Wednesday, 26 June 2024
เพื่อไทย

ส.ส.เพื่อไทย ห่วงน้ำเหนือล้นเจ้าพระยาท่วมชุมชน ไล่จี้รัฐบาล 'ตั้งใจบริหาร - จัดการให้ทันท่วงที'

นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ถูกน้ำเอ่อล้นจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลท่วมในบ้าน โดยระดับน้ำสูง เกือบเท่าปี 2554 (เหลืออีก 30 เซนติเมตรจะเท่าปี 2554) เนื่องจากพบว่าในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณมากกว่าที่ทางการแจ้งมา ทำให้พี่น้องประชาชนในบางพื้นที่ที่อยู่นอกคันกั้นน้ำถูกน้ำท่วมล้นเข้ามาในบ้าน เช่น ที่ชุมชนสะพานพระราม 5 ใต้สะพานพระราม 5 ชุมชนประชาราษฎร์ ย่านถนนพิบูลสงคราม จึงมีความเป็นห่วงว่าน้ำทะเลหนุนที่จะเข้ามาในช่วงนี้ และหากน้ำเหนือ ที่จะไหลลงมาเติมในแม่น้ำพระยา ไหลเข้ามาสมทบแม่น้ำเจ้าพระยา อาจจะทำให้น้ำล้นเข้าท่วมบ้านเรือนพี่น้องประชาชนได้ จึงได้ประสานความร่วมมือไปยังเทศบาลนครนนทบุรีในการเตรียมความพร้อมนำกระสอบทรายและเครื่องสูบน้ำประจำการในหลายพื้นที่แล้ว บางจุดสามารถเสริมกระสอบทรายได้ทันที แต่บางจุดไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากต้องบริหารทรัพยากรให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่

'เพื่อไทย' ลงพื้นที่ดูระดับน้ำหลัง กทม. ประกาศเตือนปชช.นอกคันกั้นน้ำยกของสูง พร้อมเปิดช่องทางให้ ปชช.ติดต่อ หากต้องการแรงคนช่วยขนย้ายข้าวของ

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่กทม. แถลงเตือนประชาชนนอกคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา ยกของขึ้นที่สูง ตรวจสอบปลั๊กไฟ และติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย ได้รายงานสถานการณ์น้ำท่วมในแต่ละพื้นที่ โดย นายศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. เขตธนบุรี-คลองสาน ระบุว่า ขณะนี้ ในพื้นที่เขตคลองสาน พบปัญหารอยรั่วของเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวนหลายจุด เมื่อฝนตกหนัก มักเกิดปัญหาน้ำท่วมซึ่งเป็นน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ไหลซึมเข้ามาท่วมบ้านเรือนของพี่น้องประชาชน รวมถึงน้ำฝนยังระบายออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้ช้า ทำให้เกิดน้ำท่วมขังบนถนนหลายจุด ตนได้ลงพื้นที่พบปะ เเละเข้ามารับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนในหลายๆ จุดที่ประสบปัญหาน้ำท่วม พบว่า เมื่อเกิดฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้เกิดน้ำท่วมขังบริเวณถนน และเอ่อล้นเข้าท่วมบริเวณบ้านเรือน ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนที่สัญจรไปมา ได้รับความลำบาก ตลอดจนน้ำเข้าท่วมภายในบ้านทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้า และสิ่งของต่าง ๆ ภายในบ้านเกิดความเสียหาย อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยตนขอให้พี่น้องประชาชนเพิ่มความระมัดระวัง และติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างทันท่วงที

ด้าน นายรัฐพงศ์ ระหงษ์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. เขตบางซื่อ-ดุสิต  พบปะพูดคุยกับพี่น้องในเขตดุสิต-บางซื่อที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา และเข้าให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำสถานีสูบน้ำคลองบางซื่อที่ทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยการระบายน้ำอย่างเร่งด่วน

