Wednesday, 21 May 2025
เพื่อไทย

แลนด์สไลด์ลูกเดียว ‘เพื่อไทย’ เปิดเพิ่ม 11 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.  คาดเปิดครบ 400 เขต 17 มี.ค.นี้

(13 มี.ค.66) ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ภาคเหนือ, อีสาน, กทม. และภาคกลาง เพิ่มเติม

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในนามของพรรคเพื่อไทย ขอประกาศรายชื่อผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทยครั้งสุดท้ายวันนี้ 11 คน ก่อนที่จะมีการประกาศตัวใหญ่ในวันที่ 17 มีนาคม 2566 ครบทั้ง 400 เขต ในส่วนที่ขาดเหลืออยู่ในนามของพรรคต้องขอขอบคุณผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. พรรคเพื่อไทย ที่ทุกคนได้พยายามนำเสนอ พิสูจน์ตัวเองจนได้รับการพิจารณาคัดเลือกเป็นเบื้องต้น ก่อนจะเข้าสู่การสรรหาการพิจารณาตามกฎหมายต่อไป

“พรรคเพื่อไทยประกาศเป้าหมายในการทำหน้าที่อาสารับใช้พี่น้องประชาชน เรื่องยุทธศาสตร์การเข้าสู่เป้าหมายโดยจับมือประชาชน ด้วยการชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน ได้ที่นั่งในสภา 310 เสียงขึ้นไป ซึ่งได้ประกาศในวันประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ของพรรค จะเป็นหลักประกันในการจัดตั้งรัฐบาลของพี่น้องประชาชนได้” นพ.ชลน่าน กล่าว

เฮือกสุดท้าย!! ‘พล.ท.ภราดร’ เย้ย ‘กลุ่มอำนาจนิยม’ ฝืนแลนด์สไลด์ ชี้ ‘ความกลัว’ ภาพลักษณ์ถูกทำลาย เป็นเหตุปั่นกระแส ‘โพลสีเทา’

เพื่อไทย เย้ยเฮือกสุดท้ายปีกอำนาจนิยม ปล่อยข่าวสีเทา ชี้นำยุบพรรค ฝืนกระแสแลนด์สไลด์

(14 มี.ค.66) พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ปรากฏการณ์การปล่อยข่าวการยุบพรรคการรัฐประหารที่ถี่ยิบในขณะนี้เป็นความพยายามสร้างกระแสด้วยวิธีคิดของ ’กลุ่มอำนาจนิยม’ ( พวกลัทธิบูชาทหาร + เผด็จการทางการเมือง ) ที่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร ซึ่งโดยปกติ ในโลกเสรีประชาธิปไตย จะไม่มีปรากฏการณ์เช่นนี้ให้เห็น เพราะผู้คนเหล่านั้นเป็นแค่มีความคิดแบบอนุรักษ์นิยมเท่านั้น มิได้บูชาลัทธิผู้นำทหาร แบบของเรา

ซึ่งสาเหตุที่มีปรากฏการณ์เช่นนี้ในบ้านเมืองเรา ก็เพราะ’ความกลัว’ ของกลุ่มอนุรักษ์ฯ ที่พยายามสร้างภาพมาตลอดว่าพวกเขาคือ ‘คนดี’ มีคุณภาพ แตกต่างจากนักการเมือง ที่มาจากการเลือกตั้งต่าง ๆ นานา แต่ตลอดเวลา 8 ปี ของการปกครองโดยฝ่ายอนุรักษ์ฯพบว่าหาเป็นเช่นนั้นไม่ ยืนยันได้จากฉายาที่สื่อตั้งให้ว่ารัฐบาลหน้ากากผู้ดี นายกฯแปดเปื้อน ทุกอย่างล่อนจ้อนว่า สิ่งที่ผู้ปกครองฝ่ายอนุรักษ์ฯ ทำมาคือ การโกหก คือ การสร้างภาพ ไม่มีแม้แต่ ‘วิสัยทัศน์’ นำพาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเวลานี้คือ การทุจริต การใช้อำนาจที่มิชอบและตรวจสอบไม่ได้ทั้งในแวดวงราชการและทางการเมือง ที่เรียกกันว่า ‘สีเทา’ อยู่ไปทั่วทุกองคาพยพ วิธีการเดียวที่จะปกปิดและรักษาภาพลักษณ์อันเน่าเฟะนี้ได้ คือต้องชนะการเลือกตั้งเท่านั้นหรือต้องหาทางกระทำทุกอย่างให้ฝ่ายประชาธิปไตยไม่ได้มีพื้นที่ในทางการเมือง มิเช่นนั้นฝ่ายอนุรักษ์ฯ จะหมดสิ้นซึ่งความน่าเชื่อถือทันที

