Sunday, 19 May 2024
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

แถลงข่าวลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU)ในการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก

(8 ก.พ. 66) เวลา 10.30 น. ณ สารสิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก นายเสกสม อัครพันธ์ุ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และผู้บริหารของกรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.กมค. พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.สยศ.ตร. และ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์  ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล. ได้ร่วมกัน แถลงข่าวประชาสัมพันธ์การเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการบังคับใช้กฎหมาย ว่าด้วยการจราจรทางบก เพื่อลดการกระทำผิดกฎหมาย ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน 

ผบ.ตร. กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  มีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถ ใช้ถนน ให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่ ลดจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ  จึงได้สั่งการ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมการขนส่งทางบก ร่วมกันดำเนินการกวดขันวินัยการขับขี่ โดยบังคับใช้มาตรการตามที่กำหนดในกฎหมายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้ง 2 หน่วยงาน จึงได้ร่วมกันกำหนดมาตรการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก จำนวน 2 มาตรการ ได้แก่  

มาตรการที่ 1 การตัดคะแนนความประพฤติ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการไปตั้งแต่ 9 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้กระทำผิดกฎจราจรและถูกตัดคะแนนแล้ว จำนวน 15,456 ราย

มาตรการที่ 2  คือมาตรการชะลอการออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี สำหรับรถที่มีใบสั่งค้างชำระ ตาม 141/1 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานจะต้องมีการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ข้อมูลใบอนุญาตขับขี่ ข้อมูลยานพาหนะ และข้อมูลใบสั่งค้างชำระ เพื่อให้เกิดการบูรณาการข้อมูลได้แบบ Real Time ทำให้การบังคับใช้กฎหมายเกิดผลสัมฤทธิ์ และมีประสิทธิภาพสูงสุด จึงได้กำหนดให้มีการลงนาม บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กรมการขนส่งทางบก เชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก

สำหรับ มาตรการชะลอเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี จะใช้กับรถยนต์ที่ที่มีใบสั่งจราจรที่ค้างชำระ ซึ่งเพิกเฉยไม่ชำระค่าปรับตามที่กำหนด โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะส่งข้อมูลโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ไปยังนายทะเบียนกรมการขนส่งทางบก เมื่อประชาชนไปต่อภาษีรถยนต์ประจำปี นายทะเบียนจะรับต่อภาษีประจำปี แต่ยังไม่ได้รับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี (ป้ายภาษี) โดยจะได้หลักฐานชั่วคราวแทนป้ายภาษี ซึ่งมีอายุ 30 วัน เพื่อให้ผู้นั้นไปชำระค่าปรับที่ค้างชำระให้ครบถ้วนภายใน 30 วัน แล้วจึงสามารถมารับป้ายภาษีได้ แต่หากประชาชนต้องการจะชำระค่าปรับในขณะต่อภาษี กฎหมายกำหนดให้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ให้นายทะเบียนสามารถรับชำระค่าปรับตามใบสั่งพร้อมกับชำระภาษี และรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีได้เลยทันที

ผบ.ตร. กล่าวเพิ่มเติมว่า การขับรถโดยไม่มีป้ายภาษี จะมีโทษตาม พ.ร.บ.รถยนต์ฯ มาตรา 11  ซึ่งกำหนดว่า รถยนต์คันที่ต่อภาษีแล้วจะต้องแสดงเครื่องหมายตามที่กรมการขนส่งกำหนดให้ครบถ้วน มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท 

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลใบสั่งค้างชำระ และคะแนนความประพฤติได้ จากเว็บไซต์ E-ticket PTM  และ แอปพลิเคชั่น ขับดี ทางด้าน นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายในการป้องกันและรณรงค์ให้เกิดความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และบังคับใช้กฎหมายกับผู้ฝ่าฝืน กรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินการตามนโยบาย โดยการร่วมจัดทำ “บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับ กรมการขนส่งทางบก” ซึ่งบันทึกข้อตกลงนี้ มีที่มาจากพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 141/1 ที่กำหนดมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย สำหรับผู้ที่กระทำความผิดตามกฎหมายจราจรและได้รับใบสั่งจากเจ้าพนักงานตำรวจ และไม่ชำระค่าปรับจราจรภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด 

