Sunday, 19 May 2024
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดโครงการพัฒนาบุคลิกภาพและคุณภาพชีวิตตำรวจ รุ่นที่ 2 มุ่งพัฒนา เสริมประสิทธิภาพการปฏิบัติงานเพื่อรองรับภารกิจดูแลประชาชน

พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล(สกพ.) เปิดเผยว่า วันอังคารที่ 15 ส.ค.66 เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน ในพิธีเปิด “โครงการพัฒนาบุคลิกภาพและคุณภาพชีวิตของข้าราชการตำรวจ (รุ่นที่ 2)” จำนวนทั้งสิ้น 99 นาย มีการจัดอบรมในระหว่างวันที่ 14-19 ส.ค.66 ณ อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

โครงการพัฒนาบุคลิกภาพและคุณภาพชีวิตของข้าราชการตำรวจ เป็นโครงการที่จัดทำขึ้น เพื่อวัตถุประสงค์ให้กำลังพลที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับประชาชน มีแนวคิดในการเสริมสร้างทัศนคติ ปรับปรุงพัฒนาบุคลิกภาพที่ดี โดยการนำธรรมะซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและทัศนคติ โดยได้รับความเมตตาจาก พระอาจารย์เอกชัย สิริญาโณ เจ้าอาวาสวัดใหม่ศรีร่มเย็น ตำบลห้วยซ้อ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย และคณะวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิด้านจิตวิทยา การแพทย์สาธารณสุข ในการสร้างแรงบันดาลใจ

ทั้งนี้ การดำเนินโครงการเป็นไปตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องการให้มีการส่งเสริมจริยธรรม จรรยาบรรณและการพัฒนาคุณธรรมของข้าราชการตำรวจ โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างพัฒนาทัศนคติ จิตสำนึกและพฤติกรรมให้เป็นผู้มีวินัย มีเป้าหมายเพื่อให้ข้าราชการตำรวจมีโอกาสในการพัฒนาตน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อปรับเปลี่ยนกระบวนการคิด ทัศนคติ ค่านิยม ตลอดจนการมีจิตสำนึกที่ดี จนนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้แก่พี่น้องประชาชน สมดังเจตนารมณ์ของการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยสำนักงานกำลังพลในฐานะหน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้าราชการตำรวจที่ผ่านการอบรมจากโครงการนี้ จะได้นำความรู้ แนวคิด ทัศนคติ ที่ได้รับจากคณะวิทยากร นำไปปรับปรุงพัฒนาตนเองให้เป็นบุคลากรที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม จริยธรรม ทั้งในมิติของการปฏิบัติหน้าที่ราชการและการประพฤติปฏิบัติตนในชีวิตประจำวัน เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป
 

ตร. จับมือ นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เปิดโครงการ “ห้องปฏิบัติการกฎหมาย” (Special Law Lab//YLPE : Young Lawyers-Police Engagement) สานต่อ สร้างนักกฎหมายรุ่นใหม่ ร่วมกันแลกเปลี่ยน เรียนรู้งานตำรวจตั้งแต่ต้นทาง สร้างแนวร่วมป้องกันภัยทางออนไลน์และการสืบสวนยุคใหม่

วันนี้ (16 ส.ค.66) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. พร้อมด้วย รศ.ดร.ปกป้อง ศรีสนิท คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ รศ.ดร.ณภัทร สรอัฑฒ์ รองคณบดีฯ (ฝ่ายบริหาร) และนิสิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 1-4 ที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 24 คน เข้าร่วมพิธี เปิดโครงการ “ห้องปฏิบัติการกฎหมาย” (Special Law Lab//YLPE : Young Lawyers-Police Engagement) ณ ห้องสารสิน อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โดยโครงการห้องปฏิบัติการกฎหมาย (Special Law Lab) ที่จัดขึ้นในห้วงวันที่ 16 – 25 ส.ค.66 นั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ร่วมกับคณะนิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ จัดโครงการฯ ดังกล่าวขึ้น เพื่อให้นิสิตได้เรียนรู้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงในพื้นที่จริง ตั้งแต่ต้นทางของกระบวนการยุติธรรม การตรวจค้น การจับกุม การสอบสวนปากคำ ฯลฯ ได้รับทราบ เรียนรู้ ทำความเข้าใจข้อกฎหมายนำไปสู่การปฏิบัติ โดยลงพื้นที่ร่วมกับตำรวจสืบสวน สอบสวน ป้องกันปราบปราม จราจร พื้นที่ สน.ห้วยขวาง ลุมพินี พญาไท พระโขนง และกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตลอดจนศึกษา ดูงาน ศูนย์ควบคุม สั่งการฯ CCOC กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, กองบัญชาการตำรวจนครบาล, สำนักงานนิติเวชวิทยา , สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.), ยุทธวิธีและการยิงปืนขั้นพื้นฐาน การรับแจ้งเหตุและการควบคุม สั่งการ อำนวยความสะดวกด้านการจราจร เป็นต้น

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กล่าวเปิดพิธีฯ และบรรยายพิเศษ โดยกล่าวว่า แต่เดิม โครงการห้องปฏิบัติการกฎหมาย (Special Law LAB) ที่ได้รับความร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง นิสิตที่เข้าร่วมโครงการให้ความสนใจเรียนรู้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี จึงได้มีการขยายผล สานต่อความร่วมมือกับ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  จึงถือเป็นอีกหนึ่งผลสำเร็จ ในความร่วมมือที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติภาคภูมิใจ และจะได้ขยายผลต่อยอดไปยังมหาวิทยาลัยอื่น ในจังหวัดขอนแก่น เชียงใหม่ (ห้วงเดือน ส.ค.- ก.ย.) และจังหวัดต่างๆ ต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยออนไลน์ คนร้ายออนไลน์โหดร้ายมาก หลอกซ้ำสอง ซ้ำเติมเหยื่อ

สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. / หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ พล.ต.ท.ธัชชัย  ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน เนื่องจากในช่วงนี้มีคนร้ายแอบอ้างทำเว็บไซต์รับแจ้งความออนไลน์ปลอม หลอกผู้เสียหายซ้ำซ้อน อันเป็นเหตุให้มีประชาชนได้รับความเสียหายเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก และยังมีคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์พัฒนาวิธีการหลอกรูปแบบใหม่โดยอ้างว่าโทรมาจากห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล จึงได้ร่วมกันแถลงข่าวให้ประชาชนทราบ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2566 เวลา 10.30 น. ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. กล่าวว่า สถิติการรับแจ้งความออนไลน์ วันที่ 20 สิงหาคม 2566  ถึง 26 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมานั้น รับแจ้งทั้งหมด 3,671 เคส  ความเสียหายกว่า 466 ล้านบาท โดยคดีที่มีอัตราเกิดมากที่สุด 5 อันดับแรก อันดับที่ 1 ก็ยังคงเป็น คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ อยู่ที่ 1,781 เคส ยอดความเสียหาย 21,243,102.05 บาท ตามมาด้วย คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ 378 เคส ยอดความเสียหาย 53,691,234.94 บาท คดีหลอกลวงให้ลงทุน ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ 342 เคส ยอดความเสียหาย 175,573,367.60 บาท คดีหลอกลวงให้กู้เงิน 304 เคส ยอดความเสียหาย 13,324,870.00 บาท คดีหลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ฯ 270 เคส ยอดความเสียหาย 44,105,474.53 บาท ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมานี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เริ่มได้รับแจ้งพฤติการณ์ใหม่ที่คนร้ายนำมาใช้ ในการหลอกลวงพี่น้องประชาชน อันได้แก่ คนร้ายปลอมเว็บไซต์รับแจ้งความออนไลน์แล้วหลอกเหยื่อให้โอนเงินเป็นการซ้ำเติมผู้เสียหายและพบมุขใหม่แก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างว่าโทรติดต่อมาจากห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล เพื่อเป็นการป้องกันและให้ประชาชนได้รับรู้เท่าทันกลโกงของคนร้าย จะให้ พล.ต.ต.ชูศักดิ์  ขนาดนิด ผบก.ตอท. เป็นผู้แถลงข่าวชี้แจงรายละเอียดในลำดับถัดไป
 