‘เศรษฐา’ โชว์ ‘เพื่อไทย’ ใส่ใจเสรีภาพการประกอบอาชีพ ชี้!! ‘อาชีพทหาร’ ต้องเป็นด้วยความสมัครใจ-ไม่ถูกบังคับ

(14 มี.ค.66) นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ทวิตข้อความผ่านบัญชีทวิตเตอร์ Srettha Thavisin (@Thavisin) ว่า เมื่อวานนี้ขอบคุณน้อง ๆ เยาวชนรุ่นใหม่จากพิษณุโลกและจังหวัดใกล้เคียงที่สละเวลามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแชร์ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำ โอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม และหลายๆ ประเด็นที่น่าสนใจ ซึ่งทาง #พรรคเพื่อไทย จะรวบรวมข้อเสนอและความคิดเห็นต่างๆ เพื่อประกอบจัดทำเป็นนโยบายต่อไป

เรื่องหนึ่งที่น้องๆ ถามคือการเกณฑ์ทหาร เรามองถึงสิทธิเสรีภาพในการเลือกประกอบอาชีพอันเป็นสิทธิพื้นฐานของเยาวชน ดังนั้นนโยบายเราชัดเจนว่า ต้องเป็นทหารด้วยความสมัครใจและจะต้องไม่ถูกบังคับ

‘เพื่อไทย’ หวั่น!! กกต. แบ่งเขตเลือกตั้งพิสดาร ชี้!! ไม่ควรแยกย่อยแขวง ป้องกัน ปชช. สับสน

(14 มี.ค.66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นายวิชาญ มีนชัยอนันต์ ประธานภาค กทม. น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวานิช ส.ส.กทม. และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. แถลงเสนอความเห็นต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประเด็นการแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่อาจไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.

โดย น.ส.ธีรรัตน์กล่าวว่า ในฐานะตัวแทน ส.ส.กทม. มีหลายพรรคการเมืองไม่เห็นด้วยกับการแบ่งเขตที่ กกต. อาจจะเลือกใช้ โดยเห็นว่าหลักของการแบ่งเขต ควรรวมเขตขนาดใหญ่ไว้ด้วยกัน ไม่ใช่การรวมแขวง เพราะจะทำให้ ส.ส.เขต กลายเป็น ส.ส.แขวง และจะทำให้เกิดความสับสน ทั้งสำหรับ ส.ส.ที่จะต้องดูแลพื้นที่ และประชาชนที่จะไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง

ทั้งนี้หาก กกต. แบ่งแขวงหนึ่งไปรวมกับอีกเขตการปกครอง ที่ไม่ได้มีพื้นที่เชื่อมต่อกัน และประชาชนไม่คุ้นเคย ไม่สะดวกในการเดินทางไปใช้สิทธิ อาจเป็นช่องโหว่ให้เกิดการทุจริตเลือกตั้งได้ รวมถึงเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง เกิดความไม่คุ้นเคยกับประชาชนจากแขวงอื่นที่มาใช้สิทธิเลือกตั้ง

“การแบ่งเขตควรคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง แต่ดูแล้วการแบ่งเขตของ กกต. เองดูจะเข้าทางกลุ่มผู้มีอำนาจเป็นหลักหรือไม่ อันนี้ท่านจะกลับหลังทัน คิดถึงประโยชน์ของประชาชนให้มากกว่าจะคิดถึงประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง” น.ส.ธีรรัตน์กล่าว

ด้าน นายวิชาญ ให้รายละเอียดการแบ่งเขตของ กกต. 4 แบบ ว่า กทม. 33 เขต เป็นที่จับจ้อง เนื่องจากเป็นชิ้นเค้กชิ้นหนึ่งที่หลายพรรคการเมืองอยากได้ เพราะเป็นเขตที่ติดต่อกัน และมีความหนาแน่นของคนเมือง

