Friday, 3 May 2024
พลังประชารัฐ

'พปชร.' ฟุ้ง!! คนแห่ร่วมงานระดมทุนพรรคล้น เหตุกระแส 'พรรค' ดี ชี้!! มีแต่คนคุณภาพไหลร่วม

(30 ม.ค. 66) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการจัดงานระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะจัดขึ้นที่ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ในวันที่ 30 ม.ค. 2566 ว่า เรื่องการระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐได้ดําเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งพรรคพลังประชารัฐได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่าง ๆ ที่มีผู้แสดงความจํานง ซื้อโต๊ะร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ประมาณ 170 โต๊ะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  

นายสันติ กล่าวต่อว่า อีกนัยยะหนึ่ง การสนับสนุนในครั้งนี้ หมายความว่า อย่างน้อยที่สุดก็จะมีพี่น้องประชาชน และนักลงทุนหลายส่วนให้การสนับสนุนถึง 1,700 คนขึ้นไป ก็ต้องถือว่าพรรคเป็นที่ชื่นชม และเป็นความมั่นใจของนักเศรษฐกิจ นักลงทุน นักวิชาการ ตลอดจนพี่น้องประชาชน ที่พร้อมให้การสนับสนุนในการทำงานของพรรค

'บิ๊กน้อย' ยก 'บิ๊กป้อม' เหมาะนั่งนายกฯ คนที่ 30 เป็นคนเสียสละ ตั้งใจให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้

(30 ม.ค. 66) ที่ทําการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตหัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์ถึงการกลับเข้ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า สำหรับตน ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ทำงานในหน้าที่ให้ดีที่สุด ตรงไหนที่เป็นส่วนรวมที่เราทำประโยชน์ให้กับประเทศและประชาชนได้ก็จะทํา ไม่สำคัญว่าอยู่ที่ไหนตนจะต้องอยู่ที่ไหน หรือตำแหน่งอะไร อยู่ที่การกระทำของเรา วันนี้มาเพื่อช่วยทำงานให้บ้านเมืองและประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า กลับมาแล้วจะสามารถทำงานร่วมกันได้ ใช่หรือไม่ พล.อ.วิชญ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ไม่มีความขัดแย้ง เพราะไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร ทุกคนมีผิดพลาดได้ ไม่มีใครดี 100 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นถ้ามาขอโทษเรียบร้อยแล้วทุกอย่างก็จบ ไม่ติดใจอะไร ถ้าติดใจก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะมาแตกแยกกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะช่วยดูพื้นที่ใดบ้าง พล.อ.วิชญ์ กล่าวว่า ทุกพื้นที่ที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ลงพื้นที่

‘บิ๊กป้อม’ อ้าแขนรับ ‘2 กุมาร-บิ๊กน้อย’ กลับพรรค ชี้ ช่วยเศรษฐกิจ-การเมือง

(30 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 14.38 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางเข้าที่ทำการพรรค พปชร. ถ.รัชดาภิเษก จากนั้น พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน รวมถึงนายอุตตม สาวนายน และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่เดินทางตามหลังขบวนรถพล.อ.ประวิตร มาติดกัน มีนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค และนายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีม กทม.ได้ให้การต้อนรับ พร้อมขึ้นไปยังห้องทำงานพล.อ. ประวิตรทันที เพื่อยื่นใบสมัคร โดยพล.อ.ประวิตร ลงนามใบสมัครด้วยตัวเอง ก่อนที่จะสวมเสื้อพรรคให้นายอุตตม และนายสนธิรัตน์ ก่อนที่ทั้งหมดจะลงมาแถลงข่าวร่วมกัน

ต่อมาเวลา 15.10 น. พล.อ.ประวิตร พร้อมนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ร่วมกันแถลงเปิดตัว พล.อ.วิชญ์ นายอุตตม และนายสนธิรัตน์ 

โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นที่น่าดีใจที่เราได้ต้อนรับทั้ง 3 คน คนแรก พล.อ.วิชญ์ คนที่สอง คือ นายอุตตม และคนที่สามคือ นายสนธิรัตน์ ถือเป็นเกียรติกับ พปชร.เป็นอย่างยิ่ง ตนพูดไม่เก่ง แต่ฟังเก่ง แล้วฟังรู้เรื่องด้วย อยากจะฝากบอกกับทุกคนว่าพรรคของเราเป็นพรรคที่เรารวมกัน ก้าวข้ามความขัดแย้งทั้งหมด ฉะนั้น ทั้งสามคนจะมาช่วย พปชร.ในการดำเนินการกิจกรรมการเมืองและเศรษฐกิจ เพื่อที่จะให้พรรคมีความเข้มแข็ง เราต้องขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจกันทั้งสามคน เราได้สองหัวหน้าพรรค กับหนึ่งเลขาธิการพรรคนับว่าเป็นเกียรติกับ พปชร.เป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้นายอุตตมจะมาช่วยดูแลเรื่องเศรษฐกิจ นายสนธิรัตน์จะช่วยดูเศรษฐกิจและการเมืองด้วย ส่วนพล.อ.วิชญ์ ช่วยทั้งพรรค

ผู้สื่อข่าวถามว่า การกลับมาของทั้งสามคน จะทำให้ได้เป็นนายกฯ คนที่ 30 หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องประชาชนเลือก คุณถามอย่างนี้ผิดนะ จะให้ตนเป็นนายกฯ คนที่ 30ได้อย่างไร ประชาชนต้องเป็นคนเลือก ถ้าไม่ได้เลือกจะเป็นได้อย่างไร 

เมื่อถามว่า ตอนนี้แคนดิเดตนายกฯ ในพรรค มีแค่คนเดียว ไม่มีคนอื่นแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถ้าตอบว่าตนไม่รู้ จะหาว่าตนไม่รู้อีก 

เมื่อถามย้ำว่า แล้วที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ระบุจะเข้ามาและเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า ใครบอก ถ้านายมิ่งขวัญบอกเองก็ต้องไปถามนายมิ่งขวัญ แต่ยืนยันว่านายมิ่งขวัญยังอยู่กับพรรค และช่วยด้านเศรษฐกิจ เพราะในพรรคมีงานให้ทำเยอะแยะ ไม่ต้องห่วง 

เมื่อถามอีกว่า แล้วจะให้ใครเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นทั้งหมดเลยครับ ไม่เป็นไร หัวหน้ามีได้หลายคน

เมื่อถามว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย จะตามมาร่วมงานหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ต้องถามนายสมคิด จะถามตนได้อย่างไร เพราะไม่ได้คุยกันเลย 

เมื่อถามว่า จะป้องกันปัญหาเรื่องความขัดแย้งอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ที่นายอุตตม และนายสนธิรัตน์ออกไปจากพรรค เพราะมีเรื่องความขัดแย้ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีความขัดแย้ง ออกไปก็ไม่ได้ขัดแย้ง 

ด้านนายอุตตม กล่าวเปิดใจถึงสาเหตุที่กลับมา พปชร. ว่า เรื่องสำคัญสุดคือ การสร้างปรองดอง ต้องขอบคุณหัวหน้าพรรคที่ได้เชิญชวนพวกตนมาทำงานร่วมกันในเวลาที่ประเทศชาติต้องการเดินหน้า พล.อ.ประวิตรแสดงอุดมการณ์มุ่งมั่นชัดเจนที่จะรวบรวมผู้คนจากหลาย ๆ ฝ่ายมาทำงานด้วยกัน อีกเหตุผลหนึ่งคือ พวกตนเคยเป็นสมาชิกในบ้าน สมาชิกเก่าในบ้านหลังนี้ มีส่วนร่วมริเริ่มสร้าง พปชร.มา มีส่วนในการคิดและผลักดันนโยบายส่วนหนึ่งขึ้น เช่น บัตรประชารัฐ ที่พวกเราช่วยกันทำมา หัวหน้าพรรค พปชร.ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะนำพรรคขับเคลื่อนนโยบายสำคัญเหล่านี้ เรายินดีที่จะทำงานร่วมกับทุกคนที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน ก้าวข้ามขัดแย้งได้แล้ว

‘นิพิฏฐ์’ โว พปชร. มีทีมเศรษฐกิจที่ดีที่สุด พร้อมแก้ปัญหาปากท้อง รอ ปชช.เลือกเข้าทำงาน

(31 ม.ค. 66) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ ทีมเศรษฐกิจที่ดีที่สุด มีรายละเอียดดังนี้

ตอนอยู่ ‘พรรคสร้างอนาคตตไทย’ ผมเคยพูดว่า พรรคสร้างอนาคตไทย มีทีมเศรษฐกิจที่ดีที่สุด และตอนนั้นพรรคสร้างอนาคตไทย ได้เริ่มผลิตนโยบายออกมา เช่น ‘ปุ๋ยคนละครึ่ง’ และ นโยบายอื่น ๆ ที่รอการประกาศออกมา ซึ่งน่าสนใจอย่างยิ่ง