 พล.ต.ต.ชูศักดิ์  ขนาดนิด  ผบก.ตอท. กล่าวว่า  ในช่วงนี้มีเว็บไซต์รับแจ้งความออนไลน์ปลอม โดยคนร้ายโฆษณาผ่านเพจ facebook ปลอม เมื่อเหยื่อเข้าไปค้นหาหน่วยรับแจ้งความออนไลน์  เพจกลุ่มนี้จะซื้อโฆษณาจาก facebook ทำให้เพจขึ้นมาในระบบค้นหาจากเว็บ Search Engines ต่างๆ ทั้ง Google Bing safari เป็นต้น  เมื่อเหยื่อหลงเชื่อกดเข้าเว็บไซต์หรือเพจ facebook ก็จะคุยกับระบบ AI และให้เพิ่มเพื่อนไลน์คนร้าย จากนั้นส่งต่อให้คนร้ายที่อ้างตัวเป็นทนายความเพื่อหลอกถามข้อมูล แล้วจะอ้างว่า ได้ทำการตรวจสอบเส้นเงินแล้ว พบว่าเงินออกนอกประเทศไปแล้ว และคนร้ายใช้บัญชีม้า ทำให้ตามเงินกลับมาไม่ได้ แต่ว่าเงินยังฟอกไม่สำเร็จ และรู้ว่าเงินเข้าสู่แพลตฟอร์มไหน  จากนั้นส่งต่อให้คนร้ายที่อ้างตัวว่าเป็นทีม IT สามารถโจมตีแพลตฟอร์มนี้ เพื่อนำเงินคืนมาให้ได้  จากนั้นส่งต่อให้หัวหน้าของคนร้ายที่เป็นเจ้าหน้าที่ IT อ้างว่า ขณะนี้เงินของเหยื่อได้เข้าสู่แพลตฟอร์ม เว็บพนันออนไลน์ แต่จะช่วยโจมตีเว็บไซต์ดังกล่าวให้  โดยให้เหยื่อสมัครและเล่นในเว็บไซต์พนัน โดยอ้างว่า ไม่ได้พามาเล่นการพนันแต่เป็นการพามากู้เงินคืนจากเว็บไซต์ โดยจะทำการโจมตีให้เหยื่อ แต่มีข้อแม้ต้องใช้เงินตัวเองยิ่งเติมเยอะยิ่งได้คืนมาก และเร็ว และ ทำได้แต่บางช่วงเวลาของวันเท่านั้น ไม่งั้นเซิร์ฟเวอร์จะตรวจพบ และ ขอหักเงิน 10% เพื่อเป็นค่าทนาย จากรายได้ที่ได้จากการโจมตี  เหยื่อหลงเชื่อเพราะคิดว่าจะได้เงินคืน  สุดท้ายเสียเงินเพิ่ม

ข้อแนะนำ
1. ไม่มีหน่วยงานราชการหน่วยงานใดให้ประชาชนโอนเงินเพื่อเล่นเว็บพนันออนไลน์หรือโอนเงินให้ทำอะไรก็ตาม
เพื่อให้ได้เงินคืน
2. หากต้องการแจ้งความออนไลน์ให้แจ้งความผ่านระบบ www.thaipoliceonline.com  หรือแจ้งความสถานี
ตำรวจท้องที่ได้ทั่วประเทศ  
3. หากมีข้อสงสัยต้องการสอบถามหรือขอคำปรึกษาได้ที่สายด่วน 1441 หรือ 191
 
พล.ต.ต.ชูศักดิ์ฯ  กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงนี้มีคนร้ายแก็งคอลเซ็นเตอร์ใช้เบอร์มือถือซิมม้าโทรหาเหยื่อ แจ้งว่ามีคนไข้ถูกส่งมาที่ห้องฉุกเฉิน และมีค่าใช้จ่ายต้องชำระสำหรับการผ่าตัดด่วน เหยื่อปฏิเสธว่าไม่รู้จักบุคคลที่ถูกส่งมาห้องฉุกเฉินดังกล่าว แต่ทางคนร้ายยังคงยืนยันว่าคนไข้คนดังกล่าวระบุชื่อเหยื่อเป็นเบอร์ติดต่อ หากคนไข้เป็นอะไรไปเหยื่อต้องรับผิดชอบ เหยื่อขอคุยสายกับนายแพทย์เจ้าของคนไข้ แต่คนร้ายไม่ยอมจึงได้วางสายไป เหยื่อพยายามโทรกลับไปติดต่อแต่โทรกลับไปไม่ได้ มีเสียงแจ้งว่าไม่สามารถติดต่อเลขหมายดังกล่าวได้ ภายหลังเหยื่อได้นำเบอร์มือถือดังกล่าวมาตรวจสอบกับ Application Whoscall พบว่าเป็นเบอร์ที่ถูกรายงานไว้ว่าเป็นเบอร์คนร้าย

​จุดสังเกต
1. คนร้ายใช้ซิมม้าโทรตามแนวชายแดนที่มีสัญญาณผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อว่า
เป็นการโทรศัพท์จากโรงพยาบาลจริง
2. หมายเลขโทรศัพท์ที่คนร้ายโทรหา  ไม่สามารถโทรติดต่อกลับไปได้
 
วิธีป้องกัน
1. ให้สังเกตความผิดปกติของปลายสาย  เช่น  ถามชื่อ-นามสกุล จริง การใช้ข้อความอัตโนมัติ  การโอนสายให้เจ้าหน้าที่  หากมีการ VIDEO CALL ให้สังเกตความผิดปกติของเสียงและท่าทาง (คนร้ายใช้โปรแกรมปลอมใบหน้า)
​2. หากคนร้ายอ้างเหตุต่างๆ  หรือข่มขู่ให้โอนเงิน  ให้โทรศัพท์ตรวจสอบหรือโทรสายด่วนหน่วยงานที่มีการแอบอ้าง ก่อนดำเนินการใดๆ
​3. หากมีหมายเลขโทรศัพท์ ที่ไม่ได้บันทึกไว้ในเครื่องโทรหา ไม่ควรรับสายในทันที  และให้ตรวจสอบผ่าน
แอปพลิเคชัน Whoscall ว่าเป็นเบอร์คนร้ายหรือเป็นเบอร์ที่ถูกรายงานไว้หรือไม่

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน จึงขอแจ้งเตือนให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบว่าปัจจุบันคนร้ายยังคงใช้วิธีการหลอกโดยอาศัยกลโกงเดิมๆ แต่ได้พัฒนาวิธีการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ ดังนั้นเพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่ สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้ผ่านทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com Facebook https://www.facebook.com/เตือนภัยออนไลน์ หมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 หรือโทรศัพท์สายด่วน 1441 กรณีถูกคนร้ายหลอกลวงแจ้งความตำรวจผ่านระบบ www.thaipoliceonline.com  

‘บิ๊กเด่น’ เผยแต่งตั้ง ‘ผบ.ตร.’ คนใหม่ กลาง ก.ย.นี้ คาด!! ทำได้ตามกรอบเวลา ไม่ต้องตั้ง รักษาการผบ.ตร.

