Wednesday, 8 May 2024
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ตร. เตือน ปลอมบัญชีคนดัง หลอกยืมเงิน ไม่ว่า หลอกจริงหรือหวังคอนเทนต์ ล้วนเสี่ยงคุก

วันที่ 25 พ.ค.65 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก ตร. ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีผู้ไม่หวังดีนำเอาภาพของบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือบุคคลที่เป็นกระแสในสื่อสังคมออนไลน์ มาสร้างบัญชีเฟซบุ๊กปลอมเพื่อใช้ในการฉ้อโกงเป็นจำนวนมาก เช่น หลอกว่าจะแจกรางวัล หลอกว่าจะมอบทรัพย์สิน หรือหลอกยืมเงิน เป็นต้น

ทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตรวจสอบพบว่ามีหลายกรณีที่เป็นการหลอกลวงที่ประชาชนทั่วไปสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเรื่องเท็จ เช่น กรณีแอบอ้างเป็น ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ขอความช่วยเหลือกองทัพรัสเซียทำสงครามกับประเทศยูเครนโดยให้โอนเงินผ่านทรูมันนี่, กรณีแอบอ้างเป็น น.ส.ดนุภา หรือ มิลลิ คณาธีรกุล ขอยืมเงินค่าทำเพลงโดยให้โอนเงินผ่านทรูมันนี่ และ กรณีแอบอ้างเป็น นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ขอยืมเงินค่ารถเพื่อลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน ซึ่งอาจไม่ได้เป็นการแอบอ้างเพื่อหลอกเอาทรัพย์สิน แต่อาจเป็นการทำขึ้นเพื่อสร้างคอนเทนต์ปลอม หวังเอายอดไลก์ ยอดวิว ของผู้ไม่หวังดี

 สํานักงานตํารวจแห่งชาติ เรียนชี้แจงกรณีความคืบหน้าการรับตัวผู้ต้องหาชาวจีน (ไต้หวัน) มาดําเนินคดีเกี่ยวกับคอลเซ็นเตอร์ ในความรับผิดชอบของ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียนชี้แจงความคืบหน้าการรับตัวผู้ต้องหาสัญชาติจีน(ไต้หวัน) จากสาธารณรัฐแอลเบเนีย มาดำเนินคดีเกี่ยวกับคอลเซ็นเตอร์ ในความผิดชอบของพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน

ความคืบหน้าทางคดี เมื่อวันที่ 27 ก.ค.65 หลังจากที่ผู้ต้องหาได้เดินทางจากสาธารณรัฐแอลเบเนีย ถึงประเทศไทย  ตามช่องทางการส่งผู้ร้ายข้ามแดนผ่านผู้ประสานงานกลาง โดย พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในคดีได้เดินทางมารับตัวผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาพระโขนง ในข้อหา มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ กระทำการอันเป็นอั้งยี่และซ่องโจร ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน เพื่อนำตัวมายัง สน.คลองตันได้ทำการสอบปากคำและในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จากนั้นพนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหา  ไปยื่นคำร้องขอฝากขังที่ศาลอาญาพระโขนง พร้อมทั้งคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีออกนอกประเทศ และมีการแจ้งอายัดตัวไว้ที่ สน.คลองตัน เกี่ยวกับคดีคอลเซ็นเตอร์อีกกว่า 33 คดี

"รองฯ รอย" แท็กทีม ผบช ปส. เปิดปฏิบัติการฯบุกค้น 4 เครือข่ายค้ายาฯ ภาคเหนือ รวบตัวระดับผู้สั่งการ ยึดทรัพย์กว่า 60 ล้านบาท เครือข่ายนายฮ้อยทมิฬ,เครือข่ายมังแม่เปา,เครือข่ายอาข่าผาขาว และเครือข่ายฝิ่นดิบมูเซอ