ขณะที่นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. เขตพระนคร-ป่อมปราบ-สัมพันธวงศ์ ได้ลงแรงช่วยประชาชนบรรจุกระสอบทราย เพื่อเพิ่มระดับแนวกั้นน้ำ บริเวณสวนสันติไชยปราการ เขตพระนครเนื่องจากระดับน้ำขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ตนได้ตรวจเยี่ยม แนวกั้นน้ำตามแนวแม่น้ำเจ้าพระยา มีการจัดกระสอบทรายเสริมระดับตลอดแนวประตูน้ำเทเวศร์ ซึ่งบริเวณนี้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ได้ลงพื้นที่ตรวจเมื่อช่วงดึกของวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมาด้วย และตนได้เข้าเยี่ยมประชาชนแนวริมแม่น้ำย่านทรงวาด ท่าน้ำราชวงศ์ ท่าน้ำจักวรรดิ์ มีน้ำท่วม ช่วงน้ำหนุน แต่ น้ำลดลงไว แต่บริเวณนี้มีผู้รุกแนวแม่น้ำจำนวนมากไม่สามารถทำเขื่อนกั้นได้ ขณะนี้ได้มาประสานงานกับ กทม. เพื่อจัดสรรงบประมาณมาแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้แล้ว

'ทิพานัน' โชว์ผลงาน EEC ดูดนักลงทุนต่างชาติ ย้อนเกล็ด!! เขตธุรกิจใหม่ 4 ภาคของ 'เพื่อไทย'

'ทิพานัน' ย้อน 'เพื่อไทย' นโยบายเศรษฐกิจล้าหลัง เลื่อนลอยล่าช้า โชว์ผลงาน EEC ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ 3 ไตรมาสแรกปี 65 มูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท ชู 4 ปี งบลงทุนเกินเป้า 1.8 ล้านล้านบาท เงินไหลเข้าประชาชนทุกพื้นที่ทั้งทางตรงและทางอ้อม     

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา (ม.ค. - ก.ย.) ของปี 2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 436 ราย โดยในจำนวนนี้มีนักลงทุนชาวต่างชาติ ที่สนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 80 ราย คิดเป็น 18% ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC กว่า 40,555 ล้านบาท คิดเป็น 41% ของเงินลงทุนทั้งหมด สะท้อนถึงความสำเร็จของ EEC ในส่วนการดึงดูดนักลงทุน และเม็ดเงินเข้ามาลงทุนไหลเข้าสู่ประเทศ 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แม้โครงการจะเผชิญอุปสรรคปัญหาต่างๆ จากวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 วิกฤติเศรษฐกิจโลก สถานการณ์สู้รบในยูเครนและผลกระทบต่อราคาพลังงาน แต่ในพื้นที่ EEC กลับมีผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม โดยมีงบลงทุนสูงถึง 1.8 ล้านล้านบาท เกินจากเป้าหมายในแผนแรกของ EEC ที่กำหนดไว้ 1.7 ล้านล้านบาทใน 5 ปี 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ในกรณีที่ พรรคเพื่อไทยโดยผอ. ศูนย์นโยบายพรรค ได้กล่าวถึงนโยบาย EEC โดยเปรียบเทียบกับนโยบาย 'เขตธุรกิจใหม่' 10 ข้อ ของพรรคเพื่อไทยนั้น จึงขอชี้แจงให้สังคมรับทราบข้อเท็จจริง เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสนและเสียโอกาสดังนี้...

1.) อีอีซี ได้สร้างระบบนิเวศน์ใหม่ทั้งระบบแล้ว มีการวางโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางกายภาพและเทคโนโลยีดิจิทัล และยังมีสิทธิประโยชน์เสนอให้นักลงทุนโดยเฉพาะ ครอบคลุมการแก้ไขตั้งแต่ต้นตอเรื่องการลงทุน มีสิทธิประโยชน์ชุดใหม่และมีกลไกแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องสร้างกฎหมายธุรกิจชุดใหม่ ที่สร้างความล่าช้าในการนำมาใช้ ตามที่เพื่อไทยเสนอที่ไม่รู้ว่าจะเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มตระกูลใดเป็นการเฉพาะหรือไม่ 