(5 ก.ย.66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการนัดประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) คาดว่าน่าจะรอให้คณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณตน และแถลงนโยบายก่อน ซึ่งน่าจะอยู่ประมาณกลางเดือนอาจจะมีการนัดหมายการประชุมอีกครั้งหนึ่ง ส่วนการประชุมกลั่นกรองการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจจะต้องรอให้มีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ก่อน จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับทางนายกรัฐมนตรี ขอรอให้ใกล้ ๆ เวลาอีกสักนิด

ส่วนกรณีที่ได้ให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.ทั้ง 4 คน จัดทำผลการปฏิบัติงานที่เห็นว่ามีความสำคัญ และเกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า จริง ๆ แล้วเป็นการส่งผลงาน เพราะตามกฎหมายพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ บอกว่าให้ทางนายกรัฐมนตรีใช้ดุลยพินิจในการคัดเลือกพิจารณาจากรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือจเรตำรวจแห่งชาติซึ่งเทียบเท่ารองผบ.ตร. โดยจะต้องคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบการโดยเฉพาะประสบการณ์ด้านการสืบสวนและป้องกันปราบปรามซึ่งจะต้องพิจารณาในหลากหลายมิติ

ส่วนกรอบระยะเวลาจะทันตามกำหนดหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งนี้จะต้องดูรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ถามต่อว่าจะถึงขั้นต้องแต่งตั้งรักษาการผบ.ตร. ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าไม่ต้อง เพราะคาดว่าคงทำทันแน่นอน หลังมีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนและแถลงนโยบายแล้ว ส่วนการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจประจำปี 2566 จะต้องรอการพิจารณาร่วมกันกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวยืนยัน ป.ป.ง. ยึดทรัพย์บัญชีม้าแน่!!!  

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566 เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.  พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมกันแถลงความคืบหนี้คดีฆ่ายกครัว 3 ศพ และร่วมพิธีจับรางวัลผู้โชคดีจากการทำแบบทดสอบวัคซีนไซเบอร์ สำหรับประชาชน จำนวน 40 ข้อ ชิงรางวัล iPhone 14 ประจำเดือน สิงหาคม 2566 จำนวน 20 รางวัล ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า จากคดี  นายสาณิช ดอกไม้ คลุ้มคลั่งใช้อาวุธมีดปาดคอฆ่าภรรยา และบุตร 2 คน อายุ 13 ปี และ 11 ปี รวม 3 ศพ แล้ว นายสาณิชฯ  ปาดคอตัวเองหวังตายตาม เหตุเกิดในเขตพื้นที่ สภ.บางแก้ว จว.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2566 สาเหตุเกิดจากความเครียดในเรื่องหนี้สินค้ำประกันการซื้อรถให้เพื่อนบ้านเป็นเงิน 8 แสนบาท กรมบังคับคดีจะยึดบ้าน และเครียดที่ภรรยากู้เงินผ่านแอปพลิเคชันจนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินไปกว่า 1.7 ล้านบาท  เรื่องนี้เป็นเหตุสลดใจและสะเทือนความรู้สึกของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก คดีนี้ได้ออกหมายจับนายสาณิชฯ ผู้ก่อเหตุคดีฆ่ายกครัวแล้ว และได้สั่งการให้  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  หักพาล รอง ผบ.ตร.  เร่งคลี่คลายคดี  จนสามารถออกหมายจับไปแล้วทั้งสิ้น 22 หมายจับ และได้มีการจับกุม อายัดตัว และมารายงานตัว จำนวน 10 ราย มีรายละเอียด ดังนี้
1. จับกุมได้แล้วทั้งสิ้น 8 ราย ดังนี้

1.1 น.ส.สุชาดา ชาบุตรศรี ตามหมายจับที่ 620/2566 เมื่อวันที่ 29 ส.ค.66 จับกุมได้ที่ จุดผ่านแดนบ้าน
คลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว
1.2 นายวัชรพงษ์ ครูศรี ตามหมายจับที่ 621/2566 เมื่อวันที่ 30 ส.ค.66 จับกุมได้ที่ หมู่ 3 ต.เมืองไผ่
อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว
1.3 นายชัยยา ก้านศรี ตามหมายจับที่ 622/2566 เมื่อวันที่ 30 ส.ค.66 จับกุมได้ที่ หมู่ 1 ต.ห้วยโจด
อ.วัฒนานคร จว.สระแก้ว
1.4 น.ส.ณัฐณิชา ดีโสภา ตามหมายจับที่ 632/2566 เมื่อวันที่ 30 ส.ค.66 จับกุมได้ที่ จุดผ่านแดนบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว
1.5 นายอนิรุต ปงก๋า ตามหมายจับที่ 634/2566 เมื่อวันที่ 31 ส.ค.66 จับกุมได้ที่ คอนโดคอมพลีท แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา
1.6 นายจำลอง นอใหม่ ตามหมายจับที่ 619/2566 เมื่อวันที่ 2 ก.ย.66 จับกุมได้ที่ บ้านเลขที่ 61 ม.2
ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา
1.7 นายดานิล อัลดูเนนคอฟ หรือ MR.DANIIL ALDUNENKOV ตามหมายจับที่ 647/2566 เมื่อวันที่ 3 ก.ย.66 จับกุมได้ที่ โรงแรมพาโนรามา ม.6 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
1.8 นายโรมัน บริค หรือ MR.ROMAN BRIK ตามหมายจับที่ 644/2566 เมื่อวันที่ 3 ก.ย.66  จับกุมได้ที่ หน้าโรงแรมพรีเมียร์โฮสเทล   ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

2. อายัดตัว มีดังนี้
- LONG SOTHY หรือ ลอง โซธีร์ ตามหมายจับที่ 643/2566 เมื่อวันที่ 30 ส.ค.66 อายัดตัวที่ สภ.คลองลึก

3. มารายงานตัว ดังนี้
- นายพีรดนย์ วิริยาธรณ์ภักดี ตามหมายจับที่ 640/2566 เมื่อวันที่ 1 ก.ย.66 มารายงานตัว ที่ สภ.บางแก้ว เนื่องจากถูกอายัดบัญชี

ขณะนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ  ได้รายงานว่าได้ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ และได้เดินทางไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อขอความร่วมมือนายตำรวจระดับสูงและ ผบ.ตร. ของประเทศกัมพูชา ในการปราบปราม “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ชาวจีน ที่ใช้ประเทศกัมพูชา เป็นฐานหลอกลวงคนไทย ความคืบหน้าจะได้เรียนให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบต่อไป  จึงขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าคนร้ายที่กระทำผิดคิดหลอกลวงเอาเงินจากพี่น้องประชาชน  จะต้องถูกดำเนินคดีและถูกลงโทษทุกราย  โดยเฉพาะพวกบัญชีม้าที่พนักงานสอบสวนตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้ว พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด เช่น ใช้รับโอนเงินจากผู้กระทำผิดหลายราย หรือหลายๆ ครั้ง    ถือว่า สนับสนุนการฉ้อโกงประชาชน  หรือ ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ   อันเป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒   เจ้าหน้าที่จะสามารถติดตามยึดทรัพย์สินจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดได้ ทั้งนี้หากพบว่าเจ้าของบัญชีม้าได้ดำเนินการ  โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้นหรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น    หรือกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงของการได้มา   จะถือว่า เป็นผู้กระทำผิดฐานฟอกเงิน ต้องรับโทษทางอาญาเช่นเดียวกับผู้กระทำผิดมูลฐาน   เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการทางแพ่ง โดยการยึด อายัด เงิน หรือ ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายฟอกเงินดังกล่าวข้างต้น

นอกจากการปราบปรามแล้ว  สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนได้ทำแบบทดสอบวัคซีนไซเบอร์สำหรับประชาชน จำนวน 40 ข้อ ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.2566 จนถึง วันที่ 30 กันยายน 2566 หากทำแบบทดสอบครบ 40 ข้อแล้ว  จะได้รับ Whoscall Premium Gift Code ฟรี ซึ่งสามารถใช้บริการ Whoscall Premium Feature ได้ฟรี เป็นระยะเวลา 1 ปี หากทำแบบทดสอบได้คะแนนตั้งแต่ 35 ข้อ  ขึ้นไป จะมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัล iPhone 14 เดือนละ 20 รางวัล เป็นเวลา 3 เดือน รวม 60 รางวัล โดยประชาชนสามารถทำแบบทดสอบได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง  แต่จะได้รับสิทธิ Whoscall Premium และสิทธิลุ้น iPhone 14 เพียง 1 สิทธิ และได้จับรางวัลผู้โชคดีประจำเดือน กรกฎาคม 2566 จำนวน 20 รางวัล ไปแล้วนั้น  