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 เวลา 11.00 น. ที่ บ้านเลขที่ 256 ม.5 ต.แม่ยาว อ.เมือง จว.เชียงราย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.และผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ท.บุญยืน อินกว่าง แม่ทัพน้อยที่ 3,ผบ.ศป.บส.ชน., พล.ต.ท.พรชัย เจริญวงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร.รรท.รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.นพดล ศรสําราญ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.จิรวัฒน์ ผยุงธรรม รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ประยูรศิริ รองผบช.ภ.5,นายวราดิศร อ่อนนุช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย,พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง ผบก.ปส.1,พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย, พ.อ.ธรรมรัตน์ เหรียญ ทอง ผบ.บก.ควบคุม ปส. และ นายอนุเทพ ธาระณะ นักสืบสวนสอบสวนชํานาญการชํานาญพิเศษ/ผู้อํานวยการส่วนตรวจสอบ ทรัพย์สินและบังคับโทษปรับ และ พ.ต.อ.อดุลย์ สิริสิทธินันท์ ผกก.ตชด.32 ได้ร่วมแถลงข่าวผลปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น แผนปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น กลุ่มนักค้ายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ จํานวน 4 เครือข่าย ได้แก่ เครือข่ายนายฮ้อยทมิฬ, เครือข่ายม้งแม่เปา, เครือข่ายอาข่าผาขาว,เครือข่ายฝิ่นดิบมูเซอ และการจับกุมยาบ้า จํานวน 5,690,000 เม็ด และ เคตา มีน 10 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2565

พล.ต.อ.รอยฯ เปิดเผยว่า “กรณีแรก "เครือข่ายนายฮ้อยทมิฬ” สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2565 กองบัญชาการตํารวจปราบปรามยาเสพติด สามารถจับกุมนักค้ายาเสพติด รายสําคัญ ได้จํานวน 3 คน พร้อมของกลางยาบ้าประมาณ 7 ล้านเม็ด ตนและ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง ผบก.ปส.3 ดําเนินการเร่งขยายผลและจับกุมผู้กระทําความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาดําเนินคดีให้ได้โดยเร็ว และจากการ สอบสวนสืบสวนขยายผลพบว่าในเครือข่ายมีกลุ่มผู้สั่งการผู้ต้องหาในการลําเลียงยาเสพติดเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 จนถึงถูกจับกุมมีการลักลอบลําเลียงยาเสพติดไปแล้วมากกว่า 20 ครั้ง แต่ละครั้งมากน้อยไม่เท่ากัน รวมยาบ้าที่ถูกลําเลียง มาแล้วประมาณ 50 ล้านเม็ด และยังมีการสั่งการให้ผู้ต้องหาเปิดบัญชีธนาคารส่งไปให้กลุ่มผู้สั่งการใช้รับเงินค่ายาเสพติด จากการตรวจสอบบัญชีตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 ถึงถูกจับกุมมีเงินหมุนเวียนในบัญชีมากกว่า 400 ล้านบาท สำหรับกรณีนี้ กลุ่มผู้สั่งการจะ ถอนเงินสดส่วนหนึ่งส่งให้กับเจ้าของยาเสพติดภายนอกประเทศ เงินอีกส่วนหนึ่งจะนํามาซื้อทรัพย์สินเป็นบ้าน, ที่ดิน, ทองคํา, รถหรู และเก็บเงินสดไว้ในบัญชีธนาคารส่วนตัว จากการขยายผลข้อมูลดังกล่าว จึงรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถ ขออนุมัติจากศาลอาญาออกหมายจับกลุ่มบุคคลผู้สั่งการได้ จํานวน 3 คน คือ

(1.)นายสุวิจักขณ์ สงวนนามสกุล อายุ 44 ปี ที่อยู่ 127 ต.ห้วยข้าวก่ำ อ.จุน จว.พะเยา เป็นบุคคลตามหมายจับ จํานวน 4 หมายจับ คือ หมายจับศาลจังหวัดแพร่ ที่ 20/2559 ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2559 ข้อหา “ครอบครองยาเสพติดเพื่อจําหน่าย”, หมายจับของศาลจังหวัดชุมพร ที่ จ.48/2564 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2564 ข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์, ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ซึ่งมีปริมาณคํานวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินกว่ายี่สิบกรัมขึ้นไปไว้ในความครอบครองเพื่อจําหน่ายและ จําหน่ายโดยผิดกฎหมาย”, หมายจับของศาลจังหวัดพะเยา ที่ จ.81/2564 ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2564 ข้อหา “ยักยอกทรัพย์”, หมายจับศาลอาญา ที่ 429/2565 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2565 ในความผิดฐาน “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน, กระทําโดยหัวหน้า ผู้มีหน้าที่สั่งการ หรือผู้มีหน้าที่จัดการในเครือข่ายอาชญากรรม และทําให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน, สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป กระทําความผิดฐานฟอกเงินและได้กระทําความผิดฐานฟอกเงินตามเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”

