ๊กตู่ - รวมไทยสร้างชาติ) มากกว่าเท่าตัว…

โอ้!มายก๊อด...!! โพลออกมาแบบนี้ ดีไม่ดี ผอ.นิด้าโพล ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ อาจจะถูกนินทาว่ามีนอกมีในกันกับใครในเพื่อไทยหรือเปล่า?

แต่เท่าที่อยู่ในวงการสื่อมานานพอประมาณ...เชื่อว่าคนอย่าง ดร.สุวิชา ไม่เป็นแบบนั้นแน่นอน..!!

อย่างไรซะ ทั้งหลายทั้งปวงก็อย่าเพิ่งไปปักใจกับโพลทั้งหมด....อันว่าม้าแข่งนั้นวิ่งกันประมาณ1,200 เมตร  บางตัว ตอนออกตัวนำมาครึ่งค่อนข้างทาง แต่สุดท้ายก็แผ่วเอาดื้อๆ โดนเพื่อนแซงกลายเป็นม้าตีนต้น...ศึกเลือกตั้งก็เช่นเดียวกันยุบสภา แล้วต้องสัประยุทธ์กันอีกเกือบ 2 เดือน จึงจะหย่อนบัตร

แต่ก็นั่นแหละยังไงๆ ไม่ต้อง นิด้าโพล หรอก..เลือกตั้งหนนี้ ม้าที่ชื่อ เพื่อไทย ก็เข้าทั้งวินทั้งเพลส เป็นแชมป์เลือกตั้งวันยังค่ำ...แบบไม่มีใครมาเบียดได้…

แล้วก็ต้องยอมรับว่าการไปบุกแนวรบด้านตะวันออกชลบุรีและระยอง เมื่อวันที่ 18 -19 มี.ค.ทำให้กองเชียร์และนักรบฮึกเหิมขึ้นมาก…

ทว่า น่าเสียดายที่ ‘แม่ทัพ’ อย่าง ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร  ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯหมายเลข 1 ท้องแก่ อีก3วันก็ครบ8เดือนแล้ว คงเดินทางหาเสียงไม่สะดวก จะใช้โทรศัพท์-วิดีโอคอลล์ หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ล้ำยุคแค่ไหนก็ไม่ได้น้ำได้เนื้อเท่ามาเจอตัวเป็นๆ...

ครั้นจะพึ่งพาแคนดิเดตนายกฯ หมายเลข 2 อย่าง เศรษฐา ทวีสิน  ซึ่งผ่านการทดสอบมาแล้ว4-5 เวทีปราศรัย แม้กรรมการจะยกธงให้ ‘ผ่าน’ ก็จริง แต่มีการกระซิบกันหนาหูว่า อีกไม่นานนับจากนี้ข้อมูลประเภทระเบิดสังหารเศรษฐา จะทะลักไหลออกมา จนอาจทำให้คนสูง192ซม.ทรุดฮวบ…

...เรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับผู้หญิง...เงื่อนปมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์…ฯลฯ

ว่ากันว่าที่ จตุพร พรหมพันธุ์ แพลมๆ เรื่อง ‘ขงเบ้ง’ หรือ เสี่ยเบ้ง นั้นเป็นแค่น้ำจิ้ม…     

‘เศรษฐา’ นำทีม พท. ถก ‘หอการค้าฯ-สภาหอการค้าฯ’ ฟุ้ง!! ถ้าได้เป็น รบ. พร้อมเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจทันที

(21 มี.ค.66) แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบาย และประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคพท. นายกิตติ ลิ่มสกุล รองหัวหน้าพรรค นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาคกรุงเทพฯ นายวราวุฒิ ยันต์เจริญ กรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กรุงเทพฯ นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคและคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคพท.น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคพท.ร่วมหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

นายเศรษฐา กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจเป็นแนวทางที่ทุกพรรคการเมืองให้ความสำคัญ พรรคพท.ซึ่งดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจในอดีต สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตสำหรับคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป จะกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ส่วนจำนวนเงินจะบอกอีกครั้ง  ไม่ใช่ 500-600 บาทแน่นอน ซึ่งจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้เป็นทวีคูณ 

นอกจากนี้จะใช้นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามปรัชญา ‘นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้’ เพิ่มการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ สร้างรายได้ต่อไร่ให้กับเกษตรกร 3 เท่า เพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำในทุกพื้นที่ หากพรรคพท.ได้รับโอกาสจากประชาชน เราจะดำเนินการตามนโยบายโดยไม่เสียวินัยการเงินการคลัง สร้างเม็ดเงินภาษีสู่ประเทศแม้จะเป็นกลุ่มชายขอบของสังคมหรือกลุ่มรายได้น้อย 

ทั้งนี้ 8 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยบอบช้ำไปมาก เรายินดีปรับปรุงแก้ไข ขอให้ภาคเอกชนสบายใจได้ สิ่งที่ดีเราจะสานต่อและพร้อมฟื้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น

นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า หลักการของพรรคพท.ในการผลักดันเศรษฐกิจมี 3 ด้านหลัก ๆ คือ 

1.ภาครัฐจัดเก็บภาษีจากกำไรในการประกอบธุรกิจของภาคเอกชน 20% ดังนั้นภาครัฐถือเป็นหุ้นส่วนกับประชาชนในการนำเงินภาษีมากระตุ้นเศรษฐกิจ 