2.) อีอีซี มีกฎหมายพิเศษในอีอีซี คือกฎหมายเพื่อส่งเสริมสิทธิประโยชน์และยังครอบคลุมทุกด้าน เช่น ใบอนุญาต ที่ดินทำกิน ป้องกันการผูกขาดและการแข่งขันทางการค้า การนำเข้าส่งออก แรงงาน วีซ่า ภาษี สิทธิประโยชน์ ธุรกรรมการเงิน ทรัพย์สินทางปัญญา ระบบยุติธรรม ดังนั้นจึงขอให้ทีมงานเพื่อไทยศึกษา พรบ. เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก 2561 ให้ละเอียดโดยเฉพาะหมวด 4 การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและหมวด 5 เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ และอีอีซีไม่มีปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย มีการพิจารณาปลดล็อกกฎเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคมาโดยตลอด 

3.) อีอีซี มีการส่งเสริม 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve industries) ที่จะสร้างศักยภาพความสามารถเทคโนโลยีของประเทศ และทักษะฝีมือของแรงงานไทยให้เพิ่มขึ้น และมีการสนับสนุน เปิดโอกาสทุนย่อย และ SMEs จึงไม่มีการผูกขาดอุตสาหกรรมใด

4.) อีอีซี มีสิทธิประโยชน์ด้านการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพัฒนารูปแบบและเงื่อนไข เพื่อทันต่อการใช้งานและให้เข้ากับสถานการณ์การเงินทั่วโลก เช่น ขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้เตรียมทดสอบระบบเงินบาทดิจิทัลแล้

5.) อีอีซี มีแผนพัฒนา 8 แผน ครบวงจร ซึ่งแต่ละแผนจะเชื่อมโยงกัน นำไปสู่การพัฒนาพื้นที่อย่างสมบูรณ์แบบเป็นรูปธรรมและยั่งยืนในทุกมิติ ดังนั้นที่กล่าวหาว่า 'อีอีซี คือจิกซอว์ไม่ครบวงจร' จึงเป็นข้อวิจารณ์ของพรรคเพื่อไทยที่ขาดความรู้ สิ่งที่กล่าวอ้างว่า 'จะมี' ในเขตธุรกิจใหม่นั้นเป็นสิ่งที่รัฐบาลขณะนี้รองรับไว้หมดแล้ว และเกินกว่าที่เพื่อไทยคิดไปมาก ดังนั้นที่กล่าวหาว่าอีอีซีเน้นมิติเดียว ขาดกลไกนอกเหนือจากสิทธิประโยชน์ในการดึงเงินต่างชาติ จึงไม่ถูกต้อง

6.) อีอีซี เป็นศูนย์กลางการคมนาคมและโลจิสติกส์ของภูมิภาคเอเชียอย่างครบวงจร ซึ่งจะเชื่อมตลาดโลกได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว จะเห็นได้จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการคมนาคมแบบไร้รอยต่อทั้งทางอากาศ ทางบก ทางน้ำ ดังนั้นจึงเป็นการขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สิ่งที่พรรคเพื่อไทยกล่าวอ้างว่า อีอีซี ไม่ตลาดเล็กจึงไม่จริง

7.) อีอีซี กำหนดระเบียงเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 4 ภาค ที่กำหนดประเภทอุตสาหกรรมของแต่ละภาคเพราะต้องการดึงศักยภาพที่พร้อมและเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานรากตามศักยภาพในท้องถิ่นนั้น ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจทั้งประเทศเชื่อมโยงกับอีอีซีอย่างเป็นระบบ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในย่านอีอีซีจะได้โฟกัสระบบต่างเฉพาะทาง หากใช้แผนของพรรคเพื่อไทยที่เขตธุรกิจใหม่ เปิดกว้างครอบคลุมทุกอุตสาหกรรมก็จะเกิดความซ้ำซ้อน สะเปะสะปะ ไม่ได้ดึงศักยภาพการใช้ประโยชน์ในเชิงพื้นที่มาใช้เลย เป็นแผนการพัฒนาที่ลงทุนมากผลตอบแทนน้อย