(2.)นายวีรชน สงวนนามสกุล อายุ 40 ปี ที่อยู่ 170 หมู่ที่ 9 ต.ศรีถ้อย อ.แม่สรวย จว.เชียงราย เป็นบุคคลพ้นโทษในคดียาเสพติด และเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญา ที่ 430/2565 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2565 ในความผิดฐาน “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน, กระทําโดยหัวหน้าผู้มีหน้าที่สั่งการ หรือผู้มีหน้าที่จัดการในเครือข่ายอาชญากรรม และทําให้เกิดผลกระทบต่อ ความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป,ฟอกเงิน,ร่วมกันฟอกเงิน,สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป กระทําความผิดฐานฟอกเงินและได้กระทําความผิดฐานฟอกเงินตามเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”

(3.)น.ส.ศิริพร สงวนนามสกุล อายุ 30 ปี ที่อยู่ 256 หมู่ที่ 5 ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย จว.เชียงราย เป็นบุคคล ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 431/2565 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2565 ในความผิดฐาน “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน, กระทําโดยหัวหน้า ผู้มีหน้าที่สั่งการ หรือผู้มีหน้าที่จัดการในเครือข่ายอาชญากรรม และทําให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือ ความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป,ฟอกเงิน,ร่วมกันฟอกเงิน,สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป กระทําความผิดฐานฟอกเงิน และได้กระทําความผิดฐานฟอกเงินตามเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”   ต่อมาในวันที่ 27 กรกฎาคม 26565 จึงได้ทําการจับกุมนายสุวิจักขณ์  ได้ในพื้นที่ จว.แพร่ และจับกุม นายวีรชน  กับน.ส.ศิริพร  ได้ในพื้นที่ จว.เชียงราย และได้มีการปิดล้อมตรวจค้นเพื่อยึดทรัพย์เครือข่าย “นายฮ้อยทมิฬ”จํานวน 20 จุดตรวจค้น (พื้นที่จังหวัดเชียงราย, พะเยา และชัยนาท) โดยบูรณาการร่วมกับ สํานักงาน ป.ป.ส., ตํารวจภูธร ภาค 5, ศอ.บส.ชน., บก.ตชด.ภาค 3, หน่วยงานด้านการปราบปรามยาเสพติด ทั้งเจ้าหน้าที่ตํารวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และ สํานักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา ประจําประเทศไทย (DEA) โดยมีผลการปฏิบัติจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 ราย ตรวจยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบรวมมูลค่าประมาณ 60 ล้านบาท ประกอบด้วย
(1) เงินสด จำนวน 100,000 บาท (2) อายัดเงินในบัญชีธนาคาร 15,665,700 บาท (3) ทองคํา 22 บาท (4) ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 8 หลัง (5) ที่ดินเปล่า 2 แปลง (6) รถยนต์ 16 คัน
(7) รถจักรยานยนต์ จํานวน 3 คัน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือประชาชน หลัง กอนช. ประกาศแจ้งเตือนเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก และน้ำท่วมฉับพลัน

ตามข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่าขณะนี้ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ส่งผลให้ทั่วทุกภาคมีฝนตก และมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ และกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ออกประกาศฉบับที่ 24/2565 ให้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก และน้ำท่วมฉบับพลัน ในช่วงวันที่ 2-10 ส.ค.2565 

วันนี้ (2 ส.ค. 65) พล.ต.ต.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยในสถานการณ์ ดังกล่าว จึงสั่งการให้ บช.น., ภ.1-9 และหน่วยที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อม ดังนี้
1. เตรียมแผนเผชิญเหตุ และพร้อมปฏิบัติการช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ที่เกิดเหตุ
2. จัดชุดปฏิบัติการต่าง ๆ พร้อมอุปกรณ์ เครื่องมือ และยานพาหนะ เช่น ชุดขนย้ายประชาชนและสิ่งของ ชุดอำนวยความสะดวกเส้นทางสัญจร และชุดสายตรวจ เป็นต้น 
3. ให้ผู้บังคับบัญชาลงไปกำกับดูแลการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการให้การช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน หรือมีเหตุการณ์รุนแรง ทั้งในส่วนของประชาชนในพื้นที่ และหน่วยงานของตำรวจเอง
4. ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่

 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียนชี้แจงถึงความคืบหน้าเพิ่มเติม กรณีคดีตำรวจสันติบาลหญิงทำร้ายร่างกายทหารหญิงได้รับบาดเจ็บ

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเปิดเผยถึงความคืบหน้าเพิ่มเติมกรณีตำรวจสันติบาลหญิงทำร้ายร่างกายทหารหญิงได้รับบาดเจ็บ 