ตร.คว้ารางวัล 1 ใน 5 หน่วยงาน ผลงานยอดเยี่ยมบนโซเชียลมีเดีย กลุ่มหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ (Finalist Of Best Brand Performance On Social Media) จากการประกวด Thailand Social Award ครั้งที่ 11

วันนี้ (22 ก.พ.65) ที่ ณ ทรูไอคอน ฮอลล์ ไอคอนสยามชั้น 7 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมงานประกาศรางวัล Thailand Social Award ครั้งที่ 11 ซึ่งจัดโดย บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับรางวัล 1 ใน 5 หน่วยงานที่ทำผลงานยอดเยี่ยมบนโซเชียลมีเดีย จากกลุ่มหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจทั้ง (Finalist Of Best Brand Performance On Social Media) โดยคำนวณคะแนนจากทั้ง 3 ช่องทางที่ ตร.ใช้ในการสื่อสารกับประชาชน ทั้ง Facebook : สำนักงานตำรวจแห่วชาติ Twitter : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และYoutube : Policetv UCI MEDIA

รางวัลผลงานยอดเยี่ยมบนโซเชียลมีเดีย จากกลุ่มหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจทั้ง (Finalist Of Best Brand Performance On Social Media) พิจารณาจากหน่วยงานกว่า 3,000 หน่วย มีหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่ได้รับรางวัล เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ส่วน ตร.ได้รับรางวัล 1 ใน 5 หน่วยงานยอดเยี่ยมร่วมกับ กรมควบคุมโรค  วุฒิสภา กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จับมือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สมาคมแม่บ้านตำรวจ เดินหน้าสร้างความรู้ ทางการเงินและบริหารจัดการหนี้แก่ข้าราชการตำรวจต่อเนื่อง

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ ส่งเสริมความรู้ด้านการวางแผนการเงินและการบริหารจัดการหนี้ โดยปี 2566-2569 เดินหน้าความร่วมมือภายใต้กรอบ 3 C คือ Cure แก้ไขเยียวยา Caution ป้องกัน และ Cultivate ปลูกฝังทักษะ มุ่งหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนำไปสู่ความสำเร็จทางการเงินได้อย่างเป็นรูปธรรม ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้งนักเรียนนายสิบตำรวจ นักเรียนนายร้อยตำรวจ ข้าราชการตำรวจ คู่สมรส และบุคคลในครอบครัวทั่วประเทศ หลังประสบความสำเร็จในการร่วมกันส่งเสริมความรู้ทางการเงินจนเกิดเป็นบุคคลต้นแบบการพัฒนาทักษะบริหารการเงินและจัดการหนี้

ดร. ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ เห็นพ้องที่จะดำเนินการขยายผลและสร้างพื้นที่เรียนรู้ด้านการวางแผนการเงิน การออมต่อเนื่อง หลังจากที่ได้ร่วมกันส่งเสริมความรู้มาตั้งแต่ปี 2564 ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โดยแผนดำเนินการในปี 2566-2569 จะทำภายใต้กรอบ 3 C ได้แก่ 1. Cure การแก้ไขเยียวยา โดยให้ความรู้ด้านการวางแผนการเงินและการบริหารจัดการหนี้ แก่กลุ่มข้าราชการตำรวจที่เข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหาหนี้ 2. Caution การป้องกัน โดยให้ความรู้ทั้งก่อนและระหว่างการเป็นผู้กู้ แก่กลุ่มสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ โดยใช้ SET e-Learning series 'รู้สู้หนี้' 3. Cultivate การปลูกฝังทักษะด้านการเงินและการลงทุนที่ถูกต้อง ให้แก่นักเรียนนายร้อยตำรวจ นักเรียนนายสิบตำรวจ ข้าราชการตำรวจ คู่สมรส และบุคคลในครอบครัว รวมถึงการสร้างบุคคลต้นแบบระดับกองบัญชาการ 1 โรงพัก 1 บุคคลต้นแบบ โดยใช้โมเดล 'Happy Money in Action' เพื่อนำไปสู่วัฒนธรรมด้านการวางแผนการเงินและการลงทุนทั้งในระดับบุคคลและองค์กรได้อย่างยั่งยืน

ผบ.ตร. ชื่นชม ชุดปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำทีม SWAT ตำรวจไทย แข่งขันติดอันดับ TOP 5 ในการแข่งขันระดับหน่วยปฏิบัติการพิเศษโลก