8.) อีอีซี สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในพื้นที่ EEC เพียงเท่านั้น แต่ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงและภาพรวมของประเทศยังได้รับประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว ที่จะได้มีโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ระบบสาธารณสุข ระบบสาธารณูปโภคที่ทันสมัย มีโอกาสมีงานทำ และรายได้ที่ดีขึ้น เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ยกระดับคุณภาพชีวิต อีกทั้งยังเกิดการมีส่วนร่วม เช่น อีอีซีสแควร์ บัณฑิตอาสา เยาวชนต้นแบบ โครงการต้นแบบสวนภาษาอังกฤษ และจีน หลักสูตรอีอีซีกับการบริหาร องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น โดยคาดการณ์ว่าไทยจะเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างน้อย 5% ต่อปี

9.) อีอีซี มีกฎหมายพิเศษในอีอีซี ที่เพื่อส่งเสริมการลงทุน ปลดล็อกข้อจำกัด และยังได้สิทธิประโยชน์และครอบคลุมทุกด้าน อย่างเป็นธรรมและง่ายต่อการลงทุน

10.) อีอีซี ปัจจุบันมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับการลงทุนไว้แล้ว ตามนโยบายและพื้นที่การลงทุนแต่ละพื้นที่ ทำให้รองรับผู้ลงทุนและเงินลงทุนทั้งในและนอกประเทศ อย่างไร้ขีดจำกัดได้ทันที 

'สุทิน' ชี้ นโยบายเพื่อไทย ยังมีของดีอีกเยอะ ส่วนรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ บอก "ก็พอรู้ๆ กันอยู่"

เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 65 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเปิดนโยบายพรรคในฟอรั่ม 2 ว่า จะมีมาเรื่อยๆ แต่ยังไม่กำหนดระยะเวลา เพราะต้องดูสถานการณ์ แต่ยืนยันว่า เมื่อเปิดมาจะเป็นอะไรที่สามารถจับต้องได้ ซึ่งของดียังไม่ออกอีกเยอะ

เมื่อถามถึง การพูดคุยเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค นายสุทิน กล่าวว่า คุยกันไปเรื่อยๆ แต่เราก็คงไม่เปิดไว้ก่อน เปิดไว้นานไม่ดี ก็คิดว่าใกล้เวลาที่สุด แต่ก็พอรู้ๆ กันอยู่ เราต้องดูสถานการณ์แต่ก็พร้อมเคาะทุกเมื่อ

'อนุสรณ์' แนะ ต้องแก้มาตรา 272 อย่างเร่งด่วน ให้เฉพาะ ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้งมีสิทธิ์เลือกนายกฯ

(16 ต.ค. 65) อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทอร์กโชว์เดี่ยว 13 ว่าการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลนั้น เป็นความเห็นเสรีภาพที่รองรับไว้ในรัฐธรรมนูญ ที่ประชาชนพึงกระทำได้ ซึ่งควรนำคำวิจารณ์ไปปรับปรุงตัวเอง ซึ่งเชื่อว่าเวลาที่เหลืออยู่แทนที่จะไปฟ้องร้องดำเนินคดีคนวิจารณ์ ควรหันกลับมาแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ

เริ่มตั้งแต่แก้รัฐธรรมนูญที่เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้ง กำหนดกติการการเข้าสู่อำนาจของนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วยกติกาที่เป็นประชาธิปไตย เป็นธรรมกับทุกพรรคการเมือง บทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นประชาธิปไตยควรได้รับการแก้ไข โดยควรแก้ไขมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญ ให้เฉพาะส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น มีอำนาจโหวตนายกรัฐมนตรี หากไม่เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 จะเกิดสภาพความขัดแย้งไม่จบสิ้น ไม่เอื้อต่อการเกิดกติกาที่สุจริตและเที่ยงธรรมในการเลือกตั้ง

