Thursday, 2 May 2024
พลังประชารัฐ

'วิรัช' ซัด ไอ้โม่งปลอมหนังสือ สั่งปลดป้ายผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิ ยืนยันส่งคนเดิมลง เชื่อ ไม่ใช่ฝีมือคนในพรรคแน่นอน

(14 ก.พ. 66) ที่วัดมังกรกมาลาวาส (เล่งเน่ยยี่) นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการเผยแพร่หนังสือลงนามโดย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พปชร.ให้ปลดป้ายหาเสียง 2 ผู้สมัคร จังหวัดชัยภูมิ ออก ว่า...

"วันนี้ได้ให้ผู้ที่มีผลกระทบไปดำเนินคดีแจ้งความกับกรณีที่มีหนังสือปลอมออกมา จนทำให้ผู้สมัคร ส.ส.ได้รับความเสียหายที่ไปให้เขาปลดป้ายลง และเราเชื่อว่าหนังสือฉบับนี้ พล.อ.วิชญ์ ไม่ได้เซ็น ซึ่งมีการตรวจสอบหมดแล้ว ในความเป็นจริงไม่มีหรอกหนังสือแบบนี้ หนังสือที่ออกจากพรรคในระบบแบบนี้ไม่มี อีกทั้ง ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคไม่มีอำนาจเซ็นหนังสืออยู่แล้ว หนังสือฉบับนี้ออกมาโดยที่พรรคไม่รู้เรื่อง

ทั้งนี้ สำหรับผู้สมัครเป็นไปตามเดิม นาทีนี้จะไปเปลี่ยนเขาได้อย่างไร เขามีความผิดตรงไหน และเขายังเป็นประธานจังหวัด รวมถึงประธานสาขาด้วย อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร.ยังไม่ทราบเรื่องนี้ ยังไม่ได้คุย แต่เชื่อว่าจะไม่กลายเป็นความขัดแย้งในพรรค

'บิ๊กป้อม' ขึ้นรถแห่ท่องเขตป้อมปราบฯ แจกความรักคนกรุงฯ พร้อมฝากฝังผู้สมัคร พปชร. ให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหารอบด้าน

บิ๊กป้อม นำทีมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์วัดเล่งเน่ยยี่ เอาฤกษ์เอาชัย ก่อนขึ้นรถแห่เขตป้อมปราบฯ แจกความรักคนกรุง อ้อนฝากผู้สมัคร ส.ส.กทม. พลังประชารัฐ

(14 ก.พ. 66) ที่วัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ใช้ฤกษ์วันวาเลนไทน์ นำผู้บริหารพรรค อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน และนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ที่รับผิดชอบพื้นที่กทม. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ลงพื้นที่หาเสียงในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เป็นแห่งแรก โดยนำคณะ สักการะสิ่งศักดิ์ภายในวัดมังกรกมลาวาส เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย

อดีต ส.ส.11 สมัย ซบ ‘รทสช.’ ปักธง 4 เขต ฟาก ‘เพื่อไทย-พปชร.’ เตรียมพร้อมท้าชน

‘เลย’ แข่งเดือด!! อดีต ส.ส. 11 สมัยโผซบ ‘รทสช.’ ลั่นปักธงแน่ ฟาก ‘พท.-พปชร.’ พร้อมท้าชน

(21 ก.พ.66) นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส.เลย 11สมัย อดีต รมช.มหาดไทย และอดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ตนได้ตั้งพรรคเพื่อประชาชนขึ้น แต่ปัจจุบันโครงสร้างของรัฐธรรมนูญเปลี่ยนแปลงไป หันมาใช้สูตรหาร 100 ตนมองว่าพรรคเล็กเดินต่อไม่ได้ จึงหันเข้ามาสมัครเข้าสังกัดพรรคพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และจะเป็นแกนนำพรรคปักธงส่งผู้สมัคร ส.ส. ครบทั้ง 4 เขตของ จ.เลย โดยได้ฟอร์มทีมครบแล้วทุกเขต พร้อมมั่นใจว่า จ.เลย มี ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ตนจะลงเขตเลือกตั้งที่ 1 เพื่อจะกลับมาทวงพื้นที่คืน ส่วนพื้นที่เลือกตั้งเขต 2 ได้แก่ ดร.เปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข อดีตวุฒิสมาชิกเลย และอดีต ส.ส.เลย 3 สมัย ขณะที่เขตเลือกตั้งที่ 3 ได้ นายอุดร แสวงผล อดีต พัฒนาการอำเภอ อดีต ผอ.ส่วนสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค5 ซึ่งเป็นหลานเจ้าพ่อกวนด่านซ้ายคนปัจจุบันมาร่วมทัพ ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 4 เป็น น.ส.นภาพร ยาบุษดี