พรรค พท.เคยมีการแถลงข่าวและเตือนไปแล้วครั้งหนึ่ง ว่าการแบ่งเขตรอบแรกมีความผิดเพี้ยนและได้บอกให้คำนึงถึงกฎหมาย พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 29 ที่ต้องยึดโยงเรื่องเขตปกครองเป็นหลัก หมายความว่าต้องเอาอำเภอเป็นหลัก หากไม่สามารถแบ่งได้ ค่อยไปแบ่งตามแขวง นอกจากนี้ยังต้องยึดโยงตามการเดินทาง ให้ความสะดวกกับประชาชนให้ได้มากที่สุด และต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โดยวันนี้ยังไม่ทราบว่าการแบ่งเขตเลือกตั้งจะออกมาเป็นรูปแบบไหน

“สิ่งสำคัญต้องไม่ทำให้ประชาชนสับสน ครั้งที่แล้วเราเตือน กกต. ว่าการแบ่งเขตที่ส่งรูปแบบมา รูปแบบที่ไม่เหมาะสม คือ 6-7 แต่พอภาคประชาชนท้วงไป กกต.ก็เปลี่ยนมามี 4 รูปแบบ 4 รูปแบบที่ว่า 1 และ 2 เป็นแบบที่เราท้วงไป ทั้งนี้ ตนตั้งข้อสังเกตว่า หากมองให้ลึก การประกาศต้องผ่านราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ รูปแบบ 1 และ 2 ขัดต่อ พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 27 ที่ต้องรวมอำเภอเป็นเขตเลือกตั้ง ซึ่ง กทม. ก็คือ เขต และเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562 มีการเอาเขตเป็นตัวตั้งมากกว่าเอาแขวงมาเป็นตัวตั้ง แต่รอบนี้ รูปแบบที่ 1 และ 2 กลับกำหนดตำบลหรือแขวงมาเป็นตัวตั้ง ย้ำว่าจัดแบบนี้วุ่นวายไปหมด ข้าราชการเองก็งง จึงมาบอกทางประชาชนและบอกทางพรรคการเมืองให้ช่วยดู”

“ถามว่า กกต.ได้อะไร ได้ความสนุกหรือไม่ กกต.แบ่งเพื่อที่จะให้ 10% แต่ไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน ความวุ่นวายการเสียจำนวนเงิน ประชาสัมพันธ์ เขายังไม่ได้คำนึงถึงเรื่องกฎหมายหากมีใครมายืนร้อง หลังเลือกตั้งประกาศผลไม่ได้ เป็นโมฆะ กกต.รับผิดชอบหรือไม่ ประเทศเรามีนักร้องเยอะมาก กทม. ทะเลาะกันแน่นอน” นายวิชาญกล่าว

‘เพื่อไทย’ จวก ‘บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม’ ใช้งบ 6 แสนล้าน ยังแก้ภัยแล้งไม่ได้ เชื่อปีนี้แล้งหนัก จี้ เร่งแก้ปัญหา ก่อนกระทบไร่-นาชาวบ้านนับหมื่น

(14 มี.ค. 66) นายนพพล เหลืองทองนารา ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย (พท.) จากภาพรวมของสถานการณ์น้ำในพิษณุโลกน่าเป็นห่วง กังวลใจว่าปีนี้ภัยแล้งจะมาเร็วและมาแรงกว่าปีที่ผ่านมา พบว่าในหลายจังหวัดใกล้เคียง เกษตรกรเริ่มประสบปัญหาภัยแล้งแล้ว ดังนั้น ในพื้นที่พิษณุโลก หากรัฐบาลยังไม่เร่งแก้ปัญหา จะกระทบพื้นที่นาข้าวนับหมื่นไร่และเกษตรกรหลายหมื่นครัวเรือนอย่างแน่นอน