ในห้วงวันที่ 1– 31 ส.ค.2566  มีประชาชนเข้ามาทำแบบทดสอบวัคซีนไซเบอร์ สำหรับประชาชน จำนวน 40 ข้อ  และได้รับสิทธิ Whoscall Premium Gift Code ฟรี ซึ่งสามารถใช้บริการฟีเจอร์เสริมต่างๆ จาก Whoscall Premium ได้ฟรีเป็นระยะเวลา 1 ปี จำนวน 280,406 คน  ในจำนวนนี้มีประชาชน ทำแบบทดสอบได้คะแนนตั้งแต่ 35 ข้อ  ขึ้นไป และได้รับสิทธิ์ลุ้นรับรางวัล iPhone 14 จำนวน 238,974 คน สำหรับวันนี้เป็นการจับรางวัลหาผู้โชคดี ครั้งที่ 2 จำนวน 20 รางวัล ซึ่งจะได้รับรางวัล iPhone 14 จำนวน  20 รางวัลๆ ละ 1 เครื่อง โดยได้รับเกียรติจาก คุณเพ็ชรทาย  วงษ์คำเหลา หรือหม่ำจ๊กมก  ดาราตลกชื่อดังมาร่วมเป็นเกียรติและสักขีพยานในการจับรางวัลครั้งนี้ด้วย  

สำหรับวิธีการจับรางวัลผู้โชคดี จำนวน 20 ท่าน ใช้วิธีกดสุ่มเลือกผู้โชคดีทีละรางวัลจากรายชื่อทั้งหมด โดยข้าราชการตำรวจหรือข้าราชการอื่นที่เข้าไปทำแบบทดสอบ สำหรับประชาชน จำนวน 40 ข้อนี้  ทุกคนมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลทั้งหมดเช่นเดิม  และวันนี้ผู้ที่โชคดีได้รับรางวัล iPhone 14  จำนวน 20 รางวัลๆ ละ 1 เครื่อง ได้แก่
1. P004426 นาย อัศวิน วงศ์พรม จว.แม่ฮ่องสอน
2. P023909 นาง ดาวรรณ์ พวกไธสง จว.สระแก้ว
3. P101234 นาง นุชรา โคตรวิชัย จว.สกลนคร
4. P091626 น.ส. สิริมาสย์ ปั้นริ้ว จว.กรุงเทพมหานคร
5. P095299 น.ส. สุภาภรณ์ คำสวัสดิ์ จว.สกลนคร
6. P066610 น.ส. เพชรัตน์ คำสียา จว.อุดรธานี
7. P027079 น.ส. ปภาณัช ขันอาสา จว.ฉะเชิงเทรา
8. P169706 นาง นัยนา ปาวรีย์ จว.ชัยนาท
9. P048933 นาง พังงา ศรีภา จว.หนองบัวลำภู
10. P070254 ว่าที่ ร.ต.อดิศร เชื้อบุญมี จว.เพชรบูรณ์
11. P021593 นาย วินัย ศรีละคร จว.ฉะเชิงเทรา
12. P111908 นาย ณัฐพล เพชรทองคำ จว.ลพบุรี
13. P132057 ด.ญ.ชลิดา คุณวงศ์ จว.มุกดาหาร
14. P045227 น.ส.วรรณพร ไขประภาย จว.สกลนคร
15. P048499 ด.ต.อำนาจ อุไร จว.เลย
16. P199467 น.ส.ธนรรชน เส็นสด จว.จันทบุรี
17. P229451 นาง สมวลี เขียวมณี จว.สมุทรสาคร
18. P023574 น.ส.ยุภาพร ผ่องใส จว.ปทุมธานี
19. P097995 นาวาโทหญิง ขนิษฐา โมฬี จว.พังงา
20. P062354 น.ส.ทรรศน์วรรณ รุ่งกลิ่น จว.กำแพงเพชร

​วันนี้ได้จับรางวัลหาผู้โชคดีรับ iPhone 14 ครั้งที่ 2 จำนวน 20 ท่าน  ครบถ้วนแล้ว  และสำหรับเดือนสิงหาคม 2566  มีผู้ที่ได้รับรางวัลในการแนะนำให้ประชาชนทำแบบทดสอบมากที่สุด จำนวน 2 รางวัล ได้แก่
1. พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รอง ผบก.อก.ภ.6 แนะนำ จำนวน 3,612 ราย
2. นาย เชาว์ชัยพัฒน์ ฉวีนิรมล แนะนำ จำนวน 599 ราย
สำหรับผู้ที่ทำแบบทดสอบไปแล้ว  แต่ไม่ได้รับรางวัลประจำเดือน สิงหาคม 2566  ยังมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลประจำเดือน กันยายน 2566 ซึ่งเป็นเดือนสุดท้าย โดยไม่ต้องทำแบบทดสอบใหม่ ส่วนผู้แนะนำที่จะได้รับรางวัล ต้องเริ่มนับใหม่ในเดือนถัดไป และต้องไม่ซ้ำคนเดิม ส่วนแบบทดสอบยังใช้แบบทดสอบเดิมบนระบบเดิม จึงขอฝากให้พี่น้องสื่อมวลชนได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้โชคดีได้รับทราบทั่วกัน สำหรับผู้โชคดีสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ช่องทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com  ในการรับรางวัล  จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อไปยังผู้ที่โชคดี  จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับมอบหมายจะนำส่งรางวัลถึงบ้านหรือที่อยู่ของผู้โชคดีกับมือท่านเอง  

การจับรางวัลหาผู้โชคดีได้รับรางวัล iPhone 14 ประจำเดือน กันยายน 2566  ซึ่งเป็นเดือนสุดท้าย จำนวน 20 รางวัล จะมีขึ้นในวันที่เท่าใด  ขอให้ติดตามรายละเอียดได้ในช่องทาง  www.เตือนภัยออนไลน์.com  จึงขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนได้เข้าทำแบบทดสอบเพื่อจะได้มีภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์และได้ลุ้นรางวัล iPhone 14 ได้ใน 3 ช่องทาง ดังนี้ 1) สแกนคิวอาร์โค้ด 2) เข้าเว็ปไซต์ไซเบอร์วัคซีน และ ๓) ทำแบบทดสอบเมื่อครูไซเบอร์ไปให้ความรู้ในพื้นที่ โดยเป็นการเข้าทำแบบทดสอบผ่าน Google Form สำหรับทำแบบทดสอบ  ( หากไม่ชิงรางวัล สามารถทำแบบทดสอบได้เลย ) และจะสามารถดูเฉลยได้เมื่อทำข้อสอบเสร็จ กด "ดูคะแนน"