สำหรับการหาเสียงตนจะเน้นนโยบายพรรคเปลี่ยน สปก.4-01 เป็นโฉนด 3 ล้านครอบครัว 30 ล้านไร่ เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม รวมทั้งการแก้ไขปัญหาพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมไม่มีเอกสารสิทธิ์ จะเร่งรัดออกเป็นโฉนดชุมชน จำนวน19 ล้านไร่ทั่วประเทศ และยกฐานะทุกหมู่บ้านเป็นนิติบุคคล จัดสรรงบประมาณให้ทุกปีตามขนาดของหมู่บ้านเล็ก 500,000 บาท หมู่บ้านขนาดกลาง 700,000 บาท และหมู่บ้านขนาดใหญ่ 1ล้านบาททั่วประเทศ

'พปชร.' เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. อีสาน-เหนือ-กลาง-ใต้ เสริมฐาน 4 ภาค หวังเชื่อมพรรคกับประชาชน

(22 ก.พ. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค, นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค แถลงเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรค พปชร ภาคอีสาน, ภาคเหนือ, ภาคกลาง และภาคใต้ 10 จังหวัด 15 คน

ภาคอีสาน
จังหวัดอุบลราชธานี ได้แก่ 1.) นายเข็มทอง แก้วเนตร เขต 5 2.) นายนิวัฒน์ จำปาทอง เขต 9 3.) นายศุภโชค ฐานเจริญ เขต 10 4.) นายยิ่ง ภูผา เขต 11
จังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ 5.) นายมานพ แสงดำ เขต 2 
จังหวัดหนองบัวลำภู ได้แก่ 6.) นางศรัณยา สุวรรณพรหม เขต 1

ภาคเหนือ
จังหวัดเชียงราย ได้แก่ 7.) นายพิษณุ เขื่อนเพชร เขต 1 8.) นายวัชรพงศ์ ปิโย เขต 2
จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ 9.) นายบดินทร์ กินาวงศ์ เขต 8
จังหวัดนครสวรรค์ ได้แก่ 10.) นายสุชาติ ไตรแสงรุจิระ เขต 1
จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แก่ 11.) นายวรโชติ สุคนธ์ขจร เขต 4

'มิ่งขวัญ' ผุดไอเดีย 'น้ำมันปชช.' หวังปรับลดราคาน้ำมัน แบ่งเบาภาระคนไทย ลั่น!! ทําทันทีเมื่อได้เป็นรัฐบาล

(22 ก.พ. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรรค ในฐานะคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรค พปชร. แถลงผลประชุมคณะกรรมการฯ ถึงแนวคิดเรื่อง ลดราคาพลังงาน ว่า ที่ประชุมเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ได้มอบให้ตนมาพูดเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนในเบื้องต้นก่อน เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว พล.อ.ประวิตร จะแถลงให้ทราบต่อไป

ก่อนหน้านี้ ตนได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประวิตร ให้ไปศึกษาในเรื่องราคาพลังงาน ว่าจะสามารถปรับลดลงเพื่อช่วยประชาชนได้ในทางใดบ้าง เพราะราคาน้ำมันเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลัก ที่จะสามารถแก้ปัญหาเรื่องปากท้องให้กับคนไทยได้ โดยจะใช้ชื่อนโยบาย ว่า 'น้ำมันประชาชน'

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า เรามีแนวคิดที่จะมีการเปลี่ยนแปลงด้วยการรื้อโครงสร้างราคาน้ำมัน โดยจะปรับลด 1 ปี นับตั้งแต่เราเป็นรัฐบาล และเมื่อเป็นรัฐบาลแล้วช่วง 3-4 เดือนแรก จะมีคณะกรรมการขึ้นมาปรับโครงสร้างใหญ่ คือ ภาค 2 ที่จะดำเนินการ ซึ่งการปรับลดสามารถทำได้ เมื่อเราเป็นรัฐบาล เพื่อลดรายจ่าย ค่าเดินทาง การขนส่งสินค้า ที่สำคัญที่สุดคือ ลดต้นทุนการผลิตสินค้าทุกขั้นตอน ลดอัตราเงินเฟ้อ และจะทำให้ราคาสินค้า อุปโภคบริโภคของประชาชนถูกลง หากโครงสร้างถูกปรับเปลี่ยน จะสามารถลดราคาน้ำมันเบนซิน ลงได้ประมาณลิตรละ 18 บาท และลดราคาน้ำมันดีเซล ลงประมาณลิตรละ 6 บาท