ตอนผมย้ายมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ อยากนำนโยบายบางเรื่องที่รอประกาศมาใช้ที่พรรคพลังประชารัฐ แต่หากทำอย่างนั้น เท่ากับเราเอาเปรียบพรรคสร้างอนาคตไทย ที่เขาอุตส่าห์คิดนโยบายขึ้นมา ผ่านการวิเคราะห์มาเป็นปี ๆ ผมจึงไม่เสนอนโยบายเหล่านั้นต่อพรรคพลังประชารัฐ

เมื่อ ดร.อุตตม สาวนายน และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ และทีมเศรษฐกิจของดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จากพรรคสร้างอนาคตไทยย้ายมาพรรคพลังประชารัฐ ผนวกกับคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ที่ย้ายมาก่อนแล้ว ผมจึงดีใจ และพูดได้เต็มปากว่า พรรคพลังประชารัฐ มีทีมเศรษฐกิจที่ดีที่สุดกว่าทุกพรรคแล้ว

‘บิ๊กป้อม’ ใช้ใจบันดาลแรง นำทัพ ‘พปชร.’ ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่

ถ้าใครได้ฟังสิ่งที่ออกจาก ‘ลุงป้อม’ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จากงานกิจกรรมระดมทุนพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2566 ที่ผ่านมานั้น จะเห็นภาพที่เปลี่ยนแปลงไป

อย่างแรก ก็คือ แกพูดเยอะขึ้น ไอ้ที่เห็นภาพแบบถามคำตอบคำอย่างที่คุ้นนั้น แทบจะพลิกจนคนเห็นแล้วตกใจ

ส่วนหนึ่ง ก็อาจจะเป็นเพราะการตัดสินใจ ประกาศก้าวขึ้นมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 30 ของไทย โดยมีทัพ พปชร. ที่ยังคงอยู่ให้ความเคารพ และผลักดันแบบไม่มีใครคิดแตกแถว

แถมทุกคนยังแลดูเชื่อมั่น และอยากให้พี่ใหญ่แห่ง 3ป. นี้ ขึ้นมาอยู่ในสถานภาพสมกับบารมีที่มีอย่างจริงจัง

ในวันนั้น ทุกถ้อยคำของ ‘ลุงป้อม’ บอกเล่าตามแรง ที่แกมักจะพูดว่า มีแรงกลับคืนมาได้ เพราะใช้ใจบันดาล ซึ่งเนื้อความวันนั้น จับสาระสำคัญได้เยอะกว่าที่ผ่านมา เสมือนที่ผ่านมาแกเลือกที่จะไม่พูดเลยยังไงยังงั้น

วันนั้น ลุงป้อม พูดถึง สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันวา่า สังคมไทยยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้ง พรรคพลังประชารัฐ ยังคงมุ่งมั่น ยืนหยัด ที่จะทำงานการเมืองสร้างสรรค์ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ 'การสนับสนุนระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข' ให้พี่น้องประชาชนชาวไทย มีความอยู่ดี กินดี อย่างมีความสุข ใน 3 พันธกิจหลัก...

1.) สวัสดิการประชารัฐ ขจัดความเหลื่อมล้ำ
2.) เศรษฐกิจประชารัฐ สร้างความสามารถ และโอกาสที่เท่าเทียม
3.) สังคมประชารัฐ สงบสุข เข้มแข็ง และแบ่งปัน

พิธีกรมีการถามเรื่อง ผมไม่รู้?
ลุงป้อมตอบว่า ที่ผมตอบว่า "ไม่รู้" ความจริงแล้ว ผมอาจจะรู้ก็ได้นะครับ แต่ว่าผมก็จะต้องหาผู้รู้ที่รู้มากกว่าผม มาแนะนำผม คนที่รู้เนี่ย อยู่รอบตัวผมเยอะแยะ ผมก็เอามาใส่ในตัวผมให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้

พิธีกรถามเปิดใจลุงป้อม เรื่องการใช้ใจบันดาลแรง ไม่ใช่ใช้แรงบันดาลใจ

ลุงป้อมตอบว่า พลังประชารัฐ ใจบันดาลแรง และตัวเองก็เอาใจนี่แหละครับ ในการที่จะบันดาลแรงที่ได้ร่วงโรยไป ทุกวันนี้เดินก็ไม่ค่อยไหว แต่ก็ใช้ใจบันดาลแรงนี่แหละ ในการเดิน