'วรวัจน์' จี้ กกต. ผ่อนกฎให้ส.ส. ช่วยปชช. ช่วงน้ำท่วม ชี้!! รัฐบาลมีอำนาจหน้าที่ แต่ไม่มีท่าทีใส่ใจดูแล

เมื่อวันที่ (17 ต.ค. 65) นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดที่จ.ภูเก็ตว่า ตั้งแต่มีสถานการณ์พายุโนรูที่ทำให้น้ำท่วมบริเวณภาคอีสาน ภาคเหนือและภาคกลางไปแล้ว วันนี้น้ำก็ท่วมหนักอีกที่จ.ภูเก็ต ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้กฎหมายเลือกตั้งคุมฝ่ายการเมือง ทำให้ไม่สามารถลงไปดำเนินการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ แต่ทางรัฐบาลที่มีอำนาจหน้าที่ทำได้ กลับไม่ได้แสดงท่าทีอะไรที่เป็นความใส่ใจลงไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างทันท่วงทีเลย 

นอกจากนี้ยังไม่เห็นแนวทางการแก้ปัญหาที่ชัดเจนจากทางรัฐบาล ไม่รู้ว่าทางรัฐบาลมัวแต่ห่วงเรื่องของตัวเองอยู่หรือไม่ จนละเลยพี่น้องประชาชนเช่นนี้ วันนี้น้ำท่วมทั่วทุกพื้นที่ตั้งแต่เหนือจรดใต้แล้วแต่ทางรัฐบาลก็ยังไม่ได้ขยับดำเนินการอะไรที่จริงจัง ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่าให้อีก 8 จังหวัดภาคใต้เตรียมรับมือน้ำ ซึ่งขณะนี้ฝนก็ยังไม่หยุดตก รัฐบาลทำให้คนไทยรู้สึกเหมือนกับว่าไม่มีรัฐบาล เรายังไม่เคยเห็นแผนการจัดการน้ำทั้งระยะสั้นและระยะยาวจากรัฐบาลนี้เลย 

นายวรวัจน์ กล่าวต่อว่า ภาคใต้จัดว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก และเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญ วันนี้จังหวัดหลัก ๆ เช่น ภูเก็ต กระบี่ พังงา สตูล สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช กำลังได้รับผลกระทบทั้งหมด แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากรัฐบาลเท่าที่ควร ที่ผ่านมาเราเข้าใจได้ว่าพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ทางรัฐบาลอาจมองว่าไม่ใช่พื้นที่ฐานเสียงของพรรคการเมืองฝ่ายตน แต่ขณะนี้ปัญหาก็เกิดที่ภาคใต้แต่รัฐบาลยังกลับนิ่งนอนใจ ไม่ได้สนใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ดี รัฐบาลโยนภาระการช่วยเหลือประชาชนให้เป็นหน้าที่ของท้องถิ่นเท่านั้น ส่วนตัวเองกลับไม่มีใจให้ประชาชน เท่าที่ควรจะเป็น

นายวรวัจน์ กล่าวอีกว่า ตนขอเสนอให้รัฐบาลเข้ามาเยียวยา และเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนให้มากกว่าที่ท้องถิ่นทำอยู่ อาจจะมีงบประมาณพิเศษจัดสรรลงไปให้ หรือเปิดช่องให้จังหวัดสามารถใช้งบกรณีฉุกเฉินล่วงหน้าเพื่อป้องกันน้ำท่วมได้ ไม่ใช่ให้ยึดเพียงแต่กรอบงบประมาณเยียวยาแบบเดิม ทั้งนี้ สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยจัดวางงบประมาณโดยแบ่งเป็น 2 กรอบ คือกรอบป้องกันน้ำท่วม คือให้มีการเตรียมการก่อนที่น้ำจะท่วม และกรอบที่จะใช้หลังจากเกิดสถานการณ์น้ำท่วมแล้ว รัฐบาลนี้ก็น่าจะผลักดันให้มีมติเหมือนสมัย ครม.น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือให้จังหวัดสามารถใช้วงเงินงบประมาณได้ก่อนจะเกิดเหตุ เช่น อาจจะวางช่องทางการระบายน้ำ การทำแผงกั้นน้ำ หรือการขุดลอกเพิ่มเติมเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้สถานการณ์หนัก ในช่วงที่พายุลูกใหม่กำลังจะเข้ามานี้ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ควรดูแบบอย่างของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าคนที่คิดถึงประชาชนเป็นหลักก่อนนั้น เขาทำงานกันอย่างไร