'บิ๊กป้อม' เปิดใจ เหตุผล ที่ยังไม่หยุดเล่นการเมือง และทำไมต้อง ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง’

(27 ก.พ. 66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เผยแพร่ผ่านเพจ ‘พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ เรื่อง ทำไมต้อง ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง’ เนื้อหาระบุ เพราะแม้จะมีเหตุผลมากมายที่หลายคนเห็นว่าผมควรจะหยุด และกลับไปใช้ชีวิตสบาย ๆ ซี่งจะทำให้ผมมีความสุขมากกว่า เนื่องจากชีวิตไม่ได้รู้สึกขาดแคลนอะไรแล้ว

และนั่นทำให้ผมคิดแล้ว คิดอีกอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ในที่สุดแล้ว ผมตัดสินใจที่จะทำงานต่อ แน่นอนว่าเหตุผลหนึ่งคือ ผมผูกพันกับคนที่ร่วมสร้าง ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ขึ้นมาจนประสบความสำเร็จ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศมาเกือบครบ 4 ปีเต็ม ๆ

ทุกคนล้วนมีความหวัง ความฝันที่จะทำงานการเมืองต่อไป ทุกคนต่างร่วมทำงานหนักกันมา เมื่อถึงวันที่จะต้องลงเลือกตั้งกันใหม่ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าครั้งนี้จะเป็นการแข่งขันที่เข้มข้น การต่อสู้รุนแรงมาก ใครไม่พร้อมก็ยากที่จะเดินต่อไปได้ ผมจะคิดแค่เอาตัวรอด ทิ้งเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ร่วมสร้าง ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ที่ยังมีความฝันอยู่เต็มเปี่ยมได้อย่างไร

นั่นเป็นเหตุผลแรก

แต่ลึกไปในใจ ในความรู้สึกนึกคิด ผมมีเหตุผลส่วนตัวที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง เป็นเหตุผลที่เกิดจากการทบทวนครั้งแล้ว ครั้งเล่า ถึงทางออกของชาติบ้านเมือง ว่าควรจะทำอย่างไรกันดี เป็นการทบทวนที่มองผ่านเข้าไปในประสบการณ์ชีวิตของผมทั้งหมด แล้วหาข้อสรุปว่าเกิดอะไรกับประเทศ

ผมจะค่อย ๆ เล่าให้ฟังว่า อะไรที่ผมพบเจอ รับรู้ และเกิดความคิดอย่างไรในแต่ละช่วงชีวิต จนสุดท้ายตัดสินใจทำงานการเมืองต่อ ด้วยความคิดว่าตัวเองจะทำประโยชน์ด้วยการคลี่คลายปัญหาให้ประเทศเดินหน้าไปสู่ความสดใส ผมจะเริ่มจากการเล่าให้เห็นประสบการณ์รับราชการทหารตั้งแต่ ‘นายทหารผู้น้อย’ ค่อย ๆ เติบโตมาถึง ‘ผู้บัญชาการกองทัพ’ ได้รับการหล่อหลอมให้ ‘จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์’ มาทั้งชีวิต

จนผลึกความคิด ความเชื่อ ความศรัทธา เป็น ‘จิตวิญญาณที่เปี่ยมด้วยความจงรักภักดีของผม’ อย่างมั่นคง ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ในห้วงเวลาเกือบทั้งชีวิตในราชการทหาร ด้วยจิตสำนึกดังกล่าว ผมได้รับรู้ความห่วงใยของคนในวงการต่าง ๆ ที่มีต่อความเป็นไปทางการเมืองของประเทศ อาจจะเป็นเพราะผมเป็น ‘ผู้บังคับบัญชากองทัพ’ เสียงความห่วงใยส่วนใหญ่จึงมีเป้าหมายไปที่ ‘นักการเมือง’