วันที่ 24 ก.พ.66 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวชื่นชมทีม SWAT Royal Thai Police เดินทางเข้าร่วมการแข่งขันทางยุทธวิธี UAE SWAT Challenge 2023 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ 20 – 24 กุมภาพันธ์ 2566 โดยการแข่งขันแบ่งออกเป็น 5 Events หรือ 5 สถานการณ์ ได้แก่ 1.การช่วยเหลือตัวประกัน 2.การโจมตี 3.การกู้ภัย 4.หอคอย และ 5.สิ่งกีดขวาง โดยทีมที่ใช้เวลาน้อยที่สุดและไม่ละเมิดกฎการแข่งขันจะเป็นผู้ชนะ ห้วงการแข่งขัน 4 วันที่ผ่านมาทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ในวันนี้สามารถคะแนนรวมเป็นลำดับที่ 5 จากผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 55 ทีม กว่า 25 ประเทศทั่วโลก (มีคะแนนนำทีมNYPD Orando police ฮ่องกง เวียดนาม ฯลฯ) 

ทั้งนี้ ในปี 2565 ที่ผ่านมา ทีม SWAT Royal Thai Police ได้คะแนนในลำดับที่ 9 จาก 34 ทีมทั่วโลก 

ส่วนในปี 2566 นี้ ท่าน ผบ.ตร. สั่งการให้เตรียมความพร้อม คัดเลือกนักกีฬา และจัดเตรียมการเก็บตัว นำอาวุธ ยุทโธปกรณ์ต่างๆ และประสานการปฏิบัติกับทางดูไบเป็นอย่างดี โดยมอบหมาย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. อำนวยการตลอดระยะเวลาการแข่งขัน

ผบ.ตร.นำข้าราชการตำรวจและประชาชนจิตอาสาทั่วประเทศกว่า 9,000 ราย ร่วมกิจกรรมจิตอาสาบริจาคโลหิต เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมจิตอาสาบริจาคโลหิตของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา โดยมี พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ท. นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ และ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ ประชาชนจิตอาสาเข้าร่วมกิจกรรม ณ อาคารภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ กิจกรรมจิตอาสาบริจาคโลหิตของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลครั้งนี้ มีโรงพยาบาลตำรวจเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการ จัดกิจกรรมจิตอาสาพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันนี้ (24 ก.พ.66)เวลา 09.00 น. พื้นที่กรุงเทพมหานครจัดกิจกรรมที่โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนต่างจังหวัดให้แต่ละหน่วยประสานสาธารณสุขจังหวัดจัดกิจกรรม โดยเชิญข้าราชการตำรวจและประชาชนจิตอาสาร่วมกันบริจาคโลหิตเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล มีผู้เข้าร่วมบริจาคโลหิตทั่วประเทศ จำนวน 9,407 ราย เป็นข้าราชการตำรวจจิตอาสา 7,621 ราย ประชาชนจิตอาสา 1,786 ราย 

ผบ.ตร. เปิดอบรมหลักสูตร บรอ. รุ่นที่ 10 มุ่งแลกเปลี่ยนต่อยอดแนวคิดทำงานร่วมกันผูกมิตรสร้างสัมพันธภาพ อย่างเป็นเครือข่ายที่ดีในอนาคต

วันนี้ (24 ก.พ.66) ณ วิทยาลัยการตำรวจ กองบัญชาการศึกษา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์  ผบ.ตร. เป็นประธาน พิธีเปิดการฝึกอบรมหลักสูตรการบริหารการรักษาความสงบเรียบร้อย ของสังคมภาครัฐร่วมเอกชน (บรอ.) รุ่นที่ 10 โดยมี พล.ต.ท.ณฐพล แสวงกิจ ผบช.ศ. พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ ตร. พล.ต.ต.ภูธร ปริศนานันทกุล ผบก.วตร. เข้าร่วม พร้อมผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตร 
     