กรณีต้องการรับสิทธิเพื่อชิงรางวัลต้องดำเนินการ ดังนี้
1. กดลิงก์ "เข้าเว็บไซต์ไซเบอร์วัคซีน" จาก Google form  หรือ เข้าผ่านเว็บไซต์  www.เตือนภัยออนไลน์.com  
และสมัครใช้งานและเข้าสู่ระบบไซเบอร์วัคซีนผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว (เข้าสู่ระบบผ่านไลน์)
2. ทำการยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน  หรือแอปพลิเคชัน THaID
3. หน้าแรกของระบบไซเบอร์วัคซีน จะมีปุ่ม "ทดสอบ 40 คำถามสำหรับประชาชน"  ให้กดเพื่อทำแบบทดสอบ
4. เลือกยืนยันความสมัครใจรับการทดสอบ และ กรอกอีเมล  กรณีต้องการทราบผลคะแนนทางอีเมล
นายเพ็ชรทายหรือหม่ำ จ๊กมก  กล่าวแสดงความยินดีกับผู้โชคดีได้รับ iPhone 14 และเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ที่ได้รับรางวัลในการแนะนำให้ประชาชนทำแบบทดสอบในครั้งนี้ด้วย   และได้เห็นถึงความตั้งใจของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ผบ.ตร.  ที่ต้องการให้ประชาชนได้รู้เท่าทันภัยออนไลน์  โดยการประชาสัมพันธ์ให้มีการทำแบบทดสอบจำนวน 40 ข้อ  เพื่อจะได้มีภูมิคุ้มกันภัยออนไลน์ รู้สึกดีใจและมีความอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ส่วนตัวได้ทำแบบทดสอบทั้ง 40 ข้อแล้ว ยอมรับว่ามีความรู้เกี่ยวกับภัยออนไลน์เพิ่มมากขึ้น  รับรองไม่มีทางตกเป็นเหยื่อของแก็งคนร้ายอย่างแน่นอน  สำหรับการทำแบบทดสอบครั้งนี้ได้คะแนนมากกว่า 35 ข้อเช่นกัน  และจะรอลุ้นการจับสลากรางวัล iPhone 14  อีก 20 รางวัลในเดือนสุดท้าย  จึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้รีบเข้ามาทำแบบทดสอบกัน  จะได้มีความรู้และมีโชครับ iPhone 14  ไปใช้งานฟรีๆ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ผบ.ตร. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันยังมีประชาชนตกเป็นเหยื่อของคนร้ายอยู่  ดังนั้น เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รู้เท่าทันภัยออนไลน์อย่างต่อเนื่อง จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ทำแบบทดสอบ วัคซีนไซเบอร์ จำนวน 40 ข้อ และขอให้แชร์แบบทดสอบไปให้กับญาติหรือผู้เป็นที่รักเพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ทำแบบทดสอบมีความรู้เท่าทันกลโกงของคนร้ายบนโลกออนไลน์   และไม่ตกเป็นเหยื่อ      
ทั้งนี้  สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้ผ่านทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com    Facebook https://www.facebook.com/เตือนภัยออนไลน์  หมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 หรือโทรศัพท์สายด่วน 1441 กรณีถูกคนร้ายหลอกลวงแจ้งความตำรวจผ่านระบบ www.thaipoliceonline.com ( QR CODE ข้อสอบ 40 ข้อ สำหรับประชาชน)

นายกฯ กำชับ ผบ.ตร.คลี่คลายคดี ผกก.2 ทางหลวง เสียชีวิตในบ้านพัก ทำคดีตรงไปตรงมา เป็นธรรม ผลการสอบสวนเบื้องต้นไทม์ไลน์ที่เกิดเหตุ พยานที่เกี่ยวข้อง สอดคล้องผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ พบเขม่าดินปืนที่มือผู้ตาย น่าเชื่อว่า ใช้อาวุธปืนยิงตัวตาย

วันนี้ (12 ก.ย.66) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  กล่าวว่า “จากกรณี พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. เสียชีวิต ภายในบ้านพักตนเองพื้นที่ย่านคูคต จ.ปทุมธานีนั้น หลังเกิดเหตุ  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเสียใจ ต่อการสูญเสียของข้าราชการตำรวจในเหตุการณ์นี้ ซึ่ง ผบ.ตร. เองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน  นายกรัฐมนตรีได้สั่งการ กำกับดูแล ทำข้อเท็จจริงให้ปรากฎ ถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรมที่สุด  เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับคดีที่เกิดขึ้น แล้วรายงานผลให้ทราบ

ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ควบคุมการสืบสวนสอบสวนด้วยตนเอง เน้นการนำหลักนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ในการทำงาน ทำคดีตรงไปตรงมา ให้ปรากฎข้อเท็จจริง ตามข้อห่วงใยของนายกรัฐมนตรี 

ผบช.ภ.1 ได้รายงานผลคดี ให้ทราบในเบื้องต้น มีผลการตรวจที่เกิดเหตุ การสอบสวนปากคำพยาน การตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ภาพจากกล้องวงจรปิด และ ผลการชันสูตรพลิกศพ โดยมีไทม์ไลน์ที่เกี่ยวข้องทางคดีมีดังนี้ 

ก่อนเกิดเหตุวันที่ 10 ก.ย.66 เวลาประมาณ 18.00 น. พ.ต.อ.วชิราฯ ได้ร่วมรับประทานอาหารกับเพื่อนที่ร้านแห่งหนึ่ง ย่านเมืองทองธานี ก่อนที่เวลาประมาณ 22.00 น. จะขอตัวกลับไปพักที่โรงแรมไอบริส จากการสอบปากคำเพื่อนที่ร่วมรับประทานอาหาร  ในระหว่างที่รับประทานอาหาร พ.ต.อ.วชิราฯ ได้พูดคุยถึงความเครียดในสิ่งที่เกิดขึ้น บ่นตลอดเวลา เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับรุ่นน้องสารวัตรตำรวจทางหลวงที่เสียชีวิต และไม่ค่อยทานข้าว 

ต่อมาเวลาประมาณ 04.23 น.ของวันที่ 11 ก.ย.66 ภาพวงจรปิด พบ พ.ต.อ.วชิราฯ เดินออกจากโรงแรม แล้วเดินไปตามถนนป๊อปปูล่า ซอย 2 แล้วขึ้นรถแท็กซี่ โตโยต้า สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทฬ 806 กทม  จากการสอบปากคำ นายสุจิต ผู้ขับรถแท็กซี่ ให้การว่าไปรับ พ.ต.อ.วชิราฯ จากจุดดังกล่าว มาส่งที่หมู่บ้านกรีนพาร์ค อ.คูคต จ.ปทุมธานี โดยส่งถึงบ้าน เวลาประมาณ 04.50 น. ระหว่างเดินทางไม่ได้คุยอะไรนอกจากบอกเส้นทาง  

เมื่อ พ.ต.อ.วชิราฯ เดินทางมาถึงบ้าน ได้ทำการปีนรั้วบ้านเข้าไปยังบ้านของตนเอง เนื่องจากไม่มีกุญแจรั้วบ้าน จากการสอบปากคำตำรวจซึ่งเป็นพลขับของ พ.ต.อ.วชิราฯ ทราบว่า กุญแจรั้วบ้าน เป็นกุญแจรีโมท ซึ่งอยู่ภายในรถประจำตำแหน่งของ พ.ต.อ.วชิราฯ ซึ่งไม่ได้อยู่ในขณะนั้น  พ.ต.อ.วชิราฯ จึงได้ปีนรั้วเข้าไปภายในบ้าน และกดรหัสประตูดิจิทัล เข้าไปในบ้าน เวลา 04.51 น.

ต่อเวลาเวลาประมาณ 04.55 น. หลังจากที่ พ.ต.อ.วชิราฯ เข้าบ้านไปประมาณ 5 นาที มีภาพและเสียงจากกล้องวงจรปิดของเพื่อนบ้านข้างเคียง มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด คาดว่าเป็นช่วงที่ พ.ต.อ.วชิราฯ ใช้อาวุธปืนยิงตัวตาย  ซึ่งตรงกับผลการชันสูตรของแพทย์ที่ระบุว่า ผู้ตายเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8-12 ชม.

ผลการตรวจที่เกิดเหตุของกองพิสูจน์หลักฐาน พบผู้ตายนอนเสียชีวิตอยู่ห้องนั่งเล่นชั้นล่าง พบ อาวุธปืน ที่ตกในที่เกิดเหตุ เป็นอาวุธปืน กึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อกล็อก หมายเลขทะเบียน นฐ.03/4500091 ตรวจสอบแล้ว ผู้ครอบครอง คือ พ.ต.อ.วชิราฯ ผู้เสียชีวิต  

การตรวจสอบร่อวรอยบ้านที่เกิดเหตุ จากผลการตรวจของ พฐ. และจากการสอบปากคำของ พยานตำรวจที่พบศพ  4 คนแรก ให้การสอดคล้องกันว่า ไม่มีร่องรอยการงัดแงะทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน โดยพยานที่มาพบคนแรก ซึ่งเป็นตำรวจเพื่อนสนิทผู้ตาย สามารถเข้าไปยังภายในบ้านได้ เนื่องจากได้โทรสอบถามรหัสกับ ภรรยา ของพ.ต.อ.วชิราฯ เมื่อกดรหัสผ่าน เข้าไปภายในบ้าน พบร่างของ พ.ต.อ.วชิราฯ บริเวณห้องนั่งเล่น หน้าโทรทัศน์ รอยเลือดท่วมตัว จึงได้ออกจากบ้าน และโทรศัพท์แจ้งเหตุ ต่อ ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 แจ้งพนักงานสอบสวนทราบ

ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิด เส้นทางการเดินทางของ พ.ต.อ.วชิราฯ จากที่โรงแรมบริเวณ เมืองทองธานี มาถึงหมู่บ้านที่เกิดเหตุ ไม่มีใครติดตามพ.ต.อ.วชิราฯ มา และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด หน้าบ้านที่เกิดเหตุ หลังจาก พ.ต.อ.วชิราฯ เข้าบ้านไปแล้ว ไม่มีผู้ใดเข้ามาในบ้านอีก จนกระทั่งพยานเพื่อนสนิทมาถึงบ้านพัก

ผลการชันสูตรพลิกศพของแพทย์นิติเวช รพ.ภูมิพล ทำการผ่าพิสูจน์พบรอยกระสุนเข้าทางศีรษะ ด้านขวา ทะลุ ศีรษะด้านซ้าย แนวเฉียงขึ้น บริเวณรอบๆศพ พบรอยเลือดเป็นแนว
ผลการตรวจเขม่าดินปืน โดยใช้เครื่องมือ AAS (Atomic absorption spectroscopy ) ซึ่งเป็นเครื่องมือวิทยาศาสตร์ขั้นสูง มีผลแม่นยำ เป็นที่ยอมรับสากล พบเขม่าดินปืนที่มือซ้ายและขวา จึงจำลองสถานการณ์ได้ว่า ท่ายิงก่อนเสียชีวิต พ.ต.อ.วชิรา น่าจะนั่งชันเข่า จากนั้นถืออาวุธปืนด้วยมือขวาแล้วจ่อที่ขมับข้างขวา โดยใช้มือซ้ายปะคอง เมื่อยิงเสร็จ ทำให้ตัวผู้ตายหงายหลังกระสุนทะลุและตกอยู่ที่ด้านซ้ายของผู้ตาย (พบหัวกระสุนในเครื่องโรบอททำความสะอาดสถานที่เกิดเหตุ) พบเศษเนื้อสมองกระเด็นติดที่ผนังบ้านฝั่งซ้าย ขณะชันสูตรสภาพศพแข็งตัวตั้วตั้งแต่ช่วงลำตัวจนสุดด้านล่าง แพทย์สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วระหว่าง 8-12 ชม.

โฆษก ตร.กล่าวอีกว่า “จากผลดังกล่าวข้างต้น ทั้งการตรวจพิสูจน์ที่เกิดเหตุ พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ผลการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด และผลการตรวจชันสูตรพลิกศพ สอดคล้องตรงกัน น่าเชื่อได้ว่า พ.ต.อ.วชิราฯ ใช้อาวุธปืนยิงตัวตาย ส่วนประเด็นสาเหตุคงต้องรอผลการสอบสวนปากคำพยานเพิ่มเติม  ซึ่งทาง ภ.จว.ปทุมธานี ได้มีคำสั่งที่ 242/2566 ลง 11 ก.ย.66 เรื่องแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมี พ.ต.อ.พีรพล โชติกเสถียร รอง ผบก.เป็นหัวหน้า เพื่อทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานคลี่คลายคดีนี้แล้ว ขอให้พี่น้องประชาชนมีความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ” 

กสทช. ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดนแม่สอด

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 66 เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฎหมายและประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ, พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานด้านป้องกันและปราบปราม, พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช. สอท., นายสุธีระ พึ่งธรรม ผอ.สำนักกิจการภูมิภาค, นายจาตุรนต์ โชคสวัสดิ์ ผอ.สำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม, นายภาณุพงษ์ ชัยศรีทิพย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช. เขต 31, พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ สำนักงาน กสทช. และ สอท. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมสถานีวิทยุคมนาคมและเสาสัญญาณผิดกฎหมายตามแนวชายแดน อ.แม่สอด จว.ตาก ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามีการลักลอบส่งสัญญาณโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาอาชญากรรมด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเว็บพนันออนไลน์ ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยในปัจจุบัน

ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ร่วมมือกับ สำนักงาน กสทช. ในการเดินหน้าปราบปรามสถานีโทรคมนาคมผิดกฎหมาย และจัดระเบียบเสาสัญญาณตลอดแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ตั้งแต่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด, อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อสกัดไม่ให้มีการเผยแพร่สัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาได้มีการกวาดล้างจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการย้ายฐานปฎิบัติการเข้าสู่พื้นที่ใหม่ๆ ที่ยังสามารถอาศัยสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตจากฝั่งไทยได้ และปลอดภัยจากการกวาดล้างจับกุม โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนด้าน อ.แม่สอด จว.ตาก ที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจและบางส่วนอยู่ภายใต้อิทธิพลของชนกลุ่มน้อย ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการร่วมตำรวจและ กสทช. ได้มีการลงพื้นที่หาข่าวจนนำมาสู่การปฎิบัติการในครั้งนี้ โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

​กรณีที่ 1 เข้าจับกุมสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต และหันทิศทางสายอากาศไปยังประเทศเพื่อนบ้านในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก จำนวน ๒ สถานี และในพื้นที่ อ.แม่สาย และ อ.เชียงของ จ.เชียงราย จำนวน 4 สถานี เป็นความผิดฐาน “มีและใช้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมและตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต” ตามมาตรา 6 และ 11 แห่ง พรบ.วิทยุคมนาคมฯ มีโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือจำคุกไม่เกินห้าปี หรือทั้งปรับทั้งจำ และความผิดฐาน “ประกอบกิจการโทรคมนาคมซึ่งต้องได้รับใบอนุญาตแบบที่หนึ่งโดยไม่ได้อนุญาต” ตามมาตรา 67 (1) แห่งพรบ.ว่าด้วยการประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ มีโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท พร้อมทั้งจับกุมผู้กระทำผิด จำนวน 3 ราย ในการนี้ ได้ทำการรื้อถอนสถานีวิทยุคมนาคมผิดกฏหมายดังกล่าวทั้งหมด และทำการยึดอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ใช้กระทำความผิดได้เป็นจำนวนมาก นำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  

​กรณีที่ 2 พบการตั้งสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ และหันทิศทางสายอากาศไปยังประเทศ เพื่อนบ้าน ฝั่ง อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งทำให้คลื่นสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ข้ามเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเหตุให้พื้นที่การให้บริการผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมเกินกว่าอาณาเขตพื้นที่ประเทศไทย และล่วงล้ำไปยังอาณาเขตประเทศข้างเคียง โดยตรวจสอบพบสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เข้าลักษณะดังกล่าวจำนวนหลายสถานี ในกรณีนี้ สำนักงาน กสทช. ได้ดำเนินการแจ้งให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมทั้งหมด เร่งแก้ไขปรับปรุงหรือปฏิบัติให้ถูกต้อง โดยให้ถอนการติดตั้งสายอากาศบางจุด หรือ ปรับทิศทางสายอากาศ หรือ ดำเนินการด้วยวิธีอื่นใด มิให้แพร่สัญญาณคลื่นความถี่ออกนอกเขตพื้นที่ประเทศไทย เพื่อให้พื้นที่การให้บริการ อยู่ภายในอาณาเขตพื้นที่ประเทศไทย ​นอกจากนี้ ตั้งแต่ พ.ค.66 - ปัจจุบัน ได้ตรวจพบการจำหน่ายซิมการ์ดโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ลงทะเบียนการใช้งานโดยใช้ชื่อบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ใช้งานที่แท้จริงเพื่อจำหน่ายให้กับบุคคลอื่น จำนวน 7,668 ซิมการ์ด จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 20 คน แบ่งเป็นคนไทย 12 คน และต่างชาติ 8 คน ดำเนินคดีตาม  พรก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

​สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กสทช. ได้มีการบูรณาการความร่วมมือในการเดินหน้าปราบปรามสถานีโทรคมนาคมผิดกฏหมาย ควบคู่ไปกับการจัดระเบียบเสาสัญณาณไม่ให้แพร่สัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน กวดขันจับกุมผู้ขายและผู้เป็นธุระจัดหา ซิมผี บัญชีม้า เพื่อตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์และพนันออนไลน์ไม่ให้ทำงานได้สะดวกเหมือนเคย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการผู้รับใบอนุญาตเป็นอย่างดี พร้อมทั้งมีการหารือในการปรับปรุงระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อตีกรอบการใช้เทคโนโลยีให้เป็นไปตามที่ภาครัฐกำหนด สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชน

​ทั้งนี้ได้ฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชน ให้มีความระมัดระวังการใช้การใช้งานเทคโนโลยี เพราะปัจจุบันแก๊งมิจฉาชีพมีการพัฒนารูปแบบการหลอกลวงอยู่ตลอดเวลา มีการออกอุบายใหม่ๆ ที่เน้นสร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้เหยื่อตกใจตื่นตระหนก ตกหลุมพรางของแก๊งมิจฉาชีพ ขอให้ประชาชนตั้งสติ อย่าตกใจ ไม่เชื่อ ไม่โอน ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ยังพบว่า แก๊งมิจฉาชีพได้มีการจ่ายเงินซื้อโฆษณา เพื่อให้ลิงค์หรือเว็บไซด์ปลอมมาแสดงอยู่ในลำดับต้นๆ หรือสามารถเข้าถึงผู้ใช้แพลตฟอร์มเป็นจำนวนมาก มีการปลอมยอดติดตามหรือยอดไลท์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้เมื่อประชาชนที่ถูกหลอกลวงออนไลน์ต้องการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ กดเข้าไปในลิงค์หรือเว็บไซต์ปลอม ถูกหลอกซ้ำซ้อนสร้างความเสียหายมากขึ้นไปอีก ดังนั้น หากเกิดข้อสงสัยหรือต้องการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน ขอให้สืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้

‘พล.ต.ท.ไตรรงค์’ ขยายผลหลังกวาดล้างเครือข่ายแก๊งพนันออนไลน์ พบตร.8 นาย ตั้งแต่ยศ ‘พล.ต.ต.-พ.ต.อ.’ เข้าไปเอี่ยว-รับผลประโยชน์

(25 ก.ย.66) ที่ บก.น.5 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี เปิดเผย กรณีที่ได้มีการระดมกำลังกวาดล้างเครือข่ายแก๊งพนันออนไลน์ ที่ได้เข้าค้นรวม 30 จุดใน 6 จังหวัดทั่วประเทศ ว่าการเข้าตรวจค้นครั้งนี้เป็นไปตามกระบวนการ

หลังการขยายผลเว็บพนันออนไลน์เบ็ตฟลิกซ์รอยัลดอทคอม และเว็บพนันอื่นๆ รวม 12 เว็บไซต์ของตำรวจ PCT สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จับกุมผู้ต้องหา 3 ราย เมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนขยายผลผู้ที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ จนออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 23 คน ในจำนวนนี้เป็นตำรวจ 8 นาย จากการพฤติการณ์พบว่าขบวนการนี้แบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน ออกเป็น 4 กลุ่มความผิด 

1.บริหารจัดการเว็บพนันออนไลน์ 
2.จัดหาบัญชีม้า
3.จัดการธุรกรรมการเงินและบัญชี และ 4.ผู้ได้รับผลประโยชน์จากบัญชีม้าดังกล่าว

โดยตำรวจได้มีการสืบสวนจากหลักฐานที่บ่งชี้ชัดเจนว่า 8 นายตำรวจบางนายมีพฤติการณ์ลักษณะเป็นผู้บริหารเว็บไซต์พนันออนไลน์หรือเสมือนเป็นเจ้าของ ส่วนบางนายก็มีผลประโยชน์เชื่อมโยงในแต่ละกลุ่ม บางคนก็มีหลายพฤติการณ์ โดยพบว่าได้กระทำผิดมานานกว่า 2 เดือนแล้ว แต่จะมีจำนวนเงินหมุนเวียนเชื่อมโยงกับตำรวจเท่าใดนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ยืนยันว่ามีตำรวจยศพลตำรวจตรีถึงพันตำรวจเอกเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง

ส่วนการเข้าตรวจค้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เป็นการตรวจค้นเพื่อจับกุมบุคคลตามหมายจับ หลังสืบสวนพบว่าบุคคลดังกล่าวพักอาศัยที่บ้านหลังนี้ โดยไม่ทราบว่าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวด้วย เพราะชื่อตามทะเบียนบ้านเป็นของบุคคลอื่นซึ่งเป็นพลเรือน ยืนยันไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินายดังกล่าว ซึ่งขณะนี้สามารถจับกุมได้ 15 คน และในจำนวนนี้เป็นตำรวจอย่างน้อย 1 คน และจะทยอยนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำที่ บก.น.5

ส่วนจะเชื่อมโยงกับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนดังกล่าวหรือไม่นั้น ณ ขณะนี้ยังไม่พบ แต่ก็ต้องมีการขยายผลตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะนอกเหนือจากหลักฐานที่นำมาใช้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาไปก่อนหน้านี้ ตำรวจยังมีพยานหลักฐานให้เชื่อได้ว่าบ้านหลังดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดด้วย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ เครือเจริญโภคภัณฑ์และบมจ.ซีพี ออลล์ เตือนภัยออนไลน์

วันที่ 26 กันยายน 2566 เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.สมพงษ์  ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.) พล.ต.ท.ธิติ  แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พล.ต.ต.ฐายุฏฐ์ จันทร์ถาวร รองผู้บัญชาการ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (รอง ผบช.สอท.) พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 (ผบก.น.5) และ พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 

(ผบก.ตอท.บช.สอท.) พร้อมด้วย ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหาร ยุทธศาสตร์ข้อมูลและการสื่อสาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ นายวรวิทย์ เจนธนากุล กรรมการบริหาร บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร นายวิชัย จันทร์จริยากุล  กรรมการผู้จัดการ (ร่วม) บมจ.ซีพี ออลล์ นายสุชาติ วัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีพี ออลล์ นายศุภชัย ศรีทับทิม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่น เดลิเวอรี่ ร่วมเปิดโครงการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้และป้องปรามภัยอาชญากรรมออนไลน์ ณ ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น (7-11) ชั้น 1 อาคารซีพี ทาวเวอร์ ถนนสีลม

พล.ต.อ.สมพงษ์  ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำระบบรับแจ้งความ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 เปิดดำเนินการรับแจ้งความออนไลน์และนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อหามาตรการในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  ได้จัดทีมวิทยากรของคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และครูไซเบอร์ทั้งครู ก. และครู ข. ออกบรรยายให้ความรู้ รวมทั้งได้มีการนำแบบทดสอบ วัคซีนไซเบอร์ จำนวน 40 ข้อ มาประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนได้ทำแบบทดสอบ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีภูมิคุ้มกันภัยออนไลน์ ขณะเดียวกันได้มีการขับเคลื่อนกิจกรรมโครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งในช่องทางออนไลน์ (Online) และออนไซต์ (Onsite) อีกทั้งได้ผนึกกำลังร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบและมีภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์ในหลายวิธี หลายช่องทาง  ถึงแม้การรับแจ้งความออนไลน์มีสถิติลดลง แต่ยังไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากยังมีประชาชนตกเป็นเหยื่อของคนร้ายอยู่ จึงต้องเร่งประชาสัมพันธ์ในช่องทางอื่นเพิ่มเติม และได้เล็งเห็นว่าร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น (7-11) มีการเปิดให้บริการอยู่ในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ มีผู้ใช้บริการในแต่ละวันจำนวนมาก 

จึงได้มีการประสานงานไปยัง บมจ.ซีพี ออลล์ เพื่อขอความอนุเคราะห์ติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์เตือนภัยออนไลน์บริเวณที่ประชาชนสามารถมองเห็นได้ง่าย  เป็นการเพิ่มช่องทางให้ประชาชนได้รู้เท่าทันภัยออนไลน์เพิ่มมากขึ้น และวันนี้ได้รับความร่วมมือจาก เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบมจ.ซีพี ออลล์ ให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้เป็นอย่างดียิ่ง เชื่อว่าการประสานความร่วมมือในครั้งนี้จะขยายการรับรู้ถึงข้อมูลและข่าวสารของประชาชนในกลุ่มต่างๆ ที่เข้ามาใช้บริการร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น (7-11) ทั่วประเทศเป็นอย่างดี  

