Friday, 3 May 2024
พลังประชารัฐ

เพิ่มพลังสตรีไทย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พปชร. ร่วมหารือเนื่องในวันสตรีสากล มุ่งสร้างพื้นที่-ขยายโอกาสสตรี-มอบสิทธิพื้นฐานเท่าเทียม

(8 มี.ค.66) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ  (พปชร.) กล่าวว่า พรรคพปชร. ได้ระดมความคิดเห็นของกลุ่มสตรีพรรคพลังประชารัฐ ‘พลังประชารัฐ เพิ่มพลังสตรีไทย’ เนื่องในวันสตรีสากล 8 มี.ค. ระดมความเห็นและรับฟังเสียงสะท้อนให้แก้ไขปัญหา และข้อเสนอของเครือข่ายองค์กรสตรี เพื่อลดช่องว่าง ความเหลื่อมล้ำทางสังคมให้กับกลุ่มสตรี และเยาวชน ได้รับสิทธิเท่าเทียมในทุกมิติ โดยมีนางฮูวัยดีย๊ะ พิศสุวรรณ ที่ปรึกษาด้านสิทธิสตรี และว่าที่ผู้สมัครพปชร. อาทิ น.ส.ชญาภา ปรีภาพาก นางนฤมล รัตนาภิบาล น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ และ น.ส.สุชาดา เวสารัชตระกูล รวมถึงนายศันสนะ สุริยะโยธิน นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา ร่วมระดมความคิดเห็นของที่ผู้สมัครจากการลงพื้นที่ เช่น แก้ไขปัญหาความรุนแรงทุกรูปแบบ จัดตั้งศูนย์สุขภาพจิตในชุมชนเพื่อคนทุกช่วงวัย เพิ่มโอกาสการเข้าถึงสิทธิการรักษาและป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม การจัดสวัสดิการเพื่อการดูแลคุณภาพชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยว และยกระดับศูนย์รับเลี้ยงเด็กเล็กก่อนวัยเรียนในชุมชนเป็นต้น ให้สอดรับกับบริบทการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 

‘พปชร.’ ชู ‘บ้านประชารัฐ 360 องศา’ แก้ปัญหาที่อยู่อาศัย ยัน ทำได้จริง ลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิต ปชช.

(9 มี.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีการจัดงานเสวนา ‘พลังกรุงเทพฯ พลังกทม.’ เพื่อหารือและรับฟังข้อเสนอ จากการลงพื้นที่ของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เพื่อขยายผลนำไปสู่การผลักดันนโยบาย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน หัวข้อ ‘นำไปสู่สิ่งที่พบเห็น เมื่อลงพื้นที่’ โดยสะท้อนปัญหาเกี่ยวกับปัจจัย 4 ที่เป็นพื้นฐานของคน กทม. โดยเฉพาะการพัฒนาที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน โดยมีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ทำหน้าที่ประธาน การเสวนา และบรรดาว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. เข้าร่วม อาทิ  น.ส.ชญาภา ปรีภาพากย์, นายภูวกร ปรางภรพิทักษ์, นายระพีพัฒน์ สุมธโชติเมธา, นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ, ตัวแทนชุมชน, เครือข่ายประชาชน, นักวิชาการ เข้าร่วมในการเสวนา

จากนั้น นางนฤมล แถลงหลังเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นฯ ว่า พรรคจะมีการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในลักษณะนี้ ทุกวันพฤหัสบดี เพื่อรับฟังความเห็นจากว่าที่ผู้สมัคร ส่วนการหารือถึงหัวข้อ ‘บ้านประชารัฐ 360 องศา’ เพราะบ้านเป็น 1 ในปัจจัย 4 ที่จะสร้างความมั่นคงให้ชาว กทม.ที่ยังมีปัญหาในเรื่องที่อยู่อาศัย สอดรับกับนโยบาย ‘มีเรา มีที่ทำกิน มีที่ดินไม่มีจน’ และจะมีเรื่องสิ่งแวดล้อมในชุมชน ทั้งการศึกษา สุขภาพ เราเข้าใจปัญหาในแต่ละพื้นที่แต่ละเขต เข้าถึงข้อมูลที่เราศึกษามาแล้ว และทำได้จริง เราให้ความสำคัญในแง่การเงิน และกฎหมาย ที่ศึกษามาพร้อมแล้ว และเป็นความเห็นที่ทั้ง 33 เขต เห็นว่าควรทำในเรื่อง บ้านประชารัฐ 360 องศา