ความคืบหน้าในส่วนของการดำเนินคดีอาญา สภ.เมืองราชบุรี จว.ราชบุรี ในวันนี้ (2ก.ย.65) พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอเบิกตัวผู้ต้องหาไปทำการตรวจจิตเวชเพื่อนำผลการตรวจมาประกอบสำนวนคดี และพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำพยานไปแล้วหลายปาก อยู่ระหว่างรอผลตรวจและทำการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนของกฎหมาย

ในส่วนการดำเนินคดีของ สภ.ชะอำ จว.เพชรบุรี พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างดำเนินการสอบปากคำผู้ต้องหาที่เรือนจำราชบุรีเพิ่มเติม และสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติมรวมถึงได้ทำการเก็บตัวอย่างส่งตรวจเปรียบเทียบทางนิติวิทยาศาสตร์ และทำการสอบปากคำพยานประกอบคดีไปแล้วหลายปาก โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนกฎหมาย

โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับการปฎิบัติของเจ้าที่ตำรวจ ที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยให้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและสอบสวนอย่างตรงไปตรงไปมา ทั้งในส่วนของการดำเนินการทางวินัยและการดำเนินการในทางคดีอาญา ด้วยความรอบครอบ รวดเร็ว อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน อีกทั้งเพื่อป้องกันให้สังคมเกิดความสับสนและเสียรูปคดี จึงขอความร่วมมือติดตามข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น

‘ว่าที่ ผบ.ตร.’ เข้ม ส่ง ตร. PCT ลุยกวาดล้างปืนเถื่อนออนไลน์ ยึดได้ 422 กระบอก

วันที่ 4 ก.ย.65 ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT: Police Cyber Taskforce เปิดเผยผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ ยึดปืนเถื่อนออนไลน์ได้กว่า 400 กระบอก ว่า ปัจจุบันนี้การก่ออาชญากรรมมีลักษณะที่มีการใช้อาวุธปืนประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย ปล้น ชิงทรัพย์ ในลักษณะอุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายเพิ่มมากขึ้น อาทิ เหตุกราดยิงร้านอาหารกลางเมืองอุบลราชธานี, เด็กช่างกลทำปืนลั่นใส่เพื่อน เป็นต้น ซึ่งหลายๆ เหตุการณ์เจ้าหน้าตำรวจได้สืบสวนขยายผลทราบว่าผู้ก่อเหตุซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ผ่านช่องทางออนไลน์ 

จึงได้สั่งการให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางออนไลน์ โดยเฉพาะการลักลอบขายอาวุธปืน ตั้งแต่วันที่ 24-31 ส.ค.65 โดย สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งสิ้น 1,967 ราย แบ่งเป็นคดีอาวุธปืน 502 ราย พร้อมของกลางอาวุธปืน 422 กระบอก เครื่องกระสุน 6,903 นัด  ยาบ้า 6,257 เม็ด และยาไอซ์ 400 กรัม ในส่วนของ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ จับกุมผู้ต้องหาทั้งสิ้น 183 ราย มูลค่าความเสียหาย 58 ล้านบาท จับบัญชีม้ากดเงิน จำนวน 350 หมาย ผู้ต้องหา 365 ราย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดพิธีถวายสักการะ บวงสรวง และอัญเชิญพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช (รัชกาลที่ 4) ขึ้นประดิษฐานบนแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์

ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดทำโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์และบูรณะส่วนที่สึกหรอของพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช (รัชกาลที่ 4) ซึ่งได้มีพิธีบวงสรวงเพื่ออัญเชิญจากแท่นประดิษฐานด้านหน้าอาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อไปบูรณะซ่อมแซม ณ สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และข้าราชการตำรวจในสังกัดเข้าร่วมพิธี นั้น บัดนี้การบูรณะพระบรมรูปฯได้ดำเนินการเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว

สำหรับพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฎวิทยมหาราช (รัชกาลที่ 4) จัดสร้างขึ้นจากดำริของ พล.ต.อ.เภา สารสิน อดีตอธิบดีกรมตำรวจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน และราชวงศ์จักรี ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนและข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ เพื่อเป็นการระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ อีกทั้ง เพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาของตำรวจ รวมถึงเป็นที่สักการะบูชาของข้าราชการตำรวจและประชาชนทั่วไป โดยพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ เป็นพระบรมรูปหล่อจากทองล่ำอู่ ขนาดเท่าพระองค์จริง สูง 175 ซม. ในพระอิริยาบถทรงประทับยืน คาดพระแสงกระบี่นารายณ์ พระหัตถ์ขวาทรงธารพระกร (ไม้เท้า) ผู้ปั้น คือ อาจารย์สุภร ศิระสงเคราะห์ นายช่างประติมากร กองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร และผู้ดำเนินการหล่อ คือ นายแหลมสิงห์ ดิษฐพันธุ์ โรงหล่อแหลมสิงห์ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี

วานนี้ (14 ก.ย. 65) เวลา 15.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีสักการะ บวงสรวง และอัญเชิญพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช (รัชกาลที่ 4) ขึ้นประดิษฐานบนแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ บริเวณด้านหน้าอาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และข้าราชการตำรวจเข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียงกัน

แฉ!! 18 กลโกงมิจฉาชีพบนโลกออนไลน์ ที่ตำรวจอยากให้รู้ไว้ ก่อนตกเป็นเหยื่อ

ก่อนอื่นต้องยอมรับเลยนะครับ ว่าเทคโนโลยีด้านการสื่อสารในยุคปัจจุบัน ที่สะดวกรวดเร็วทันใจ และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดนั้น มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่เป็นภัยซ่อนอยู่ โดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลส่วนตัวทุกอย่างผูกติดไว้กับโลกออนไลน์ ซึ่งต้องยอมรับนะครับ ว่าโลกออนไลน์ ยิ่งเร็ว ยิ่งสะดวก ก็ยิ่งอันตราย 

เพราะไม่แค่เทคโนโลยีเท่านั้นที่พัฒนาต่อเนื่อง แต่เหล่ามิจฉาชีพเอง ก็สรรหากลยุทธ์ กรรมวิธี และหลากหลายกลโกง เพื่อใช้หลอกลวงให้เราให้ตกเป็นเหยื่อได้โดยง่าย หากรู้ไม่เท่าทันอยู่เช่นกัน

ด้วยความห่วงใยจากใจทีมงาน THE STATES TIMES เราจึงได้รวบรวมข้อมูล ‘18 กลโกงมิจฉาชีพบนโลกออนไลน์’ จากศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ หรือ Police Cyber Taskforce (PCT Police) มาไว้ให้รู้เท่าทันทั้งหมด 18 รูปแบบ ดังนี้...

1. หลอกขายสินค้าออนไลน์ แต่พอเราสั่งไปแล้ว กลับไม่ได้รับสินค้า หรือ สินค้าที่ส่งมานั้น ไม่ตรงปกตามที่ลงรูป หรือ โฆษณา

2. หลอกให้สมัครงานเสริมออนไลน์ โดยชักชวน ให้ข้อมูลการทำงานออนไลน์ที่ไม่มีจริง จากการอ้างถึง Platform ที่มีความน่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็น TikTok / YouTube / Lazada หรืออื่น ๆ โดยหลอกลวงให้กดไลก์ กดแชร์ เพื่อเพิ่มยอดวิว แกล้งให้รับออเดอร์ ทำสต๊อกสินค้า จากนั้นหลอกลวงโดยใช้วิธีเรียกเก็บเงินค้ำประกันการทำงานจากเหยื่อ

3. เงินกู้ออนไลน์ ที่ไม่มีจริง หรือเงินกู้ทิพย์นั้นเอง โดยหลอกเอาข้อมูล เงินค้ำประกัน ค่าธรรมเนียม และเลขที่บัญชีธนาคารจากเหยื่อ ซึ่งหากมีการกู้เกิดขึ้นจริง ก็จะเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่โหดเหี้ยมสุดๆ ซึ่งจะใช้วิธีล่อลวง ชวนเชื่อจากการกู้ที่ไม่ต้องค้ำประกัน ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในโทรศัพท์ โทร.ทวงหนี้จากคนใกล้ชิด เรียกดอกเบี้ยมหาโหด

4. ข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัว (Call Center) โดยมุ่งเป้าโทร.หาเหยื่อ พร้อมแจ้งข้อมูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งจะมีการอ้างตัวเป็นตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่รัฐ ข่มขู่เรื่องกฎหมายการฟอกเงิน แจ้งจะมีการอายัดบัญชีธนาคาร จากนั้นล่อลวงให้เหยื่อโอนเงิน