ส่วนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติหรือ กนช. อ้างว่าตั้งแต่เป็นรัฐบาลไม่เคยมีเกษตรกรที่ไหนมาร้องเรียนเรื่องภัยแล้ง หากเป็นเช่นนั้นจริง พล.อ.ประวิตร คงหูดับหรือก้มหน้าก้มตาอ่านแต่รายงานที่ลูกน้องรายงานมา ในความเป็นจริงความแห้งแล้งเกิดขึ้นหลายจังหวัด เกษตรกรประสบปัญหาภัยแล้งที่รุนแรง เกษตรกรหลายหมื่นครัวเรือนต้องยืนดูต้นข้าวแห้งตาย เพราะไม่มีน้ำมาหล่อเลี้ยงนาข้าวที่เกษตรกรลงแรงปักดำหวังรายได้จากนาข้าวของตนเอง ส่งผลให้เกษตรกรในหลายพื้นที่ต้องลงขันระดมทุนจ้างบริษัทเอกชนมาขุดบ่อสูบน้ำบาดาลทำนากันแล้ว

นายนพพล กล่าวต่อว่า ปัจจุบันน้ำต้นทุนในเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ ดูแลน้ำเพื่อการเกษตรให้กับเกษตรกรใน 4 จังหวัด คืออุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตรและนครสวรรค์จะมีปัญหา เพราะมีน้ำต้นทุนเพียง 4,000 ล้านลบ.ม. แต่ใช้ได้เพียงเหลือเพียง 2,700 ล้านลบ.ม.เท่านั้น กังวลว่าปริมาณน้ำจะไม่เพียงพอต่อการทำการเกษตร พล.อ.ประวิตรต้องเร่งบริหารจัดการน้ำ หรือหาแหล่งน้ำรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้น อย่ามาอ้างว่าเป็นช่วงปลายรัฐบาลทำอะไรไม่ได้ เพราะท่านยังมีอำนาจบริหารจัดการจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่

ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ พล.อ.ประวิตร อย่ามัวแต่เอาเวลาไปเดินสายหาเสียงจนไม่รับรู้ความเดือดร้อนของประชาชน รัฐบาลต้องทำงานให้ประชาชน อย่าเอาเรื่องการเมืองนำหน้าการแก้ปัญหาให้ประชาชน

จับตา ‘สมศักดิ์-สุริยะ’ เปิดทางซบ ‘เพื่อไทย’  คาด!! อาจไขก๊อก 'รมต.-ปาร์ตี้ลิสต์' 16 มี.ค.นี้ 

(14 มี.ค.66) รายงานข่าวแจ้งถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตร นำโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกจับตาอย่างมากถึงการตัดสินใจทางการเมืองครั้งสำคัญ โดยทางพรรคเพื่อไทย ที่มีกำหนดการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ครบทั้ง 400 เขต ในวันที่ 17มี.ค.นี้ ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต แกนนำพรรคเพื่อไทย จึงมีความพยายามกดดันให้กลุ่มสามมิตร รีบตัดสินใจย้ายมาร่วมงานกับพรรคเพื่อร่วมมือในการต่อสู้เลือกตั้งครั้งต่อไป

‘สามมิตร’ จ่อเกลี้ยง!! สรวุฒิ ทิ้ง ‘พปชร.’ ซบ ‘พท.’ เผย เตรียมร่วมเปิดตัว-ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ 17 มี.ค.นี้

(14 มี.ค. 66) นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และหัวหน้าภาคตะวันออก เปิดเผยว่า ได้ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้ว เพื่อจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) โดยยังไม่ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่ถ้ามีโอกาสก็จะเข้าไปกราบลา และต้องขอขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่สนับสนุนและให้โอกาสในการทำงาน รวมถึงนายวิรัช รัตนเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ไม่ได้เข้าไปกราบลา แต่จิตใจยังผูกพัน และระลึกถึงสิ่งดี ๆ

ส่วนในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ตนลาออกเพียงคนเดียว ไม่ได้ชักชวนใครไปด้วย ส่วนตำแหน่งหัวหน้าภาคตะวันออก น่าจะมอบหมายให้คนที่ยังอยู่ คือ ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี อย่างไรก็ตาม นายสรวุฒิ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงการลาออกในครั้งนี้ด้วย