หลักสูตร บรอ. เกิดขึ้นเนื่องจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตระหนักถึงความสำคัญ และประโยชน์ของ การมีส่วนร่วมจากภาคประชาสังคม เพื่อให้การขับเคลื่อนภารกิจด้านการอำนวยความยุติธรรม และการรักษาความสงบเรียบร้อย ของสังคมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความทันสมัย ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมในทุกมิติ จึงได้กำหนดหลักสูตรการบริหาร การรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมภาครัฐร่วมเอกชน หรือ บรอ. ขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชน ประชาชน ส่วนราชการอื่น ๆ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์ความรู้  และสร้างความร่วมมือในการดำเนินการด้านต่าง ๆ ระหว่างกัน โดยมอบหมายให้ กองบัญชาการศึกษา เป็นผู้ดำเนินการฝึกอบรม

ภายหลังจากพิธีเปิด ผบ.ตร. ได้บรรยายพิเศษในหัวข้อ 'นโยบายบริหารราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ.2566' ประกอบด้วย 10 นโยบายการบริหารราชการ ของ ผบ.ตร. และ ภารกิจเร่งด่วนปราบปรามด้านยาเสพติด  ป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมเข้าใจ รู้ทิศทางแนวทางการทำงานของตำรวจตามนโยบายรัฐบาล ที่มีความจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการดูแลพี่น้องประชาชนทุกมิติ 

'รอง โฆษก ตร.' เตือนระวังโจรภัยหน้าแล้ง แนะวิธีป้องกันเครื่องมืออุปกรณ์การเกษตรถูกโจรกรรม

(25 ก.พ. 66) เวลา 13.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.ท. ธ เทพ ไชยชาญบุตร รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัย เกษตรกรใช้ความระมัดระวังป้องกันเครื่องมือและอุปกรณ์เกษตรถูกโจรกรรม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรที่จะถูกโจรกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรเป็นที่เดือดร้อน โดย พ.ต.ท. ธ เทพฯ  กล่าวว่า จากข้อมูลสถิติอาชญากรรมทุกปีที่ผ่านมา เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนที่มีสภาวะแห้งแล้ง เกษตรกรมีความจำเป็นต้องนำเครื่องมือการเกษตร เช่น เครื่องสูบน้ำ หรือรถไถขนาดเล็กพ่วงเครื่องสูบน้ำไปใช้สูบน้ำเข้าแปลงเกษตร และมักถูกโจรกรรมเป็นที่เสียหายเดือดร้อน

รองโฆษกฯ กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มีความห่วงใยในปัญหาโจรกรรมเครื่องมือเกษตรของพี่น้องเกษตรกร  จึงได้สั่งการให้ตำรวจในกองบัญชาการต่างๆ ให้เพิ่มความเข้มข้นในการออกตรวจตรา สืบสวนหาข่าวในเชิงระวังป้องกันการโจรกรรมอุปกรณ์การเกษตรต่างๆ เช่น เครื่องสูบน้ำ รถไถนาขนาดเล็ก เครื่องปั่นไฟ เครื่องฉีดพ่นยา ท่อน้ำ และเครื่องมือเกษตรอื่นๆ รวมถึงรถจักรยานยนต์ ตลอดจนกวดขันร้านรับซื้อของเก่ามิให้รับของโจร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เกษตรกรรมที่ห่างไกล หากพบเห็นให้จับกุมดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องเกษตรกรได้ใช้ความระมัดระวังและนำกลับบ้านเรือนในยามวิกาล  ทั้งนี้หากมีความจำเป็นต้องนำอุปกรณ์การเกษตรดังกล่าวไปไว้ในแปลงที่เปลี่ยวหรือในเวลากลางคืน ควรจัดเวรยามเฝ้า หรือตรวจตราอย่างสม่ำเสมอ

รอง โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า  ประชาชนควรมีหมายเลขโทรศัพท์ของสถานีตำรวจใกล้บ้าน หรือเบอร์แจ้งความฉุกเฉิน หากต้องการความช่วยเหลือหรือเหตุด่วนเหตุร้าย สามารถแจ้งมายัง Call Center ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 191 และ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 2/2566

พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 27 ก.พ. 66 เวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 2/2566  ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.), ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรรมการ ก.ตร.วินัย, กรรมการ ก.ตร.ร้องทุกข์ และกรรมการ ก.ตร.บริหารทรัพยากรบุคคล เข้าร่วมประชุม ซึ่งมีวาระการประชุมฯ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของคณะกรรมการด้านต่างๆ และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