'เพื่อไทย' จี้รัฐเร่งส่งปัจจัย 4 ช่วยปชช. พร้อมเตรียมมาตรการเยียวยาหลังน้ำลด

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ (17 ต.ค. 65) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ เช่น ที่ จ.อุบลราชธานี บางพื้นที่ปริมาณน้ำท่วมสูงกว่า 3-6 เมตร ประชาชนต้องออกจากบ้านมาอาศัยที่ศูนย์อพยพโดยไร้การช่วยเหลือที่เพียงพอ หรือล่าสุดที่ จ.กาฬสินธุ์ พนังกั้นลำน้ำชีขาด ทำให้กระแสน้ำท่วมไหลเข้าท่วม 4 หมู่บ้านของ อ.ฆ้องชัย ต้องเร่งอพยพประชาชนออกจากหมู่บ้านอย่างเร่งด่วน ที่ จ.ร้อยเอ็ด ถูกน้ำท่วมขังแล้ว 14 อำเภอ ที่ปริมาณน้ำในลำน้ำชี ลำน้ำมูล และลำน้ำข้างเคียง รวมถึงบางพื้นที่ถูกน้ำท่วมขังมาแล้ว 3 เดือน ขาดน้ำ อาหารและยารักษาโรค จนถึงวันนี้ยังไม่มีการเข้าไปดูแลช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างเพียงพอ

ทั้งนี้ ปัญหาเดิมในเรื่องการดูแลทุกข์ของพี่น้องประชาชนที่ถูกน้ำท่วมขังเป็นระยะเวลานานนับเดือน และปัญหาใหม่ที่การบริหารจัดการน้ำในเขื่อน แม่น้ำ และน้ำทุ่งที่ไม่ได้รับการดูใจ หรือดูแลแก้ไขอย่างดีพอของรัฐบาลที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่คาดการณ์สถานการณ์ผิดพลาด การบริหารจัดการน้ำ และการให้ความช่วยเหลือไม่เป็นที่พึ่งที่หวังให้กับพี่น้องประชาชนได้

น.ส.ชญาภา กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยเห็นใจและเข้าใจถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพี่น้องในจ.อุบลราชธานี ที่ถูกน้ำท่วมสูงที่สุดในรอบ 44 ปี น้ำท่วมจนมองไม่เห็นฝั่ง พื้นที่การค้าขาย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นถูกปิดตาย ไม่สามารถกลับมาได้ในเร็ววัน หลายพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลางก็ล้วนได้รับความเดือดร้อนทั่วทุกหัวระแหง แต่พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำของประเทศยังเงียบหาย แม้ในวันเสาร์อาทิตย์ ยังคงเป็นวันหยุดที่นายกฯ ของประเทศ ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทำงานเหมือนคนหมดไฟ ขณะที่ประชาชนต้องทนหนาวแช่น้ำท่วมที่ไม่รู้ปลายทางว่าน้ำจะลดลงเมื่อไหร่ และวันไหนที่จะมีภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือ

'เพื่อไทย' กังวล!! หวั่นเงินทุนสำรองไทยลดฮวบ แนะ 'ธปท.' จับตา หลังสหรัฐฯ ปรับขึ้นดอกเบี้ย