‘เจ๋ง ดอกจิก’ ปลื้ม!! ‘รทสช.’ มาแรง หลัง ปชช.พอใจนโยบาย ฉะ ‘เพื่อไทย’ อย่าหลอกใช้คนเสื้อแดงเพื่อหวังแลนด์สไลด์

(14 มี.ค. 66) นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ ‘เจ๋ง ดอกจิก’ สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ เปิดเผย ว่า ได้ลงพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ และจังหวัดแพร่ เพื่อช่วยว่าที่ผู้สมัครพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หาเสียง ได้รับการต้อนรับจากประชาชนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะที่จังหวัดอุตรดิตถ์ มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เป็นอดีตแกนนำคนเสื้อแดงที่เคยนำมวลชนมาต่อสู้ในช่วงปี 53, 54 และ 57 พรรครวมไทยสร้างชาติเห็นความสำคัญ ให้ความไว้วางใจเลือกให้ลงในเขต 1 อุตรดิตถ์ แกนนำเสื้อแดงคนนี้เป็น 1 ในคนที่ถูกทอดทิ้ง ไม่ได้รับการเหลียวแลเช่นเดียวกับคนเสื้อแดงในจังหวัดอุตรดิตถ์อีกหลายคน

นายยศวริศ กล่าวว่า แม้จะต้องแข่งกับพรรคการเมืองใหญ่ที่เป็นอดีต ส.ส. แต่ประชาชนเขาก็อยากได้คนใหม่ ประกอบกับนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติจับต้องได้ ประชาชนพอใจกับนโยบายพรรค พร้อมที่จะสนับสนุน ตนได้ไปอธิบายนโยบายของพรรคให้ประชาชนได้เข้าใจมากขึ้น เช่น การเพิ่มเงินในบัตรประชารัฐ 300 เป็น 1,000 บาท การเพิ่มเงินเดือนให้ อสม. 2,000 บาท รวมทั้งเบี้ยยังชีพอายุ 60 ปีขึ้นไป มาได้เป็น 1,000 บาท พร้อมแนะนำตัวผู้สมัครของพรรครวมไทยสร้างชาติทุกเวที

นายยศวริศ กล่าวว่า การลงพื้นที่ของตนเน้นนำเสนอนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติ ประชาชนก็เข้าใจ แต่ก็ยังมีคนที่คลั่งไคล้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทยมาด่าตนว่าขายอุดมการณ์ ทำให้ทัวร์มาลงบ้าง แต่ต้องเข้าใจว่า ส.ส.เสื้อแดงในพรรคเพื่อไทยมีมากที่เข้าใจคนเสื้อแดง แต่คนประเภท เฮีย เจ๊ หรือเศรษฐีที่เข้าไปอยู่ ไม่ได้จริงใจกับคนเสื้อแดง แถมรังเกียจคนเสื้อแดง หาว่าเป็นคนชั้นล่าง เป็นไพร่สกปรก คนเหล่านี้ไม่เคยให้เกียรติคนเสื้อแดง ไปหาก็ไม่ให้การต้อนรับ

“ที่ผมพูดแบบนี้ เพราะพรรคการเมืองนี้จบด้วยวอร์รูมประชุมกันในห้องแอร์ ส.ส.ไม่มีปากมีเสียง คนเสื้อแดงก็จะถูกหลอกมาใช้งานอีกครั้งช่วงเลือกตั้ง หลังเลือกตั้งเสร็จก็คงถูกทิ้ง เพราะการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ตัดสินใจคนในห้องแอร์ คนพวกนี้รังเกียจคนเสื้อแดง ขยะแขยงคนเสื้อแดง ถึงเวลาจะใช้งาน ทำทีเอ็นดูคนเสื้อแดงเหลือเกิน ดูจากการปราศรัย มาพบกับคนเสื้อแดง ดูแววตาก็รู้ว่าไม่จริงใจ ยกเว้น นส.ส.เสื้อแดง คนกลุ่มนี้ยังจริงใจอยู่ การเลือกตั้งครั้งนี้ คนเสื้อแดงก็คงถูกหลอกใช้ ถูกหลอกแลนด์สไลด์เหมือนเดิม นี่คือแผนเอาคนเสื้อแดงมาหลอกคนเสื้อแดงด้วยกัน แต่สุดท้ายการตัดสินใจทุกเรื่องอยู่ที่ เจ๊ จ. เจ๊ ด. เฮียนั่น เฮียนี่” นายยศวริศ กล่าว

เหตุจำเป็น 'สมศักดิ์-สุริยะ' เคลื่อนซบ 'เพื่อไทย' ฟาก 'จุติ' ก็ปันใจ ทิ้ง 'ปชป.' จอดป้าย 'รทสช.'