นางนฤมล กล่าวว่า เราอยากจะทำเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยจะมีโมเดลบ้านประชารัฐ ที่เราจะทำเพิ่มเติมต่อยอดออกมา และพอโมเดลออกมาเราจะเชิญไปชม เราทำแบบเข้าใจ เข้าถึงและทำได้จริง ซึ่งไม่ได้เป็นไปได้ทางการเงินและทางกฎหมายเท่านั้น แต่ผู้สมัครและผู้บริหารมาด้วยหัวใจจริง ๆ ให้เกิดจริง ๆ ทำอย่างไรให้คนกรุงมีบ้าน มีหลักค้ำประกันในชีวิต สำหรับครอบครัว และทำให้สังคม ชีวิตความเป็นอยู่ใน กทม.ดีขึ้น ตอนนี้เราเริ่มจากบ้าน เวทีครั้งต่อไปในวันที่ 16 มี.ค.นี้ จะเป็นเรื่องสังคมตามสโลแกน ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง’ ซึ่งมีคำถามกลับมาเยอะเรื่องความขัดแย้งว่าจะก้าวข้ามเรื่องไหนบ้าง โดยจะเป็นเวทีที่ผู้สมัคร ส.ส.และเครือข่ายที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันทำให้ประเทศไทย และกทม. ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความขัดแย้งหลายด้านมาตกผลึกกันว่า จะนำพา กทม.และประเทศไทยไปข้างหน้าได้อย่างไร ยืนยันว่า ผู้สมัคร ส.ส.ของเราไม่ได้มีแค่สวยหล่อ แต่ศักยภาพเต็มเปี่ยม

‘ตัวแทนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า’ ยื่นหนังสือร้องถึง พปชร. เร่งแก้กฎหมาย - ให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชน

(9 มี.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ รับเรื่องร้องเรียนจากตัวแทนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า พร้อมนายศิระ อวยศิลป์ หัวหน้าพรรคไทยเป็นหนึ่ง ยื่นหนังสือต่อ เพื่อให้ทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม

นายรัฐภูมิ ระบุว่า พรรคไทยเป็นหนึ่ง ได้ส่งเรื่องให้กับพรรคพลังประชารัฐ ช่วยผลักดันการจำหน่าย และใช้บุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมาย เพราะมีประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก เมื่อใช้แล้วก็ถูกจับ อีกทั้งข้อกฎหมายบางข้อไม่เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน

นายศิระ กล่าวว่า เรากำหนดนโยบายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกต้องตามกฏหมายตั้งแต่เริ่มตั้งพรรค และนโยบายของเราได้รับสนับสนุนจากกลุ่มผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า เห็นว่านายชัยวุฒิ จะเร่งดำเนินการในเรื่องนี้ ตนมีนโยบายคล้ายกัน จึงอยากจะร่วมผลักดันให้เรื่องนี้ถูกต้องตามกฏหมาย หากบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย จะมีการตรวจสอบคุณภาพสินค้า ทำให้ไม่เกิดผลเสียหรือผลกระทบ พรรคพลังประชารัฐและพรรคไทยเป็นหนึ่ง มีจุดยืนร่วมกัน เป็นโอกาสดีที่จะให้ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ามาพบกันแล้วคุยกับข้อเรียกร้องต่าง ๆ

‘พปชร.’ รับเรื่อง ‘ไข่ มาลีฮวนน่า’ ชงตั้งสภาศิลปะ-วัฒนธรรม หนุน กม.ดูแลสวัสดิการศิลปิน ชู ซอฟต์พาวเวอร์ เสริม ศก.