คนกลุ่มหนึ่ง ซี่งมีบทบาทสูงต่อความเป็นไปของประเทศ หรือจะเรียกให้เข้าใจง่ายว่า ‘กลุ่มอิลิท’ ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลต่อการกำหนดความเป็นไปของประเทศ มอง ‘ความเป็นมาและพฤติกรรมของนักการเมือง ด้วยความไม่เชื่อถือ’ และความไม่เชื่อมั่นลามไปสู่ความข้องใจใน ‘ประชาธิปไตย’ และ ‘ความรู้ความสามารถของประชาชน ในการเลือกนักการเมืองเข้ามาครอบครองอำนาจบริหารประเทศ’ ความไม่เชื่อมั่นต่อนักการเมือง และการเลือกของประชาชนนั้น ทำให้ผู้มีบทบาทกำหนดความเป็นไปของประเทศเหล่านี้ เห็นดีเห็นงามกับการ ‘หยุดประชาธิปไตย’ เพื่อ ‘ปฏิรูป’ หรือ ‘ปฏิวัติ’ กันใหม่ หวังแก้ไขให้ดีขึ้น

คนในกลุ่มนี้ล้วนแล้วแต่หวังดี อยากเห็นประเทศพัฒนาไปสู่ความรุ่งเรือง เป็นผู้มีประสบการณ์ที่พิสูจน์แล้วว่ามีความรู้ความสามารถ หากสามารถชักชวนเข้ามาทำงานให้กับประเทศได้จะเป็นประโยชน์  แต่เป็นที่น่าเสียดายยิ่งว่า คนที่ประสบความสำเร็จในการใช้ความรู้ ความสามารถเหล่านี้ ไม่มีโอกาสเข้ามาช่วยประเทศชาติในช่วงที่ ‘ระบบการเมือง’ จัดสรรผู้เข้ามามีอำนาจบริหารตามโควต้าจำนวน ส.ส. ที่ประชาชนเลือกเข้ามา โอกาสที่จะเข้ามาช่วยประเทศชาติ มีเพียงช่วงที่ ‘รัฐบาลมาจากอำนาจพิเศษ’ หรือการปฏิวัติ รัฐประหารเท่านั้น การรับราชการทหารมาเกือบทั้งชีวิต ทำให้ผมรู้จัก เข้าใจ และแทบจะมีความคิดในทางเดียวกับคนที่หวังดีต่อประเทศชาติเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นความคิดในช่วงแรก แม้จะครอบคลุมเวลาส่วนใหญ่ของชีวิต แต่หลังจากเข้ามาทำงานร่วมกับนักการเมือง และตั้งพรรคการเมือง ทั้งในช่วงเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และเป็น ‘ผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ’ จนมาเป็น ‘หัวหน้าพรรค’ ผมได้รับประสบการณ์อีกด้าน อันทำให้เข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องนำพาประเทศไปด้วย ‘ระบอบประชาธิปไตย’

เพราะในความเป็นจริงทางการเมือง ไม่ว่านักการเมืองส่วนใหญ่จะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ที่สุดแล้วอำนาจการบริหารประเทศต้องกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งผู้ที่อำนาจตัดสินว่าจะให้ใครเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ก็คือ ‘ประชาชน’ มีความจริงอย่างหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ นั่นคือ แม้ในการเลือกตั้งทุกครั้ง ‘ผู้ยึดครองอำนาจด้วยวิธีพิเศษ’ จะตั้ง ‘พรรคการเมือง’ ขึ้นมาสู้ ซึ่งแม้จะหาทางได้เปรียบในกลไกการเลือกตั้ง แต่ผลที่ออกมา ‘ฝ่ายอำนาจนิยม’ จะพ่ายแพ้ต่อ ‘ฝ่ายประชาธิปไตยเสรีนิยม’ ทุกคราว

ความรู้ ความสามารถของ ‘กลุ่มอิลิท’ ทำให้ประชาชนศรัทธาได้ไม่เท่ากับนักการเมือง ที่คลุกคลีกับชาวบ้านจนได้รับความรัก ความเชื่อถือมากกว่า นี่คือต้นตอของปัญหาที่สร้างความขัดแย้ง ขยายเป็นความแตกแยก ระหว่าง ‘ฝ่ายอำนาจนิยม’ กับ ‘ฝ่ายเสรีนิยม’ ที่หาจุดลงตัวร่วมกันไม่ได้ เพราะพยายามหาทางให้ฝ่ายตัวเอง ‘ชนะอย่างเด็ดขาด-ทำลายอีกฝ่ายให้สิ้นสูญ’ กลายเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ กระทบต่อความเชื่อมั่นของต่างชาติ