ชัดเจน!! ไม่เหนือความคาดหมาย เมื่อ ‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’ และ ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ สองเสือกลุ่ม 'สามมิตร' อำลาพรรคพลังประชารัฐไปซบพรรคเพื่อไทย

ไม่เพียง 'สมศักดิ์-สุริยะ' หากแต่ยังมี 'เดอะต้น' สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 'มือขวาสุริยะ' ที่ลาออกตามไปด้วย...กลายเป็น 3 ส. แน่นอนว่า เลือกตั้งหนนี้ ส.สรวุฒิ นั้น ก็ไม่มีปัญหา เพราะลง ส.ส.เขตบ้านบึง (ชลบุรี)

แต่ ส.สมศักดิ์ กับ ส.สุริยะ ล่ะ? คำตอบชัดเจนอยู่แล้ว ว่าต้องลง ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์ เป็นที่รู้ๆ กันว่าจำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ทั้งหมด 100 ที่นั่งนั้น ประมาณกันว่าถ้าพรรคไหนได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์มา 1 ล้านเสียง จะแปลงได้เป็น 3 เก้าอี้ ส.ส. 

ดังนั้นถ้าพรรค พปชร.ของลุงป้อมได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ 3 ล้านเสียง ก็เท่ากับว่าจะได้ปาร์ตี้ลิสต์เพียง 10 คนเท่านั้น...

‘คนเพื่อไทย’ ขอบคุณ ‘โรม’ ตีแผ่คดี ‘ส.ว.ทรงเอ’ พร้อมจี้!! ‘บิ๊กตู่’ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง

(15 มี.ค.66) นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการดำเนินคดีกับ ส.ว. ชื่อดัง หรือ ส.ว.ทรงเอ กรณีตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีเครือข่ายยาเสพติดว่า ต้องขอบคุณตำรวจชุดสืบสวนจับกุมในคดีนี้ ที่กล้าออกมาเปิดเผยข้อมูลให้สังคมได้รับรู้ จนเป็นข่าวใหญ่โตที่คนทั้งประเทศจับตามอง และต้องขอบคุณ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่เอาข้อมูลมาอภิปรายและติดตามความคืบหน้าของคดีแบบกัดไม่ปล่อย แต่ก็ยังเกิดคำถามขึ้นในหลายประเด็นกับคดีนี้ที่สังคมยังคงติดใจอยู่

นายก่อแก้ว กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนแปลกใจคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทั้งที่เป็นคดียาเสพติดเป็นที่รังเกียจของทั้งสังคมไทยและนานาชาติเกี่ยวพันกับขบวนการข้ามชาติใหญ่โต ต้องไม่ลืมว่า คนที่ตั้ง ส.ว.คนนี้มา คือ พล.อ.ประยุทธ์และคณะ และคนที่เลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี คือ ส.ว.คนนี้ด้วย แถมสังคมยังได้รับทราบว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เช่าที่ทำการพรรคจาก ส.ว.คนนี้อีกด้วย สังคมเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ และพรรค รทสช. มีความสัมพันธ์ กับ ส.ว.คนนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งหรือไม่ และการที่ พล.อ.ประยุทธ์ นิ่งเฉยกับคดีนี้ จึงเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมคลางแคลงใจสงสัยเป็นอย่างยิ่ง

นายก่อแก้ว กล่าวด้วยว่า จากเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริง ของพนักงานสืบสวน มีการระบุว่ามีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ สั่งให้ดำเนินการตัดพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึง ส.ว.คนดังกล่าวออกให้หมด การสั่งการดังกล่าว ในคดียาเสพติดปกติแล้วจะไม่มีใครกล้าทำ เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมายร้ายแรง และสร้างความเสียหายต่อสังคม และความเชื่อมั่นต่อผู้ใต้บังคับบัญชา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top