5. หลอกลวงให้ลงทุนในรูปแบบต่างๆ โดยอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน ชักชวนให้ลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีจริง ให้ผลตอบแทนสูง สร้างภาพความน่าเชื่อถือ อาทิ ลงทุนในธุรกิจน้ำมัน / พลังงาน / ทองคำ / เงินดิจิทัล / ตลาดหุ้น / Forex / ตลาดหลักทรัพย์ต่างชาติ และเกมออนไลน์ เป็นต้น

6. หลอกให้รักแล้วลงทุน โดยปลอมแปลง Profile เป็นบุคคลหน้าตาดี เพื่อมาตีสนิทจาก App หาคู่ หรือบัญชีออนไลน์ จากนั้นเริ่มสอนให้ลงทุน และลงทุนผ่าน App การลงทุนปลอม อาทิ เทรดหุ้น / เงินดิจิทัล / สกุลเงินปลอม หรือทอง เป็นต้น

7. หลอกให้รักแล้วโอนเงิน หรือยืมเงิน โดยใช้วิธีเดียวกัน คือปลอมแปลง Profile เป็นบุคคลหน้าตาดี ทำความรู้จักผ่านบัญชีออนไลน์ ตีสนิทหลอกให้รัก ทำทีจะส่งทรัพย์สินมีค่ามาให้จากต่างประเทศ แต่ก็หลอกล่อขอค่าธรรมเนียมต่างๆ หรือหลอกให้โอนเงิน โดยอ้างว่าจะคืนให้ในภายหลัง

8. ปลอมแปลง หรือ Hack บัญชี Line / Facebook ของเพื่อน จากนั้นหลอกยืมเงิน โดยส่งข้อความขอยืมเงินมาจากบัญชีของเพื่อนที่เรารู้จัก

ผบ.ตร.มอบ รองฯต่อศักดิ์ ลุยจัดระเบียบสังคม ยาแรงฝ่าฝืนเสนอสั่งปิดทันที 5 ปี หากทำผิดซ้ำจำคุก 1 ปี เตือน ตร.ท้องที่ห้ามปล่อยปละละเลย

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ที่ดูแลงานป้องกันปราบปราม เปิดเผยว่า “พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงงานป้องกันปราบปราม ที่ สง.ผบ.ตร. พร้อมมอบหมายให้ดูแลจัดระเบียบสถานบริการทั่วประเทศ โดยให้ดำเนินการตามคำสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 22/2558 และแก้ไขเพิ่มเติมที่ 46/2559 โดยทุกสถานบริการ หรือสถานประกอบการที่เปิดบริการคล้ายสถานบริการ จะต้องไม่ยินยอม ปล่อยปละละเลยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปใช้บริการไม่เปิดเกินเวลา ไม่ปล่อยให้มีการพกพาอาวุธ วัตถุระเบิด ยาเสพติดเข้าไปในสถานบริการ รวมถึงต้องไม่มีการค้ามนุษย์ในสถานบริการ หรือปล่อยให้มีการเล่นการพนันในสถานบริการ” 

ผบ.ตร.โชว์ผลระดมกวาดล้างยาเสพติด ภาคเหนือ ยึดทรัพย์กว่า 17 ล้านบาท  รวบผู้ต้องหากว่า 3,648 ราย หมายจับค้างเก่า 544 คดี คดียา 2,392 คดี อาวุธปืน 1,963 คดี ตรวจยึดปืนกว่า 1,004 กระบอก ยาบ้า 1 แสนเม็ด

วันนี้ (30 ต.ค. 65) เวลา 10.00 น. ที่ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 และ นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. แถลงผลการระดมกวาดล้างยาเสพติด อาวุธปืน และบุคคลตามหมายจับ ในพื้น 8 จังหวัด ภาคเหนือ ของตำรวจภูธร ภาค5 ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในห้วงระหว่างวันที่ 10–29 ต.ค. 65 มีผลการดำเนินการ ดังนี้
.
  1. บุคคลตามหมายจับคดีอาญาได้ 544 หมายจับ ผู้ต้องหา 508 คน 
.
   2.ผู้ต้องหาคดียาเสพติด 2,392 คดี ผู้ต้องหา 2,089 คน ของกลางยาบ้า 100,276 เม็ด ติดตามยึดทรัพย์กว่า 17 ล้านบาท
.
   3.ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุน ทั้งสิ้น 1,963 คดี ผู้ต้องหา 1,051 คน ของกลางอาวุธปืนสงคราม 2 กระบอก ปืนไม่มีทะเบียน 945 กระบอก มีทะเบียน 57 กระบอก วัตถุระเบิด 2,168 รายการ และเครื่องกระสุน 7,222 นัด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top