เพจ 'ข่าวประจวบ' ยก 'คิงก่อนบ่าย' ได้ใจคนถิ่น ปลดล็อกประเพณีวัวลาน พา พปชร. เก็บแต้มล่วงหน้า

(27 ก.พ. 66) เพจ 'ข่าวประจวบ' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...ณ but now คิง ก่อนบ่าย ว่าที่ผู้สมัคร พปชร. ฟาดคะแนนจากสาวก ‘วัวลาน’ เขต 1 เต็มคาราเบล จบปัญหาขอใบอนุญาตเจอส่วย

แม้จะมีชาวเน็ตบางส่วน แซะว่า มาปลดล็อกช่วงจะเลือกตั้ง แต่ชาวเน็ตส่วนใหญ่มองว่า ยังดีกว่าไม่ทำอะไรแบบที่ผ่านมา

‘สันติ’ ปัดตอบ บัตรคนจนพลัสทำได้จริงหรือไม่ แต่มั่นทุกนโยบาย พปชร.ทำได้จริง 100%

(28 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงนโยบายบัตรสวัสดิการพลัส ของพรรครวมไทยสร้างชาติ จะสามารถทำได้หรือไม่ ว่า ยังไม่ได้คำนวน แต่สามารถไปคำนวนดูเอาได้ว่า 14.5 ล้านคน และรวมกับ 5 ล้านกว่าคน ที่อุทธรณ์แล้วน่าจะผ่านเกณฑ์สักครึ่ง รวมแล้วน่าจะอยู่ที่ 16-17 ล้านคน ลองคูณดูปีหนึ่งเป็นเงินแสน ๆ ล้านบาท จะทำอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรค พปชร.เพิ่มเงินสวัสดิการแห่งรัฐเป็น 700 บาท สามารถทำได้หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า เราคำนวณไว้แล้วว่าเป็นไปได้ แต่ต้องในกรณีที่พรรค พปชร.ได้จัดตั้งรัฐบาล และพล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ เราจะทำทันที

เมื่อถามว่าขณะนี้ มีนโยบายหลายพรรค ที่ออกมาเกทับกัน นายสันติ กล่าวว่า ไม่เป็นไร อยู่ที่ประชาชนจะให้ความเชื่อถือกับนโยบายของพรรคไหน ใครคิดอะไรก็คิด คิดแล้วต้องมีความสามารถหาเงินมาด้วย อยู่ที่ความสามารถและเทคนิกของแต่ละพรรคการเมือง

เพื่อให้ประเทศเดินหน้า!! ‘บิ๊กป้อม’ เผย!! แม้มี ‘สำนึกอนุรักษ์นิยม’  แต่เข้าใจใน ‘ประชาธิปไตยเสรีนิยม’ 

(1 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก ‘พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้โพสต์จดหมายเปิดใจฉบับที่ 4 ซึ่งเป็นฉบับที่มีเนื้อหาต่อจากจดหมายเปิดใจ ‘ทำไมต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง’ ที่ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาที่เล่าถึงสภาพแวดล้อมในวัยเด็กของ พล.อ.ประวิตร และประวัติการรับราชการทหาร ตั้งแต่สำเร็จการศึกษาโรงเรียนนายร้อยโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) จนเติบโตจากกองทัพภาคที่ 1 ในสังกัดกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) หรือคนส่วนใหญ่รู้จักในนาม ‘ทหารเสือราชินี’

พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ชีวิตถูกหล่อหลอมขึ้นมาด้วยความเป็น ‘ทหารอาชีพ’ จาก ‘ทหารชั้นผู้น้อย’ ค่อยๆ เติบโตมาจนเป็น ‘ผู้บัญชาการกองทัพ’ และด้วยการปลูกฝังจากสังคมแวดล้อม ระบบการศึกษา และหน้าที่การงาน ทำให้ตนมีความจงรักภักดีที่มีต่อ ‘ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์’ เป็นสภาวะที่ฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณ

พล.อ.ประวิตร ระบุต่อว่า บ้านของตนเป็นแหล่งรวมการใช้ชีวิตของพี่น้องเพื่อนฝูงมาตั้งแต่สมัยยังเรียนหนังสือ จนกระทั่งทำงานรับใช้ราชการ เป็นที่พบปะ หารือ ช่วยเหลือเกื้อกูล มีอะไรก็แบ่งกันกิน แบ่งกันใช้ ปรึกษาแลกเปลี่ยนความคิดกัน ชีวิตที่ดำเนินไปเช่นนี้ทำให้รับรู้ว่า ผู้มีความรู้ความสามารถเหล่านี้ มีไม่น้อยเลยที่มีเจตนาดี และมีจิตใจที่พร้อมจะเสียสละมาทำงานเพื่อประเทศชาติ หากรัฐสภาและรัฐบาลได้คนมีความรู้ความสามารถเหล่านี้เข้ามาร่วมงาน จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการนำพาประเทศพัฒนาสู่ความเจริญรุ่งเรือง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับความเป็นไปของประเทศคือ โอกาสที่คนเหล่านี้จะได้เข้ามาร่วมทำงานให้กับประเทศนั้นมีน้อยมาก หรือแทบไม่มีหนทางเลย ระบอบประชาธิปไตยของประเทศเรา กลายเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ปิดกั้นพวกเขา 

การแข่งขันทางการเมืองที่มุ่งเอาชนะคะคานสูงยิ่ง ทำให้ทุกคนที่คิดจะเข้ามาเสี่ยงกับการเป็นเป้าถูกโจมตี ทำลายล้าง ความคิดที่จะเสียสละมาทำงานเพื่อชาติกลายเป็นเปิดทางให้ตัวเองถูกทำลาย และแม้จะมีบางคนที่กล้าพอจะเข้ามา ทว่าวัฒนธรรมการเลือกตั้ง ไม่เอื้อให้คนมีความสามารถเหล่านี้ได้รับชัยชนะ เนื่องจากไม่มีความสามารถในการหาคะแนนเท่ากับ ‘ผู้มีอาชีพนักการเมือง’ ที่มีความเชี่ยวชาญในการหาวิธีได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งมากกว่า คนมีความรู้ ความสามารถ และมีเจตนาดีต่อการพัฒนาประเทศเหล่านี้ แทบไม่เหลือโอกาสที่จะเข้ามาทำงานให้ประเทศในระบบที่อำนาจต้องผ่านการเลือกตั้ง ตามที่ฝ่าย ‘ประชาธิปไตยเสรีนิยม’ มุ่งมั่น กำหนด

เปิดตัวล็อตใหญ่!! ‘บิ๊กป้อม’ ปลื้ม พปชร. เปิดหน้าผู้สมัครชุดใหญ่ เสริมแกร่งให้พรรค ลั่น!! จัดตั้งรัฐบาลชัวร์

(1 มี.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค แถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ในจำนวนนี้ มีทั้ง ส.ส.เก่า และว่าที่ผู้สมัครส.ส. ประมาณ 50 คน บรรยากาศคึกคัก มี ส.ส. อดีต ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เดินทางมาจำนวนมาก

สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่เปิดตัวครั้งนี้ ประกอบด้วย

ภาคกลาง
- กรุงเทพมหานคร ได้แก่ นายศิริพงศ์ รัศมี ส.ส.กทม. เขต 17
- จังหวัดสมุทรปราการ ได้แก่ นายจาตุรนต์ นกขมิ้น, นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ, นายอัครวัฒน์ อัศวเหม ส.ส.สมุทรปราการ, นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ, น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ, นายแสน บานแย้ม ที่ปรึกษา รมช.เกษตรและสหกรณ์, นายยงยุทธ สุวรรณบุตร ส.ส.สมุทรปราการ, นายต่อศักดิ์ อัศวเหม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายวรพร อัศวเหม
- จังหวัดราชบุรี ได้แก่ นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี เขต 2, นายชัยทิพย์ กมลพันธุ์ทิพย์ ส.ส.ราชบุรี, นายจตุพร กมลพันธุ์ทิพย์
- จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้แก่ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 4
- จังหวัดชัยนาท ได้แก่ นายธนบดี คุ้มชนะ อดีตนายก อบจ.ชัยนาท
- จังหวัดสมุทรสาคร ได้แก่ น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สมุทรสาคร เขต 3
- จังหวัดสระบุรี น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี เขต 1
- จังหวัดสิงห์บุรี นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.สิงห์บุรี เขต 1
- จังหวัดสุพรรณบุรี นายยุทธนา โพธสุธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 สุพรรณบุรี 