(10 มี.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร กทม. ประกอบด้วย ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรมสรเดช, นายนิธิ บุญยรัตกลิน, นายกานต์ กิตติอำพน, น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง, น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ และ น.ส.ชญาภา ปรีภาพาก รับหนังสือจาก กลุ่มสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย นำโดย  นายคฑาวุธ ทองไทย หรือ ‘อ.ไข่ มาลีฮวนน่า’ และสมาชิกเข้ายื่นหนังสือ เพื่อให้พรรคพลังประชารัฐ ผลักดันการจัดตั้งสภาศิลปะ ศิลปิน และวัฒนธรรมแห่งชาติ เป็นนโยบายของพรรค เพื่อทำหน้าที่ดูแลด้านสวัสดิการให้กับกลุ่มศิลปิน และยังเป็นการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของไทย เพื่อให้เกิดการแข่งขันในเวทีโลก ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดรับกับนโยบายของพรรคในการส่งเสริมอาชีพศิลปิน และนักสร้างสรรค์ ให้สามารถพัฒนาศักยภาพของคนไทยในทักษะทางศิลปะ การออกแบบ ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ทั้งระบบ เป็นการสร้างเม็ดเงินอีกสาขาอาชีพหนึ่งของไทย

นายคฑาวุธ กล่าวว่า ทั้งนี้ทางสมาพันธ์ฯ มีเป้าหมายให้ภาคการเมืองเข้ามามีส่วนร่วมในการยกระดับ อุตสาหกรรมทางด้านศิลปะและวัฒนธรรม เพราะจะมีส่วนสำคัญในการหล่อหลอม สร้างเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ให้ได้อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข และสามารถนำคุณค่าทางศิลปะ และวัฒนธรรมมาเป็นพลังในการพัฒนานโยบายและพลังแนวรุกในการขับเคลื่อนมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม และการแก้ไขปัญหาทางสังคม

‘วิรัช’ แจ้ง พปชร. เลื่อนปราศรัยเชียงราย 12 มี.ค.นี้ เลี่ยงพายุฤดูร้อนถล่ม ขอ ปชช.เฝ้าระวังความปลอดภัย

(10 มี.ค. 66) นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า จากการที่พรรคได้กำหนดแผนการเปิดเวทีปราศรัยที่จังหวัดเชียงราย ของพรรคพลังประชารัฐ ที่นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐในวันที่ 12 มี.ค.นี้นั้น ล่าสุด จากการติดตามสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ในขณะนี้ การปราศรัยดังกล่าวจำเป็นต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา จะมีพายุฤดูร้อนบริเวณภาคเหนือของประเทศไทย กินพื้นที่ตั้งแต่ จังหวัดเชียงราย, ลำปาง, พะเยา, น่าน, แพร่, อุตรดิตถ์ และเพชรบูรณ์

ซึ่งส่งผลให้การทำกิจกรรมปราศรัย ไม่สามารถดำเนินการได้ ในช่วงระหว่างวันที่ 12 - 14 มีนาคม 2566 ทำให้ทางพรรคต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในการเดินทางของพี่น้องประชาชน เป็นไปด้วยความเหมาะสม

รักทั้งคู่ ‘นิโรธ’ เลือกแล้ว!! ยื่นลาออก ‘พปชร.’ หันหา ‘บิ๊กตู่’ ชี้!! ‘พปชร.’ มีคนเก่งอยู่เยอะ ขอช่วย ‘รทสช.’