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ (18 ต.ค. 65) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตามที่มีกระจายคลิปของโน้ส อุดม แต้พานิช ที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานที่ล้มเหลวของพล.อ.ประยุทธ์ จนเป็นกระแสฮือฮาทั่วโซเซียล และเป็นแนวทางเดียวกับที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้วิพากษ์วิจารณ์ และเคยแถลงความล้มเหลว 10 ข้อไว้แล้ว ทั้งการเป็นรัฐบาลที่พึ่งไม่ได้ การกู้หนี้จากหลายชาติ ชาตินี้ใช้หนี้ไม่หมด แกล้งโกรธเพื่อกลบปัญหา โปร่งใสแต่ห้ามตรวจสอบ โดยเฉพาะเรื่องสร้างปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่ ทั้งเรื่องเงินเฟ้อของไทยที่ยังสูงอยู่ที่ 6.41 % ในเดือนก.ย. การขาดดุลการค้าและขาดดุลบัญชีเดินสะพัด การขาดดุลการคลังจำนวนมากที่จะมีแผนกู้ใหม่ถึง 1.05 ล้านล้านบาทในปี 2566 ปัญหาดอกเบี้ยขาขึ้น เป็นปัญหาใหม่ที่พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่รู้เลยว่าจะรับมืออย่างไร หรือพึ่งไม่ได้จริงตามที่โน้สบอก

นายพิชัย กล่าวต่อว่า ล่าสุดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในเดือนก.ย. อยู่ที่ 8.2% ซึ่งยังสูงมาก ทั้งที่ธนาคารกลางสหรัฐได้ขึ้นดอกเบี้ยแล้ว 3 ครั้ง แต่เงินเฟ้อของสหรัฐก็ยังไม่ลดลง จึงเป็นไปได้สูงที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในครั้งหน้า น่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% และอาจจะขึ้นถึง 2 ครั้งก่อนสิ้นปี และอาจจะต้องขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีหน้า ซึ่งจะกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องขึ้นดอกเบี้ยตาม ส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อให้มากขึ้น อีกทั้งป้องกันไม่ให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศไหลออก โดยในเดือนก.ย. ลดลงถึง 14,017 ล้านเหรียญ ทำให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศไทยลดลงมาเหลือ 199,444 ล้านเหรียญ หลุดจาก 2 แสนล้านเหรียญแล้ว ซึ่งนับเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลและธปท. ระมัดระวัง เพราะอาจจะเป็นปัญหาหนักได้ในอนาคต

“ผู้นำที่ดีต้องเปิดใจรับฟังเสียงสะท้อนจากทุกด้าน เพื่อนำมาปรับปรุงการทำงานของตนเอง แม้กระทั่งเสียงจากคุณโน้ส ที่นำเรื่องจริงมาทำเป็นเรื่องตลก สะท้อนผู้นำที่ในต่างประเทศก็ทำกันเสมอ เพราะนั่นเป็นการสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของคนส่วนใหญ่ ถ้ายังปิดหูปิดตาส่งลิ่วล้อมาโต้แบบมั่ว ๆ ก็ควรจะต้องดีดตัวออกจากเครื่องบิน ที่บรรทุกคนไทยทั้งประเทศกันได้แล้ว มิเช่นนั้นก็คงไม่พ้นที่จะสร้างปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่ให้คนไทยลำบากกันต่อไป” นายพิชัย กล่าว

'ชลน่าน' แจงยังไม่ยื่นยุบภูมิใจไทย กรณีกัญชาลวงนิยม ชี้!! ไม่อยากให้ยุบพรรคง่าย เว้นเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

‘ชลน่าน’ แจง ฝ่ายค้านยังไม่ยื่นยุบภูมิใจไทย โยน ฝ่ายกฎหมายดู หลักฐานพอยุบได้หรือไม่ โชว์หล่อ ไม่อยากให้ยุบพรรคง่าย เว้นกรณีเดียว ล้มล้างการปกครอง