โดยกรรมการข้าราชการตำรวจด้านวินัย อุทธรณ์ ร้องทุกข์ และบริหารทรัพยากรบุคคล ได้รายงานข้อมูลการกระทำผิดวินัยร้ายแรง ของข้าราชการตำรวจ เดือน ก.พ.66 มีข้าราชการตำรวจลงโทษทั้งสิ้น จำนวน 14 นาย ซึ่งเป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 13 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 1 นาย ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.พ.66 มีข้าราชการตำรวจถูกลงโทษทั้งสิ้น จำนวน 26 นาย เป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 22 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 4 นาย

ตร. ทำ MOU ม.หอการค้าไทย มอบทุนตำรวจเรียนปริญญาตรี 200,000 บาท ต่อคน และร่วมพัฒนาหลักสูตรอาชญากรรมไซเบอร์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันประชาชน

(16 มี.ค.66) เวลา 10.00 น. ณ ห้องสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจความร่วมมือด้านวิชาการ การจัดการศึกษาสำหรับข้าราชการตำรวจ ด้านทรัพยากร การฝึกอบรมและป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมี รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นผู้แทนจากมหาวิทยาลัยหอการค้า ร่วมลงนาม ในการนี้ โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ยิ่งยศ  เทพจำนงค์ ผบช.สกพ. พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.สยศ.ตร. และ พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง รอง ผบช.ศ. พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้แก่ รศ.ดร.สถาพร อมรสวัสดิ์วัฒนา รองอธิบการบดีอาวุโสสายงานวิชาการและงานวิจัย อาจารย์สมพงษ์ แก้วเจริญไพศาล รองอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์และกิจการพิเศษ ผศ.ดร.ณัฐริกา แชน คณบดีคณะนิติศาสตร์ และ รศ.ดร.เสาวลักษม์ กิตติประภัสร์ ผอ.หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ เข้าร่วมพิธี

สำนักงานตำรวจแห่งชาติและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือระหว่างกันในทางด้านวิชาการ การวิจัย และขยายโอกาสทางการศึกษาให้แก่ข้าราชการตำรวจ เพื่อให้เปิดโอกาสเข้าถึงการศึกษาในสาขาต่าง ๆ  ที่หลากหลาย ทั้งในรูปแบบของหลักสูตรปริญญาบัตร หรือหลักสูตรการฝึกอบรมระยะสั้นต่าง ๆ อันนำไปสู่การสร้างเครือข่ายทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การเรียนรู้ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ จึงได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาและเป็นหน่วยงานในการกำกับดูแลของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยที่ผ่านมาได้จัดทำหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาลจำนวน 2,900 นาย   

โดยบันทึกความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างกันในครั้งนี้ จะเป็นการยกระดับความร่วมมือ กระชับความสัมพันธ์ทางด้านวิชาการ ขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับกำลังพลครอบคลุมทุกหน่วยงานในสังกัด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนการพัฒนาหลักสูตรวิชาเฉพาะ เพื่อสนับสนุนนโยบายและยุทธศาสตร์ที่สำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  โดยมีความร่วมมือระหว่างกัน ดังนี้ 

1) สนับสนุนทุนการศึกษา (ด้วยการยกเว้นค่าเล่าเรียน) สำหรับข้าราชการตำรวจ เป็นมูลค่า 200,000 บาทต่อคน (จำนวน 500 ถึง 1,000 ทุน ต่อปีการศึกษา) คงเหลือค่าใช้จ่ายเพียงแค่ 95,000 บาท ตลอด 3 ปี จนจบหลักสูตร

‘ผู้ช่วย ผบ.ตร.’ ตั้ง ‘จอนนี่ มือปราบอินดี้’ เป็นอินฟลูเอนเซอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

‘จอนนี่ มือปราบอินดี้’ เผย ผู้ช่วยผู้บัญชาตั้งให้เป็นอินฟลูเอนเซอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำชับ “ไม่ต้องลาออกนะ ทำต่อไป”

วันนี้ (19 มี.ค. 66) เฟซบุ๊ก ‘ตะลึงกรุง จอนนี่มือปราบ’ ของ ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ ‘จอนนี่ มือปราบอินดี้’ ผู้บังคับหมู่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง โพสต์ข้อความระบุว่า…

“วันนี้ ผมได้รับคำสั่งแต่งตั้งจากท่านผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโท ไกรบุญ ทรวดทรง ให้ผมเป็น ‘อินฟลูเอนเซอร์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ คือหยังน้อบาดนิ ??


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top