ภาคอีสาน
- จังหวัดชัยภูมิ ได้แก่ นายสุขสันต์ ชื่นจิตร เขต 5 และนายอัครแสนคีรี โล่วีระ เขต 7
- จังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ นายสิตกวิน เตียวเจริญโสภา เขต 5 และนายเสรษฐิพณ แท่นดี เขต 6
- จังหวัดขอนแก่น ได้แก่ นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น เขต 7, นายบัลลังก์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น, นายพิพัฒน์พงศ์ พรหมนอก เขต 8
- จังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.นครราชสีมา เขต 1, นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา เขต 4, นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา เขต 6, นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา เขต 7, นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.นครราชสีมา เขต 8 และนายณัฐพล ชวนกระโทก

ภาคใต้
- จังหวัดตรัง ได้แก่ นายนิพนธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง เขต 1
- จังหวัดกระบี่ ได้แก่ นายอนันต์ เขียวสด
- จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แก่ นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1, นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 2, นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3
- จังหวัดนราธิวาส ได้แก่ นายสมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส เขต 2
- จังหวัดภูเก็ต ได้แก่ นายสุทา ประทีป ณ ถลาง ส.ส.ภูเก็ต เขต 1, นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.ภูเก็ต เขต 2
- จังหวัดปัตตานี ได้แก่ นายอันวาร์ สาละ อดีต ส.ส.ปัตตานี
- จังหวัดยะลา ได้แก่ นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ส.ส.ยะลา เขต 1

ภาคเหนือ
- จังหวัดกำแพงเพชร ได้แก่ นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร เขต 1, นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร เขต 2, นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร เขต 3, นายปริญญา ฤกษ์หร่าย เขต 4
- จังหวัดพิจิตร ได้แก่ นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร เขต 1, นางณริยา บุญเสรฐ เขต 2, นายเอกวิชญ์ เรืองมาลัย 
- จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แก่ น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ ส.ส.เพชรบูรณ์ เขต 1, นายจักรัตน์ พั้วช่วย ส.ส.เพชรบูรณ์ เขต 2, นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ส.ส.เพชรบูรณ์ เขต 3, นายเอี่ยม ทองใจสด ส.ส.เพชรบูรณ์ เขต 5
- จังหวัดพะเยา ได้แก่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เขต 1 และนายจิรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา เขต 3
- จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้แก่ นายปัญญา จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน เขต 1

อีอีซี
- จังหวัดสระแก้ว ได้แก่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว เขต 2 และนายสุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ ส.ส.สระแก้ว เขต 3 
- จังหวัดชลบุรี ได้แก่ นายสรัลชา ศรีชลวัฒนา, ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี, นายประมวล เอมเปีย, นายโอฬาร์ ปัญญปิติพัฒน, นายบรรจบ รุ่งโรจน์, นายนิพนธ์ แจ่มจรัส, นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ ส.ส.ชลบุรี, นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี และ น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ อดีต ส.ส.ชลบุรี

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอบคุณ ส.ส.เก่าที่ยังอยู่พรรคนี้ และขอบคุณผู้สมัคร ส.ส.ที่ย้ายมาจากพรรคอื่น ขอบคุณผู้สมัคร ส.ส.ใหม่ทุกคน ที่จะมาทำชื่อเสียงให้กับพรรคต่อไป ขอบคุณทุกคน รู้สึกตื่นตันใจ โดยเฉพาะ ส.ส.เก่าที่ยังอยู่กับตน ไม่ไปไหน ขอบคุณมาก วันนี้เราถือว่าเป็นโอกาสดีวันหนึ่งในการเปิดตัวผู้สมัคร ทั้ง ส.ส.เก่าที่ไม่ไปย้ายพรรคอื่น แม้เราจะโดดดูดไปเยอะ แต่ไม่เป็นไร

“พรรคผม ถือเป็นพรรคที่โดนดูดส.ส.มากที่สุด แสดงว่าพรรคเราเข้มแข็ง พรรคอื่นถึงดึงไป ขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่พรรคนี้ ขอบคุณคนที่ย้ายเข้ามาในพรรคใหม่ ที่มาจากพรรคอื่นมาอยู่ในพลังประชารัฐ ซึ่งยินดีต้อนรับทุกคน โดยเฉพาะผู้สมัคร ส.ส.ใหม่ ที่จะมาเป็นกำลังให้กับพรรค เราหวังว่าจะได้ ส.ส.มาก คราวที่แล้วเราได้อันดับสอง คราวนี้ผมอยากได้อันดับหนึ่ง” พล.อ.ประวิตร กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top