(18 ต.ค. 65) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ฝ่ายค้าน ยืนยัน ยังไม่ยื่นยุบพรรคการเมืองใด ตามที่มีข่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นยุบ พรรคภูมิใจไทย กรณีเสนอนโยบายกัญชานั้น ข้อเท็จจริงที่ได้มีการแถลงข่าวในเรื่องนี้ ยังไม่มีการยื่นยุบพรรคการเมืองใด ๆ เป็นเพียงขั้นตอนการทำงานเบื้องต้นจากคณะทำงานของผู้อภิปรายในเรื่องนั้น ๆ ได้ยกร่างขึ้นมา เพื่อนำมาเสนอต่อ คณะกรรมการกฎหมายของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อพิจารณากลั่นกรองว่ามีข้อมูลหลักฐานเพียงพอที่ยื่นฟ้องร้องได้หรือไม่

กรณีประเด็นอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องกัญชา คณะทำงานของผู้อภิปรายเบื้องต้นได้เสนอให้ดำเนินการตามกฎหมาย 2 เรื่อง คือ...

1. ยื่นร้องต่อศาลปกครองสูงสุด ขอให้กำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว กรณีประกาศของกระทรวงสาธารณสุขเรื่องกำหนดประเภทยาเสพติดประเภทที่ 5 ทำให้กัญชาถูกปลดล็อกจากยาเสพติด ทำให้เข้าใจว่าเป็นกัญชาเสรี มีการนำไปใช้เพื่อสันทนาการอย่างแพร่หลาย

2. เสนอยื่นคำร้อง เพื่อยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง ในการออกนโยบาย เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองที่ไม่เป็นไปตามวิถีแห่งรัฐธรรมนูญ

ที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านมีความเห็นว่า ให้ส่งเรื่องนี้ให้คณะกรรมการฝ่ายกฎหมายของพรรคร่วมฝ่ายค้านพิจารณาว่า มีความเหมาะสมมีหลักฐานเพียงพอถึงขั้นร้องยุบพรรคได้หรือไม่ ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนยื่นให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคร่วมฝ่ายค้านพิจารณายังไม่มีการยื่นยุบพรรคแต่ประการใด ในเรื่องนี้เชื่อว่าในการพิจารณาของคณะกรรมการฝ่ายกฎหมายของพรรคร่วมฝ่ายค้าน คงพิจารณาด้วยความรอบคอบ รอบด้าน ถ้าพบว่าพยายานหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่สมเหตุผล คงมีมติให้ยุติเรื่องและไม่ส่งฟ้องยุบพรรค

'เพื่อไทย' จับตา!! 'ประยุทธ์' กู้เงินช่วงใกล้หมดวาระฯ หวั่น!! ใช้เงินเล่นเกมการเมือง มากกว่าทำเพื่อปชช.

(21 ต.ค. 65) ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่าเหลือเวลาอีกไม่นาน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็จะหมดวาระดำรงตำแหน่งนายกฯ แต่สิ่งที่นายกฯ จะทำต่อจากนี้คือการออกพระราชกำหนดเงินกู้อีก 1 ล้านล้านบาท เพื่อนำมาใช้จ่าย โดยมีสาเหตุมาจากรัฐบาลเองบริหารเศรษฐกิจล่มสลาย เก็บภาษีไม่ได้ตามเป้าหมาย เลยทำให้ตลอด 8 ปีของตำแหน่งนายกฯ ต้องกู้เงินมาใช้โดยตลอด

ไม่ว่าพลเอกประยุทธ์ จะเล่นการเมืองหรือไม่ต่อไป แต่สิ่งที่พลเอกประยุทธ์ทิ้งไว้ คือหนี้ก้อนโตมหาศาล เป็นมรดกหนี้บาปให้ประชาชน ทิ้งไว้ชั่วลูกชั่วหลานให้ใช้หนี้แทนไม่สิ้นสุด ที่สำคัญคือ หนี้ที่กู้มาแล้วใช้ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจได้ หวั่นใจว่าเงินกู้ที่จะกู้มาเพื่อให้พรรคพวกของพลเอกประยุทธ์ได้ประโยชน์จากเงินกู้ประชาชน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top