‘นิโรธ’ เลือกแล้ว! ยื่นใบลาออก ทิ้งพปชร. ช่วย ‘บิ๊กตู่’ ที่รทสช. ยัน ยังรักทั้งคู่

(11 มี.ค.66) นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ตัดสินใจที่จะย้ายพรรค ไปทำงานและช่วยงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เพื่อช่วยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค รทสช. และว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค และจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค รทสช. ในพื้นที่จ.นครสวรรค์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยพื้นที่ดังกล่าวพรรค รทสช.ต้องการกำลังเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งเพื่อให้ได้ สส.มากที่สุด โดยได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พปชร. ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา และเตรียมเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรค รทสช.ต่อไป
 

ความเห็นส่วนตัว ‘จาตุรนต์’ แจงปม ‘ไม่จับมือพลังประชารัฐ’ รับ!! เป็นความเห็นส่วนตัวที่ตรงตามแนวทางพรรค

สืบเนื่องกรณีนายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับการปราศรัยที่บางระกำ พิษณุโลกเมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา โดยในตอนท้ายระบุว่า ตนพูดยืนยันคำประกาศของนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ซึ่งระบุว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐในการตั้งรัฐบาล

ล่าสุด เมื่อวันนี้ (13 มี.ค.66) นายจาตุรนต์ทวีตข้อความว่า จากประเด็นดังกล่าว มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว ซึ่งมีส่วนจริง แต่เป็นไปตามแนวทางของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่เคยกล่าวไว้ก่อนแล้ว ความดังนี้

ประชันนโยบาย 'สนธิรัตน์' ย้ำจุดยืน 'พปชร.' ก้าวข้ามความขัดแย้ง โว!! ‘ลุงป้อม’ นั่งนายกฯ ค่าครองชีพลด ศก.ฐานรากฟื้น

(13 มี.ค.66) ที่โรงแรมพลูแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมแสดงนโยบายในงาน มติชน: เลือกตั้ง’66 บทใหม่ประเทศไทย ประชันนโยบาย ‘ย้ำจุดยืน ชูจุดขาย ประกาศจุดแข็ง’ ที่จัดขึ้นโดยบริษัทในเครือมติชน

โดย นายสนธิรัตน์ ได้กล่าวถึงจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐต่อคำถามเรื่องหากได้เป็นรัฐบาลจะแก้ไขร่างใหม่ หรือดำเนินการอย่างไรกับรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ที่เป็นข้อถกเถียงในปัจจุบัน ว่า รัฐธรรมนูญต้องแก้ไขได้ เมื่อบังคับใช้ไประยะเวลาหนึ่งแล้วจะเห็นจุดอ่อนจุดแข็ง หากเรื่องใดไม่สามารถขับเคลื่อนตามเจตนารมย์ของผู้ร่างรัฐธรรมนูญ หรือเกิดข้อถกเถียงในเรื่องมุมมองความคิดก็สามารถแก้ไขได้ และหัวใจสำคัญของการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือประโยชน์ของประชาชน

"ขอย้ำว่าจุดยืนของพรรคคือเราไม่ใช่พรรคของการสืบทอดอำนาจอย่างที่หลายคนกล่าวถึง พรรคพลังประชารัฐดำเนินการภายใต้กติกา และกฎเกณฑ์เดียวกันทุกอย่าง สิ่งที่พรรคยึดมั่นได้แสดงออกผ่านจดหมายน้อยของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ว่าเคารพในหลักการของประชาธิปไตย และเคารพเรื่องของประเทศต้องมีการเปลี่ยนผ่าน เราเชื่อมั่นว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องนำไปสู่รัฐบาลที่ดี และสร้างรัฐบาลที่ไม่ก่อเกิดความขัดแย้ง" นายสนธิรัตน์ กล่าว

นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่พรรคเป็นห่วงมากที่สุดคือไม่อยากเห็นการเลือกตั้งครั้งนี้ มีการหยิบจุดอ่อนของรัฐธรรมนูญ และพรรคการเมืองมาสร้างความแตกแยก ทำให้บรรยากาศการเลือกตั้งไปสู่ความขัดแย้ง พรรคจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง

นอกจากนี้ นายสนธิรัตน์ ยังได้ตอบคำถามในเรื่องการกระจายอำนาจ ว่าคิดอย่างไรที่ประเทศไทยมีทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัดจากการแต่งตั้ง นอกจากนี้ยังมีอบต. เทศบาล และอบจ. และจำเป็นหรือไม่ที่ต้องมีผู้ว่าฯ จากการเลือกตั้ง ว่า หนึ่งในหัวใจที่นำไปสู่ความมั่นคงของประเทศคือการกระจายอำนาจ แต่ทำได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากส่วนกลางทั้งกระทรวง ทบวง กรมมีข้อจำกัดในการบริหารจัดการ ต้องยอมรับว่าคนที่อยู่ใกล้พี่น้องประชาชน และเข้าใจปัญหาพื้นที่ได้ดีที่สุดคือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ขอเรียนว่าพรรคพลังประชารัฐเห็นด้วยกับการกระจายอำนาจ เพราะทำให้ท้องถิ่นแข็งแรงขึ้น แต่การเปลี่ยนผ่านไปสู่การกระจายอำนาจ การรวมศูนย์ต้องลดบทบาทลง พร้อมกับเพิ่มศักยภาพให้ท้องถิ่น ทั้งในด้านงบประมาณ กฎหมายและอัตรากำลัง ขณะที่การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น เป็นโมเดลสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศ บางจังหวัดที่มีสภาพเศรษฐกิจที่โต และมีรูปแบบพร้อมต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ได้ ก็เช่น จ.ภูเก็ต ซึ่งจะทำให้พี่น้องประชาชนได้มีบทบาทในการดูแลจังหวัดของเขามากยิ่งขึ้น

จากนั้น นายสนธิรัตน์ ได้ร่วมดีเบตกับพรรคประชาธิปัตย์ ในหัวข้อนโยบายเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และซอฟต์พาวเวอร์ ว่า ประเทศไทยมีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก นักท่องเที่ยวมาไทย เพราะเรามีทุนทางวัฒนธรรม และนิสัยใจคอของคนไทย ซึ่งทุนทางวัฒนธรรม สามารถทำให้กลายเป็นเครื่องจักรเศรษฐกิจที่สำคัญได้ โดยการขับเคลื่อนมีหลายมิติ 5 ด้าน ได้แก่ 1.อาหาร ต้องมีการผลักดันอาหารไทย 2.เฟสติวัล เรามีเสน่ห์ และความหลากหลายทางวัฒนธรรม 3.แฟชั่น ประเทศไทยต้องเป็นศูนย์กลางแฟชั่น 4.ฟิล์ม และ 5.มวยไทย

โดยการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ 1.นโยบายต้องชัดเจน ไม่เป็นนโยบายที่เป็นวาทกรรม 2.งบประมาณ ต้องมีเพียงพอในการขับเคลื่อน และ 3.กลไกรัฐ องค์กรที่เกี่ยวข้อง กระทรวงต่างๆ ที่ต้องบูรณาการ และปรับแผนงาน สามสิ่งนี้คือหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย

ทั้งนี้ ในช่วงสุดท้ายเป็นการเปิดโอกาสให้แสดงวิสัยทัศน์ นายสนธิรัตน์ กล่าวในตอนหนึ่งว่า หากเลือกพรรคพลังประชารัฐ ได้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ และจะมีหลายสิ่งเกิดขึ้นในประเทศไทย ได้แก่…

1.ไม่มีความขัดแย้ง นี่คือจุดยืนสำคัญของพรรค จะสร้างสมดุลทางการเมือง ไม่เข้าสู่กลไกความขัดแย้ง เพราะ พล.อ.ประวิตร เปิดใจแล้วว่าอยากนำพาคนไทย และการเมืองไทยก้าวข้ามความขัดแย้ง 

2.ค่าครองชีพลดทันที จะปฏิรูปราคาน้ำมัน สร้างรายได้ให้ประชาชน โดยโซล่าเซลล์ และ Net metering 