2.เพิ่มกำลังซื้อและเพิ่มอำนาจการจับจ่ายของประชาชน ผ่านการยกฐานเศรษฐกิจด้านล่างขึ้น ค้าขายจะดีขึ้น กำลังซื้อเพิ่ม การผลิต การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น การจัดเก็บภาษีจะเพิ่มขึ้นเพื่อมาดูแลประชาชนได้ดีขึ้น

'เพื่อไทย' เดินเครื่อง 'อิ๊งค์' ลั่น!! เลือกวันไหนก็พร้อม พรุ่งนี้ก็ได้ 'เศรษฐา' เล็งรื้อยุทธศาสตร์ 20 ปี 'ชลน่าน' ปัดหลีกทาง 'ธรรมนัส'

(21 มี.ค.66) ที่ศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย , น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร เข้าสักการะศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร พร้อมเติมน้ำมันตะเกียงประจำวันเกิด

โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า "วันนี้ถือว่าเป็นวันดี ยุบสภาปุ๊บ เราก็รีบมาไหว้เลย ซึ่งจริง ๆ ก็วางแผนกันไว้อยู่แล้วว่าอยากจะมาไหว้ศาลหลักเมืองอยู่แล้ว" เมื่อถามว่า เมื่อมีการยุบสภาแล้วจากนี้ถือว่าเป็นการเดินหน้าหาเสียงเลือกตั้งอย่างเต็มที่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราลุยเต็มที่มาสักพักแล้ว ไม่มีอะไรที่จะทำให้ช้าลง เราจะเร่งเครื่องเต็มที่ต่อไป

ขณะที่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เราเริ่มกันตั้งแต่วันนี้แล้ว อีกเดี๋ยวก็จะไปพบกลุ่มหอการค้า ตามด้วยไปคลองสาน จ.นนทบุรี จ.สระบุรี ตารางแน่นมากต่อวัน ตอนนี้เดินหน้าเต็มที่

เมื่อถาม น.ส.แพทองธาร ว่ายังไหวหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้เดินทางประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง หากออกนอก กทม.ยังไหว แต่คงไม่ได้ไปค้างนอกสถานที่แล้ว จากนี้จะเป็นนายเศรษฐาช่วยเดินเต็มกำลัง

เมื่อถามถึงการโฟนอินไปร่วมเวทีปราศรัยที่ จ.ระยอง เป็นครั้งแรก น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราก็ตื่นเต้น กลัวว่าโทรเข้าไปแล้วสัญญาณจะขัดข้อง หรือพี่น้องประชาชนจะไม่ได้ยิน แต่ได้รับเสียงตอบรับ และเสียงให้กำลังใจดีมากๆ อย่างไรก็ตาม จะมีการปรับรูปแบบในเวทีต่อๆ ไป โดยจะมีทั้งวีดีโอคอล และคลิปวีดีโอ อะไรที่เราจะสามารถกระจายไปได้ เราก็จะฝากทีมหาเสียงกระจายไปด้วย

เมื่อถามว่า กกต.มีการประชุมเคาะวันเลือกตั้งซึ่งแนวโน้มน่าจะเป็นวันที่ 14 พ.ค.นั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราพร้อมอยู่แล้ว เลือกตั้งพรุ่งนี้เลยก็ได้

เมื่อถามถึงแพลนคลอด น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คลอดก่อนวันที่ 14 พ.ค.อยู่แล้ว ซึ่งเราวางกันไว้ตอนแรกคือช่วงปลาย เม.ย.ต้นเดือน พ.ค.ซึ่งตนจะต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งแน่นอน จะเดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าหรือตรงวันเท่านั้น โดย นายเศรษฐา กล่าวแทรกขึ้นมาว่า หากเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.จริง การปราศรัยวันสุดท้ายก็น่าจะมีโอกาส

เมื่อถามว่า มีโอกาสที่ชื่อของ น.ส.แพทองธาร จะได้เข้าไปอยู่ในผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคจะพิจารณา ตนอยู่ตรงไหนก็ได้ อะไรก็ได้ที่มีส่วนช่วยประเทศชาติ เพราะอย่างที่บอกว่าทุกอย่างทำคนเดียวไม่ไหว ทุกอย่างต้องช่วยกันเป็นทีม ตรงไหนที่พรรคและประชาชนเห็นว่าตนเหมาะสมก็ตรงนั้น

เมื่อถามว่า แม้มีการเปิดตัว ส.ส.เขต ทั้ง 400 คนไปแล้ว แต่หลายพื้นที่ก็ยังมีการปรับเปลี่ยนอยู่ เช่น จ.พะเยา ก็มีการเปลี่ยนตัวผู้สมัคร ซึ่งทำให้คนสังเกตว่ามีการหลีกทางให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเพียงข้อสังเกต ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วอยู่ในกระบวนการ ซึ่งการปรับเปลี่ยนตัวผู้สมัครนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ หากมีการรับฟังเสียงจากพี่น้องประชาชนผ่านช่องทางการทำไพรมารีโหวต กรรมการสรรหา และกรรมการบริหาร ก็ยังสามารถเปลี่ยนตัวผู้สมัครได้ตลอด เพราะเป็นขั้นตอนกระบวนการคัดเลือก กรณี จ.พะเยา เราก็ดำเนินการตามขั้นตอน หากจะมองว่าเป็นการดีลกัน แต่พี่น้องประชาชนไม่เห็นด้วยก็ไม่สามารถทำได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top