ตลอดงานในวันนั้น ดู ลุงป้อม จะมีความเป็นตัวเองมากที่สุด มีรอยยิ้มที่แลดูมีความสุขแบบผ่อนคลาย แถมยังมีการฉายพูดถึงสิ่งที่อยากบอกกับผู้ร่วมงานวันนั้นแบบคล่องแคล่ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการ เดินหน้าประเทศไทย ลุงป้อมพูดถึงปัญหาความยากจน พวกชาวนา ชาวไร่ พวกเกษตรกรหาชาวกินค่ำ ที่จะต้องดูแลคนพวกนี้ ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และก็จะได้ทำให้ประเทศไทยนั้น มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป

เคล็บลับให้ได้ใจคน คือ 'ความจริงใจ' ไม่ว่าใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เป็นฝูง เป็นน้อง พูดอะไรไป “ความจริงใจ ซื้อใจคน”

พูดถึงชีวิตช่วงผ่านศึกสงครามมาหลาย ๆ สงคราม เป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร ซึ่งตลอดระยะเวลานั้นก็ได้พยายามทำงานประเทศชาติ เพื่อกองทัพ และก็เพื่อประชาชน และพอมาทำงานการเมือง ก็หวังที่จะทำการเมืองเพื่อประชาชน ให้ประชาชนเราได้อยู่ดี กินดีขึ้น

'พปชร.' ปลื้ม ปชช. ขานรับนโยบาย 'ประชารัฐ 700' แถมดัน 'บิ๊กป้อม' ฟีเวอร์!! จ่อเปิดนโยบายที่เหลือต่อ

(3 ก.พ. 66) น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสตอบรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังเดินสายลงพื้นที่เปิดนโยบายเพิ่งเงิน บัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน ทำให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่แสดงความชื่นชม บางคนถามว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในเขตว่าต้องทำอย่างไรให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี ให้ได้ เพื่อจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ที่ผ่านมาพรรคพปชร.ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีผลงานเป็นรูปธรรม เรื่องสวัสดิการประชารัฐ การบริหารจัดการน้ำ จัดที่ดินทำกิน ปราบปรามการค้ามนุษย์ อุตสาหกรรมประมง และมีนโยบายที่รอเปิดตัว จึงมั่นใจว่าทุกนโยบายจะถูกใจประชาชนอย่างแน่นอน

‘สมศักดิ์’ ชวน ‘ทนายตั้ม’ ซบ พปชร. หลังลาออก ‘พท.’ เชื่อฝีมือดีช่วยชาวบ้านได้เยอะ

(9 ก.พ.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ได้เดินทางเข้าพบ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ โดยนายษิทรา ได้กล่าวว่า ตนได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว วันนี้จึงได้เดินทางมาเข้าพบเพื่อขอคำปรึกษา หารือทิศทางการเมืองว่าควรจะเป็นอย่างไรต่อไป 

โดยทางนายสมศักดิ์ ได้สอบถามนายษิทราว่า “จะออกไปไหนล่ะ งานด้านการเมือง ทนายตั้มไม่ควรหยุดเล่น เพราะเป็นคนมีความสามารถ หากทำงานในด้านนี้ก็จะช่วยเหลือประชาชนได้ ซึ่งทางพรรคพลังประชารัฐก็ยังเปิดรับคนรุ่นใหม่ที่สนใจงานการเมืองอยู่ หากทนายตั้มสนใจ คิดว่าเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดี เพราะหากทนายตั้มมีโอกาสเป็น ส.ส. น่าจะช่วยประชาชนได้เป็นจำนวนมาก”

‘บิ๊กป้อม’ คิกออฟ 2 นโยบาย ‘ที่ดินทำกิน - จัดการน้ำ’ โว!! พร้อมขจัดความจน ช่วย 20 ล้านคน มีที่ดินทำกิน

(10 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดทำนโยบายพรรคพลังประชารัฐ โดยที่ประชุมพิจารณาร่างนโยบายพรรค เรื่อง การแก้ไขปัญหาความยากจน ปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง เพื่อมอบหมายผู้รับผิดชอบ จัดทำรายละเอียดแผนดำเนินการ จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ และจัดทำข้อมูลเตรียมการปราศรัยนโยบาย

โดยมีคณะทำงานเข้าร่วม พร้อมเพรียง อาทิ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพิพัฒน วงษ์ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ นายอภิชัย เตชะอุบล กรรมการบริหารพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา นายอรรถกร ศิริลัทยากร ส.ส.ฉะเชิงเทรา 