3.ปรับโครงสร้างราคาแก๊ส โดยดูโครงสร้างแก๊สในอ่าวไทย 

4.ประชาชนจะมีรายได้เพิ่มจากบัตรสวัสดิการ 700 บาท และต่อยอดสิ่งเหล่านี้ด้วยกลไกสร้างอาชีพ ให้โอกาส และเพิ่มทักษะ 

5.คนไทยทุกช่วงวัยได้รับการดูแล เบี้ยยังชีพ 3,000 - 5,000 บาท ตามช่วงอายุ 60 - 80 ปี 

6.เศรษฐกิจฐานรากต้องฟื้น จะนำพาทุกคนสร้างงาน เราประกาศนโยบายมีที่ทำกิน ไม่มีแล้ง รวมถึงโรงไฟฟ้าชุมชนกระจายสู่ฐานราก

ขวัญใจวัยรุ่น ‘ลุงป้อม’ สลัดลุค ‘นายพล’ เข้าถึง ปชช. ทุกช่วงวัย สร้างเรตติ้งแซง แคนดิเดตนายกฯ ของหลายพรรค

‘ลุงป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หลังจากปรับเปลี่ยนลุคใหม่เป็นสวมแจ็คเก็ตทันสมัยใส่กางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบ สลัดลุคนายพล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินตลาดคลุกคลีกับประชาชนเป็นการส่วนตัว ล่าสุดลงพื้นที่ ตลาดหัวหินทักทายพ่อค้าแม่ค้าประชาชนสอบถามความเป็นอยู่เศรษฐกิจการค้าขายว่าเป็นอย่างไร บ้างภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย พ่อค้าแม่ค้าอุ่นใจ ‘ลุงป้อม’ รับปากจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ดีขึ้นให้นักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวเมืองไทยให้มากขึ้น

ตลอดระยะการเดินตลาดหัวหิน พ่อค้าแม่ค้าประชาชน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้ามาขอถ่ายรูปเซลฟี่ จำนวนมาก และที่น่าสนใจเป็นพิเศษมีแต่กลุ่มเด็กวัยรุ่นที่เค้ามาขอถ่ายรูป ลงพื้นที่ที่ไหน เป็นการส่วนตัวหรือเป็นทางการระยะนี้ ‘ลุงป้อม’ กลายเป็นขวัญใจวัยรุ่นตั้งแต่ปรับเปลี่ยนลุคการแต่งตัวทันสมัย ขณะเดินตลาดหัวหิน ทีมงานเล่าให้ฟังว่า ชาวต่างชาติที่เดินผ่านไปมา ยังนึกว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ของเมืองไทยเพราะมีแต่คนมาขอถ่ายรูป ขณะเดินที่ตลาดหัวหินช่วงลุงป้อมเดินทักทายพ่อค้าแม่ค้า มี ดาราและกองถ่ายภาพยนตร์ มาถ่ายทำภาพยนตร์ก็ยังไม่มีประชาชนมาขอถ่ายรูปเท่า ‘ลุงป้อม’

‘สามมิตร’ จ่อเกลี้ยง!! สรวุฒิ ทิ้ง ‘พปชร.’ ซบ ‘พท.’ เผย เตรียมร่วมเปิดตัว-ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ 17 มี.ค.นี้

(14 มี.ค. 66) นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และหัวหน้าภาคตะวันออก เปิดเผยว่า ได้ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้ว เพื่อจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) โดยยังไม่ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่ถ้ามีโอกาสก็จะเข้าไปกราบลา และต้องขอขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่สนับสนุนและให้โอกาสในการทำงาน รวมถึงนายวิรัช รัตนเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ไม่ได้เข้าไปกราบลา แต่จิตใจยังผูกพัน และระลึกถึงสิ่งดี ๆ

ส่วนในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ตนลาออกเพียงคนเดียว ไม่ได้ชักชวนใครไปด้วย ส่วนตำแหน่งหัวหน้าภาคตะวันออก น่าจะมอบหมายให้คนที่ยังอยู่ คือ ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี อย่างไรก็ตาม นายสรวุฒิ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงการลาออกในครั้งนี้ด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top