พล.ต.อ.สมพงษ์  กล่าวเพิ่มเติมว่า “เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รู้เท่าทันภัยออนไลน์อย่างต่อเนื่อง จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ทำแบบทดสอบวัคซีนไซเบอร์ จำนวน 40 ข้อ โดยเริ่มทำแบบทดสอบได้ตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2566 จนถึง วันที่ 30 กันยายน 2566 หากทำแบบทดสอบครบ 40 ข้อแล้ว จะได้รับ Whoscall Premium Gift Code ฟรี ซึ่งสามารถใช้บริการ Whoscall Premium Feature ได้ฟรี เป็นระยะเวลา 1 ปี หากทำแบบทดสอบได้ถูกต้องตั้งแต่ 35 ข้อ ขึ้นไป จะมีสิทธิ์ลุ้นรางวัล iPhone 14 เดือนละ 20 รางวัล เป็นเวลา 3 เดือน รวม 60 รางวัล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จับรางวัลผู้โชคดีประจำเดือน กรกฎาคม และ สิงหาคม 2566 เดือนละ 20 รางวัล รวม 40 รางวัลไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับผู้โชคดีสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่ช่องทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com และขอให้พี่น้องประชาชนได้ช่วยกันประชาชนสัมพันธ์ ช่วยกันแชร์แบบทดสอบเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ทำแบบทดสอบและรู้เท่าทันกลโกงของคนร้ายบนโลกออนไลน์ และไม่ตกเป็นเหยื่อ รวมทั้งขอประชาสัมพันธ์ช่องทางการแจ้งความ แจ้งเบาะแส  และให้คำปรึกษา ได้ที่ www.thaipoliceonline.com หมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 หรือโทรผ่านสายด่วน 1441 สำหรับช่องทางประชาสัมพันธ์เตือนภัยออนไลน์ ประชาชนสามารถศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับภัยออนไลน์รูปแบบต่างๆ  ผ่านทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com และ Facebook https://www.facebook.com/เตือนภัยออนไลน์” (QR CODE ข้อสอบ 40 ข้อ สำหรับประชาชน)

ด้าน ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหาร ยุทธศาสตร์ข้อมูลและการสื่อสาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า เรื่องของอาชญากรรมทางไซเบอร์ นอกจากบทบาทของภาครัฐแล้ว ในส่วนของภาคเอกชนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างความตระหนักรู้ ซึ่งในตอนนี้การจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์เป็นที่นิยมมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดช่องให้มิจฉาชีพใช้รูปแบบใหม่ๆ มาหลอกลวงประชาชน ดังนั้นสิ่งที่ประชาชนสามารถทำได้เลยคือ การแบ่งเงินที่จะใช้จ่ายมาไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงป้องกันการถูกหลอกจากมิจฉาชีพ เพราะวงเงินที่ถูกหลอกไปจะเป็นวงเงินที่จำกัดอยู่ในกระเป๋าเงินดิจิทัลเท่านั้น นอกจากนี้้ในแง่ของเทคโนโลยีควรจะใช้เทคโนโลยีที่มีการยืนยันตัวตนในหลายขั้นตอน เช่น การให้สแกนใบหน้า การยืนยันตัวตนผ่าน OTP ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของอาชญากรรมทางไซเบอร์ได้ โดยการแก้ปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการรณรงค์ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ป้องกันภัยอาชญากรรมไซเบอร์ และขอขอบคุณทาง บมจ.ซีพี ออลล์ บริษัทในเครือซีพีที่ให้ความร่วมมือในครั้งนี้
 
นายวิชัย จันทร์จริยากุล กรรมการผู้จัดการ (ร่วม) บมจ.ซีพี ออลล์  ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่นเดลิเวอรี่ กล่าวว่า “เป็นที่ทราบกันว่า ในปัจจุบันปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ   อาชญากรรมทางไซเบอร์ เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวทุกคนมากขึ้น เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน  ส่งผลให้จำนวนของผู้ที่ถูกหลอกลวงและรับผลกระทบจากอาชญากรรมดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องช่วยกันป้องกันและชี้ให้เห็นอันตรายของภัยไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน และตระหนักถึงกลโกงของเหล่ามิจฉาชีพ

เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จึงได้ดำเนินโครงการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้และป้องปรามภัยอาชญากรรมออนไลน์ ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำสื่อโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ในเรื่องที่เกี่ยวกับพ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566  และ บัญชีม้า เผยแพร่ภายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น กว่า 14,000 สาขาทั่วประเทศ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการฯนี้จะช่วยประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนได้เข้าใจ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง และตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยออนไลน์ได้มากขึ้น”
 
ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเครือซีพี ได้ร่วมมือกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ ว่าด้วยการประชาสัมพันธ์สื่อสร้างภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  หรือ โครงการ “ผนึกกำลังร่วมใจ ต้านภัยไซเบอร์ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างเครือข่าย สร้างภูมิคุ้มกันแก่ประชาชนได้รู้เท่าทันกลโกงในรูปแบบต่างๆ ที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจในเครือ อาทิ บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (แม็คโคร และ โลตัส) สถานีข่าว TNN รวมถึงมีการส่ง SMS เตือนภัยผ่านเครือข่ายทรูมูฟ เอช ซึ่งมีผู้ใช้บริการรวม 37 ล้านเลขหมาย เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารการเตือนภัยออนไลน์ สอดคล้องกับค่านิยม 3 ประโยชน์ที่เครือฯ ยึดมั่นในการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน สร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อระดมความคิดเห็นจากข้าราชการตำรวจผู้มีประสบการณ์สูงด้านต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อระดมความคิดเห็นจากข้าราชการตำรวจที่มีประสบการณ์สูงด้านต่าง ๆ เพื่อนำมาปรับปรุงงานบริหารงานบุคคลขอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพิธีมอบประกาศเกียรติคุณแก่ข้าราชการตำรวจผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ และงานเลี้ยงรับรอง ประจำปีงบประมาณ 2566 ในระหว่างวันที่ 25-27 ก.ย.66 ณ โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ, 
โรงแรมอวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งในปีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีข้าราชการตำรวจที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์และจะพ้นจากราชการเนื่องจากเกษียณอายุราชการ รวมถึงข้าราชการตำรวจที่เข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล (Early Retire) ทั่วประเทศ ตั้งแต่ระดับชั้นยศ พ.ต.อ. หรือตำแหน่งเทียบเท่า จนถึงระดับชั้นยศ พล.ต.อ. ที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้น 396 นาย 

โดยแบ่งเป็นผู้ที่เกษียณอายุราชการ จำนวน 346 นาย และผู้ที่เข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล จำนวน 50 นาย โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะเกษียณอายุราชการ อาทิ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.ชินภัทร  สารสิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วิสนุ  ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.อ.สมพงษ์  ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น
 สำหรับการดำเนินงานโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อระดมความคิดเห็นข้าราชการตำรวจ
ที่มีประสบการณ์สูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมความคิดเห็นจากข้าราชการตำรวจผู้มีประสบการณ์สูงในงานด้านต่าง ๆ เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการปรับปรุงงานบริหารงานบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อไป โดยภายในงานสัมมนาได้มีการจัดแสดงนิทรรศการ และกิจกรรมต่างๆ อาทิ โรงพยาบาลตำรวจ จัดคณะแพทย์และพยาบาล เพื่อตรวจสุขภาพและคอยให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพเบื้องต้น, กองสวัสดิการตำรวจ จัดเจ้าหน้าที่ในการแนะนำเรื่องของสวัสดิการต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ยังจัดให้มีการสัมมนา อภิปรายเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์แก่ผู้เข้าร่วมการสัมมนาฯ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top