พล.อ.ประวิตร แถลงว่า เราทำเรื่องที่ดินคทช.โดยจัดซื้อที่ดิน เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ประชาชน ต่อเนื่องกว่า 5 หมื่นไร่ เพื่อนำไปให้ประชาชนที่ยากจน สำหรับอยู่อาศัยปลูกบ้านกว่า 2 หมื่นหลัง การดูแลปัญหาเรื่องที่ดินเป็นเรื่องซับซ้อน ต้องช่วยดูแล รวมถึงกรณีที่มีการบุกรุกป่า ฉวยโอกาส นำไปเอื้อประโยชน์นายทุน ก็ต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับทุกคน จากวันนี้จะเร่งรัดให้ทีมงานที่ได้รับมอบหมายไปทำให้บรรลุเป้าหมาย และให้ผู้สมัครทุกเขตเลือกตั้งชี้แจงให้ประชาชนทราบ เพราะการสร้างการรับรู้เรื่องที่ดินค่อนข้างยาก ต้องชี้แจงให้ชัดเจนให้ทุกคน 
โดยเฉพาะคนยากจน มีสิทธิ์ในที่ดินทำกิน

‘พปชร.’ เมืองคอนส่อวุ่น ปมแย่งพื้นที่เลือกตั้ง ‘ข่มเหง-ไล่เจ้าที่เดิม’ จากเขต 1 ให้ไปลงเขต 2

มีรายงานว่า ร.ศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.เขต 1 นครศรีธรรมราช ยืนยันกับทางพรรคพลังประชารัฐไปแล้วว่า ยังประสงค์จะลงเขต 1 เหมือนเดิม แต่มีนางสุภาพ ขุนศรี ที่สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐอีกคนประสงค์จะลงเขต 1 เช่นกัน เนื่องจากทำพื้นที่เขต 1 มาตลอด และในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา นางสุภาพลงสมัครในนามพรรคภูมิใจไทย แข่งกับ รศ.ดร.รงค์มาแล้ว และแพ้ให้กับ รศ.ดร.รงค์

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เดินทางไปทำกิจกรรมทางการเมืองในจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ไม่ได้เชิญ ไม่ได้แจ้ง รศ.ดร.รงค์ ในฐานะ ส.ส.ในพื้นที่ให้เข้าร่วมด้วย แต่ที่น่าสนใจบนเวทีมีการกล่าวพาดพิงและวิจารณ์ รศ.ดร.รงค์อย่างรุนแรงต่อหน้า ดร.นฤมลที่นั่งอยู่ในฐานะประธานและยังมีการพูดทำนองว่า รศ.ดร.รงค์ควรจะไปลงเขต 2 เพราะบ้านอยู่ในพื้นที่เขต 2

ช่วงเช้าของวันนี้ (วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ) มีรายงานข่าวว่า นางสุภาพ ขุนศรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เขต 2 นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยสุนทร รักษ์รงค์ ว่าที่ผู้สมัครอีกคนของพรรคพลังประชารัฐในจังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางไปยื่นรายชื่อสนับสนุนให้ใช้รูปแบบที่ 3 ในการแบ่งเขตเลือกตั้ง

ความทราบถึงนักข่าวแล้วว่า รศ.ดร.รงค์ มีปัญหาพื้นที่เลือกตั้งทับซ้อนกับนางสุภาพ ขุนศรี เมื่อสุภาพเจอกับนักข่าวคำถามเรื่องความขัดแย้งพื้นที่เลือกตั้ง จึงถูกยิงเข้าใส่สุภาพทันที

ชัดเจนครับ สุภาพยืนยันว่า ตนไม่ขอลงเขต 2 เนื่องจากไม่เคยเดินมาก่อน และเขตที่ตนเดินและคุ้นชินคือ พื้นที่ เขต 1 ที่เป็นของ รศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ ซึ่งเป็นคู่แข่งของตนสมัยที่แล้ว

ตนตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิก พปชร. และ ประสงค์ลงสมัคร สส.ในนาม พปชร.แต่ยังไม่ชัดเจนในเขตเลือกตั้ง ถ้าจะให้ดี ควรให้ รศ.ดร.รงค์ ไปลงเขตอื่นแทน เพื่อที่ตนจะลงเขต 1 แต่หาก รศ.ดร.รงค์ ยังลงเขตเดิมตนก็จะไม่ลงสมัคร ส.ส.อย่างแน่นอน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top